Last posted
Total of 1000 posts
ขอบคุณโม่งแปลมาก ตอนนี้ฮาสุดๆคาบุแม่งน่าเอ็นดูมากเลยอ่ะ จะว่าเพี้ยนก็เพี้ยนหนนะแต่ก็น่าเอ็นดูในความเพี้ยนนั้น555555 ท่านเรย์กะช่างเป็นอาจารย์ที่ดีเหลือเกินเลยนะสอนวิชาขั้นสูงแถมยัดหนังสือลางร้ายนั่นกลับได้ซะด้วย555555 แต่ป่านนี้ทั้งซุยรันคงมีข่าวลือกระจายหลายเรื่องแหงมๆ
>>122 ร่วมมือกับคันตะตั้งแชนแนลอาหารเลย วันนี้เชฟเรย์กะจะมาสาทิตวิธีการทำ บลาๆๆๆๆๆ นะคะ แล้วข้างๆก็จะเป็นคันตะที่คอยบ่น อย่าใส่นั่นมากไป อย่าเอานี่ใส่ลงไป บางวันคุณอาคิมิก็จะมาเป็นแขกรับเชิญ ทำอาหารด้วยกันอะไรทำนองนี้ มีช่วงพาไปชิมร้านดีเมนูเด็ด ตามรีเควสต์ทางบ้านว่าอยากเห็นเชฟเรย์กะชิมอาหารของที่ไหนบ้าง ประมาณนี้
เดี๋ยวนะ นี่ตกลงละทิ้งเส้นทางรักของเจ้าแม่ หันมาเอาดีด้านอาชีพการงานเป็น Career Woman ไปแล้วเหรอวะ 5555
ท่านเรย์กะเปิดเพจแนะนำร้านอาหาร
"เมื่อวานนี้ท่านเรย์กะทานอะไร"
คุณหนูไฮโซผมหลอดรีวิวร้านอาหารตั้งกะร้านบ้านๆถึงร้านหรู
คนน่าจะฟอลกันเยอะนะ หากินได้เลย ว่างๆก็ไปกินแข่งกะแกลโซเนะ
>>126 อาจจะเปิด account twitter ปิดบังตัวจริง ใช้ twitter name ว่าราชินีกรูเม่ต์โรโคโค่อะไรเทือกๆ นี้ ผู้คนก็พยายามหาตัวจริง เพราะนางกินได้หลาย range เหลือเกิน ตั้งแต่บ้านๆ ยันหรูไฮโซว ส่วนเอ็นโจก็ฟอลโล่ว์ไว้คอยนั่งดูแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในความมืด ว่างๆ ก็มาพูดอะไรชวนขนลุกเป็นระยะๆ
แต่เป็นคาบุนี่ก็มีความสุขง่ายดีนะ แค่แบ่งซอสกันก็ฟินละ.......
สาวน้อยเอโกะบนอินเตอร์เน็ต
ช่วงนี้ฉันกำลังคลั่งติดตามบล๊อกของคน ๆ นึงอยู่ค่ะ
บล็อกนี้เป็นบล็อกที่เพื่อนของฉันแนะนำมา เป็นบล็อกรีวิวอาหารที่มีชื่อว่า ‘ห้องเสวยพระกระยาหารของพระนางมารีอังตัวเนตต์’ ตัวบล็อกถูกตกแต่งอย่างเริ่ดหรูน่ารัก แต่ที่สำคัญคืออาหารและขนมที่รีวิวข้างในน่ะเริ่ดสุด ๆ
ฉันกับเพื่อนและคนในอินเตอร์เน็ตเรียกบล็อกนี้ย่อ ๆ ว่าบล็อกพระนางฯ ในแต่ละวัน พระนางฯ จะโพสต์รูปอาหารบ้าง ขนมบ้าง แล้วก็รีวิวถึงจุดเด่นจุดด้อย ทว่าพอเห็นราคาของแต่ละอย่างที่พระนางฯ โพสต์แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพระนางฯ จะต้องรวยมากแน่ ๆ คนปกติธรรมดากินอาหารแบบนั้นได้เดือนละครั้งก็ถือว่าสุดยอดแล้ว แต่พระนางฯ กลับโพสต์ต่อ ๆ กันได้ทุกวัน แถมบางครั้งยังโพสต์ได้วันละหลายครั้งอีก สมแล้วที่ตั้งชื่อบล็อกเป็นราชินีโรโคโค่ ก็ใช้ชีวิตอย่างหรูหราแบบนั้นทุกวันนี่นา ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ
แต่บางครั้งพระนางฯ ก็จะโพสต์อาหารที่ดูบ้านสุด ๆ อย่างยากิโซบะในซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วบอกว่ารสชาติยากิโซบะพื้น ๆ นี่ช่างชวนให้คิดถึงจริง ๆ อ่านแบบนั้นแล้วก็สงสัยว่าบ้านของพระนางฯ เป็นเศรษฐีใหม่รึเปล่านะ?
นอกจากนั้นแล้วดูเหมือนว่าพระนางฯ จะป๊อปปูลาร์ในหมู่ผู้ชายไม่ใช่น้อย เพราะเคยโพสต์ภาพลาเต้อาร์ตรูปวัวที่มี ‘เทวดาน้อย’ ทำให้ หรือบางทีก็โพสต์ภาพขนมไฮโซที่ได้รับมาตอนวันไวท์เดย์ ฉันกับเพื่อนเคยถกกันว่านอกจากจะร่ำรวยและรายล้อมไปด้วยหนุ่ม ๆ แล้ว พระนางฯ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ครอบครองคุณสมบัติที่สาว ๆ ทั่วโลกใฝ่ฝัน
กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน!
อาหารที่โพสต์ขึ้นมาในบล็อกไม่ใช่อาหารทุกมื้อ แต่ถึงอย่างงั้นก็เหอะ ถ้ากินมากขนาดนั้นคนปกติไม่มีทางรักษาหุ่นที่ทำให้ป๊อปปูลาร์ในหมู่หนุ่ม ๆ ได้หรอกนะ เพราะงั้นพระนางฯ นี่ถือว่าได้รับการประทานพรจากพระเจ้าโดยแท้
วันนี้บล็อกอัพเดทในตอนเย็น ฉันรีบเปิดดูแต่ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะเป็นชุดเบอร์เกอร์กับฟรายด์ของแมคโดนัลด์ ถึงพระนางฯ จะเคยโพสต์แรงกิ้งของชีสเบอร์เกอร์กับฟรายด์ก็เถอะ แต่ฉันชอบดูอาหารหรูหราที่ไม่มีปัญหาได้กินมากกว่านี่
ในภาพโฟกัสตรงเฟรนช์ฟรายด์ที่จุ่มลงไปในซอสมะเขือเทศ พร้อมกับแคปชั่นสั้น ๆ ของพระนางฯ ว่า ‘เฟรนช์ฟรายด์ก็ต้องคู่กับซอสมะเขือเทศสิ’
ทว่านั่นยังไม่สำคัญเท่ากับภาพสะท้อนจากฟลอยด์สีเงินใต้ฝาของกระปุกซอสมะเขือเทศซึ่งสะท้อนให้เห็นเพื่อนร่วมโต๊ะที่นั่งอยู่คนละฝั่งกับพระนางฯ
โอ้ แม่ เจ้า หนุ่ม มัธยมปลาย หล่อเริ่ด!
แม้จะเห็นหน้าไม่ชัด แต่ก็หล่อของจริงแน่นอน เสียดายที่เงาสะท้อนสุดอยู่ตรงแค่หน้า ไม่เห็นว่าเรียนโรงเรียนอะไร
อุกรี๊ด น่าอิจฉาพระนางฯ จริง ๆ นอกจากคุณสมบัติข้างต้นที่แสนจะน่าอิจฉาแล้ว ยังมีแฟนหนุ่มหล่ออีกด้วย หรือว่าคน ๆ นั้นเป็น ‘เทวดาน้อย’ ที่ทำลาเต้อาร์ตรูปวัว แล้วก็มอบขนมไฮโซให้ตอนวันไวท์เดย์! ช่างเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมและโรแมนติกจริง ๆ โอ๊ย พระนางฯ คะ ชีวิตรักจะน่าอิจฉาเกินไปแล้ว!
ฉันอ่านบล็อกในวันนี้ซ้ำอีกรอบแล้วก็จินตนาการในใจว่า พระนางฯ คงจะไปเดทแบบสามัญชนกับหนุ่มหล่อที่น่าจะบ้านรวยพอ ๆ กัน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศสินะ พอนึกภาพหนุ่มหล่อสาวสวยแบ่งเฟรนช์ฟรายด์ ผลัดกันจิ้มซอสมะเขือเทศป้อนอีกฝ่ายแล้วฉันก็อดถอนหายใจไม่ได้ นี่สินะคู่ที่เรียกว่ากิ่งทองใบหยก
ฉันคอมเมนต์ไปว่า “จริงค่ะ ฟรายด์ก็ต้องคู่กับซอสมะเขือเทศ ไม่งั้นจืดชืดแย่” เสร็จก็ปิดโทรศัพท์ลง ก่อนจะจิ้ม ๆ ผักต้มสำหรับมื้อเย็น พักนี้ฉันกินตามบล็อกของพระนางบ่อยเกินไปหน่อย เลยน้ำหนักขึ้น ต้องไดเอ็ทซะหน่อย
เฮ้อ ถ้ากินแล้วไม่มีวันอ้วนแบบพระนางฯ ก็ดีสิ
จบ
จะบอกว่าอาหารพวกผักต้มๆ ญี่ปุ่นก็ยังอ้วนนะ ตอนไปเที่ยวติดใจพวกผักที่ทำเป็นก้านยาวๆ จิ้มดิปมายองเนสผสมไข่ปลาทาราโกะ ไม่ได้ช่วยลดแคลอรี่เลย แต่อร่อย โฮวววว
กูย้อนไปอ่านท่านเรย์กะ แม่คุณบอกว่าโชคแห่งรักของเธอจะเบ่งบานในชั้นม.ปลาย...
ท่านเรย์กะ จะจบม.6 แล้วนะท่าน... ไหนล่ะโชคแห่งรักของตัวเอง ไหงมีแต่โชคแห่งรักของคนอื่นล่ะเฮ้ย!?
>>142 เป็นแม่สื่อให้คาบุรากิ แก้ปัญหาให้ตระกูลเอ็นโจเสร็จ ถือว่า จบม.ปลายผ่านด่านเคราะห์ไปได้แล้ว คราวนี้แหละ ในมหาลัยซุยรันนี่แหละที่ฤดูใบไม้ผลิของฉันจะมาเยือนเสียที! พอหลับไปอีกหนึ่งตื่นก็เกิดระลึกขึ้นมาได้ว่าความจริงแล้ว Kimi Dolce มีภาคสองต่อ เป็นภาคที่ชายลึกลับเข้ามาอุปถัมภ์ตระกูลคิโชวอินจนผงาดขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง เรย์กะคิมิดอลสอบเข้ามหาลัยซุยรันตามจองเวรคาบุรากิ วาคาบะที่เป็นคู่หมั้นกันต่อ ความร้าย x 2 เริ่มภาคใหม่ ตัวละครใหม่ เร้าใจกว่าเดิม เพิ่มของกินใน Kimi Dolce ภาคความฝันรั้วมหาลัย!
นี่พวกเมิงกะจะดันให้ท่านเรย์กะเป็นสายคานให้ได้เลยซินะ5555
>>149 มีช่วงไดเอทมั้ย วันนี้มาเข้าคอร์สไดเอทที่โรงแรมแห่งหนึ่งค่ะ รู้สึกโปรแกรมอดอาหารกำลังเป็นที่นิยมมากในขณะนี้ ที่จริงดิฉันก็เคยเข้าร่วมมาหนหนึ่งแล้วนะคะ ไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมาอีกหน ได้ทานแต่ซอฟท์ดริงค์ ซอฟท์ดริงค์ แล้วก็ซอฟท์ดริงค์ จะอ้วกออกมาเป็นซอฟท์ดริงค์อยู่แล้วค่าาา
ทำไมมีแต่เรื่องกินกับเรื่องคาน นี่มันฤดูใบไม้ผลิ หรือเป็นพุงที่ปริ 555555
เพราะเมื่อวานพวกมึงพูดเรื่องเฟรนซ์ฟราย กูเลยไปซื้อมาทอดกินเอง โรยเกลือแล้วจิ้มกับซอสพริก ซอสมะเขือเทศ อร่อยมาก ของทอดก็ต้องกินตอนร้อนๆถึงจะฟิน
กูว่ากระทู้แรกๆ ก็ยังเม้าท์เรื่องหนุ่มๆ ฤดูใบไม้ผลิ โดขิๆ กันมากกว่านี้นะ อันนี้เหมือนทุกคนปลงตกตามท่านเรย์กะกันไปหมดแล้ว เสพของกินกันเถิดรา
ไม่แน่นะ อาจมีท่านชายที่เป็นหนึ่งในสิบ Pivoine เผยตัวมาตอนท้ายๆ แล้วก็แสดงตัวออกมา ฤดูใบไม้ผลิก็จะมาเยือนท่านเรย์กะกะทันหัน!//สูดกาวรัวๆ
ky แป๊ป กูโม่งแตกอ่ะ เป็นน้องเทคเพื่อนกูเองงงงง
>>168 กูว่าเรย์กะแม่งปักธงวาคาบะตั้งแต่ลุกขึ้นเตือนไม่ให้นั่งผิดที่ละ แล้วมีเรื่องส่งจดหมายไปให้ ช่วยอยู่ลับหลังนั่นนี่โน่น ทำให้เขาประทับใจมากขึ้นเรื่อยๆ แสดงโฉมหน้าเท่ๆเอาจริงเอาจังให้เห็น ถ้าเป็นผู้ชายนี่คือพระเอกนางเอกในมังงะโชโจชัดๆ เรือคาบุนี่ยังไม่ทันจับค้อนขึ้นมาตอกตะปู ตะปูก็สลายเป็นฝุ่นผงคามือ แล้วเรื่องก็จะดำเนินรอยซ้ำกับคิมิดอล แค่เปลี่ยนพระเอกจากคาบุเป็นเรย์กะเท่านั้นเอง ทางบ้านเรย์กะก็จะกีดกันไม่ให้คบกับสามัญชน แต่ความดี ความน่ารักของวาคาบะก็จะเอาชนะใจมาดามคิโชวอินจนสุขสมหวัง แฮปปี้เอนดิ้งได้ในที่สุด
ส่วนตัวร้าย....เอ่อ......//หันไปมองเอ็นโจ นายคงต้องรับบทเรย์กะคิมิคอยมาขัดขวางสองคนนี้แล้วล่ะ ระวังอย่าไปล้มละลายตามรูทนั้นก็แล้วกัน
โม่งกูไม่มีทางแตก ยกเว้นกูจะเปิดเผยตัวเองด้วยความเต็มใจ อะฮิๆๆๆๆ
โชคดีที่มีเพื่อนอ่านท่านเรย์กะและเล่นโม่งด้วยคนสองคน เลยพอจะเม้ามอยได้ พอกูเปิดเผยตัวกับพวกมันว่ากูเขียนฟิคอะไรในนี้บ้าง แม่งอึ้งกันชิบหาย คนใกล้ตัวสุดๆ จากนั้นมันก็ทวงฟิคกูยิกๆเบย 5555555555555555555
กูลืมพล็อตฟิคที่เคยเขียนค้างๆไว้ไปแทบทั้งหมดแล้วอะ :\
กูมีคนนึงที่กูไปสครีมบลาๆใส่มัน แล้วยื่นให้อ่านซักสองสามตอน พอเหยื่อติดเบ็ดก็ส่งลิ้งค์ให้ มันเข้ามาอ่านโม่งนะแต่ว่ามันไม่ค่อยได้เข้ามาอ่าน
ยังดีที่มันมาสครีมกับกูอยู่ ตอนล่าสุดมันยังอ่านก่อนกูแล้วมาสครีมว่าคาบุน่าเอ็นดูตั้งแต่เช้า
เคยจะเอาไปให้เพื่อนอ่าน ตอนนั้นแปลถึงตอนหิ่งห้อยพอดีแล้วกูพีคมาก พยายามไซโคหว่านล้อม แต่พอมันห็นจำนวนตอนมันก็ส่ายหน้าไม่เอา ไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ กูโครตเศร้าเลย
>>190 คือบางทีคนเราเห็นจำนวนตอนเยอะๆหรือหนังสือเล่มหนาๆแล้วก็แอบท้อไง จะอ่านไหวมั้ย กูก็เข้าใจนะ เพราะเคยตามอ่านนิยายจีน มีประมาณห้าร้อยตอน กูเกือบไม่กดอ่านละเพราะขี้เกียจอ่านอะไรเยอะๆ ยิ่งคนที่ปกติก็ไม่ค่อยอ่านหนังสือแบบเพื่อนกูมาเจอเข้าคงปิดเว็บแล้วไปหาอย่างอื่นทำ ถถถถถถถถถ
กัปตันชมรมฟุตบอล หมู่นี้ออกมาบ่อยนะ เอ็นโจกะยูกิโนะหายไปเลย โฮวววว
อ่านท้ายบทตอนล่าสุดแล้ว โม่งแปล มึงอยู่ตำหนักเผือกด้วยใช่ไหม พูด! 5555
เล่าให้กันฟังแล้วจริงๆ ด้วย... กุ๊กกิ๊กสนิทสนมกันดีจั๊ง งี้ต่อไปก็ต้องมีตอนที่วาคาบะจังได้ยินข่าวลือแล้วเข้าใจผิด เลยพยายามหลีกทางให้ท่านเรย์กะด้วยน่ะสิ อรั๊ยย โคตรโชโจ
ตอนล่าสุดนี่ฝ่ายคาบุxวาคาบะ นี่มันโชโจชัดๆ บทเพื่อนพระเอกที่คอยช่วยสานความสัมพันธ์แทนที่จะเป็นเอ็นโจดันเป็นเรย์กะแทนซะงั้น จะเกิดข่าวลือแปลกๆว่า อ๊ายยยยท่านคาบุรากิกับท่านเรย์กะแอบคบกัน วาคาบะเลยจะถอยห่างแต่เรย์กะเคยยืนยันกับวาคาบะแล้วว่าไม่ได้ชอบแถมวาคาบะน่าจะจับโกหกเก่งด้วย (เพราะเลี้ยงเด็ก เลี้ยงน้อง มันเป็นความสามารถเฉพาะของพี่คนโตนะสิ) เอ็นโจโว้ยยยมาทำหน้าที่เดิมของนายเลย อย่างน้อยก็มาให้ความรู้สึกโดขิ โดขิ กับเรย์กะหน่อยสิ ส่วนฝ่ายสภานักเรียนอึ้งกับท่านเรย์กะทานขนมยังน้อยไปถ้ารู้ความจริงว่าชีไปถึงถิ่นวาคาบะกินคำเดียวแต่หลายจานมาแล้วนะเออ
ตอนล่าสุดนี่อยากจะเถียงว่า
ที่วาคาบะกุมน่ะมันไม่ใช่กระเพาะหรอกค่ะท่านเรย์กะ มันคือหัวใจตะหากคร่าาาา
ในห้องอาหารโรงแรมในเครือคาบุรากิ
ผมเป็นบัตเลอร์ให้กับโรงแรมในเครือคาบุรากิมาสิบสามปีแล้ว
หน้าที่หลักของผมคือการดูแลความเรียบร้อยให้ลูกค้าที่มาใช้บริการภัตตราคารของโรงแรมได้รับบริการอย่างน่าประทับใจ ในบางครั้งผมก็เข้ามารับใช้ในห้องอาหารส่วนตัวสำหรับแขกพิเศษ เพราะแขกยิ่งพิเศษเท่าไหร่ บทสนทนาของพวกเขาก็จะยิ่งเป็นความลับสุดยอดมากขึ้นเท่านั้น บางครั้งผมก็ต้องทำเป็นไม่ได้ยินบทสนทนาที่ผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรมร้ายแรงแบบที่ถ้าความลับหลุดรอดออกไป อาจจะทำให้เส้นทางทางการเมืองของนักการเมืองท่านนั้นจบลง หรือบริษัทใหญ่โตต้องล้มละลายเลยทีเดียว
เพราะว่าผมทำหน้าที่บัตเลอร์ได้ดีจนท่านคาบุรากิไว้วางใจ วันนี้ห้องพิเศษที่ผมดูแลอยู่จึงได้รับเกียรติต้อนรับแขกคนสำคัญของนายท่าน ซึ่งก็คือครอบครัวคิโชวอิน
นายท่านและมาดามคาบุรากิ รวมถึงนายท่านและมาดามคิโชวอินล่วงหน้ามาเพื่อรอการปรากฏตัวของคนสำคัญในงานวันนี้ นั่นก็คือคุณหนูมาซายะและคุณหนูคิโชวอิน
เมื่อจัดอาหารและเครื่องดื่มบนโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินเข้าไปในห้องเตรียมอุปกรณ์เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของแชมเปญฉลองและแหวนหมั้นประจำตระกูลคาบุรากิ ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ ว่าคุณหนูมาซายะคนนั้นจะเติบโตขึ้นมาจนหมั้นหมายได้แล้ว ผมถอนหายใจเฮือก รู้สึกว่าตัวเองแก่ไปถนัดตา แต่ก็ดีใจกับคุณหนูจริง ๆ
คุณหนูคิโชวอินเธอมาก่อนคุณหนูมาซายะ ร่างทั้งร่างนั้นเปี่ยมไปด้วยราศีสูงส่งจนแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางบรรดาคนรวยระดับไฮคลาส แต่เธอก็โดดเด่นขึ้นมาได้แบบไม่ต้องกวาดตามองหาซ้ำสอง ผมสีดำเป็นมันม้วนเกลียวราวตุ๊กตาฝรั่งเศส รับเข้ากับใบหน้าจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู ร่างในชุดวันพีชสีขาวดูบอบบาง แต่ก็ไม่ผอมจนเกินไปเหมือนสาว ๆ สมัยนี้
ผมเดินไปรับคุณหนูคิโชวอินมายังห้องพิเศษ ยิ่งใกล้ห้องเท่าไหร่ ใบหน้าของเธอดูซีดเซียวไร้สีเลือดยิ่งขึ้นเท่านั้น ทำเอาผมอดสงสารไม่ได้ เธอคงเป็นกุลสตรีที่ถูกเลี้ยงเหมือนไข่ในหินโดยแท้ เพียงแค่เดินหน่อยเดียวก็คล้ายจะเป็นลม
มาดามเหมือนจะถูกใจลูกสะใภ้คนนี้อย่างที่ผมไม่เคยเห็นท่านถูกใจใครมาก่อน แม้กระทั่งกับคุณหนูยูริเอะก็เถอะ ดูท่าว่างานหมั้นครั้งนี้จะดำเนินไปได้ด้วยดี นายท่านเองก็ดูจะให้ความเอ็นดูคุณหนูคิโชวอินไม่น้อย พอคุณหนูมา ผู้ใหญ่สองครอบครัวก็ยิ่งพูดคุยกันคึกคัก
ผมรอตัวเอกสำคัญอย่างใจจดจ่อ แล้วในที่สุด คุณหนูมาซายะก็มา
เมื่อคุณหนูมาซายะมาถึง อาหารจานแรกก็ถูกเสิร์ฟ บรรดานายท่านต่างพูดคุยกันสำราญใจ
ในระหว่างมื้ออาหาร ผมลอบสังเกตอากัปกริยาของคุณหนูทั้งสอง แม้ว่าสองคนจะเหมาะสมกันและผู้ใหญ่เป็นใจ แต่ถ้าทั้งคู่ไม่ชอบพอกันชีวิตสมรมก็ไม่น่าอภิรมย์นัก ผมทราบดีกว่าเหตุผลของการแต่งงานของชนชั้นสูงผูกติดกับธุรกิจมากกว่าครึ่ง แต่คนที่แต่งงานมีครอบครัวด้วยความรักอย่างผมยังอดหวังไม่ได้ว่าคุณหนูมาซายะจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ท่านรัก ทว่าความกังวลของผมหมดไปเมื่อเห็นคุณหนูมาซายะกับคุณหนูคิโชวอินโน้มตัวไปคุยกันเงียบ ๆ สองคน บางทีก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น แต่ผมที่อยู่ด้านหลังถึงแม้จะอ่านตัวหนังสือเล็กจิ๋วไม่ออก แต่ก็สังเกตได้ว่าทั้งสองคนอีเมล์หากัน
พอทุกคนทานอาหารมื้อหลักครบทุกจาน นายท่านก็กระแอมขึ้น
“คุณเรย์กะ ปีหน้าก็จะต้องเลือกมหาวิทยาแล้วสินะ ตั้งใจจะเข้าที่ไหนงั้นหรือ?”
คุณหนูคิโชวอินยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบด้วยเสียงเบา
“มหาวิทยาลัยซุยรันค่ะ แต่น่าอายเสียจริง จนป่านนี้ก็ยังเลือกคณะไม่ได้เลยค่ะ”
มาดามยกมือป้องปากหัวเราะโฮะๆ
“แหมคุณหนูเรย์กะ เด็กผู้หญิงที่เพียบพร้อมอย่างคุณจะเรียนคณะไหนในอนาคตก็สามารถช่วยเหลือผู้เป็นสามีได้อยู่แล้วค่ะ เห็นว่าคุณเรย์กะช่วยแนะนำท่านคิโชวอินเรื่องการปรับปรุงขวัญกำลังใจของพนักงาน เพราะอย่างนั้นกิจการของตระกูลคิวโชวอินก็เลยเติบโตเอาเติบโตเอา”
คุณหนูคิโชวอินส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างถ่อมตน “เป็นเพราะท่านพี่ที่เข้าไปช่วยงานท่านพ่อต่างหากค่ะ คำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนั้นคงช่วยอะไรมากไม่ได้ แต่อย่างน้อยถ้าพนักงานได้พักทานอาหารอย่างมีความสุขก็ถือว่าดีมากแล้วค่ะ”
มาดามหัวเราะอีกครั้ง สายตาระยิบระยับไปด้วยความเอ็นดูชื่นชม
“คุณเรย์กะก็ถ่อมตัวเกินไป แต่คุณทาคาเทรุมีความสามารถจริง ๆ นั่นแหล่ะค่ะ เป็นคุณชายที่ทั้งหล่อเหลาและเปี่ยมไปด้วยความสามารถ ดิฉันเห็นเดินไปทางไหนสาว ๆ ก็จ้องไม่วางสายตา” ประโยคข้างท้ายหันไปพูดกับมาดามคิโชวอิน ทำเอาท่านแม่ของผู้ที่ถูกชมต้องถ่อมตัวว่า ‘ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ’ แต่ก็ยิ้มแก้มปริ
“คุณทาคาเทรุก็อายุอานามใกล้ถึงเวลาแต่งงานแล้ว ว่าแต่ท่านคิโชวอินมีลูกสะใภ้ในดวงใจหรือยังคะ?”
มาดามคิโชวอินหัวเราะ
“รายนั้นเอาแต่ทำงานค่ะ ยังไม่เคยแนะนำคุณหนูที่ไหนให้รู้จักเลย”
“แหม เป็นผู้ชายจะแต่งช้าหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ถ้าเป็นเด็กผู้หญิง ต้องรีบแต่งงานหมั้นหมายไว้ให้เร็ว จะได้มีหลานให้ทันอุ้ม ว่าแต่คุณเรย์กะพาใครมาแนะนำที่บ้านแล้วรึยังเอ่ย อย่างคุณเรย์กะน่าจะมีหนุ่ม ๆ อนาคตไกลมาขอความรักไม่ขาดสายอยู่แล้วสินะคะ”
มาดามคิโชวอินรับลูกทันควัน
“แหม ก็มีบ้างแหล่ะค่ะ แต่เด็กคนนี้ไม่เคยสนใจใครเลย วัน ๆ อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนหัดทำอาหาร ไม่ค่อยได้ออกสังคมเท่าไหร่”
มาดามได้โอกาสก็เปิดฉากทันที
“ได้ยินว่าอยู่ที่โรงเรียนก็สอบได้อันดับดี อยู่ที่บ้านก็ยังเรียบร้อยเป็นกุลสตรีอีก ช่างเพียบพร้อมทั้งนอกและในบ้านเลยนะคะ ไม่ใช่ว่าคุณเรย์กะมีชายในดวงใจแต่ไม่ยอมบอกที่บ้านรึเปล่าเอ่ย?”
ปฏิกิริยาตอบรับของคุณหนูคิโชวอินผิดกับที่ผมคาดไว้มาก แทนที่เธอจะหน้าแดงขวยเขิน แต่กลับหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมโตกวาดไปรอบ ๆ ก่อนจะหยุดที่คุณหนูมาซายะ ทั้งสองคนทำท่าเหมือนกำลังสื่อใจกันด้วยสายตา แล้วคุณหนูคิโชวอินก็พูดขึ้นมาในที่สุด
“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหรอกนะคะ”
มาดามทั้งสองคนมีท่าทีกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัดแม้จะพยายามสำรวมก็ตาม “เอ๋? พอจะบอกได้ไหมคะว่าลูกชายบ้านไหน” มาดามถามอย่างใจจดจ่อ
คุณหนูคิโชวอินเธอก้มหน้าพึมพำอะไรซักอย่าง ทุกคนเองก็ลุ้นตามไปด้วย ต้องให้นายท่านกระแอมถามอีกทีเพราะได้ยินไม่ชัดนั่นแหล่ะ คุณหนูคิโชวอินเธอถึงยอมพูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ
“ชอบ...ท่านพ่อที่สุดค่ะ”
ทั้งห้องนิ่งอึ้งไป ก่อนที่มาดามคิโชวอินจะขมวดคิ้ว
“คุณเรย์กะคะ ลูกเองก็โตพอที่จะมีครอบครัวได้แล้ว ยังไงก็ต้องมองผู้ชายดี ๆ ไว้นะคะ”
คุณหนูคิโชวอินหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่น้ำตาหยดโต ๆ จะล้นออกมาจากดวงตาโศกเศร้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว คุณหนูเธอช้อนตามองไปทางนายท่านคิโชวอิน “ท่านพ่อไม่อยากอยู่กับลูกแล้วเหรอคะ?”
