“ไม่จริง!!!”
ฉันกรีดร้องออกมาสุดเสียง รู้สึกเหมือนถูกจับกดน้ำจนเกือบตายแต่แล้วก็รอดพ้นมาได้
ภาพที่ปรากฏในสายตาคือห้องนอนในตอนกลางคืน ค่อนข้างมืดแต่ยังพอมองเห็นภาพในห้องได้เพราะไฟจากระเบียง ฉันยันตัวขึ้นมา มือปาดน้ำตาที่เจิ่งขอบตาออกแล้วมองไปรอบ ๆ
ฝัน...งั้นเหรอ?
ฝันจริง ๆ ด้วยสินะ
นี่ไม่ใช่ห้องนอนของฉัน แต่ก็เป็นห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายหรูหรา หรือว่าที่นี่คือโรงแรม? เรื่องดำเนินมาถึงตอนที่ฉันไปทัศนศึกษาที่ยุโรปแล้วงั้นเหรอ?
ฉันถอนหายใจเฮือก ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงกะว่าจะออกไปหาอะไรกินปลอบขวัญซักหน่อย ผ้าห่มที่หลุดเลื่อนออกจากตัว ลากผ่านผิวเนื้อให้ความรู้สึกนุ่มนวลจั๊กจี๋ทำให้ฉันก้มมองตัวเอง แล้วพบว่าฉันไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเข้านอน
ฉันชะงัก เดี๋ยวนะ ทำไมฉันถึงไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเข้านอนกันล่ะ?!
“ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ?”
ฉันกรี๊ดลั่น วิญญาณเกือบหลุดออกจากปากเพราะเสียงพูดนั้นดังมาจากข้างตัว แถมยังเป็นเสียงผู้ชาย ฉันกรี๊ดอีกครั้งก่อนจะกระตุกผ้าห่มกระโจนลงไปตั้งหลักบนพื้น เพราะว่าผ้าห่มถูกฉันลากมาคลุมร่างแล้ว ดังนั้นคนที่อยู่บนเตียงเลย....
เปลือยตั้งแต่หัวจรดเท้า
“จะให้ผมไปชงโกโก้ร้อนให้ไหม?”
อ..เอ็นโจ! ถึงแม้จะค่อนข้างมืด และอีกฝ่ายดูโตกว่าเอ็นโจที่ฉันจำได้ แต่หน้าตาแบบนั้น น้ำเสียงแบบนั้น เอ็นโจแน่นอน!!
แถมยังโชว์ร่างเปลือยอย่างไม่อายอีก ฉันเลยต้องเป็นฝ่ายปิดตา อุกรี๊ด แต่ถึงปิดตาแล้วก็ยังจำได้ทุกสัดส่วนอ่า
ถึงแม้ว่าฉันจะควรตกใจที่น่าจะข้ามมาในอนาคตโดยไม่ทันได้รู้ตัว แต่สิ่งที่น่ากังวัลมากกว่านั้นคือ
“ท่านเอ็นโจ เข้ามาได้ยังไงคะ!? แล้วทำไมพวกเราถึง...!!!”
ฉันหมายถึงว่าทำไมพวกเราถึงเปลือยกายนอนอยู่ด้วยกันบนเตียง อย่าบอกนะว่าพวกเราหลงทางมาในกระท่อมร้าง เสื้อเปียก เลยต้องถอดเสื้อกอดก่ายกันเพื่อความอบอุ่นเหมือนในหนังการ์ตูน!!?
“ท่านเอ็นโจ?” เอ็นโจทวนคำด้วยน้ำเสียงงงๆ “ไม่ได้ยินเรย์กะเรียกผมอย่างนั้นก็หลายปีแล้ว ยังตกใจจากฝันร้ายไม่หายสินะ”
ไหงถึงเรียกฉันห้วน ๆ อย่างงั้นกันล่ะ นี่มันสนิทกันเกินไปแล้วนะ น่ากลัวชะมัด
ฉันส่ายหน้าพรืด ก่อนจะปิดตาแล้วหันหน้าหนีเพราะถึงเอ็นโจจะลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ไม่ได้หาอะไรมาปิดร่างเปลือยเลยแม้แต่น้อย “ท่านเอ็นโจ ระหว่าง...เอ่อ...พวกเรา เมื่อคืนนี้ ไม่ได้มีเอ้อ...ใช่ไหมคะ?” ถึงแม้จะอาย แต่ฉันก็ต้องรีบถามเพื่อตัดโอกาสมโนไปเอง ต้องเป็นเหมือนในการ์ตูนแน่ ๆ แค่ถอดเสื้อผ้าเฉย ๆ เท่านั้น
“เอ...ก็ไม่รู้สินะ เอ้อ...นี่หมายความว่าอะไรงั้นเหรอ?” เอ็นโจถามกลับ ทำเสียงอินโนเซนต์ ฉันแทบจะกระอักเลือดออกมา สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนั้นอย่างมาล้อเล่นกันสิ ก่อนที่น้ำเสียงนั้นจะเปลี่ยนไปเป็นน้ำเสียงกังวล “เรย์กะ จำอะไรได้บ้าง?”
ฉันนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบ “จำได้ถึงแค่กำลังจะไปทัศนศึกษาค่ะ แต่ยังไม่ได้ไป”
“ทัศนศึกษา? ที่ไหน?”
“ยุโรปค่ะ”
เอ็นโจถอนหายใจเฮือก พวกเรานั่งนิ่งอยู่ในความเงียบ
“เรย์กะ”
“คะ?”
“ก้มมองมือตัวเอง”
ฉันกระพริบตาถี่ ๆ ก่อนจะใช้ต้นแขนทั้งคู่หนีบผ้าห่ม แล้วลดมือลงมอง
แหวน!
แถมยังเป็นแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้าย!
“ฉ...ฉันแต่งงานแล้วงั้นเหรอคะ?!”
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ใหญ่บ้านคานทองอย่างฉันจะขายออก! อย่าบอกนะว่า...
ฉันเงยหน้ามองเอ็นโจที่มองฉันด้วยแววตาแปลก ๆ ก่อนที่จะส่งรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจมาให้พร้อมกับคำตอบที่เหมือนกับจะอ่านใจฉันได้
“คนที่เรย์กะแต่งงานด้วยก็คือผมไงล่ะ” เอ็นโจชูมือข้างซ้ายที่สวมแหวนแต่งงานเข้าคู่กับฉัน “เอ...แล้วผมจะทำยังไงกับคนที่ลืมสามีของตัวเองกันดีล่ะ เจ็บปวดจังเลยน๊า คราวก่อนหน้านั้น แล้วก็คราวก่อน ๆ ผมก็ต้องตามจีบใหม่ตั้งหลายครั้ง”
“!!!” อย่าบอกนะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันตื่นขึ้นมา แต่ไหงถึงจำอะไรไม่ได้เลยล่ะ!
“อืมม์...จะลงโทษเหมือนคราวนั้นดีมั๊ยนะ?"