วันแล้ววันเล่าผ่านไปเช่นนั้น แล้ววันคริสต์มาสก็ใกล้เข้ามา ฉันก็พบปัญหาอีกแล้วค่ะ
คริสต์มาสมันเป็นวันของคู่รัก แต่จนเวลาล่วงเลยมาถึงป่านนี้ ฉันยังไม่เคยใช้ช่วงเวลานี้กับใครเลยไม่ใช่รึไงค้าาาา!!!
ท่านพี่ไม่อยู่ที่บริษัทตั้งแต่บ่าย ส่วนท่านไอระตอนเลิกงานก็รีบกลับเลย คงจะมีนัดเดท ลูกน้องสาวๆในแผนกก็ทยอยกันกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เหลือฉันนั่งเหี่ยวๆอยู่คนเดียวในห้องทำงาน
วันนี้วันศุกร์ด้วยนี่นะ เฮอะ คริสต์มาสอีฟที่ตรงกับวันศุกร์ง้านเหรอ ดูจะเป็นวันหยุดที่สนุกสนานจังเลยนะคะ คริสต์มาสอะไรกันว้า เจ้าพวกไม่นับถือในพระพุทธศาสนา ขอให้หิมะตกลงมาถล่มจนการจราจรเป็นอัมพาตไปเลยเถอะ
นั่งเซ็นเอกสารจนมาถึงแฟ้มสุดท้าย เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นห้องของนายตัวสำรองยังเปิดไฟอยู่ หนุ่มป็อบอย่างหมอนี่ไม่มีนัดเดทกับใครเขารึไงนะ
ฉันปิดแฟ้ม บิดขี้เกียจแล้วเดินออกจากห้องทำงาน เคาะประตูห้องนายตัวสำรองก็ได้รับคำตอบว่า “เชิญครับ” เลยเปิดเข้าไป
“ยังไม่กลับอีกเหรอคะ”
“ว่าจะกลับแล้วล่ะ แต่ขออ่านตรงนี้ให้เข้าใจก่อน”นายตัวสำรองเงยหน้าขึ้นมองแป๊บเดียวแล้วก็ก้มหน้าลงไปอ่านต่อ แต่ก็ชะงักไปนิดหน่อย ฉันไม่ปล่อยให้กริยานั้นรอดพ้น รีบซักถามทันที
“มีอะไรงั้นเหรอคะ”
“เปล่า แค่คิดว่าเธอยังไม่กลับเหรอ”
“ฉันก็ต้องเคลียร์งานเหมือนกันค่ะ”
“เหรอ” นายตัวสำรองเลิกคิ้ว “นึกว่าเธอมีนัดไปกับเอ็นโจซะอีก”
“เอ๋!!!” ฉันกระพริบตาปริบๆ “ทำไมฉันต้องไปกับท่านเอ็นโจด้วยล่ะคะ”
“อ้าว ก็พวกเธอคบกันอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ห๊ะ!!!!” ฉันอ้าปากค้างทันที พอตั้งสติได้ก็รีบพูด “เปล่านะคะ ฉันกับท่านเอ็นโจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด มิซึซากิคุงไปฟังเรื่องเหลวไหลพวกนั้นมาจากไหนน่ะ”
“เอ้า ใครๆเขาก็รู้กันทั่ว”
“ไปกันใหญ่แล้วค่ะ ไม่จริงเลยนะคะ”
หนอย ข่าวลือพวกนั้นมาจากไหนกันห๊ะ!! ฉันกับเอ็นโจไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อยนะยะ แค่เพื่อนร่วมรุ่นเท่านั้นเอง
ฉันฉุนเฉียวนักล่ะที่ได้ยินข่าวลือที่ไม่เป็นความจริงแล้วถูกเผยแพร่ไปผิดๆ แต่นายตัวสำรองพยักหน้าเนิบๆ ทำเหมือนเข้าอกเข้าใจแล้วก็ก้มลงไปอ่านเอกสารต่อ
เข้าใจอะไรของนายยะ ห๊า!!
