มาโอะจังกับยูริคุงก็วิ่งมาหาฉัน วันนี้มาโอะจังเป็นหนูน้อยหมวกแดง ส่วนยูริคุงเป็นหมาป่า พอฉันชมไปว่าเข้าคู่กันน่ารักมาก สองคนนี้ก็ยิ้มเอียงอายให้กันและกัน แหม จะน่าอิจฉาเกินไปแล้วนะคะ เจ้าคู่รักหวานแหววตรงนี้
คุยกันอยู่อีกพักหนึ่ง อัศวินในชุดเกราะและเคาน์เตสกระโปรงสุ่มแบบโบราณก็ควงคู่เดินมาหาที่พวกเรา น้ำเสียงสดใสใต้หน้ากากคาร์นิวัลนั่น วาคาบะจังสินะคะ ส่วนอัศวิน...ก็คาบุรากิ ชุดเกราะเป็นเหล็กแบบนี้ไม่ร้อนรึยังไง
ที่จริงก็เป็นงานเลี้ยงของ Pivoine แต่โรงแรมนี้ก็เป็นของตระกูลคาบุรากิ ให้ภรรยาเจ้าของมาร่วมงานด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อีกอย่างในงานก็ใส่หน้ากากกันเกือบหมด แทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นใคร
ฉันกับท่านไอระทักทายคาบุรากิและวาคาบะจัง คุยสัพเพเหระกันอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นท่านโยโกะขึ้นเวทีไปกล่าวประกาศเปิดงานเลี้ยง ไฟในงานค่อยๆหรี่ลงเรื่อยๆ พอมองเห็นได้สลัวๆ มีแต่แสงเทียนไขให้ความสว่างสมกับเป็นงานของเหล่าภูตผี
และความลับในชุดของฉันก็ได้เผยออกมาต่อสายตาคนอื่น
ชุดที่ควรจะกลืนหายไปในความมืดแบบคนอื่นๆ ก็ส่องแสงทอประกายระยิบระยับ เหมือนนางฟ้าได้ใช้เวทมนต์วิเศษเสกชุดนี้ออกมาให้ ถักทอเป็นเส้นใย พร่างพราวเหมือนดวงดาวที่อยู่บนฟ้ายามราตรี
ได้ยินเสียงฮือฮาจากคนรอบข้างด้วยล่ะค่ะ
“เหมือนเจ้าหญิงในนิทานเลยล่ะค่ะ” มาโอะจังทำตาเป็นประกายใส่ฉัน ท่านไอระกับวาคาบะจังก็ชมว่าสวย กรี๊ดกร๊าดใส่ฉันด้วยความตื่นเต้น
“เหมือนเอาดาวมาถักทอเป็นชุดเลยล่ะ”
แหม ไม่ต้องเยินยอกันขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ตัวจะลอยอยู่แล้วนะคะ
มีคนเข้ามาทักทายอีกหลายคน เอ่ยชมชุดของฉันกันไม่ขาดปาก ท่านฟุยุโกะที่แต่งเป็นยูกิอนนะใส่หน้ากากหญิงสาวในละครโนและท่านซาราระที่แต่งตัวสไตล์โกธิคก็เข้ามาแจมด้วยเหมือนกัน
กำลังพูดคุยกับเหล่าภูตผีทั้งหลายภายใต้หน้ากากอย่างออกรส แวมไพร์หนุ่มก็ตรงเข้ามาที่พวกฉัน
“เรย์กะจัง” ท่านอิมารินี่เอง ฉันกับท่านไอระทักทายตอบไป “งดงามมากเลยล่ะ นางฟ้าผู้ลงมาจากสวรรค์เอ๋ย ขอให้คนบาปเช่นข้าได้มีโอกาสสัมผัสหยาดโลหิตของเจ้าในค่ำคืนนี้ได้หรือไม่”
“แหม” ฉันหัวเราะคลอไปกับบทจีบของท่านอิมาริ แวมไพร์จะลิ้มรสเลือดของนางฟ้างั้นหรือคะ ว้าย!! นี่มันเรื่องต้องห้ามรึเปล่าเอ่ย
