Last posted
Total of 1000 posts
ทำไมตั้งแต่ขึ้นมอปลายมากูรู้สึกว่านางมโนเพ้อกาวมากขึ้นกว่าเดิมอีกวะ หรือเพราะไม่ต้องกังวลเรื่องตระกูลล่มสลายแล้ว? 555
เสียงหัวเราะโคตรเอกลักษณ์
อนิเมยากไปขอดราม่าซีดีก็ยังดี 5555
อยากอ่านมุมมองท่านพี่อีกจัง 5555
ท่านเรกะตอนกลางวันท่ามกลางเพื่อนฝูง : อุโฮะโฮะโฮะ
ท่านเรกะตอนกลางคืนอยู่ในห้องเพียงลำพัง : อุเฮี้ยวเฮี้ยวเฮี้ยวเฮี้ยว~
ท่านพี่ทาคาเทรุ : เรกะดึกแล้วนอนได้แล้ว//เคาะห้องแล้วจากไปคิดในใจ นี่มันหลอนนะยัยน้องสาว
อ้อ ลืม เห็นเอ็นโจอันดับร่วง แล้วคิดถึงฟิคกาลครั้งหนึ่งในฝันจังเลยค่ะโม่งฟิค.....
กุว่าที่เอ็นโจคะแนนตกนี่น่าจะเพราะยัยยุยโกะอ่ะ กลับบ้านไปก็ต้องเจอยัยนั่นตลอด ต้องคอยตามใจ เอาอกเอาใจไรงี้ เลยไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ไม่ก็เครียดเรื่องนี้ จนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง รึป่าว??
โอ้ มีคะแนนตก หล่นไปอยู่ที่ 4 ด้วยวึ้ย ตัวเลขอัปมงคลนี่หว่า ที่พูดม้าๆใส่เขาไปคราวนั้นคงเป๋ไปเลยสิท่า
กูว่าไม่น่าจะใช่เรื่องยุยโกะนะ เพราะก่อนหน้านี้นางน่าจะเกาะติดหนึบกับชูมาพอสมควร ก็ยังเห็นฮีชิลๆ สอบได้ที่สองตลอด แต่พอทะเลาะกันกับเรย์กะก็ร่วงเลย แถมยิ้มฝืดๆด้วย มาขอโทษซร้าาาาา
ว่าแต่ท่านฟุยุโกะแม่ง...โดนลัทธิอะไรล้างสมองแบบนี้ถ้าไม่ได้ท่านเรย์กะ กูว่าต้องเอาเงินไปประเคนให้ลัทธิหมดแหงๆ
ที่ผ่านมาเอ็นโจตั้งใจให้อันดับตัวเองตํ่ากว่าคาบุรากิป่ะวะ อะไรจะที่ 2 รองคาบุตลอด นางอาจจะรำคาญความช่างตื๊อหรือครอบครัวนางสั่งมาไม่ให้เกินหน้าเกินตาคาบุ? กุว่านางจะทำให้ตัวเองได้ที่ 1 คงทำได้สบายๆ
เอ็นโจอาจจะคิดหนัก ตั้งใจจะทำให้กระต่ายเชื่อง เผลอพูดข่ม+ขู่ไปนิดเดียว ความไว้ใจลดระดับอีกแล้ว กลับบ้านไปก็คิดหนักว่าพลาดแล้ว ต้องหาแผนใหม่ ไม่เป็นอันสอบ5555555
แต่ตอนนี้กุหงุดหงิดท่านเรย์กะจริงจัง ความคิดเพ้อฝันนางหนักมาก กลัวจะเอาเงินเก็บตัวเองไปทิ้งเล่นเปล่า อยากหยิกเรียกสติ จับมาอบรมเหมือนคันตะ ฮึ่มมมม
(สปอยล์รึเปล่า?)
.
.
.
.
.
.
เอ้อ แต่คนเขียนคงตั้งใจให้เรย์กะคะแนนดิ่งแหละ เคยเห็นคนในโม่งป่อยว่าคาบุจะจับนางไปติวนส.ใช่ป่าวหว่า
.
.
.
.
.
>>748 ได้ๆๆๆ เห็นแบบนี้กูก็พออภัยให้ฮีได้มั่ง ปากไม่ดีเองแล้วก็มาเสียใจเองทีหลัง ทะเลาะกับเรย์กะจนเก็บไปคิดมากใช่มั้ย อันดับตกจากที่ไม่เคยแปลว่าเรื่องนี้รบกวนจิตใจมากเลยสินะ
ว่าแต่ผลิตภัณฑ์ของเรย์กะจะขายออกเหรอวะ กูอ่านแล้วได้กลิ่นคาวปลาลอยคลุ้งเลย รสนิยมพิลึกชิบหาย คนเราต้องไอเดียบรรเจิดขนาดไหนถึงจะเอาปลาสลิดมาทำครีมนวดน่ะ แล้วยังเชนเมลอีก ไม่ใช่อัศวินยุคกลางนะเหวย ที่จะใส่เชนเมลเดินไปเดินมาอะ
ลองหาดูในกูเกิ้ล เชนเมลเอามาทำเสื้อผ้าแฟชั่นมันก็มีนะ แต่ด้วยรสนิยมเรย์กะกูว่านางต้องคงความเป็นเชนเมลดั้งเดิมในยุคกลางไว้แน่ๆ
เปิดอ่านตอนล่าสุดเวลานั่งรอธนาคารเรียกคิวจ่ายบิล อ่านจบต้องเดินเข้าสเวนเซ่นเลย จำไว้เลยโม่งแปล ตอนอ่านไม่มีอาการใด ๆ แต่รูปท้ายตอนทำร้ายกูฉิบหาย
ทำไมพวกมึงชอบมองเอ็นโจเป็นนักวางแผน เห็นเอ็นโจวางกับดัก ล่อลวงท่านเรย์กะตลอด 5555
กูว่าเอ็นโจนี่ไก่อ่อนเลยนะ พวกมึงดูผลลัพธ์สิ อย่าประเมินฮีสูงไป แอบชอบสาวเจ้ามาตั้งนาน จะคุยกันดีๆยังไม่ได้เลย ไม่ทำเขาโกรธก็ทำเขากระอักกระอ่วนเดินหนีไปทุกที เรื่องความรักนี่สู้มาซายะยังไม่ได้ ไม่มีหน้าไปแนะนำเขาด้วยซ้ำเหอะ 55
เพราะสภาพแวดล้อมไม่ต้องดิ้นรนด้วย แต่ไหนแต่ไรมีแต่คนเข้าหา ถ้าคิดจะมีความรัก แค่เลือกมาสักคนแล้วตอบตกลงไปก็ได้แล้ว เคยต้องพยายามที่ไหน พอจะชอบใครสักที ดันไม่ง่ายเหมือนคนอื่นๆ ไม่ใช่ว่าเริ่มต้นที่ 0 นะ จากอาการหนีหน้ารังเกียจ นี่เรียกเริ่มที่ติดลบ เปิดมาก็ยากแล้ว คุณชายเอ็นโจเคยพบสภาวะมืดแปดด้านอย่างนี้ที่ไหนล่ะ ได้แต่จนใจทำอะไรไม่ได้
กูว่าเอ็นโจอิจฉาคาบุรากิ ที่บอกว่าไม่เคยชวนใครก่อน ไม่เคยถูกทิ้งเนี่ย ลึกๆเหมือนเวทนาตัวเองอยู่เหมือนกันนะ เพราะที่พูดเนี่ย แปลว่าไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะทำอะไรด้วยซ้ำ ได้แต่ค้างอยู่ตรงความกล้าๆกลัวๆ ห่วงพะวง ไม่กล้ามุ่งไปข้างหน้าโดยไม่หลือทางถอยไว้ให้ตัวเอง ทำอะไรก็พะวักพะวน คิดถึงผลกระทบ จุดนี้เทียบกับมาซายะแล้วยังห่างกันหลายชั้น! หมอนั่นน่ะน่าอิจฉา ชอบก็บอกว่าชอบ กล้าที่จะพุ่งไปข้างหน้า พุ่งเข้าไปทุ่มสุดตัว สุดท้ายแล้วไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมายังไงก็ได้รับรู้แล้ว
และเหตุผลสำคัญคือ เอ็นโจกลัวการถูกปฏิเสธ คนที่กล้าสารภาพทั้งๆที่มีความเสี่ยงน่ะมีแต่มาซายะเท่านั้นแหละ ถ้าถูกปฏิเสธล่ะก็สู้ไม่เคยพูดออกไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ? กูรู้สึกว่าฮีเป็นประเภทนี้ ประเภทมีสติ แต่สติเนี่ยในด้านความรักแล้วไม่ได้ให้ผลดีอะไร ถ้าไม่รู้สึกมั่นใจในผลตอบรับก็จะไม่พูดออกมา แต่สถานการณ์ของเอ็นโจไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางรับประกันผลสำเร็จได้เลย พอยิ่งไม่แน่ใจก็ยิ่งไม่กล้าเข้าหา ไม่ได้เข้าหาก็ยิ่งไม่มีอะไรคืบหน้า ติดอยู่ตรงนั้นแหละ
ที่มองเป็นลูกบ้านคาสโนว่านี่ก็ด้วย โถๆๆ ริเทียบท่านอิมาริยังห่างไกล ท่านอิมาริแพรวพราวหยอกล้อมีฝีมือกว่านี้เยอะ ไม่มีอาการทำอะไรไม่ถูก ไปต่อไม่ได้อย่างเอ็นโจหรอก ตานี่พออะไรหน่อยก็หลบหน้าไปทำใจพักใหญ่ ยอมแพ้เป็นพักๆ ใจไม่สู้เล้ยยย อย่าไปเชื่อหน้ายิ้มๆ เขา กูว่าเอ็นโจเหมือนติดรักษารอยยิ้มไว้บนใบหน้า จะเสียใจดีใจเฉยๆก็ยิ้มอยู่ตลอด บางครั้งข้างในก็เลือดโชกเหมือนกันนะ
//เอ้าซู๊ดดดดด แรงมโนทั้งหมดตั้งอยู่บนเงื่อนไขว่าหมอนี่ชอบท่านเรย์กะหรอกนะ ถ้าความจริงไม่ใช่แบบนี้ทั้งหมดก็ปิ๋ว 5555
ที่จริงกูเรือคาบุรากิ จำเป็นต้องมาช่วยพูดให้เอ็นโจขนาดนี้มั้ย โถววว แต่ตานี่น่าเอาใจช่วยอ่ะนะ ถึงหลายๆครั้งจะหมั่นไส้ก็เถอะ แต่ทางคาบุรากิไม่มีอะไรน่าลุ้นเท่าไหร่ ด้วยความรักปักใจ ยังไงคงไม่เบี่ยงศรง่ายๆ และถ้าเปลี่ยนเป้าหมายจริง ถ้างั้นใครก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหมอนี่แล้ว ถ้าคาบุรากิชอบเรย์กะ กูให้โอกาสสำเร็จ 99% เลย
>>772 การตีความของมึงเมากาวดีมากกกกก กูชอบ สนใจจะย้ายเรือมั้ย 555555 จริงๆ กูก็คิดอย่างมึงเหมือนกันนะ อย่างเอ็นโจนี่เรียกมวยแย็บ หยอกๆ ตอดๆ แล้วชิ่งดูท่าทีเป็นคราวๆ ไป พอดีว่าอีกฝ่ายเป็นท่านเรย์กะซึ่งการ์ดหนักมากก็เลยไม่มีโอกาสเข้าคลุกวงในซักที ส่วนคาบุนี่เรียกมวยฮุคป่ะ ชอบใครแล้วกะพุ่งไป KO ลูกเดียว การ์ดตกตลอด พอเขาไม่ชอบกลับเลยเจ็บหนักตลอด ส่วนเอ็นโจนี่เพลย์เซฟ ไม่เจ็บหนัก แต่ปวดลึกๆ แบบหนองในตลอด 55555
>>772 ถ้ามองแบบนี้ก็พ่ออธิบายพฤติกรรมหมาหยอกไก่ของเอ็นโจได้อยู่นะ
คิดว่าตอนก่อนที่พูดแรงๆใส่ท่านเรย์กะเนี่ย ข้างในใจเอ็นโจก็น่าจะโดนดาเมจจนเจ็บหนักแล้วเหมือนกัน
>>773 คาบุนอกจากจะพุ่งเข้าไปคลุกวงในแล้ว ยังรัวหมัดต่อยโดยไม่สนการ์ดคู่ต่อสู้ด้วย ต่อยไปเรื่อยๆจนกว่าการ์ดจะแตก เผอิญไม่ค่อยมีใครกล้าโจมตีส่วนหมอนี่ไง พอโดนท่านเรย์กะปล่อยหมัดเคาเตอร์เข้าเป้าตรงๆเน้นๆทีถึงกับช็อคไปเลย
>>772 กูเคยพูดไว้บนๆอ่ะ ว่าถ้าคาบุมันหันมาจีบเรย์กะตรงๆ เอ็นโจมันจะเอาอะไรไปสู้ มองไม่เห็นทางชนะเลยนะ ภาพลักษณ์ต่ำเตี้ยชิบหาย จะเข้าหาเขาก็ไม่แล โนสนโนแคร์ ขนาดมีน้องเข้าช่วยยังเป็นได้แค่คนเคยเห็นหน้า โอ๊ย อนาถ 5555555555555
กูเห็นด้วยกับคำพูดมึงหมดเลย กูว่าอีตานี่มันเป็นพวกคิดมากด้วยนะ คือคงมโนอะไรไปเรื่อยอะ แล้วเรื่องที่มโนก็คงมีแต่เรื่องในแง่ร้ายบั่นทอนกำลังใจตัวเองไป สุดท้ายก็กลัวว่าตัวเองจะเจ็บปวดผิดหวัง แล้วก็หนีไปแบบขี้ขลาด ไม่กล้าสู้ ไม่กล้าทำอะไรซักอย่าง แล้วพอรวบรวมความกล้ามาได้เป็นพักๆ กลับโดนตีแตกกระเจิงยิ่งหมดอาลัยตายอยากไม่กล้าทำอะไร ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่
>>772 อา ขอบอกว่าทุกวันนี้ที่ลงเรือเอ็นโจอยู่เพราะฮีเป็นคนเดียวที่มีท่าทีแสดงออกว่าชอบเรย์กะจริงๆ (แม้จะโคตรอมพะนำเลยก็เหอะ) คนอื่นๆ นี่ถึงเคมีจะดีขนาดไหนก็มองเห็นท่านเรย์กะกูเป็นเสธ. เป็นเพื่อนพี่สาว เหมือนหมาที่เลี้ยงไว้ ฯลฯ ส่วนท่านอิมาริถึงจะรุกแค่ไหนแต่ถือว่ามีท่านพี่เป็นตัวจริงอยู่แล้ว กูไม่นับ แต่ถ้าเกิดคดีพลิก คาบุมันเกิดเปลี่ยนใจจากวาคาบะมาจีบท่านเรย์กะ กูก็ไม่แน่ใจว่าจะทิ้งเรือจอมมารไก่อ่อนเหมือนกันนะ 555555 ขอโทษนะ เอ็นโจ แต่นายไม่รีบเคลียร์ตัวเองซะทีนี่นา
แต่กูนึกออกละ เหตุผลสำคัญที่กูยังเชียร์ฮีคือ กูเป็นพวกชอบเชียร์มวยรอง กูชอบเห็นตัวละครห่วยๆมีพัฒนาการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีได้ ซึ่งกูรออยู่ อย่าให้กูรอเก้อนะเอ็นโจ ขออะไรดีๆให้กูชื่นใจหน่อย
>>773 มึงอย่าล่อลวงกู 5555 เอ่อ... ถ้ายังไงฝากชิ้นส่วนไปไว้บนเรือสักชิ้น เอาขาขวากูไปนะ---
ถ้าเปรียบเป็นมวย คาบุรากิแพ้น็อค KO มาจากการไปท้าชิงท่านยูริเอะ เจ็บหนักนอนเตียงหยอดข้าวต้มพักใหญ่แล้วสวมนวมมาลุยท้าวาคาบะจังชกต่อ ฮุกรัวมาก อีกสักพักแพ้ชนะยังไงคงได้เห็นผล
