Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการซื้อบ้านพร้อมที่ดินในหมู่บ้านมีรักถวายเจ้าแม่ [หลังที่ 17]

Last posted

Total of 1000 posts

811 Nameless Fanboi Posted ID:lNCg2KVUm

ฟิคน่ะ เขียนเสร็จแล้วก็ต้องลงสิจ๊ะ
เอ็นโจเลี้ยงต้อย >>>/webnovel/4018/345-347
---------------------------

หลังจากเก็บตัวอยู่ในห้องจนถึงบ่ายสาม ผมเดินโซเซลงมาข้างล่างเพื่อหาน้ำดื่ม มาซายะนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เตาผิงเหมือนเดิม เลิกคิ้วเมื่อเห็นผม

“เป็นหวัดเหรอ” เขาถาม “ไปหาหมออีกมั้ย”

“ไม่เป็นไรหรอก” ผมก้มมองหนังสือในมือมาซายะ “ดร.เจเคิลกับมิสเตอร์ไฮด์อีกแล้วเหรอ”

“เปล่า เรื่องนั้นอ่านจบแล้ว” มาซายะชูหนังสือให้ดู คราวนี้คือ Metamorphosis ของคาฟกา

เรื่องที่กล่าวถึงชายคนหนึ่งที่เป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัว วันหนึ่งตื่นมาก็พบว่าตนเองกลายเป็นแมลงน่ารังเกียจ ท่าทีของครอบครัวที่เคยรักเขานักหนาก็เปลี่ยนไปเพราะไม่สามารถทำประโยชน์ให้ได้อีกต่อไปแล้ว

มาซายะวางหนังสือลงแล้วล้วงเข้าไปในอกเสื้อ หยิบกระดาษแข็งๆออกมาสองแผ่น ยื่นให้ผม

“เมื่อคืนเห็นบอกว่าอยากดูละครเวที ฉันก็เลยให้คนไปจองตั๋วมาให้” เขาพ่นลมหายใจ “ทีหลังจะดูก็บอกกันก่อนล่วงหน้าสิ มันฉุกละหุกแบบนี้เกือบหาที่นั่งไม่ได้แล้วนะ”

“ขอโทษด้วยนะ” ผมรับตั๋วมาดู ชื่อของละครเวทีคือ ดร.เจเคิลกับมิสเตอร์ไฮด์

ชูสุเกะในโลกกระจก เขาคิดจะทำอะไร

เขาปรากฎตัวต่อหน้ามาซายะ แสดงละครเป็นผมได้แนบเนียนอย่างที่มาซายะก็ยังไม่รู้ถึงความแตกต่าง แล้วเรื่องที่คุยก็คือเรื่องนี้อีก

“ถ้ายังปวดหัวอยู่ เอาไว้มาคราวหน้าค่อยดูก็ได้” มาซายะแตะบ่าผมที่กำลังก้มมองรายละเอียดบนตั๋ว

“ไม่” ผมส่ายหน้า “ไปดูกันเถอะ”

มาซายะมองผมแบบเคลือบแคลง ผมก็ได้แต่ยิ้มตอบกลับไป ทั้งที่ในใจยังวิตกกังวลถึงจุดประสงค์ของชูสุเกะคนนั้น

ผมจะต้องไปดูให้รู้ ว่าเขาต้องการอะไร มีจุดประสงค์อะไร คิดจะทำอะไรต่อไปกันแน่
.
.
.
.
ละครเวทีเริ่มขึ้นตอนหนึ่งทุ่ม ผมกับมาซายะนั่งอยู่ที่ชั้นบ็อกซ์ นั่งชมการแสดงไปแบบเงียบๆ จนมาถึงฉากสำคัญของเรื่อง ฉากที่ดร.เจเคิลดื่มยาที่ปรุงเอง จนมิสเตอร์ไฮด์ออกมาได้ในที่สุด ไปจนถึงฉากการเผชิญหน้ากับมิสเตอร์ไฮด์ เป็นตัวตนที่เขาไม่ยอมรับ

นักแสดงชายร้องเพลงสลับบุคลิกได้อย่างน่าทึ่ง ฉากที่เขาคือดร.เจเคิล น้ำเสียงเขาไพเราะกังวานเหมือนทูตสวรรค์ แต่เสียงของมิสเตอร์ไฮด์กลับแหบห้าว เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวเหมือนปีศาจจากนรกคอยหลอกหลอน

