ในห้องอาหารโรงแรมในเครือคาบุรากิ
ผมเป็นบัตเลอร์ให้กับโรงแรมในเครือคาบุรากิมาสิบสามปีแล้ว
หน้าที่หลักของผมคือการดูแลความเรียบร้อยให้ลูกค้าที่มาใช้บริการภัตตราคารของโรงแรมได้รับบริการอย่างน่าประทับใจ ในบางครั้งผมก็เข้ามารับใช้ในห้องอาหารส่วนตัวสำหรับแขกพิเศษ เพราะแขกยิ่งพิเศษเท่าไหร่ บทสนทนาของพวกเขาก็จะยิ่งเป็นความลับสุดยอดมากขึ้นเท่านั้น บางครั้งผมก็ต้องทำเป็นไม่ได้ยินบทสนทนาที่ผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรมร้ายแรงแบบที่ถ้าความลับหลุดรอดออกไป อาจจะทำให้เส้นทางทางการเมืองของนักการเมืองท่านนั้นจบลง หรือบริษัทใหญ่โตต้องล้มละลายเลยทีเดียว
เพราะว่าผมทำหน้าที่บัตเลอร์ได้ดีจนท่านคาบุรากิไว้วางใจ วันนี้ห้องพิเศษที่ผมดูแลอยู่จึงได้รับเกียรติต้อนรับแขกคนสำคัญของนายท่าน ซึ่งก็คือครอบครัวคิโชวอิน
นายท่านและมาดามคาบุรากิ รวมถึงนายท่านและมาดามคิโชวอินล่วงหน้ามาเพื่อรอการปรากฏตัวของคนสำคัญในงานวันนี้ นั่นก็คือคุณหนูมาซายะและคุณหนูคิโชวอิน
เมื่อจัดอาหารและเครื่องดื่มบนโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินเข้าไปในห้องเตรียมอุปกรณ์เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของแชมเปญฉลองและแหวนหมั้นประจำตระกูลคาบุรากิ ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ ว่าคุณหนูมาซายะคนนั้นจะเติบโตขึ้นมาจนหมั้นหมายได้แล้ว ผมถอนหายใจเฮือก รู้สึกว่าตัวเองแก่ไปถนัดตา แต่ก็ดีใจกับคุณหนูจริง ๆ
คุณหนูคิโชวอินเธอมาก่อนคุณหนูมาซายะ ร่างทั้งร่างนั้นเปี่ยมไปด้วยราศีสูงส่งจนแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางบรรดาคนรวยระดับไฮคลาส แต่เธอก็โดดเด่นขึ้นมาได้แบบไม่ต้องกวาดตามองหาซ้ำสอง ผมสีดำเป็นมันม้วนเกลียวราวตุ๊กตาฝรั่งเศส รับเข้ากับใบหน้าจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู ร่างในชุดวันพีชสีขาวดูบอบบาง แต่ก็ไม่ผอมจนเกินไปเหมือนสาว ๆ สมัยนี้
ผมเดินไปรับคุณหนูคิโชวอินมายังห้องพิเศษ ยิ่งใกล้ห้องเท่าไหร่ ใบหน้าของเธอดูซีดเซียวไร้สีเลือดยิ่งขึ้นเท่านั้น ทำเอาผมอดสงสารไม่ได้ เธอคงเป็นกุลสตรีที่ถูกเลี้ยงเหมือนไข่ในหินโดยแท้ เพียงแค่เดินหน่อยเดียวก็คล้ายจะเป็นลม
มาดามเหมือนจะถูกใจลูกสะใภ้คนนี้อย่างที่ผมไม่เคยเห็นท่านถูกใจใครมาก่อน แม้กระทั่งกับคุณหนูยูริเอะก็เถอะ ดูท่าว่างานหมั้นครั้งนี้จะดำเนินไปได้ด้วยดี นายท่านเองก็ดูจะให้ความเอ็นดูคุณหนูคิโชวอินไม่น้อย พอคุณหนูมา ผู้ใหญ่สองครอบครัวก็ยิ่งพูดคุยกันคึกคัก
ผมรอตัวเอกสำคัญอย่างใจจดจ่อ แล้วในที่สุด คุณหนูมาซายะก็มา