ฉันกระแทกเท้ากลับห้องทำงานตัวเองแบบฉุนเฉียว เตรียมติดต่อหาเซริกะจังหรือคิคุโนะจังให้ช่วยแก้ข่าว แต่ยังไม่ทันจะหยิบมือถือมาพิมพ์ส่งเมล์ นายตัวสำรองก็เปิดประตูห้องทำงานฉันเข้ามาพอดี
“เออ คิโชวอิน เธอหิวรึเปล่า” นายตัวสำรองถามขึ้น “ฉันว่าจะลงไปกินอะไรที่ร้านใกล้ๆนี้ก่อนแล้วค่อยกลับมาทำงานต่อ จะไปด้วยกันมั้ย”
“ขยันเกินไปแล้วนะคะ”
“ก็คุณทาคาเทรุจ้างซะแพงนี่นะ ก็ต้องทำงานให้คุ้มกันล่ะ”
ฉันมองนาฬิกาข้อมือ นี่ก็จะหนึ่งทุ่มแล้วด้วย ที่จริงก็กะจะกลับบ้านไปทานข้าวอะนะ แต่ก็ได้เวลาอาหารแล้ว ช่วยไม่ได้แฮะ งั้นทานนอกบ้านไปก็แล้วกัน
“งั้นเอาเป็นร้านราเมงแถวๆนี้ก็ได้ค่ะ”
“ราเมงงั้นเหรอ”
“ทำไมคะ”
“เปล่า แค่คิดว่าคุณหนูแบบเธอไม่น่าจะเข้าร้านพวกนี้”
“แหม จะดูถูกกันเกินไปหน่อยแล้วนะคะ” ฉันเชิดหน้าขึ้นหน่อยๆ
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”
ฉันคว้ากระเป๋าสะพายที่เก็บเตรียมไว้ขึ้นมาถือ กะว่าทานเสร็จก็กลับบ้านเลย นายตัวสำรองไม่ได้เอากระเป๋าไปเพราะจะกลับมาทำงานต่อ
ระหว่างเดินลงไปด้านล่างฉันก็อธิบายถึงแรงค์กิ้งร้านราเมงแถวๆนี้ให้นายตัวสำรองฟัง หมอนั่นดูจะทึ่งมากที่ฉันรู้ละเอียดขนาดนี้ แล้วฉันก็อธิบายถึงซิกเนเจอร์ของแต่ละร้านว่าเป็นอย่างไรด้วย
“งั้น ฉันลองราเมงซุปเกลือบ้างดีกว่า”
“ฉันว่าซุปเต้าเจี้ยวก็อร่อยนะคะ”
“แต่โชยุก็ฟังดูไม่เลว”
“หมูชาชูของร้านที่กำลังจะไปก็อร่อยมากเลยค่ะ หอมซอสถั่วเหลืองที่ใช้หมักแล้วก็มีรสหวา….เอ๋!!.....”
คำพูดฉันชะงักไปเมื่อเห็นรถที่ดูคุ้นๆตาจอดอยู่ตรงทางออกของบริษัท เหมือนเคยเห็นที่ไหนนะ
ราวกับจะตอบคำถามฉัน เพราะประตูรถฝั่งคนขับเปิดออก ขายาวๆในกางเกงแสลคสีดำสนิทก็ก้าวออกมาจากข้างใน ก้าวเท้ามาหาฉัน แย้มรอยยิ้มที่สุดแสนจะคุ้นตาให้ แต่ฉันรู้สึกเย็นยะเยือกกับรอยยิ้มนั่นสุดๆ
“สายัณห์สวัสดิ์ครับ คุณเรย์กะ”
เอ็นโจ!!!!
--------------------------------------
นักต้มตุ๋นปะทะผู้รักษากฎหมาย ใครจะอยู่ใครจะไปเชิญต่อได้ตามสบาย