เท่านั้นเองนายท่านคิโชวอินก็อดทนไม่ได้ “พ่อรักเรย์กะที่สุดอยู่แล้ว! ขอเพียงเป็นความต้องการของเรย์กะ จะอยู่อีกซักกี่ปีก็ได้” ว่าแล้วก็ลุกจากเก้าอี้อย่างเร็วจนเก้าอี้เซไปข้างหลัง ยังดีที่ผมไปรับไว้ได้ทัน นายท่านคิโชวอินเดินเข้าไปโอบคุณหนูคิโชวอินเอาไว้ “อย่าร้องไห้สิเรย์กะ ถ้าเรย์กะอยากอยู่กับพ่ออีกซักหน่อยก็ไม่เป็นไรนี่เนอะ ยังไงลูกก็อายุแค่สิบแปดปีเอง” พอเห็นน้ำตาคุณหนูยังคงร่วงเป็นสาย ไหล่บอบบางสั่นน้อย ๆ ก็รีบปลอบใหญ่ “เรย์กะอยากได้อะไรพ่อจะซื้อให้หมดเลย กระเป๋าของแอร์เมสหรือว่าอยากได้รองเท้าสวย ๆ ซักกี่คู่ก็ได้ หรือว่าพวกเราจะบินไปกินขนมที่ฝรั่งเศสดี พ่อจะจองตั๋วให้เลยทันทีที่ลูกปิดเทอมนะ!”
มาดามทั้งสองและนายท่านคาบุรากิมองหน้ากันไปมา ก่อนที่นายท่านคาบุรากิจะพูดขึ้นเพื่อคลายสถานการณ์ “น่าอิจฉาท่านคิโชวอินจริง ๆ นะครับที่ลูกสาวรักขนาดนั้น ได้ยินว่าคุณเรย์กะโปรดปรานขนมเหมือนมาซายะ วันนี้ผมให้ปาติซิเย่ทำขนมไว้ให้หลายอย่าง ลองชิมดูนะครับ”
ไม่รู้ว่าเพราะพูดถึงขนม หรือได้รับการเอาอกเอาใจจากท่านพ่อสุดที่รักกันแน่ คุณหนูคิโชวอินหยุดร้องไห้ ก่อนจะหันมายิ้มอาย ๆ ให้กับสมาชิกบนโต๊ะ “ขออภัยเป็นอย่างสูงนะคะที่ทำให้ตกใจกัน ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
พอคุณหนูคิโชวอินลุก คุณหนูมาซายะก็ลุกตามออกไป มาดามคิโชวอินรีบขอโทษขอโพยยกใหญ่
“ขอโทษด้วยนะคะที่ลูกสาวทำขายหน้า”
มาดามหัวเราะ
“แหม น่ารักดีออกค่ะ ขนาดมาซายะที่ไม่เคยติดผู้หญิงคนไหนยังตามไปดูแลขนาดนั้น น่าจะอีกไม่นานหรอกค่ะ ตอนนี้ปล่อยให้ทั้งสองคนสนิทสนมกันไปก่อน ขี้คร้านมาซายะจะมาขอคุณหนูเรย์กะด้วยตัวเอง”
ในระหว่างที่มาดามทั้งสองหัวเราะชอบใจ นายท่านก็สั่งให้ผมไปเตรียมของหวาน เค้กฉลองงานหมั้นจำเป็นจะต้องเก็บไว้ก่อน ผมเลยให้ยกเค้กอย่างอื่นออกไป และไปดูที่ครัวใหญ่เผื่อจะมีเค้กอย่างอื่นที่คุณหนูทั้งสองน่าจะชอบด้วย
“พูดอะไรไม่พูด เธอนี่มันฟาเธอร์ค่อนของแท้” เสียงของคุณหนูมาซายะรอดออกมา ผมหยุดเดินเมื่อมองจากหัวมุมระเบียงแล้วเห็นคุณหนูสองท่านคุยกันอยู่
“ก็ตอนนั้นมันฉุกเฉินนี่” คุณหนูคิโชวอินบอก ดูท่าทางยังคงตกใจไม่หาย
“ให้ฉันบอกความจริงไปก็หมดเรื่อง!” คุณหนูมาซายะบอกด้วยน้ำเสียงโกรธๆ
“ตอนนี้ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด” คุณหนูคิโชวอินยืนยัน
ทั้งสองท่านพูดคุยกันต่อ แต่ผมหลบออกมาใช้อีกระเบียงหนึ่งเดินไปยังห้องครัว ไม่ทราบว่าทั้งสองมีเรื่องอะไรที่ต้องปิดปัง แต่หน้าที่ของผมคือการเก็บความลับของแขกที่มาใช้บริการในห้องพิเศษ
ก็ผมเป็นบัตเลอร์มืออาชีพนี่
เอาล่ะ จะยกขนมอะไรออกไปเซอร์ไพรส์คุณหนูคิโชวอินท่านนั้นให้คลายความกังวลดีนะ ยกทุกอย่างออกไปอย่างละชิ้นน่าจะดี
จบ
ขอบคุณโม่งแปลสำหรับตอนใหม่นะ // ตอนล่าสุดนี่ช่วยมีใครติดต่อโครงการฝนเทียมให้บินไปทำฝนในพื้นที่ความรักของเจ้าแม่หน่อยซิ อะไรมันจะแห้งแล้งขนาดนี้
ซาโตมินี่มันเอ็นโจแบบเจือจางแล้วจริงๆ แม่งแกล้งหลอกด้วยเรื่องผีด้วยว่ะ รู้ว่าเรย์กะไม่ได้น่ากลัวก็แกล้งเอาๆ ถถถถถถถถถ
วาคาบะกับเรย์กะสนิทสนมกันโครต กูรอวันที่คาบุมันจะได้รู้ว่าโคโระจังคือใครอยู่เนี่ย จะได้เห็นมั้ยนั่น แต่ตอนท้ายๆเนี่ย หน้าที่ชงเป็นของเรย์กะแทนที่จะเป็นเอ็นโจซะงั้น หายหัวไปไหน ไม่ทำหน้าที่เล้ยยยย
>>196 อ้าว หวัดดี มึงก็หนึ่งในสมาชิกตำหนักเผือกสินะ กูอยู่มาตั้งแต่เม้าคุณป.ในห้องฟุ แล้วไปห้องลิท จากนั้นก็ก้าวสู่ตำหนักเผือก ถถถถถถถถถถ
ใกล้เข้าพาร์ททัวร์ยุโรปแล้วซินะ กรี๊ดดด ที่รอคอยย
มีใครแอบต่อเรือซาโตมิมั๊ย อยากลงด้วยอ่ะ
โม่งแปล มธุรสหวานล้ำ กูเห็นนะ 555555555555
>>214 กูกินน้ำอยู่ถึงกับสำลัก มธุรสหวานล้ำนั่นมัน!!!!
ปล. กูไม่รู้จะกวนมึงไปมั้ยแต่กูอยากรู้เรื่องเพดานเลือดที่เกียวโตอะ พอดีขอบเรื่องแนวๆ นี้ อน่างผีป้าแอนน์ โบลีนก็ก็เคยอ่านๆ มานะ แต่ของญี่ปุ่นนี่กูไม่สันทัดพาษาจีๆ ได้แค่งูๆ ปลาๆ ฮืออ แต่ถ้ามึงไม่วางก็ไม่เป็นไรนะ เอาที่นมึงสะดวกดีกว่า
กูไปไดโซะ เห็น needle felt เลยซื้อมาลองทำบ้าง ผลปรากฎว่า ทำยากจังวะ 55555555 ต้องจิ้มๆๆๆไปเรื่อยๆ ถึงจะเข้ารูปเข้าทรง นึกถึงเรย์กะซามะเวลาจิ้มเลย โคตรหลอน เหมือนกำลังสาปแช่งคนอื่นอยู่
ฟิคดีงามมาก ตลกโคตร ตอนล่าสุดก็สนุกขอบคุณโม่งแปลมากน้าาาา
>>215 อ่าว เพิ่งเห็น ใครยังตื่นอยู่ก็เปิดเลยละกัน 5555 เรื่องและรูปเพดานเลือดที่เกียวโต ภาพหลอนเล็กน้อย
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=888410607960346&id=474840525984025
แต่ผีแอนน์โบลีนน์นี่น่าจะเฮี้ยนจริงนะ ยิ่งเวอร์ชั่นไร้หัวนี่เจ้าแม่เจอคงเป็นลม ไปแบบราชินีโรโคโค่เลย
ทาคามิจิ คันตะ
วันนี้โคโรเน่ก็มาที่บ้านอีกแล้ว
ในบรรดาเพื่อนทั้งหมดของพี่ โคโรเน่มาที่บ้านบ่อยที่สุด วันนี้โคโรเน่เอาวุ้นโยกังที่ดูท่าทางราคาแพงมาฝาก แม้ว่าแม่จะบอกว่า “วันหลังไม่ต้องลำบากเอามาอีกนะจ๊ะ เกรงใจจังเลย โคโระจัง” โคโรเน่ก็จะบอกว่า “เผอิญที่บ้านมีคนเอามาฝากเยอะค่ะ อีกอย่างมารบกวนทุกครั้งเลย ของฝากเล็กน้อยแค่นี้ยังไงก็ขอให้รับไว้นะคะ” แล้วทั้งสองคนก็จะหัวเราะตามมารยาทกัน
ถึงโคโรเน่จะมาบ่อยแล้วก็กวาดกับข้าวจนหมดเกลี้ยง แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าน่ารำคาญซักนิด เพราะท่าทางของโคโรเน่ตอนกินดูอร่อยไปซะทุกอย่าง คนทำก็เลยพลอยปลื้มไปด้วย แต่เราไม่ได้ปลื้มอะไรไปเหมือนคนอื่น ๆ ในครอบครัวหรอกนะ ก็เพราะว่าเป็นโคโรเน่ไงล่ะ ถ้าเป็นคุณคาบุรากิคนนั้นก็ว่าไปอย่าง
วันนี้โคโรเน่มาค่อนข้างเร็ว แต่พี่ยังไม่กลับมาเพราะที่ร้านพนักงานที่ทำกะต่อจากพี่ป่วย พี่เลยต้องควบสองกะ ดังนั้นแม่เลยใช้ให้เราไปจ่ายตลาดแทน
โคโรเน่อาสาไปด้วย แต่เพราะว่าโรงเรียนของพี่มีกฎว่าห้ามปั่นจักรยาน โคโรเน่บอกว่าถ้ามีใครมาเห็นตอนปั่นจักรยานแม้จะใส่ชุดไปรเวทก็คงดูไม่ดี เราเลยต้องเดินไปตลาด โคโรเน่เดินช้าต้วมเตี้ยมทำเอาสิบห้านาทีแล้วก็ยังไม่ถึงครึ่งทาง
“ส่งมือมาสิ”
“เอ๋?”
พอโคโรเน่ทำหน้าเอ๋อ เราก็คว้ามือโคโรเน่ไปจับแล้วลากเพื่อเพิ่มสปีด แรก ๆ โคโรเน่เกือบล้มทำใส่เราเพราะขาพันกัน พวกคุณหนูนี่บางทีก็ยุ่งยากแฮะ รอบตัวเรามีแต่ผู้หญิงห้าว ๆ เหมือนพี่ จะหาคนปวกเปียกเป็นพุดดิ้งน้ำเต้าหู้เหมือนโคโรเน่น่ะไม่มีซักคน
พอเดินไปถึงย่านการค้า เราก็หันไปดูโคโรเน่กลัวว่าจะเป็นลมหรืออะไรเหมือนในละครไปซะก่อน แต่โคโรเน่อมยิ้มกรุ้มกริ่มท่าทางน่าขยะแขยง เราเลยรีบปล่อยมือ แต่พอปล่อยมือแล้วเดินไปร้านผัก โคโรเน่กลับหายไปซะงั้น ที่แท้เดินตามไม่ทันเรา เพราะงั้นเวลาจะเดินไปไหนเลยต้องลำบากเราจูงมือพาไปด้วย เป็นภาระยิ่งกว่านัตสึมิซะอีก
ตอนอยู่ที่แผงขายผักโคโรเน่พยายามจะแนะนำเราให้ซื้อผักทำไปเมนูประหลาด ๆ ที่ไม่ได้ว่าคิดได้ยังไง เราเลยดุไปว่าถึงจะเป็นอาหารที่ไม่ได้เคร่งครัดเหมือนขนม แต่ก็ไม่ควรจะเปลี่ยนแปลงสูตรมากขนาดนั้น อีกอย่างแกงกะหรี่ที่เอาเกรฟฟรุตไปเป็นรสแฝงนี่มันประหลาดเกินไปแล้ว เกรฟฟรุตมันเปรี้ยวนะโคโรเน่ เธออยากกินแกงกะหรี่เปรี้ยว ๆ รึยังไง
พอซื้อของเสร็จเรากับโคโรเน่ก็เดินกลับ แต่ในระหว่างเดินกลับรถที่ดูท่าทางจะแพงมากก็ชะลอลงข้างฟุตบาท และกระจกรถก็ลดลง เผยให้เห็นเด็กผมน้ำตาลคนนึงที่โผล่หน้าออกมาทักทาย
“คุณพี่เรย์กะ มาทำอะไรแถวนี้หรือฮะ?”
“สวัสดีค่ะท่านเอ็นโจ สวัสดีจ่ะยูกิโนะคุง” โคโรเน่ทักทายคนที่อยู่ในรถ หวา พูดคำว่าโกะคิเก็งโยได้อย่างเป็นธรรมชาติด้วย น่ากลัวชะมัด พอเรามองเข้าไปในรถ นอกจากเด็กผมน้ำตาลแล้วก็มีผู้ชายหน้าตาดีนั่งอยู่ หรือว่าจะเป็นแฟนโคโรเน่?!”
“สวัสดีคุณคิโชวอิน” พี่คนนั้นทักทายด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน แต่พอเห็นถุงในมือพวกเราก็ทำหน้าประหลาดใจ พอเห็นเรากับโคโรเน่จับมือกันก็ยิ้ม ๆ ก่อนจะถามต่อ “มาซื้อของเหรอ?”
“ค่ะ ท่านเอ็นโจ” โคโรเน่ตอบกลับอย่างสุภาพ น้ำเสียงต่างจากตอนที่อยู่บ้านเราอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าพี่คนนั้นจะไม่ได้เป็นแฟนโคโรเน่ เพราะดูท่าทางโคโรเน่ไม่ได้ดีใจซักนิดตอนที่คุยกัน ผิดกับเด็กผมสีน้ำตาลที่โคโรเน่มีท่าทีกระตือรือล้นเวลาพูดคุยด้วยอย่างเห็นได้ชัด “เป็นไงบ้างจ๊ะ ยูกิโนะคุง”
เด็กผมสีน้ำตาลคนนั้นขมวดคิ้วเมื่อเห็นเรา แต่เงยหน้าขึ้นไปยิ้มหวานให้กับโคโรเน่ “เพื่อนของคุณพี่เรย์กะคนนี้...”
“คันตะคุงเป็น...น้องชายเพื่อนจ่ะ“ โคโรเน่เหมือนจะไม่อยากบอกทั้งสองคนนั้นเกี่ยวกับเราเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้มีสีหน้าอายหรือรังเกียจ ดูเหมือนจะกลัว ๆ ซะมากกว่า
“รีบไปเหอะ โคโรเน่ เดี๋ยวเตรียมกับข้าวไม่ทัน” พอเห็นโคโรเน่ที่ทำตัวร่าเริงตลอดมีสีหน้าพิลึก เราก็หันไปโค้งทักทายลวก ๆ ให้กับพี่คนนั้น ก่อนจะดึงโคโรเน่เข้าไปในซอยแคบ ๆ ที่ทะลุไปยังถนนอีกสายเพื่อไม่ให้รถคันนั้นตามมาได้
“เพื่อนเหรอ?” เราถาม
“ค่ะ เพื่อนที่โรงเรียน” โคโรเน่ตอบ เรามองโคโรเน่ที่ทำท่าไม่อยากพูดถึงสองคนนั้นอีกเลยไม่ได้ถามอะไรมาก
พอกลับมาถึงที่บ้านเราก็ลงมือทำอาหาร โคโรเน่ยืนมองเราเหมือนอยากจะช่วย แต่ถูกเราสั่งให้นั่งนิ่ง ๆ มองดูวิธีทำโคโรเน่เลยไม่ได้มาวุ่นวาย ตอนที่เรากำลังหั่นผัก โคโรเน่ก็หัวเราะแบบที่ไม่ใช่เสียงหัวเราะแบบโอะโฮะโฮะ แล้วพูดขึ้นมาว่า
“คันตะคุงนี่พึ่งพาได้จริง ๆ นะคะ”
เราเกือบทำมีดบาดมือเพราะโคโรเน่จู่ ๆ ก็พูดอะไรบ้า ๆ ออกมา เราเลยหันไปทำหน้าดุใส่
“แน่ล่ะสิ อย่ามัวแต่คิดอะไรไร้สาระ จำวิธีทำให้ได้แล้วก็อย่าทำมั่ว ๆ ล่ะ เข้าใจมั๊ย!”
“ค่ะ” ถึงจะโดนดุ แต่โคโรเน่ก็ยังยิ้มเหะ ๆ น่าขยะแขยงได้ ยังบอกอีกว่ากลับไปจะไปทำแกงกะหรี่ให้ที่บ้านกิน แล้วก็พูดถึงการเพิ่มรสชาติแฝงของแกงกะหรี่ด้วยทุเรียน เลยโดนเราดุไปอีกยกใหญ่ ไม่รู้ว่าที่บ้านของโคโรเน่กินของที่ยัยนี่ทำได้ยังไง เป็นเราจะไม่ยอมให้โคโรเน่เข้าครัวโดยที่ไม่เฝ้ามองอย่างใกล้ชิดอย่างเด็ดขาด
จบ
แปลอังกฤษเพิ่งอัพตอน101 แต่ท้ายตอนมีแปลโด?ด้วย
โอ๊ยยยยย ท่านพี่ขาาาาาาาา ถึงจะเป็นไดอะล็อกจากตอน11 แต่ก็ยังกรี๊ดอยู่ดี
https://oniichanyamete.files.wordpress.com/2017/06/40365605_p3_v2.jpg
>>238 โอยย ท่านพี่ที่ดี ปกติไม่ค่อยนิยมค้ำคอ แต่อันนี้กูยอมมม
ตอนแรกๆกูก็ลงเรือเอ็นโจวครึ่งตัวที่เหลือเฉลี่ยไปตามเรืออื่นๆ หลังๆมานี้ไม่รู้ทำไมเป็นเรือท่านพี่ วาคาบะจัง คันตะเป็นส่วนใหญ่ 55555
ถึงจะนอนพาดทุกเรือแต่มันก็มีสัดส่วนนะ พายแรงพายแผ่ว
ควรเผื่อใจสร้างเรือคานซังไว้ด้วยรึเปล่า ยิ่งอ่านยิ่งมีฟีลเป็นไปได้
กูไม่ค่อยพายเรือคาบุเท่าไรกูชอบให้คู่นี้หยุดที่เฟรนโซน กูว่าคู่นี้ควรไปเปิดตลกคาเฟ่ คาบุชง เรย์กะตบ ตึ่งโป๊ะ แกรก
ว่าแต่คู่หูทลุมิติจบยังอ่ะ จะไปอ่านใหม่อีกรอบบ(นี่คือไม่ค่อยพาย555)
/มาบ่น
ตแต่มันมีร้านที่ขายทุเรียนย่าง ทุเรียนหม้อไฟ ทุเรียนชีสนะ ทำไมจะมีแกงกะหรี่ทุเรียนบ้างไม่ได้ล่ะคะ ท่านเรย์กะไม่ได้กล่าวไว้แต่กรูพยายามช่วย
กลิ่นแกงกะหรี่อาจจะกลบทุเรียนหมดก็ได้นะ...
ปกติรสแฝงแกงกะหรี่นี่เขาใส่ ช็อกโกแลต ไม่ก็แอปเปิ้ล ป่ะ อันนี้เท่าที่กูรู้ มันมีอันอื่นอีกมั้ย
อยากบอกว่ากูวาดรูปยุยโกะใว้ด้วยนะ แต่กูกลัวโม่งแตก
- นางร้ายลึกลับนางหนึ่ง -
...พักหลังมานี้ชูดูแปลกไป
ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่แย่หรอกนะ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไร แต่ก็ไม่เหมือนชูตามปรกติ
ชูที่ปรกติจะมีบรรยากาศลึกลับไม่อาจหยั่งถึงดูกระจ่างขึ้น ดูสดใสขึ้น ดูราวกับจะพยายามปรับตัวเข้าหาบางสิ่งบางอย่างหรือใครสักคน
...ช่างน่ายินดี แต่กระนั้นก็ช่างน่าอิจฉา เพราะราวกับว่าตัวฉันกำลังจะโดนทอดทิ้งและจากไป
ครั้งแรกที่ได้พบชูนั้นผ่านมากว่าสิบปีแล้ว แต่ความรู้สึกยังคงชัดเจน “เขานั้นเป็นคนประเภทเดียวกับฉัน”
ตั้งแต่เล็กๆ แล้วที่ฉันได้อยู่กับชู แม้ไม่ได้พูดคุยกันมากนักแต่เขาเองก็ดูเหมือนจะรู้แล้วว่าฉันเป็นคนแบบไหน เราทั้งคู่ต่างก็ได้แต่เห็นอกเห็นใจเสมือนเลียแผลให้กันและกัน.......จากนั้นก่อนจะทันได้รู้สึกตัวเราทั้งคู่ก็กลายเป็นคู่หมั้นกัน รอบข้างล้วนยินดี แม้แต่คนใกล้ตัวฉันอย่างฮารุก็ยังพลอยยินดีไปด้วย
อะไรกัน ช่างน่าหัวร่อ...มนุษย์เราล้วนใช้ความคิดตนเองตัดสิน ทั้งที่ฉันกับชูไม่ได้มีความรู้สึกทำนองนั้นให้กันและกันเสียหน่อย
แต่กระนั้นชูก็ไม่ปฏิเสธ ยังคงยิ้มแย้มยอมรับสิ่งที่ถูกยัดเยียดให้ ยอมรับฉันในฐานะคู่หมั้นและสะพานการเมืองแห่งอำนาจ
น้องชายของชู...ยูกิโนะเองหลังได้ทราบเรื่องการหมั้นหมายแววตาที่มองฉันก็แปลกไป
ไม่สิ...ไม่แปลกหรอก เด็กคนนั้นแม้ร่างกายจะอ่อนแอแต่ก็เฉลียวฉลาด ย่อมต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าเมื่อพวกเราเติบโตขึ้นสิ่งที่รออยู่คือการเกี่ยวดองโดยปราศจากความรัก...เด็กคนนั้นน่ะเข้าใจอะไรๆ ได้ดี...ดีเกินไปจนต้องใช้สิ่งที่เรียกว่าหน้ากากทางสังคมคอยปกปิดความรู้สึก
อีกไม่นานหากสั่งสมประสบการณ์มากพอคงกลายเป็นจอมมารไม่ต่างจากชู
ฉันเองก็จะต้องแต่งงานกับจอมมารแบบนั้นสินะ...
แต่ถ้าอีกฝั่งคือชูล่ะก็ไม่เป็นไรหรอก ถ้าชูเป็นจอมมารฉันเองก็จะเป็นผีร้ายให้
ผีห่าซาตาน ซากเน่าโลงผุ ไม่ว่าจะเป็นคำครหาแบบใหนก็จะน้อมรับ
เราสองนั้นคล้ายกัน เราสองต่างรู้ดีว่าไม่ได้รักกันและกัน แต่กระนั้นเราสองก็พร้อมจะจูงมือไปและตายลง...พร้อมๆ กัน ความสัมพันธ์ของพวกเรามันก็แบบนี้แหละ
แต่แล้วชูก็เปลี่ยนไป...เท่าที่ทราบจากฮารุรู้สึกว่าชูจะโดนตามวอแวจากผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ก็ไม่แปลกอะไร ด้วยภาพลักษณ์ของชูก็เป็นคนที่เหมือนเข้าหาได้ง่ายอยู่แล้ว อีกทั้งมีฐานะหลายๆ อย่างเป็นเหยื่อล่อการจะโดนรุมล้อมก็ไม่แปลก แต่กระนั้นฮารุก็โอดครวญราวกับโลกนี้จะดับสูญ และก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่...ที่ตัวฉันเริ่มให้ความสำคัญกับสิ่งที่ฮารุโอดครวญ
เมื่อลองถามชูดูก็พบว่าเขายิ้ม มันเป็นรอยยิ้มเหงาๆ แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่สดใส ไม่ใช่รอยยิ้มเสแสร้งหรือปั้นแต่งเหมือนกับทุกที
อา...เข้าใจล่ะ แบบนี้นี่เอง ยินดีด้วยนะชู ยินดีด้วยจริงๆ นายยังคงมีหัวใจ ต่างจากฉันที่มันด้านชาไปแล้ว
เพราะแบบนั้น ฉันเลยตัดสินใจว่าจะไปทำความรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นเสียหน่อย พอพูดไปแบบนั้นฮารุก็กระวีกระวาดจัดเตรียมอะไรๆ ให้อย่างดีจนเกินไป อืม เริ่มจะรำคาญแล้วสิ
ในวันงานโรงเรียนของซุยรัน ฉันค่อยๆ เดินชมงานเนือยๆ แต่ฮารุกลับคะยั้นคะยอให้รีบๆ ไปพบชู...ถ้าจำไม่ผิดร้านของชูทำคาเฟ่สินะ
ระหว่างที่ทบทวนก็ถูกเร่งเร้าราวกับเวลากำลังจะหมดลง
อา ฮารุนี่ล่ะก็...จะรีบร้อนไปไหนกัน
ก้าวเท้าเนือยๆ ไปเรื่อยๆ เวลาเองก็ค่อยๆ ผ่านไปในที่สุดก็เจอชูกับยูกิโนะ...แล้วก็ผู้หญิงผมทรงโรโคโค่
หา? ผมทรงโรโคโค่?
ถึงกับเผลอขยี้ตาไป ไม่นึกเลยว่าผมทรงนี้จะมีคนทำจริงๆ
แต่กระนั้นก็ตัดสินใจส่งเสียงทักไปแบบไม่สนบรรยากาศ
“ชู”
หลังส่งเสียงเรียกไป ชูก็ดูตกใจเรียกชื่อฉันออกมา
“ยุยโกะ”
สาวน้อยโรโคโค่ที่คุยกับยูกิโนะเองก็ทำหน้าเหรอหราหันกลับมาด้วย
“ทำไมยุยโกะถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
ชูถามมาสบายๆ อืม...จะให้ตอบว่ามาดูคนที่ทำให้ชูยิ้มเหงาๆ ก็ใช่ที่ เอาเถอะตอบไปตามข้อมูลที่ได้รับมาก็แล้วกัน
“ได้ยินว่าชูทำลาเต้อาร์ทในงานเทศกาลโรงเรียน ก็เลยให้ฮารุพามาน่ะ แต่สงสัยจะมาช้าไปล่ะมั้ง”
พอบอกไปแบบนั้นก็ถือโอเกาสเบนสายตาไปดูผู้หญิงคนเมื่อครู่ อา แบบนี้นี่เอง
ทุกสิ่งทุกอย่างของเธอถูกแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน เป็นคนที่มีบรรยากาศซื่อตรงจนชวนให้อมยิ้มเลย ป่านนี้ในหัวคงเต็มไปด้วยคำถามว่าฉันเป็นใครล่ะมั้ง อยากจะแนะนำตัวอยู่หรอก แต่ชูดันตอบมาก่อน
“ร้านของห้องเราปิดไปก่อนหน้านี้ซักพักแล้วล่ะ แต่แค่ลาเต้อาร์ท ไม่เห็นต้องมาถึงงานโรงเรียนเลยนี่นา ที่บ้านก็วาดอะไรที่ยุยโกะชอบให้ได้ทุกอย่างเลยนะ”
...ชู คิดดีแล้วเหรอที่พูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าผู้หญิงที่นายกำลังจีบน่ะ
“จริงเหรอ งั้นครั้งหน้าช่วยทำให้หน่อยนะ”
ตอบไปตามมารยาท แต่แบบนี้ก็เท่ากับหมดโอกาสแนะนำตัว
“รับทราบ”
ชูยิ้มน้อยๆ ขยิบตาให้ฉัน...เข้าใจล่ะ มีอะไรที่มันมากกว่านั้นสินะ
“ยูกิโนะ จะกลับกันหรือยัง ยุยโกะจะเอายังไงเหรอ”
ขั้นแรกเพื่อปิดบังตัวตนของฉันก่อน เลยลากยูกิโนะกลับ และเพื่อเล่าสถานการณ์ เลยอยากให้ฉันไปด้วย ประมาณนี้สินะ อื้ม เข้าใจแล้ว จะตามน้ำให้
“นั่นสินะ...ฉันกลับด้วยกันกับชูดีกว่า ถ้าชูไม่อยู่ด้วยก็ไม่สนุกน่ะสิ”
ย่างเท้าก้าวไปหาชู หมุนตัวคล้องแขนแล้วแอบชายตามองวงหน้าขาวนวลที่ห้อมล้อมด้วยผมม้วนนั้น
ดวงตาฉายแววสับสนระคนตกใจจนนิ่งค้าง...ก็ไม่ถึงกับหมดหวังนี่นะชู แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ฮารุบอกเสียหน่อยว่ามาตามวอแว
กลับกันชูนี่แหละที่น่าจะเป็นคนไปรบกวนเธอ
น่าสนใจเสียจริง ยิ่งมองก็ยิ่งน่าแกล้ง
ฉันโปรยยิ้มเย็นแล้วเดินจากไปพร้อมกับชู
พอมาถึงที่รถ ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบได้ยูกิโนะเดินไปขึ้นรถฝั่งข้างคนขับ...ไม่สิ ไม่ใช่ไม่ทราบหรอก รู้อยู่เต็มอกต่างหาก
“ยูกิโนะยังคงเกลียดฉันอยู่สินะ”
พอเปรยไปแบบนั้นชูก็เปิดประตูให้แบบยิ้มๆ
“ยูกิโนะฉลาดน่ะ เพราะงั้นรับรองได้เลยว่าไม่ได้เกลียดยุยโกะแน่ๆ แต่ก็เพราะยังมีส่วนที่เป็นเด็กอยู่มาก เรื่องกริยามารยาทเลยอยากจะให้ยกโทษให้หน่อย”
ฉันยื่นมือให้ชูพยุงขึ้นรถพลางมองไปรอบตัว สายตามากมายจับจ้องมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“รู้สึกสมเพชตัวเองจริงๆ ที่ทำให้ยูกิโนะมีความรู้สึกแบบนั้น”
การแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรักมันไม่เคยจบลงด้วยดีหรอก ยูกิโนะเองก็เหมือนเหยื่อจากเรื่องแบบนั้น เพราะงั้นการต่อต้านนั้นจึงสามารถเข้าใจได้
“อย่าโทษตัวเองไปเลย ถึงยูกิโนะจะฉลาด แต่ประสบการณ์ยังอ่อนด้อย ความสัมพันธ์ของมนุษย์เรามันซับซ้อนออก”
ชูเข้ามานั่งข้างๆ ฉันแล้วปิดประตู จากนั้นรถก็ออกวิ่ง
เราทั้งคู่นิ่งเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นชูก็เปิดปาก
“เรื่องของเธอคนนั้น ฮารุกิบอกเหรอ”
“อ้าวแหม เข้าประเด็นเลยเหรอเนี่ย”
ฉันยิ้มเย็น ไม่บ่อยเลยที่จะเห็นชูเป็นแบบนี้
“อื้ม ยุยโกะน่ะเป็นคนฉลาด แถมเป็นคนประเภทเดียวกับผม คิดว่าคงรู้ตั้งแต่เห็นแล้ว แต่ก็จะบอกใว้ ผมสนใจเธอล่ะ”
ชูยิ้มเหงาๆ หลับตาลง เฮ้อ บอกมาตรงๆ แบบนี้ฉันจะทำยังไงได้ล่ะ
“...ไม่ถึงกับหมดหวังหรอกนะชู ในฐานะคู่หมั้นอย่างฉันพูดไปก็กระไรอยู่ แต่จากปฏิกริยาตอบรับแบบนั้นนายรุกเธอน้อยไปหรือเปล่า”
พอพูดไปแบบนั้น ชูก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ เอามือกุมหน้า แล้วพูดมาด้วยน้ำเสียงอยากตาย
“ลาเต้อาร์ท...เละ”
“หืม อะไรนะ”
“ผมทำลาเต้อาร์ทรูปกระต่ายให้เธอน่ะ”
“อ้อ ก็ห้องชูทำคาเฟ่นี่นะ แต่ทำไปแค่นั้นเองเหรอ ถึงได้บอกไงว่ารุกน้อยไป”
“เปล่าหรอก เธอไม่ได้สั่งน่ะ ผมเองก็บอกนะว่าเป็นเซอร์วิสพิเศษเฉพาะเธอ”
“โฮ่~สำหรับชูแล้วเป็นอะไรที่ผิดคาดนะ”
ฉันตอบไปแบบนั้น เอามือปิดปากหัวเราะน้อยๆ และรอฟังเรื่องต่อ...สำหรับพวกเราแล้วบทพูดนั้นมันหวานเลี่ยนน่าอายเสียจนอยากตาย
“แต่เธอคนเละทันทีที่ผมวางให้และซดอั้กๆ ไปแบบไม่ใยดีล่ะ”
“.............”
