“ไม่ต้องทำมาเป็นดีใจย้อนหลังเลย! ถ้ากลับไปแบบนั้นได้ จะยังไงก็แค่ชั่วคราว มันยิ่งจะทำให้เธอเจ็บปวดกว่าเดิม ยอมรับซะทีเถอะว่าเราไม่มีทางกลับไปโลกเก่าได้อีกแล้ว...”
“ไม่จริงซะหน่อยค่ะ! ฉันเองก็เพิ่งกลับ...”
ยังพูดไม่จบดี คาบุรากิก็เข้ามากอดฉันไว้แน่น ฉันชะงักอย่างคาดไม่ถึงไปทั่วทั้งร่าง
“ปล่อยวางเถอะ... ฉันไม่อยากเห็นเธอเจ็บปวดอีกแล้ว”
ฉันนิ่งค้าง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกฝั่งนี้กันคะ?!
คาบุรากิจากคิมิดอล คลายกอดช้าๆ ก่อนจะจ้องฉันด้วยแววตาจริงจัง “อย่าทำแบบนี้อีกนะ”
ฉันแค่ก้าวพลาดเกือบตกบันได ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย... แถมเป็นเรย์กะคนละคนกับที่เขารู้จักด้วย
ฉันพยายามจะอธิบายเป็นรอบที่สามของวันว่าจริงๆฉันกลับมาโลกเก่าแล้วนะ! แต่อยู่ๆคาบุรากิก็หันหน้าหนี และเดินกึ่งวิ่งหนีไป หน้าเขาแดงนิดๆด้วย อย่าบอกนะคะว่าไข้ขึ้นจนเผลอพูดอะไรแปลกๆ
แต่จะว่าไป ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเขาชอบวาคาบะจัง ก็อดคิดไม่ได้เลยนะคะว่าเขากำลังชอบเรย์กะอยู่ ทั้งๆที่พูดอย่างไม่ได้ตั้งใจแท้ๆ แต่ดาเมจจากคำพูดพวกนั้นคงทำสาวๆที่จิตใจไม่เข้มแข็งพอเข้าใจผิดแน่ๆ
ถึงอย่างนั้นก็เห็นชัดเลยว่าความสัมพันธ์ของเรย์กะกับคาบุรากิดีขึ้นเอามากๆ แบบนี้ต่อให้พวกเขากลับไปโลกเดิม อาจไม่มีเหตุการณ์ตระกูลคิโชวอินล้มละลายแล้วก็ได้!
ไหนๆก็ไหนๆ ฉันถือโอกาสลองแกล้งเนียน ไม่บอกใครว่ากลับมาแล้ว เพื่อดูว่าแต่ละคนคิดยังไงกับเรย์กะจากคิมิดอล
วันนั้นฉันลองไปเรียนปกติ น่าแปลกที่คนในแก๊งค์ซึรุฮานะต่างดูอ่อนน้อมกับฉันขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าเรย์กะไปทำอะไรให้นะคะ จะว่าไปอย่างในโลกคิมิดอล ฉันไม่เห็นซึรุฮานะด้วยซ้ำ อย่าบอกนะว่าในโลกนั้นถูกเรย์กะสั่งสอนไปแล้ว...
แต่นอกจากแก๊งค์นั้นแล้ว เพื่อนๆแต่ละคนไม่ได้ปฏิบัติกับฉันต่างจากเดิมมาก แต่อาจยิ้มๆเหมือนรู้ทันเวลาฉันปฏิเสธอะไรบางอย่าง ทำไมกันนะคะ... แต่คิดถึงทุกๆคนจังเลย
ถึงอย่างนั้นก็มีความรู้สึกโหวงเหวงบางอย่างขึ้นในใจที่อธิบายไม่ถูก แต่พอฉันทำหน้าหดหู่ เพื่อนๆในกลุ่มก็รุมกันเข้ามาปลอบราวกับว่าฉันเป็นเด็กน้อย
อิวามุโระคุงมาหาฉันช่วงพักกลางวันอย่างตื่นเต้น พร้อมบอกว่ามาร์กหน้าครั้งที่แล้วได้ผลมากๆ เดี๋ยวนะ เรย์กะคิมิดอลคนนั้นเป็นแนะนำงั้นหรอคะ
เมื่อนึกถึงว่าเขาเป็นคนยอมรับผิดแทนเรย์กะตอนที่อีกฝ่ายไปรังแกคนอื่น ฉันก็ซาบซึ้งจนอดไม่ได้ที่จะพูดขอบคุณแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย อิวามุโระคุงชะงักไปพักหนึ่งก่อนจะถามอย่างตื่นเต้น “ท่านอาจารย์! ความทรงจำกลับมาแล้วหรอครับ!”
