“เรย์กะน่ะไร้เดียงสา แต่ในขณะเดียวกันก็บ้าบอ ต่อหน้าเธอยัยเด็กบ๊องนั่นคงถูกประเมินออกมาได้อย่างง่ายดายตั้งแต่การทักทาย...ไม่สิ เผลอๆ คงตั้งแต่สบตาด้วยซ้ำ”
ยัยเด็กนั่นบ้าบอกว่าที่คิด มีเรื่องให้เป็นห่วงมากกว่าที่คิด ไม่ใช่คุณหนูที่จะมานิยามด้วยคำว่าไร้เดียงสาหรอกน่า
“ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าสิ่งที่ทำทั้งหมดล้วนเป็นผลดีต่อเรย์กะ ครอบครัวที่ดี ชีวิตที่มั่นคง และคนที่รักเธอ”
ผมเอื้อมมือไปเชยคางของเธอขึ้น
“แต่ก็ขอย้ำอีกครั้งว่านั่นก็เป็นแค่อัตตาของเธอ”
จากนั้นก็สะบัดดาบปลิดชีพ
“มันเป็นเพียงแค่สิ่งที่มีผลดีต่อเรย์กะ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ทำเพื่อเรย์กะ”
ริมฝีปากนั้นเผยอน้อยๆ ราวกับพยายามจะพูดอะไร แต่แล้วก็หุบลงโดยไม่มีเสียงก่อนจะกลายเป็นการเม้มปาก
“ครอบครัวที่ดี? ชีวิตที่มั่นคง? คนที่รักเธอ?...แล้วไง คิดว่าของพรรค์นั้นผมคนนี้ คิโชวอิน ทาคาเทรุคนนี้ไม่มีปัญญาหาให้งั้นเหรอ”
คมดาบถูกตวัดซ้ำ ไม่มีคำว่าปราณี
“เธอคือน้องสาวของผม น้องสาวคนสำคัญ”
เพราะมียัยเด็กบ๊องคนนั้น ครอบครัวเราจึงยังเป็นครอบครัวแบบนี้...เพราะงั้น
“เพราะงั้นถ้าคิดว่าการเจรจาโน้มน้าวแบบเด็กอมมือนี่ผมจะปล่อยผ่านไปได้ง่ายๆ ล่ะก็...”
...กับคนที่คิดจะใช้ประโยชน์จากยัยเด็กบ๊องนั่น ไม่ว่าใครหน้าใหนผมก็ไม่อภัย
“ไปตายแล้วเกิดมาอีกล้านรอบเถอะยัยหนู”
ผมถอนมือออกจากคางของเธอ ก่อนจะหยิบบลัดดีแมรี่ขึ้นจิบ
อำพันสีแดงในแก้วนั้นสะท้อนให้เห็นใบหน้าของตัวเอง
.............................ตอนท่านพ่อโดนเรียกว่าไอ้ไฮยีน่าเนี่ย...ท่านพ่อยิ้มแบบนี้รึเปล่านะ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------