Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการซื้อบ้านพร้อมที่ดินในหมู่บ้านมีรักถวายเจ้าแม่ [หลังที่ 17]

Last posted

Total of 1000 posts

841 Nameless Fanboi Posted ID:/2ema/CSm

ลงฟิคในเวลาเด็กดี
เอ็นโจเลี้ยงต้อย >>>/webnovel/4099/811-814
----------------------------

หลังจากเหตุการณ์นั้น ผมโทรไปถามรายละเอียดกับไอระ ก็ได้คำตอบว่าคนที่มาซายะต่อยไปคือเพื่อนที่พายูริเอะกับไอระไปเที่ยวบาร์เซโลนา แค่มาส่งที่บ้านแล้วก็กอดลาทั่วๆไป ยูริเอะไม่ได้คบกับผู้ชายคนนั้น

เมื่อถามถึงอาการของคนที่มาซายะต่อยไป ไอระตอบมาว่า “ยูริเอะพาเขาไปโรงพยาบาล ตรวจเช็คร่างกายว่ากระทบกระเทือนตรงไหน”

“เดี๋ยวมาเก็บเงินที่ผมก็แล้วกัน”

“ไม่เป็นไรหรอก” ไอระพูดต่อ “ดีนะที่เขาไม่เอาเรื่อง แต่ฉันกับยูริเอะก็ต้องช่วยกันขอร้องแทบแย่แน่ะ”

“ขอบคุณมากนะ”

ถ้าผู้ชายคนนั้นเอาเรื่อง แจ้งความ อาจถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล ถึงเรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้จะไม่สะเทือนตระกูลคาบุรากิ แต่ในต่างแดนเช่นนี้มันจะเป็นประวัติติดตัวมาซายะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

ไอระเล่าต่อว่าเรื่องนี้ทำให้ยูริเอะโมโหมาก จากเดิมไม่ได้ตั้งใจจะพูดตัดขาดกับมาซายะ เหตุการณ์ก็กลับบานปลายยิ่งกว่าที่คิด

“แล้วมาซายะเป็นยังไง”

“ซึมไปเลย เอาแต่นั่งเหม่อไม่พูดกับใครนอกจากผม”

มาซายะเอาแต่นั่งเงียบ มองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างแบบไร้จุดหมาย จากที่เคยนั่งตัวตรงท่าทางผึ่งผายก็กลับปล่อยตัวไหลไปตามเก้าอี้ แก้มซูบตอบเหมือนคนไม่ได้ทานข้าว แววตาก็แห้งผากไม่โฟกัสสิ่งไหน เป็นอย่างนั้นมาตลอดตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน

พ่อกับแม่ของมาซายะถามผมว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็ได้แต่ตอบไปตามตรงว่าเขาทะเลาะกับยูริเอะถึงขั้นแตกหัก คุณลุงคุณป้าก็พยักหน้าเข้าอกเข้าใจ ฝากฝังให้ผมช่วยดูแลด้วย อาการมาซายะเป็นเอามากขนาดนี้ คงกังวลว่าลูกชายคนเดียวจะคิดสั้น

ผมก็กังวลเหมือนกันนั่นล่ะ

ตอนนี้ผมทำได้แค่ตักขนมที่เขาชอบไปให้ นั่งข้างๆเป็นเพื่อน ไปรับไปส่งที่บ้านเพราะอาการยังน่าเป็นห่วง แต่ตัวติดกับมาซายะตลอดแบบนี้ผมไม่มีเวลาให้เรย์กะเลย

ผมบอกเธอแค่ว่ามาซายะทะเลาะกับยูริเอะ แต่ไม่ได้บอกว่าสองคนนั้นรุนแรงถึงขั้นแตกหักกันไปแล้ว และช่วงนี้อาจจะต้องดูแลมาซายะที่กำลังเสียใจมากหน่อย เรย์กะก็ดูเข้าอกเข้าใจ บอกให้ทำสิ่งที่ผมควรทำ ไม่ต้องห่วงเธอ

ท่าทางที่แตกต่างกันแบบนี้ทำให้อดนึกถึงคุณคิโชวอินขึ้นมาไม่ได้

ถ้าพูดเรื่องนี้กับคุณคิโชวอิน เธอคงแซวว่าผมเป็นโฮโม คู่เกย์กับมาซายะอะไรทำนองนั้นแล้ว