ดร.เจเคิลโต้ตอบกับไฮด์ หาว่าไฮด์คือปีศาจที่เกิดจากฝันร้าย แต่ไฮด์กลับหัวเราะใส่หน้า พูดว่าเขาก็คือตัวเจเคิลเองนั่นล่ะ

เจเคิลผู้มุ่งมั่นจะทำแต่ความดี สุดท้ายก็พ่ายแพ้กิเลสตัณหาอย่างไฮด์ ปลดปล่อยด้านมืดของเขาออกมาทำร้ายคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้แต่คนที่เขารักที่สุด และสุดท้ายก็จบลงด้วยโศกนาฏกรรม

อันที่จริง ละครเวทีเรื่องนี้ผมเคยดูแล้ว แต่ก็ยังนึกติดใจสงสัย

นี่คือสิ่งที่ชูสุเกะคนนั้นอยากให้ผมเห็นอย่างนั้นเหรอ

นักแสดงทุกคนและทีมงานออกมาโค้งคำนับให้ผู้ชมที่ปรบมือดังสนั่นฮอลล์ ผมกับมาซายะก็ปรบมือให้ด้วย เราสองคนออกจากโรงละคร ตรงกลับบ้านแบบไม่ได้แวะที่ไหนเลย นั่งเงียบกันไปตลอดทาง

ลองครุ่นคิดถึงเนื้อหาละครเวที ถ้าเป็นสิ่งที่เขาอยากให้ผมเห็น จะสื่อว่าผมเหมือนกับเจเคิลและเขาคือมิสเตอร์ไฮด์อย่างนั้นสินะ

ผมตัดสินใจได้ในที่สุด

“นี่ มาซายะ” ผมเรียกเขาตอนที่เรากำลังเดินเข้าบ้าน

“หือ”

“นายยังสามารถนัดด๊อกเตอร์คนนั้นได้อยู่รึเปล่า”

มาซายะเลิกคิ้วขึ้นแบบสงสัย แต่ก็พยักหน้า “ได้สิ”

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร เดินปลีกตัวไปที่มุมหนึ่งของบ้าน คุยอยู่ครู่หนึ่งก็เดินกลับมา

“พรุ่งนี้สิบโมงเช้า เข้าไปหาเขาที่เดิมได้เลย”

“ขอบคุณนะ”

เขาวางมือลงบนบ่าผม บีบเบาๆแบบให้กำลังใจแล้วเดินขึ้นบันไดไป

โทรศัพท์ของผมดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน เป็นสายจากเรย์กะที่โทรจากญี่ปุ่น พอกดรับก็ได้ยินเสียงสดใสดังมาจากปลายสาย เป็นเสียงที่ทำให้ชุ่มชื้นหัวใจทุกครั้งที่ได้ยิน

พอได้คุยกับเธอ ความทุกข์อะไรก็เหมือนถูกปัดเป่าออกไป เป็นเหมือนที่พักใจในโลกที่วุ่นวายทั้งหลาย

ถ้าเพื่อรักษาสิ่งนี้ไว้ล่ะก็ จะให้ทำอะไรผมก็ยอมทั้งนั้น

แม้ว่าสิ่งที่ต้องทำนั่นจะหมายถึงการกำจัดตัวเองอีกคนออกไปก็ตาม

812 Nameless Fanboi Posted ID:lNCg2KVUm

มาซายะพาผมไปหาจิตแพทย์คนเดิมตามเวลานัดหมายแล้วก็นั่งรออยู่ข้างนอกเงียบๆ ให้ผมเข้ารับการรักษา

คราวนี้ผมเล่าอาการทั้งหมดให้หมอฟัง เล่าถึงอาการปวดหัว เล่าถึงชูสุเกะในโลกกระจก ปิดบังความจริงนิดหน่อยตรงที่วิญญาณของผมลอยละลิ่วมาสิงร่างตัวเองในอีกโลกเท่านั้นเอง เขารับฟังด้วยท่าทีสงบนิ่ง แต่ตั้งใจฟังผมทุกคำพูด ซักถามผมเล็กน้อยแล้วก็ปล่อยให้ผมพูดต่อไปเรื่อยๆ