ขณะเดียวกันเอ็นโจนี่แม่งวิ่งหนีลงมาจากเวที เกาะขอบชะเง้อชะแง้มองเล็งอยู่นาน ถึงขึ้นไปแย๊บสักหมัด เจอการ์ดหนักต่อยไม่เข้าแม่งวิ่งลงไปอีกละ ท่านเรย์กะกูไม่คิดว่าแม่งมาชกด้วยด้วยซ้ำ ไอ้สัด ชกไม่เป็นสังเวียน จีบแบบเขาไม่รู้ที่ไร้ค่ามากนะ เกาะเวทีต่อไป ท่านเรย์กะก็ยืนถอนหายใจเฮือกๆอยู่บนเวทีทองคำ บ่นว่าไม่มีใครมาชกด้วยเลยน้า~ อยากแพ้บ้างแล้วอ่ะ แต่เป็นเวทีทองคำเลยไม่มีใครอาจเอื้อมขึ้นมา ไอ้ที่ขึ้นมาได้คนนึงก็เกาะอยู่ข้างล่าง อีกคนก็ชกอยู่เวทีข้างๆ แถมมันยังมีหน้าหันมาตะโกนสั่งให้ช่วยแนะวิธีชกชนะวาคาบะให้มันอีกนะ
>>774 นี่กูช่วยต่อกาวให้โม่งฟิคโดยเฉพาะ เดี๋ยวไม่มีอะไรอ่าน เห็นหมดกำลังใจแต่งกัน 5555 บ้องนี้ดีสูดแล้วคุณชายแกน่าสงสารมากนะ ถถถถ
>>775 ใช่มั้ยยย กูว่าคาบุรากิเนี่ยสายที่เรย์กะแพ้ทาง! ถ้ามันจีบเจ้าแม่ ลองเจอทั้งลูกตื้อลูกอ้อน ทั้งปล่อยดาเมจเป็นพักๆ ท่านเรย์กะเป็นพวกใจอ่อน ไม่นานได้ยอมแพ้แหงๆ ขนาดไม่จีบบางทีเจอมันทำอะไรหล่อๆ ยังมีโดขิโดขิเลย แถมเป็นพวกโรแมนติกเว่อร์วัง ไปเจอความมโนเพ้อพกของท่านเรย์กะนี่โคตรเข้ากัน ไปกันได้ ที่จริงอย่างคาบุรากิ สไตล์การจีบจริงใจทุ่มเท จีบใครก็น่าจะติด ยกเว้นเจอสายแข็งจริงๆ ที่ไม่มีใจให้เลย ซึ่งท่านยูริเอะดันเป็นจำพวกนี้ 555 วาคาบะเองก็เป็นสายสตรองเช่นกัน แต่กูว่ารายนี้มีใจ ยังไงคงไม่นก
หันมามองเอ็นโจ พอวิเคราะห์แล้วสงสาร สู้เพื่อนไม่ได้จริงๆ คิดมาก ไม่กล้าทุ่ม มองโลกในแง่ร้าย ไม่กล้า ด้วยบุคลิกแบบนี้ นอกจากว่าผู้หญิงจะเป็นฝ่ายทอดสะพาน ไม่งั้นก็คว้าอะไรไว้ไม่ได้เลย
>>776 เดี๋ยวนะ มึงอย่าเพิ่งทิ้งเรือ 555 แต่จะว่าไปที่ว่าเอ็นโจชอบเรย์กะจริงๆเนี่ยมันก็กึ่งกาวอยู่เหมือนกันนะ ในเรื่องมีแต่เงาเลือนๆไม่ชัดเจน คนขี้ขลาด อย่างน้อยสถานะนายไม่น่าจะแย่ไปกว่านี้ได้แล้ว แสดงออกให้มันชัดเจนหน่อยสิ! ชอบไม่ชอบก็บอกมาาาา ฮีเก็บอารมณ์เก่งเกินไป ไม่มีอาการของคนแอบรักเลย เรานักอ่านเดาๆกันว่าน่าจะชอบ แต่ก็ได้แค่คาดเดา ที่จริงถ้าชัดเจนสักหน่อยกูคงย้ายร่างหลักไปขึ้นเรือแล้ว หรือมีวะ..? มองเขาอยู่ตลอดไรงี้ แต่หลายๆอย่างก็ดูไม่ใช่อ่ะ อย่างหายหัวตลอด ตอนที่เกิดเหตุการณ์สำคัญๆก็ไม่ยอมโผล่มา เอาแต่อยู่เบื้องหลัง กูว่าไม่เหมือนคนแอบรัก แม่งเหมือนนินจาที่แฝงตัวมาสนับสนุนเจ้านาย ที่จริงแล้วเป็นคนที่ทานุกิเพาะเลี้ยงไว้ช่วยเรย์ก----- พอๆ
เอาจริงๆนะ ต่อให้เป็นตัวประกอบแค่ไหน ใครช่วยมาหน้าแดงใส่ท่านเรย์กะสักครั้งเถอะ กูมั่นใจว่าแฟนอวยไม่น้อยพร้อมใจย้ายเรือทันที 555
>>779 เรื่องนี่ดำเนินเรื่องผ่านมุมมองท่านเรย์กะด้วยแหละ เอ็นโจถ้ารุกก็เอาแต่รุกเบาๆแล้วถอย พอเป็นการกระทำของเอ็นโจท่านเรย์กะจะตั้งการ์ดสูงกว่าคาบุรากิซะอีก เอ็นโจแย็บใส่ดาเมจ10 ติดการ์สูงท่านเรย์กะดาเมจเหลือแค่1 เจ้าตัวเลยไม่รู่ตัว
พอเป็นคนอื่น ท่านเรย์กะไม่ตั้งการ์ด เค้าตีมา10 ท่านเรย์กะโดนคริติคอลดาเมจทีเป็น100
>>780 กูได้แต่โทษการกระทำหลอกใช้เมื่อวัยเด็กใช้มั้ย TT ท่านเอ็นโจถึงเจอการ์ดสูงขนาดนี้ หนึ่งหมัดกลางพุงนั่นได้แค่ระบายแค้น แต่ทิ้งรอยระแวงไว้สิบปี หรือเพราะเหตุ้ปัจจุบันเขาเลยต้องคิดมากๆวะ แต่ล่าสุดกูว่าพลาดอีกแล้ว ท่านเรย์กะสาปในใจแล้วตัดบทไม่บรรยายต่อ แต่ในความเป็นจริงนี่มีชะงักกึกขมวดคิ้วชักสีหน้าใส่แน่เลย หลังจากนั้นก็เดดแอร์
เอ็นโจพลาดแล้ว กลับไปได้แต่ซึม คิดมากต่อ พูดอะไรไปเนี่ย นอกจากไม่ทำให้อะไรดีขึ้นแล้วยังอาจถูกเข้าใจผิดอีก เผลอๆจะถูกเกลียดรึเปล่าไม่รู้ จ๋อยไปอีก วันต่อมาทำข้อสอบฟอร์มตกเลย //ย่อหน้านี้กาว 55
>>780 ตอนเอ็นโจพยายามแย็บใส่ท่านเรย์กะ การ์ดท่านเรย์กะทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพเชียวนะมึง แต่พอไม่ได้โจมตีดันทะลุเกราะเฉยเลยมึง(ตอนใส่ชุดคาร์ดิแกนเดินนำ) กูนี่อยากให้ฮีทำตัวเท่ๆแล้วหุบปากโดยเฉพาะคำว่า'บุญคุณ'กับท่านเรย์กะจริงนะมึง ตอนช่วยเลือกของให้ท่านอิมารินี่ท่านเรย์กะเกือบจะให้คะแนนฮี500แล้วนะ แต่พอฮีพูดคำว่า'บุญคุณ'คะแนนติดลบ1000เลยมึง กูล่ะอยากเกิดเป็นยูกิโนะคอยตบกบาลฮีแล้วพูดว่า "ท่านพี่ท่านมันไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ดั่งใจเลยจริงๆ!!!"
>>782 พออ่านฟิคที่เอ็นโจคิมิดอลกลับชาติมาเกิดเป็นยูกิโนะแล้วในทุกวันนี้หัวกูติดฟิลเตอร์ เห็นเอ็นโจเป็นโนบิตะ ยูกิโนะเป็นโดเรมอน พอกลับมาถึงบ้านเอ็นโจก็โผเข้าหา "ยูกิโนะ วันนี้คุณคิโชวอินก็เดินหนีผมอีกแล้วล่ะ ทำอะไรซักอย่างซี่~~~" ยูกิโนะถอนใจเบื่อๆ "ช่วยไม่ได้ แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ" แล้ววันรุ่งขึ้นก็ไปยิ้มเทวดาใส่คุณพี่เรย์กะ อยากให้คุณพี่มาเที่ยวบ้านจังฮะ จบไปเป็นตอนๆ ถถถถถถถ
>>782 เห็นด้วย บางทีก็เบื่อนิสัยของเฮียแกที่ชอบอ้างบุญคุณเหมือนกัน อย่างตอนที่ไปช่วยเลือกของเงี้ยะ คือเรย์กะไม่ได้ขอให้ช่วยไง เสนอตัวช่วยเองแล้วดันมาพูดแบบนี้ เป็นกูกูก็ไม่อยากยุ่งนะกับคนประเภทนี้ แต่กูอยู่เรือเอ็นโจนะ หวังว่าเฮียแกคงจะมีพัฒนาการดีขึ้น จำความผิดพลาดครั้งนี้เป็นบทเรียนซะนะซูซุมอยคลุง
>>778 โครตขี้ขลาดเลยองค์ชายกู มีทุกอย่างแต่เสือกปอดแหกไม่กล้า ได้แต่ชะเง้อคอมอง พอรวบรวมความกล้าได้หน่อยดันโดนต่อยหน้าแหกกลับมาจนกลับไปปอดแหกอีกรอบ ตาย เกิด วนเวียนแบบนี้อยู่ร่ำไป จีบหญิงก็ไม่เป็น แถมทำตัวเองติดลบจนไม่รู้จะลบยังไงละ
กูไม่เคยคิดย้ายเรือนะ แม้ฮีจะอนาถแค่ไหน แต่กูจะเข็นไปให้สุดทางเอง ถ้าอฟช.ล่มเรือกูก็พร้อมจมไปด้วย กูเขียนๆฟิคให้เพราะกูรักเขานะเนี่ย รักมาก อยากให้ได้ดีมีสุขซักที ประมาณแม่อยากเห็นลูกเติบโตมีอนาคตสดใสอ่ะ 5555555555555555555
ท่านเรย์กะกูไม่ค่อยห่วงหรอก เพราะกูรู้ว่าตอนจบยังไงนางก็คงได้พบคนที่ใช่ แต่เอ็นโจนี่สิ เหลียวมามองกูล่ะอนาถใจชิบหาย เรื่องบุญคุณก็ช่วยหุบปากมั่งเหอะ รู้ว่าสาวเขาไม่ชอบก็เสือกย้ำจัง ไม่มีอะไรจะพูดรึไง คาบุยังเทคแคร์วาคาบะได้ดีเลย คิดหาแผนเดทไปนั่นไปนี่ให้เขาชอบ ชวนคุยเรื่องที่เขาสนใจ นัดเดทครั้งต่อไปด้วยตัวเองแบบไม่ต้องให้ใครมาบอกสอน แต่องค์ชายกู เฮ้อ ขอตบกบาลทีได้มั้ย เผื่อจะหายโง่ เรื่องอื่นล่ะฉลาดจัง เรื่องนี้เสือกคิดไม่ได้ งี่เง่าจริงๆชูสุมอย
ky เข้า pixiv เจอแฟนอาร์ตปกคิมิดอล https://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=manga&illust_id=64138285
นั่นมันอาริมะผู้ไร้บท จ แจ่มชะมัดเลยคร่ะ //กระอักเลือด
>>786 ปกโคตรสไตล์บงกช การ์ตูนสาวน้อยจริงๆ 555 แต่ลายเส้นยังไม่ใช่เว้ย ลายเส้นน่ะมันต้องอย่างนี้!
https://touch.pixiv.net/member_illust.php?mode=manga&illust_id=60733934&ref=touch_manga_button
สำหรับกู ท่านเรย์กะเวลาชมคนอื่นก็ไม่ได้ตั้งการ์ดเท่าไหร่ อาจติดกาวปนไปด้วยซ้ำ(ท่านพี่ ท่านอิมาริ ท่านไอระ ท่านยูริเอะ ฯลฯ)
แต่พอตัวละครหลักอย่าง คาบุ เอ็นโจ ตัวสำรอง แต่คุณดิสเครดิตตั้งแต่เห็นเลยเถอะ เห้ออออ
งั้นกูว่าปล่อยให้วาคาบะเป็นคนดีต่อไปเหอะมึง อย่างน้อยๆเรื่องนี้จะได้มีอะไรให้กูรู้สึกอบอุ่นใจบ้าง
จริงวาคาบะนี้คนฮีลใจกูเลยนะ
>>801 อาจจะไปแอบป้อคันตะโดยไม่รู้ตัวตอนยังเด็กก็เป็นได้
ว่าแต่เพื่อนโม่ง กูเป็นสายโชเน็นอ่ะ อิมเมจสาวๆ ในเรื่องเลยแตกต่างจากพวกมึง(ค่อนข้างมาก)นิดหน่อย
เอาง่ายๆ ก็เรย์กะ, วาคาบะ, ยุยโกะกูตั้งใว้ประมาณนี้
ปล. ฟิกยุยโกะกะท่านพี่ยิ่งเขียนชียิ่งวิกลจริต.......ขอโละไปเป็นมุมมองท่านพี่แทนละกันนะ
http://imgur.com/2FRXpwg http://imgur.com/4LveaeD http://imgur.com/lnJCSMV
ฟิคน่ะ เขียนเสร็จแล้วก็ต้องลงสิจ๊ะ
เอ็นโจเลี้ยงต้อย >>>/webnovel/4018/345-347
---------------------------
หลังจากเก็บตัวอยู่ในห้องจนถึงบ่ายสาม ผมเดินโซเซลงมาข้างล่างเพื่อหาน้ำดื่ม มาซายะนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เตาผิงเหมือนเดิม เลิกคิ้วเมื่อเห็นผม
“เป็นหวัดเหรอ” เขาถาม “ไปหาหมออีกมั้ย”
“ไม่เป็นไรหรอก” ผมก้มมองหนังสือในมือมาซายะ “ดร.เจเคิลกับมิสเตอร์ไฮด์อีกแล้วเหรอ”
“เปล่า เรื่องนั้นอ่านจบแล้ว” มาซายะชูหนังสือให้ดู คราวนี้คือ Metamorphosis ของคาฟกา
เรื่องที่กล่าวถึงชายคนหนึ่งที่เป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัว วันหนึ่งตื่นมาก็พบว่าตนเองกลายเป็นแมลงน่ารังเกียจ ท่าทีของครอบครัวที่เคยรักเขานักหนาก็เปลี่ยนไปเพราะไม่สามารถทำประโยชน์ให้ได้อีกต่อไปแล้ว
มาซายะวางหนังสือลงแล้วล้วงเข้าไปในอกเสื้อ หยิบกระดาษแข็งๆออกมาสองแผ่น ยื่นให้ผม
“เมื่อคืนเห็นบอกว่าอยากดูละครเวที ฉันก็เลยให้คนไปจองตั๋วมาให้” เขาพ่นลมหายใจ “ทีหลังจะดูก็บอกกันก่อนล่วงหน้าสิ มันฉุกละหุกแบบนี้เกือบหาที่นั่งไม่ได้แล้วนะ”
“ขอโทษด้วยนะ” ผมรับตั๋วมาดู ชื่อของละครเวทีคือ ดร.เจเคิลกับมิสเตอร์ไฮด์
ชูสุเกะในโลกกระจก เขาคิดจะทำอะไร
เขาปรากฎตัวต่อหน้ามาซายะ แสดงละครเป็นผมได้แนบเนียนอย่างที่มาซายะก็ยังไม่รู้ถึงความแตกต่าง แล้วเรื่องที่คุยก็คือเรื่องนี้อีก
“ถ้ายังปวดหัวอยู่ เอาไว้มาคราวหน้าค่อยดูก็ได้” มาซายะแตะบ่าผมที่กำลังก้มมองรายละเอียดบนตั๋ว
“ไม่” ผมส่ายหน้า “ไปดูกันเถอะ”
มาซายะมองผมแบบเคลือบแคลง ผมก็ได้แต่ยิ้มตอบกลับไป ทั้งที่ในใจยังวิตกกังวลถึงจุดประสงค์ของชูสุเกะคนนั้น
ผมจะต้องไปดูให้รู้ ว่าเขาต้องการอะไร มีจุดประสงค์อะไร คิดจะทำอะไรต่อไปกันแน่
.
.
.
.
