เกิดความเงียบขึ้นฉับพลันระหว่างการสนทนา จานบล็อคโคลี่ดิปถูกวางใว้กึ่งกลางเราทั้งคู่ เสียงวางจานดังก้องสะท้อนไปในความสงัดนั้น
แก้วถูกยกขึ้นจิบ พอหันไปมองก็พบว่าดวงตาที่เคยเหม่อลอยนั้นจับจ้องมาอย่างงุนงง
หึ...น่าขำสิ้นดี
“เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันเถอะยุยโกะ บอกมาสิว่าเธอต้องการอะไร?”
ไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้หน้าตาของตัวเองเป็นแบบใหน แต่บรรยากาศที่เคยเงียบในตอนนี้มีเสียงเพลงบรรเลงออกมา เมื่อกวาดตาดูก็พบว่าบาร์เทนเดอร์กำลังจัดแผ่นเสียงอยู่...นัมเบอร์ 3 อีแฟลทงั้นเรอะ ถึงจะไม่ชอบอีรอยกาเพราะการสลับโทนสูงต่ำแต่ก็เข้าใจเลือกไม่เลว คงต้องทิปหนักหน่อยล่ะ
“กรุณาเป็นผู้เฝ้าดู...ได้หรือเปล่าคะ”
“เรื่องอะไรล่ะ?”
“ความสัมพันธ์ของชู...เอ่อคุณเอ็นโจและคุณน้องสาวน่ะค่ะ”
“ทำไมล่ะ?”
“เพราะการที่จะผูกสัมพันธ์กับกลุ่มเอ็นโจ สำหรับกลุ่มคิโชวอินแล้วน่าจะเป็นผลดีไม่ใช่หรือคะ อีกอย่างตัวดิฉันเองก็อยู่กับชูมานาน การที่คู่หมั้นอย่างฉันสนับสนุนไม่เพียงแต่จะไม่ขัดแย้งกับกลุ่มอุริวแล้ว...”
“ฟังนะสาวน้อย”
น่าหัวเราะ...น่าหัวเราะจริงๆ ผมในตอนนี้รู้สึกเริงร่าอย่างไม่เคยเป็นมานาน
“ที่อยากฟังน่ะ...ไม่ใช่เหตุผลไร้สาระที่รังสรรค์ปั้นแต่งขึ้นมาบังหน้าแบบนั้น”
เอื้อมมือไปหยิบคอสต้าแล้วจิ้มบร็อคโคลี่ดิปก่อนจะยื่นมันไปยังคู่สนทนา
“แต่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงกล้าแนะนำหมอนั่น คุณชายเอ็นโจผู้แสนจะอ่อนหัดคนนั้นว่าเหมาะสมกับน้องสาวสุดที่รักของท่านทาคาเทรุต่างหาก”
ใบหน้าที่เคยฉาบด้วยรอยยิ้มนั้นไม่มีอีกแล้ว ดวงตาที่เหม่อลอยมองตรงมาทางนี้
รู้สึกว่ามุมปากตัวเองกระตุก ดูท่าตัวเองคงจะกำลังยิ้มอยู่
“เอ้า...ทานซะ เห็นแก่ความจองหองของเธอเวลาทานคือรางวัล...ระหว่างนั้นก็ลองตรองดูสิว่าจะพูดยังไงต่อดี”
เด็กสาวตรงหน้าเขม่นจ้องก่อนจะหลับตาอ้าปาก และโน้มตัวลงมาทานไซด์ดิชที่อยู่ในมือ
อา...ฮะฮะฮะ เอ้า จะมาไม้ใหนต่อล่ะอุริวยุยโกะ
แก้วสปลิทซ์ถูกยกขึ้นดื่มจนหมด บาร์เทนเดอร์เข้าประจำเคาเตอร์รอคำสั่งราวกับควัน
หึหึหึหึหึหึหึหึหึหึ
ไม่คิดจะรังแกเด็กหรอกนะ แต่ถ้าเกี่ยวกับยัยน้องสาวก็อีกเรื่อง อย่าคิดว่าโลกนี้จะเป็นไปตามต้องการทุกเรื่องน่ายัยเด็กกะโปโลเอ๊ย
“บลัดดีแมรี่”
ห้วนสั้นกระชับพร้อมการค้อมหัวรับของบาร์เทนเดอร์ ดูท่าคู่สนทนาตรงหน้าจะทานเสร็จแล้วด้วยนี่นะ
“การแต่งงานที่ไม่มีความรักมันคือการทารุณค่ะ”
“แล้ว?”