นานแล้วที่ไม่ได้พูดอะไรที่อยู่ในใจออกไป พอได้พูดก็รู้สึกโล่งขึ้นมาไม่น้อย

เหลืออีกสองวันก็ต้องกลับกันแล้ว เวลาสั้นๆแค่นี้ไม่ทำให้วินิจฉัยอาการของผมได้ หมอเลยจะส่งต่ออาการของผมไปให้ลูกศิษย์ที่อยู่ญี่ปุ่น แล้วก็ให้ยามาอีกหลายขนาน อธิบายว่ายาเหล่านี้จะช่วยปรับสมดุลของสารเคมีในสมองให้กลับมาเป็นปกติ พร้อมบอกถึงผลข้างเคียงเมื่อทานยา แต่ถ้าอยากจะรักษาให้หายก็ต้องอดทน

มาซายะซักถามผมถึงเรื่องการรักษา ผมก็ได้แต่บอกเขาไปว่าเป็นเพราะความเครียด แล้วก็ต้องกลับไปหาจิตแพทย์ที่ญี่ปุ่นอีก เขาก็ทำหน้าแปลกๆแล้วชวนผมเดินเล่นริมแม่น้ำเทมส์เสียอย่างนั้น

เราเดินกันเงียบๆบนทางเดินของ The Queen’s walk ที่ทอดยาวเลียบแม่น้ำ มีคนเดินสวนมาบ้างเล็กน้อย แต่อากาศหนาวๆแถมหิมะกำลังตกแบบนี้คงไม่มีใครอยากออกมาเดินให้ลมตีหน้านอกบ้านแบบที่ผมกับมาซายะกำลังทำอยู่นี่หรอก

“มีอะไรงั้นเหรอ มาซายะ”

“เปล่านี่”

เมื่อผมจ้องหน้าเขา มาซายะถอนหายใจแล้วก็พูดออกมา

“ฉันไม่ใช่หมอ ไม่รู้จะรักษานายยังไง ก็แค่คิดว่าถ้าได้เดินกินลมชมวิว นายอาจจะหายเครียดได้บ้าง” เขายักไหล่ “แต่เรื่องที่นายกำลังเครียดอยู่ ช่วยบอกฉันหน่อยได้มั้ย”

เมื่อผมนิ่งเงียบ เขาหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผม แววตาดูตัดพ้อเล็กน้อย

“เป็นอะไรที่หนักหนาจนบอกฉันไม่ได้เลยเหรอ”

“มาซายะ….”

“นายก็เป็นแบบนี้อยู่เรื่อย”

เขาหัวเราะออกมาอย่างฝืดเฝื่อน แล้วเดินนำหน้าผมไป
.
.
.
.
เราแวะทานข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆเป็นมื้อเที่ยง ต่างคนต่างทานไปแบบเงียบๆ พอทานเสร็จมาซายะก็เรียกรถมารับแต่ให้ผมกลับไปก่อน

“ฉันจะไปหายูริเอะ จะไปดูว่ากลับมารึยัง”

“งั้นผมไปด้วย”

“ไม่ต้อง ฉันจะไปคนเดียว”

“มาซายะ”

“นายไปก็ไม่มีประโย.….เออ ช่างเหอะ” เขาตอบห้วนๆแล้วจ้องผมเขม็ง “เป็นคนป่วยก็กลับไปพักผ่อน แล้วก็ทานยาให้มันครบๆด้วยล่ะ เดี๋ยวฉันจะกลับไปเช็คทีหลัง ถ้านายแอบเอายาไปทิ้งล่ะก็ ฉันฆ่านายแน่”

“มาซายะ”

“ไปได้แล้ว” มาซายะปิดประตูรถใส่หน้าผม เดินไปโบกแท็กซี่แล้วขึ้นรถไปจากที่ตรงนั้น

ช่วงเวลาที่มาซายะอกหักจากยูริเอะจะอยู่ราวๆนี้ ยังไงผมก็ปล่อยให้เขาไปคนเดียวไม่ได้ ยิ่งเหตุการณ์ไม่เหมือนกับโลกเดิมของผม ไม่รู้มาซายะจะเตลิดเปิดเปิงไปได้ขนาดไหน

แต่พอจะเปิดประตูวิ่งตามไป รถกลับล็อคเสียอย่างนั้น

ผมบอกคนขับรถให้ขับไปบ้านที่ยูริเอะพักอยู่ในอังกฤษหรือไม่ก็ปลดล็อคประตูให้ผมไปเอง แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง เขาก็ส่ายหน้าอย่างเดียว บอกว่าคุณมาซายะสั่งไว้ยังไงก็ต้องทำตาม และห้ามฟังคำสั่งผม

“กรุณากลับไปรอคุณมาซายะที่บ้านเถอะครับ” คนขับรถพูดกับผมด้วยเสียงอ่อนน้อม “คุณมาซายะเป็นห่วงสุขภาพคุณนะครับ ถึงได้ห้ามไว้”