ละครเวทีเริ่มขึ้นตอนหนึ่งทุ่ม ผมกับมาซายะนั่งอยู่ที่ชั้นบ็อกซ์ นั่งชมการแสดงไปแบบเงียบๆ จนมาถึงฉากสำคัญของเรื่อง ฉากที่ดร.เจเคิลดื่มยาที่ปรุงเอง จนมิสเตอร์ไฮด์ออกมาได้ในที่สุด ไปจนถึงฉากการเผชิญหน้ากับมิสเตอร์ไฮด์ เป็นตัวตนที่เขาไม่ยอมรับ
นักแสดงชายร้องเพลงสลับบุคลิกได้อย่างน่าทึ่ง ฉากที่เขาคือดร.เจเคิล น้ำเสียงเขาไพเราะกังวานเหมือนทูตสวรรค์ แต่เสียงของมิสเตอร์ไฮด์กลับแหบห้าว เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวเหมือนปีศาจจากนรกคอยหลอกหลอน
ดร.เจเคิลโต้ตอบกับไฮด์ หาว่าไฮด์คือปีศาจที่เกิดจากฝันร้าย แต่ไฮด์กลับหัวเราะใส่หน้า พูดว่าเขาก็คือตัวเจเคิลเองนั่นล่ะ
เจเคิลผู้มุ่งมั่นจะทำแต่ความดี สุดท้ายก็พ่ายแพ้กิเลสตัณหาอย่างไฮด์ ปลดปล่อยด้านมืดของเขาออกมาทำร้ายคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้แต่คนที่เขารักที่สุด และสุดท้ายก็จบลงด้วยโศกนาฏกรรม
อันที่จริง ละครเวทีเรื่องนี้ผมเคยดูแล้ว แต่ก็ยังนึกติดใจสงสัย
นี่คือสิ่งที่ชูสุเกะคนนั้นอยากให้ผมเห็นอย่างนั้นเหรอ
นักแสดงทุกคนและทีมงานออกมาโค้งคำนับให้ผู้ชมที่ปรบมือดังสนั่นฮอลล์ ผมกับมาซายะก็ปรบมือให้ด้วย เราสองคนออกจากโรงละคร ตรงกลับบ้านแบบไม่ได้แวะที่ไหนเลย นั่งเงียบกันไปตลอดทาง
ลองครุ่นคิดถึงเนื้อหาละครเวที ถ้าเป็นสิ่งที่เขาอยากให้ผมเห็น จะสื่อว่าผมเหมือนกับเจเคิลและเขาคือมิสเตอร์ไฮด์อย่างนั้นสินะ
ผมตัดสินใจได้ในที่สุด
“นี่ มาซายะ” ผมเรียกเขาตอนที่เรากำลังเดินเข้าบ้าน
“หือ”
“นายยังสามารถนัดด๊อกเตอร์คนนั้นได้อยู่รึเปล่า”
มาซายะเลิกคิ้วขึ้นแบบสงสัย แต่ก็พยักหน้า “ได้สิ”
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร เดินปลีกตัวไปที่มุมหนึ่งของบ้าน คุยอยู่ครู่หนึ่งก็เดินกลับมา
“พรุ่งนี้สิบโมงเช้า เข้าไปหาเขาที่เดิมได้เลย”
“ขอบคุณนะ”
เขาวางมือลงบนบ่าผม บีบเบาๆแบบให้กำลังใจแล้วเดินขึ้นบันไดไป
โทรศัพท์ของผมดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน เป็นสายจากเรย์กะที่โทรจากญี่ปุ่น พอกดรับก็ได้ยินเสียงสดใสดังมาจากปลายสาย เป็นเสียงที่ทำให้ชุ่มชื้นหัวใจทุกครั้งที่ได้ยิน
พอได้คุยกับเธอ ความทุกข์อะไรก็เหมือนถูกปัดเป่าออกไป เป็นเหมือนที่พักใจในโลกที่วุ่นวายทั้งหลาย
ถ้าเพื่อรักษาสิ่งนี้ไว้ล่ะก็ จะให้ทำอะไรผมก็ยอมทั้งนั้น
แม้ว่าสิ่งที่ต้องทำนั่นจะหมายถึงการกำจัดตัวเองอีกคนออกไปก็ตาม
มาซายะพาผมไปหาจิตแพทย์คนเดิมตามเวลานัดหมายแล้วก็นั่งรออยู่ข้างนอกเงียบๆ ให้ผมเข้ารับการรักษา
คราวนี้ผมเล่าอาการทั้งหมดให้หมอฟัง เล่าถึงอาการปวดหัว เล่าถึงชูสุเกะในโลกกระจก ปิดบังความจริงนิดหน่อยตรงที่วิญญาณของผมลอยละลิ่วมาสิงร่างตัวเองในอีกโลกเท่านั้นเอง เขารับฟังด้วยท่าทีสงบนิ่ง แต่ตั้งใจฟังผมทุกคำพูด ซักถามผมเล็กน้อยแล้วก็ปล่อยให้ผมพูดต่อไปเรื่อยๆ
นานแล้วที่ไม่ได้พูดอะไรที่อยู่ในใจออกไป พอได้พูดก็รู้สึกโล่งขึ้นมาไม่น้อย
เหลืออีกสองวันก็ต้องกลับกันแล้ว เวลาสั้นๆแค่นี้ไม่ทำให้วินิจฉัยอาการของผมได้ หมอเลยจะส่งต่ออาการของผมไปให้ลูกศิษย์ที่อยู่ญี่ปุ่น แล้วก็ให้ยามาอีกหลายขนาน อธิบายว่ายาเหล่านี้จะช่วยปรับสมดุลของสารเคมีในสมองให้กลับมาเป็นปกติ พร้อมบอกถึงผลข้างเคียงเมื่อทานยา แต่ถ้าอยากจะรักษาให้หายก็ต้องอดทน
มาซายะซักถามผมถึงเรื่องการรักษา ผมก็ได้แต่บอกเขาไปว่าเป็นเพราะความเครียด แล้วก็ต้องกลับไปหาจิตแพทย์ที่ญี่ปุ่นอีก เขาก็ทำหน้าแปลกๆแล้วชวนผมเดินเล่นริมแม่น้ำเทมส์เสียอย่างนั้น
เราเดินกันเงียบๆบนทางเดินของ The Queen’s walk ที่ทอดยาวเลียบแม่น้ำ มีคนเดินสวนมาบ้างเล็กน้อย แต่อากาศหนาวๆแถมหิมะกำลังตกแบบนี้คงไม่มีใครอยากออกมาเดินให้ลมตีหน้านอกบ้านแบบที่ผมกับมาซายะกำลังทำอยู่นี่หรอก
“มีอะไรงั้นเหรอ มาซายะ”
“เปล่านี่”
เมื่อผมจ้องหน้าเขา มาซายะถอนหายใจแล้วก็พูดออกมา
“ฉันไม่ใช่หมอ ไม่รู้จะรักษานายยังไง ก็แค่คิดว่าถ้าได้เดินกินลมชมวิว นายอาจจะหายเครียดได้บ้าง” เขายักไหล่ “แต่เรื่องที่นายกำลังเครียดอยู่ ช่วยบอกฉันหน่อยได้มั้ย”
เมื่อผมนิ่งเงียบ เขาหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผม แววตาดูตัดพ้อเล็กน้อย
“เป็นอะไรที่หนักหนาจนบอกฉันไม่ได้เลยเหรอ”
“มาซายะ….”
“นายก็เป็นแบบนี้อยู่เรื่อย”
เขาหัวเราะออกมาอย่างฝืดเฝื่อน แล้วเดินนำหน้าผมไป
.
.
.
.
เราแวะทานข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆเป็นมื้อเที่ยง ต่างคนต่างทานไปแบบเงียบๆ พอทานเสร็จมาซายะก็เรียกรถมารับแต่ให้ผมกลับไปก่อน
“ฉันจะไปหายูริเอะ จะไปดูว่ากลับมารึยัง”
“งั้นผมไปด้วย”
“ไม่ต้อง ฉันจะไปคนเดียว”
“มาซายะ”
“นายไปก็ไม่มีประโย.….เออ ช่างเหอะ” เขาตอบห้วนๆแล้วจ้องผมเขม็ง “เป็นคนป่วยก็กลับไปพักผ่อน แล้วก็ทานยาให้มันครบๆด้วยล่ะ เดี๋ยวฉันจะกลับไปเช็คทีหลัง ถ้านายแอบเอายาไปทิ้งล่ะก็ ฉันฆ่านายแน่”
“มาซายะ”
“ไปได้แล้ว” มาซายะปิดประตูรถใส่หน้าผม เดินไปโบกแท็กซี่แล้วขึ้นรถไปจากที่ตรงนั้น
ช่วงเวลาที่มาซายะอกหักจากยูริเอะจะอยู่ราวๆนี้ ยังไงผมก็ปล่อยให้เขาไปคนเดียวไม่ได้ ยิ่งเหตุการณ์ไม่เหมือนกับโลกเดิมของผม ไม่รู้มาซายะจะเตลิดเปิดเปิงไปได้ขนาดไหน
แต่พอจะเปิดประตูวิ่งตามไป รถกลับล็อคเสียอย่างนั้น
ผมบอกคนขับรถให้ขับไปบ้านที่ยูริเอะพักอยู่ในอังกฤษหรือไม่ก็ปลดล็อคประตูให้ผมไปเอง แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง เขาก็ส่ายหน้าอย่างเดียว บอกว่าคุณมาซายะสั่งไว้ยังไงก็ต้องทำตาม และห้ามฟังคำสั่งผม
“กรุณากลับไปรอคุณมาซายะที่บ้านเถอะครับ” คนขับรถพูดกับผมด้วยเสียงอ่อนน้อม “คุณมาซายะเป็นห่วงสุขภาพคุณนะครับ ถึงได้ห้ามไว้”
“ตามมาซายะไปเถอะครับ นี่เรื่องสำคัญนะ” ผมชักจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว คนของตระกูลคาบุรากินี่จงรักภักดีกันเหลือเกินนะ
“คุณมาซายะสั่งไว้ ยังไงไม่ได้ครับ”
มาซายะทำเหมือนผมป่วยร้ายแรงใกล้ตายเดินไม่ได้ต้องคอยประคองไว้ตลอดเวลาอีกแล้วนะ น่าโมโหชะมัด
“ขับๆไปเหอะน่า” ผมตะโกนใส่คนของมาซายะด้วยความหงุดหงิด น้อยครั้งมากที่ผมจะใช้น้ำเสียงแบบนี้กับใคร “ถ้ามาซายะเป็นอะไรไปก็เป็นความผิดคุณนั่นล่ะ อยากให้มาซายะตายรึไง”
“คุณชูสุเกะ…”
“ถ้าไม่ทำตามที่ผมบอกภายในสิบวินาที ผมจะโทรหาตำรวจเดี๋ยวนี้ว่ากำลังถูกลักพาตัว อยากไปนอนซังเตเล่นซักสองสามวันมั้ยล่ะ”
“.......”
“คุณมีเวลา 1...2...3...4…” ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมกดเบอร์เรียกตำรวจ
นับไปถึงเก้า คนขับก็ยอมยกธงขาว ฟังที่ผมพูดในที่สุด
“เร็วๆเข้า ไม่มีเวลาแล้วนะ ป่านนี้มาซายะใกล้จะไปถึงบ้านยูริเอะแล้วแน่ๆ” ผมตบเบาะคนขับ “เดี๋ยวพอถึงแยกหน้าแล้วเลี้ยวขวาไปเลย นั่นทางลัด”
“แต่ว่า”
“เหอะน่า!!”
คนขับรถมีสีหน้าลำบากใจ แต่ก็ยอมขับรถตามไปที่บอก ใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆกว่าจะไปถึงถนนหลักที่จะไปบ้านยูริเอะได้
ไม่รู้ป่านนี้มาซายะเป็นยังไงบ้างแล้ว
เข็มนาฬิกาเดินไป แต่ละนาทีที่ไหลผ่านนั้นทำให้รู้สึกกดดันพอสมควร นึกภาวนาในใจไม่ให้เขาคิดทำอะไรบ้าๆอย่างหนีไปฆ่าตัวตายแบบในโลกเดิมของผม
ผมโทรหาทั้งมาซายะ ไอระ ยูริเอะแต่ไม่มีใครรับสาย พอขับเข้ามาใกล้บ้านของยูริเอะก็ได้เห็นมาซายะยืนอยู่กับยูริเอะที่หน้าบ้าน ท่าทางเหมือนกำลังทะเลาะกันอยู่
การโต้เถียงจบลงด้วยยูริเอะวิ่งเข้าบ้าน ส่วนเขายืนก้มหน้าอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว
“มาซายะ”
นานพอดูกว่าเขาจะรู้สึกตัวว่าผมยืนอยู่ข้างๆ มาซายะเงยหน้าขึ้นมาแล้วหันมาพยักหน้าให้แบบเนือยๆ มีรอยแดงรูปฝ่ามือประทับอยู่ที่แก้มซีกซ้าย
“ชูสุเกะ”
“อื้อ”
“มาทำอะไรที่นี่ ก็บอกให้ไปรอที่บ้านไม่ใช่รึไง”
“มารับนายกลับบ้าน”
“จุ้นไม่เข้าเรื่อง” มาซายะถอนหายใจ “เอ้า กลับก็กลับ รถอยู่ไหนล่ะ”
เขาเดินตามผมมาขึ้นรถแต่โดยดี แล้วก็เอาแต่นั่งเงียบมองออกไปนอกหน้าต่างไม่พูดไม่จา
รถขับข้าม Tower Bridge มาได้ ผมก็บอกให้คนขับจอดรถแล้วดึงแขนมาซายะออกไปที่ The Queen’s walk แบบที่มาซายะทำกับผมเมื่อตอนเที่ยง บอกคนขับว่าจะกลับกันเองแล้วปิดประตูใส่ มาซายะดูงงๆแต่ก็ยอมเดินตามมาด้วย
“มีอะไร”
“เปล่านี่” ผมยิ้มให้เขา “ก็แค่คิดว่ามาเดินเล่นอาจจะช่วยให้หายเครียดได้บ้าง”
“เฮอะ” มาซายะกลอกตาขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม
เราเดินกันไปเรื่อยๆแล้วก็หยุดพักที่ใกล้ๆกับสะพานมิลเลนเนียม เกาะราวยืนมองวิวทิวทัศน์อะไรกันไปเรื่อยไม่มีใครพูดอะไร
ผมรอเวลาให้เขาพูดออกมาเอง ไม่กดดัน ไม่คาดคั้น แค่ยืนอยู่ข้างๆเงียบๆ
“ชูสุเกะ”
“ว่าไง”
“เมื่อกี้ ฉันไปหายูริเอะ”
“อือ”
“ฉันเจอผู้ชายคนหนึ่งยืนกอดยูริเอะอยู่หน้าบ้าน แล้วก็ทำเหมือนจะจูบ...” ผมเหลือบมองมาซายะ เขาจ้องไปข้างหน้าด้วยแววตาเลื่อนลอยไม่มีจุดหมาย “....ฉันเลยเข้าไปต่อยมัน”
ผมไม่ได้พูดอะไร แต่ปล่อยให้เขาพูดออกมาให้หมดเป็นการระบายความทุกข์
“แล้วยูริเอะก็ตบฉัน ไล่ฉันไปให้พ้นๆหน้า บอกว่าไม่เคยคิดอะไรกับฉันแม้แต่นิดเดียว เบื่อที่ฉันตามติดเธอแบบนี้ หนีมาอังกฤษก็ยังตามมา ฉันทำให้ทุกอย่างแย่ไปหมด”
มาซายะหลับตาลงช้าๆ สีหน้าดูเจ็บปวด
“ฉันรู้ รู้อยู่แล้วว่าเวลานี้ต้องมาถึง ฉันก็แค่หลอกตัวเองไปวันๆว่ายูริเอะคงพอจะมีใจให้ฉันบ้าง แต่ที่จริงเธอน่ะรำคาญฉันเต็มทีแล้ว โดนตบก็ดีเหมือนกัน จะได้หายโง่”
“มาซายะ”
“ฉันรู้ ฉันรู้” เขาหัวเราะ แต่น้ำเสียงฟังดูขมขื่น “ฉันรู้แต่ก็ยังหลอกตัวเอง ฉัน...”
คำพูดนั้นขาดหายไปเมื่อผมถอดพันผ้าพันคอตัวเอง เอาไปพันใส่หัวและหน้าเขาจนสุดความยาวของผ้า มาซายะแกะผ้าออกมาแบบทุลักทุเล พอแกะได้ก็ถลึงตาจ้องอย่างกราดเกรี้ยว
“ทำบ้าอะไรเนี่ย”
“เอาไว้ให้ซับน้ำตาไง”
“เฮอะ ใครจะไปร้องไห้กับเรื่องแค่นี้ฟะ บ้ารึเปล่า” มาซายะแยกเขี้ยวแล้วโยนผ้าพันคอคืนมา “ข้างนอกนี่หนาวชะมัด กลับกันได้แล้ว”
“อือ”
ผมเดินตามหลังเขา มาซายะก็หันมาจ้องแบบไม่พอใจ
“อย่ามาเดินตามหลัง ทำตัวเป็นผู้คุมประพฤติฉันจะได้มะ ฉันไม่ทำอะไรโง่ๆหรอกน่า”
“ก็ได้ๆ” ผมออกเดินนำหน้าเขาไป คอยฟังเสียงฝีเท้าที่ตามหลัง หันไปดูเป็นระยะๆว่าเขายังอยู่ ไม่ได้ไปทำอะไรโง่ๆอย่างปากว่า
หันไปมองอีกทีก็เห็นมาซายะหยุดเดิน ก้มหน้า ใช้หลังมือขยี้ตาตัวเองอยู่
เนี่ยนะที่บอกจะไม่ร้องไห้
พอผมเดินไปหา เขาก็รีบพูด
“ฉันไม่ได้ร้องไห้หรอกนะ ไม่ต้องมามอง” มาซายะพูดแบบนั้น ทั้งที่ยังก้มหน้าเช็ดน้ำตา “หิมะมันตกใส่ก็เลยต้องเช็ดออกเฉยๆ”
ผมแหงนมองท้องฟ้า หิมะหยุดตกไปตั้งแต่บ่ายแล้ว ทางเดินที่เดินมาเมื่อครู่นี้ก็ไม่มีหิมะซักนิด
“นั่นสินะ” ผมถอดผ้าพันคอออก กางคลุมหัวมาซายะ ชายผ้าปรกลงมาปิดหน้าปิดตาเขาจนหมด “ใช้ผ้านี่ก็แล้วกัน ผืนใหญ่น่าจะเช็ดหิมะออกได้หมด”
มาซายะยังยืนนิ่งอยู่ ผมเลยวางมือลงบนศีรษะเขาแล้วตบปุๆ
เสียงสะอึกสะอื้นดังขึ้นให้ได้ยินต่อจากนั้น
“ชูสุเกะ….”