จะให้มาซายะมาตัวติดกับผมตลอดไปก็คงไม่ได้ ทางเดียวที่จะช่วยคือหาใครซักคนมาช่วยให้มาซายะออกมาจากโลกแห่งความทุกข์ของตัวเอง

ใครดีล่ะ จากบรรดานักเรียนทั้งหมดนี่

พวกนักเรียนดูจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับมาซายะ แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาถาม และในบรรดาสายตาของนักเรียนและแฟนคลับของมาซายะที่มองมานั้น มีสายตาเป็นห่วงของคุณทาคามิจิรวมอยู่ด้วย

อา ไม่เห็นจะต้องถามว่าใครเลยนี่นะ
.
.
.
.

เลิกเรียน ผมไปดักรอพบคุณทาคามิจิ เมื่อเห็นว่าเธอต้องหอบสมุดการบ้านตั้งใหญ่ดูท่าทางจะหนักไปทางห้องพักครูก็จงใจเดินชนให้ของร่วง

“อ้าว ขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันผิดเองที่ไม่ได้มองว่าท่านเอ็นโจเดินมา” คุณทาคามิจิก้มหัวปะหลกๆ แล้วก้มลงเก็บสมุดมาเรียงไว้เป็นตั้งๆ

“ผมช่วยนะ” เธออ้าปากค้างแล้วรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวันเมื่อผมก้มลงไปหยิบสมุดขึ้นมา “เอาน่า ช่วยกันสองคนจะได้เสร็จไวๆไง”

พอเก็บเสร็จคุณทาคามิจิก็เอากองสมุดตั้งใหญ่ขึ้นมาแบกไว้เหมือนเดิม แต่ผมฉวยไปจากมือเธอก่อน ให้ถือไว้แค่ไม่กี่เล่ม

“ท่านเอ็นโจคะ”

“วิชาฟิสิกส์สินะ” ผมมองชื่อวิชาที่เขียนไว้บนปกแล้วหันไปยิ้มให้ “ไปกันเถอะ เดี๋ยวอาจารย์จะรอนาน”

ผมก้าวเดินไปข้างหน้า ทำให้คุณทาคามิจิต้องเดินตามมาแบบเลี่ยงไม่ได้ ระหว่างทางเจอมาซายะเดินสวนมาพอดี เขาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่เห็นผมเดินมากับคุณทาคามิจิ

“ผมเดินไปชนเธอน่ะ เลยต้องไถ่โทษช่วยถือของ”

“ขออภัยค่ะที่เพื่อนคนสำคัญของท่านคาบุรากิต้องมาเดือดร้อนเพราะฉัน” เธอก้มหัว ทำตัวเล็กๆลีบๆที่เห็นมาซายะ

“เธอนี่...พูดเป็นแต่คำนี้รึไง” มาซายะส่ายหน้าแล้วก็เดินจากไป

คุณทาคามิจิชะเง้อคอมองตาม ได้โอกาสพูดเรื่องนี้แล้ว

“เป็นห่วงเหรอ”

“อ๊ะ!! เอ๊ะ!!” คุณทาคามิจิสะดุ้งโหยง ทำท่าลุกลี้ลุกลน “คะ คือว่า...”

“กำลังสงสัยล่ะสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับมาซายะ” ผมหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น “เล่าให้ฟังเอามั้ยล่ะ”

“มะ...ไม่เป็นไ….” เดินมาถึงห้องพักครูพอดี ผมเลยถือโอกาสทำหูทวนลมกับคำปฏิเสธนั้น เปิดประตูเข้าไปข้างใน วางกองการบ้านลงกับโต๊ะอาจารย์ รอให้คุณทาคามิจิออกมาแล้วเดินไปพร้อมกัน

842 Nameless Fanboi Posted ID:/2ema/CSm

“เมื่อกี้พูดถึงไหนแล้วนะ...อ๋อ ใช่ มาซายะอกหักน่ะ”

“เอ๋!!!!” เธออุทานเสียงดัง แล้วรีบเอามือตะครุบปากตัวเองไว้ มองซ้ายมองขวาเลิกลั่ก

“ตอนนี้มาซายะก็โสดแล้ว จีบได้นะ” ผมขยิบตาให้เธอ “วิธีก็ง่ายๆ เอาขนมไปล่อหน่อยก็ตกหลุมพรางแล้วล่ะ”