“ตามมาซายะไปเถอะครับ นี่เรื่องสำคัญนะ” ผมชักจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว คนของตระกูลคาบุรากินี่จงรักภักดีกันเหลือเกินนะ

“คุณมาซายะสั่งไว้ ยังไงไม่ได้ครับ”

มาซายะทำเหมือนผมป่วยร้ายแรงใกล้ตายเดินไม่ได้ต้องคอยประคองไว้ตลอดเวลาอีกแล้วนะ น่าโมโหชะมัด

“ขับๆไปเหอะน่า” ผมตะโกนใส่คนของมาซายะด้วยความหงุดหงิด น้อยครั้งมากที่ผมจะใช้น้ำเสียงแบบนี้กับใคร “ถ้ามาซายะเป็นอะไรไปก็เป็นความผิดคุณนั่นล่ะ อยากให้มาซายะตายรึไง”

“คุณชูสุเกะ…”

“ถ้าไม่ทำตามที่ผมบอกภายในสิบวินาที ผมจะโทรหาตำรวจเดี๋ยวนี้ว่ากำลังถูกลักพาตัว อยากไปนอนซังเตเล่นซักสองสามวันมั้ยล่ะ”

“.......”

“คุณมีเวลา 1...2...3...4…” ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมกดเบอร์เรียกตำรวจ

นับไปถึงเก้า คนขับก็ยอมยกธงขาว ฟังที่ผมพูดในที่สุด

“เร็วๆเข้า ไม่มีเวลาแล้วนะ ป่านนี้มาซายะใกล้จะไปถึงบ้านยูริเอะแล้วแน่ๆ” ผมตบเบาะคนขับ “เดี๋ยวพอถึงแยกหน้าแล้วเลี้ยวขวาไปเลย นั่นทางลัด”

“แต่ว่า”

“เหอะน่า!!”

คนขับรถมีสีหน้าลำบากใจ แต่ก็ยอมขับรถตามไปที่บอก ใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆกว่าจะไปถึงถนนหลักที่จะไปบ้านยูริเอะได้

ไม่รู้ป่านนี้มาซายะเป็นยังไงบ้างแล้ว

813 Nameless Fanboi Posted ID:lNCg2KVUm

เข็มนาฬิกาเดินไป แต่ละนาทีที่ไหลผ่านนั้นทำให้รู้สึกกดดันพอสมควร นึกภาวนาในใจไม่ให้เขาคิดทำอะไรบ้าๆอย่างหนีไปฆ่าตัวตายแบบในโลกเดิมของผม

ผมโทรหาทั้งมาซายะ ไอระ ยูริเอะแต่ไม่มีใครรับสาย พอขับเข้ามาใกล้บ้านของยูริเอะก็ได้เห็นมาซายะยืนอยู่กับยูริเอะที่หน้าบ้าน ท่าทางเหมือนกำลังทะเลาะกันอยู่

การโต้เถียงจบลงด้วยยูริเอะวิ่งเข้าบ้าน ส่วนเขายืนก้มหน้าอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว

“มาซายะ”

นานพอดูกว่าเขาจะรู้สึกตัวว่าผมยืนอยู่ข้างๆ มาซายะเงยหน้าขึ้นมาแล้วหันมาพยักหน้าให้แบบเนือยๆ มีรอยแดงรูปฝ่ามือประทับอยู่ที่แก้มซีกซ้าย

“ชูสุเกะ”

“อื้อ”

“มาทำอะไรที่นี่ ก็บอกให้ไปรอที่บ้านไม่ใช่รึไง”

“มารับนายกลับบ้าน”

“จุ้นไม่เข้าเรื่อง” มาซายะถอนหายใจ “เอ้า กลับก็กลับ รถอยู่ไหนล่ะ”

เขาเดินตามผมมาขึ้นรถแต่โดยดี แล้วก็เอาแต่นั่งเงียบมองออกไปนอกหน้าต่างไม่พูดไม่จา

รถขับข้าม Tower Bridge มาได้ ผมก็บอกให้คนขับจอดรถแล้วดึงแขนมาซายะออกไปที่ The Queen’s walk แบบที่มาซายะทำกับผมเมื่อตอนเที่ยง บอกคนขับว่าจะกลับกันเองแล้วปิดประตูใส่ มาซายะดูงงๆแต่ก็ยอมเดินตามมาด้วย

“มีอะไร”