“อือ”
“ฉันน่ะรักยูริเอะ รัก รักมาตลอด ตอนเธอตะโกนใส่ฉันด้วยถ้อยคำพวกนั้น เหมือนมีใครเอามีดมากรีดข้างใน” มาซายะกุมอกข้างซ้ายตัวเองไว้ “ฉันเจ็บมากๆเลย เจ็บไปหมด เจ็บตรงนี้ เจ็บจนนึกว่าตัวเองจะเป็นบ้าไปซะแล้ว”
ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่เข้าใจความเจ็บปวดนั้น ปล่อยให้มาซายะตะโกนระบายมันออกมาจะได้รู้สึกดีขึ้น ไม่ต้องเก็บไว้แบบผม
ในโลกเดิมที่ผมถูกคุณคิโชวอินทำร้ายจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า หัวใจผมก็เจ็บปวดจนกลายเป็นความชินชา แต่ก็ยังไม่เลิกหวังลมๆแล้งๆ ยังรอคอยเผื่อว่าเธอจะเห็นใจแล้วหันมามองผมบ้าง
คุณคิโชวอินก็เอาแต่หนี ไปเห็นใครต่อใครดีหมด ยกเว้นผม การรอคอยนั้นไม่เคยมีจุดสิ้นสุดจนแทบหมดหวัง ยังดีที่โลกนี้พอจะช่วยให้ได้ลิ้มรสชาติความสุขสมหวังกับเขาบ้าง
ผมกอดคอมาซายะให้เดินไปด้วยกัน ตบบ่าหรือไม่ก็โยกตัวปลอบไปตามเรื่องตามราว พอใกล้ๆถึงถนนที่สามารถเรียกแท็กซี่ได้ มาซายะก็หยุดยืนอีกหน เงยหน้าขึ้นมามองผมทั้งที่ขอบตายังแดงช้ำ
“ชูสุเกะ”
“หือ”
“ขอบคุณนะ”
“เรื่องอะไรล่ะ”
“ไม่รู้สิ...” มาซายะยักไหล่ “ก็แค่อยากพูด”
ผมเลยวางมือลงบนหัวเขา คราวนี้ขยี้จนผมยุ่งเหยิงไปหมด มาซายะโวยวายนิดหน่อยแล้วพยายามหนีออกจากมือของผม ผมยักคิ้วให้เขาก็ถลึงตาใส่แล้วก็พ่นลมหายใจออกมาแบบเหนื่อยหน่าย
แท็กซี่มาพอดี ผมเลยโบกเรียก ตอนที่รถกำลังใกล้เข้ามา มาซายะก็วางมือบนไหล่ผม บีบเบาๆ และพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังไปกว่าการกระซิบ
“ขอบคุณที่ยังอยู่กับฉันนะ”
-------------------------------------
ว้า ตอนนี้ก็ยังไม่ถึงคิวที่เอ็นโจจะโดนกระทืบแฮะ //ผิดหวังจัง
ดร.เจเคิลกับมิสเตอร์ไฮด์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ดร.เฮนรี่ เจเคิล หมอหนุ่มรูปหล่อผู้ตั้งมั่นจะทำแต่ความดี มีสิ่งยั่วยุก็ไม่หวั่นไหว วันหนึ่งอีตาดร.แกประดิษฐ์ยาที่สามารถแยกความดีความชั่วออกจากกันได้ แกก็ทดลองดื่มลงไปก่อน ผลปรากฎคือกำเนิดตัวตนของมิสเตอร์ไฮด์ออกมา ซึ่งมิสเตอร์ไฮด์คือด้านมืด คือความชั่วในตัวที่แกไม่ยอมรับว่าแกมีอยู่ ตอนจบก็แบดเอนด์จ้าาาาา
หนุ่มๆ เดินซับน้ำตาให้กันริมฝั่งแม่น้ำ อาหหห์... กร๊าวใจกูยิ่งนัก
>>801 มรึงทำให้กูนึกถึงการ์ตูนเรื่องนี้ สู้กันเพื่อข้าวกล่องลดราคาป้ายแดง!!
https://www.youtube.com/watch?v=_-t9__D98O0
เออ 800แล้วนี่ เสนอชื่อทู้หน้ากันด้วยย
>>772 เพิ่งมาย้อนอ่าน กูเรือเอ็นโจนะ แต่เห็นด้วยกับมึงหมดเลย 5555555555555555
กูว่าอีนี่มันเป็นพวกเพลย์เซฟว่ะ เหตุผลมาก่อนอารมณ์ จะทำอะไรก็ต้องมีทางถอย หาทางหนีทีไล่ไว้ก่อนด้วย เกิดพูดออกไป วิ่งเข้าใส่แล้วแม่งแป้กจะทำไงอะ ไอ้รักมันก็รักนั่นล่ะ แต่ก็ต้องเหลือทางให้ตัวเองด้วย ถึงแป้กจะได้ไม่เจ็บตัวมาก แล้วจากอุปนิสัยคือเป็นพวกคิดมาก รอบคอบ ประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าก่อนเป็นฉากๆเลยว่าทำแบบนั้นลงไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไตร่ตรองเรื่องผลดีผลเสียแล้วค่อยลงมือทำ ถ้าทำแล้วได้ผลเสียก็อย่าทำดีกว่า ซึ่งไอ้ตรรกะนี้มันใช้กับความรักด้วย เลยกลายเป็นคาราคาซัง จะรุกจีบก็ไม่ได้ แต่จะให้เลิกรักชอบเขายิ่งทำไม่ได้เข้าไปใหญ่ ถ้าไปชอบคนอื่นก็สบายกว่านี้แล้วแท้ๆ แค่ชายตามองหน่อยเดียวก็สมหวัง แต่พอเป็นเรย์กะอะไรมันก็ยากไปหมด
กูว่าหมอนี่เป็นคนหมู่บ้านคาสโนว่าไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่เคยจีบใคร ไม่เคยมีแฟน ถึงมีสาวๆรายล้อมแต่ลีลาการจีบเป็น 0 ยื่นใบสมัครก็ถูกเขี่ยทิ้งลงถังขยะแน่ๆ แค่เรื่องชมเรื่องปากหวานเอาใจหญิง ก็ทำได้แค่ชมแบบทื่อมะลื่อตรงๆ ไม่มีความแพรวพราวแบบท่านอิมาริเลยด้วย ท่านอิมารินี่แบบ...สวยเหมือนภูตกุหลาบมั่งล่ะ ชื่องดงามมากเลยขอสั่งเหล้าที่สมกับชื่อคุณให้มั่งล่ะ ปากหวานมากกกก หันมองเอ็นโจ....เหมาะมากเลย จบ..... มีอัพเกรดขึ้นมาหน่อยคือน่ารักเหมือนกระต่าย แต่ก็แค่นั้น ก็ติดๆขัดๆไปต่อไม่ได้ ทำอะไรไม่ถูก กูจะมองว่าฮีจีบอยู่คนเดียวไร้ประสบการณ์ก็แล้วกัน ไม่เหมือนท่านอิมาริที่ผ่านมาทุกสมรภูมิจนโชกโชน สาวน้อยวัยใสไปยันสาวแก่แม่หม้าย รู้ว่าเอาใจผู้หญิงควรทำยังไง
แต่กูดีใจอยู่นะที่ฮีก็แสดงอารมณ์หึงหวงด้านลบออกมามั่งละ ปกติจะพูดทำนองกำกวมให้ไปคิดเองหรือไม่ก็ไม่ตอบอะไรเอาแต่ยิ้ม ทำเหมือนตัวเองเหนือกว่าตลอดเวลา แต่ในตอน 238 นี่คืออารมณ์ล้วนไม่มีเหตุผลเลย เอาความสะใจเข้าว่าแล้วก็มาเสียใจเองทีหลังจนคะแนนตก กูอยากให้ฮีลุกมาทำอะไรซักอย่างเหมือนกันนะ ถ้าคาบุมันได้กับเรย์กะจริงๆกูก็ไม่แปลกใจหรอก อยากชักช้าเองทำไม
>>824 สัมผัสที่เจ็บกันเลยทีเดียว ตอนนี้เอ็นโจโครตเหมาะกับเพลงนี้ชิบเผง 555555555555555555555
"คำว่ารักเพิ่งเข้าใจเมื่อพบเธอ
แต่คำว่าเจ็บ เพิ่งรู้เมื่อวันที่เธอนั้นทิ้งกันไป
คำว่ารักมีค่าเพราะเธอ และคำว่ารักเกือบฆ่าฉันตาย
ไม่คิดว่าวันนี้เจอสัมผัสที่เจ็บเหลือเกิน"
ขนาดทะเลาะกับเขานิดหน่อยยังเก็บมาคิดมากเครียดจนคะแนนตก ยิ้มเฝื่อนๆอีก ถ้ารวบรวมความกล้าไปบอกรักแล้วเรย์กะปฏิเสธสงสัยไปฆ่าตัวตายจริงๆชัวร์ ไม่ไปด้อมๆมองๆแถวริมผาแต่จะโดดลงไปเลยแน่ๆ
แต่กูก็สงสัยนะ คาบุมันอยู่ข้างๆยูริเอะ ก็ยังคิดจะทำนั่นทำนี่ให้ ดูหนังแล้วมีฉากเอาแหวนแฮนด์เมดไปขอแต่งงาน เลยไปทำมาให้ยูริเอะใส่มั่ง แต่เอ็นโจอยู่ข้างๆยุยโกะ ดันเอาใจผู้หญิงไม่เป็นเลยเหรอ หรือต้องรอรับคำสั่งจากยุยโกะลูกเดียวถึงไปทำ ไม่คิดจะทำอะไรให้เลยเทคแคร์เอาใจใครไม่เป็น พอจะปฏิบัติจริงก็ทึ่มทื่อเหลือเกิน
เดาว่าที่คาบุเทคแคร์ยูริเอะเพราะรักจริงหวังแต่ง
ส่วนเอ็นโจนี่น่าจะไม่ได้ชอบยุยโกะเลยไม่ได้เทคแคร์
เรื่องคาบุนี่มึงดูตัวอย่างเปรียบเทียบระหว่างท่านเรย์กะกับวาคาบะ ในขณะที่คาบุพาวาคาบะไปร้านหรูๆ ท่านเรย์กะน่ะหรือ...ซุปเปอร์เอย ร้านราเม็งเอยแล้วยังจะมีโอโคโนะมิยากิอีก นี่ขนาดท่านเรย์กะที่เป็น 'เพื่อนผู้หญิง(+เบ๊)' คนเดียวในชีวิตมันยังทำกันได้ลงคอ//ตบหน้าไซซายะ
ว่าแต่คาบุมันไม่มีเพื่อนจริงๆ หรือเปล่าวะ เห็นตอนก่อนโน้นนนนยังมีเฮฮาคุยเรื่องกีฬากับเพื่อนผู้ชายอยู่เลยไม่ใช่เลย มาตอนนี้กลายเป็นว่าโดนจี้ใจดำเรื่องไม่มีเพื่อนคบซะล่ะ ขนาดซาโตมิยังเรียกเอ็นโจว่าเอ็นโจคุงได้ แต่กับคาบุนี่เรียกว่าจักรพรรดิอย่างเดียวเลยนะ ถถถถถถถ
>>833 กูว่าเพื่อนผู้ชายคนอื่นก็คุยเรื่องทั่วไปได้ คบไว้เข้าสังคม แต่เพื่อนที่จะคุยปรึกษาปัญหานั่นนี่คงมีไม่เยอะ อาจจะมีแค่เอ็นโจคนเดียวด้วยซ้ำ ท่าทางภายนอกก็ดูเคร่งขรึมเข้าถึงยาก ดูแล้วอยู่เหนือกว่าไม่กล้าตีตัวเสมอ ส่วนเอ็นโจมันดูเฟรนด์ลี่ เหมือนพวกไม่ถือตัว คุยกับใครเขาได้ทั่ว ดูเข้าถึงได้ง่ายเป็นกันเองกว่า แต่เพื่อนคุยปรึกษาไว้ใจได้คงมีแค่คาบุคนเดียวเหมือนกัน......... นี่มันแก๊งค์ไม่มีใครคบนี่หว่า 555555555555555555555
เป็นฉายาจากจอมมารเป็น คุณชายไก่อ่อนมั้ย เอ็นโจวววว
โคตรเข้าคู่กับไก่โง่ 555
/me โดนลากหายไป ...
เปลี่ยน*
ลงฟิคในเวลาเด็กดี
เอ็นโจเลี้ยงต้อย >>>/webnovel/4099/811-814
----------------------------
หลังจากเหตุการณ์นั้น ผมโทรไปถามรายละเอียดกับไอระ ก็ได้คำตอบว่าคนที่มาซายะต่อยไปคือเพื่อนที่พายูริเอะกับไอระไปเที่ยวบาร์เซโลนา แค่มาส่งที่บ้านแล้วก็กอดลาทั่วๆไป ยูริเอะไม่ได้คบกับผู้ชายคนนั้น
เมื่อถามถึงอาการของคนที่มาซายะต่อยไป ไอระตอบมาว่า “ยูริเอะพาเขาไปโรงพยาบาล ตรวจเช็คร่างกายว่ากระทบกระเทือนตรงไหน”
“เดี๋ยวมาเก็บเงินที่ผมก็แล้วกัน”
“ไม่เป็นไรหรอก” ไอระพูดต่อ “ดีนะที่เขาไม่เอาเรื่อง แต่ฉันกับยูริเอะก็ต้องช่วยกันขอร้องแทบแย่แน่ะ”
“ขอบคุณมากนะ”
ถ้าผู้ชายคนนั้นเอาเรื่อง แจ้งความ อาจถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล ถึงเรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้จะไม่สะเทือนตระกูลคาบุรากิ แต่ในต่างแดนเช่นนี้มันจะเป็นประวัติติดตัวมาซายะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
ไอระเล่าต่อว่าเรื่องนี้ทำให้ยูริเอะโมโหมาก จากเดิมไม่ได้ตั้งใจจะพูดตัดขาดกับมาซายะ เหตุการณ์ก็กลับบานปลายยิ่งกว่าที่คิด
“แล้วมาซายะเป็นยังไง”
“ซึมไปเลย เอาแต่นั่งเหม่อไม่พูดกับใครนอกจากผม”
มาซายะเอาแต่นั่งเงียบ มองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างแบบไร้จุดหมาย จากที่เคยนั่งตัวตรงท่าทางผึ่งผายก็กลับปล่อยตัวไหลไปตามเก้าอี้ แก้มซูบตอบเหมือนคนไม่ได้ทานข้าว แววตาก็แห้งผากไม่โฟกัสสิ่งไหน เป็นอย่างนั้นมาตลอดตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน
พ่อกับแม่ของมาซายะถามผมว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็ได้แต่ตอบไปตามตรงว่าเขาทะเลาะกับยูริเอะถึงขั้นแตกหัก คุณลุงคุณป้าก็พยักหน้าเข้าอกเข้าใจ ฝากฝังให้ผมช่วยดูแลด้วย อาการมาซายะเป็นเอามากขนาดนี้ คงกังวลว่าลูกชายคนเดียวจะคิดสั้น
ผมก็กังวลเหมือนกันนั่นล่ะ
ตอนนี้ผมทำได้แค่ตักขนมที่เขาชอบไปให้ นั่งข้างๆเป็นเพื่อน ไปรับไปส่งที่บ้านเพราะอาการยังน่าเป็นห่วง แต่ตัวติดกับมาซายะตลอดแบบนี้ผมไม่มีเวลาให้เรย์กะเลย
ผมบอกเธอแค่ว่ามาซายะทะเลาะกับยูริเอะ แต่ไม่ได้บอกว่าสองคนนั้นรุนแรงถึงขั้นแตกหักกันไปแล้ว และช่วงนี้อาจจะต้องดูแลมาซายะที่กำลังเสียใจมากหน่อย เรย์กะก็ดูเข้าอกเข้าใจ บอกให้ทำสิ่งที่ผมควรทำ ไม่ต้องห่วงเธอ
ท่าทางที่แตกต่างกันแบบนี้ทำให้อดนึกถึงคุณคิโชวอินขึ้นมาไม่ได้
ถ้าพูดเรื่องนี้กับคุณคิโชวอิน เธอคงแซวว่าผมเป็นโฮโม คู่เกย์กับมาซายะอะไรทำนองนั้นแล้ว
จะให้มาซายะมาตัวติดกับผมตลอดไปก็คงไม่ได้ ทางเดียวที่จะช่วยคือหาใครซักคนมาช่วยให้มาซายะออกมาจากโลกแห่งความทุกข์ของตัวเอง
ใครดีล่ะ จากบรรดานักเรียนทั้งหมดนี่
พวกนักเรียนดูจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับมาซายะ แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาถาม และในบรรดาสายตาของนักเรียนและแฟนคลับของมาซายะที่มองมานั้น มีสายตาเป็นห่วงของคุณทาคามิจิรวมอยู่ด้วย
อา ไม่เห็นจะต้องถามว่าใครเลยนี่นะ
.