“ท่านเอ็นโจคะ!!” คุณทาคามิจิหน้าแดงก่ำ

“เรื่องที่เล่านี่ก็ช่วยปิดเป็นความลับด้วยนะ ไปล่ะ” ผมยิ้มแย้มโบกมือให้เธอ เดินไปที่ห้องสโมสร

มาซายะกลับไปแล้ว ผมเลยโทรเช็คกับทางบ้านของเขา แม่บ้านรายงานว่ามาซายะกลับไปถึงก็เอาแต่นั่งเล่นเปียโน ท่าทางค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ดูซังกะตายไร้ชีวิตจิตใจแบบที่ผ่านมาอีก

ผมได้แต่ยิ้มออกมาอย่างยินดี

รู้สึกการเจอหน้าคุณทาคามิจิจะเป็นยารักษาที่ได้ผลนะ
.
.
.
.

สามวันต่อมา ผมเจอคุณทาคามิจิทำลับๆล่อๆอยู่แถวๆทางที่ไปลานจอดรถ

เธอชะเง้อมองไปทางออกของอาคารเรียนอยู่เรื่อย ดูกระตือรือร้นเมื่อได้ยินเสียงคนเดินผ่านมา แล้วก็กลับไปห่อเหี่ยวเมื่อเห็นว่าไม่ใช่คนที่กำลังมองหา

“ไง คุณทาคามิจิ” ผมเข้าไปทักเธอจากด้านหลัง

“วะ ว้าย ว้าย” คุณทาคามิจิสะดุ้งโหยงจนเกือบทำของในมือร่วง ค่อยๆหันมามองผมแบบกล้าๆกลัวๆ

“อ้าว ตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ ขอโทษด้วยนะ”

“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ” เธอโบกไม้โบกมือ แต่สายตาชำเลืองมองไปด้านหลังผมราวกับจะรอให้มาซายะปรากฎตัวขึ้นมาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง

“มองหามาซายะอยู่เหรอ”

“คะ คือว่า” คุณทาคามิจิหน้าแดง “ฉันเห็นท่านคาบุรากิไม่ค่อยร่าเริงก็เลยลองอบคุกกี้มาให้ ไม่รู้จะถูกปากรึเปล่า ถ้ายังไงรบกวนท่านเอ็นโจช่วยนำไปมอบให้ได้รึเปล่าคะ”

“เอ๋ ไม่เอาด้วยหรอก ผมไม่ใช่พนักงานส่งของซักหน่อย”

เธอหน้าเสียไปเลยที่ได้ยินคำปฏิเสธ

“ถ้าอยากมอบให้ก็เอาให้กับมือเจ้าตัวตรงๆเลยสิ”

“เอ๋”

“รอเดี๋ยวนะ”

ผมโทรหามาซายะ เรียกเขาให้ออกมาจากห้องสโมสร บอกให้มาที่ลานจอดรถได้แล้ว อีกสิบนาทีต่อมาก็เห็นมาซายะเดินดุ่มๆถือกระเป๋ามา ท่าทางหงุดหงิดได้ที่

“ก็บอกแล้วไงว่าอย่ามาทำตัวเป็นผู้คุมความประพฤติฉัน”

“เปล่าซักหน่อย มีคนอยากเจอต่างหาก”

มาซายะขมวดคิ้วราวกับจะพูดว่า ‘อะไรอีกล่ะ’ แล้วก็ดูอึ้งๆไปนิดหน่อยที่เห็นคุณทาคามิจิยืนแอบอยู่ข้างๆผม

“เอาเลย คุณทาคามิจิ”

ผมดันไหล่เธอให้ไปเผชิญหน้ากับมาซายะ คุณทาคามิจิดูลุกลี้ลุกลน หันมาทำสายตาถามผมว่าจะดีเหรอ ผมเลยพยักหน้าให้

“คะ คือว่า คือ….” เธออ้าปากพะงาบๆ หน้าแดงก่ำ แต่ก็ยื่นกล่องกระดาษสีน้ำตาลด้วยท่าทางก้มหัวลงชูมือขึ้นแบบถวายบรรณาการอีกแล้ว “นี่คุกกี้ที่ฉันอบเองค่ะ ถ้าท่านคาบุรากิไม่รังเกียจ”