“เปล่านี่” ผมยิ้มให้เขา “ก็แค่คิดว่ามาเดินเล่นอาจจะช่วยให้หายเครียดได้บ้าง”

“เฮอะ” มาซายะกลอกตาขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม

เราเดินกันไปเรื่อยๆแล้วก็หยุดพักที่ใกล้ๆกับสะพานมิลเลนเนียม เกาะราวยืนมองวิวทิวทัศน์อะไรกันไปเรื่อยไม่มีใครพูดอะไร

ผมรอเวลาให้เขาพูดออกมาเอง ไม่กดดัน ไม่คาดคั้น แค่ยืนอยู่ข้างๆเงียบๆ

“ชูสุเกะ”

“ว่าไง”

“เมื่อกี้ ฉันไปหายูริเอะ”

“อือ”

“ฉันเจอผู้ชายคนหนึ่งยืนกอดยูริเอะอยู่หน้าบ้าน แล้วก็ทำเหมือนจะจูบ...” ผมเหลือบมองมาซายะ เขาจ้องไปข้างหน้าด้วยแววตาเลื่อนลอยไม่มีจุดหมาย “....ฉันเลยเข้าไปต่อยมัน”

ผมไม่ได้พูดอะไร แต่ปล่อยให้เขาพูดออกมาให้หมดเป็นการระบายความทุกข์

“แล้วยูริเอะก็ตบฉัน ไล่ฉันไปให้พ้นๆหน้า บอกว่าไม่เคยคิดอะไรกับฉันแม้แต่นิดเดียว เบื่อที่ฉันตามติดเธอแบบนี้ หนีมาอังกฤษก็ยังตามมา ฉันทำให้ทุกอย่างแย่ไปหมด”

มาซายะหลับตาลงช้าๆ สีหน้าดูเจ็บปวด

“ฉันรู้ รู้อยู่แล้วว่าเวลานี้ต้องมาถึง ฉันก็แค่หลอกตัวเองไปวันๆว่ายูริเอะคงพอจะมีใจให้ฉันบ้าง แต่ที่จริงเธอน่ะรำคาญฉันเต็มทีแล้ว โดนตบก็ดีเหมือนกัน จะได้หายโง่”

“มาซายะ”

“ฉันรู้ ฉันรู้” เขาหัวเราะ แต่น้ำเสียงฟังดูขมขื่น “ฉันรู้แต่ก็ยังหลอกตัวเอง ฉัน...”

คำพูดนั้นขาดหายไปเมื่อผมถอดพันผ้าพันคอตัวเอง เอาไปพันใส่หัวและหน้าเขาจนสุดความยาวของผ้า มาซายะแกะผ้าออกมาแบบทุลักทุเล พอแกะได้ก็ถลึงตาจ้องอย่างกราดเกรี้ยว

“ทำบ้าอะไรเนี่ย”

“เอาไว้ให้ซับน้ำตาไง”

“เฮอะ ใครจะไปร้องไห้กับเรื่องแค่นี้ฟะ บ้ารึเปล่า” มาซายะแยกเขี้ยวแล้วโยนผ้าพันคอคืนมา “ข้างนอกนี่หนาวชะมัด กลับกันได้แล้ว”

“อือ”

ผมเดินตามหลังเขา มาซายะก็หันมาจ้องแบบไม่พอใจ

“อย่ามาเดินตามหลัง ทำตัวเป็นผู้คุมประพฤติฉันจะได้มะ ฉันไม่ทำอะไรโง่ๆหรอกน่า”

“ก็ได้ๆ” ผมออกเดินนำหน้าเขาไป คอยฟังเสียงฝีเท้าที่ตามหลัง หันไปดูเป็นระยะๆว่าเขายังอยู่ ไม่ได้ไปทำอะไรโง่ๆอย่างปากว่า

หันไปมองอีกทีก็เห็นมาซายะหยุดเดิน ก้มหน้า ใช้หลังมือขยี้ตาตัวเองอยู่

814 Nameless Fanboi Posted ID:lNCg2KVUm

เนี่ยนะที่บอกจะไม่ร้องไห้

พอผมเดินไปหา เขาก็รีบพูด

“ฉันไม่ได้ร้องไห้หรอกนะ ไม่ต้องมามอง” มาซายะพูดแบบนั้น ทั้งที่ยังก้มหน้าเช็ดน้ำตา “หิมะมันตกใส่ก็เลยต้องเช็ดออกเฉยๆ”