ฉันแนะนำท่านอิมาริให้กับยูกิโนะคุง วาคาบะจัง ท่านฟุยุโกะและท่านซาราระได้รู้จัก ทุกคนต่างก็เป็นนักเรียนซุยรัน และท่านอิมาริก็เป็นคู่สนทนาที่ดี หาเรื่องมาคุยได้ไม่รู้เบื่อ กลุ่มพวกฉันก็เลยครึกครื้นมากขึ้นทุกขณะ นี่งานเลี้ยงรุ่นชัดๆเลยนี่คะ
แหม สนุกจังเลยค่ะที่ได้มางานนี้
วงออเครสตร้าเริ่มบรรเลงเพลงที่มีท่วงทำนองอ่อนหวาน คาบุรากิก็จูงมือวาคาบะจังไปกลางฟลอร์ เริ่มเต้นรำ สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังคู่เปิดฟลอร์ในค่ำคืนนี้
ให้คาบุรากิเต้นกับวาคาบะจังไปได้ครู่หนึ่ง ฉันก็รุนหลังมาโอะจังกับยูริคุงให้ลงไปแจม ยูริคุงดูอายๆนิดหน่อยแต่ก็กุมมือของมาโอะจังไว้อย่างอ่อนโยน
ท่านอิมาริถูกคุณหนูทั้งหลายรุมล้อมมาขอเป็นคู่เต้นรำ ท่าทางแวมไพร์หนุ่มจะมีภูตพรายสาวเสนอตัวให้ดื่มเลือดเยอะแยะแล้ว ฉัน ท่านไอระและยูกิโนะคุงเลยถอยฉากออกมายืนจิบเครื่องดื่มกันเงียบๆสามคน ดูหนุ่มๆสาวๆเข้าไปเต้นรำในฟลอร์
“คุณพี่เรย์กะอยากเต้นรำมั้ยฮะ” ยูกิโนะคุงเอียงคอมองฉัน
เอ่อ...ไอ้อยากน่ะมันก็อยากอยู่หรอกนะคะ แต่จะให้ฉันเต้นกับยูกิโนะคุงที่ใส่หน้ากากผีเละๆแบบนี้มันก็นะ…
มะ ไม่ได้สิ เราต้องมองทะลุผ่านหน้ากากเข้าไปเห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาต่างหากล่ะ
“ถ้ายูกิโนะคุงไม่รังเกียจล่ะก็…” พอพูดคำนี้ออกไป ใต้หน้ากากนั่น ฉันคิดว่ายูกิโนะคุงต้องยิ้มกว้างมากแน่นอนเลยล่ะค่ะ
ยูกิโนะคุงจูงมือฉันลงไปในฟลอร์ โค้งให้ฉันตามธรรมเนียมแล้วเอื้อมมือมาเกาะกุมมือฉันไว้
1...2...3 1...2...3
ฉันนับสเต็ปการเต้นรำในใจ ยูกิโนะคุงเป็นผู้นำการเต้นได้ยอดเยี่ยม รู้สึกว่าจะเต้นเก่งขึ้นจากที่เคยเต้นด้วยกันสมัยก่อนเลยนะคะ
“คุณพี่เรย์กะไม่สนุกเหรอครับ ดูเหม่อๆจังเลย”
“เอ่อ เปล่าจ๊ะ เปล่า” ฉันรีบยิ้มให้เทวดาน้อย ยังไงก็ไม่กล้าบอกว่าฉันไม่อยากมองหน้ากากผีที่ยูกิโนะคุงใส่อยู่เลย มันน่ากลัวอ่า
ต้องรีบหาทางเบี่ยงเบนความสนใจซะแล้วสิ
“พี่แค่มองพระจันทร์น่ะ” ฉันแหงนหน้ามองเพดานโดมกระจกใสที่อยู่เบื้องบนฟลอร์เต้นรำ พยากรณ์อากาศว่าไว้ว่าวันนี้อากาศแจ่มใส มองเห็นพระจันทร์เต็มดวงได้ไม่ต้องกลัวเมฆฝน แต่ดูยังไงพระจันทร์ก็เอาแต่หลบอยู่หลังเมฆไม่เผยโฉมออกมาให้เห็นสักที บรรยากาศเลยดูน่ากลัวสมเป็นวันฮาโลวีนชะมัด
ยูกิโนะคุงแหงนคอมองตามฉันแล้วก็จ้องหน้ากันตรงๆ อึ๋ย ถอดหน้ากากออกทีเถอะค่ะ