“คุกกี้” มาซายะเลิกคิ้วขึ้น

“ไม่รู้ว่าท่านคาบุรากิชอบทานอะไรก็เลยลองอบมาหลายๆอย่าง มีช๊อกโกแลตชิพ แมคคาเดเมีย เนยสด อัลมอนด์แล้วก็ชินนามอนค่ะ”

“ว้าว โชคดีจัง มาซายะชอบหมดเลยล่ะ”

มาซายะหันมาถลึงตาใส่ผม แล้วรับบรรณาการไปจากมือคุณทาคามิจิ เธอมีสีหน้าที่ดูโล่งใจ แต่ก็เห็นว่าแอบอมยิ้มอย่างมีความสุขอยู่

“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวก่อนนะคะ”

“อ้าว เดี๋ยวก่อน” ผมเรียกเธอที่กำลังจะเผ่นหนีไป “นี่ก็เย็นแล้ว ให้มาซายะไปส่งสิ”

“หา!!” ทั้งมาซายะและคุณทาคามิจิประสานเสียงพร้อมกัน

“ตอบแทนเรื่องคุกกี้ไง” มาซายะขมวดคิ้วใส่ ผมก็ได้แต่ยิ้มให้ “จะให้เด็กผู้หญิงกลับบ้านค่ำๆมืดๆคนเดียวมันอันตรายนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร ฉันกลับเองดีกว่า ไม่กล้ารบกวนท่านคาบุรากิหรอกค่ะ….”

มาซายะเหลือบมองคุณทาคามิจิแล้วก็เดินลิ่วๆไป แต่เห็นเธอไม่เดินตามมาก็ตะโกนเรียก “เธอน่ะ มาได้แล้ว ชักช้าโอ้เอ้อยู่นั่น”

“เอ๋”

“ไปสิ” ผมดันหลังให้เธอเดินไปหามาซายะ โบกมือให้สองคนนั้นแบบยิ้มๆ

หมุนตัวกลับหลังหันไปก็เห็นเรย์กะยืนอยู่บนบันไดขั้นบนสุด จ้องมองลงมาด้วยใบหน้าเฉยชา ท่าทางเหมือนกำลังโกรธจัด แววตาน่าสะพรึงกลัวจนอดขนลุกไม่ได้

“เรย์กะ”

“คุณชูสุเกะ….” เธอค่อยๆเดินลงบันไดมา แย้มรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่ดวงตายังคงจ้องเขม็ง “หมู่นี้ดูจะสนิทกับคุณทาคามิจิดีจังเลยนะ”

“เอ๋ เอ่อ...มันก็ไม่ใช่อย่างที่คิดนะ”

“นอกใจเหรอคะ”

“เปล่าครับ เปล่า” ผมยกมือขึ้นแบบยอมแพ้ “ไม่เคยคิดนอกใจคุณหนูคิโชวอินแม้แต่นิดเดียวเลยครับ”

“อ๋อ เหรอคะ” เธอสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น “เห็นไปแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงคนนั้นตั้งหลายทีเลยนี่”

“แค่ช่วยรุนหลังเฉยๆครับ ไม่มีเจตนาอะไรไม่ดีแม้แต่นิดเดียว”

“งั้นเหรอคะ”

“หึงเหรอ” ผมหัวเราะ เข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง เห็นท่าทางโกรธเคืองแบบนั้นก็รู้สึกดีใจขึ้นมา

“ทำอะไรคะ นี่มันที่สาธารณะนะ”

“งั้นไปที่มิดชิดกันมั้ย”

“ไม่ไปค่ะ” เรย์กะถลึงตามอง สะบัดตัวหนีออกจากอ้อมกอดของผม เดินลิ่วๆไปที่ลานจอดรถ

843 Nameless Fanboi Posted ID:/2ema/CSm

ผมวิ่งตาม รั้งข้อมือเธอไว้ ทำหน้าหงอยๆให้ดูน่าสงสาร

“มันไม่มีอะไรจริงๆนะ ผมแค่ช่วยให้มาซายะอารมณ์ดีขึ้นก็เท่านั้นเอง”

“ท่านคาบุรากิเกี่ยวอะไรด้วยล่ะคะ”

