วันรุ่งขึ้น ผมเข้าไปทักเธอทันทีเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณคิโชวอินดูลอกแล่กเหมือนกำลังหาทางหนีทีไล่ จะปฏิเสธอย่างนั้นเหรอ ไม่ให้หนีหรอกนะ
ผมเอาเรื่องยูกิโนะรอทานอาหารฝีมือคุณคิโชวอินขึ้นมาพูด พอเป็นเรื่องยูกิโนะ คุณคิโชวอินก็ปฏิเสธไม่ออก ผมรู้ว่าเธอต้องทุ่มฝีมือสุดชีวิตให้น้องชายของผมแน่นอน
เธอตอบตกลงแบบอ่อนระโหยโรยแรง บอกอย่างถ่อมตัวว่าไม่ให้คาดหวังมาก และนับจากวันนั้น ผมก็เห็นเธอนั่งอ่านตำราทำอาหารอยู่แบบขมักเขม้น ผมเลยเข้าไปชวนคุยเรื่องอาหารที่จะทำให้ยูกิโนะทาน
คุณคิโชวอินหมกมุ่นกับเรื่องที่จะทำอาหารให้ยูกิโนะจนไม่ได้ฟังที่ผมพูดไปเลยสักนิด
ผมเลยบอกเธอไปว่ามีเพื่อนๆของยูกิโนะมาด้วยอีกประมาณยี่สิบคน เป็นการสร้างความกดดันเพิ่มให้มากขึ้น คุณคิโชวอินก็ดูซีดเซียว แต่ก็รับคำว่าจะทำให้
ก็น่าน้อยใจอยู่นะ ที่ใครต่อใครก็สำคัญกับคุณคิโชวอินหมด ยกเว้นผม
.
.
.
.
วันงานมาถึง หลังจากแม่บ้านมาแจ้งว่าคุณคิโชวอินมาถึงแล้ว ผมก็เดินออกไปรับด้วยตัวเอง เป็นไปตามคาดที่คุณทาคาเทรุจะมาส่งถึงที่บ้าน แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญ
ประเด็นอยู่ที่วันนี้คุณคิโชวอินแต่งชุดสีขาวล้วนจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าจะได้เห็น
กระต่าย….
นั่นเป็นสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในความคิด
ผมรีบเรียกสติตัวเองกลับมาเพื่อทักทายพี่น้องคิโชวอิน คุณทาคาเทรุยิ้มแย้มให้ แต่สายตานั้นคมกริบเหมือนจะมองทะลุเข้าไปถึงข้างใน
“สวัสดี ชูสุเกะคุง วันนี้ฝากน้องสาวผมด้วยนะ”
“ทางนี้ต่างหากล่ะครับ”
จะดูแลอย่างดีเลยล่ะครับ
คุณทาคาเทรุจ้องผมเขม็งราวกับรู้ว่าผมคิดอะไร แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่ากำชับคุณคิโชวอินไม่ให้เสียมารยาทแล้วก็กลับบ้านไป
ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าน่ารัก อดที่จะยิ้มไม่ได้จริงๆ อย่างกับฝันไปเลยที่ได้เห็นกระต่ายขาวตรงตามภาพจินตนาการมายืนตรงหน้าแบบนี้
“วันนี้คุณคิโชวอินใส่ชุดสีขาวล้วนน่ารักจังเลยนะ เหมือนคุณกระต่ายเลยล่ะ”
“อุเหย!?”