.
.
.
เลิกเรียน ผมไปดักรอพบคุณทาคามิจิ เมื่อเห็นว่าเธอต้องหอบสมุดการบ้านตั้งใหญ่ดูท่าทางจะหนักไปทางห้องพักครูก็จงใจเดินชนให้ของร่วง
“อ้าว ขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันผิดเองที่ไม่ได้มองว่าท่านเอ็นโจเดินมา” คุณทาคามิจิก้มหัวปะหลกๆ แล้วก้มลงเก็บสมุดมาเรียงไว้เป็นตั้งๆ
“ผมช่วยนะ” เธออ้าปากค้างแล้วรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวันเมื่อผมก้มลงไปหยิบสมุดขึ้นมา “เอาน่า ช่วยกันสองคนจะได้เสร็จไวๆไง”
พอเก็บเสร็จคุณทาคามิจิก็เอากองสมุดตั้งใหญ่ขึ้นมาแบกไว้เหมือนเดิม แต่ผมฉวยไปจากมือเธอก่อน ให้ถือไว้แค่ไม่กี่เล่ม
“ท่านเอ็นโจคะ”
“วิชาฟิสิกส์สินะ” ผมมองชื่อวิชาที่เขียนไว้บนปกแล้วหันไปยิ้มให้ “ไปกันเถอะ เดี๋ยวอาจารย์จะรอนาน”
ผมก้าวเดินไปข้างหน้า ทำให้คุณทาคามิจิต้องเดินตามมาแบบเลี่ยงไม่ได้ ระหว่างทางเจอมาซายะเดินสวนมาพอดี เขาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่เห็นผมเดินมากับคุณทาคามิจิ
“ผมเดินไปชนเธอน่ะ เลยต้องไถ่โทษช่วยถือของ”
“ขออภัยค่ะที่เพื่อนคนสำคัญของท่านคาบุรากิต้องมาเดือดร้อนเพราะฉัน” เธอก้มหัว ทำตัวเล็กๆลีบๆที่เห็นมาซายะ
“เธอนี่...พูดเป็นแต่คำนี้รึไง” มาซายะส่ายหน้าแล้วก็เดินจากไป
คุณทาคามิจิชะเง้อคอมองตาม ได้โอกาสพูดเรื่องนี้แล้ว
“เป็นห่วงเหรอ”
“อ๊ะ!! เอ๊ะ!!” คุณทาคามิจิสะดุ้งโหยง ทำท่าลุกลี้ลุกลน “คะ คือว่า...”
“กำลังสงสัยล่ะสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับมาซายะ” ผมหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น “เล่าให้ฟังเอามั้ยล่ะ”
“มะ...ไม่เป็นไ….” เดินมาถึงห้องพักครูพอดี ผมเลยถือโอกาสทำหูทวนลมกับคำปฏิเสธนั้น เปิดประตูเข้าไปข้างใน วางกองการบ้านลงกับโต๊ะอาจารย์ รอให้คุณทาคามิจิออกมาแล้วเดินไปพร้อมกัน
“เมื่อกี้พูดถึงไหนแล้วนะ...อ๋อ ใช่ มาซายะอกหักน่ะ”
“เอ๋!!!!” เธออุทานเสียงดัง แล้วรีบเอามือตะครุบปากตัวเองไว้ มองซ้ายมองขวาเลิกลั่ก
“ตอนนี้มาซายะก็โสดแล้ว จีบได้นะ” ผมขยิบตาให้เธอ “วิธีก็ง่ายๆ เอาขนมไปล่อหน่อยก็ตกหลุมพรางแล้วล่ะ”
“ท่านเอ็นโจคะ!!” คุณทาคามิจิหน้าแดงก่ำ
“เรื่องที่เล่านี่ก็ช่วยปิดเป็นความลับด้วยนะ ไปล่ะ” ผมยิ้มแย้มโบกมือให้เธอ เดินไปที่ห้องสโมสร
มาซายะกลับไปแล้ว ผมเลยโทรเช็คกับทางบ้านของเขา แม่บ้านรายงานว่ามาซายะกลับไปถึงก็เอาแต่นั่งเล่นเปียโน ท่าทางค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ดูซังกะตายไร้ชีวิตจิตใจแบบที่ผ่านมาอีก
ผมได้แต่ยิ้มออกมาอย่างยินดี
รู้สึกการเจอหน้าคุณทาคามิจิจะเป็นยารักษาที่ได้ผลนะ
.
.
.
.
สามวันต่อมา ผมเจอคุณทาคามิจิทำลับๆล่อๆอยู่แถวๆทางที่ไปลานจอดรถ
เธอชะเง้อมองไปทางออกของอาคารเรียนอยู่เรื่อย ดูกระตือรือร้นเมื่อได้ยินเสียงคนเดินผ่านมา แล้วก็กลับไปห่อเหี่ยวเมื่อเห็นว่าไม่ใช่คนที่กำลังมองหา
“ไง คุณทาคามิจิ” ผมเข้าไปทักเธอจากด้านหลัง
“วะ ว้าย ว้าย” คุณทาคามิจิสะดุ้งโหยงจนเกือบทำของในมือร่วง ค่อยๆหันมามองผมแบบกล้าๆกลัวๆ
“อ้าว ตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ ขอโทษด้วยนะ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ” เธอโบกไม้โบกมือ แต่สายตาชำเลืองมองไปด้านหลังผมราวกับจะรอให้มาซายะปรากฎตัวขึ้นมาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง
“มองหามาซายะอยู่เหรอ”
“คะ คือว่า” คุณทาคามิจิหน้าแดง “ฉันเห็นท่านคาบุรากิไม่ค่อยร่าเริงก็เลยลองอบคุกกี้มาให้ ไม่รู้จะถูกปากรึเปล่า ถ้ายังไงรบกวนท่านเอ็นโจช่วยนำไปมอบให้ได้รึเปล่าคะ”
“เอ๋ ไม่เอาด้วยหรอก ผมไม่ใช่พนักงานส่งของซักหน่อย”
เธอหน้าเสียไปเลยที่ได้ยินคำปฏิเสธ
“ถ้าอยากมอบให้ก็เอาให้กับมือเจ้าตัวตรงๆเลยสิ”
“เอ๋”
“รอเดี๋ยวนะ”
ผมโทรหามาซายะ เรียกเขาให้ออกมาจากห้องสโมสร บอกให้มาที่ลานจอดรถได้แล้ว อีกสิบนาทีต่อมาก็เห็นมาซายะเดินดุ่มๆถือกระเป๋ามา ท่าทางหงุดหงิดได้ที่
“ก็บอกแล้วไงว่าอย่ามาทำตัวเป็นผู้คุมความประพฤติฉัน”
“เปล่าซักหน่อย มีคนอยากเจอต่างหาก”
มาซายะขมวดคิ้วราวกับจะพูดว่า ‘อะไรอีกล่ะ’ แล้วก็ดูอึ้งๆไปนิดหน่อยที่เห็นคุณทาคามิจิยืนแอบอยู่ข้างๆผม
“เอาเลย คุณทาคามิจิ”
ผมดันไหล่เธอให้ไปเผชิญหน้ากับมาซายะ คุณทาคามิจิดูลุกลี้ลุกลน หันมาทำสายตาถามผมว่าจะดีเหรอ ผมเลยพยักหน้าให้
“คะ คือว่า คือ….” เธออ้าปากพะงาบๆ หน้าแดงก่ำ แต่ก็ยื่นกล่องกระดาษสีน้ำตาลด้วยท่าทางก้มหัวลงชูมือขึ้นแบบถวายบรรณาการอีกแล้ว “นี่คุกกี้ที่ฉันอบเองค่ะ ถ้าท่านคาบุรากิไม่รังเกียจ”
“คุกกี้” มาซายะเลิกคิ้วขึ้น
“ไม่รู้ว่าท่านคาบุรากิชอบทานอะไรก็เลยลองอบมาหลายๆอย่าง มีช๊อกโกแลตชิพ แมคคาเดเมีย เนยสด อัลมอนด์แล้วก็ชินนามอนค่ะ”
“ว้าว โชคดีจัง มาซายะชอบหมดเลยล่ะ”
มาซายะหันมาถลึงตาใส่ผม แล้วรับบรรณาการไปจากมือคุณทาคามิจิ เธอมีสีหน้าที่ดูโล่งใจ แต่ก็เห็นว่าแอบอมยิ้มอย่างมีความสุขอยู่
“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“อ้าว เดี๋ยวก่อน” ผมเรียกเธอที่กำลังจะเผ่นหนีไป “นี่ก็เย็นแล้ว ให้มาซายะไปส่งสิ”
“หา!!” ทั้งมาซายะและคุณทาคามิจิประสานเสียงพร้อมกัน
“ตอบแทนเรื่องคุกกี้ไง” มาซายะขมวดคิ้วใส่ ผมก็ได้แต่ยิ้มให้ “จะให้เด็กผู้หญิงกลับบ้านค่ำๆมืดๆคนเดียวมันอันตรายนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร ฉันกลับเองดีกว่า ไม่กล้ารบกวนท่านคาบุรากิหรอกค่ะ….”
มาซายะเหลือบมองคุณทาคามิจิแล้วก็เดินลิ่วๆไป แต่เห็นเธอไม่เดินตามมาก็ตะโกนเรียก “เธอน่ะ มาได้แล้ว ชักช้าโอ้เอ้อยู่นั่น”
“เอ๋”
“ไปสิ” ผมดันหลังให้เธอเดินไปหามาซายะ โบกมือให้สองคนนั้นแบบยิ้มๆ
หมุนตัวกลับหลังหันไปก็เห็นเรย์กะยืนอยู่บนบันไดขั้นบนสุด จ้องมองลงมาด้วยใบหน้าเฉยชา ท่าทางเหมือนกำลังโกรธจัด แววตาน่าสะพรึงกลัวจนอดขนลุกไม่ได้
“เรย์กะ”
“คุณชูสุเกะ….” เธอค่อยๆเดินลงบันไดมา แย้มรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่ดวงตายังคงจ้องเขม็ง “หมู่นี้ดูจะสนิทกับคุณทาคามิจิดีจังเลยนะ”
“เอ๋ เอ่อ...มันก็ไม่ใช่อย่างที่คิดนะ”
“นอกใจเหรอคะ”
“เปล่าครับ เปล่า” ผมยกมือขึ้นแบบยอมแพ้ “ไม่เคยคิดนอกใจคุณหนูคิโชวอินแม้แต่นิดเดียวเลยครับ”
“อ๋อ เหรอคะ” เธอสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น “เห็นไปแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงคนนั้นตั้งหลายทีเลยนี่”
“แค่ช่วยรุนหลังเฉยๆครับ ไม่มีเจตนาอะไรไม่ดีแม้แต่นิดเดียว”
“งั้นเหรอคะ”
“หึงเหรอ” ผมหัวเราะ เข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง เห็นท่าทางโกรธเคืองแบบนั้นก็รู้สึกดีใจขึ้นมา
“ทำอะไรคะ นี่มันที่สาธารณะนะ”
“งั้นไปที่มิดชิดกันมั้ย”
“ไม่ไปค่ะ” เรย์กะถลึงตามอง สะบัดตัวหนีออกจากอ้อมกอดของผม เดินลิ่วๆไปที่ลานจอดรถ
ผมวิ่งตาม รั้งข้อมือเธอไว้ ทำหน้าหงอยๆให้ดูน่าสงสาร
“มันไม่มีอะไรจริงๆนะ ผมแค่ช่วยให้มาซายะอารมณ์ดีขึ้นก็เท่านั้นเอง”
“ท่านคาบุรากิเกี่ยวอะไรด้วยล่ะคะ”
“ก็มาซายะชอบขนม แล้วคุณทาคามิจิเขาก็ทำขนมเก่ง ถ้าได้คนคุยเรื่องขนมก็อาจจะทำให้กลับมาร่าเริงได้นี่นา”
เรย์กะขมวดคิ้วใส่ผม แต่ดูท่าทางจะเป็นเหตุผลที่พอรับได้ เธอก็พยักหน้าให้
“แล้ว...จะหายโกรธได้รึยังครับ”
“ยังค่ะ” เธอหันหน้าไปทางอื่น “ต้องพาไปชอปปิ้งก่อน ไม่อย่างงั้นก็จะโกรธไปเรื่อยๆ”
ผมหัวเราะแล้วดึงเธอเข้ามากอด เรย์กะทุบผมอีกสองสามทีแล้วก็อยู่นิ่งๆแต่โดยดี
“พรุ่งนี้เลยดีมั้ย ไปเดินเล่นที่อาโอยามะกัน”
“ไม่กระชั้นชิดไปหน่อยเหรอคะ”
“ก็อยากให้เรย์กะหายโกรธไวๆนี่นา”
เธอพยักหน้าแล้วก็บอกให้ผมปล่อยมือ ท่าทางเย็นชาห่างเหินกว่าครั้งไหนๆ เดินไปขึ้นรถบ้านคิโชวอินที่มาจอดรออยู่ตรงทางออก
.
.
.
.
คืนนั้น ผมนั่งวางแผนว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ทำลิสต์ไว้หลายที่ ขีดฆ่าไปก็เยอะ จนได้ที่ที่น่าจะโอเคที่สุด พอได้เวลานอนก็เข้านอนไปด้วยความสุข วาดฝันถึงเดทพรุ่งนี้ที่กำลังจะมาถึง
ผมตื่นก่อนเวลาปกติเล็กน้อย เลือกชุดที่จะใส่ ทบทวนลิสต์ที่จะไป ซักซ้อมไว้ในใจก่อน จะได้ไม่ต้องควักโพยขึ้นมาดูให้ขายหน้า
ในโลกเดิมของผม คุณคิโชวอินเคยพูดไว้ว่าผู้ชายที่ไม่วางแผนเที่ยวมันน่าเบื่อระวังถูกเขี่ยทิ้ง ด้วยความที่กลัวว่าตัวเองจะเสียหน้า ผมเลยตอกกลับคำพูดเธอไปอย่างเจ็บแสบ หวังให้เธอเจ็บเหมือนผมบ้าง ซึ่งมันได้ผล
แต่ค่าตอบแทนของความสะใจชั่วครู่ชั่วยามนั้นแพงเหลือเกิน สิ่งที่แลกคือความไว้วางใจของคุณคิโชวอินและความเสียใจของผมเอง ผมต้องไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก
ยืนกลัดกระดุมเสื้ออยู่ดีๆ อาการปวดหัวก็เกิดขึ้นมาอีกหน ผมทรุดลงไปกับพื้น กุมหัวตัวเองไว้แน่น ปวดจนน้ำตาไหลออกมา ปวดเหมือนคนเอามีดมาทิ่มแทงในศีรษะจนต้องครางออกมา
แม่งเอ้ย มาปวดอะไรเอาตอนนี้
ผมค่อยๆรวบรวมแรงเดินไปหยิบยาจากโต๊ะหัวเตียงมาทาน เทใส่มือสี่เม็ดแล้วกรอกปาก ทิ้งตัวลงนอนกับเตียงหลับตานิ่งๆ ยาก็ไม่ออกฤทธิ์สักทีทำให้ผมต้องทนกับอาการปวดเหมือนจะขาดใจอยู่ตรงนี้
ไม่ไหว วันนี้ไปไม่ไหวแน่ๆ ต้องโทรไปยกเลิกนัดก่อน
ผมควานมือไปข้างๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ข่มความรู้สึกอยากอาเจียน ตั้งสติก่อนชั่วคราวตอนกดโทรออกหาเรย์กะ แต่สายตาผมเริ่มพร่าเลือน มองเห็นทุกอย่างเป็นภาพซ้อนด้วยความปวดจนถึงขีดจำกัดแล้ว
“คุณชูสุเกะ”
เสียงของเธอดังขึ้น แต่เหมือนมาจากที่ไกลๆ อื้ออึงอยู่ในหู แยกไม่ออกว่าอะไรเป็นเสียงที่ผมคิดไปเองหรือโทรติดแล้วกันแน่
ผมกำลังจะอ้าปากตอบ แต่รู้สึกไม่มีแรงขยับเลยสักนิด
สติค่อยๆหลุดลอยหาย แม้ความเจ็บปวดที่เหมือนมีดนับล้านกำลังทิ่มแทงลงมาในหัวก็ไม่สามารถฉุดรั้งเอาไว้ได้ แสงสว่างค่อยๆหายไปจากดวงตา
ความมืดคืบคลานเข้ามาอีกหน
.