จากนั้นเรื่องราวมากมายก็พรั่งพรูออกมาจากปากของเขา แต่ละเรื่องราวของการเข้าหาล้วนจบลงที่แผลใจ ไม่ใช่แค่นั้น ถึงยากจะเชื่อก็เถอะนับตั้งแต่การเข้าหาครั้งแรกจนถึงปัจจุบันระยะห่างของเธอกับชูไม่ได้น้อยลงสักนิด แม้แต่ช็อคโกล่าตามมารยาทก็ยังไม่เคยได้..........ฉันควรปลอบชูยังไงดี?
โดยไม่รู้ตัวฉันก็โอบหัวชูมาใว้แนบอกแล้วลูบผมของเขาช้าๆ
เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ชูที่ดูจะจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ก็เปิดปาก
“ยุยโกะคิดว่าไงล่ะ”
“หือ?”
“เรื่องของเธอน่ะ คิโชวอิน เรย์กะ คนนั้น”
ฉันหยิกแก้มชูเบาๆ นายเนี่ยน้า
“ซื่อตรง เป็นคนที่อยู่คนละขั้วกับพวกเรา เป็นสาวน้อยที่หาได้ยากยิ่งในสังคมชั้นสูงแบบนี้ แน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงกริยามารยาท แต่หมายถึงเนื้อใน นั่นคือความเห็นของฉันสำหรับการพบกันครั้งแรก”
ได้ยินแบบนั้นชูก็ยิ้ม เสหัวลงไปบนตักของฉันแล้วยื่นมือมาลูบแก้มฉันเบาๆ
“ความคิดเห็นตรงกัน ก็รู้สึกผิดหรอกนะที่ไม่ได้บอกยุยโกะใว้ แต่ครั้งแรกที่ผมรู้สึกแบบนั้นก็เป็นช่วงประถมแล้วล่ะ”
“อืม ชูเนี่ยน้า แต่ก็เข้าใจอยู่หรอก”
“นี่ยุยโกะ”
“หืม”
“ถึงมั่นใจว่าอย่างยุยโกะคงหาข้อมูลส่วนตัวของคุณคิโชวอินมาแล้วก็เถอะ แต่ฮารุกิไปพูดยังไงจนทำให้เธอเชื่อได้กันเหรอ”
“เปล่านี่”
ชูทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยมองขึ้นมา
“จริงอยู่ที่หาข้อมูลของเธอมาแล้ว แต่ไม่ได้เชื่อที่ฮารุพูดหรอกนะ ก็เด็กคนนั้นเพ้อเจ้อจะตายไป”
“แล้วอะไรดลใจให้เธอมาถึงที่โรงเรียนได้กันนะ”
“เพราะชูยิ้ม”
ฉันตอบไปพลางลูบผมชู
“ผมยิ้ม?”
“อื้ม”
ฉันอยู่กับชูมานาน อย่างน้อยๆ ก็นานพอที่จะรู้วิธีคิดและบุคลิกจริงๆ ของชู
“ถ้าให้เดา เธอคงคล้ายคุณคาบุรากิสินะ ไร้เดียงสา ไร้มายา ราวกับเจ้าหญิงผู้หลุดมาจากเทพนิยาย ต่างจากพวกเราที่จมปลักกับความโสมมไปแล้ว”
“ฮะฮะฮะ ใจร้ายจังนะยุยโกะ แอบหลอกด่ากันแบบนี้เนี่ย”
“แหม แล้วไม่จริงเหรอ”
“แย่จังเลยนะ เถียงไม่ได้เลยล่ะ”
ชูเลื่อนมือจากแก้มไปไล้เรือนผมของฉันช้าๆ
เราสองคนเหมือนกัน เรื่องแค่นี้ทำไมฉันจะไม่รู้
“นี่ชู”
ฉันหยุดลูบผม ถอนมือแล้วเอื้อมไปกุมมือเขา
“เสียใจรึเปล่าที่ถูกจับมาหมั้นกับฉัน”
ชูหลับตาลง ไออุ่นของเขายังคงส่งผ่านมา
“ด้วยคำถามเดียวกัน ยุยโกะรู้สึกยังไงล่ะ แล้วในตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนโดนทรยศรึเปล่า”
“การหมั้นไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเสียใจ และแน่นอนว่าไม่ ความสัมพันธ์ของเราไม่สามารถเรียกเรื่องของหัวใจว่าการทรยศได้หรอก กลับกันชูต่างหากล่ะจะทำยังไงต่อ ถ้าฮารุไปบอกเธอคนนั้นเรื่องของฉันเรื่องที่พยายามทำมาจะเป็นไปในทางไหนล่ะ”
ฉันถามชูไปจากใจจริง ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเราต่างก็เอื้อประโยชน์ให้กันและกัน ทางชูเองก็มีหลักประกันและไม่ถูกผูกมัดกับเรื่องความรัก ตัวฉันเองก็ได้ชูมาเป็นข้ออ้างในการหลีกเลี่ยงเรื่องคู่ครอง แต่เรื่องมันจะยากขึ้นถ้าชูเกิดสนใจใครขึ้นมา
“เรื่องฮารุกิน่ะไม่ต้องห่วงหรอก คุณคิโชวอินไม่ได้ไร้เดียงสาแบบลูกคุณหนูทั่วไป บอกตามตรงว่าทรหดเกินไปด้วยซ้ำ ครั้งแรกที่เจอยังนึกอยู่เลยว่าอยากให้รู้จักกับยุยโกะ แต่ก็ล้มเลิกความคิดไปพักหลังนี่เอง”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ถ้ายุยโกะโดนตุ๊ยท้องขึ้นมาคงขำไม่ออกน่ะ”
“.......................................”
ชู...นี่นายไปทำอะไรมา
“เอาเถอะ จะไม่ถามอะไรมากนะ แต่ถ้าชูอยากจะยกเลิกเรื่องหมั้นล่ะก็ขอให้บอกมา ฐานะของเธอคนนั้นใช่ว่าจะด้อยไปกว่าฉัน ออกจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ การยกเลิกเรื่องหมั้นหมายคงไม่ยากหรอก”
ฉันถอนหายใจน้อยๆ แล้วลูบผมชูต่อ
“เรื่องหมั้นหมาย...อืม ไม่รู้สินะ แต่ในฐานะคู่หมั้นผมยังมีเรื่องที่อยากให้ยุยโกะช่วยอยู่นี่สิ”
หายากนะที่ชูจะออกปากแบบนี้
“อะไรเหรอ”
“ผมชอบยุยโกะนะ”
“อื้ม ฉันก็ชอบชู”
ใช่ เราสองคนต่างชอบกันและกัน
““แต่ไม่ได้ชอบในแง่ของคนรัก””
พวกเราพูดออกไปพร้อมกัน
สบตากันแล้วก็ยิ้ม
“นั่นแหละเรื่องที่อยากให้ช่วย อย่างที่ยุยโกะตำหนินั่นแหละ บางทีผมอาจจะรุกน้อยไป”
ไม่หรอก เท่าที่ฟังมาชูเองก็รุกไปหนักพอสมควรล่ะนะ คิดว่าปัญหามันอยู่ที่ภาพลักษณ์ของนายต่างหาก คิดไปแบบนั้นแต่ดูจากสีหน้าเจื่อนๆ ของชูแล้วดูท่าเจ้าตัวก็คงจะรู้ดี
“เข้าใจล่ะ...แล้วจะให้เริ่มเมื่อไหร่ดี”
บางครั้งความรักก็ต้องการอุปสรรค ยาดีบางทีก็ต้องขม
“นั่นสินะ งานเลี้ยงตระกูลคาบุรากิจะจัดขึ้นครั้งหน้า ช่วงนั้นยุยโกะสะดวกหรือเปล่า”
“ก็ได้อยู่หรอก แต่จะให้แสดงออกประมาณใหนล่ะ”
“แบบวันนี้ก็ได้ ถึงจะทำให้คุณคิโชวอินปวดใจไปบ้างก็เถอะ”
“อา...เข้าใจแล้ว”
พวกเราสองคนนั้นเหมือนกัน ที่ผ่านมาชูเป็นในสิ่งที่ฉันต้องการแล้ว เพราะงั้นนับจากนี้ตัวฉันจะเป็นในสิ่งที่ชูต้องการบ้าง
ฉันเป็นได้ทุกอย่างที่ชูอยากให้เป็น
เพื่อผลลัพธ์ไม่มีความจำเป็นต้องเลือกวิธีการ
ฉันชอบชู ดั้งนั้นไม่ว่าจะผีห่าซาตานนางมารร้ายฉันก็จะน้อมรับ
ครั้งหน้าที่ได้พบกับคิโชวอิน เรย์กะฉันจะเป็นนางร้าย
แม้ว่าจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ภายหลังอย่างการผูกมิตรเป็นเพื่อนกับเธอหลังกลายเป็นคนรักของชูอยู่บ้าง แต่ถ้าอีกฝั่งเป็นชูล่ะก็ไม่เป็นไรหรอก
ชูหลับตาพริ้มบนตักฉัน พอคิดว่าตัวเองจะไม่ใช่ที่พักใจหนึ่งเดียวของชูแล้วก็ใจหาย
ชูพบกับเจ้าหญิงของเขาแล้ว
เมื่อไหร่ฉันจึงจะพบจ้าชายกันนะ
รถยังคงแล่นไป...
และคำตัดพ้อในใจอันแสนเรื่อยเปื่อยของฉันก็ลอยไปกับสายลม
............
อ่ะ ฟิกยุยโกะล่ะค่ะ มามุมนี้ก็น่าสนุกดี อ้อนยุยโกะขนาดนี้กลับกันพอคิดใหม่ว่าถ้าเอ็นโจอ้อนเรย์กะแบบนี้....ทำไมภาพเอ็นโจเอามือเกี่ยวผมเล่นเสร็จล่ะดึงไม่ออกกันนะ
>>251-254 อะ ฟิคยุยโกะเป็นครั้งแรกในกระทู้ กูชอบมากๆ เลยว่ะ ความสัมพันธ์ระหว่างเอ็นโจและยุยโกะนี่มันดู unhealthy อย่างบอกไม่ถูก แต่มีแค่เธอและฉันที่เข้าใจกันจริงๆ นะ ดูแล้วเศร้าๆ น่าเห็นใจ อ่านแล้วคะแนนยุยโกะขึ้นมาเพียบ แถมอีไก่โง่พอเรียกว่าฮารุแล้วดูดีขึ้นเยอะเลยว่ะไม่น่าเชื่อ...
จะว่าไปต้องคนแบบเอ็นโจกับยุยโกะสินะ ถึงจะรู้ว่าท่านเรย์กะไม่ได้เป็นเจ้าแม่ แต่เป็นกระต่ายน้อยน่าแกล้งคนนึง
ถ้ากูจับยุยโกะไปคู่ท่านพี่พวกมีงจะเกลียดกูมั้ย บอกตามตรงเห็นกระแสแต่ละฟิคยุยโกะตัวร้ายมากๆ (ยิ่งซอมบี้นี่ตีหัวแบะ) แต่กูดันชอบนิสัยตัวร้ายแบบนี้อ่ะ มันน่าสนใจกว่าอีไก่ง่าวหรือยัยเอมะเยอะเลย ตอนลงนี่ก็คิดแล้วคิดอีกเพราะเห็นพวกมึงเกลียดยุยโกะกัน พึ่งจะทำใจเข้ามาดูนี่แหละ นึกว่าจะออกมาแนวๆ
"ต๊ายยยยย อีดวก ทำอ่อยนะหล่อน"
หรือ
"กรี๊ดดดดด จอมมารของหนูทำไมตาต่ำเยี่ยงเน๊-----------"
อะไรแบบนี้ซะอีก
เราเรือท่านพี่นะ เราหวงงง แต่แต่งมาเถอะ เดี๋ยวเราแย่งท่านพี่คืนมาเอง5555555
>>267 อยากให้เจอท่านพี่จริงๆวุ้ย ว่าลาสบอสกับเทพมารจะมีชั้นเชิงการปะทะยังไง
ท่านพี่: ช่วยดูแล"คู่หมั้น"ของเธอให้ดีสิ อย่ามาวุ่นวายกับน้องสาวของชั้น
ยุยโกะ : แค่ "ญาติ" เองค่ะ และเป็นหน้าที่ของคนสนิทที่จะต้องสนับสนุนความรักของคนสำคัญไม่ใช่หรอคะ? อาร่่ อาร่า...ท่านเรย์กะก็มิใช่เด็กน้อยแล้วจะปกป้องมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะคะ การเฝ้าดูและคอยสนับสนุนต่างหากที่เป็นการปกป้องที่ถูกต้อง
ท่านพี่ : อ่า..การเฝ้าดูและปกป้องที่ถูกต้องในวิธีการของชั้นคือกัน "ญาติ" เธอไปห่างๆ น้องสาวฉันต่างหาก
ยุยโกะ : แห๊มๆ... แต่หากเป็นพรหมลิขิตของทั้งสองคุณก็กันไม่ได้หรอกค่ะ
ท่านพี่ : งั้นชั้นจะรอดู หึ หึ หึ
ยุยโกะ : ฮิ ฮิ ฮิ
เรย์กะ : (หืม? ท่านพี่สนิทกับท่านยุยโกะจังแฮะ หรือว่า!!คนที่ท่านพี่แอบคบคือท่านยุยโกะ!! เอ็นโจนายโดนสวมเขาแล้ว!!)
เอาแฟนอาร์ตมาแปะ เดาออกมั๊ยว่ามาจากตอนไหน
อ่านตอนท่านเรย์กะพูดถึงสองหน่อนั้นแล้ว กูนึกถึงโอรันโฮส์ตคลับว่ะมึง บรรยายซะเหมือนคู่แฝดนรกเลย
ตอนแปลไทยล่าสุดนี่ เรย์กะบรรยาย 2 หน่อยังกะคู่ BL ในมุมมองสาว Y แต่กูก็สงสัยตามเรย์กะเหมือนกันว่าทำไมเพลงกล่อมเด็กมันเนื้อหาโหดโครตๆ และอาหารอังกฤษขึ้นชื่อว่าห่วยของจริง เพราะจืดและเลี่ยนๆ ใส่เกลือ ใส่ซอสเพื่อเพิ่มรสชาติยังไม่อร่อยเลย (ที่อร่อยคงมีแต่ชาล่ะมั้ง)
ตอนนี้ทำกูลั่นหลายรอบชิบหาย ตั้งแต่บรรยายคาบุกับเอ็นโจประหนึ่งคู่รักคู่วาย แฟนท่อมผู้เป็นผู้ใหญ่บ้านคานทองสาขาปารีส ฮาสุดคือเรย์กะมโนว่าตัวเองเป็นคริสติน แล้วเซริกะที่เล่นเป็นแฟนท่อมตามน้ำอีก เชี่ยย อย่างลั่น 55555555555555
ท้ายตอนนี่เซริกะเล่นตามน้ำหรอว่าท่านเรย์กะเธอเจอคู่หูบ้าบอแล้วน่ะ อ่านไปนึกว่าอ่านฟิคกาวซะอีก แล้วบรรยายคาบุกับเอ็นโจได้วายดีมาก สมแล้วที่เป็นฟุ
ว่าแต่ไม่แอบสงสัยท่านพี่กับท่านอิมาริเลยจริงดิ สองคนนี้ก็สนิทกันแปลกๆนะ
อ่านตอนล่าแล้วอดคิดไม่ได้ว่าถ้าท่านเรย์กะมาเที่ยวเมืองไทย พร้อมซาโตมิคุงที่พกเรื่องผีมาเต็มเหยียด น่าสนุกจัง น่าสนุกจัง
แปลไทยล่าสุด เซริกะทำหน้าที่สมุนเจ้าแม่สุดๆ 5555 มีเล่นเป็นแฟนท่อมให้เจ้าแม่ด้วย
เอิ่ม โทษที นี่โม่งแปล อยากบอกว่าตอนนี้เร่งไปหน่อย พอมาเช็คดูก็เพิ่งจะเห็นว่าแปลตกไปประโยคนึง คือ "ที่หันหลังชนกันอ่านหนังสือน่ะแค่ตอนประถมเท่านั้นนะคะ แหม แต่ก็ไม่ได้โกหกใช่ไหมล่ะ" ตกไปประโยคนึงนี่เหมือนกลั่นแกล้งคาบุกะเอ็นโจเลยว่ะ แต่กูไม่ได้ตั้งใจนะ 5555 ตอนนี้ไปเติมให้ล่ะ
>>291 อุกิ๊ววว จริงๆ มึงไม่ต้องเติมก็ได้นะ กูยอม...
ท่านเรย์กะเจอของกินที่ไม่อร่อยแล้วสินะ แต่ถึงจะเลี่ยนแต่ก็เหมือนจะขม้ำฟิชแอนด์ชิปเข้าไปจนหมดรึเปล่า ทำไมถึงย่ำยีโควต้าแคลอรี่ตัวเองยังงั้นคะ ส่วนเซริกะจัง เอ้อ ไอ้ที่หลุบตาไปวูบเนี่ยตอนนั้นคิดอะไรอยู่เหรอ....
เอ้อ แต่บิสกิตของไก่ทอด Texas นี่กูไม่ชินว่ะ คือมันใส่มาพร้อมกันในถาดใช่ปะ ครั้งแรกที่ได้มากูเลยกินไปพร้อมกัน พอเจอบิสกิตรสออกหวานนี่งงไปเลย จริงๆ มันตั้งใจให้กินปิดท้ายเป็นของหวานรึเปล่าเนี่ย แต่พอกินไก่เสร็จกูก็อิ่มแล้วว่ะ ตบด้วยบิสกิตไม่ไหวละ
แต่คาบุกับเอ็นโจเนี่ย กูสงสัยจริงๆนะว่าในโรงเรียนนอกจากเรย์กะแล้ว จะไม่มีใครจิ้นวายเลยเหรอ โมเมนต์ส่อๆก็เยอะไม่แพ้คู่ท่านพี่อิมาริเลยนะ 55555
>>293 อยากบอกว่า... แมวดุ้นไม่มีแท็ก Love มาแต่แรกละนะมึง 5555 ที่เติมเข้ามาทีหลังนั่นคือ Tag Food ซึ่งโคตรเฮี้ยน พอลงมาปุ๊บเล่นเอาของกินหายไปพักนึงเลย ส่วน Tag Love นั่นเป็นของต้นทางที่นาโร่มาแต่แรกล่ะ
สำหรับโดขิๆ ที่หายเหือด มึงต้องทำใจและพยายามประคับประคองกาวที่เหลืออยู่อีกน้อยนิดให้รอดไปก่อน ในยามที่สิ้นหวังถึงขีดสุดจริงๆ ท่านเทพฮิโยโกะจะประทานความโดขิๆ มาให้เรา มึงต้องมีความหวังและมีศรัทธา! //โพสต์ท่าพระพุทธรูปปางลีลา
>>294 บิสกิตของ Textas จริงๆ มันก็พอกินแกล้มได้นะ ไก่ก็เค็ม เฟรนช์ฟรายส์ก็เค็ม เอาให้มันตัดรสกัน แต่กูชอบเก็บไว้กินแยกทีหลังว่ะ แกล้มกาแฟก็ดี เสียอย่างเดียวคือร่วนไปหน่อย ถ้าไม่เกรงใจกางเกงนี่กูจะสั่งแยกมาซักหกชิ้นเอาไว้กินทุกวันล่ะ
กุเริ่มชอบเรย์กะซาโตมิว่ะ ซาโตมิคุงก็ขี้เเกล้งชิบหาย555555555
อะไรคือผู้ใหญ่บ้านคานทองสาขาปารีสของเธอยะ เรย์กะ55555 แฟนธ่อมคงกุมขมับ
>>300 ท่านพี่แกล้งเรย์กะเนียนๆตั้งหลายทีนะมึง 555555555555
ทั้งเรื่องบอกไม่มีวันเข้าใจความน่ารักของไอ้ตัวโมโมโทโรน(ชื่อนี้ป่ะวะ) ตอนไปอดอาหารแล้วท่านแม่กลับมาซบท่านพ่อ เรย์กะจะซบท่านพี่บ้างแต่ท่านพี่เดินหนี ตอนไปอควอเรียมริรินะจูงมาโอะ เรย์กะจะจับมือท่านพี่บ้าง ท่านพี่เอาแต่เล่นมือถือ ประมาณนี้อ่ะ
มีกูแปลกคนเดียวหรอ กูคิดถึงทานุกิกับท่านแม่ 555
ขณะที่สาวๆกำลังเพ้อถึงเจ้าชายกับจักรพรรดิ์แห่งซุยรัน ท่านเรย์กะก็กำลังหาทางพิชืตหอคอยขนมหวาน สมกับเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคานทอง /พราก
กูขำตั้งแต่สาดเกลือไล่สิ่งชั่วร้ายตอนเซริกะจังเข้าห้องอาบน้ำละ ตอนท้ายที่เปิดมิวสิคัลกันในห้องนี่ 555555
>>306 กูว่าถ้าเรย์กะกับเซริกะเป็นผู้ชาย อาจจะพากันร้องเพลงนี้ก็ได้ 5555555555555555
https://www.youtube.com/watch?v=YmixlJ79ZF0
ขอบคุณโม่งแปลสำหรับตอนใหม่!
ตอนที่พูดถึงบักคาบุกับเอ็นโจ จริงๆแล้วกลุ่มท่านเรย์กะนี่แอบจิ้นสองคนนั้นอยู่ใช่มะ มีบอกโลกนี้มีเพียงเราสองด้วย5555
กรีดร้อง แอมโซซอรี่ กูไม่ได้กดส่งแต่เช้ามาเห็นตะกี๊ว่ายังไม่ได้ส่งเลยกดไป แล้วพึ่งเห็นว่าโม่งแปลพิมพ์ตกนี่นา
อาริมะต้องไปร้อง les miserable
ทำไมอ่านตอนใหม่นี่แล้วรู้สึกเหมือนท่านฮิโยโกะเอาปสก.จริงมาเขียนจังวะ...
กรี๊ดด ตอนใหม่นี่มันอะไร กูนึกว่านิยายตลก เริ่มตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้านคานทองสาขาปารีสแล้ว อะไรคะเนี่ยยยย ขำมากก ไหนจะเซริกะจังเปิดประตูมาเจอท่าเรย์กะอีก จริง ๆ กูว่าเด็กโรงเรียนนี้มันก็มีความเป็นเด็กสูงนะ แต่ว่าต้องไว้ตัวไง ถ้าเป็นที่อื่น เหมือนเวลาสนุก ๆ ครึ้มอกครึ้มใจก็คงกลับมารวมหัวกันในห้องเดียวแล้วร้องเพลงเล่นกันแล้ว อารมณ์เหมือนไปดูคอนเสิร์ตแล้วยังอิน กลับมานั่งร้องเพลงกันต่อ แต่ทีนี้ แต่ละคนถูกฝึกมาดี ให้ระวังรักษาหน้าตัวเองในสังคม ก็เลยนะคะ ชอบค่าา แต่ไม่กล้าแสดงออก เหมือนตอนไปกินฟิชแอนด์ชิพ จริง ๆ หลายคนคงอยากลอง แต่แหม ก็ไม่มีใครกล้า กลัวจะถูกหาว่าทำตัดสามัญชน ดีนะที่มีท่านเรย์กะเป็นผู้นำ และมีความอยากกินสูงง 5555 ถ้าไม่ใช่ท่านเรย์กะนำกลุ่มคงไม่มีใครกล้าแหกกลุ่มไปกิน
ว่าแต่ว่า เริ่มสงสัยคนแต่งแล้ว นอกจากจะมีความไฮโซร้จักแบรนด์อลังการ ยังรู้เรื่องตำนานโน่นนี่นั่นดี นางเป็นใคร ในโลกแห้่งความเป็นจริงกันนะๆๆ
ที่สำคัญ ถึงโม่งแปล เก็บงานดีอีกแล้วววว ปล. นี่ให้รายละเอียดมาอย่างกับเขียน footnote ประกอบรายงาน อยากจะบอกว่ารักโม่งแปล #รักโม่งแปลลลลลลลลลลลลลล
โอ๊ยเซริกะจังนี่แบบ #เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว
คือนางจะคิดมั้ยว่าท่านเทพเกศานี่จะหลุดโลกขนาดนี้ แงงง คริสทีนแฟนธอมอะไรกัน ดอกไม้บานมาก นี่แหละคู่แข่งที่น่ากลัวของมายเอ็นโจ รู้ตัวอีกทีเรย์กะก็กู่ไม่กลับซะแล้ว...
>>323 ตอนยื่นมือไปหาคริสตินนี่อย่างแมนอ่ะ ฟีลเจ้าชายมาเต็ม เพื่อท่านเรย์กะฉันจะยอมเป็นแฟนธ่อมให้ก็ได้ ถ้าท่านเรย์กะมีความสุขฉันก็ยินดีที่จะโยนความละอายทิ้งไป
แต่กูว่าเซริกะนางรู้ว่าเรย์กะบ้าๆบอๆหลุดโลกมานานแล้วนะ แถมยังรักเรย์กะมากจริงๆ ไม่งั้นไม่ยอมไปถือแผ่นซีดี ตะโกนโค่นล้มฮิตช์ค็อกในสวนด้วยกันหรอก
ถ้าคิคุโนะมาเจอสองคนนี้เข้า จะยอมมาเป็นราอูลให้ป่ะวะ
กระทู้ก่อนๆกูเคยถามว่าช็อกโกแลตที่นางกินในตอนที่ 128 คือยี่ห้ออะไร กูอยากไปซื้อกินด้วย ไม่มีใครตอบกูเลย แอบเศร้าอยู่เบาๆ 555555
แล้วกูก็ลืมเรื่องนั้นไป จนวันนี้กูเพิ่งจะรู้คำตอบว่ะ น่าจะเป็นยี่ห้อ Debauve & Gallais นี่ล่ะ เพราะวันนี้กูรื้อตู้มาทำความสะอาดแล้วเจอกล่องเปล่าที่บ้าน มันมีหน้ามารีอังตัวเนตต์แปะอยู่ กูก็มาคิดว่ายี่ห้อนี้ป่ะวะ พอเอาชื่อไปค้นในเน็ตก็รู้สึกเหมือนจุดไต้ตำตอชิบหาย คำตอบอยู่ในบ้านกูมาตลอดเลยรึนี่......
