มีครั้งหนึ่งที่ท่านเรย์กะทำให้ทาคามิจิถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล ท่านเอ็นโจโกรธจนพูดต่อว่าท่านเรย์กะต่อหน้าคนหลายๆคน ต่างจากปกติที่มักเรียกไปคุยแค่สองคน ทุกคำที่ท่านเอ็นโจพูดกับท่านเรย์กะดูรุนแรง แม้แต่ฉันที่ไม่ได้โดนโดยตรงก็จุกจนพูดอะไรไม่ออก นี่คือสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกันมาโดยตลอดงั้นหรอ...
ฉันหันไปมองท่านเรย์กะ ก่อนจะอดประหลาดใจไม่ได้ที่เห็นท่านเรย์กะยิ้มเหมือนมีความสุขมากๆ แววตาเป็นประกายวิ้งวับแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
ในตอนนั้นเองฉันก็ได้รู้ว่าท่านเรย์กะชอบท่านเอ็นโจ
ลักษณะท่าทางตอนที่ท่านเรย์กะได้พูดคุยกับท่านเอ็นโจ แตกต่างจากเวลาที่ท่านเรย์กะมองท่านคาบุรากิโดยสิ้นเชิง เหมือนกำลังมีความสุขทุกวินาทีจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ถูก เซริกะจังและคนอื่นๆในเหตุการณ์ก็วิเคราะห์ออกมาไม่ต่างกันนัก
ปกติฉันไม่ได้สังเกต แต่ตอนนี้ฉันเห็นแล้วว่าเวลาที่ท่านเรย์กะพูดถึงว่าที่คู่หมั้นของท่านเอ็นโจ ท่าทางดูเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนพูดถึงทาคามิจิซะอีก แต่เหมือนพยายามกดตัวเองไม่ให้รู้สึกแบบนั้น พยายามกล่อมตัวเองให้เชื่อว่ายังคงรักท่านคาบุรากิ
วันหนึ่งทางครอบครัวก็จัดเตรียมเลือกคู่หมั้นทางธุรกิจให้ฉัน ถึงฉันจะทำตามหน้าที่อื่นๆมาได้โดยตลอด แต่เรื่องนี้ทำฉันหวาดกลัว และปรึกษากับเซริกะจัง ก่อนท่านเรย์กะจะบังเอิญมาได้ยินพอดี ท่าทางดูไม่ใส่ใจเท่าไหร่แบบที่ฉันพอจะเดาได้... สำหรับท่านเรย์กะแล้วเรื่องแค่นี้จะเป็นอะไรได้
แต่ไม่รู้ทำไม อยู่ๆเรื่องนี้ก็เลื่อนระยะเวลาการตัดสินใจไปได้อีกพักใหญ่ และท่านพ่อไม่ได้คาดคั้นบังคับฉันเรื่องนี้อีก
หลังสืบๆไป เหมือนท่านเรย์กะจะเป็นคนพูดเรื่องนี้ให้เอง แต่ไม่ให้ใครบอกฉันว่าเธอเป็นคนช่วย
พอฉันรีบไปบอกว่าไม่ต้องถูกบังคับให้หมั้นแล้วกับท่านเรย์กะอย่างตื่นเต้นดีใจ อีกฝ่ายตอบรับแค่ “งั้นหรอคะ” ด้วยท่าทางเหมือนไม่ได้สนใจอะไร ทั้งๆที่ช่วยขนาดนั้นแท้ๆ
เซริกะจังเล่าให้ฟังว่าสังเกตมานานแล้วว่าเวลาปรึกษาปัญหาอะไรกับท่านเรย์กะ อีกฝ่ายมักเหมือนไม่ตั้งใจฟังเท่าไหร่ แต่สุดท้าย ไม่รู้ทำไมปัญหาแทบทุกอย่างก็หายไปเฉยๆ พอแอบสืบไปเรื่อยๆก็มักเจอว่าท่านเรย์กะอยู่เบื้องหลังเสมอ
ท่านเรย์กะช่วยพวกเรามาตลอด ทั้งๆที่พวกเราไม่เคยช่วยอะไรเธอได้อย่างจริงจังเลย...