.
.
.
ไม่รู้ว่าผมหลับไปนานเท่าไหร่ แต่ห้องทั้งห้องมืดแบบนี้คงจะค่ำแล้ว
ผมลุกขึ้นมานั่ง อาการปวดหัวหายไปแล้วทำให้พอมีแรงจะไปทำอะไรได้บ้าง อย่างแรกที่ผมคิดคือต้องโทรหาเรย์กะ
ก่อนที่ผมจะหมดสติไป ไม่รู้ว่าผมโทรติดหรือหูแว่วไปเอง
แต่ยังไงก็ต้องโทรไปง้อก่อน ผมไม่ไปตามนัดแถมติดต่อไม่ได้แบบนี้ เธอต้องโกรธมากแน่ๆ
ผมควานมือไปที่โต๊ะหัวเตียงเพื่อหาโทรศัพท์ที่อาจจะตกอยู่แถวๆนั้น แต่ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างที่เกิดกับตัวเอง
ทำไมผมถึงไม่ใส่เสื้อผ้า
จะว่าแม่บ้านมาเช็ดตัวให้แล้วถอดชุดออกก็ไม่น่าใช่ ถึงจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้จริงๆก็น่าจะใส่ชุดใหม่ให้สิ
ผมควานมือไปหาสวิตช์ไฟหัวเตียง พอได้แสงสว่างก็ยิ่งทำให้งุนงงหนักเข้าไปใหญ่
ไม่ใช่ห้องของผม แต่ก็ดูคุ้นๆอยู่ ที่ไหนกันนะ
ลองมองไปรอบๆ เสื้อผ้าที่จำได้ว่าใส่เมื่อเช้ากองอยู่บนพื้น ยิ่งไปกว่านั้นมีชุดเดรสและชุดชั้นในวางทับไว้อยู่ด้วย
ผมเพิ่งสังเกตว่าที่นอนข้างๆนั้นมีใครมานอนอยู่ ร่างนั้นนอนหันหลังให้ ผมม้วนลอนที่คุ้นเคยนั้นดูยุ่งเหยิงไปกว่าปกติ แผ่นหลังเปลือยเปล่าที่โผล่พ้นผ้าห่มมีรอยช้ำเป็นจ้ำๆ
เสียงครางน้อยๆที่ดังมาจากข้างๆตัวทำให้รู้สึกเหมือนโดนต่อยหน้า มึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก มีแต่คำถามว่านี่มันเรื่องอะไรกันอยู่ในหัวเต็มไปหมด
ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่จริง อย่าบอกนะว่า….
“อื้อ คุณชูสุเกะ ไม่เอาแล้วนะ เหนื่อยแล้ว”
เรย์กะ!!!!
.
.
.
.
.
.
.
.
“ไง ชูสุเกะ”
ฉันทักอย่างเคยเมื่อเปิดประตูเข้าไปข้างใน วางของลงบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆกันแล้วลากเก้าอี้ไปนั่งข้างๆ
“วันนี้ฉันกับคิโชวอินไปดูยูกิโนะวิ่งแข่งมา ได้ที่หนึ่งซะด้วย ยูกิโนะวิ่งเพื่อนายเต็มฝีเท้าเลย ฉันถ่ายวิดีโอไว้ให้ วางอยู่ตรงนี้นะ”
ฉันตบลงบนม้วนเทปที่เพิ่งวางกับโต๊ะข้างเตียงไป
“เดี๋ยวนี้ยูกิโนะสุขภาพแข็งแรงขึ้นแล้วนะ มาขอให้ฉันช่วยสอนวิธีออกกำลังกายแบบเบาๆให้ ถ้านายอยากเห็นก็อัดเทปไว้ด้วยนะ ให้คิโชวอินถ่าย แต่ฝีมือไม่ได้เรื่องเลย ภาพสั่นกับเบลอตั้งเยอะ”
ฉันหัวเราะ
“เออใช่ แล้วตอนเย็นฉันเลยพาสองคนนั้นไปเลี้ยงฉลอง ยูกิโนะเป็นคนเลือกร้านเอง แต่คิโชวอินทำหน้าแปลกๆตลอดเลย พอถามก็บอกว่าเคยมากับยูกิโนะแล้วก็นาย แอบหนีไปเที่ยวโดยไม่บอกฉันเหรอ”
ฉันกอดอก ทำท่าเคร่งขรึม เอนหลังพิงพนักเก้าอี้
“แล้วทีมฟุตบอลที่นายเชียร์ก็แพ้ทีมที่ฉันเชียร์ยับเลยนะ นายต้องเลี้ยงข้าวฉันแล้วล่ะ ร้านราเม็งแบบที่ต้องต่อคิวกินเป็นชั่วโมงก็ดีเหมือนกันนะ”
ฉันหยิบนิตยสารขึ้นมาพลิกหน้าที่คั่นไว้แล้วก็กางให้ดู
“วันนี้ฉันชวนคิโชวอินมาหานายด้วย แต่เธอไม่ยอมมาอีกแล้ว ผู้หญิงอะไรใจดำจริงๆ”
ฉันเก็บนิตยสารเข้ากระเป๋า
“แต่ไม่มาก็ดีแล้ว ฉันขี้เกียจปลอบ พอเห็นผู้หญิงร้องไห้ฉันก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ยูกิโนะพอเห็นคิโชวอินร้องไห้ก็ร้องด้วย วุ่นน่าดูเลยล่ะ ขืนยัยนั่นมาอีกก็คงเอาแต่ร้องไห้แหงๆ”
ฉันถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อยหน่ายเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น
“เธอคงกลัวนายน่ะ สภาพน่าเกลียดชะมัด มีแต่สายอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้ เสียบทั้งปากทั้งจมูกทั้งแขน ฉันเห็นฉันยังกลัวเลย”
ฉันวางมือลงบนแขนชูสุเกะ มันเล็กลีบลงไปแบบเห็นได้ชัดมาก
“กำลังฝันดีอยู่เหรอ คงเป็นฝันที่สนุกมากเลยใช่มั้ย นายถึงไม่ยอมตื่นซักที”
เสียงจากเครื่องอะไรซักอย่างที่หมอบอกว่ามันช่วยพยุงอาการของชูสุเกะไว้ดังขึ้นเป็นจังหวะเหมือนกำลังตอบคำถามฉัน
“หมอบอกว่าคนที่อาการโคม่าไม่มีความฝัน แต่นายนอนนานขนาดนี้ ต้องฝันดีอยู่แน่ๆ ตื่นมาเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ย”
ขอบตาฉันเริ่มรู้สึกร้อนผ่าว ฉันใช้หลังมือขยี้ สูดลมหายใจลึกๆ
“ที่ขยี้ตาเพราะฝุ่นมันเข้าตาน่ะ ไม่ได้ร้องไห้หรอกนะ”
ฉันต้องเป็นที่พึ่งให้สองคนนั้น จะมาทำตัวอ่อนแออย่างนั่งร้องไห้น่ะไม่มีทาง แค่ฝุ่นในห้องปลอดเชื้อมันเข้าตาเฉยๆเท่านั้นเอง
“เดี๋ยวฉันจะมาหานายไม่ได้ซักอาทิตย์ นอนเล่นไปคนเดียวก่อน อย่าเพิ่งเหงาล่ะ”
ฉันมองนาฬิกาข้อมือแล้วพยักหน้า ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปที่ประตู
“ฉันไปก่อนนะ แล้วจะมาใหม่”
ฉันมองเข้าไปข้างในเป็นหนสุดท้ายก่อนกลับ
“ฝันดีนะ ชูสุเกะ”
-------------------------------------------------------
ฝันดีรึเปล่าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเพิ่งเริ่มต้นนะจ๊ะ คุณชูสุเกะ
อ่านฟิคเอ็นโจเลี้ยงต้อยแล้วไปเทียบกับเอ็นโจในเนื้อเรื่องออฟฟิเชี่ยล
ความแตกต่างกันนี่มันระดับmaster classกับnovinceชัดๆ
ชื่อห้องใหม่ขอเสนอ "ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับสาวน้อยพลังจิตฟุยุโกะ นัมเบอร์18"
>>844 สงสารคาบุว่ะ เพื่อนโคม่า ทำได้แค่นั่งมอง ตัวเองอยากร้องไห้แต่ทำไม่ได้ เพราะต้องเป็นที่พึ่งให้คิโชวอินกับยูกิโนะ ฟื้นขึ้นมาเร็วๆสิเอ็นโจ
เห็นฉากชูสุเกะในกระจกออกมาข้างนอก เอาร่างไปมีอย่างว่ากับเรย์กะคิมิสินะ แบบนี้เอ็นโจประสาทแดกชัวร์ จะสติแตกไปรึเปล่าวะ
ชอบวาคาบะ รู้สึกเป็นสิ่งเยียวยาเพียงอย่างเดียวในฟิคนี้เลย วาคาบะออกตอนไหนก็ดูสดใสตลอด แต่ตอนเรย์กะมองแบบโกรธๆ กูสังหรณ์ว่าไม่ได้หึงคุณชูสุเกะแน่ๆ
มึง กูลงฟิคหวานๆ ได้มะ กูอ่านเอ็นโจเลี้ยงต้อยละช้ำใจ ทั้งจากแปลไทยล่าสุดและฟิค กระซิกๆ แต่กูก็กลัวตัดอารมณ์ฟิคอ่ะ
*ฟิคโดยลูกเรือเอ็นโจที่เกาะกระโดงเรือแน่น* ฟิคคุณหนูเอ็นโจ
ฉันเป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูลเอ็นโจ
และฉันเป็นคุณหนูที่ใครๆก็รัก ฉันมีพี่ชายสองคนที่อยู่ประถมปลายทั้งสองคน แต่ฉันยังอยู่ชั้นเตรียมอยู่เลยค่ะ ท่านพี่ใหญ่มักยิ้มและเรียกฉันว่าเด็กโง่ ท่านพี่รองจะชอบลูบผมของฉันและบอกว่าน้องสาววันนี้ทำอะไรบ้าง ท่านพ่อที่ไม่ค่อยกลับบ้านตรงเวลาก็จะจูบหน้าผากและยิ้มอย่างอ่อนโยนเรียกฉันว่าเจ้าหญิงน้อย ท่านอายูกิโนะจะชอบซื้อขนมมาฝากและโทรหาบ่อยๆ
แต่ปัญหาที่ฉันพบเจอก็คือการที่ท่านย่าและท่านยายมีความคิดเห็นเรื่องทรงผมของฉันไม่ตรงกัน ท่านย่านิยมทรงผมเหยียดตรงดุจสาวงามญี่ปุ่น แต่ท่านยายนิยมทรงผมบิดเกลียวเหมือนเจ้าหญิง ฉันยังตัดสินใจไม่ได้ ท่านแม่ก็บอกว่าทรงผมทำตามใจที่ชอบเลย
วันนี้ท่านย่าและท่านยายมาที่บ้านตอนเย็น ฉันที่ผมหยิกจากเปียทำให้ทั้งสองไม่พอใจ นั้นทำให้ฉันนอนไม่หลับเลยล่ะ
เสียงเปิดประตู แสงที่ลอดเข้ามาทำให้ฉันเงยหน้ามอง ท่านพ่อแสดงสีหน้าแปลกใจ ท่านพ่อมีใบหน้าที่หล่อเหลาอ่อนโยน รอยยิ้มของท่านพ่อใจดีมากๆ ท่านพ่อแสดงสีหน้าแปลกใจ
“เจ้าหญิงของพ่อ ยังไม่นอนหรือคะ”ท่านพ่อชอบแอบมาจูบหน้าผากของฉันเวลานอนหลับไปแล้ว บางครั้งฉันก็งัวเงียตื่นขึ้นมา จู่ๆฉันก็เกิดความคิดขึ้นมาได้
“คุณคะ”ท่านแม่ส่งเสียงเรียกอย่างสงสัยเมื่อเห็นท่านพ่อพูดคุย จึงชะเง้อมองเข้ามา ท่านแม่มีใบหน้าที่สวยงามเหมือนตุ๊กตา ตากลมโต ขนตางอนยาว แก้มป่องแดงเรื่อ มีลักยิ้มและริมฝีปากที่น่ารัก “ลูกรัก นี่ลูกยังไม่นอนหรอคะ”
“หนูฝันร้ายค่ะ ท่านแม่ หนูขอไปนอนกับท่านแม่ได้มั้ยคะ”ฉันมองท่านแม่ ท่านแม่ชะงักก่อนจะยิ้มอย่างร่าเริง เอ๋ ทำไมท่านพ่อมีสายตาจนใจแบบนั้นล่ะคะ
“แน่นอนสิจ๊ะ ไปกันเถอะ”ท่านแม่ยิ้มหวาน ก่อนจะจูงฉันไปที่ห้องนอน ฉันเคยได้ยินเพื่อนที่ซุยรันบอกว่า ท่านพ่อท่านแม่ของพวกเขาบางครั้งก็นอนแยกห้องเพราะเวลาไม่ตรงกัน แต่สำหรับห้องของท่านแม่คือห้องเก็บของและห้องแต่งตัวมากกว่า เมื่อฉันฝันร้ายฉันอุ้มน้องกระต่ายไปหาท่านแม่ แต่พอถึงห้องประตูปิดสนิท ฉันแนบหูได้ยินเสียงแปลกๆที่เบามากๆ ก็รู้สึกกลัวเลยไปที่ห้องท่านพี่แทน ท่านพี่บอกว่าท่านแม่คงลุกขึ้นมาละเมอแน่ๆ ท่านแม่เนี่ยละเมอบ่อยครั้งสินะคะ
“ลูกนอนตรงนี้นะ”ท่านพ่อให้ฉันชิดไปที่ด้านในเตียง
“เอ๋ ท่านพ่อคะลูกกลัวนี่นา”ฉันมองผนังที่ว่างเปล่า พออยู่ในห้องท่านพ่อท่านแม่ความกลัวก็มีเลยน้า
“...”ท่านพ่อเงียบไป
“งั้นลูกนอนกลางดีกว่า”ท่านแม่ยิ้มแย้มพูดเสียงอ่อนหวาน ก่อนจะปีนเข้าไปด้านในแทน ท่านพ่อมองท่านแม่ ท่านแม่หุบยิ้มและนอนลง “นอนกันเถอะเนอะ”
“ที่รัก ผมจะอาบน้ำ”ท่านพ่อยิ้มแย้มบอกท่านแม่
“เดี๋ยวฉันรอคุณตรงนี้กับลูกนะคะ ชุดนอนแขวนอยู่ที่ตู้เสื้อผ้านะคะ”ท่านแม่พูดเสียงหวาน ทำให้ฉันที่นอนลงเริ่มเคลิ้มๆ ท่านแม่ก็ลูบไหล่ฉันและเริ่มเล่านิทานให้ฟัง แต่ตาของท่านแม่หรี่ลงเหลือครึ่งหนึ่ง
“ท่านแม่คะ ท่านแม่เล่าว่าลูกหมูสร้างบ้านจากไม้สามรอบแล้วนะคะ”ฉันเตือนท่านแม่อย่างเป็นห่วง ท่านแม่ต้องสับสนแน่ๆ
“งั้นหรอจ๊ะ หมาป่าก็ใช้ลมหายใจที่รุนแรงสร้างพายุเป่าจนบ้านไม้ปลิว....”ท่านแม่ยิ้มและลุกขึ้นนั่ง ดวงตาแจ่มใสขึ้น ฉันเลยไม่อยากค้านว่าหมาป่ากระโดดกระแทกประตูต่างหาก ตาค่อยๆปิดตาลง ก่อนจะหลับไป แต่เสียงกระซิบของท่านพ่อทำให้ฉันกึ่งหลับกึ่งตื่นรู้สึกตัวเบาหวิว ฉันเปิดตาเห็นท่านพ่อท่านแม่จุมพิตกันครู่หนึ่งท่านแม่หอบหายใจก่อนจะบ่นงึมงำ มือของท่านพ่อลูบๆคลำๆท้องของท่านแม่ ฉันเห็นท่านพ่อจับมันทำยืดๆ เอ๋ ทำไมท้องท่านแม่ยืดเป็นชั้นๆได้คะ
“อย่ามาจับนะ นายหาว่าฉันอ้วนใช่ไหม”ท่านแม่ปัดมือท่านพ่ออยากพูดเสียงเขียวกึ่งงอน ก่อนจะนอนแล้วหันหลังให้ท่านพ่อเอื้อมมือมาลูบหัวฉันที่ตาเปิดนิดหน่อย
“หลับเถอะ เด็กดีของแม่”ท่านแม่เริ่มกล่อม ฉันหรี่ตาลงอย่างว่าง่าย
“เปล่า ผมคิดว่ามันนุ่มนิ่มน่ารักกำลังดี”ท่านพ่อหัวเราะเบาๆนอนลงตะแคงลูบท้องท่านแม่ “ถ้าเธอขี้เกียจออกกำลังกาย เดี๋ยวผมช่วยเผาผลาญให้นะ”ท่านพ่อพูดด้วยเสียงที่ลึกลับกรุ้มกริ่มประหลาด
“หยุดแล้วนอนได้แล้วทั้งพ่อลูกเลย พรุ่งนี้ฉันจะไม่ออกไปกินแล้วจะออกกำลังกาย!”ท่านแม่กระแทกเสียง ตีมือท่านพ่อและดึงฉันมากอด ทำไมท่านแม่บอกว่าอ้วนน้า แขนของท่านแม่ยังเท่าเดิมเลย อ้วนน่ะต้องตัวใหญ่ๆต่างหากล่ะ ท่านพ่อกอดเราสองคนอีกรอบ
“ผมชอบคุณนะเรย์กะ”ท่านพ่อพูดเสียงหวาน
“ฉันก็ชอบคุณน่า นอนได้แล้ว”ท่านแม่ตอบงึมงำ ฉันหาวและหลับตาลง
“หนูก็ชอบท่านพ่อ ท่านแม่นะคะ”ฉันตอบงึมงำทั้งที่หลับตา “ชอบท่านพี่ใหญ่ ชอบท่านพี่รอง...”ท่านพ่อท่านแม่หัวเราะและบอกว่าชอบฉันที่สุดในโลก
เมื่อฉันตื่นเช้าก็นึกขึ้นได้ ทุกครั้งที่มาที่บ้านท่านพี่คาบุรากิจะมอบดอกลิลลี่สีชมพูให้ฉัน จากนั้นเขาก็ไม่ได้มาที่บ้านอีกเลย อีกอย่างฉันไม่เข้าใจว่าทำไมท่านพ่อ ท่านพี่ไม่ยอมให้ฉันเรียกชื่อของท่านพี่คาบุรากิกันน้า ท่านพ่อท่านพี่และคนอื่นๆก็เรียกได้เลยนี่นา
“คุณหนูคะ กลับห้องเถอะค่ะ”สาวใช้เข้ามาตามฉัน ฉันมองนาฬิกา ท่านพ่อไปทำงานแต่เช้าอีกแล้ว ท่านแม่ไปส่งท่านพ่อและเผลอหลับที่โซฟาอีกแน่ๆเลย ฉันเดินไปที่ห้อง วันนี้ท่านพ่อท่านพี่และคนอื่นๆออกไปกันหมดแล้ว ท่านแม่ก็ลงไปที่ห้องฟิตเนต
“คุณหนูคะ คุณครูสอนเปียโนมาแล้วค่ะ”ฉันพยักหน้า วันนี้เป็นวันหยุดแต่ท่านพี่ก็ต้องไปเรียนพิเศษ พอเรียนเสร็จท่านพี่คาบุรากิก็ส่งช่อดอกกล้วยไม้มาให้ พร้อมการ์ดบอกให้ตั้งใจเรียน ฉันเบ้ปากน้อยๆ พวกพี่ๆชอบเรียนกันจังน้า ท่านแม่บอกว่าท่านพี่คาบุรากิดีว่าท่านพ่อของเขาเยอะ แต่ฉันไม่ค่อยเข้าใจหรอก ฉันให้คนเอาช่อดอกไม้ไปประดับที่ห้องดนตรี อืม ท่านแม่ได้ขนมจากปารีสมาเมื่อไม่นาน ก็ส่งไปให้ท่านพี่คาบุรากิบ้าง เขาส่งดอกไม้มาให้ทั้งทีนี่นา
อ้อ ฉันมีความลับล่ะ
ถึงท่านพี่คาบุรากิจะขี้เก๊กไปหน่อย แต่นอกจากคนในครอบครัวแล้ว ฉันก็ชอบเขามากเหมือนกัน...