ผมแหงนมองท้องฟ้า หิมะหยุดตกไปตั้งแต่บ่ายแล้ว ทางเดินที่เดินมาเมื่อครู่นี้ก็ไม่มีหิมะซักนิด

“นั่นสินะ” ผมถอดผ้าพันคอออก กางคลุมหัวมาซายะ ชายผ้าปรกลงมาปิดหน้าปิดตาเขาจนหมด “ใช้ผ้านี่ก็แล้วกัน ผืนใหญ่น่าจะเช็ดหิมะออกได้หมด”

มาซายะยังยืนนิ่งอยู่ ผมเลยวางมือลงบนศีรษะเขาแล้วตบปุๆ

เสียงสะอึกสะอื้นดังขึ้นให้ได้ยินต่อจากนั้น

“ชูสุเกะ….”

“อือ”

“ฉันน่ะรักยูริเอะ รัก รักมาตลอด ตอนเธอตะโกนใส่ฉันด้วยถ้อยคำพวกนั้น เหมือนมีใครเอามีดมากรีดข้างใน” มาซายะกุมอกข้างซ้ายตัวเองไว้ “ฉันเจ็บมากๆเลย เจ็บไปหมด เจ็บตรงนี้ เจ็บจนนึกว่าตัวเองจะเป็นบ้าไปซะแล้ว”

ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่เข้าใจความเจ็บปวดนั้น ปล่อยให้มาซายะตะโกนระบายมันออกมาจะได้รู้สึกดีขึ้น ไม่ต้องเก็บไว้แบบผม

ในโลกเดิมที่ผมถูกคุณคิโชวอินทำร้ายจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า หัวใจผมก็เจ็บปวดจนกลายเป็นความชินชา แต่ก็ยังไม่เลิกหวังลมๆแล้งๆ ยังรอคอยเผื่อว่าเธอจะเห็นใจแล้วหันมามองผมบ้าง

คุณคิโชวอินก็เอาแต่หนี ไปเห็นใครต่อใครดีหมด ยกเว้นผม การรอคอยนั้นไม่เคยมีจุดสิ้นสุดจนแทบหมดหวัง ยังดีที่โลกนี้พอจะช่วยให้ได้ลิ้มรสชาติความสุขสมหวังกับเขาบ้าง

ผมกอดคอมาซายะให้เดินไปด้วยกัน ตบบ่าหรือไม่ก็โยกตัวปลอบไปตามเรื่องตามราว พอใกล้ๆถึงถนนที่สามารถเรียกแท็กซี่ได้ มาซายะก็หยุดยืนอีกหน เงยหน้าขึ้นมามองผมทั้งที่ขอบตายังแดงช้ำ

“ชูสุเกะ”

“หือ”

“ขอบคุณนะ”

“เรื่องอะไรล่ะ”

“ไม่รู้สิ...” มาซายะยักไหล่ “ก็แค่อยากพูด”

ผมเลยวางมือลงบนหัวเขา คราวนี้ขยี้จนผมยุ่งเหยิงไปหมด มาซายะโวยวายนิดหน่อยแล้วพยายามหนีออกจากมือของผม ผมยักคิ้วให้เขาก็ถลึงตาใส่แล้วก็พ่นลมหายใจออกมาแบบเหนื่อยหน่าย

แท็กซี่มาพอดี ผมเลยโบกเรียก ตอนที่รถกำลังใกล้เข้ามา มาซายะก็วางมือบนไหล่ผม บีบเบาๆ และพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังไปกว่าการกระซิบ

“ขอบคุณที่ยังอยู่กับฉันนะ”

-------------------------------------
ว้า ตอนนี้ก็ยังไม่ถึงคิวที่เอ็นโจจะโดนกระทืบแฮะ //ผิดหวังจัง

ดร.เจเคิลกับมิสเตอร์ไฮด์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ดร.เฮนรี่ เจเคิล หมอหนุ่มรูปหล่อผู้ตั้งมั่นจะทำแต่ความดี มีสิ่งยั่วยุก็ไม่หวั่นไหว วันหนึ่งอีตาดร.แกประดิษฐ์ยาที่สามารถแยกความดีความชั่วออกจากกันได้ แกก็ทดลองดื่มลงไปก่อน ผลปรากฎคือกำเนิดตัวตนของมิสเตอร์ไฮด์ออกมา ซึ่งมิสเตอร์ไฮด์คือด้านมืด คือความชั่วในตัวที่แกไม่ยอมรับว่าแกมีอยู่ ตอนจบก็แบดเอนด์จ้าาาาา

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.