ที่สำคัญกูก็เคยแดกว่ะ แต่จำไม่ได้เลยซักแอะว่ารสชาติเป็นไง แม่งหลายปีละ รู้สึกตอนนั้นจะแดกยัดห่าอย่างเดียวไร้ความละเมียด ตอนนี้กูสัญญาว่าถ้าได้แดกอีกกูจะตั้งใจแดกซึมซับทุกอณูแบบท่านเรย์กะ ไม่เอาแต่ยัดลงคอแน่นวล แถมกูเพิ่งจะรู้ว่ามันแพงอีกต่างหาก กล่องเล็กที่กูเคยกินก็ 35 ยูโรละ ไม่รู้ขึ้นราคารึยัง
อะ เผื่อใครอยากเห็นหน้าตากับของข้างใน
http://imgur.com/wsPoHis
>>327 กรี๊ดดดด ขอบคุณมึงมากที่มาเฉลยปริศนาไปอีกข้อ ที่ไม่มีใครตอบคำถามมึงน่าจะเพราะไม่รู้ว่ามันคือยี่ห้ออะไรล่ะวะ ยากขนาดนี้ ถถถถถ แต่ดูเงื่อนไขตรงทุกอย่างเลยนะเนี่ย ช็อกโกแลตหน้ามารีอังตัวเนท บางๆ กินได้เรื่อยๆ สมเป็นท่านเรย์กะจริงๆ ว่ะ ไม่กินของแมส นี่ยังเหลือปริศนาผ้าขนหนูกับเทียนหอมแบรนด์ลึกลับจากยูกิโนะอีกนะ
ขอต่ออีกนิด เข้าเวบไซต์ไปดูราคาแล้ว โหดอยู่เหมือนกันว่ะ สมเป็นท่านเรย์กะ ชุด Le Royale นี่ราคาเริ่มต้นก็ 143 เหรียญล่ะ...
https://www.debauveandgallais.com/main/bonbons2.asp
เทียนหอมกับผ้าขนหนู กระทู้ก่อนๆเคยลงความเห็นกันว่างเทียนหอมคือยี่ห้อ jo malone กับ burberry นะ แบรนด์อังกฤษ เห็นปุ๊บรู้ปั๊บ แต่ถ้าเป็นผ้า burberry จริงๆ ก็ติดเงื่อนไขเดียวคือในเรื่องบอกว่าไม่ฮิตในญี่ปุ่น ซึ่ง burberry มันฮิตอยู่นะ
แต่ท่านพี่กับเอ็นโจนี่จะเป็นร่างแยกของกันและกันไปถึงไหน รสนิยมชอบแบรนด์อังกฤษเหมือนกันอีกต่างหาก คนไทป์นี้ชอบอะไรเรียบหรูแต่ดูดีสินะ
>>332 ยี่ห้อชาที่ราชวงศ์อังกฤษดื่มที่กูพอหาได้ คือ
1. Twining's แบรนด์นี่พวกเรารู้จักกันดี มีมานานกว่า 300 ปี ราคาตามคุณภาพ บางช่วงมีของลิมิตเต็ดขายด้วย แบรนด์นี้ควีนเอลิซาเบธกับเจ้าชายชาล์ลโปรดมากถึงขนาดให้ Royal Warrant (มอบให้เฉพาะของคุณภาพดี ราชวงศ์อังกฤษคอมเฟริม) ทั้ง 2 พระองค์
2. Forthum & Mason แบร์นนี้ก็ขายทุกอย่างตั้งแต่เครื่องใช้ถึงอาหาร ทางร้านมีจัด Afternoon tea ด้วย เจ้าชายชาล์ลเป็นคนมอบRoyal Warrant เอง
3. Darvilles of Windsor แบรนด์นี้ก็เป็นร้านเก่าแก่ เห็นว่าควีเอลิซาเบธชอบถึงกับให้ Royal Warrant เอง
เค้าว่าของพวกนี้ขายตามร้านที่ระลึกร้านในเครือราชวงศ์อังกฤษด้วยนะ แต่ของจะไม่ไฮโซมากเท่าที่ร้านขาย
Dream, Dream? DREAM?!!! NO, WAKE UP!!
เสียงระฆังวิวาห์ดังเหง่งหง่าง แว่วหวานไปทั่วทั้งบริเวณ เจ้าบ่าวยืนรออยู่บนแท่นพิธี เจ้าสาวในชุดกระโปรงสีขาว มีผ้าโปร่งคลุมหน้า ท่ามกลางสายตาอิจฉา เพ้อฝัน ปลงใจ มีพ่อเจ้าสาวที่น้ำตาซึมคอยพยุงให้ก้าวอย่างเชื่องช้าสง่างามมายังเบื้องหน้า
รอยยิ้มของเจ้าบ่าวคลี่ออกเมื่อเห็นเจ้าสาวอันเป็นที่รัก นิ้วมือเรียวยาวดั่งลำเทียนที่ครั้งหนึ่งเคยพร่างพรางอยู่บนคีย์เปียโนตามอารมณ์ตนเองเท่านั้นค่อย ๆ เลิกผ้าคลุมโปร่งถักลูกไม้ละเอียดวิจิตรขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าเขินอายระคนยินดีของเจ้าสาว
วาคาบะจัง?
ฉันมองวาคาบะจังอย่างประหลาดใจ จำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ทั้งสองคนลงเอยถึงจนถึงขั้นแต่งงาน ความทรงจำล่าสุดของฉันสิ้นสุดเพียงตอนที่เป็นอาจารย์ฝึกลูกศิษย์ไม่ได้เรื่องให้เข้าร้านอาหารเหมือนสามัญชนได้เท่านั้น…
ถึงยังไงก็เหอะ ในที่สุดพระเอกกับนางเอก KimiDolce ก็ตกล่องปล่องชิ้นกันแล้ว ฉันมองคาบุรากิในชุดเจ้าบ่าวที่ดูเท่ห์จนใจเต้นตึกตัก กับวาคาบะจังที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสวยจนแทบจำไม่ได้
พอมองบรรยากาศรอบ ๆ ข้างก็เจอแถวเพื่อนเจ้าบ่าวที่คนแรกประกอบไปด้วยเอ็นโจกับนายตัวสำรอง กับคนอื่น ๆ ที่ฉันพอคุ้นหน้าในวงสังคม
ส่วนแถวเพื่อนเจ้าสาวมีผู้หญิงที่ฉันไม่คุ้นหน้า ฉันมองแถวเพื่อนเจ้าสาวแล้วก็ต้องประหลาดใจ
ทำไมฉันไม่ได้อยู่ในนั้นกันนะ?
หัวใจของฉันรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมา ขอบตาก็ร้อน ๆ จริงอยู่ที่ฉันกับวาคาบะจังไม่ได้สนิทกันเหมือนคาบุรากิกับเอ็นโจ แต่พวกเราก็ไปมาหาสู่กันค่อนข้างบ่อย ดูเหมือนฉันจะคิดไปเองฝ่ายเดียวอย่างนั้นสินะ น่าอายจัง
“คุณเรย์กะ อย่าเสียน้ำตาให้กับมัน ลูก มองภาพนี้เอาไว้ ซักวันหนึ่งจะต้องเป็นวันของเรา!” เสียงแหบแห้งขุ่นเคืองของท่านแม่ทำเอาฉันรู้สึกตกใจ เมื่อหันไปมองก็ตกใจยิ่งกว่า เพราะท่านแม่ที่มักจะแต่งกายอย่างงดงามตลอดแม้กระทั่งตอนอยู่บ้าน กลับมางานแต่งงานที่แสนจะเริ่ดหรูด้วยชุดที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นชุดโปรด แต่บัดนี้เก่าจนสีซีด
“ท่าน...แม่?”
ฉันมองท่านแม่อย่างตกตะลึง ไม่จริงน่า...
“แล้วท่านพี่กับท่านพ่อล่ะคะ?”
วันนี้เป็นวันสำคัญของบ้านคาบุรากิ ถึงจะยุ่งยังไงก็ต้องมาแน่ ๆ ฉันกวาดตามองหาท่านพ่อกับท่านพี่ พอสบตาเข้ากับท่านยูริเอะและท่านไอระก็ต้องชะงัก เพราะสายตาของทั้งคู่มองฉันด้วยความเย็นชา
พอหันกลับมาหาท่านแม่ ก็พบกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยแกมเวทนา สีหน้าของท่านแม่ดูอ่อนล้า ผมที่เคยเรียบสลวยจัดแต่งอย่างดีก็ยุ่งเหยิง
“คุณเรย์กะ จำไม่ได้จริง ๆ หรือคะ?” พอฉันพยักหน้า ท่านแม่ก็มีสีหน้าลังเล ก่อนจะตอบออกมาในที่สุด
“คุณทาคาเทรุตัดขาดจากบ้านคิโชวอินตั้งแต่ตอนเรียนจบแล้ว ส่วนท่านพ่อ...” พูดถึงตรงนี้ท่านแม่ก็น้ำตาพร่างพรูออกมา ฉันรีบเข้าไปปลอบ คำพูดคำต่อมาของท่านแม่ทำให้โลกของฉันหยุดหมุน
“ท่านพ่อ...ตาย...ฆ่าตัวตายไปเดือนที่แล้ว ทุกอย่างของบ้านเราทุกยึดไปหมดแล้วค่ะ คุณเรย์กะ พวกเราไม่เหลืออะไรอีกแล้ว”
น้ำเสียงนั้นแผ่วเบาเหมือนกระซิบ ฉันยืนแข็งค้าง
จะเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง?
ท่านพี่ออกจากบ้าน
ท่านพ่อฆ่าตัวตาย?
แล้วคำตอบก็วูบเข้ามาในหัว
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จู่ ๆ KimiDolce ที่กำลังดำเนินไปได้อย่างสงบสุขราบเรียบกลับรีเซ็ตใหม่ และฉันก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนจบที่บ้านคิโชวอินล้มละลาย ส่วนพระเอกกับนางเอกได้ครองคู่กันอย่างมีความสุข
ฉันก้มมองตัวเองในชุดเก่า ๆ ไม่จริงน่า ฉันนึกถึงท่านพี่ที่ออกจากบ้าน และท่านพ่อที่ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่พ่อจริง ๆ ของฉัน แต่ตลอดเวลาที่อยู่ในร่างของเรย์กะครั้งก่อน ท่านพ่อดีกับฉันทุกอย่าง มีแต่ฉันเท่านั้นที่ตั้งท่าระแวงรังเกียจท่านพ่อ
ฉันมองท่านแม่แล้วส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะยอมรับความจริง ไม่จริง เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ไม่จริง ไม่จริง
“ไม่จริง!!!”
ฉันกรีดร้องออกมาสุดเสียง รู้สึกเหมือนถูกจับกดน้ำจนเกือบตายแต่แล้วก็รอดพ้นมาได้
ภาพที่ปรากฏในสายตาคือห้องนอนในตอนกลางคืน ค่อนข้างมืดแต่ยังพอมองเห็นภาพในห้องได้เพราะไฟจากระเบียง ฉันยันตัวขึ้นมา มือปาดน้ำตาที่เจิ่งขอบตาออกแล้วมองไปรอบ ๆ
ฝัน...งั้นเหรอ?
ฝันจริง ๆ ด้วยสินะ
นี่ไม่ใช่ห้องนอนของฉัน แต่ก็เป็นห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายหรูหรา หรือว่าที่นี่คือโรงแรม? เรื่องดำเนินมาถึงตอนที่ฉันไปทัศนศึกษาที่ยุโรปแล้วงั้นเหรอ?
ฉันถอนหายใจเฮือก ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงกะว่าจะออกไปหาอะไรกินปลอบขวัญซักหน่อย ผ้าห่มที่หลุดเลื่อนออกจากตัว ลากผ่านผิวเนื้อให้ความรู้สึกนุ่มนวลจั๊กจี๋ทำให้ฉันก้มมองตัวเอง แล้วพบว่าฉันไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเข้านอน
ฉันชะงัก เดี๋ยวนะ ทำไมฉันถึงไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเข้านอนกันล่ะ?!
“ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ?”
ฉันกรี๊ดลั่น วิญญาณเกือบหลุดออกจากปากเพราะเสียงพูดนั้นดังมาจากข้างตัว แถมยังเป็นเสียงผู้ชาย ฉันกรี๊ดอีกครั้งก่อนจะกระตุกผ้าห่มกระโจนลงไปตั้งหลักบนพื้น เพราะว่าผ้าห่มถูกฉันลากมาคลุมร่างแล้ว ดังนั้นคนที่อยู่บนเตียงเลย....
เปลือยตั้งแต่หัวจรดเท้า
“จะให้ผมไปชงโกโก้ร้อนให้ไหม?”
อ..เอ็นโจ! ถึงแม้จะค่อนข้างมืด และอีกฝ่ายดูโตกว่าเอ็นโจที่ฉันจำได้ แต่หน้าตาแบบนั้น น้ำเสียงแบบนั้น เอ็นโจแน่นอน!!
แถมยังโชว์ร่างเปลือยอย่างไม่อายอีก ฉันเลยต้องเป็นฝ่ายปิดตา อุกรี๊ด แต่ถึงปิดตาแล้วก็ยังจำได้ทุกสัดส่วนอ่า
ถึงแม้ว่าฉันจะควรตกใจที่น่าจะข้ามมาในอนาคตโดยไม่ทันได้รู้ตัว แต่สิ่งที่น่ากังวัลมากกว่านั้นคือ
“ท่านเอ็นโจ เข้ามาได้ยังไงคะ!? แล้วทำไมพวกเราถึง...!!!”
ฉันหมายถึงว่าทำไมพวกเราถึงเปลือยกายนอนอยู่ด้วยกันบนเตียง อย่าบอกนะว่าพวกเราหลงทางมาในกระท่อมร้าง เสื้อเปียก เลยต้องถอดเสื้อกอดก่ายกันเพื่อความอบอุ่นเหมือนในหนังการ์ตูน!!?
“ท่านเอ็นโจ?” เอ็นโจทวนคำด้วยน้ำเสียงงงๆ “ไม่ได้ยินเรย์กะเรียกผมอย่างนั้นก็หลายปีแล้ว ยังตกใจจากฝันร้ายไม่หายสินะ”
ไหงถึงเรียกฉันห้วน ๆ อย่างงั้นกันล่ะ นี่มันสนิทกันเกินไปแล้วนะ น่ากลัวชะมัด
ฉันส่ายหน้าพรืด ก่อนจะปิดตาแล้วหันหน้าหนีเพราะถึงเอ็นโจจะลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ไม่ได้หาอะไรมาปิดร่างเปลือยเลยแม้แต่น้อย “ท่านเอ็นโจ ระหว่าง...เอ่อ...พวกเรา เมื่อคืนนี้ ไม่ได้มีเอ้อ...ใช่ไหมคะ?” ถึงแม้จะอาย แต่ฉันก็ต้องรีบถามเพื่อตัดโอกาสมโนไปเอง ต้องเป็นเหมือนในการ์ตูนแน่ ๆ แค่ถอดเสื้อผ้าเฉย ๆ เท่านั้น
“เอ...ก็ไม่รู้สินะ เอ้อ...นี่หมายความว่าอะไรงั้นเหรอ?” เอ็นโจถามกลับ ทำเสียงอินโนเซนต์ ฉันแทบจะกระอักเลือดออกมา สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนั้นอย่างมาล้อเล่นกันสิ ก่อนที่น้ำเสียงนั้นจะเปลี่ยนไปเป็นน้ำเสียงกังวล “เรย์กะ จำอะไรได้บ้าง?”
ฉันนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบ “จำได้ถึงแค่กำลังจะไปทัศนศึกษาค่ะ แต่ยังไม่ได้ไป”
“ทัศนศึกษา? ที่ไหน?”
“ยุโรปค่ะ”
เอ็นโจถอนหายใจเฮือก พวกเรานั่งนิ่งอยู่ในความเงียบ
“เรย์กะ”
“คะ?”
“ก้มมองมือตัวเอง”
ฉันกระพริบตาถี่ ๆ ก่อนจะใช้ต้นแขนทั้งคู่หนีบผ้าห่ม แล้วลดมือลงมอง
แหวน!
แถมยังเป็นแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้าย!
“ฉ...ฉันแต่งงานแล้วงั้นเหรอคะ?!”
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ใหญ่บ้านคานทองอย่างฉันจะขายออก! อย่าบอกนะว่า...
ฉันเงยหน้ามองเอ็นโจที่มองฉันด้วยแววตาแปลก ๆ ก่อนที่จะส่งรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจมาให้พร้อมกับคำตอบที่เหมือนกับจะอ่านใจฉันได้
“คนที่เรย์กะแต่งงานด้วยก็คือผมไงล่ะ” เอ็นโจชูมือข้างซ้ายที่สวมแหวนแต่งงานเข้าคู่กับฉัน “เอ...แล้วผมจะทำยังไงกับคนที่ลืมสามีของตัวเองกันดีล่ะ เจ็บปวดจังเลยน๊า คราวก่อนหน้านั้น แล้วก็คราวก่อน ๆ ผมก็ต้องตามจีบใหม่ตั้งหลายครั้ง”
“!!!” อย่าบอกนะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันตื่นขึ้นมา แต่ไหงถึงจำอะไรไม่ได้เลยล่ะ!
“อืมม์...จะลงโทษเหมือนคราวนั้นดีมั๊ยนะ?"
“เดี๋ยวก่อนสิคะ! ท่านเอ็นโจ!” เอ็นโจเดินดุ่ม ๆ เข้ามาอย่างไม่สนใจเสียงประท้วงของฉัน ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ
ฉันหลับตาปี๋ ตัวหดอย่างหวาดกลัว ก่อนจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ และเสียงหัวเราะ
พอลืมตาขึ้นมาอีกที เอ็นโจก็เอาหน้าออกห่างไปแล้ว แถมยังใส่กางเกงในเรียบร้อยอีกต่างหาก อ๊ะ ใส่กางเกงในแบบบิกินี่บริฟต์สีดำแฮะ ผิดกับอิมเมจที่คิดไว้เลย ไม่สิ! สาบานได้จริง ๆ นะว่าฉันไม่เคยคิดว่าเอ็นโจน่าจะใส่กางเกงในแบบไหนเลยซักครั้ง
เอ็นโจเดินไปหยิบเสื้อคลุมจากตู้เสื้อผ้าให้กับฉัน ฉันเลยมุดผ้าห่มเข้าไปสวมเสื้อคลุมยุกยิก ก่อนจะโผล่ขึ้นมาในสภาพที่ไม่เรียบร้อยนัก แต่ก็พร้อมจะพูดคุยอย่างคนมีอารยะธรรมทั่วไป
ฉันมองเอ็นโจที่เดินออกไปหยุดตรงหน้าประตู แล้วหันมา “คืนนี้นอนก่อนเถอะ มีอะไรไว้จัดการพรุ่งนี้ ผมจะไปนอนที่ห้องนอนแขกนะ” เอ็นโจบอกด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ “ไม่ต้องระแวงขนาดนั้นก็ได้ ผมไม่ทำอะไรหรอก ราตรีสวัสดิ์นะเรย์กะ”
พูดจบประตูห้องก็ปิดลง พอเอ็นโจออกไป ฉันก็รีบกุลีกุจรไปควานหาสวิตช์ไฟ และพุ่งตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้งทันทีที่ไฟเปิด
ฉันมองคิโชวอิน เรย์กะ ที่อายุน่าจะอยู่ในวัยยี่สิบกลาง ๆ บนโต๊ะเครื่องแป้งมีมือถือวางไว้ เมื่อเปิดหน้าจอขึ้นดู สิ่งที่ฉันพบสิ่งแรกคือรูปแบคกราวน์หน้าจอที่เป็นรูปคู่ของฉันกับเอ็นโจ เรย์กะในภาพถือไอศกรีมโคน สีหน้าดูมีความสุขอย่างเหลือเชื่อ มือที่ถือนั่นใส่แหวนแต่งงานแบบเดียวกับที่ฉันใส่อยู่เป๊ะ
ถึงแม้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะดีกว่าในความฝันร้อยเท่า เพราะในความฝันเป็นแบดเอนด์ของเรย์กะใน KimiDolce แต่...
ไม่นะ ฉันลงเอยกับเอ็นโจเหรอเนี่ย นี่มันผิดกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ตอนแรกชัด ๆ
ฉันได้แต่กรีดร้องในใจ แต่ว่าจะโทรไปคร่ำครวญกับใครก็ไม่ได้เลยต้องนั่งแพนิคอยู่คนเดียว แต่พอคิดจนหัวปั่นแล้วก็ตกลงปลงใจได้ว่าจริง ๆ แล้วเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะเกิดครั้งแรกซะเมื่อไหร่ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าแบดเอนบ้านคิโชวอินล่มจม หรือถูกจับแต่งงานกับคาบุรากิ ส่วนเรื่องแต่งงานกับเอ็นโจได้ยังไงนั้นน่าจะถูกผู้ใหญ่จับแต่งงานเพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจ ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆ
ไม่รู้ว่านี่เป็นภาคสองของ KimiDolce ที่ฉันยังไม่เคยอ่านรึเปล่า อย่าบอกนะว่าฉันกลายเป็นคนขัดขวางทางรักของคนอื่นอีกแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เอ็นโจมีว่าที่คู่หมั้นเป็นคุณยุยโกะ ถ้าเปรียบกับ KimiDolce ภาควาคาบะจัง ตอนนี้ก็ถือได้ว่าวิกฤต!
เพราะอย่างงั้นทำตัวเงียบ ๆ ไว้หน่อยดีกว่า ถึงเอ็นโจจะแอบไปมีความสัมพันธ์กับคุณยุยโกะอย่างลับ ๆ ฉันก็จะไม่ขัดขวางเด็ดขาด ในระหว่างนี้ก็ต้องหางานที่ดูมั่นคงไว้ด้วย ว่าแต่ฐานะทางบ้านของคิโชวอินเป็นยังไงแล้วนะ หวังว่าท่านพี่จะทำให้รุ่งเรืองได้แม้ว่าเราจะโดนโจมตีทางธุรกิจจากบ้านเอ็นโจ ถ้าธุรกิจไปได้สวยก็ดีเลย ฉันจะได้โฟกัสอยู่กับการเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ กับความสัมพันธ์ของเอ็นโจและคุณยุยโกะ ในระหว่างนั้นก็ต้องหาคนรักดี ๆ ไว้ซักคน เผื่อตอนถูกขอหย่าจะได้ไม่อยู่เป็นแม่ม่ายห่อเหี่ยวขึ้นคานไปตลอดชีวิต!
พอวางแผนได้สำเร็จแล้วฉันก็รู้สึกสบายใจขึ้น เอาเถอะ จะเป็นยังไงพรุ่งนี้ค่อยคิดต่อ ว่าแต่เช้าพรุ่งนี้จะกินอะไรดีนะ ชุดอาหารเช้าที่มีครัวซองต์แสนอร่อยจากโรงแรมในเครือคาบุรากิดีกว่า ในชุดนั้นมีเอ็กเบเนดิกต์กับเบคอน แล้วก็วาฟเฟิลสอดไส้ช็อกโกแล๊ตด้วย หวังว่าเมนูสุดโปรดของฉันจะไม่ได้หายไปหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะแย่แน่เลย
จบ
แอร๊ยยยยยย ฟิกนี้มันอะไรกัน มีความฝันซ้อนฝัน นี่คือภาคต่อของเรย์กะความจำเสื่อมเหรอ ดีงามอะ มีโมเมนต์น่ารักๆ เพียบ อ่านไปยิ้มไป ว่าแต่ทำไมเอ็นโจพูดแปลกๆ เหมือนเจอมาหลายรอบแล้วเนี่ย นี่คงไม่ได้จบด้วนๆ แค่นี้ใช่ป่าว ปูเรื่องไว้น่าไปต่อตั้งเยอะแบบนี้ มึงจะมาต่อเมื่อชาติต้องการใช่มะ ใช่มะ ใช่มะ
สองทุ่มเป็นเวลาของเด็กดี เชิญพบกับเอ็นโจเลี้ยงต้อย >>>/webnovel/3689/378-380
คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ ไม่เจอะเจอกันกับฉัน.....
---------------------------------------------
เช้าวันจันทร์ ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหดหู่เล็กน้อยตามสภาพอากาศที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝน
พยากรณ์อากาศรายงานว่าจะมีฝนตกทั้งวัน ติดต่อกันไปเป็นสัปดาห์เพราะพายุเข้า สภาพอากาศชวนหดหู่อย่างนี้ ผมก็นึกถึงยูกิโนะขึ้นมา
ที่โลกนั้น ป่านนี้เด็กคนนั้นจะแข็งแรงขึ้นรึยังนะ พายุเข้าทีไรก็อาการหอบหืดกำเริบทุกที
ยูกิโนะที่ร่างกายอ่อนแอต้องมาเป็นผู้สืบทอดตระกูลเอ็นโจแทนที่ ในกรณีที่ผมหรือยูกิโนะเกิดเป็นอะไรไป พ่อก็มีแผนสำรองเพื่อรับมือเพื่อให้แน่ใจว่ากิจการของตระกูลเอ็นโจจะดำเนินต่อไปไม่มีติดขัด
อาจจะฟังดูใจดำ แต่เพื่อตระกูลแล้วก็ต้องทำแบบนี้ ตระกูลใหญ่ๆที่ไหนก็เป็น
แต่งตัวเสร็จก็ลงไปทานมื้อเช้าแล้วไปขึ้นรถเพื่อไปโรงเรียนเหมือนอย่างทุกวัน มองออกไปนอกหน้าต่าง ฝนตกกระทบกับกระจกหนักมากจนเกือบไม่เห็นทางข้างหน้า ฝนที่เป็นเหมือนม่านที่กั้นสองโลกเอาไว้
วันสุดท้ายที่ผมอยู่ในโลกเดิมก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ ก็คือวันที่ฝนตกหนักอย่างนี้ด้วยเช่นกัน มันควรจะเป็นภาพความทรงจำที่เลวร้าย แต่มันก็มีความสุขแฝงอยู่ด้วยเสมอ
ฝนตกทีไร ผมก็มักจะนึกถึงคุณคิโชวอินที่วิ่งฝ่าสายฝนมาหา เพื่อเอาหนังสือมาให้ยูกิโนะทุกครั้งไป
ถึงจะเพื่อยูกิโนะ แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอยิ้มให้ผมแบบจริงใจ ไม่มีความหวาดระแวงหรือสิ่งอื่นใดเจือปน สายตาที่มองตรงมาไม่เลี่ยงหลบ สะกดให้ทุกสิ่งรอบตัวหยุดนิ่ง
วินาทีนั้น ผมก็ได้รู้ตัว...ว่าหลงรักเธอมาเนิ่นนาน อาจจะตั้งแต่วันที่แรกที่ได้พบด้วยซ้ำ
น้ำเน่าชะมัด
ยูกิโนะที่ได้รับหนังสือนิทานไป อ่านจบก็ส่งต่อมาให้ผม บอกยิ้มๆว่าให้ยืม แต่ก็ไม่ทวงคืนสักที ปล่อยให้มันอยู่ในห้องผมไปแบบนั้น
ผมอ่านจนจำได้ขึ้นใจในทุกตัวอักษร มองกระทั่งภาพวาดประกอบ จดจำรายละเอียดไม่มีตกหล่น ให้ท่องก็ท่องได้ทั้งเล่ม ยิ่งกว่าตำราเรียนเสียอีก
พอมาโลกนี้ ผมหาซื้อนิทานเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะพิมพ์ออกมากี่ครั้ง กี่สำนักพิมพ์ ก็ไม่มีซักเล่มที่เหมือนกับเล่มในความทรงจำของผม
สุดท้าย นิทานเรื่องนั้นผมก็ไม่ได้ซื้อ แม้เนื้อหาข้างในจะเหมือนกัน แต่ผมก็อยากได้หนังสือที่เหมือนกับโลกเดิมทุกอย่าง
ดูเป็นความยึดติดไร้สาระ แต่ถ้าผิดเพี้ยนไปจากนี้ผมก็ไม่ต้องการ
.
.
.