กูสุขนิยมมมมมมม 555
อ้าว มึงลงอยู่นี่หว่า กูแทรกรึเปล่าวะ
เออ กูใช้คำว่า ชั้นเตรียม คืออนุบาลอ่ะมึง ประมาณ 5 ขวบ กูไม่รู้จะใช้อะไรเพราะซุยรันเริ่มตอนประถมอ่ะ
อ่าห์ ดีงาม มีกาวให้เสพถึง2กระป๋องเชียวนะ
โอ๊ยพวกมึงกูขอแวะมากาวสักสองกระป๋อง อ่านถึงตอน 234 (ไม่สปอยนะ) แล้ว ดูๆไปตาคาบุรากินี่ก็เท่เหมือนกันนะ มันก็ดูมีเคมีกับเรย์กะเหมือนกัน แต่มือกูก็ยังกำกระป๋องกาวท่านเอ็นโจอยู่ สองใจมากตอนนี้ 555555
อยากอ่านฟิคคันตะเยียวยาใจบ้าง แปลไทยล่าสุดนี่คือเหมือนเรย์กะควรมีคันตะข้างกาย
ส่วนท่านอิมารินี่ก็เหมือนโฮสต์ที่จะล่อหลวงสู่ความล้มละลายเลยแฮะ
เริ่มอยากรู้ไซส์ของท่านเรย์กะนิดๆแฮะ แล้วแคลอรี่แต่ละอย่างนี่55555555
ตอนที่ 238 เอ็นโจพูดเกี่ยวกะหนังรัก นี่แอบแฝงอะไรไว้รึเปล่า ?
ว่า คาบุชอบหนังรักต้นตำหรับ ( คาบุ+วาคาบะ) มากกว่าเลิฟคอมเมดี้ (คาบุ+ท่านเรย์กะ)น่ะ
พวกมึง.. เอ็นโจอีกคนจะทำอะไรอะ กูกลัว แงงๆๆๆๆ ทำไมเอ็นโจอีกคนดูร้ายจังเลย เค้าพยายามทำอะไร อยู่ในโลกกระจกเหงาเหรอเลยหาเรื่องมาปั่นหัวคนอื่นเล่น
ฟิคหวานๆนี่มันเยียวยาจิตใจดีจริงๆ อ่านแล้วกูก็เขินประหนึ่งตัวเองเป็นเรย์กะ แอร๊ยย
ปกติกูไม่ใช่สายสุขนิยมนะ ค่อนข้างชอบ BE แต่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่กูชอบอ่านแบบสุขนิยมมากๆ แต่กูก็หยุดอ่านของ >>841 ไม่ได้ ฮือออ /ซื้อทิชชู่กล่องที่18
หลังจากอ่านตอนใหม่แล้วกูขอเสนอชื่อ ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ :ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับคดีเจ้าแม่คานทองจอมเฮี้ยน!!! (คดีที่ 18)
แปลตอนล่าสุดมาแล้ว
คาบุนี่ยิ่งมายิ่งน่ารักเว้ย ชอบความเป็นคนของวิทยาศาสตร์ของคาบุจัง ไอ้ที่รู้ขนาดนี้ไม่ใช่ว่าเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนแล้วไม่เชื่อ เลยไปหาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาจนแน่ใจอะไรแบบนั้นใช่ไหม
นึกภาพเด็กชายมาซายะทำอะไรแบบนั้นแล้วมาเล่าด้วยสีหน้าภาคภูมิใจตอนหาสาเหตุเจอให้เอ็นโจฟังออกเลย
แล้วเจ้าแม่ก็ได้เพื่อนมาอีกคน เก็บแต่พ้อยต์มิตรภาพนะเธอเนี่ย แบ่งไปเติมค่าความรักบ้างสิ
ขอบคุณโม่งแปล แต่ตอนนี้ช่างสั้นนัก รอตอนหน้า รับรองกระทู้พุ่งอีกแน่นอน //โบกธงเอ็นโจวไหวๆ
>>876 พุ่งนี่ พุ่งลงเหวรึเปล่าวะ ไม่เอาระบบทำลายตัวเองแล้วนะ ลูกเรือขี้เกียจลอยคอเกาะขอนไม้ 555555555
ตอนนี้ดูเป็นวิทยาศาสตร์จังวุ้ย ไขปริศนาผีๆด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ สรุปแล้วท่านฟุยุโกะก็โดนพวกนักต้มตุ๋นหลอกเพราะรวยสินะ ไม่รู้เอาเงินทองไปประเคนให้ลัทธิเท่าไหร่แล้ว ไม่ได้ท่านเรย์กะสงสัยหมดเนื้อหมดตัวแน่ๆ
เห็นเมนต์ที่แมวดุ้นว่าอารมณ์อ่านกระทู้ผีพันทิปแล้วมีชาวห้องหว้ากอโผล่มากลางเรื่องนี่ฮาชิบหาย คาบุมันประชากรห้องหว้ากอจริงๆ ว่ะ ส่วนท่านเรย์กะน่าจะประชากรห้องก้นครัว 555
>>881 เมนท์นั้นกูก็ลั่น เห็นภาพชิบหาย 555555555555555555555555555
อีแท็กเรื่องลึกลับในพันทิปมันไปอยู่ในห้องหว้ากออะดิ เวลามีคนมาเล่าอะไรทำนองนี้แม่งชอบไปโผล่ที่ห้องหว้ากออยู่เรื่อย ตบตีกับห้องศาสนาบ่อยมากจนหลายล็อกอินโดนห้องศาสนาสาปแช่ง
แต่ห้องหว้ากอเมื่อก่อนมีอีกชื่อเรียกกันเล่นๆว่าห้องหว้ากามนะมึ้งงงง 55555555555555555
>>882 แท็กเรื่องลึกลับนี่ยังติดอยู่กับห้องหว้ากออีกเหรอวะ เห็นแยกห้องโหราศาสตร์ดูดวงไปแล้ว ก็น่าจะยกไปทางโน้นเลยนะมึง เดี๋ยวนี้เห็นฮิตเล่าเรื่องผีๆ กัน คนตามอ่านเป็นพรวน แต่ห้องนิยายแท้ๆ รกร้างว่างเปล่า //บึนปาก ที่เป็นห้องหว้ากามก็ไม่น่าแปลกนะ เขาว่าเด็กเนิร์ดนี่หื่นกันไม่ใช่เหรอวะ 555555
จะว่าไป ถ้าเด็กซุยรันเล่นพันทิปกัน...
ท่านเรย์กะ : ก้นครัว ห้องงานฝีมือ
คาบุ : ห้องศุภฯ หว้่ากอ
ท่านฟุยุโกะ : ห้องโหราศาสตร์
พวกเซริกะ คิคุโนะ : ห้องสยามฯ โต๊ะเครื่องแป้ง Blueplanet ท่องเที่ยวต่างประเทศ
นายบ้าหมา : ห้องจตุจักร...
>>885 ยังอยู่ๆ อีห้องห่านี่เวลากระทู้มีสาระไม่ค่อยมีใครตอบเท่าไหร่ แต่กระทู้หื่นกามหรือกระทู้ไร้สาระตอบกันโครตไว มีช่วงนึงที่มีแต่กระทู้หื่นๆ หรือไม่ก็ตอบกันแบบออกทะเลไปไร้สาระ เป็นพี่น้องกับห้องสวนลุม ห้องนี้ก็หื่นไม่แพ้กัน แต่ห้องหว้ากอมันฮากว่าเพราะมันจับฉ่ายกว่า 55555555555
เอ็นโจมันน่าจะไปทุกห้อง ไม่แน่ว่างๆอาจจะแต่งนิยายลงพันทิปโดยอ้างว่าเป็นเรื่องจริง ดูคนมาดราม่าร้องไห้ฟูมฟายกับเรื่องที่เล่า ถถถถถถถถถ
ท่านเรย์กะอยู่ก้นครัวนี่นึกถึงคุณกินคนเดียว กับสไลเดอร์แมนเลย ไม่รู้ว่ากระทู้เจ้าแม่จะแนวไหนมากกว่ากัน
KY โม่งแปลอ่านQEDด้วยเหรอ!? เหมือนกุมีเพื่อนแล้ว(ถ้าอ่านนะ)5555555 เรื่องนี้สนุกนะพวกมึง อยากแนะนำ แต่ลายเส้นเก่าๆหน่อย
กุชอบเวลาคาบุแก้ปัญหาไสยศาสตร์อย่างใจเย็นอ่ะ แถมพอแก้แล้วก็ไม่คิดซ้ำเติมเรย์กะ ท่านฟุยุโกะว่า อย่าทำตัวงมงายนี้ บ้าบอ ไร้สาระ รู้สึกฮีมีความเป็นสุภาพบุรุษดี (แต่ไม่รวมที่จิกเรย?กะเรื่องงานถักนั่น5555)
แต่เอาจริงมันไม่ได้สุภาพบุรุษหรอกว่ะ ไม่ได้คิดอะไรมากกว่า555555454
อย่างน้อยๆคาบุรากิก็มีพัฒนาการ นึกถึงหัวอกคนอื่นบ้างแล้วล่ะครับ
ถ้าเป็นสมัยก่อนนี้คงลากท่านเรย์กะไปคุยทั้งๆที่ท่านเรย์กะยังทำธุระไม่เสร็จแล้ว คู่สนทนาท่านเรย์กะก็คงไม่กล้าขัด
นี่ยอมช่วยแก้ปัญหาที่ท่านเรย์กะยังติดพันอยู่ให้เสร็จก่อน แล้วถึงค่อยพาท่านเรย์กะไปคุย
อาจจะเพราะว่าเป็นฟุยุโกะด้วยรึเปล่านะ? แบบPivoine เหมือนกันต้องเกรงใจกันหน่อย?
เรื่องชื่อใหม่ ตอนนี้เห็นเสนออยู่แค่2ชื่อนะ
>>845 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับสาวน้อยพลังจิตฟุยุโกะ นัมเบอร์18
>>873 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ :ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับคดีเจ้าแม่คานทองจอมเฮี้ยน!!! (คดีที่ 18)
ช่วยเสนออีก1ชื่อ "ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ :ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับจักรพรรดิเจ้าหนูนักสืบ (ร้านอาหารที่ 18)"
ขอแสนออีก 1
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับของหวาน(หนักกาว)และ All around Q.E.D ที่ 18
ขอเสนอ ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับคลีลี้ลับที่อย่างนี้ต้องพิสูจน์!! (คดีสลายฝันครั้งที่ 18)
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับเรือลำนั้นที่ระเบิดตัวเองได้!! (เกาะเศษไม้ลอยน้ำครั้งที่ 18)
เสนอมั่ง
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการไขปริศนาแห่งความรัก [คำถามที่ 18]
โดนใจหลายอัน เลือกไม่ถูกเลย
เสนอด้วยๆ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับไอเดียบรรเจิดเพ้อฝันของเจ้าแม่ [ขอปฏิเสธรอบที่ 18]
>>845 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับสาวน้อยพลังจิตฟุยุโกะ นัมเบอร์18
>>873 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ :ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับคดีเจ้าแม่คานทองจอมเฮี้ยน!!! (คดีที่ 18)
>>903 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ :ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับจักรพรรดิเจ้าหนูนักสืบ (ร้านอาหารที่ 18)
>>904 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับของหวาน(หนักกาว)และ All around Q.E.D ที่ 18
>>905 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับคลีลี้ลับที่อย่างนี้ต้องพิสูจน์!! (คดีสลายฝันครั้งที่ 18)
>>906 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับเรือลำนั้นที่ระเบิดตัวเองได้!! (เกาะเศษไม้ลอยน้ำครั้งที่ 18)
>>907 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการไขปริศนาแห่งความรัก [คำถามที่ 18]
>>909 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับไอเดียบรรเจิดเพ้อฝันของเจ้าแม่ [ขอปฏิเสธรอบที่ 18]
ชอบ โหวต
โหวต 909
ถามไรหน่อยดิ ถ้าจะลงฟิคเป็น AU แนวสืบสวนสอบสวน จิตวิทยา ค้นหาความจริง แต่เนื้อหาค่อนข้างมืดหม่นกับจิตพอสมควร มีฉากรุนแรงทำร้ายจิตใจกันพอหอมปากหอมคอจะรับได้มั้ยวะ ไม่เน้นแพร์ริ่งมากแต่ตัวเอกคือเรย์กะและท่านพี่ เป็นฟิคที่กูบอกจะเขียนมาเซ่นท่านพี่น่ะ //ทำไมกูเขียนได้แต่อะไรพรรค์นี้วะ 5555555555555
โหวต 909 จ้า
โหวต 905 ด้วยคน
909ด้วยดรกว่า
กุชอบเกาะเศษไม้ลอยคอ โหวต
905 จ้ะ
โหวต906
วันนี้ว่างเลยไปลองหาหนังที่เอ็นโจชอบมานั่งดูมั่ง ไปๆมาๆติดเฉยเลยว่ะ สนุกดี 55555555555555555555555
905 อีกเสียง
905ค่ะ
https://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=medium&illust_id=64246158
ตอนแรกกูนึกว่าเอ็นโจ แต่ดูไปดูมาและดูดีๆ ท่านพี่นี่หว่า
>>951 ดูทั้งสามเรื่องเลยว่ะ แล้วก็นอนไม่หลับเพราะคิดเรื่องหนัง อีเอ็นโจ๊!!! รสนิยมมึงนี่.....