คุณคิโชวอินอ้าปากค้าง อุทานเสียงแปลกๆออกมา ตาก็ยังมองผมเหมือนไม่คาดคิดว่าจะเจออะไรแบบนี้ เกือบจะหลุดขำออกมาแล้ว
อ้าว ก่อนหน้านั้นชมไปยังไม่เคยมีปฏิกริยาอะไรตอบกลับมาแท้ๆ ชอบให้ชมแบบนี้สินะ กระต่ายน้อย
ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับท่าทางแบบนั้น ผายมือนำทางไปที่ห้องจัดงาน เหลือบมองก็เห็นคุณคิโชวอินจ้องแผ่นหลังผมเขม็ง ทำเหมือนอาฆาตแค้น
มีอะไรติดเสื้อผมอย่างนั้นเหรอ
เสียงหัวเราะของพวกเด็กๆดังขึ้นตอนเข้าใกล้ห้องจัดงาน คุณคิโชวอินดูกังวลนิดหน่อยว่าตัวเองจะมาช้า แต่ผมบอกว่างานยังไม่เริ่ม และมาซายะก็มาสายด้วย เธอก็ดูโล่งใจหน่อยๆ
คุณคิโชวอินยิ้มกว้างโบกมือให้ยูกิโนะ ทักทายแม่ของผมแล้วส่งปิ่นโตให้ ผมปล่อยให้แม่กับน้องต้อนรับคุณคิโชวอินไป ส่วนตัวเองก็เดินไปรับแขกคนอื่นๆที่ได้เชิญมาในวันนี้
เมื่อแขกของยูกิโนะมากันครบแล้วก็ได้เวลาเป่าเค้ก ร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ คุณคิโชวอินส่งของขวัญให้ยูกิโนะ กล่องใหญ่เชียว
เค้กถูกตัดแจกจ่ายตามที่นั่ง และในที่สุดก็ถึงเวลาของอาหารที่คุณคิโชวอินทำมาให้ยูกิโนะทาน เป็นจิราชิซูชิหน้าตาสวยงาม จัดแต่งมาอย่างดีในปิ่นโตสองชั้น
มาดามคิโชวอินมักจะคุยฟุ้งในวงสังคมเรื่องลูกสาวที่มักจะเข้าครัวทำอาหารให้ที่บ้านทานอยู่เสมอ ประธานคิโชวอินก็คุยเรื่องลูกสาวปักลายถุงเท้าให้พ่อบ้าง ถักตุ๊กตาให้บ้าง งานอดิเรกสมเป็นกุลสตรีจริงๆ
คุณคิโชวอินคุยเรื่องนี้กับแม่ของผมอย่างถ่อมตัว ถ้วยแบ่งจิราชิซูชิมาวางตรงหน้าผม หน้าตาก็สอบผ่านอยู่แต่ไม่รู้รสชาติจะเป็นอย่างไร
อร่อยแฮะ
น่าเสียดายที่มีนิดเดียว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากทานอีก อยากทานฝีมือคุณคิโชวอินอีกจัง
ยูกิโนะก็เอ่ยปากชมออกมาพร้อมกับยิ้มกว้าง ใบหน้าคุณคิโชวอินก็ค่อยๆปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาอย่างโล่งใจ เธอเหลียวมองรอบๆดูปฏิกริยาคนอื่นแล้วก็มาหยุดที่ผม สายตาดูคาดหวัง
“อื้อ อร่อยจริงๆ คุณคิโชวอินทำอาหารเก่งนะ”
ที่ผมทานจนหมดเกลี้ยงก็น่าจะเป็นคำยืนยันได้ แต่คุณคิโชวอินทำตาโตอย่างประหลาดใจ แล้วก็จ้องเอาๆเหมือนจะคาดคั้นคำตอบที่แท้จริง
คิดว่าผมจะแกล้งชมเพื่อเป็นมารยาท ฝืนทานฝีมือคุณงั้นเหรอ
“ไม่ได้ฝืนนะ”
เธอสะดุ้งเฮือกทันที เหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำอะไรผิด คิดว่าผมอ่านใจออกอีกแล้วงั้นสิ
“เปล่านะ มันเขียนไว้ที่หน้าหมดต่างหาก”
คนที่เปิดเผยความรู้สึกทุกอย่างออกมาทางสีหน้าอย่างคุณน่ะ ไม่ต้องอ่านใจก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่
คุณคิโชวอินหน้ามุ่ย นั่งหันหลังให้ผมทานเค้กไปไม่ยอมสบตา สงสัยกลัวจะถูกอ่านใจ
น่ารัก
ผมนั่งมองกระต่ายขาวในอิริยาบทต่างๆแบบห้ามตัวเองไม่ได้เลย