พอไปถึงห้องเรียน มาซายะก็มาแตะบ่า บอกให้ไปคุยกันก่อน ท่าทางเคร่งเครียดจริงจังจนไม่กล้าพูดแหย่
“ถ้าในญี่ปุ่นไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่รักษานายได้ ช่วงที่เราไปหายูริเอะที่อังกฤษ ฉันเลยติดต่อไปหาคนนี้ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคสมอง” มาซายะพูดขรึมๆ ยื่นนิตยสารการแพทย์ให้ “โชคดีที่เขาว่าง และเขาบอกว่าจะตรวจให้”
ผมลองเปิดหน้าที่เขาคั่นไว้ เป็นบทสัมภาษณ์นายแพทย์ชาวอังกฤษคนหนึ่ง เนื้อหาเกี่ยวกับงานวิจัยเรื่องสมองและการบำบัด ได้รับรางวัลมากมายที่การันตีความสำเร็จ
“ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้น่า” ผมเงยหน้าขึ้นมอง
“ต้องทำสิ ฉันอยากให้นายหายป่วย” เขาดูฮึดฮัดขึ้นมา ชี้นิ้วใส่หน้าผม “แล้วยานั่นก็เพลาๆซะ กินมากไปมันไม่ดี ถ้าเครียดมากนัก นายอยากไปที่ไหนฉันจะพาไป ไปสูดอากาศ ไปพักร้อน หรืออะไรก็ได้ที่ไม่มีเรื่องหนักสมอง”
ผมกระพริบตาปริบๆ จับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก
เมื่อสองวันก่อนที่เครียดเรื่องยูริเอะ แต่พอรู้ว่าผมป่วยก็ไปหาข้อมูลมาให้ จัดแจงนัดแนะให้เสร็จสรรพ เป็นความหวังดีและใจดีในแบบของเขา ไม่ต่างจากโลกเดิมเลย
เสียงกริ่งเข้าเรียนดังขึ้นขัดจังหวะ มาซายะเดินลิ่วๆนำหน้าไปเป็นเชิงบอกว่าจะไม่รับคำปฏิเสธ ผมต้องเดินตามให้ทัน ดึงแขนเสื้อเขาที่กำลังจะก้าวเข้าห้องตัวเองไป
“ขอบคุณนะ มาซายะ”
มาซายะเหลือบมองผมแล้วก็ยิ้มออกมา
“เออ”
ผมกลับเข้าห้องเรียนมาทันเวลาที่อาจารย์กำลังจะเริ่มสอนอยู่พอดี พอก้มหัวกล่าวขอโทษก็ได้รับการบอกว่าไม่เป็นไรอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นนักเรียนทั่วไปคงโดนลงโทษไปแล้ว แต่เป็น Pivoine ที่มีอภิสิทธิ์อยู่ในโรงเรียนนี้ ได้รับการปล่อยผ่านทุกอย่าง
คาบเช้าวันนี้คือวิชาปรัชญา เป็นวิชาบังคับเรียนของซุยรันในโลกนี้ เนื้อหาที่อาจไม่ได้ลงลึกเท่าพวกที่เลือกเรียนเป็นวิชาเอกในมหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องใช้การวิเคราะห์ตีความอยู่พอสมควร
อาทิตย์ที่แล้วเราเรียนเรื่องปรัชญาลัทธิเต๋าและแนวคิดกว้างๆของลัทธินี้ วันนี้เลยเจาะลึกมากยิ่งขึ้นด้วยการเรียนเกี่ยวกับจวงจื่อ นักปรัชญาของลัทธิ มีชีวิตอยู่เมื่อสองพันสามร้อยปีมาแล้ว
อาจารย์บอกชีวประวัติเขาคร่าวๆแล้วเริ่มพูดถึงผลงาน “มีใครเคยได้ยินเรื่องจวงจื่อกับผีเสื้อบ้างรึเปล่าคะ” คนในห้องยกมือกันประปราย เด็กผู้หญิงท่าทางคงแก่เรียนพูดขึ้นหลังจากได้รับอนุญาต
“ที่จวงจื่อฝันว่าเป็นผีเสื้อ หรือผีเสื้อที่ฝันว่าเป็นจวงจื่อกันแน่ ใช่รึเปล่าคะ”
อาจารย์มีท่าทีพึงพอใจ เริ่มอธิบายเนื้อหา จากที่นั่งฟังพอให้ผ่านหูไปเมื่อครู่นี้ ผมนั่งตัวตรงแล้วเริ่มฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าฝันไปว่าตนคือผีเสื้อโบยบินไปมาอย่างสำราญใจ ไม่มีความวิตกกังวลใดๆ ผีเสื้อตัวนี้ไม่รู้เลยว่ามันคือจวงจื่อ แล้วทันใดก็ตื่นขึ้น รู้สึกตัวว่ามันคือจวงจื่อ”
ไม่รู้ตัวอย่างนั้นเหรอ
“เป็นการยากที่จะบอกได้ว่า ตนเองเป็นจวงจื่อที่ฝันไปว่าเป็นผีเสื้อตัวนั้น หรือผีเสื้อตัวนั้นฝันไปว่าเป็นจวงจื่อกันแน่….”
อาจารย์เริ่มลงมือเขียนกระดานให้เห็นกันทั่วห้อง “นี่คือบทกวีที่ดังที่สุดของจวงจื่อ ถูกหยิบยกไปใช้อ้างอิงมากมายในหนังหรือหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องโลกคู่ขนานและความฝัน ซึ่งวันนี้เราจะวิเคราะห์กันในเรื่องนี้ว่าสอดคล้องกับปรัชญาของเต๋าอย่างไร….”
เนื้อหาของบทเรียนยังคงติดตรึงอยู่ในหัว สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด ช่วงพักกลางวันผมจึงไปที่ห้องพักครู เธอดูแปลกใจแต่ก็เชิญผมนั่ง รินชาจากกาใส่ถ้วยให้
อารัมภบทอยู่ครู่หนึ่งพอเป็นพิธี ผมรีบเข้าเรื่องในสิ่งที่ต้องการจะรู้
“ขอโทษครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาที่เรียนไปเมื่อครู่นี้เท่าไหร่ รบกวนอาจารย์ช่วยอธิบายอีกหนได้รึเปล่าครับ”
“ติดขัดตรงไหนงั้นเหรอคะ”
“เรื่องที่จวงจื่อฝันว่าเป็นผีเสื้อน่ะครับ” อาจารย์พยักหน้าให้ผม ตั้งใจฟังคำถาม “จะเป็นไปได้เหรอครับ ที่ผีเสื้อจะฝันว่าเป็นตัวเรา”
“อันนี้ก็แล้วแต่คนจะตีความนะคะ ถ้าในทางวิทยาศาสตร์ ผีเสื้อไม่มีทางฝันได้หรอกค่ะเพราะโครงสร้างสมองไม่ซับซ้อน แต่ในทางปรัชญา ดิฉันจะตีความว่าเป็นเรื่องของอัตตาค่ะ”
“อัตตา”
“อัตตาคือความมีตัวตนค่ะ จวงจื่อไม่แน่ใจว่าที่เขามีตัวตนเป็นเพราะผีเสื้อกำลังฝันว่าเป็นเขาอยู่รึเปล่า โยงเข้ากับลัทธิเต๋าในเรื่องการเกิดและแตกดับในธรรมชาติ แต่ก็มองได้อีกแง่คือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีตัวตนอยู่จริงๆ หรือเป็นแค่ภาพลวงตาในความฝัน”
เมื่อผมเงียบ เธอก็อธิบายต่อ
“ความฝันเป็นแดนพิศวงนะคะ เราไม่สามารถควบคุมทุกเหตุการณ์ในฝันได้ แต่ความฝันก็ยังน่าอัศจรรย์ใจอยู่ดี” เธอเท้าคางมองผมยิ้มๆ “เพราะอย่างนี้ บางคนจึงปรารถนาที่จะอยู่ในความฝันมากกว่าโลกแห่งความจริง”
คำพูดนั่น....เคยได้ยินจากชูสุเกะในโลกกระจก
ผมมองอาจารย์ด้วยความไม่แน่ใจ นึกสงสัยในทุกเรื่อง
“เรื่องของจวงจื่อนี้ก็คล้ายกับบทกวีหากรู้ว่าเป็นเพียงฝันของโอโน โนะ โคมาจิเหมือนกันนะคะ”
หากรู้ว่าเป็นเพียงฝัน คือกลอนที่โด่งดังมากของกวีหญิงในยุคเฮอันผู้นี้ ไม่ว่าใครก็เคยได้เรียน กลอนบทนั้นผุดขึ้นมาในหัวผมทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลานึกด้วยซ้ำ
“คิดถึงคนผู้นั้น หลับเพื่อจะพบเจอ เธอยืนอยู่ต่อหน้า หากรู้ว่าเป็นเพียงฝัน ก็ไม่อยากตื่นอีกเลย”
กลอนที่กล่าวถึงหญิงสาวที่ลุ่มหลงในรัก มีฝันแสนหวานที่ไม่อยากตื่น และไม่ต้องการรับรู้ความจริงใดๆ
“แต่สิ่งแตกต่างคือจวงจื่อรู้ตัวว่ากำลังฝันและพยายามตื่นขึ้น แต่โคมาจิยังติดอยู่ในวังวนแห่งความฝัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่เราเลือกทางของเราเองว่าจะเป็นแบบไหน”
อาจารย์จ้องผมพร้อมกับรอยยิ้มที่เห็นแล้วไม่สบายใจ ดูคล้ายชูสุเกะในโลกกระจก
ความเป็นจริงอาจจะไม่ใช่ แต่คนที่มีความผิดติดตัว ย่อมหวาดระแวงเสมอ
.
.
.
ปิดเทอมฤดูหนาว ผมกับมาซายะไปหายูริเอะและไอระที่เรียนอยู่อังกฤษ มาซายะไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าว่าจะมาเพราะอยากเซอร์ไพรส์ ผลคือเราคลาดกับสองคนนั้น
ทั้งคู่ไปเที่ยวบาร์เซโลนาอันเป็นบ้านของเพื่อนที่มหาวิทยาลัย และอยู่จนกว่าช่วงวันหยุดปีใหม่จะผ่านพ้น มาซายะดูผิดหวังมาก สีหน้าเคร่งขรึมกว่าปกติ คงจับสัญญาณอะไรบางอย่างได้
ผมคิดว่ายูริเอะรู้ว่าพวกเราจะมาต่างหาก ถึงได้หลบหน้าหลบตา มาซายะเองก็รู้ไม่ใช่ไม่รู้ ทุกอย่างรอแค่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพูดออกมาก็เท่านั้น
แต่ใครจะเป็นฝ่ายพูดก่อนล่ะ
ถึงไอระกับยูริเอะไม่อยู่ แต่กำหนดการณ์เดิมของผมกับมาซายะก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง นั่นคือไปพบผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองและระบบประสาท นอกจากนั้นมาซายะก็ยังนัดจิตแพทย์ชื่อดังของที่นี่ จัดการอะไรให้เสร็จสรรพไม่ถามผมสักคำ แต่ผมก็ไม่อยากบ่นมากเพราะรู้ว่าเขาหวังดี
แต่มาโรงพยาบาลแบบนี้ ก็นึกถึงยูกิโนะขึ้นมา หนาวๆแบบนี้เด็กคนนั้นก็ต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยเหมือนกัน แทบจะเป็นบ้านหลังที่สองเลยก็ว่าได้
ที่โลกเดิม มาซายะคงทำหน้าที่พี่ชาย ดูแลยูกิโนะแทนผมไม่ขาดตกบกพร่อง เหมือนที่เจ้ากี้เจ้าการทำกับผมอยู่ในตอนนี้
ผมไม่ได้ร่างกายอ่อนแอขนาดนั้น แค่ปวดหัว แต่เขาก็ประคบประหงม ทำเหมือนผมเป็นคนป่วยร้ายแรงใกล้ตาย นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ เรื่องมากชะมัด
จากการวินิจฉัยของแพทย์ ผมได้ยามาหลายขนาน มาซายะมานั่งคุมเชิงให้ผมทานลงไปให้หมด พอกลืนยาอีกตัวลงคอก็ส่งน้ำให้แล้วก็หยิบยาอีกแผงมาแกะรอ ชักเข้าใจความรู้สึกของยูกิโนะที่ถูกบังคับให้ทานยาหลากหลายชนิดแล้วสิ
มาซายะบอกให้ผมพักผ่อนแล้วก็ออกไปจากห้อง ฤทธิ์ยาทำให้ผมง่วงและซึม แต่ก็นับว่าดีที่ไม่ปวดหัว
จิตแพทย์ที่คุยด้วยก็วินิจฉัยว่าผมเป็นโรคเครียดเหมือนจิตแพทย์ที่ญี่ปุ่น แต่ดวงตาเขาเหมือนคนรู้ทันว่าผมกำลังปิดบังเรื่องที่สำคัญมากอยู่ คนไข้ไม่ร่วมมือ หมอเองก็ไม่สามารถรักษาให้ถูกจุดได้
ผมเองก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเหมือนกัน มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เล่าให้ใครฟังก็ต้องถูกหาว่าบ้าแน่นอน
ประสบอุบัติเหตุแล้ววิญญาณหลุดมาเข้าร่างตัวเองในอีกโลก แย่งชิงร่างกายนี้ไป ส่งเจ้าของเดิมที่เป็นเด็กสี่ขวบไปกักขังในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจและสวมรอยแทนที่นับตั้งแต่นั้น
จะว่าไป ผมไม่ได้เจอชูสุเกะในโลกกระจกนานมากแล้ว เขามีช่วงเวลาที่หายไปนานๆเหมือนกัน แต่ไม่มีครั้งไหนนานเท่าครั้งนี้
ผมไม่คิดว่าเขาจะยอมอยู่สงบเสงี่ยม แต่ตราบใดที่จิตใจผมยังเข้มแข็ง เขาก็จะไม่มีวันออกมาจากโลกที่ผมขังเขาไว้
หรือว่า เขาจะเข้าร่างของผมในโลกเดิมไปแล้ว
พยายามนึกความเป็นไปได้ต่างๆนานาแต่ฤทธิ์ยาก็ทำให้ผมง่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ผมต้องโยนทฤษฎีทั้งหลายทิ้งไปแล้วหลับตาลง พักเรื่องวุ่นๆเอาไว้ก่อน
.
.
.
ตื่นเช้ามาด้วยความปลอดโปร่งแจ่มใส คงเป็นเพราะได้นอนพักผ่อนเต็มที่ ผมเดินลงมาข้างล่างก็เห็นมาซายะนั่งอยู่หน้าเตาผิง ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอยู่
“อรุณสวัสดิ์ มาซายะ ตื่นเช้าจังนะ”
“ยังไม่ได้นอนเลยต่างหาก” มาซายะพึมพำตอบกลับมาพลางพลิกหน้ากระดาษ
“อ่านอะไรน่ะ ท่าทางจะสนุกนะ ถึงกับไม่หลับไม่นอนเชียวเหรอ”
มาซายะชูหน้าปกให้ดู เป็นนิยายเรื่อง “ด็อกเตอร์เจเคิลกับมิสเตอร์ไฮด์” แล้วก็ก้มหน้าอ่านต่อ ผมเห็นว่าเหลือไม่กี่หน้าก็เลยนั่งลงเป็นเพื่อน รอให้มาซายะอ่านจบจะได้ไปทานมื้อเช้าด้วยกัน
“นึกยังไงถึงหยิบมาอ่านกันล่ะนั่น”
มาซายะเงยหน้าขึ้น ทำหน้าประหลาดใจ
“ก็นายเป็นคนแนะให้ฉันอ่านไม่ใช่เหรอ”
“ผมไปแนะมาซายะตอน…”
พูดยังไม่ทันจบประโยค สิ่งที่นึกขึ้นมาได้ก็ราวกับถูกฟ้าผ่าใส่ เกิดอาการชาวาบจากศีรษะจรดปลายนิ้ว ร่างกายสั่นสะท้านเหมือนถูกน้ำเย็นซัดสาด หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นจนมือเท้าเย็นเฉียบ
หรือว่า….
“เมื่อคืนฉันเห็นนายลงมานั่งอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ ชวนคุยเรื่องนี้แล้วก็เอาให้ฉันอ่าน”
“เอ่อ ใช่ ขอโทษทีนะ เมื่อคืนเบลอๆนิดหน่อยน่ะ” ผมกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม ทั้งที่ในใจกำลังหวาดวิตกรุนแรง “ไปทานมื้อเช้ากันเถอะ ผมหิวแล้วล่ะ”
มาซายะขมวดคิ้วใส่ผม ปิดหนังสือแล้ววางกลับขึ้นไปบนชั้น เดินตามไปที่โต๊ะอาหาร
เช้าวันนั้น มือผมสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็น ทานอะไรแทบไม่ลงแต่ก็ต้องทานเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย แล้วขอตัวกลับขึ้นห้องปล่อยให้มาซายะออกไปธุระข้างนอกคนเดียวโดยอ้างว่ายังปวดหัวอยู่
เขาดูไม่ติดใจสงสัยอะไร แต่บอกให้ผมนอนพักแล้วจะรีบกลับมา
ระหว่างที่เดินขึ้นบันได หัวใจผมเต้นถี่รัวด้วยความหวาดหวั่น ทั้งที่อากาศหนาวขนาดนี้แต่เหงื่อกลับไหลท่วมร่างจนเสื้อเปียกชุ่มไปหมด
เป็นไปไม่ได้ ชูสุเกะคนนั้นจะออกมาได้ยังไง ทำไมผมถึงไม่รู้
ผมพยายามบอกตัวเองว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ไม่จริง มาซายะตาฝาดไปเอง ผมไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเขาจะออกมาได้
ไม่จริง ไม่ใช่เรื่องจริง ต้องฝันอยู่แน่ๆ
--------------------------------------
สาระท้ายตอน
-หากรู้ว่าเป็นเพียงฝัน มาจากบทกวีชื่อ Yume to shiriseba แต่งโดยโอโน โนะ โคมาจิ นักกวีหญิงงามในสมัยเฮอัน
ตอนนี้กลัวอ่านแล้วจะงงๆกัน แต่ก็ไม่รู้จะเขียนยังไงให้ดูอ่านง่ายๆกว่านี้แล้วอ่ะ Orz
ไม่ต้องห่วง ปรัชญาจบแค่ตรงนี้ ตอนหน้าก็กลับมาอบอุ่นหัวใจต่อ......เคยบอกไปว่าเดี๋ยวฮีก็ออกมาวิ่งเล่นข้างนอกเอง ตอนนี้ก็ได้ออกมาแย้ว เย้
อื้อหือ รีเทิร์นมาอย่างยิ่งใหญ่และลึกซึ้ง เดาทางไม่ถูกเลย แต่อ่านแล้วปวดใจหนึบๆ ยังไงก็อย่ารังแกเอ็นโจมากนักนะขอร้องงงงง
เลี้ยงต้อย กูแอบเชียร์ให้จบกับมาซายะว่ะ ชอบฉากดีงแขนเสื้อขอบคุณแล้วมาซายะหันมายิ้มให้ น่ารักกก อกหักจากยูริเอะก็ไม่ต้องไปให้คุณทาคามิจิดามใจแล้ว ให้ชูสุเกะเยียวยาแทนดีกว่า
แต่ชูสุเกะในกระจกออกมาได้แบบนี้จะเกิดอะไรขึ้นวะ จะพาลงเหวยิ่งกว่าเดิมรึเปล่า ทั้งที่ไม่ออกมาไซโคเอ็นโจในฝันเหมือนเดิม แต่รู้สึกเครียดกว่าเดิมอีก
โอย วันนี้ฟิคเอ็นโจเฟื่องฟูละเกิน ไม่เจอมานาน ไม่คิดเลยว่าจะได้อ่านฟิคต่อ55555
ยังกะยาบำรุงตับ ให้ตับแข็งแรงทนทานต่อดราม่า
อ่ะ ต้อยก็มาล่ะ อย่างนี้จะออกแนวบุคลิกหลัก บุคลิกรองรึเปล่านะ ยังไงก็เจ้าของร่าง
อย่าว่าอย่างงู้นอย่างงี้เลยนะ ตั้งแต่ครั้งนั้นที่ท่านเรย์กะเล่าเรื่องสองคนนี้ สายตาที่กูมองพวกเค้าก็ไม่อาจกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ววว โฮฮฮฮฮ ฟิคนี้ดูรักกันและใส่ใจกันมากจริงๆ เอ็นโจเห็นมั้ยว่ามาซายะใส่ใจนายขนาดไหน ตกบ่วงมาซะเถอะ ให้ท่านเรย์กะไปหาเอาข้างหน้าแทน ระหว่างหาไม่ได้ยังไงก็มีท่านพี่นะ พวกนายลงเอยกันเถอะ//แผ่รังสีสีม่วงไปให้ถึงดวงดาว//เอากาวม่วงออกไปจากกูที!
จริงๆเรื่องนี้ถ้าเป็น บีแอล หรือ จีแอล นี่จบได้นานละนะ55555
เอ็นโจคาบุ เอย ริรินะเรย์กะเอย วาคาบะเรย์กะเอย หรือจะฮาเร็มแก๊งหญิงล้วนของเจ้าแม่ก็ดี
โถ่ ดีนะที่เป็นสายนอมอล เลยมีให้อ่านได้ยาวขนาดนี้5555555
เออกูว่าตัวเต็งตอนนี้ อาหารซัง แซงหน้า คานซังละนะ /ผิดแล้ว เอ้ยถูกแล้ว
เอ็นโจเลี้ยงต้อย สรุปคือ ข้ามโลกมาเพื่อเลี้ยงต้อยมาซายะสินะ แถมเลี้ยงได้ดีอีกต่างหาก ห่วงใย ดูแล เทคแคร์ กับคุณทาคามิจิ มาซายะยังไม่ทำถึงขนาดนี้เลยรึเปล่านั่น ถถถถถถถถถถถ
ปล่อยคุณทาคามิจิ คุณคิโชวอินไปปลูกทุ่งดอกไม้ ส่วนพวกนายก็ปลูกป่า รักษ์โลก ทุกคนแฮปปี้ นี่ล่ะหนทางสู่กู๊ดเอนดิ้ง
>>360 อาหารซังเป็นแฝดกับความอ้วนซังนะมึง ไปไหนก็ต้องไปด้วยกัน ซื้อหนึ่งได้ถึงสอง จบกับรูทนี้เดี๋ยวไขมันคุงก็ได้ก่อกำเนิดขึ้นมาที่รอบเอวอีกหนหรอก
มารอทัวร์ไปปารีสจากโม่งแปล แอร๊ย
กูไม่เก็ทที่ท่านพี่แนะนำ ของที่ใช้แล้วหมดไป ท่านจอมมารก็ยิ้มบอกสมแล้ว คือไรวะ ไม่เก็ทททททท
>>365 แบบที่เรย์กะเคยแนะนำคาบุไง ว่าอีกฝ่ายจะได้ไม่หนักใจ
แต่กรณีท่านพี่น่าจะ ของที่ให้ไปแบบหมแล้ว ไม่ให้เหลือเยื่อใยใดๆให้ดูต่างหน้าและคอยระลึกทุกเมื่อเชื่อวันว่าเรย์กะซื้อสิ่งนี้ให้ นะ 55555
>>364 รักโม่งเช่นกัน จุ๊บๆ
เอ็นโจนี่ สาวๆคนอื่นก็อยู่ด้วยแต่ทักแต่คุณคิโชวอินเนอะ ทิ้งเพื่อนผู้ชายไปอีก แย่ว์จริงๆ
>>365 ท่านเรย์กะยังไม่เก็ทเลยมึง กูสันนิษฐานเอาว่าของที่ให้แล้วหมดไปคือพวกของกิน พวกไวน์ไรงี้ มันมักจะเป็นการให้ของกับคนที่ห่างเหินกันในระดับนึง แบบไม่รู้รสนิยมกัน จะให้ถ้วยชามรามไหก็กลัวไม่ถูกใจแล้วเอาไปตั้งตรงไหนก็ขวางหูขวางตา เปลืองที่เก็บไปอีก ก็เลยให้เป็นของกินหรือของที่มันจะไม่หลงเหลือซากไว้ ท่านพี่ก็แนะนำให้ซื้อของแบบนี้ด้วยความดราย ไม่ต้องเหลือหลักฐาน ไม่ต้องผูกพัน เอ็นโจเลยนับถือในความท่านพี่หวงน้อง คิดว่างี้นะ
หึ เครมบูเล่ ทำพุดดิ้งก่อน เดี๋ยวค่อยเอาน้ำตาลโรยแล้วไปอบให้เกรียม ไม่ต้องไปถึงร้านหรอก
แปลตอนใหม่ แก็งเพื่อนสาวรู้งานดีมากทิ้งเรย์กะให้เอ็นโจเฉย ตอนนี้เรย์กะเริ่มมองนายเอ็นโจในแง่ดีแล้วนะ แต่พอเอ็นโจบอกไม่คิดบุญคุณแต่เรย์กะคิด คะแนนหดหมดเลย โธ่..ท่านจอมมารของข่อย
มาเต็มๆ เลยข่าาา โผล่มาเต็มๆ ตอนแถมเท่ด้วยข่าาาาา แหมๆๆ จริงๆ เรื่องความหวงน้องของท่านพี่เอ็นโจก็รู้ดีเลยนี่หว่า เอ๊ะ หรือว่านี่คือการรู้เขารู้เรา เตรียมศึกษามาอย่างดีเพื่อในอนาคตจะได้หาทางตีฝ่าท่านพี่ไปให้ถึงน้องสาวเขานะ... //เพ้อ
ทริปปารีสนี่ชุ่มชื่นหัวใจดีจริงๆ เรื่องทางนี้ออกจะเรียบร้อย ไม่รู้อีกคู่ทางนั้นจะเป็นไงบ้างน้อออ
ตอนใหม่นี่ถึงกับสครีมให้กับเอ็นโจ555555
ตอนใหม่~~
เกือบจะได้แต้มเพิ่มจากท่านเรย์กะแล้วแท้ๆ ทำตัวเองทั้งนั้นนะท่านเอ็นโจ
ถ้าไม่ทักก็จะได้แต้ม+มองด้านดีๆอีกแล้วแท้ๆ ทำตัวเองทั้งนั้นนะท่านเอ็นโจ
>>365 สมแล้ว กูเข้าใจว่าหมายถึงสมแล้วที่เป็นพี่น้องกัน แนะนำเหมือนกันเลย ถ้าให้ของที่เป็นชิ้นเป็นอัน แล้วคนรับไม่ชอบหรือไม่ตรงรสนิยม มันจะดูกระดาก ดูกระอักกระอ่วนกันเปล่าๆ ถ้าให้เป็นของกินหรือของที่ใช้ๆแล้วหมดไป มันก็พอกล้อมแกล้มไปได้ ออกแนวเพลย์เซฟ
แหม่ มีมาเรียกองค์หญิง ตอนบอกไม่พอใจที่ให้ผมเป็นที่ปรึกษา กูว่าอีตานี่ต้องทำหน้าอ้อนอยู่แหงๆ เรียกคะแนนเห็นใจจากแม่ยกสินะ มาสเต็ปเดียวกับยูกิโนะคุง
>>364 ร้านนี้อยู่ใกล้บ้านกูด้วย ฮึ่ย ดีจริงที่ไม่ต้องไปหากินไกลๆให้เมื่อยแบบขนมอื่น
ช่วงนี้นี่มันช่วงเอ็นโจหลุดออกจากคำสาปเอ็นโจหนึ่งบรรทัดชัดๆ
ทำไมจากคำว่าก็สมแล้วล่ะนะของเอ็นโจ กูมโนไปถึงว่า คนที่เอ็นโจแอบชอบไม่ใช่เจ้าแม่แต่เป็นท่านพี่ต่างหาก
แบบตีสนิทกับเรย์กะเพื่อหวังท่านพี่ มโนแล้วอร่อยมาก จอมมารยิ้มขื่นxจอมมารซิสค่อน
แล้วก็มีศัตรูหัวใจเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคาสโนว่า //กูควรวางกาวแล้วไปปั่นงานได้แล้ว
เอ็นโจนี่หรอกแต๊ะเรย์กะบ่อยนะ นี่ก็จับบ่าเค้าอีกละ แล้วยังเรียกว่าองค์หญิงอีก ตอนเข้าหาไม่ต้องนัดหมายจ้า รู้ว่าแวดล้อมเป็นใจ ดุ่มๆเข้ามาเพื่อนก็ปูทางให้เลย นายมันคาสโนว่าสายซุ่มสินะ ลีลาพริ้วผิดกับคาบุเลย
อยากเห็นท่านพี่ปะทะจอมมารมากกว่า ท่านพี่เองก็หวงเรย์กะซามะใช่เล่นนะ คนมี bg คลุมเครือจะให้จีบได้ไง
>>376 กูยังแอบคิดว่าเอ็นโจมีอายาเมะจังเป็นสายให้หรือเปล่าวะ ทำไมดูทั้งตบทั้งชงเหลือเกิน แถมยังเดินเข้าร้านมาได้จังหวะพอดีอย่างกับติด GPS แถมช่วยเหลือของขวัญให้นี่ก็เหมือนสืบเรื่องคู่แข่งไปพลางๆ นั่นมันผู้ชายอายุมากกว่าที่เป็นเสป็คของคุณคิโชวอินสินะ หึหึหึ //สูดกาวลึกๆ
หลังอ่านตอนใหม่กูคงต้องสารภาพกับเพื่อนโม่งแล้ว
คือกูเป็นผู้ชายอ่ะนะ แล้วในมุมมองกูบอกตามตรงเลยว่าไอ้บุคลิคแบบเอ็นโจนี่คงจะโดนเสียบใส้ไหลตายเอาซักวันแน่ๆ
ถ้ากูไปอยู่แทนที่ท่านพี่ไอ้เอ็นโจนี่แหละที่ต้องกำจัดทิ้งก่อนใครในตัวเลือก แม่งโคตรไม่น่าใว้ใจ
กูอยากเห็นความคิดท่านพี่ว่ะ ท่านพี่มองออกแน่ๆอะ ว่าไอ้หนุ่มนี่คิดยังไงกับน้องสาวตัวเอง เผลอๆตอนส่งหิ่งห้อยมาให้ถึงบ้าน คงจ้างคนสืบประวัติทันทีเลยด้วยซ้ำ
นั่นดิ กูก็ไม่เก็ท โม่งชายอธิบายที
ออกแนวตัวอันตรายที่ต้องกำจัดมั้ง เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ทำตัวลึกลับ ดูเป็นพวกเจ้าชู้ทำสาวๆน้ำตาเช็ดหัวเข่าได้ง่ายๆ เข้าใกล้เรย์กะก็ไม่รู้จุดประสงค์แน่ชัด ก็ควรกำจัดออกไปเพื่อความสบายใจดีกว่า ไม่รู้โม่งชายคิดยังไง แต่กูคิดว่างี้นะ
ถ้าเป็นแฟนเกิร์ลนี่ลงเรือเอ็นโจนะ แต่ถ้าเป็นท่านพี่ ยังไงคนแบบนี้ต้องรีบกำจัด เพราะไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย ผู้ชายแบบคาบุรากิ หรือคนธรรมดาๆอย่างนายตัวสำรองยังมีภาษีดีกว่ามาก เพราะอย่างน้อยก็ตรงไปตรงมา มองออกง่ายกว่ามาก
ไม่แน่ เขาว่ากันว่าคนเรามักจะไม่ชอบคนประเภทเดียวกัน ท่านพี่กับท่านเอ็นโจ และเหล่าโม่งชาย คงเป็นคนประเภทเดียวกันสินะ
ชูสุเกะคุงของตระกูลเอ็นโจ... คุณทาคาเทรุ เรียกกันสั้นๆ สองคำแต่แฝงความหมายลึกซึ้งหนักหน่วงยิ่งนัก...