“ก็มาซายะชอบขนม แล้วคุณทาคามิจิเขาก็ทำขนมเก่ง ถ้าได้คนคุยเรื่องขนมก็อาจจะทำให้กลับมาร่าเริงได้นี่นา”

เรย์กะขมวดคิ้วใส่ผม แต่ดูท่าทางจะเป็นเหตุผลที่พอรับได้ เธอก็พยักหน้าให้

“แล้ว...จะหายโกรธได้รึยังครับ”

“ยังค่ะ” เธอหันหน้าไปทางอื่น “ต้องพาไปชอปปิ้งก่อน ไม่อย่างงั้นก็จะโกรธไปเรื่อยๆ”

ผมหัวเราะแล้วดึงเธอเข้ามากอด เรย์กะทุบผมอีกสองสามทีแล้วก็อยู่นิ่งๆแต่โดยดี

“พรุ่งนี้เลยดีมั้ย ไปเดินเล่นที่อาโอยามะกัน”

“ไม่กระชั้นชิดไปหน่อยเหรอคะ”

“ก็อยากให้เรย์กะหายโกรธไวๆนี่นา”

เธอพยักหน้าแล้วก็บอกให้ผมปล่อยมือ ท่าทางเย็นชาห่างเหินกว่าครั้งไหนๆ เดินไปขึ้นรถบ้านคิโชวอินที่มาจอดรออยู่ตรงทางออก
.
.
.
.

คืนนั้น ผมนั่งวางแผนว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ทำลิสต์ไว้หลายที่ ขีดฆ่าไปก็เยอะ จนได้ที่ที่น่าจะโอเคที่สุด พอได้เวลานอนก็เข้านอนไปด้วยความสุข วาดฝันถึงเดทพรุ่งนี้ที่กำลังจะมาถึง

ผมตื่นก่อนเวลาปกติเล็กน้อย เลือกชุดที่จะใส่ ทบทวนลิสต์ที่จะไป ซักซ้อมไว้ในใจก่อน จะได้ไม่ต้องควักโพยขึ้นมาดูให้ขายหน้า

ในโลกเดิมของผม คุณคิโชวอินเคยพูดไว้ว่าผู้ชายที่ไม่วางแผนเที่ยวมันน่าเบื่อระวังถูกเขี่ยทิ้ง ด้วยความที่กลัวว่าตัวเองจะเสียหน้า ผมเลยตอกกลับคำพูดเธอไปอย่างเจ็บแสบ หวังให้เธอเจ็บเหมือนผมบ้าง ซึ่งมันได้ผล

แต่ค่าตอบแทนของความสะใจชั่วครู่ชั่วยามนั้นแพงเหลือเกิน สิ่งที่แลกคือความไว้วางใจของคุณคิโชวอินและความเสียใจของผมเอง ผมต้องไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก

ยืนกลัดกระดุมเสื้ออยู่ดีๆ อาการปวดหัวก็เกิดขึ้นมาอีกหน ผมทรุดลงไปกับพื้น กุมหัวตัวเองไว้แน่น ปวดจนน้ำตาไหลออกมา ปวดเหมือนคนเอามีดมาทิ่มแทงในศีรษะจนต้องครางออกมา

แม่งเอ้ย มาปวดอะไรเอาตอนนี้

ผมค่อยๆรวบรวมแรงเดินไปหยิบยาจากโต๊ะหัวเตียงมาทาน เทใส่มือสี่เม็ดแล้วกรอกปาก ทิ้งตัวลงนอนกับเตียงหลับตานิ่งๆ ยาก็ไม่ออกฤทธิ์สักทีทำให้ผมต้องทนกับอาการปวดเหมือนจะขาดใจอยู่ตรงนี้

ไม่ไหว วันนี้ไปไม่ไหวแน่ๆ ต้องโทรไปยกเลิกนัดก่อน

ผมควานมือไปข้างๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ข่มความรู้สึกอยากอาเจียน ตั้งสติก่อนชั่วคราวตอนกดโทรออกหาเรย์กะ แต่สายตาผมเริ่มพร่าเลือน มองเห็นทุกอย่างเป็นภาพซ้อนด้วยความปวดจนถึงขีดจำกัดแล้ว

“คุณชูสุเกะ”