เอ๋?! รู้ได้ยังไงคะ
“คุณคิโชวอิน คำแนะนำครั้งที่แล้วดีมากเลยล่ะครับ! คุณฮอนดะทำคุกกี้ขอบคุณผมมาด้วย!!!”
เสียงหัวหน้าห้องพูดกระตือรือร้นรายงานมาแต่ไกล ฉันเลยทิ้งประเด็นที่สงสัยชั่วคราว ก่อนจะหันไปแสดงความยินดีกับหัวหน้าห้อง แต่ทันทีที่ฉันพูดว่า “ยินดีด้วยนะคะ” ทำเอาเขาค้างเป็นรูปปั้น เหมือนจะประมวลผลไม่ทัน
“ระ...หรือว่า ท่านอาจารย์! ท่านอาจารย์กลับมาแล้วหรอครับ!!!”
ฉันอึ้งไปอีกครั้ง ทำไมถึงรู้ได้เร็วขนาดนั้นนะคะ หรือว่ามิตรภาพสาวน้อยสามารถสื่อถึงกันได้?
พอถามๆไปเหมือนเรย์กะจะเป็นสายซึนเดเระนะคะ พูดทุกอย่างตรงข้ามกับความรู้สึกตัวเอง ทุกคนที่คุยกับฉันเลยตีความเป็นตรงข้ามแทบทั้งนั้น
มิน่าล่ะค่ะ ก่อนหน้านี้จะปฏิเสธอะไรก็ไม่มีใครเชื่อเลย... คุคิโนะจังกับเซริกะจังเลยซื้อพุดดิ้งคาราเมลที่ฉันบอกว่าไม่อยากกินตอนนี้มาให้ แถมยังยิ้มมีเล่ห์นัยตอนฉันยืนยันว่าไม่ได้ชอบเอ็นโจ...
พวกคำว่า “ขอบคุณ” หรือ “ยินดีด้วย” อะไรแบบนี้ เรย์กะจะไม่ยอมพูดออกมาเด็ดขาด บางครั้งจะขอโทษก็ก้มหัวให้ แต่ก็แก้ตัวไปเรื่อยว่าแค่อยากมองพื้น อยากขอบคุณทำขนมมาให้ ก็บอกว่าของเหลือๆเลยให้
เราสามคนเลยไปนั่งคุยว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงที่ความทรงจำหายไปบ้าง เรื่องราวที่เกิดขึ้นดูน่าเหลือเชื่อสุดๆไปเลยค่ะ ตอนนี้ฉันอยากกลับไปอ่านรายละเอียดมุมมองเรย์กะที่บ้านแล้ว
“ขอบคุณมากๆเลยนะคะที่คอยช่วยเหลือในตอนนั้น” ฉันพูดจากใจอย่างซาบซึ้งจากหัวใจ ถ้าพวกเขาไม่ได้ช่วยฉันในตอนนั้น อะไรๆอาจจะเลวร้ายกว่านี้อีกเยอะก็ได้ พวกเขาก็ตอบรับอย่างยินดี จนฉันแทบจะร้องไห้ออกมาอย่างสาวน้อยผู้อ่อนไหวบอบบาง
ดีจังที่ไม่มีใครต้องเจ็บปวดอย่างที่ฉันกลัว