กุเป็นผู้หญิงถ้าเจอผู้ชายแบบเอ็นโจกุยังระเเวงเลยมึง ผู้ชายที่เปลือกนอกดูดีไปหมดจนไม่มีมุมไม่ดีให้ติแม่งน่ากลัว เวลาพูดที่แม่งเหมือนโดนมอมยาเป็นหมู่คณะ เอาจริงคนที่มีรอยยิ้มตลอดเราจะไม่รุ้ว่าเขารู้สึกยังไง แต่ถ้าคนที่เย็นชานิ่งๆ มันยังพอรับรู้เวลาโกรธบ้าง ถ้าผู้ชายแบบนี้มาจีบเพื่อนสนิทหรือน้องสาวกุ กุจะตัดทิ้งไปคนแรกๆเลย
>>395 พอๆกับกูอ่ะ เอาจริงๆเอ็นโจเนี่ยสเป็คกูเลยนะ มีคนแบบนี้มาจีบกูเอา กูชอบผู้ชายแนวพระรองหรือไม่ก็ตัวร้ายมาก รู้ว่าแม่งต้องเฟลแน่แต่กูก็เชียร์เพราะกูรักเขา กูว่าผู้ชายแนวนี้มีมุมน่าสนใจ น่าค้นหา อยากเห็นแง่มุมชีวิตเขาจัง
ปล.ถ้ากูได้อ่านคิมิดอลต้นฉบับ กูก็คงเชียร์อาริมะแล้วจับมาซายะไปวายกับชูสุเกะแน่ๆ 55555555555555555555
เอาให้สั้นที่สุดในกรณีที่คนเล่นกอล์ฟได้กอล์ฟมาร์คเกอร์จากผู้เล่น(ชาย)คนอื่น กอล์ฟมาร์คเกอร์เป็นสับเซ็ตหนึ่งในแสลง "Golf ball" (ลองเอาไปหาดู) อันหมายถึงมึงมันช้า, มัวแต่ลีลาโอ้เอ้, เย_ไม่เสร็จซักที กูคาบไปแดก, กูล่อก่อนนะ ศัพท์ข้างเคียงคือ "ขึ้นเตียง" (On green) "ล่อแล้ว" (Pass round)
อันเป็นการหาเรื่องกันกลายๆ ดังนั้นทั่วไปแล้วคนเล่นกอล์ฟไม่ว่าทั้งไทยและเทศจะไม่นิยมให้เป็นของขวัญกัน
คิดอีกแง่คือ อ.ฮิโยโกะ อาจไม่รู้ตรงส่วนนี้เพราะไม่ได้เล่นกอล์ฟ
แต่ถ้าคิดในมุมมองทาคาเทรุคือ
- น้องกูไม่รู้เรื่องกอล์ฟ
- ใครแนะนำของขวัญนี้
- ผู้ชายแนะนำมา
- ในแง่ผู้ชายสายกอล์ฟคือ "มันหาเรื่อง"
ปล. หรือว่าคนญี่ปุ่นเขาไม่คิดมากเรื่องนี้หว่า
>>398 เชร็ดดด มีความนัย กูว่า อ.ฮิโยโกะ ไม่น่าพลาดน่ะเพราะมีข้อมูลที่แฝงความนัยหลายอย่างในตอนก่อนๆ แต่พวกเราไม่ค่อยรู้กันจนท่านเรย์กะหรือคนอื่นอธิบายให้ อีกอย่างถ้าเอ็นโจรู้จักแบรนด์กอร์ฟก็น่าต้องเคยเล่นบ้างเพราะนักธุรกิจส่วนใหญ่มักเล่นกันเหมือนกีฬาบังคับ ก็ต้องรู้มุกโจ๊กคำแสลงพวกนี้บ้างล่ะ กูชักเข้าใจโม่งคนอื่นว่าถ้าเป็นท่านพี่ต้องแทงเอ็นโจก่อนล่ะโครตไม่น่าไว้ใจ
>>398 ละ ละล้ำลึกมาก
>>393 เห็นด้วย เอ็นโจกุว่าเปลือกนอกดูดี ดูเท่นะเป็นคนที่ให้ความรู้สึกเหมือนทะเลแบบดูน้ำใสแต่มองไม่เห็นก้น น่ากลัวเกินไป คือแบบอยู่ด้วยแล้วต้องรู้สึกเหมือนระวังหลังตลอดเวลา ก็เป็นจอมมารนี่เนอะ อยู่กับคนที่ไม่สามารถมองเขาออกเลยว่าเขาคิดหรือเขาวางแผนจะทำอะไร น่าอึดอัดตาย อยู่กับคนง่ายๆดีกว่าอาจไม่เก่งกาจเท่าแต่สบายใจกว่าเยอะ
>>398 เอ็นโจมันร้ายยยยยย ถ้าเป็นงี้จริงแม่งร้ายเงียบจริงๆด้วย ให้ของไว้เพื่อหยามน้ำหน้าชัดๆ ถึงว่าที่บอกว่าไม่ต้องคิดเป็นบุญคุณนี้คือตามนี้จริงๆ ไม่เป็นบุญคุณเพราะความหมายแฝงสินะ เราก็ว่าอยู่ว่าตอนพาไปเลือกมันยิ้มๆดูดี๊ด๊าแปลกๆ ช่วยเลือกของให้ผช.อื่นเนี้ยมันไม่น่าดูสบายใจอย่างนี้นี่หว่า สรุปมันมีความหมายแฝงจริงๆ...
>>398 เดี๋ยว!! ขอกูกรี๊ดแป๊บนะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ทำไมอีตานี่มันร้ายจังคะหัวหน้า เห็นนิ่งๆยิ้มๆช่วยเลือกไปตามเรื่องตามราว นึกว่าไม่หึงไม่หวงที่เขาเลือกของให้ชายอื่นซะอีก ที่แท้ก็ประกาศอะไรไปในสิ่งของที่เลือกให้นี่เอง ที่บอกให้ได้อย่างสบายใจนี่หมายถึงตัวเองใช่มั้ย ห๊า!!! นายให้แล้วสบายใจแต่คนได้รับเขาจะสบายใจด้วยรึเปล่าก็อีกเรื่องใช่มะ กูรู้สึกว่าเอ็นโจกวนตีนชิบหาย โอ๊ยยยย //ดึงเหนียงชูสุมอยเป็นการลงโทษ
>>398 เชี่ยยยยยยย โคตรร้าย เอ็นโจนายแม่งงงง ถ้าเป็นท่านพี่คงเก็บมันก่อนจริงๆ กูเป็นท่านพี่ก็ไม่เอาไว้ อันตรายมาก ต้องกำจัด!
ท่านพี่ซิสคอนกีดกันท่านอิมาริ ของขวัญให้แล้วหมดไปสำหรับญี่ปุ่นมันคือของตามมารยาทแบบห่างเหินไม่ใช่เหรอ 5555 เอ็นโจบอกสมแล้วนี่แปลว่ารู้ความซิสคอน ต้องเคยปะทะกันมาแล้วแหงๆ!
จะว่าไปเอ็นโจสืบถามก่อนนะว่าให้ผู้ชายคนอื่น แต่ท่านเรย์กะซื้อทีกะให้ทั้งท่านอิมาริ ท่านพี่ ท่านพ่อ กูเชื่อว่า 2 คนหลังได้รับสัญญาณบางอย่างแน่นอน เอ็นโจ นายกระตุกหนวดผู้ชายตระกูลคิโชวอินเข้าแล้ว!
เอ้า กูมัวตกใจกอล์ฟมากเกอร์ ลืมซาโตมิคุง ซาโตมินี่ก็อีกคน กูสัมผัสได้ถึงความเอ็นโจในตัวหมอนี่ 555 ขี้แกล้งชิบหาย นี่นายสนิทกับอาคิสาวะคุงได้เพราะอีกฝ่ายใสซื่อไว้ให้นายแหย่เล่นใช่มะะะ
ถ้าเป็นงี้จริง โคตรอยากเห็นท่านพี่กะเอ็นโจเปิดศึกกันเลยว่ะ น่าสนุกมาก 5555
ว่าไปอ.ฮิโยโกะก็ใส่ความหมายแฝงมาเยอะอยู่นะ อ่านผ่านๆไปจะไม่รู้ กูยังทึ่งเรื่องซากุระราตรีที่เอามาเป็นตอนเปิดตัวให้ยุยโกะคุยกับเรย์กะไม่หาย ความหมายแฝงคือสิ่งสวยงามแต่เห็นแล้วไม่สบายใจ กับความหมายแฝงของกอล์ฟมาร์กเกอร์ที่ทำกูอึ้งนี่ล่ะ
เผื่อหาว่าใส่ร้ายเอ็นโจ เลยเอาหลักฐานมายืนยัน
อันนี้แสลงไทยที่ดัดแปลงมาจากแสลงนอกอีกที ผ่านมาหลายปีแล้วแต่หลายคำก็ยังใช้อยู่ (แต่ก็มีคำใหม่ๆ มาด้วย)
http://topicstock.pantip.com/supachalasai/topicstock/2009/03/S7663448/S7663448.html
อันนี้แสลงนอกว่าด้วยลูกกอล์ฟ จริงๆ ควรโยนแบบบอร์ดมาให้แต่กลัวคุณผู้หญิงไม่เข้าใจ
http://www.urbandictionary.com/define.php?term=golf ball
สรุป เจอเอ็นโจกับอิมาริมาพร้อมกันให้แทงมันทั้งคู่โลด
By ทาคาเทรุไม่ได้กล่าวใว้ กูมโนเอง
KY แป๊บ เพิ่งไปเห็นเพจ JLIT แชร์ภาพปก "ถ้าเกิดคุณได้เป็นเจ้าหญิง" เป็นหนังสือสอนการแต่งตัว มารยาท ตามแบบพระนางมารีอังตัวเนตกับราชวงศ์อังกฤษ คนเขียนหน้ากากแก้ววาดภาพประกอบ เห็นภาพปกแล้วโคตรรรรรรรรรรนึกถึงท่านเรย์กะเลยว่ะ คนเรียบๆ คือนางในชาติก่อน ส่วนราชินีโรโคโค่นั่นคือนางในชาตินี้แน่ๆ ลองไปดูภาพประกอบได้
http://imgur.com/a/FVK1e
ว่าแล้ว เสนอตัวขนาดนี้ แถมประโยคบุญคุณมันแหม่งๆ
>>421 ทำไมกูคิดว่าคนเขียนแกรู้วะ เพราะของฝากผู้ชายเนี่ยมีสารพัดเลยนะ ตอนแรกก็แนะนำของพื้นๆแบบเนคไท กระเป๋านามบัตรนั่นนี่ แต่ไปๆมาๆพูดเรื่องกอล์ฟขึ้นมาเองเฉย ทั้งที่เรย์กะยังไม่ได้บอกว่าคนซื้อไปฝากมีงานอดิเรกตีกอล์ฟไรงี้ด้วย แปลว่าต้องรู้ว่าจะซื้อไปให้ใคร เลยจงใจเลือกให้
ว่าด้วยพล๊อตคลาสสิคในโชวโจมังกะ (เวอร์ชั่นกระท่องร้างในพายุหิมะ)
“คุณคิโชวอิน ถอดเถอะค่ะ”
ท่ามกลางเตาผิงที่ส่องสว่างแผ่ความอบอุ่นออกมาท่ามกลางความหนาวเย็นที่แทบจะทำให้เลือดจับตัวแข็งเป็นก้อน วาคาบะจังยืนตัวเปล่าเหลือแค่ชุดชั้นในมองฉันด้วยสีหน้าจริงจัง
“ม...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่ห...หนาวเท่าไหร่”
ถึงแม้จะพูดแบบนั้น แต่ฟันก็กระทบกันกึก ๆ ไม่หยุด ฉันกอดเสื้อผ้าเปียกปอนที่ติดตัวเอาไว้ ส่ายหน้าดิก
สถานการณ์ในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่เคาะออกมาจากการ์ตูนโชวโจสมัยตอนฉันยังเด็ก แบบที่พระเอกกับนางเอกมีอันที่ต้องหลงทางท่ามกลางพายุหิมะ แล้วเข้าไปหลบในกระท่อมร้าง จากนั้นทั้งสองคนก็เปลือยกายนอนกอดเพื่อแบ่งปันความอบอุ่น
“ถ้าไม่ถอดมีหวังได้ปอดบวมแน่เลยค่ะ คุณคิโชวอิน” วาคาบะจังทำหน้าจริงจังยิ่งขึ้นไปอีก “พวกเราเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ไม่เห็นต้องอายเลยค่ะ”
อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่เคยเปลือยกายต่อหน้าคนอื่นหรอกนะ ในชาติก่อนตอนไปบ่อน้ำพุร้อนหรือโรงอาบน้ำรวมก็เปลือยกายได้สบาย ๆ ในชาตินี้ถึงจะไม่เคยแช่บ่อน้ำพุร้อนแบบรวม แต่เวลาไปนวดตัวในคอร์สเอสเต้ก็ใส่แค่กางเกงในกระดาษตัวเดียวเหมือนกัน
แต่สถานการณ์แบบนั้น กับสถานการณ์ตอนนี้มันไม่เหมือนกันนี่!
ต่อหน้าวาคาบะจังที่ดูหน้าตาน่ารักแบบเรียบ ๆ แต่อันที่จริงพอถอดเสื้อผ้าก็หุ่นดีกว่าที่คิด ดูแขนเรียวยาวที่มีกล้ามนิด ๆ นั่น! ต้นขาก็เหมือนกับนักกีฬา เป็นเพราะปั่นจักรยานแล้วก็ทำงานพิเศษสินะ! หน้าท้องก็แบนราบเรียบไม่มีไขมันส่วนเกินเลยซักนิด ผิดกับฉันที่พอเข้าฤดูหนาวก็สะสมไขมันไปทั่วตัวเหมือนหมีจำศีล จะให้ถอดเสื้อผ้าต่อหน้าวาคาบะจังผู้มีหุ่นเหมือนสาวน้อยนักกีฬานี่เป็นการกระทืบอีโก้ตัวเองชัด ๆ
วาคาบะจังทำหน้ากลุ้มใจ ก่อนจะตรงเข้ามาแล้วจับบ่าฉันไว้ “ขอเสียมารยาทนะคะคุณคิโชวอิน” ก่อนจะพยายามแกะกระดุมฉัน ปล้ำกันไปปล้ำกันมาอยู่หลายนาที จนกระทั่งฉันตะโกนว่ายอมถอดชุดเองแล้วนั่นแหล่ะ วาคาบะจังถึงยอมถอยออกไป
ทั้ง ๆ ที่เป็นบ้านที่ไว้หลบพายุหิมะ แต่กลับมีเพียงฟืนและไฟแช็ก ไม่มีผ้าห่มหรือเสื้อผ้าแห้งสะอาดเลยแม้แต่ชุดเดียว ดังนั้นหลังจากที่ฉันถอดเสื้อผ้าจนกระทั่งไม่เหลือแม้กระทั่งกางเกงในติดตัว ก็นั่งกอดเข่าอยู่หน้าเตาผิงข้าง ๆ วาคาบะจัง
เรื่องของเรื่องมันเริ่มมาจากการที่คาบุรากิบอกว่าที่บ้านได้ตั๋วเครื่องบินฟรีมาหลายใบ เลยชวนวาคาบะจังไปเล่นสกีที่แคนนาดา วาคาบะจังคงคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว จะให้ไปต่างประเทศกับคาบุรากิแล้วก็เอ็นโจที่เป็นผู้ชายก็คงกระไรอยู่เลยปฏิเสธไป คาบุรากิเลยมากดดันฉันให้ไปด้วย พอวาคาบะจังรู้ว่าฉันไปด้วยเลยยอมตกลงในที่สุด
พอฉันไปขออนุญาตที่บ้าน ท่านพ่อกับท่านแม่ก็กระดี๊กระด๊าไฟเขียวเต็มที่ ส่วนท่านพี่ที่ยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวพอได้ยินก็บอกว่าจะขอไปด้วย เลยชวนท่านอิมาริไปด้วยกัน และเหมือนว่าท่านอิมาริจะชวนท่านยูริเอะกับท่านไอระไปด้วย ดังนั้นพวกเราเลยยกขโยงมายังแคนนาดา
ในระหว่างที่กำลังเล่นสกี จู่ ๆ ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นเหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง ฉันพลัดหลงมากับวาคาบะจัง แถมยังตกลงไปในบ่อน้ำอีกต่างหาก ยังดีที่ได้วาคาบะจังที่มีสกิลในการเอาตัวรอดเดินถอยไปยังน้ำแข็งส่วนที่หนา แล้วใช้ผ้าพันคอลากฉันขึ้นมาได้ แต่กว่าพวกเราจะขึ้นมาได้ก็เปียกปอนไม่เหลือชิ้นดี
โทรศัพท์ของฉันหล่นหายไปในบ่อน้ำ ส่วนโทรศัพท์ของวาคาบะจังไม่มีสัญญาณเลยแม้แต่นิดเดียว พวกเราเลยพยายามคลำทางกลับอย่างทุลักทุเล และในที่สุดก็ตัดสินใจว่าพวกเราควรจะหลบในกระท่อมที่พบดีกว่า เพราะถึงเดินต่อไปมีหวังหนาวตายอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ
เพราะฉันตกน้ำชุดที่ใส่มาเลยเปียกจนถึงชั้นใน ส่วนเสื้อโค๊ต สเวตเตอร์ กับกางเกงของวาคาบะจังที่ช่วยฉันก็ชุ่มจนน้ำแข็งเกาะเหมือนกัน ดังนั้นวาคาบะจังเลยบอกว่าระหว่างที่รอให้เสื้อผ้าแห้ง เธอจะสละเสื้อให้ฉันใส่
ปัญหาใหญ่นอกจากการเปลือยกายแล้วคือ เสื้อผ้าส่วนที่แห้งของวาคาบะจังมีแค่ชุดชั้นในกับเสื้อเชิ้ตเท่านั้น ถ้าเป็นเสื้อยืดฉันที่อวบกว่าวาคาบะจังก็ยังพอใส่ได้ แต่พอเป็นเสื้อเชิ้ตก็เห็นได้ถึงความแตกต่างของขนาดร่างกายสุด ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นเสื้อแบบใส่สบาย ๆ แต่พอมาอยู่บนตัวฉันก็แคบถึงขนาดติดได้แค่กระดุมที่เอวส่วนได้เพียงเม็ดเดียว พอเห็นฉันทำหน้าสลดเศร้า วาคาบะจังก็ปลอบใหญ่ บอกว่าเพราะฉันรูปร่างเหมือนผู้หญิงมากกว่า พอใส่เสื้อทอมบอยของตัวเองเลยติดกระดุมที่หน้าอกไม่ได้
ขอบคุณนะวาคาบะจัง ที่ไม่พูดออกมาตรง ๆ ว่าที่พุงก็ติดกระดุมไม่ได้ด้วยเหมือนกัน ถ้าเป็นยัยริรินะป่านนี้คงบ่นว่าฉันอ้วนอืด แล้วตบพุงแปะ ๆ แหง
พอนั่งผิงไฟจนหายหนาว ท้องก็หิวขึ้นมาทันที โชคร้ายที่พวกเราไม่มีขนมติดตัวมาเลย รู้อย่างนี้เอาคาราเมลจากโรงแรมติดมาหน่อยก็ดีหรอก ฉันนั่งคร่ำครวญในใจ
“คุณคิโชวอินผมยาวจังเลยนะคะ”
ปกติแล้วเวลาที่สระผมเสร็จ ฉันจะเป่าไดร์ให้แห้งแล้วม้วนผมทันที ถ้าต่อหน้าคนอื่น แม้ตอนเข้านอนก็จะต้องมีผมที่เพอร์เฟคเหมือนราชินีโรโคโค่ จะให้เสียชื่อไม่ได้เด็ดขาด แต่ว่าตอนนี้ไม่มีไดร์หรือที่ม้วน เลยได้แต่นั่งปล่อยให้ผมที่ดัดลอนไว้อ่อน ๆ แห้งตามธรรมชาติ
ฉันรวบผมที่ยาวจนเลยกลางหลังลงไปมาไว้บนบ่าอีกด้านหนึ่งเหมือนพยายามซ่อนจากสายตาของวาคาบะจัง “ดูแปลกสินะคะ”
วาคาบะจังรีบพูดแก้ทันที “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ ผมปกติม้วนสวยมาก แต่เห็นแบบนี้ก็เซ็กซี่ไปอีกแบบ”
ฉันทำหน้าเขิน ๆ ปกติแล้วคำชมที่ได้รับมักจะเป็นสง่างามหรือน่ารัก เป็นครั้งแรกที่มีคนชมว่าเซ็กซี่ ถ้าคนชมเป็นผู้ชายก็คงรู้สึกว่าน่ากลัว แต่พอคนชมเป็นผู้หญิงก็รู้สึกยืดได้หน่อย ๆ
“คุณทาคามิจิเองก็หุ่นดีมากนะคะ เห็นแล้วอดอิจฉาไม่ได้เลย” พูดจบก็ก้มลงมองพุง พอนั่งกอดเข่าแบบนี้ยิ่งทำให้เห็นพุงเข้าไปใหญ่ แต่จะให้นั่งทับเข่าท่อนล่างก็เปลือยอยู่ ฉันส่งสายตาไปหากางเกงชั้นในตัวจิ๋วที่ผึ่งไว้อย่างคาดหวัง ถ้าเป็นบราเซียร์ก็น่าจะต้องรอครึ่งคืน แต่กางเกงชั้นในชั่วโมงเดียวน่าจะแห้งได้อยู่นะ
พอเห็นสายตาที่มองมาของวาคาบะจังฉันก็รีบแขม่วพุง วาคาบะจังคงคิดว่าตัวเองเสียมารยาทที่จ้องพุงคนอื่นเลยหันหน้ากลับไปมองไฟในเตาผิงเหมือนเดิม
“ฉันคิดว่าคุณคิโชวอินสวยมาก ๆ เลยนะคะ” วาคาบะพูดอย่างเขิน ๆ “ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแล้ว คุณโดดเด่นกว่าทุกคนเลย”
คงเป็นเพราะผมทรงโรโคโค่สินะ
“หน้าก็สวย ตาโต แถมยังขนตายาวอีกต่างหาก” วาคาบะจังเหลือบมองฉัน “เส้นผมก็...ขอฉันจับผมของคุณคิโชวอินหน่อยได้ไหมคะ?”
พอฉันพยักหน้า วาคาบะก็เขยิบเข้ามา ก่อนจะจับปอยผมขึ้นไปมองอย่างพิศวง “ผมเงาสลวยแล้วก็นุ่มกว่าที่คิดมากเลยค่ะ ทั้ง ๆ ที่ดัดผมจนเป็นลอนทุกวัน ผมยังไม่เสียเลยซักนิด ฉันที่แทบไม่ได้ทำอะไรเลยกลับมีผมเสียตั้งเยอะ”
ถ้าผมของฉันไม่เป็นมันเงาคงต้องร้องไห้แน่ ๆ เพราะค่าทรีตเมนต์และสารพันที่ใช้ไปกับผมในแต่ละเดือนมากกว่าเงินเดือนของพนักงานบริษัทในโตเกียวอีกนะคะ พอวาคาบะจังยื่นหัวเข้ามาให้ฉันพิสูจน์เส้นผมของตัวเอง ฉันก็ยื่นมือไปจับ
เส้นผมของวาคาบะจังไม่ได้เสียมากอย่างที่เจ้าตัวพูดไว้ มีเส้นผมแตกปลายนิดหน่อย ฉันเลยแนะนำวิธีบำรุงผมให้ แล้วก็สอนวิธีนวดหนังศีรษะแบบที่ช่างทำผมที่ฝรั่งเศสสอนมา
“คุณคิโชวอิน...นวดเก่งกว่าช่างทำผมแถวบ้านอีกค่ะ” วาคาบะจังพูดอย่างเคลิบเคลิ้ม “มิน่าถึงได้มีผมสวยขนาดนั้น”
ฉันมองวาคาบะจังที่หลับตาพริ้มแล้วก็หัวเราะ ระหว่างนวดวาคาบะจังก็ขยับใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนหลังติดแนบกับตัวฉัน อุ...ชนโดนพุงด้วยอ่ะ ฉันพยายามขยับออก วาคาบะจังก็ทำหน้าตกใจ “ขอโทษค่ะคุณคิโชวอิน รู้สึกหนาว ๆ หน่อยก็เลย...”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองก็หนาวเหมือนกัน” ฉันตอบแล้วก็ขยับเข้าไปให้วาคาบะจังพิงลงมา แต่พยายามแขม่วพุงหน่อย ๆ “อยู่ติด ๆ กันแบบนี้อุ่นจริง ๆ ด้วยค่ะ”
วาคาบะจังที่โดนฉันนวดหัวให้ทำหน้าง่วงนอน พวกเราเลยชวนกันเข้านอนแล้วตอนเช้าค่อยว่ากันที่หลังว่าจะเอายังไง เสื้อผ้าที่ตากไว้ยังคงน้ำหยดติ๋งๆ บราเซียร์เองก็ยังเปียก มีก็แต่กางเกงชั้นในของฉันที่ไม่ค่อยชื้นมากแล้ว กับเสื้อโค้ตกันหิมะที่แห้งง่ายเท่านั้นที่พอจะหยิบมาใช้ได้
วาคาบะหันหลังให้ตอนฉันสวมกางเกงชั้นในตัวจิ๋ว ดีนะที่วันนี้หยิบกางเกงชั้นในสีชมพูลายลูกไม้มา ถ้าหยิบกางเกงในหน้าตาแปลก ๆ ต้องขายขี้หน้าแหง
“ห่มด้วยกันนะคะ” ฉันถือเสื้อโค๊ตขยับเข้าไปใกล้วาคาบะจัง วาคาบะจังรีบปฏิเสธทันที
“คุณคิโชวอินสวมเถอะค่ะ”
“นอนด้วยกันอุ่นกว่านะคะ” ถ้าหลับไปก็คงไม่เห็นพุงของฉัน เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก
วาคาบะจังมองฉันด้วยสีหน้าเขิน ๆ ก่อนจะพยักหน้าโดยดี
“ขอบคุณมากนะคะคุณคิโชวอิน”
ฉันหัวเราะ “ฝั่งฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ ถ้าไม่ได้คุณทาคามิจิช่วยขึ้นมาจากสระน้ำต้องหนาวตายแน่ ๆ”
คุยกันอีกได้นิดหน่อย พวกเราก็หันหลังชนกันแล้วต่างคนต่างเข้านอน พอทุกอย่างเงียบลง ฉันก็รู้สึกกลัวขึ้นมา หิวก็หิว หนาวก็หนาว หวังว่าพรุ่งนี้ท่านพี่คงส่งคนมาตามหาพวกเรานะ
ดูเหมือนว่าเพราะท้องหิว ฉันก็เลยรู้สึกฟุ้งซ่าน นึกไปถึงหนังที่ดูตอนเด็ก ๆ อา...ถ้าโชคร้ายไม่มีใครมาเจอจะทำยังไง แล้วไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ จะเป็นยังไงบ้าง พอนึกแล้วฉันก็รู้สึกตกใจ หวังว่าท่านพี่จะไม่ได้โดนพายุหิมะพัดจนกลิ้งตกเขาหลุน ๆ เหมือนฉันกับวาคาบะจังหรอกนะ!
พอนึกว่าท่านพี่อาจจะตายได้ฉันก็น้ำตารื้น ดูเหมือนเสียงสูดจมูกของฉันจะปลุกวาคาบะจังให้ตื่น วาคาบะจังขยับแล้วหันหน้ามาหาฉัน แล้วพูดอย่างเป็นกังวล
“คุณคิโชวอิน เจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ?”
ฉันรีบหยุดหายใจกลั้นสะอื้น ก่อนส่ายหน้า วาคาบะจังเงียบไปซักพัก แล้วก็ขยับเข้ามาโอบฉันไว้จากด้านหลัง
“น่าจะมีแค่พวกเราเท่านั้นแหล่ะค่ะที่ตกลงมาเพราะอยู่ใกล้เนินมากที่สุด พรุ่งนี้เช้าคนอื่น ๆ ต้องออกตามหาแน่ โดยเฉพาะพี่ชายของคุณคิโชวอิน”
แม้จะรู้ว่าเป็นคำปลอบใจเฉย ๆ แต่ฉันก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา มิตรภาพของเพื่อนผู้หญิงนี่ดีจังเลยนะ ดีจริง ๆ ที่ได้เป็นเพื่อนกับวาคาบะจัง
“ตัวของคุณคิโชวอินอุ่นมากเลย ขอกอดอย่างงี้อีกซักพักนะคะ”
ลมหายใจอุ่น ๆ จั๊กจี๋ของวาคาบะจังเป่ารดไหล่ของฉัน ฉันพยักหน้าแล้วเบียดเข้าไปหาวาคาบะจัง แม้จะคลุมไว้ด้วยเสื้อกันหนาว แต่เสื้อของฉันก็ใหญ่แค่เพียงห่มท่อนบนของพวกเราเท่านั้น ส่วนท่อนล่างเหมือนจะกลายเป็นน้ำแข็ง แต่พอวาคาบะจังเกี่ยวขาของตัวเองเข้ามาก็รู้สึกอุ่นขึ้น มือที่กุมมือที่เย็นเฉียบของฉันไว้ทำให้รู้สึกสบาย เพราะงั้นฉันก็เลยหลับไปทั้งอย่างนั้น
.................
เสียงก๊อกแก๊กทำให้ฉันตื่นขึ้นมา ตัวรู้สึกเมื่อยล้า คอก็เมื่อยไปหมด แถมยังหนาวจนแทบจะแข็ง ฉันเลยกอดร่างอุ่น ๆ ข้างใต้เอาไว้ พอแสงสว่างแสบตาส่องเข้ามา ฉันก็หยีตาซักพัก
“เรย์กะ?!”
เสียงของท่านพี่ทำให้ฉันหายง่วงโดยฉับพลัน ฉันลุกขึ้นมาจากที่นอน “ท่านพี่!” แต่พอจะลุกวิ่งไปหาท่านพี่เบื้องนอก ประตูก็ปิดดังโครม แล้วท่านพี่ก็หายไปจากสายตา ทำเอาฉันช๊อกสนิท
“คุณคิโชวอิน แต่งตัวซักหน่อยจะดีกว่านะคะ” เสียงของวาคาบะจังดังขึ้น พอก้มลงไปก็พบว่าฉันนั่งอยู่บนเอวของวาคาบะจังที่ใส่แต่ชุดชั้นใน ส่วนสภาพตัวเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย เพราะเสื้อกันหิมะที่ห่มไว้เลื่อนลงไปอยู่ที่เท้า ดังนั้นฉันเลยมีแค่เสื้อเชิ้ตที่กระดุมไม่ได้ติดเลยซักเม็ดที่หลุดรุ่ยจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน กับกางเกงในลูกไม้เท่านั้น
อุกรี๊ดดด!!