เสียงของเธอดังขึ้น แต่เหมือนมาจากที่ไกลๆ อื้ออึงอยู่ในหู แยกไม่ออกว่าอะไรเป็นเสียงที่ผมคิดไปเองหรือโทรติดแล้วกันแน่

ผมกำลังจะอ้าปากตอบ แต่รู้สึกไม่มีแรงขยับเลยสักนิด

สติค่อยๆหลุดลอยหาย แม้ความเจ็บปวดที่เหมือนมีดนับล้านกำลังทิ่มแทงลงมาในหัวก็ไม่สามารถฉุดรั้งเอาไว้ได้ แสงสว่างค่อยๆหายไปจากดวงตา

ความมืดคืบคลานเข้ามาอีกหน
.
.
.
.

ไม่รู้ว่าผมหลับไปนานเท่าไหร่ แต่ห้องทั้งห้องมืดแบบนี้คงจะค่ำแล้ว

ผมลุกขึ้นมานั่ง อาการปวดหัวหายไปแล้วทำให้พอมีแรงจะไปทำอะไรได้บ้าง อย่างแรกที่ผมคิดคือต้องโทรหาเรย์กะ

ก่อนที่ผมจะหมดสติไป ไม่รู้ว่าผมโทรติดหรือหูแว่วไปเอง

แต่ยังไงก็ต้องโทรไปง้อก่อน ผมไม่ไปตามนัดแถมติดต่อไม่ได้แบบนี้ เธอต้องโกรธมากแน่ๆ

ผมควานมือไปที่โต๊ะหัวเตียงเพื่อหาโทรศัพท์ที่อาจจะตกอยู่แถวๆนั้น แต่ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างที่เกิดกับตัวเอง

ทำไมผมถึงไม่ใส่เสื้อผ้า

จะว่าแม่บ้านมาเช็ดตัวให้แล้วถอดชุดออกก็ไม่น่าใช่ ถึงจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้จริงๆก็น่าจะใส่ชุดใหม่ให้สิ

ผมควานมือไปหาสวิตช์ไฟหัวเตียง พอได้แสงสว่างก็ยิ่งทำให้งุนงงหนักเข้าไปใหญ่

ไม่ใช่ห้องของผม แต่ก็ดูคุ้นๆอยู่ ที่ไหนกันนะ

ลองมองไปรอบๆ เสื้อผ้าที่จำได้ว่าใส่เมื่อเช้ากองอยู่บนพื้น ยิ่งไปกว่านั้นมีชุดเดรสและชุดชั้นในวางทับไว้อยู่ด้วย

ผมเพิ่งสังเกตว่าที่นอนข้างๆนั้นมีใครมานอนอยู่ ร่างนั้นนอนหันหลังให้ ผมม้วนลอนที่คุ้นเคยนั้นดูยุ่งเหยิงไปกว่าปกติ แผ่นหลังเปลือยเปล่าที่โผล่พ้นผ้าห่มมีรอยช้ำเป็นจ้ำๆ

เสียงครางน้อยๆที่ดังมาจากข้างๆตัวทำให้รู้สึกเหมือนโดนต่อยหน้า มึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก มีแต่คำถามว่านี่มันเรื่องอะไรกันอยู่ในหัวเต็มไปหมด

ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่จริง อย่าบอกนะว่า….

“อื้อ คุณชูสุเกะ ไม่เอาแล้วนะ เหนื่อยแล้ว”

เรย์กะ!!!!
.
.
.

844 Nameless Fanboi Posted ID:/2ema/CSm

.
.
.
.
.
“ไง ชูสุเกะ”

ฉันทักอย่างเคยเมื่อเปิดประตูเข้าไปข้างใน วางของลงบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆกันแล้วลากเก้าอี้ไปนั่งข้างๆ

“วันนี้ฉันกับคิโชวอินไปดูยูกิโนะวิ่งแข่งมา ได้ที่หนึ่งซะด้วย ยูกิโนะวิ่งเพื่อนายเต็มฝีเท้าเลย ฉันถ่ายวิดีโอไว้ให้ วางอยู่ตรงนี้นะ”