ทำไมท่านเรย์กะถึงทำแบบนี้นะคะ ทำไมต้องคอยหลบๆซ่อนๆ ไม่ยอมบอกว่าตัวเองเป็นคนช่วย ทำไมทั้งๆที่เป็นห่วง แต่กลับทำเหมือนไม่ใส่ใจ ทำไมไม่ยอมแสดงออกมาตามที่ตัวเองรู้สึก ทำไมถึงบอกว่ารักท่านคาบุรากิ ทั้งๆที่ชอบท่านเอ็นโจ
วันหนึ่งท่านเรย์กะถูกท่านคาบุรากิโมโหใส่ และประกาศกร้าวว่าจะไม่มีวันหันมาสนใจท่านเรย์กะ แม้จะไม่ใช่คำพูดรุนแรงเท่าท่านเอ็นโจ แต่ฉันเห็นท่านเรย์กะตัวสั่นราวกับหวาดกลัวบางอย่างจะแตกสลาย ขอบตาแดงก้ำ แต่ไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมา ฉันกับเซริกะจังนึกไม่ออกว่าจะช่วยอีกฝ่ายจากสถานการณ์นี้ยังไง
ฉันเห็นท่านเอ็นโจมองท่านเรย์กะ ก่อนจะพูดเกลี้ยกล่อมให้ท่านคาบุรากิกับทาคามิจิกลับไป
เสียงพูดของท่านเอ็นโจเหมือนทำให้ท่านเรย์กะได้สติกลับมา เธอหันหลังแล้ววิ่งหนีไป พวกฉันก็วิ่งตามมา แต่อีกฝ่ายก็วิ่งเร็วมากจนฉันหลงทางอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเจอเธอในห้องเรียนที่ไม่มีคน เพราะเลิกเรียนกลับบ้านกันหมดแล้ว
แต่ในนั้นไม่ได้มีเพียงท่านเรย์กะคนเดียว
“พอซะทีเถอะ เลิกรักคนที่เขาไม่มีวันรักเราได้แล้ว” ท่านเอ็นโจพูดกับท่านเรย์กะที่ตอนนี้ร้องไห้ออกมาอย่างเปิดเผย ท่านเรย์กะเหมือนพยายามจะหยุดร้อง แต่ก็ทำไม่ได้
ฉันเห็นท่านเอ็นโจมองท่านเรย์กะด้วยแววตาเศร้าๆ แม้จะพูดออกมาอย่างหนักแน่นเย็นชาคล้ายเตือนสติ แต่ท่าทางท่านเอ็นโจจะเจ็บกับคำพูดตัวเองมากยิ่งกว่าท่านเรย์กะเสียอีก...
ฉันอยากกรีดร้องตะโกนตรงนั้นว่าความจริงทั้งคู่รักกันแล้ว! ทำไมถึงไม่รู้ตัวกันซะทีนะคะ...
แต่ที่น่าสงสัยที่สุดก็คือท่านเรย์กะจริงๆไม่ได้ชอบท่านคาบุรากิแท้ๆ ทำไมตอนนั้นถึงทำสีหน้าเหมือนโลกทั้งใบแตกสลายแบบนั้นกันนะ...
“ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากหรอกค่ะ” ท่านเรย์กะพูดในคราบน้ำตา “ถ้ามันง่ายดายขนาดนั้นก็ดี...”
ท่านเอ็นโจไม่ตอบอะไร แต่หลับตาเหมือนไม่อยากเห็นภาพตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆหันหน้าหนีเดินจากมา
ฉันที่แอบอยู่แถวนั้นเมื่อเห็นท่านเอ็นโจไปแล้วก็รีบเข้าไปหาท่านเรย์กะ พยายามปลอบใจ และบอกว่าจะกลับบ้านเป็นเพื่อนเอง
ไม่รู้ทำไมท่านเรย์กะถึงตัวสั่นหน่อยๆ
ทันทีที่ไปถึงคฤหาสน์ของคิโชวอิน ท่านประธานคิโชวอินก็มาต้อนรับสีหน้าเย็นชาเมื่อได้รู้ว่าท่านคาบุรากิพูดแบบนั้นกับท่านเรย์กะ คล้ายกับสายข่าวได้บอกมาก่อนแล้ว แววตาแบบนั้นไม่เหมือนกับสายตาที่พ่อจะมองลูกเลยสักนิด... มันเหมือนกับสายตาที่มองสินค้าที่มีตำหนิ
ฉันทำได้เพียงส่งที่หน้าบ้านเท่านั้น หัวใจฉันกระตุกวูบเมื่อเห็นแววตาของท่านเรย์กะปราศจากแววใดๆ