ฉันรีบกระโดดออกจากตัววาคาบะจัง ยกมือจับสาปเสื้อ ทั้ง ๆ ที่น่าจะเป็นฉากแสนประทับใจของท่านพี่กับฉันแท้ ๆ แต่ท่านพี่กลับพบกับฉันในสภาพอุจาดจนทนมองไม่ได้ โฮ ๆ แต่วาคาบะจังแย่กว่าฉันอีก เพราะโดนพี่ชายเพื่อนเห็นตอนอยู่ในชุดชั้นใน
ฉันรีบลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้า วาคาบะจังก็ทำเหมือนกัน เพราะในบ้านร้างไม่มีกระจก ดังนั้นพอแต่งตัวเสร็จ ฉันเลยหันไปให้วาคาบะจังช่วยดู มือก็กำผมไว้แน่นเพราะกลัวผมกระเซิงจนเหมือนผีต่อหน้าท่านพี่
วาคาบะจังบอกให้ฉันหันหลังแล้วถักเปียหลวม ๆ ก่อนจะใช้หนังยางที่คล้องข้อมือผูกให้ “ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่ยังดีกว่าออกไปข้างนอกในสภาพแบบนั้นนะคะ”
ฉันพยักหน้าแล้วขอบคุณอย่างซาบซึ้ง อนาถใจที่หัวตัวเองกระเซิงระดับที่วาคาบะจังยังต้องทำผมให้ พอฉันแต่งตัวเสร็จก็เช็คความเรียบร้อยกว่าวาคาบะจัง ใช้นิ้วมือช่วยสางผมที่กระดกจนสุดความสามารถแล้ว พวกเราก็ออกไปด้านนอก
พอออกไปฉันก็ต้องตกใจ เพราะด้านนอกนอกจากท่านยูริเอะและท่านไอระแล้วก็มากันครบทีม ท่านพี่กับคาบุรากิมีสีหน้าทะมึน ท่านอิมาริยิ้มหวาน ส่วนเอ็นโจมีรอยยิ้มน้อย ๆ อยู่ที่มุมปากเหมือนเคย
“ท่านพี่!” ฉันแกล้งลืมเรื่องน่าอายเมื่อครู่แล้วรีรันฉากน่าประทับใจอีกครั้งด้วยการวิ่งเข้าไปกอดท่านพี่ ท่านพี่กอดฉันแน่นแล้วบอกว่าเป็นห่วงฉันแทบแย่ ส่วนคาบุรากิเดินเข้ามาคุยกับวาคาบะจัง พอท่านพี่ปล่อยฉันออกจากอ้อมกอด ท่านอิมาริก็เดินเข้ามา
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เรย์กะจัง เมื่อคืนคงกลัวแย่สินะ” พอท่านอิมาริกางมือจะให้ฉันเข้าไปกอด ท่านพี่ก็รีบดึงฉันออกมาแล้วส่งสายตาเย็นชาไปให้ท่านอิมาริ ท่านอิมาริมองท่านพี่ด้วยแววตากลั้นหัวเราะ ก่อนจะเอื้อมมือมาพยายามจะลูบ ๆ หัวฉัน แต่โดนท่านพี่ปัดมือทิ้งอีก
“อย่ามาซี้ซั้วจับตัวน้องสาวคนอื่นได้ไหม”
ท่านอิมาริยิ้ม ๆ “ทาคาเทรุ อย่าหวงน้องสาวไปหน่อยเลยน่า เรย์กะจังก็โตแล้ว...” ท่านอิมาริทำท่านึก “อืมม์ โตมากแล้ว ยังไงก็ต้องแต่งเป็นเจ้าสาวซักวัน”
พอพูดจบท่านพี่ก็ตุ๊ยท้องท่านอิมาริไปหมัดนึง ฉันมองภาพข้างหน้าแล้วหัวเราะ โชคดีจริง ๆ ที่ทุกคนปลอดภัย การที่ได้กลับมาเจอภาพที่คุ้นเคยนี่ดีจังเลยน๊า
ว่าแต่ทำไมนายถึงได้มองฉันตาขวาง ๆ อย่างงั้นล่ะ คาบุรากิ ส่วนเอ็นโจหันไปยิ้มให้วาคาบะจัง ส่วนวาคาบะจังก็ส่งยิ้มกลับให้เอ็นโจราวกับว่าทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันด้วยกระแสจิต อุเหย อย่าบอกว่านอกจากคาบุรากิกับนายตัวสำรองแล้วยังจะปักธงเอ็นโจอีกคน ถึงฉันจะบอกอยู่เสมอว่าท่านอิมาริเป็นคนเดียวที่ห้ามเด็ดขาด แต่รายนั้นเองก็ใช่ย่อยซะเมื่อไหร่ มีบอสลับที่ชื่อว่าคุณยุยโกะอยู่ด้วยนะวาคาบะจัง!
หลังจากที่ท่านพี่หยอกเล่นกับท่านอิมาริเสร็จ ก็พาฉันกลับโรงแรมโดยที่ระหว่างทางจับมือไว้ไม่ให้ห่างตัว แถมพอถึงโรงแรมก็เตรียมอาหารเช้าสุดหรูแบบที่ทุกอย่างที่ของที่ฉันชอบไว้ให้ แล้วยังป้อนขนมตั้งหลายอย่างให้อีกต่างหาก พวกเราเลยดูเหมือนคู่รักสุดสวีท เสียอย่างเดียวคือท่านพี่ออกจะตาขวาง ๆ ใส่ทุกคนไปหน่อย
แต่ก็ช่างเถอะ แค่ท่านพี่ยิ้มให้ฉันก็พอแล้วค่ะ
จบ
ว้ายยยย ฟิควาคาบะจังล่ะคุณ พล็อตละครไทยมากติดอยู่ในบ้านร้างสองต่อสอง!
ว่าเเต่สภาพเรย์กะตอนออกไปเจอท่านพี่นี่ยังกับพึ่ง... เเหม่ อายเเทนนางจริงๆ ขนาดนี้เเล้วเเต่งกับวาคาบะจังไปเล๊ยท่านเรย์กะ
เปิดมาฟิคพอดียังกับถูกหวย ขอบคุณโม่งฟิคสำหรับกาวน้า //สูดด
โอ้ววว มีฟิคให้อ่านทุกวัน ชีวิตดี๊ดี ขอบคุณโม่งฟิคนะ อยากรู้จังว่าตอนวาคาบะจังกับเอ็นโจจะสื่อสารทางโทรจิตกันว่าอะไร ฮุฮุ
ต่อจาก https://fanboi.ch/webnovel/3953/939-941/ ฟิคคู่หูทะลุมิติ
แวะมาลงตอนสั้นๆนะคะ วันนี้ลงฝั่งเรย์กะคิมิบ้าง
...............
(มุมมองเรย์กะโลก KimiDolce)
((((--เรย์กะในโลกคิมิเขียนถึงเรย์กะในโลกปัจจุบัน--))))
(สักวันหนึ่ง)
ทาคามิจิพาฉันมาที่บ้าน ช่างเล็กแบบสามัญชนจริงๆ มีแต่กลิ่นเค้กกลิ่นขนมธรรมดา ไม่อร่อยเลยสักนิด ที่ฉันเอาเพิ่มอีกชิ้นเพราะสมเพชที่เธอคงขายเค้กห่วยๆนี่ไม่ออกหรอกนะ! เลยเสียสละกินให้
ต่อมาคันตะคุงก็โผล่ออกมาจากประตูห้องแล้วทักทายอย่างตื่นเต้น "โคโรเน่ มาแล้วหรอ" ตามมาด้วยเสียงเด็กอีกสองคนที่เรียกฉันว่า "โคโรจัง" ด้วยท่าทางดีใจ ก่อนจะมานั่งล้อมและคุยกัน
หัวใจฉันอบอุ่น ไม่รู้ทำไม คงเป็นอุปาทานแบบคิดไปเองล่ะมั้ง แต่ก็นะ ทุกคนที่ทำดีกับฉันก็เพราะพวกเขารักเธอนี่นะ...
ไม่รู้ทำไมพอคิดอะไรประมาณนั้นไป เด็กๆก็ปลอบฉันอย่างแตกตื่น ฉันไม่ทำหน้าเศร้าหรอกนะ! ฉันแค่คิดถึงว่ามันเป็นเรื่องอ่อนแอน่าเบื่อแค่ไหนกับการที่มอบความรักให้กันแบบนั้น
คนที่รักต้องตกเป็นทาสอีกคนเสมอ ความรักเป็นการกระทำของคนอ่อนแอ มันต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือไง...
ตอนเย็น ฉันซื้อเค้กกลับไป 2 ก้อน เค้กแย่ๆแบบนี้เอาไปให้ท่านพ่อท่านแม่ท่านพี่ดีกว่า แล้วที่ฉันซื้อเก็บไว้กินเองอีกก้อน เพราะเค้กรสนี้มันห่วยจนคิดว่าไม่มีทางขายออกแน่ๆ ไม่ใช่เพราะมันอร่อยหรอกนะ อย่าเข้าใจผิดไปล่ะ!
(วันใดวันหนึ่ง)
ฉันเจอคุณไอระ เพื่อนของท่านยูริเอะคนนั้น อีกฝ่ายดูชอบเธอ ต่างจากโลกก่อนของฉันแบบสุดๆ หึ แต่ฉันไม่ลงกลที่มาทำดีด้วยหรอกนะ! คิดว่าเลี้ยงขนม แล้วคุยเล่นด้วยรอยยิ้มเท่บาดใจจะทำฉันยอมรับหรือไง
ลูบหัวนี่มันอะไรกัน เป็นแค่คุณไอระแท้ๆ ทำไมรู้สึกอบอุ่นแบบนี้... บ้าจริง! หน้าฉันร้อนราวกับเป็นไข้ คงเป็นไข้นั่นแหละ! อยู่กับคนแบบนี้แล้วติดเชื้อโรคสินะ
ท่านคาบุรากิเดินมาตบไหล่ฉันแปะๆในเวลาต่อมา แล้วพูด "ถ้ากลับโลกเก่าไปหาชูสุเกะไม่ได้ จะจีบไอระสินะ ถึงเส้นทางนี้อาจจะลำบาก แต่ฉันจะช่วยสนับสนุนเอง"
สนับสนุนบ้าไรคะ! จะเอ็นโจหรือคุณไอระฉันก็ไม่ได้ชอบซะหน่อย! กลับไปทำตัวเคร่งขรึมไป๊!!!
(หลายวันถัดมา)
ท่านคาบุรากินั่งจ้อยซึมมองทาคามิจิเดินคู่มากับมิซึซากิ ยังตัดใจไม่ได้อยู่ดีสินะ แต่ถึงยังไงก็หล่อระทมอยู่ดี
พอฉันไปนั่งแปะอยู่ข้างๆ ท่านคาบุรากิก็มองฉันด้วยสายตาซาบซึ้ง เดี๋ยวค่ะ! ฉันตั้งตัวไม่ทัน เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ แค่มานั่งเป็นเพื่อนเองนะ
เขายิ้มแบบจักรพรรดิให้ฉัน ท่าทางอ่อนโยนกว่าปกติเล็กน้อย "ที่ผ่านมาต้องขอบคุณเธอสินะ ทาคามิจิโลกนู้นถึงหันมาสนใจฉันได้" เดี๋ยวสิ! ขอบคุณกับเรื่องพรรค์นั้นจะบ้าหรือไงหะ!!! สิ่งที่พูดกับสิ่งที่แสดงออกขัดแย้งกันไปแล้วนะเฮ้ย
ท่านคาบุรากิบอกว่าการที่เรย์กะ (หมายถึงเธอนั่นแหละนะ) เป็นคนดี ไม่ยโส รังแกคนอื่นไปทั่ว (นี่จะหลอกด่าฉันหรือไงฮะ! ทำไมฉันต้องไปญาติดีกับสามัญชนแบบนั้นด้วยล่ะ!!!) ทำให้เรื่องราวของโลกคู่ขนานต่างจากโลกเดิมเอามากๆ พอไม่มีคนแกล้งแรงๆมากระตุ้น ก็ไม่ค่อยได้เกิดเหตุการณ์ที่เขาออกตัวปกป้องทาคามิจิ แล้วทาคามิจิคงไม่ได้รับรักเขาแบบนั้น ฉันต้องดีใจใช่ไหม ฉันจีบนายอยู่นะตอนนั้น ไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากเอ็นโจอะไรนั่นอย่างที่นายพูดซะหน่อย!
แต่เขาดูเศร้าจ๋อยน่าดู ฉันได้แต่ปลอบๆ พาไปเลี้ยงช็อกโกแลต จำได้ว่าสารอะไรสักอย่างในโกโก้ทำให้รู้สึกสดชื่นมีความสุขอยู่นะ
ท่านคาบุรากิดูมีเป้าหมายจะกลับโลกเดิม เพราะอยากไปเจอทาคามิจิ โลกนั้นยังไม่ได้เป็นแฟนกับมิซึซากินี่นะ
ตอนนี้โลกเดิม ฉันก็จะอยู่สถานะหนีออกจากบ้าน เธอมีคาบุรากิคอยช่วยเหลือดูแล แต่หากฉันกลับไปล่ะก็ เขาคงไม่สนใจฉัน คงเหลือแต่ท่านพี่ทรยศต่อตระกูลคนนั้นสินะ...
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเอ็นโจในโลกนู้นดูห่างเหิน ถึงจะดีกว่าสมัยที่ตัวฉันอยู่โลกนั้นก็เถอะ... ฉันหลับตาลง พยายามไม่คิดถึงเรื่องอะไรอีก แต่ก็ยากเหลือเกิน
ทุกคนที่มาช่วยเหลือฉัน จริงๆก็ทำไปเพราะต้องการช่วยเหลือเธอทั้งนั้นเลยนี่นา...
ความคิดในใจสับสน จะพยายามกลับไปดีไหมนะ...
สำหรับเธอแล้ว อยากกลับมาโลกเดิมหรือเปล่า
แต่ไม่ว่าโลกไหนก็คงอยากให้เธออยู่มากกว่าฉันอยู่ดี...
(วันต่อมา)
เพราะช่วงหลังๆ ท่านคาบุรากิก็แวะไปคุยไปทักทาคามิจิอย่างกระตือรือร้น ทาคามิจิยังถูกผู้หญิงหลายคนหมายหัว ด่าว่าจับปลาสองมือบ้าง พยายามหลอกท่านคาบุรากิบ้าง มิซึซากิออกมาห้ามปรามก็ห้ามได้แค่ชั่วคราว แถมเพราะสองคนนั้นเป็นแฟนกัน ถ้าไม่รู้รายละเอียดก็อาจมองว่าเข้าข้างกันก็ได้
ไม่ว่าโลกไหน มิซึซากิก็เป็นคนเที่ยงตรงยุติธรรมเสมอ เรียกได้ว่าอาจเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากโลกเดิมมาก ใครก็ตามที่รู้จักเขาไม่น่าคิดว่าเขาลำเอียงหรอกนะ
ทาคามิจิดูไม่สนใจกับการนินทาต่อว่าเท่าไหร่ ขนาดโดนคนพยายามขัดขา ก็กระโดดๆข้ามมาอย่างชิลๆ ฉันพูดไม่ออกในหลายๆความหมาย
วันหนึ่งฉันไปเห็นสาวแกลท่าทางอวดดีผลักทาคามิจิลงกับพื้นแล้วเยาะเย้ย ฉันเลือดขึ้นหน้าจนเดินเข้าไปต่อว่า แก๊งค์สาวแกลไม่มีท่าทางหวาดกลัวฉันซะนิด อะไรเนี้ย! เธอทำตัวเป็นคนอ่อนแอจนผู้คนไม่เกรงใจในความเป็น pivione แล้วงั้นหรอ! ให้ตายเถอะ!
คนที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าแก๊งค์ก็เดินมาข้างหน้าแล้วพูด "คุณคิโชวอินเองก็กลายเป็นทาสของผู้หญิงนั้นแล้วหรือไงกัน ทำไมถึงพยายามปกป้องขนาดนี้”
ฉันไม่ได้คิดจะปกป้องสามัญชนแบบนั้นซะหน่อยนะ! ฉันต้องการจะกลั่นแกล้งทาคามิจิให้รู้ซะบ้างถึงฐานะตัวเอง และฉันไม่ยอมให้ใครนอกจากฉันรังแกทาคามิจิหรอกนะ!!! ทำไมฉันพูดออกไปอย่างงั้นแล้วมองกันแปลกๆล่ะ ฉันไม่ได้ญาติดีกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆนะ อีกอย่างฉันแค่ไม่ชอบท่าทางอวดดีของสาวแกลพวกนี้ต่างหากล่ะนะถึงได้ออกตัวแบบนี้
พวกเซริกะจังก็ช่วยโต้ให้อีกแรง ก่อนทำท่าเหมือนเตรียมสู้กันตรงทางเดินนั้นเลย ริรินะที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนก็มายืนเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้าม
ปัญหาทั้งหมดจบลงเมื่อมีอาจารย์บังเอิญผ่านมาพอดี แต่ทาคามิจิดูไม่ได้ต้องการเอาเรื่องหรืออะไรเลยสักนิด ที่แขนเธอมีแผลถลอกหน่อยๆด้วย ผู้หญิงสามัญชนงี่เง่าคนนั้นไม่คิดจะรักตัวเองบ้างเลยหรือไง! ไม่ต้องมาขอบคุณฉันด้วยหน้าระรื่นเลยนะ!!!
ฉันหัวเสียจนเผลอทำอะไรที่คาดไม่ถึงลงไป...
-------------- (จบตอน 47) -------------
โม่งทะลุมิติหนีงานมาโล้วววว ขอบคุณค่ะ ฮือ เรย์ซึนน่ารัก เธอเริ่มโดนคำสาปทานุกิแล้วสินะ วันนั้นเธอฟาดเค้กไปสามก้อนแล้วนะเฮ้ย
วันนี้ตอนใหม่มาเช้ามาก ขอบคุณโม่งแปลมากเลยนะ
อ่านไปก็แบบ อุแม่เจ้า ตอนนี้มีเซอร์วิสแทบจะทุกคน ไหนจะดื่มชากับคาบุเอ็นโจ ได้รับมาการองกับทีราสุมาด้วย ไอเท็มสองต่อเชียวนะ ซาโตมิยังเข้ามาหยิดเรื่อยๆ แถมยังขัดทางรักเคมาริไดฯได้อีก
ตอนนี้ตอนเดียวทำมิชชั่นครบเลยค่ะท่านเรย์กะ น่าภูมิใจจริงๆ
ปล1 คนรักที่กระซิบอย่างอ่อนโยน เปลี่ยนเป็นเอ็นโจที่กระซิบเมาท์เพื่อนได้ไหมคะ
ปล2 ขนอุณาโลมไม่อยู่แล้ว เรื่องวุ่นๆน่าจะเยอะขึ้น เย้!
ตอนล่าสุด ฟรุ้งจริงยาวจริง แค่อ่านก็ยังเหนื่อย 555 ขอบคุณโม่งแปลค่ะ~
โอ๊ยยยยย ตอนใหม่ ขอบคุณโม่งแปลมากจ้าา
ตลกพวกเซริกะสุดๆ นี่เห็นเรย์กะเป็นตัวอะไรกันแน่ มีการล้อมวงกล่อมให้นอนด้วย
โม่งแปลกูเกลียดมึงงงงงงงงงงง
เช้านี้กูรีบกูแต่งผมเสร็จก็ออกมา กูยังไม่ได้แดกข้าวเช้าเลยฮืออออออออออออออ
อ่านตอนแปลล่าสุดแล้ว สมกับเป็นทริปทัวร์กิน ช๊อปปิ้งของแก็งสาวโสดจริงๆ ฮาคาบุรากิอยากเมาส์เรื่องไปเดทสุดๆ ส่วนเอ็นโจสมเป็นเอ็นโจจริงๆ ดักทางนักข่าว ส่งเครื่องเซ่น คายพิษส่งท้าย แถมซิ่งหนีอีก แต่ว่าไอ้พิธีกรรมตอนท้ายนั่นมันอะไร? แม่มดแห่งเยซูซาเรม?
ตอนใหม่แม่งเล่นเอากูออกจากบ้านสาย จะรีบอ่านก็ไม่ได้ งานดีงานละเอียดต้องละเลียดอ่าน ตอนนี้ขอตาลีตาเหลือกตะกายไปทำงานก่อน ไว้เข้าที่เข้าทางว่างหน่อยกูค่อยมาเม้ามอยต่อ
ว่าจะเมนท์หลายอย่าง พอเจออุณาโลมที่หายไปเนี่ย กูขำก๊าก เซริกะกับคิคุโนะแอบมาถอนให้ตอนหลับป่ะวะ ถถถถถถถถถถถถถ แถมยังมาล้อมวงเอ่เอ๊ กล่อมให้หลับอีก กูว่าใช่แหง 555555555
เรย์กะแม่งสาววายสัสๆ มีการคิดจะปล่อยข่าวสองหนุ่มนี่ไปซื้อนาฬิกาเข้าคู่กันอีก แต่โดนจอมมารดักทางเหมือนถูกอ่านใจได้ แหม่ จริงๆถ้าบอกทุกคนว่านายสองคนคู่กันเอง ก็ไม่มีใครคัดค้านหรือขัดแย้งหรอกมั้ง ถถถถถถถ
อยากไปนั่งกอนโดลากับคนรัก กระซิบคำหวานข้างหู ตอนนี้ยังไม่มีคนรักก็เอาเอ็นโจกระซิบข้างหูไปก่อนได้มั้ย แหม่ อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ต้องกระซิบก็ได้ แต่หาโอกาสเข้าถึงเนื้อถึงตัวเขาอีกแล้วนะ อีตานี่ กระซิบข้างหูตลอด
ตอนท้ายหลอนสัส มีการมากล่อมนอนอีกแน่ะ เซริกะแม่งแอบถอนอุณาโลมให้แน่ๆ เลยมาสะกดจิตกันให้นอน เพื่อจะได้ลืมเรื่องนี้ อยากเห็นความคิดเซริกะชิบ ท่านเรย์กะในสายตาเธอคือเด็กน้อยต้องคอยดูแลเร้อออ เห็นท่านเรย์กะหลับ แล้วผมหน้าม้าเปิดโชว์อุณาโลม คงคิดว่าเด็กผู้หญิงมีขนขาวๆงอกออกมาจากหน้าผากคงไม่ดี เลยแอบดึงให้สินะ
ขอบคุณโม่งแปลมากกกก ตอนนี้ฮามากอ่ะ มีโมเม้นกับทุกคนจริงๆ คาบุดูเป็นเด็กน้อยที่อยากเล่าเรื่องราวความรักของตัวเองสุดๆแอบสงสารเอ็นโจหน่อยๆ55555 แต่พอมาเอ็นโจนายก็พ่นพิษอีกละ คะแนนนายคงไม่มีวันขึ้นหรอก ร่วงกราวๆขนาดนี้ ซาโตมิคุงนี่ก็ขยันแกล้งท่านเรย์กะดีนะ55555 ส่วนในตอนท้ายนี่เพื่อนสาวจะฮาไปไหน ในสายตาทุกคนเรย์กะคือน้องเล็กที่ต้องดูแลใช่มั้ย!555555
กูขำที่เรย์กะบอกคาบุรากิทำงงเหมือนนกพิราบโดนกระสุนถั่วเหลืองยิงอัด นกพิราบเป็นศัตรูฟ้าประทาน คือจะบอกว่าคาบุรากิเป็นศัตรูหัวใจของเธอใช่มะ อย่าห่วงไปเลย นั่นน่ะแค่เพื่อนสาว ในใจคุณทาคามิจิมีแต่เธอนั่นล่ะเรย์ก่าาาา 55555555555555555555
เอ็นโจสั่ง Dolce ให้เรย์กะอะ ไวกว่าคู่หลักเรื่องอีก 55555555
เอ็นโจแม่งร้ายกาจ ที่ติดสอยห้อยตามมานี่คงไม่ได้กลัวว่าเรย์กะจะเอามาร์กเกอร์ในคาบุใช่มะ
มาแล้วก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากแซะมาซายะ 5555
ขอบคุณโม่งแปลตอนล่าสุดนะ อ่านแล้วกุอยากไปกินพิซซ่าเลอออ..ชอบมิตรภาพของกลุ่มท่านเรย์กะ รองผู้ใหญ่บ้านคานทองไม่ต้องไปหาไกลหรอกนะท่านเรย์กะ เซริกะกับคิคุโนะจังไง ลูกบ้านก็สาวๆในกลุ่มเนี่ยแหละ เป็นแกงค์คานทองแห่งโรงเรียนเซรัน 5555
อ่านแปลไทยตอนนี้ขำสุดไปเลย 55555 ตลกมาก ตอนแรกไม่ค่อยชอบแก๊งเรย์กะนะ แบบว่าจงใจเข้าหาเพื่อผลประโยชน์ จนมาตอนนี้โคตรชอบเลย 555555 ตั้งแต่แฟนท่อมละ เพื่อนๆเธอก็ดูห่วงใยเธอดีนะ มีกล่อมนอนด้วย ถถถถ
>>457 กูว่าแรกๆเซริกะกับคิคุโนะก็คงเข้าหาแนวๆเพื่อผลประโยชน์อะ คบ pivoine ไว้ ยังไงก็ไม่เสียหลาย แถมตัวเองจะได้ยืด ได้เชิดหน้าชูตา ไปๆมาๆท่านเรย์กะแม่งเป็นเด็กน้อยให้คอยดูแล มีมุมเปิ่นๆเอ๋อๆ จริงใจ ไม่หลอกลวง เลยกลายเป็นเพื่อนกันจริงๆ มีเรื่องอะไรสองคนนี้ก็มาออกหน้าแทน ปกป้องแทนตลอด กูเห็นด้วยนะที่ว่าสองคนนี้แอบมาถอนอุณาโลมออกชัวร์ๆ ผู้หญิงมีขนงอกออกมาจากหน้าผากก็น่าเกลียดแย่ ถอนๆออกไปเถอะเนอะ ราวๆนี้มั้งนะ 555555555555555555555555555
กูอ่านตอนนี้แล้วสงสัยว่าเด็กซุยรันหอบของกลับบ้านกันยังไงวะ ดูชอปปิ้งกันเยอะมากกกกกกกก ท่านเรย์กะนี่แม่บุญทุ่มสุดๆ คนรอบข้างได้ของฝากกันทุกคน แอบไปดูภาพปากกาแก้วแล้วไฮโซหรูหรามาก อยากได้ ฮืออออ
ท่านเรย์กะไปชอปครั้งนี้แม่งหมดไปกี่ล้านว่ะ ชอปหนักมันทุกเมือง พวกผู้ชายเห็นของที่พวกแม่นางชอปกันคงสยอง..นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ไม่มีใครมาจีบรึเปล่าน้าาา สวยและรวยมาก ดอกฟ้าเกินเอื้อมไรแบบนี้
ตอนนี้ฮามาก มีจุดให้ทักหลายจุดแต่มันกระเด็นออกจากหัวกูไปตอนอ่านถึงอุนาโลมท้ายตอนนี่แหละ มีกล่อมให้นอนหลับด้วยนะ 5555555
ตอนที่คาบุคะยั้ยคะยอให้ฟังเรื่องตัวเองก็ฮา ตอนไปแกล้งเอสชมรมฟุตบอลก็ฮา
ป.ล.อยากเห็นท่านเรย์กะสาดเกลือใส่ซาโตมิคุงจริงๆนะเนี่ย 55555
ฉากกล่อมตอนพวกนางมาร์คหน้าแม่งโคตรสยอง 555
ฉากคาบุเม้าแตกเรื่องไปเดทกับวาคาบะกูล่ะนึกถึงฉากในโอรังเลยว่ะ 5555555555555555 มันจะมีฉากที่ทามากิมาพล่ามๆๆๆๆๆใส่เคียวยะที่กำลังนอนแล้วโดนเคียวยะแผ่รังสีจอมมารใส่ให้มึงหุบปาก กูจะนอน ทามากิแม่งเลยต้องเก็บไปโวยวายใส่คนอื่นแทน ฟีลเดียวกันเดี๊ยะ คาบุแม่งดูอัดอั้นมาก ประมาณว่ากูอยากเม้าแต่ไม่มีใครให้กูเม้าด้วย ไม่ใช่เพื่อนนายก็แผ่รังสีจอมมารใส่ให้เงียบเหมือนกับเคียวยะและทามากิหรอกนะ 55555555555555
แล้วก็แหม่ เอ็นโจสั่ง Dolce ให้ด้วย แถมมาเนียนกระซิบอีกต่างหาก จากเมื่อวานที่เรารู้ความหมายของกอล์ฟมาร์กเกอร์ นายทำอะไรก็ดูลามกในสายตาเราไปหมดแล้วว่ะ นี่เป็นการมองในแง่ร้ายของกูเอง แต่เอ็นโจจะทำอะไรให้เรย์กะ กูว่าแม่งต้องมีความหมายอะไรเอโร่ยๆแฝงแหงๆ 5555555555555
ท้ายตอนแม่งอะไรวะเนี่ย พิธีอัญเชิญซาตานรึไง สวดมนต์ประหลาดๆกับหญิงสาวที่นอนอยู่กลางแท่นพิธีน่ะ เรื่องนี้แม่งมีเซอร์ไพรส์กูตลอดจริงๆ แถมตอนต้นเซริกะโผล่หน้ามาแบบหนัง The Shining อีก นึกภาพตามแล้วฮาชิบหาย 55555555555555555555555555555555
กูอยากรู้แค่ว่า จบทริปนี้ เรย์กะจะน้ำหนักขึ้นกี่กิโล นางกินตลอดทางขนาดนั้น....