ฉันตบลงบนม้วนเทปที่เพิ่งวางกับโต๊ะข้างเตียงไป

“เดี๋ยวนี้ยูกิโนะสุขภาพแข็งแรงขึ้นแล้วนะ มาขอให้ฉันช่วยสอนวิธีออกกำลังกายแบบเบาๆให้ ถ้านายอยากเห็นก็อัดเทปไว้ด้วยนะ ให้คิโชวอินถ่าย แต่ฝีมือไม่ได้เรื่องเลย ภาพสั่นกับเบลอตั้งเยอะ”

ฉันหัวเราะ

“เออใช่ แล้วตอนเย็นฉันเลยพาสองคนนั้นไปเลี้ยงฉลอง ยูกิโนะเป็นคนเลือกร้านเอง แต่คิโชวอินทำหน้าแปลกๆตลอดเลย พอถามก็บอกว่าเคยมากับยูกิโนะแล้วก็นาย แอบหนีไปเที่ยวโดยไม่บอกฉันเหรอ”

ฉันกอดอก ทำท่าเคร่งขรึม เอนหลังพิงพนักเก้าอี้

“แล้วทีมฟุตบอลที่นายเชียร์ก็แพ้ทีมที่ฉันเชียร์ยับเลยนะ นายต้องเลี้ยงข้าวฉันแล้วล่ะ ร้านราเม็งแบบที่ต้องต่อคิวกินเป็นชั่วโมงก็ดีเหมือนกันนะ”

ฉันหยิบนิตยสารขึ้นมาพลิกหน้าที่คั่นไว้แล้วก็กางให้ดู

“วันนี้ฉันชวนคิโชวอินมาหานายด้วย แต่เธอไม่ยอมมาอีกแล้ว ผู้หญิงอะไรใจดำจริงๆ”

ฉันเก็บนิตยสารเข้ากระเป๋า

“แต่ไม่มาก็ดีแล้ว ฉันขี้เกียจปลอบ พอเห็นผู้หญิงร้องไห้ฉันก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ยูกิโนะพอเห็นคิโชวอินร้องไห้ก็ร้องด้วย วุ่นน่าดูเลยล่ะ ขืนยัยนั่นมาอีกก็คงเอาแต่ร้องไห้แหงๆ”

ฉันถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อยหน่ายเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น

“เธอคงกลัวนายน่ะ สภาพน่าเกลียดชะมัด มีแต่สายอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้ เสียบทั้งปากทั้งจมูกทั้งแขน ฉันเห็นฉันยังกลัวเลย”

ฉันวางมือลงบนแขนชูสุเกะ มันเล็กลีบลงไปแบบเห็นได้ชัดมาก

“กำลังฝันดีอยู่เหรอ คงเป็นฝันที่สนุกมากเลยใช่มั้ย นายถึงไม่ยอมตื่นซักที”

เสียงจากเครื่องอะไรซักอย่างที่หมอบอกว่ามันช่วยพยุงอาการของชูสุเกะไว้ดังขึ้นเป็นจังหวะเหมือนกำลังตอบคำถามฉัน

“หมอบอกว่าคนที่อาการโคม่าไม่มีความฝัน แต่นายนอนนานขนาดนี้ ต้องฝันดีอยู่แน่ๆ ตื่นมาเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ย”

ขอบตาฉันเริ่มรู้สึกร้อนผ่าว ฉันใช้หลังมือขยี้ สูดลมหายใจลึกๆ

“ที่ขยี้ตาเพราะฝุ่นมันเข้าตาน่ะ ไม่ได้ร้องไห้หรอกนะ”

ฉันต้องเป็นที่พึ่งให้สองคนนั้น จะมาทำตัวอ่อนแออย่างนั่งร้องไห้น่ะไม่มีทาง แค่ฝุ่นในห้องปลอดเชื้อมันเข้าตาเฉยๆเท่านั้นเอง

“เดี๋ยวฉันจะมาหานายไม่ได้ซักอาทิตย์ นอนเล่นไปคนเดียวก่อน อย่าเพิ่งเหงาล่ะ”

ฉันมองนาฬิกาข้อมือแล้วพยักหน้า ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปที่ประตู

“ฉันไปก่อนนะ แล้วจะมาใหม่”

ฉันมองเข้าไปข้างในเป็นหนสุดท้ายก่อนกลับ

“ฝันดีนะ ชูสุเกะ”

-------------------------------------------------------

ฝันดีรึเปล่าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเพิ่งเริ่มต้นนะจ๊ะ คุณชูสุเกะ

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.