ทุกเรื่องคือคู่แข่งความรักพระเอกไม่ตายดีซักคน โดยเฉพาะเรื่องที่สาม พระเอกเป็นมาเฟียที่สถุลมาก นั่งๆกินข้าวอยู่ดีๆขยำนมเมียให้แขกดูเฉย.... ฉากเซ็กส์ระหว่างนางเอกกับชู้เร่าร้อนมาก แต่ฉากชู้รักนางเอกโดนกระทืบกับฉากแดกเนื้อศพก็โหดมาก 5555555
เรื่องที่สองคือ sex ทั้งเรื่อง แต่ไม่เห็นนม ไม่เห็นจุก แทบไม่มีฉากโป๊เปลือย ถึงเปลือยก็เอามือบังมั่ง เอามุมกล้องบังมั่ง แต่เห็นกิจกรรมเข้าจังหวะบ่อย (กูว่าตอนดู มึงต้องแอบจิ้นอะไรอยู่แน่ๆว่ะเอ็นโจ) กูว่ามันแรงเพราะเป็นเด็กจริงๆเล่นฉากอย่างว่าที่โจ๋งครึ่มขนาดนี้ ขนาดโลลิต้าที่เอาเด็กผู้หญิงมาเล่น ยังไม่แรงเท่าเรื่องนี้เลย อย่างน้อยก็ไม่มีฉากใช้ปากแบบเรื่องนี้ แค่แต่งตัวยั่วๆโชว์ลุงแก่ไปวันๆ
เรื่องแรก เสียงประกอบเข้ากับบรรยากาศดีมาก บิลด์อารมณ์น่ากลัว หลอนๆขึ้นมาเองแบบไม่ต้องพยายาม ขนลุกทุกครั้งที่เห็นอีดร.คาลิการี่กับอีซีซาร์เดินไปเดินมาในฉาก แต่กูงงตอนท้ายๆว่าตกลงพระเอกมันเป็นบ้าอยู่ก่อนแล้ว ตั้งแต่ต้นเรื่องที่ผ่านมาคือมโนล้วน หรือดร.ฆ่าแล้วโยนความผิดให้พระเอกโดยการจับยัดโรงบาลบ้ากันแน่ คิดไปคิดมาก็นอนไม่หลับ เลยเปิดบล็อควิจารณ์หนังเรื่องนี้อ่านเรื่อยๆ สัญลักษณ์ต้องตีความเยอะโครต
>>953 เรื่องที่สองกูเหวอตรงที่พระเอกมันขอมีอย่างว่ากับนางเอก นางก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง จับหัวพระเอกที่เป็นเด็กน้อยซุกจิมิ๊นางเลยจ้า กูอยากบอกนางว่านั่นเด็กนะเว้ย..... แถมพระเอกจับทั้งบนทั้งล่างเต็มไม้เต็มมือ แล้วต่อมานางก็ไปมีอย่างว่ากับพ่อพระเอก เป็นฉากอย่างว่าระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่เหมือนกัน แล้วก็มีหลายหนด้วย
ลืมบอกไปว่าถึงจะไม่เห็นนม แต่เห็นตูดเต็มๆ ทั้งชายทั้งหญิงเลยจ้า
แฟนคลับเอ็นโจขอโหวต 906
ว่าแต่ ปกติถ้ากุชอบหนังแบบนี้กุไม่กล้าบอกใครนะ เอ็นโจ. นายต้องการอะไรกันแน่เนี่ย
น่านสิ เจ๊แกรู้ได้ไงแว๊. ถ้าจะให้เนียนอย่างท่านเรยกะไม่ควรรู้จักนิ
>>958 ว่าเอ็นโจชอบดูแนวนี้ว่าพีคแล้ว แต่เรย์กะที่รู้จักหนังพวกนั้นด้วยนี่แหละพีคกว่า....
แต่อีตาเอ็นโจมันชอบแนวนี้ก็ไม่แปลกเพราะนิสัยฮีมันค่อนข้างจะยันเดเระไม่แสดงออก ถ้าเกิดกล้าลุยเข้าหาเรย์กะจริงจังขึ้นมา มีหวังที่สนิทๆด้วยคงจะหายไปทีละคนสองคนไม่ก็แว้บหายไปเลย... แต่เรย์กะที่รู้จักนี่เพราะชอบดูหนังอยู่แล้วเลยรู้ หรือว่ามีคนเปิดให้นางดู(ท่านพี่เปิด??)เนี่ย ฟฟฟ
>>955 ตัวหนังก็โดนหลายประเทศแบนน่ะ เพราะมีฉาก child porn
จริงๆมันเป็นหนังเสียดสีนาซี เสียดสีสงครามโลกครั้งที่สองนะ แต่เสนอออกมาในรูปแบบของ sex หนังที่เอ็นโจดูนี่แม่งมี sex กันแบบรุนแรงดิบเถื่อนโจ่งแจ้งไปสองเรื่องละ ไม่คิดจะเปลี่ยนไปดูอะไรโรแมนติคๆบ้างเรอะ 55555555
กุว่าเอ็นโจวแกล้งเล่นว่ะ. ไม่น่าชอบจริงหรอก
>>968 กูก็ว่าจงใจพูดนะ เพราะแต่ละเรื่องดูมีจุดร่วมคือผู้หญิงข้าใครอย่าแตะทั้งนั้น
ขอ KY หน่อย กูเพิ่งรู้ชื่อแบรนด์ guimauve ที่รุ่นพี่โทโมเอะเอาไปฝาก ดีใจจนร้อง ยูเรก้า!!! กันเลยทีเดียว 5555555555555555
ทีแรกกูนึกว่าเป็นแบรนด์ฝรั่งเศสหรือเบลเยี่ยมเข้าไปเปิดกิจการเว้ย แต่พอหาสินค้าในร้านดันไม่ตรงเงื่อนไข กูก็หารีวิวจากบล็อคคนั้นคนนี้ด้วยสกิลภาษาที่ต่ำเตี้ย แล้วก็ไปเจอคนรีวิว guimauve ยี่ห้อนี้พอดี รู้สึกดีที่ค้นพบอะไรบางอย่างได้ 55555555
ทำสารบัญอาหารมา กูหลอนเซมเบ้จิ้งจอกมาก เอาชื่อไปหา เหมือนมีลูกตาจ้องมองมาเต็มไปหมด แถมมีขนาดเท่าหน้ากากของจริงด้วยนะ เจอบล็อคนึงเอามารีวิว แดกให้ดูทีละส่วนแล้วเหลือส่วนที่เป็นดวงตาไว้ถ่ายรูป โครตหลอน กูไม่ชอบอะไรที่มันเป็นลูกกะตาจ้องได้แบบนี้เลย เหมือนแม่งมองตามเราตลอดเวลาอะ ทำไมเรย์กะถึงชมว่าน่ารักวะ.... ไม่เข้าใจรสนิยมจริงๆ
>>974 กูไม่ค่อยชอบอะไรที่มันเป็นลูกกะตาจ้องมาล่ะมั้ง เลยว่าหลอน
แต่อีเซมเบ้นี้ แมวก็ยังแดกได้อย่างสบายใจก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง 555555555555555555
http://imgur.com/Q6wyDzk
>>973 ตอนท่านเรย์กะชมว่าน่ารักกูนึกว่าจะเป็นจิ้งจองแบบมุ้งมิ้งๆ พอเห็นรูปแล้วกูก็อืม... แต่กูดูแล้วไม่หลอนนะ 55555
ที่จริงอันล่างๆที่ดูเวิร์กหน่อยก็มีอยู่นะ แต่เหมือนคนถ่ายรูปมาลงไม่เยอะเท่าแบบอันนี้แฮะ ไม่ฮิตเท่าหรอ อันที่ท่านเรย์กะบอกว่าน่ารักอาจจะเป็นแบบรูปล่างๆก็ได้นะ (ช่วยแก้ต่างให้แล้วนะคะท่านเรย์กะ)
>>973 กูก๊อปไปหาในกูเกิ้ลแล้วเจออันนี้ ไม่หลอนแต่ตลกดี กูชอบ 55555555
http://cdn-ak.f.st-hatena.com/images/fotolife/T/TEAM-L/20110429/20110429232008.jpg
เพื่อการเม้าอย่างต่อเนื่องในวันพรุ่งนี้ ก็ตั้งกระทู้ใหม่ซะ
เปิดวาร์ป >>>/webnovel/4218/
ท้ายตอนมีบอกสูตรน้ำจิ้มอีก ไว้จะไปลองนะโม่งแปล 55555555555
ไอไก่โง่นี่น่ารำคาญได้ใจจังวะ ตอนโผล่มาแรกๆยังเฉยๆหลังๆโผล่มาทีไรรู้สึกรำคาญไอ้นี่ชิบหาย
ตอนนี้โมเมนต์เอ็นโจดูมีอะไรขึ้นบ้าง จากที่คาบุรากิพูดมานี่แสดงว่าคงรู้อะไรอยู่บ้างแหละ(คงไม่พ้นเรื่องยุยโกะ) ฮีน่าจะเจออะไรหนักๆอยู่เหมือนกัน นอกจากมากันท่าเผื่อไว้แล้วยังเนียนมาหายาใจเพิ่มกำลังใจด้วยสินะเนี่ย โอ๋เอ๋ชูสุมอยผู้น่าสงสาร....
>>982 กูว่าที่ฮีโผล่มาตอนนี้ก็แสดงว่าที่สันนิษฐานกันไว้ตอนที่แล้วมีส่วนถูกนะ ประมาณว่าฟังคาบุเล่าทุกวันๆ ชักจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ต้องโผล่มาให้โดนด่า ที่ไม่ตามไปห้องสโมสรด้วยอาจจะเพราะรู้ตัวว่าถ้าไปแล้วจะโดนรังเกียจก็ได้ ต้องให้คาบุเป็นคนบังคับแล้วตัวเองขอติดสอยไปด้วย แต่ก็ยังโดนไก่โง่มาสกัดดาวรุ่ง ปล่อยให้เขาไปสร้างโมเมนต์กันสองคนอีก ถถถถถถถ
อีไก่โง่วววววววว มึ้ง มึงๆๆๆๆๆๆ มึงนะมึงงงงงง โผล่มาขัดจริงๆ แอบตามสตอล์กเอ็นโจอยู่แหงๆ แต่หายกันไปสองคนนานๆแบบนี้ไปทำอะไรวะนั่น "ปิดปาก" ไม่ให้ไปฟ้องยุยโกะเรอะ ส่วนท่านฟุยุโกะก็มีเรื่องเล่าหลายตำนานจัง แต่เรย์กะก็บ้าจี้ทำตามตั้งแต่มองออร่าแล้วนี่หว่า... กินน้ำตากทิ้งค้างคืนไว้ข้างนอกแบบนั้น ไม่ใช่ตอนหน้าท้องเสียอีกนะ
แต่วันนี้แวะฮาจิบังดีกว่าวุ้ย อยากกินราเม็งงงงงงงง
เออ แต่ไปยืนท่องมนต์ตรงระเบียงแบบนั้น ท่านพี่จะหลอนอีกมั้ยวะ หรือท่องแป๊บเดียว ไม่นานเท่าหัวเราะติดต่อกันเป็นชั่วโมงแบบคราวนั้น 5555555555
ไอ้การเป็นคนร่ำรวยความรักน่ะ อย่าหวังเลยค่ะท่านเรย์กะ มีท่านพ่อ ท่านพี่ก็เป็นปราการเหล็กกล้าแล้ว มีเหล่าสมุนเป็นปราการซีเมน มีคาบุและเอ็นโจยืนหน้าสลอนอยู่หน้าปราการเหล็กทำตัวเป็นผู้ท้าชิง แบบนี้ก็เตะผู้ชายออกไปหลายคนแล้วค่ะ!!
เริ่มอยากรู้ธุระของท่านเอ็นโจแล้วนะคะ ขอสาปแช่ง! ตาไก่โง่!!!
ท่านเรย์กะ ขอพรจากใครไม่ขอ ขออาร์เทมิสเนี่ยนะ อาร์เทมิสก็แห้งแล้งพอๆกับท่านเรย์กะเลยไม่ใช่เหรอคะ มีหนุ่มสนใจเยอะ แต่ก็เป็นไปแนวๆเพื่อนช่วยล่าสัตว์ แล้วก็ตั้งแกงค์สาวขึ้นคาน....เอ่อ สาวพรหมจรรย์มาเป็นลูกสมุนช่วยล่าสัตว์แบบเถื่อนๆ
บางตำนานก็บอกอาร์ทิมิสรักโอไรอ้อนจนจะผิดคำสาบานว่าจะครองพรหมจรรย์ อพอลโลผู้เป็นพี่ชายเลยมาสกัดดาวรุ่ง หลอกให้อาร์ทิมิสฆ่าโอไรอ้อนด้วยตัวเอง เป็นอันจบความรักครั้งแรกและครั้งเดียวของอาร์ทิมิสไป....
>>987 ไม่ครั้งแรกและครั้งเดียวดิ มีไปหลงรักเอนดิเมียนด้วยเหมือนกัน ซุสเลยยื่นข้อเสนอว่ามึงอยากหลับตลอดกาลหรืออยากตาย เอนดิเมียนเลือกหลับ อาร์เทมิสเลยทำได้แค่แอบไปหอมแก้มตอนนอนเท่านั้นเอง โถ ไม่น่าปากพล่อยสาบานว่าจะเป็นโสดตลอดกาลเลยอาร์เทมิส ดูอโพรไดท์สิ กินผู้ชายมานับไม่ถ้วนแล้วนะ
อาร์เทมิสกูจำได้ว่านอกจากจะแห้งเหี่ยวแล้ว เวลาเห็นใครมีรัก ได้ดีเกินหน้าเกินตานางในเรื่องความรัก นางก็ลงฑัณฑ์อย่างทารุนเลยนี่หว่า แต่ไม่เยอะเท่าพวกเฮร่าหรืออโฟรไดท์ มีไอ้หนุ่มคนนึงกำลังจะแต่งเมียเลยหมกมุ่นกับเรื่องนี้จนลืมถวายเครื่องเซ่นให้ นางก็สาปให้ห้องนอนไอ้หนุ่มคนนี้มีแต่งู อีกคนเป็นสาวสวยลูกกระจ๊อกในแก๊งค์ของนาง ซุสมาหลีโดยการปลอมตัวเป็นอาร์เทมิสมาคลอเคลีย(นี่มันยูริ) พออาร์เทมิสรู้ก็โกรธมากแต่ทำอะไรพ่อไม่ได้เลยยิงลูกกระจ๊อกคนนั้นตายคาที่ ขี้อิจฉาชิบหาย ตัวเองไม่มีก็อย่าไปสาปไปฆ่าเขาสิว้าาาา
โหยราเม็งมากตอนนี้ เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วไปซัดสักชามละกัน ฮืออออ หิววว
ราเม็งกับเกี๊ยวซ่ารวมกันกี่แคลวะ..
ชุดหน้าร้อนนะท่านเรย์กะ
ตอนนี้มีมองตามอย่างห่วงหา *ติดฟิลเตอร์* แต่คนที่หันมาดันเป็นอีไก่โง่ซะฉิบ ทำไมไม่รู้จังหวะเลยโว้ยยยย เอ็นโจ
แต่ตอนคุยกันว่าเดี๋ยวสาปนะ แล้วเอ็นโจยกมือกลัวแล้ว นึกภาพตามแล้วแม่งก๊าวใจจัง ฟกดดดก่าวว่สฟ มีหยอกล้อ
แต่ถ้าท่านเรย์กะไปยืนสาปข้างหมอนทุกคืน อาจจะฟินก็ได้นะท่านเอ็นโจจ
แต่คุณโดรี่นี่มันใครวะ เป็นพี่น้องกับคุณแมรี่เหรอ
อ่า ถึงฉันจะเกลียดแกนังไก่โง่
แต่รอบนี้ทำดีจริงๆ สมน้ำหน้าเอ็นโจววว อดไปเลย ฮ่าๆๆๆ
หมั่นไส้ เดเมจตอนที่แล้วยังไม่เคลียร์
ทำมาทำท่า ยิ้มๆสนุกสนาน แถมพูดจา ตอบทื่อๆบ้างล่ะ ยังกับท่องมาบ้างล่ะ
ตอนไก่โง่ว่า เรย์กะ ว่าร้ายกาจ ไม่คิด จะพูดอะไรหน่อยเหรอ
(จริงๆอันนี้ทั้งเอ็นโจและคาบุเลย) แต่รุ่นน้องเอ็นโจวเพราะงั้นเลยไม่พอใจตานี่มากกว่า
ไม่ได้สนิทรึเป็นเพื่อนมาพูดใส่ว่าร้ายกาจ เป็นเรื่องปกติเหรอวะ เพราะปกติถ้าตัวเองรึคนรอบตัวนี่คือ การหาเรื่องแล้วนะ
เรย์กะนี่ใจดีไม่คิดไรมากชิบเลย พอเห็นงี้
ดีละ ไม่ต้องไป สมหน้า!!! ไปไหนก็ไปไป๊!!
เห็นราเม็งแล้วหิว จัดแม่งมื้อเที่ยงเลยดีกว่า ไม่ต้องมื้อเย็นละ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.