ขออนุญาต
เรือที่อฟช.บรึ้มทิ้งจนปวดร้าว กาวเองก็ได้ ฮรือ
ไม่มีไทม์ไลน์ เรื่องช่วงไหนก็ไม่รู้ กาวล้วนๆ 100% ไม่มีวัตถุเจือปน
-----
"ซาร์ นั่นมัน..."
"ก็อย่างที่เคยบอกไว้ยังไงล่ะ"
ฉันพยักหน้าให้กับคามิลที่เดินเข้ามายืนข้างๆ มองผ่านหน้าต่างชั้นสองของห้องทำงานลงไปยังลานสนามหลังคฤหาสน์
".....สีผมย่อมลวงได้ แต่สีตาไม่อาจเปลี่ยนแปลงสินะ....."
"หลายปีมาแล้ว แต่ก็ดีที่เจ้ายังจำได้"
คามิลถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอามือกุมหน้าตัวเอง ฉันเอียงศีรษะเล็กน้อยก่อนจะผละความสนใจจากเขาไปยังบุคคลที่ดวลดาบกับคลอเดียอยู่ในลานข้างล่าง
เด็กน้อยในชุดอัศวินสีดำแดงอันโดดเด่น เข้ากับเรือนผมยาวสีดำรวบหางม้าที่ด้านหลัง นัยน์ตาสีแดงฉานส่อประกายไม่สบอารมณ์ขณะรับมือกับการโจมตีอันบ้าดีเดือดของคลอเดีย
ราวกับส่องกระจกเงา หากไม่สังเกตให้ดีก็คงแทบหาข้อแตกต่างจากฉันไม่พบ
"ถึงจะเคยรู้อยู่แล้วก็เถอะ แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะเอาจริง"
"ข้าเคยล้อเล่นด้วยรึ?"
"นั่นสินะ ซาร์เป็นพวกดื้อรั้นจะตาย"
คามิลยิ้มพรายคล้ายจะยั่วโมโห แต่ฉันไม่สนใจ หลังมีเขาเป็นผู้อารักขามานานปีก็ชินชากับความกวนประสาทของเขาแล้ว
"เจ้าคิดใช้เขาเป็นตัวตายตัวแทนงั้นสิ? "
น้ำเสียงนั้นอย่างกับถามถึงดินฟ้าอากาศ แต่รูปประโยคที่เย็นชาทำเอาฉันต้องปรายตามอง รอยยิ้มยังประดับบนใบหน้าของเขาพร้อมพยักหน้าหงึกแบบคิดเองเออเอง
"เปล่าเลย ถึงยังไงเด็กคนนี้ก็เป็นพลเรือนของข้า ความปลอดภัยของเขาย่อมสำคัญที่สุด ข้าเพียงให้เขาคอยรับหน้ากับเรื่องที่ไม่สลักสำคัญนักแทนข้าเท่านั้น"
คามิลขยับตัวเปลี่ยนท่าทาง ฉันเหมือนได้ยินเสียงฮึดฮัดเบาๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจ
"คามิล เจ้าควรรู้ไว้ ยามที่เอลีสต้องออกนอกเขตคฤหาสน์ในฐานะร่างแยกของข้า เจ้าต้องเป็นผู้อารักขาของเขา"
"หา? อารักขาเด็กนั่นน่ะเหรอ? ไม่ ไม่ล่ะ ต่อให้ปลอมตัวเป็นเจ้าก็เถอะ ไม่มีทาง ให้คลอเดียทำเถอะ"
คามิลทำหน้าบูดบึ้งปากงอง้ำแบบเด็กๆที่ไม่ได้เข้ากับวัยตัวเองสักนิด พลางส่ายหน้ารัว
"ยังไงหมอนั่นก็ทั้งเคยปาหินและสาบานว่าจะฆ่าเจ้า! ถึงจะผ่านมาหลายปี ทัศนคติดูจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ข้าก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี แทนที่จะปกป้อง สู้จับกุมไว้ยังจะดีกว่า"
"เจ้าคิดจะละเลยงานที่ข้ามอบหมายให้อีกครั้งงั้นสิ?"
"งานของข้าคือการดูแลเจ้า ตั้งแต่ตอนเจ้าห้าขวบ ข้ารับคำสั่งจากท่านเอิร์ลให้ดูแลราชีออคและเป็นผู้อารักขาของเจ้าหรอก ตอนไปควบคุมงานก่อสร้างก็รับคำสั่งจากท่านเอิร์ลเหมือนกัน เคยรับคำสั่งจากเจ้าซะเมื่อไหร่"
เขายักไหล่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวจนฉันต้องหรี่ตามองนึกหมั่นไส้ตะหงิดๆ
ให้ตายเถอะ นี่ไม่ลืมใช่ไหมเนี่ยว่าตัวเองสังกัดในกองทัพอัศวินของใคร.... ถึงท่านเอิร์ลจะเป็นคนก่อตั้งภาคีอีกก็เหอะ...
ถึงจะหงุดหงิดที่ไม่ได้ดั่งใจอย่างกับตัวเองโดนยึดอำนาจที่ควรมี แต่ลึกๆแล้ว ฉันกลับโล่งใจอย่างประหลาด ขณะขบคิดถึงความหมายของความรู้สึกนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังมาจากข้างๆจนต้องเสตามอง
สายตาของคามิลมองออกไปนอกหน้าต่าง ดูเหมือนสนุกกับอะไรสักอย่าง
ก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงคลอเดียโหวกเหวกโวยวายดังลั่นมาถึงชั้นสอง.... ดูเหมือนว่าเอลีสจะสลบเหมือดไปซะแล้ว....จนราชีออคต้องคาบตัวขึ้นมา แล้วใช้หางปัดเขี่ยคลอเดียออกไปจากทางเข้าคฤหาสน์
เฮ้อ ทำอะไรกันเนี่ย-- ฉันนึกถอนหายใจ จากนั้นก็หมุนตัวจะออกจากห้องไปดูสถานการณ์ข้างล่าง
ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงน้ำหนักกดบนศีรษะ ก่อนจะทันคิดว่ามันคืออะไร ก็ได้ยินเสียงนุ่มพึมพำ
".....สำคัญยิ่งกว่าการเป็นคำสั่งที่ได้รับมา มันก็ยังเป็นความตั้งใจส่วนตัวของข้าด้วยหรอกน่ะ..."
คามิลยกมือที่กดหัวฉันไว้ออก ก่อนจะดีดนิ้วใส่หน้าผากเต็มแรงจนฉันร้องเสียงหลงด้วยไม่ทันตั้งตัว จากนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะร่าที่เผ่นแน่บออกจากห้องไปก่อนแล้ว
บ้าเอ๊ย ฝากไว้ก่อนเถอะ
ฉันนึกบ่นขรมในใจขณะใช้ฝ่ามือลูบหน้าผากตัวเอง ก่อนจะนึกถึงคำพูดที่ได้ยินเมื่อสักครู่
แสงแดดจ้าของยามบ่ายสาดส่องมาจากหน้าต่าง สายลมพัดนำมวลอากาศร้อนถ่ายเทภายในห้องทำงาน
ฤดูร้อนมาถึงได้สักพักแล้ว
แต่วันนี้ดูจะร้อนระอุผิดไปจากทุกที
(จบ)
----
แต่งยากจัง รู้เรื่องมั้ยเนี่ย 555555
กาวจบ สบายใจละ สวัสดี