“ชู...คุณเอ็นโจน่ะ...”
“จะเรียกอะไรก็ตามใจเถอะ ป่านนี้แล้วจะใช้รูปสุภาพให้ได้อะไรขึ้นมา ต่างคนต่างก็ลอกหนังออกแล้วนี่”
เด็กสาวตรงหน้ามองมาราวกับมองดูอะไรสักอย่างที่ไม่เคยพบเจอ
เธอมันยังอ่อนด้อยนัก ยัยหนู
“ชูสนใจคุณเรย์กะค่ะ แน่นอนว่าตอนนี้มันอาจจะยังไม่ใช่ความรู้สึกรักชอบเต็มที่ แต่การที่ได้อยู่กับผู้เป็นที่รักก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนี่คะ”
เธอพูดออกมาหลังจากสูดหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่
“แล้วความรู้สึกของเรย์กะล่ะ”
“แน่นอนว่าความรู้สึกเป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นดิฉันจึงอยากร้องขอให้คุณทาคาเทรุเป็นผู้เฝ้าดูค่ะ หากชูไม่สามารถเอาชนะใจคุณเรย์กะได้แล้วก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนตัว”
“เธอบอกว่าเคยคุยกับเรย์กะสินะ ขอฟังความคิดเห็นหน่อยสิ”
“รอยยิ้มของเธอไร้เดียงสาแววตาซื่อตรง เป็นสิ่งที่หาได้ยาก เป็นสิ่งที่ดิฉันไม่มีค่ะ”
“ยอมรับว่าตัวเองเสแสร้งงั้นสิ”
“ไม่สามารถโต้แย้งได้ค่ะ ต่อหน้าคุณทาคาเทรุตอนนี้แค่จะโกรธคงยังไม่มีสิทธิ”
อย่างน้อยก็ไม่ใช่เด็กกะโปโลดาดๆ ล่ะนะ
“แล้วฐานะของเธอล่ะ”
“ตัวดิฉันเป็นได้แค่เครื่องมือค่ะ เครื่องมือสำหรับไต่เต้าก้าวข้าม เครื่องมือเพื่อการกระชับความสัมพันธ์”
“ทั้งที่เป็นแบบนั้นก็ยังคิดจะผลักไสให้เรย์กะไปอยู่ในฐานะเดียวกับเธองั้นเหรอ”
"นั่นเป็นเพียงผลพลอยได้ค่ะ...แม้จะมีจุดประสงค์แอบแฝง แต่ที่ดิฉันอยากจะปกป้องรอยยิ้มนั้นเป็นเรื่องจริงค่ะ"
“ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำเพื่อคนที่ไม่รู้จักนี่”
“ส่วนหนึ่งเพื่อชู เพื่อคนที่ดิฉันอยากให้มีความสุขค่ะ”
“นั่นไม่ใช่การปกป้อง มันก็แค่อัตตาของเธอ”
“....”
ฟูเนรัลมาร์ชของบีโธเฟนแผดเสียงแหลมสูง แก้วบลัดดีแมรี่ถูกวางลง
ของเหลวภายในสะท้อนแสงสีแดงเป็นประกาย
ผมยกแก้วขึ้นจิบเล็กน้อย หรี่ตามองไปยังคู่สนทนา
“สิ่งที่เธอวาดฝัน สิ่งที่เธอคาดหวังมันก็แค่การจัดสวนกล่อง”
เด็กสาวเบื้องหน้ากัดริมฝีปากแน่น ราวกับอับจนคำพูด
“เธอเขียนทับตัวตน ทับซ้อนลงไปที่เรย์กะ ใช้ตัวตนของเอ็นโจแทนตัวเองสร้างอนาคตที่สดใสในจินตนาการ”
เด็กสาวก้มหน้า อา...ตอนนี้ใบหน้าเสแสร้งนั่นเป็นแบบไหนนะ
“เธอรู้จักเรย์กะ เธอมองเห็นตัวตนของเรย์กะ ขอยอมรับในจุดนี้...แต่เธอไม่ได้รู้จักเรย์กะ”
ใช่แล้ว ถ้าฟังจากมุมมองของเธอ ตัวตนของเรย์กะที่เธอเห็นมันก็แค่ภาพมายา