เออ กูแอบคาใจอย่าง ที่ท่านเรย์กะไปเรียกคาบุในกลุ่มนักเรียนชายแล้วพวกผู้ชายคิดอยู่พักนึงแล้วทำหน้าเข้าใจร้อง "...อ้อ" ขึ้นมาเนี่ย อยากรู้ว่าคิดว่าสองคนนี้กิ๊กกัน รู้ว่าคาบุกำลังหาคนคุยด้วยหรือจะเป็นอย่างอื่นวะ
กูชอบซาโตมินะ ใจกล้าดี5555
คือเหมือนเห็นเรย์กะเป็นเพื่อนจริงน่ะ ถึงกล้าแซวกล้าแหย่
อีกไม่กี่ตอนเหมือนจะเป็นตอนมุมมองของซาโตมินี่นะ กูนี่รออ่านเลยค่ะ
เห็นพูดถึงซาโตมิคุง ขอถามคนอ่านดิบเรื่องซาโตมิคุงได้เปล่าวะ สปอยล์มั้ง
.
.
.
.
เหมือนเคยเห็นคนสปอยล์ไว้ว่าซาโตมิคุงมีแฟนแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในแฟนคลับท่านเรย์กะนี่แหละ กูไม่ได้เข้าใจผิดใช่ปะ กูเลยตัดซาโตมิคุงออกไปจากหนึ่งในคนที่พอลุ้นพอกาวได้แล้วเนี่ยแหละ ถ้าไม่ใช่กูจะได้เอาซาโตมิกลับเข้ามาในชอยส์
.
.
เงียบจัง
ky แมวดุ้นเข้าไม่ได้ป่ะ รึเป็นที่เน็ตกูเอง =A=
ย้อนอ่านไปถึงกอล์ฟมาร์คเกอร์แล้วมำไมกูรู้สึกว่าเอ็นโจมันเลวจังวะ หมดกันภาพพจน์องค์ชายกู
จริงๆแล้วคาร์เรคเตอร์เอ็นโจเป็นพวกยันเดเระซินะ
เออ โม่งชายออกมาให้ความเห็นต่างๆในเรื่องบ่อยๆก็ดีนะ อยากฟังจากมุมมองผู้ชายบ้าง
แบบกูก็ไม่รู้ความหมายแฝงต่างๆในแง่มุมของผู้ชาย พอได้อ่านก็เปิดโลกดี 5555
>>492 นึกภาพเรย์กะให้กอล์ฟมาร์คเกอร์ท่านอิมาริ
เรย์กะ : นี่ของฝากค่ะท่านอิมาริ ขอบคุณที่ชวยดูแลเสมอมานะคะ
อิมาริ : อา ขอบคุณมากเลย อะไรเอ่ยขอแกะดูนะครับ
เรย์กะ : เชิญเลยค่ะ
อิมาริ : หือ กอล์ฟมาร์คเกอร์? นี่เรย์กะเลือกเองเหรอเนี่ย
เรย์กะ : พอดีได้รับคำแนะนำมาจาก "เพื่อนผู้ชายน่ะค่ะ" คิดว่าเข้ากับท่านอิมาริดี
อิมาริ : อา...........คุณเรย์กะครับ เป็นของขวัญที่มีรสนิยมมาก ไม่ทราบว่าพอจะบอกชื่อคนแนะนำหน่อยได้ไหมครับ
เรย์กะ : ได้ท่านเอ็นโจแนะนำมาตอนไปเที่ยวน่ะค่ะ
ทาคาเทรุ : เห ดีจังนะอิมาริ เด็กนั่นแนะนำมาใช้ได้เลยนี่
เรย์กะ : นั่นสิคะ อ้อจริงด้วยเซ็ตนี้ของท่านพี่ค่ะ
-----------------------------------------------------------------------
ห้องเงียบไปพักนึง
ทาคาเทรุ : เรย์กะ ของพี่คุณชายตระกูลเอ็นโจก็แนะนำมาเหรอ
เรย์กะ : ค่ะ หนูเลยเลือกอันที่เข้ากับท่านพี่มาหลายๆเซ็ตค่ะ
ทาคาเทรุ : อืม ขอบใจนะ พี่ดีใจมากล่ะ
อิมาริ : ดีใจด้วยนะ......."คุณพี่ชาย"
-------------------------------------------------------------------------
หลังจากเรย์กะไปแล้ว
ทาคาเทรุ : เฮ้ย อิมาริ
อิมาริ : เออ............ฆ่าแม่ง
ตอนอ่านความหมายกอล์ฟมาร์กเกอร์นี่แม่ง...กูไม่รู้จะพูดอะไรเลยทีเดียว บอกตรงๆว่าอึ้ง
กูรู้ว่าฮีร้ายและดาร์ก แต่ไม่คิดว่าจะแรงขนาดนี้ โครตหยามน้ำหน้าอิมาริเลย สงสัยจะฝังใจจาก "ผู้ชายในสเป็คคือคนที่อายุมากกว่า" แหงๆ เลยเห็นอิมาริเป็นศัตรู ประกาศสงครามกันเลยทีเดียว
จอมมารใช้คำว่า "ของอื่นๆที่ให้ได้อย่างสบายใจ" ด้วยนะ นี่นายให้แล้วสบายใจวินะ...
เพิ่งเข้ามาอ่านความหมายของกอล์ฟมาร์คเกอร์ อะหืออออออ เอ็นโจ!!!!!! ไอ้นี่แม่งร้ายชิบหาย 5555555555555555
ทั้งร้าย ทั้งแรง จงใจกวนตีนกันเห็นๆ ท่านพี่กับอิมาริรู้คงคิดพร้อมกันว่าไอ้เด็กเวร อยากเห็นท่านพี่ปะทะกับเอ็นโจชิบหาย ท่าทางจะมันส์
>>499 เพื่อนผู้ชายกูอ่าน ไม่ได้ลงเรือไหนเป็นพิเศษ ออกแนวอ่านความตลกเรื่อยเปื่อยไร้สาระไปวันๆมากกว่า เหมือนอ่านชายล้วนกวนบาทาน่ะ ไม่ได้ชิพคู่ใคร เสพความฮาอย่างเดียว
>>505 อ่อ ก็คิดว่าส่วนมากน่าจะเป็นแบบนั้นน่ะนะ ทำนองเสพความฮา แต่เห็นคอมเมนต์ในแมวดุ้นมีคาบุโอชิมาชัวร์ๆ คนนึง เลยอยากรู้ว่าที่เหลือลงเรือใครกันมั่งป่าว
>>506 มารยาระดับซากุระโกะนี่ยังมีอะไรต้องห่วงอีกเร้อออออออ ล่าสุดนี่ถึงขั้นซื้อแหวนให้กันตอนคริสต์มาสแล้วนี่หว่า อาคิสะวะคุงไม่รอดเงื้อมมือแมวปีศาจแน่ๆ
KY นะ คือกูนั่งว่างๆ เลยเปิดยูทูปฟังเพลง แล้วเพลงเล่นไปเรื่อยๆ ก็ไหลไปถึงเพลง ผีเสื้อสมุทร (รักเกินจะหักใจ)
"อย่าหวาดกลัวฉันเลยได้ไหม ฉันไม่คิดจะทำร้ายเธอ
แค่ได้เจอก็รู้สึกรัก รักเธอหมดใจ
เห็นสายตาที่เธอมองฉัน ก็รู้ว่าเป็นเช่นไร
เธอต้องฝืนหัวใจแค่ไหน ตอนอยู่กับฉัน
ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่รัก จะหักใจก็ทำไม่ไหว
ยากแค่ไหนฉันหวังให้เธอ รักกันได้สักวัน
ใช้เวลาเนิ่นนานหลายปีก็ไม่มีวี่แวววันนั้น"
กูนั่งฟังแล้วกูนี่คิดดีไม่ได้เลยจริงๆ
ทำไมกูรู้สึกว่าเพลงนี้มันเหมาะกับจอมมารจังวะ5555555555555
>>509 เพลงดูดี แต่ถ้าเรย์กะมาตอบคงเป็นอีกเรื่อง
อย่าหวาดกลัวฉันเลยได้ไหม ฉันไม่คิดจะทำร้ายเธอ
- ไม่เชื่อย่ะ ฉันเข็ดกับแผนนายแล้ว
แค่ได้เจอก็รู้สึกรัก รักเธอหมดใจ
- แหลสด
เห็นสายตาที่เธอมองฉัน ก็รู้ว่าเป็นเช่นไร
- จะไปรู้เหรอคะ ไปอ้อนญาติคุณโน่นไป๊
เธอต้องฝืนหัวใจแค่ไหน ตอนอยู่กับฉัน
- มากๆ ค่ะ แค่อยู่ใกล้ก็ไม่อยากแล้ว
ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่รัก จะหักใจก็ทำไม่ไหว
- คำตอบเดิม เชิญไปอ้อนยุยโกะของคุณเถอะ
ยากแค่ไหนฉันหวังให้เธอ รักกันได้สักวัน
- พอๆ กับการดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านคานทองไงคะ
ใช้เวลาเนิ่นนานหลายปีก็ไม่มีวี่แวววันนั้น
- ในฐานะเทพเกษาบันดาลรัก แนะนำให้ตัดใจค่ะ
กูกำลังจินตนาการถ้าเรย์กะเอากอล์ฟมากเกอร์ไปให้ทานูกิด้วย เอ็นโจจะเละขนาดไหน 555555
ทำไมพวกมึงใจร้ายกับผัวกูจัง ผัวกูทำอะไรให้พวกมึงหมางใจอะไรปานนั้นวะ
>>509 ใช้เวลาเนิ่นนานหลายปีก็เริ่มมีแววแล้วนะ จากตอนชั้นประถม ม.ต้น เขายังไม่ยอมคุยกับนายดีๆ ตอนนี้ยังนั่งคุยกันได้ดีๆ ไม่รังเกียจลุกหนีไปไหนเลย ถึงประเด็นจะวนๆ อยู่แต่กับน้องชายนายก็เถอะ ถถถถถ
ส่วนเพื่อนสนิทนายนั่น ได้ทั้งเมล์ ทัังไปกินข้าวด้วยกัน ให้ของขวัญกันและกัน ต่อกลอนรักกันด้วยนะ 55555555
เปิดสปินออฟ ลูกสาวผมไม่น่ารักขนาดนั้นหรอก 555 ทานุกิเป็นพระเอก ท่านพี่เป็นพระรอง
กู 520 เอง ลองแต่งครั้งแรก อาจจะงงๆ วนๆ ถ้าผิดพลาดประการใดๆ ให้อภัยกูด้วย
-----------------
มุมมองคุณเลขา
ผมคือเลขาของบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศ ประธานบริษัทของพวกเรานั้นเป็นเสือในแวดวงธุรกิจ ตระกูลมีเชื้อสาย ขุนนางและยังมีฐานะเป็นอภิมหาเศรษฐี ผมรู้จักเขาเมื่อตอนที่เรียนจบมหาวิทยาลัย ผมที่ได้รับเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ สามารถเลือกได้หลากหลาย วันนั้นบังเอิญผมไปฉลองกับครอบครัวที่โรงแรมสุดหรู สายตาของผมเห็นชายร่างสูงโปร่งใบหน้ามีรอยยิ้มที่เย่อหยิ่ง คนที่ไม่ชวนให้เข้าใกล้แต่มีบรรยากาศแสนคาริสม่าทำให้ผมติดตามโดยไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้ร่วมยินดีในงานแต่งงานของท่านประธานและนายหญิงที่เป็นสาวงามจากเกียวโต ผมถึงได้รู้ว่าอืม ผมทำงานมานานแล้ว และการทำงานที่นี่ทำให้ผมมีความสุขมาก ถึงแม้ท่านประธานจะมีท่าทีดูถูกสามัญชน แต่เขาก็เงินหนา ทำให้ผมหลับหูหลับตาข้างหนึ่ง จนกระทั่งวันนั้น
"ซาซาจิมะ ฉันได้ลูกชายแล้วล่ะ!!"
"ยินดีด้วยนะครับท่านประธาน"
ท่านประธานมีท่าทีแจ่มใสอารมณ์ดี ทุกคนในบริษัทและบริษัทในเครือได้รับโบนัสกัน ยิ้มแย้มไม่แพ้ท่านประธาน
ผมรู้สึกว่า อืม ผมทำงานที่นี่มานานแฮะ ครั้งหนึ่งบริษัทคู่แข่งยื่นข้อเสนอให้ผม ผมจำได้ว่าสิ่งที่ผมทำคือปฏิเสธทันที นั้นทำให้เขาแปลกใจ แต่ก็น้า ถึงท่านประธานและนายหญิงจะดูถูกสามัญชน แต่บริษัทที่ค่าตอบแทนและสวัสดิการดีแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆนะ
"ซาซาจิมะ!ฉันได้ลูกสาวแล้วล่ะ!!"
"ยินดีด้วยนะครับ ท่านประธาน"
ผมคิดว่าโบนัสปีนี้คงไม่เลวเลย แต่ท่านประธานกลับทำเหมือนมีงานเทศกาลปีใหม่ติดต่อกันทั้งสัปดาห์
"ท่านประธานครับ ครั้งนี้ใจป้ำไปรึเปล่าครับ"ถึงแม้เลขในบัญชีจะแทบไม่กระดิกก็เถอะ แต่บอสที่ควรขูดเลือดเนื้อพนักงานในดีใส่แบบนี้มันน่ากลัวนะ
"งั้นหรอ เขาบอกว่าถ้ารวบรวมคำอวยพรได้มากๆ เด็กผู้หญิงจะมีความสุขนี่นะ"
"...ยอดไปเลยนะครับ"จู่ๆผมก็รู้สึกว่าท่านประธานที่น่าเคารพของผมเริ่มมีความคิดแปลกๆ แต่หลังจากสัปดาห์นั้นทุกอย่างก็ปกติ
ผมจับสังเกตได้ว่าท่านประธานที่ชื่นชอบการกินเริ่มกลมขึ้นเรื่อยๆ
"ท่านประธานครับช่วงนี้เทรนเนอร์ได้แนะนำการออกกำลังกายใหม่ๆรึเปล่าครับ"
"หืม เดี๋ยวนี้นายสนใจออกกำลังกายแล้วหรอ"
"ครับ พอดีว่าผมเห็นข่าวว่ามีวิธีออกกำลังกายใหม่ๆเข้ามา"
"งั้นเรอะ ช่วงนี้เรย์กะกำลังจะเดินได้ เพราะฉะนั้น เวลาออกกำลังกายไม่มีหรอกนะ ฉันคงแนะนำให้ไม่ได้"
"...งั้นสินะครับ"ดูเหมือนท่านจะมีความสุขกับการเป็นพ่อสินะ จู่ๆผมก็รู้สึกว่า คำว่าพ่อเนี่ย ไม่ว่าฐานะไหน ก็เป็นพ่อเหมือนกันน้า
"ซาซาจิมะ เรย์กะเรียกฉันว่าพ่อได้ด้วยล่ะ!! เด็กผู้หญิงเนี่ยน่ารักจริงๆนะ!!"
"ครับ ท่านประธานเป็นท่านพ่อที่โชคดีมากๆเลยครับ"
"ฮ่าๆ งั้นสินะ"ท่านครับยืดพุงแบบนั้นระวังปวดหลังนะครับ
วันนั้นผมนอนหลับสนิท ผมรู้สึกว่าเป็นวันที่ยอดเยี่ยมไปเลย เสียงโทรศัพท์ก็ส่งเสียงออกมา
"สวัสดีครับ ท่านประธาน"ผมกรอกเสียงที่เรียบนิ่งไม่มีความง่วงงุนลงไป ไม่จำเป็นต้องดูหมายเลข
"เรย์กะป่วยล่ะ ซาซาจิมะ เรียกหมอที"
"...ได้ครับ ท่านประธาน"แม้ว่าผมอยากจะถามท่านประธานว่า หัวหน้าพ่อบ้านล่ะครับ แต่ผมก็ต่อสายไปหาหมอประจำตระกูลคิโชวอิน จากนั้น
"อ้อ ครับ ผมกำลังเดินทางครับคุณซาซาจิมะ คุณโทรมาหลังจากผมวางสายจากคุณพ่อบ้านเลยนะครับ"...ท่านประธานครับ
จู่ๆผมก็นึกขึ้นได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่คนแห่มายื่นข้อเสนอดีๆให้กับผม
"ซาซาจิมะ เมื่อคืนนี้เรย์กะที่น่ารักงอนฉันอีกแล้ว"
"ซาซาจิมะ วันนี้เรย์กะพูดเรื่องไม่ไว้วางใจฉันอีกแล้ว"
"ซาซาจิมะ..."
ก่อนผมจะรู้ตัว ผมมองรอบห้องทำงานของผม ชั้นหนังสือที่เดิมทีมีหนังสือต่างประเทศ ตอนนี้มีหนังสือเกี่ยวกับการถักตุ๊กตา ผ้าพันคอ วิธีเอาใจผู้หญิง หรืออะไรเกี่ยวกับแฟชั่นสำหรับวัยรุ่น
ก๊อก ก๊อก
"เชิญครับ"
"คุณซาซาจิมะคะ ร้านอัญมณีกับแบรนด์อื่นๆส่งคอลเลคชั่นใหม่มาค่ะ"ผู้ช่วยของผมนำหนังสือห่อปกหนังอย่างหรูหราเข้ามากองใหญ่ ผมเปิดดูจนทั่ว หยิบเล่มที่ผ่านออกมา
"นอกนั้นเอาไปทำอะไรก็ทำเถอะ"
ผมรอเอกสารอีกสองสามอย่างก็หอบเอกสารกองใหญ่ไปที่ห้องท่านประธาน
"ท่านประธานครับ นี่เป็นเอกสารเร่งด่วนที่เพิ่งมาถึง นี่เป็นเอกสาร..."ผมอธิบายและมองเห็นท่านประธานเปิดเอกสารกวาดสายตาผ่านก็เปิดหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เซ็น วาง ฉบับต่อไปก็วงหลายๆที่โยนไปอีกฟาก เอกสารสัญญาที่หนาปึก ท่านตัดสินใจแค่แวบเดียว ท่าทางเคร่งขรึม ให้ความรู้สึก ข้าคือท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ เท่จริงๆน้า
"นี่เป็นเครื่องเพชรคอลเลคชั่นใหม่ที่น่าสนใจครับ และนี่เป็นคอลเลคชั่นใหม่จากแบรนด์ต่างๆ"ท่านประธานมีสายตาที่เฉียบแหลมไม่ใช่แค่ในเรื่องธุรกิจเท่านั้น
"เออ จริงสิ ซาซาจิมะ ดูเหมือนช่วงนี้เรย์กะจะเครียดๆจากโรงเรียนนะ"
"ครับ ผมจะสอบถามผู้อำนวยการและท่านที่สนิทกับท่านเรย์กะ แล้วรายงานท่านนะครับ"
ผมเอางานมาส่งและปรึกษาเรื่องต่างๆกับท่านประธาน ทำเป็นมองไม่เห็นถุงขนาดใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่มุมโต๊ะ จนเมื่อเรื่องงานเรียบร้อย
"ขออนุญาตนะครับท่านประธาน นี่คืออะไรหรือครับ"ใบหน้าท่านประธานเต็มไปด้วยความพอใจ
"อื้อ นี่เป็นผ้าพันคอที่เรย์กะถักให้ฉันล่ะ"
"ดีจริงๆนะครับท่าน ลูกๆของผมไม่เคยให้ของทำมือให้ผมสักครั้งเลย"ผมถอนหายใจ แสดงสายตาอิจฉาไม่มากไม่น้อยเกินไป
"ฮุ งั้นรึ พยายามเข้านะ ซาซาจิมะ"
"ขอบคุณครับ ท่านประธาน กระผมขอตัวก่อนนะครับ"
เดือนนั้นผมได้โบนัสที่มากกว่าปกติ ผมลูบคางขณะดูตัวเลขในบัญชี ที่ไม่ค่อยพร่อง เพราะ ผมไม่มีเวลาใช้ ถึงจะไม่ถึงขึ้นเศรษฐี แต่ก็ระดับค่อนข้างมีฐานะเลยล่ะ
กริ๊ง
"ซาซาจิมะ นายมา..."ท่านประธานดูเหมือนจะทำให้คุณหนูโกรธอีกแล้ว
"รับทราบแล้วครับท่านประธาน ผมจะไปเดี๋ยวนี้"ผมวางสายและมองโทรศัพท์เหมือนสิ่งที่เกลียดที่สุด
จบแล้วเหรอ!?
มีอีก แต่ยาว กูเลยตัดๆมาลงอ่ะ แฮ่
วันนี้ทำไมมันเงียบจัง เกิดอะไรขึ้น?
คิดถึงสมัยที่กระทู้เต็มในสามสี่วัน 5555
พวกมึงก็เม้าหนุ่มอีตันแบบเมื่อก่อนกันสิ เผื่อกระทู้จะได้วิ่งไวๆแบบตอนนั้น 555555555555555555
ตอนใหม่มาแล้วววว
ซาโตมิ นายรอดชีวิตมาได้ทุกวันนี้เพราะความระมัดระวังแท้ ๆ
อาซึมิ นายนี่มันโชคร้ายชะมัด
ตอนใหม่นี่เอ็นโจ!!! นายเป็นบอสลับจริงๆด้วย นี่ตกลงที่กาวๆกันเอาไว้ดันเป็นจริงซะด้วยสิ!! ซาโตมิ๊~~~~ ขอบคุณมากที่ช่วยให้เรือเอ็นโจพุ่งขึ้นจากน้ำ!!
ซาโตมิ สรุปนายโดนปาเกลือใส่จริงๆด้วยยยย แม่งเอ๊ยยย ตอนแรกกูนึกว่าเจ้าแม่แค่เปรยเล่นๆว่าจะปา
เอ็นโจนี่มีการออกมาบอกว่าจะเข้าข้างคิโชอินด้วยนะ จริงๆในใจก็เอนเอียงไปฝั่งเรย์กะอยู่แล้วอ่ะนะ
กัปตันชมรมบอลไปเป็นไดนากงวิวัฒนาการจนกลายมาเป็นถั่วแดงคุงไปซะแล้ว สงสาร
ทาคากิแม่งเป็นแชมป์ซวยชัดๆ สงสาร
ทำไมผู้ชายเรื่องนี้น่าสงสารขนาดนี้วะ5555555
ทำไมเซริกะกับคิคุโนะเป็นสมุนเอ้ยเพื่อนที่ดีขนาดนี้วะ โคตรเข้าข้าง คือมีฟีลว่านางมองทะลุฟิลเตอร์เจ้าแม่แต่ก็ยังเออออห่อหมก
กูว่าถึงทั้งซุยรันจะรู้ว่านางเอ๋อตะกละขี้มโน ก็ไม่มีใครมาทำอะไรนางได้เพราะมีซ้ายขวาเป็นเซริกะคิคุโนะนี่แหละ5555
ซึรุฮานะก่อกบฏนี่ถือเป็นอีเวนท์ใหญ่ในซุยรันเลยสินะ
ถึงกับตั้งชื่อเหตุการณ์กันเลยทีเดียว ยังกะเหตุการณ์ทางการเมืองเลยเนอะ
ตอนนี้โคตรจุใจหลังจากไม่เห็นมาหลายวัน โคตรอิ่มเอม ขอบคุณโม่งแปล กูฟินมาก
เอ็นโจเนี่ยกูว่าละ ใครมีเรื่องกับเรย์กะ พี่แกไม่มีทางปล่อยไว้ ออกตัวปกป้องตลอดทุกครั้งเลย แถมยังไปบอกจะเข้าข้างอย่างออกหน้าออกตาด้วย เพราะแบบนี้ล่ะน้า กูถึงรักเขา ซาโตมิกู๊ดจ๊อบ ความดีขององค์ชายมีคนรู้เห็น ตอนฮีมาเรียกให้คุยด้วย พวกซึรุฮานะน่าจะประจักษ์อะไรหลายๆอย่างได้ในบัดนั้น
นายเอสชมรมจากชื่อเท่ๆแม่งกลายเป็นถั่วแดงคุงไปซะละ โถ น่าสงสาร แต่กูก็ขำ ถถถถถถถถถถถถถถถ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชของคิโชวอินนี่ช่างมีอิทธิพลกว้างขวางจริงๆ ตอนท้ายเนี่ยโดนเกลือขว้างใส่จริงๆเรอะ กูนึกว่าล้อเล่นซะอีก
ขอบคุณโม่งแปลมาก ตอนนี้เอ็นโจออกมาน้อยแต่ทำ critical hit ได้เต็มๆ จัดว่าดี
นึกว่าเอ็นโจจะโดนตั้งฉายาพระศิวะ เพิ่มไปซะแล้ว 5555
แต่ก็อยากเห็นเอ็นโจโดนเรย์กะเหยียบอกอ่ะนะ 555555
กรี๊ดดดดดด เอ็นโจจจจจจจ กูรักเขาจังข่ะ กูแพ้คาแรคเตอร์แบบนี้ ปกป้องทั้งต่อหน้าและลับหลัง ปกป้องมาตลอด ถึงว่าตอนนั้นนายหายไปไหน เวลาคุณคิโชวอินเดือดร้อน คนอย่างนายไม่มีทางยอมอยู่เฉยแน่ๆ ค่าตัวแพงจริงๆนะยะ //กอดชูสุมอยหนุบหนับ
ในที่สุดดดด เหตุการณ์นั้นเอ็นโจเป็นบอสลับในที่มืดจริงๆด้วยอ่ะ ความดีงามนี้ช่างดีเหลือเกินนน ขอบคุณนซาโตมิคุง! ส่วนนายนี่โดนปาเกลือใส่จริงๆสินะ55555ไม่นึกว่าท่านเรย์กะจะไปปาจริงๆเลยนะแค่นี้เค้าก็หาว่าเพี้ยนจะแย่ละ ส่วนพวกเซริกะท่าทางเรื่องเกลือคงรู้จริงๆใช่มั้ยว่าพกมาตอนที่เดินในห้องพักละพื้นสากๆอ่ะคงรู้สินะ55555พวกนี้คงรักท่านเรย์กะมากจริงๆนะเหมือนแม่ปกป้องลูกเลยต่อให้เพี้ยนแค่ไหนก็ออกตัวมาปกป้องงี้ มิตรภาพช่างซาบซึ้ง
ทำไมกูไม่เคยนึกถึงเลยวะว่าเจ้าแม่กาลีจะเหยียบอกพระศิวะ ซักแวบก็ไม่มี ซาโตมินายทำได้ดีมาก แค่คิดว่าพ่อบ้านใจกล้าโดนเหยียบก็เขินแทนแล้ว อ๊าย อ๊าย อ๊าย! ถ้าท่านเรย์กะปรี๊ดแตกเอ็นโจก็เอ็นโจเท้อ
มุมมองซาโตมิดีงามและยาวมาก คุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ มุมมองกว้างมากนะนาย กวาดไปรอบวงได้มาเพียบเชียว จะว่าไปก็มองท่านเรย์กะขาดเหมือนกันนะเนี่ย ว่าแต่กูเพิ่งรู้เนี่ยแหละว่าเครื่องคิดเลขกะปลอกนิ้วของท่านเรย์กะเป็นแบบวิบวับฟรุ้งฟริ้ง 555
กบฏซึรุฮานะนี่แม่งกลายเป็นตำนานไปแล้วเหรอวะ ชื่อเท่ชิบ มีภาคฤดูใบไม้ผลิกับฤดูหนาวด้วย พ่ายยับไปทั้ง 2 รอบแบบนี้ก็สมควรต้องเป็นวิญญาณอาฆาตอยู่หรอกนะ แต่แม่ง ขนาดเป็นมุมมองคนอื่นเอ็นโจก็ยังโผล่มาตั้ง 1 ช็อตเด็ดๆ เชียวนะ โคตรปลาบปลื้มเลยฮ้าาา ชูสุมอยสุดที่รักของกู~
ขอบใจโม่งแปลมากกก. ทำให้วันนี้เป็นวันที่ดีวันนึง
กูขำกบฏซึรุฮานะกับระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาก โม่งแปลกูรักมึง55555555
ปั๋วนู๋คร่ะปั๋วนู๋ ชูป้ายไฟโบกธงให้เอาเรย์กะลงคาน เอ็นโจมารอบนี้เอาซะกูภาษาวิบัติเลย หอมมึงทีนะโม่งแปล
จะว่าไป จอมมารคนนี้ คงแค่ทวงบุญคุณเพื่อแกล้งท่านเรย์กะเล่นจริงๆสินะ พอสาวเริ่มไม่สนใจมาวนๆเวียนๆสร้างบุญคุณให้เขาผวาคิดถึง แต่ช่วยที่ลับก็ไม่ได้ทวงบุญคุณอะไรเลย ตอนนี้กูอ่านแล้วแฮปปี้ ดีดดิ้นด้วยความพอใจ กระโดดกอดขาโม่งแปลด้วยความซาบซึ้ง
วันนี้ไปอ่านตอนเก่าซ้ำ เลยไปเจอตอนที่เรย์กะแนะนำคาบุรากิเรื่องของขวัญให้วาคาบะว่าควรเป็น "ของที่ให้แล้วหมดไป" เลยถึงเพิ่งรู้ว่าตอนที่เอ็นโจแนะนำกอล์ฟมาร์คเกอร์ให้เรย์กะ แล้วถามว่าเรย์กะว่าท่านพี่แนะนำว่าอะไร พอรู้คำแนะนำของท่านพี่จากเรย์กะ เอ็นโจถึงกับเปรยมาว่า "ฮะฮะฮะ ก็สมแล้วล่ะนะ" ของเอ็นโจแปลว่าอะไร
ตอนแรกก็คิดว่าเอ็นโจคิดว่าท่านพี่หวงน้องสาว ที่ไหนได้ กลายเป็นว่าสมกับเป็นพี่น้องกันเลย คำแนะนำเหมือนกันเป๊ะ 555
ดีใจที่ชอบตอนนี้กันนะ ตอนอ่านแล้วกูสครีมหนักมาก ต้องการหาเพื่อนกรี๊ดอย่างแรง ฮือออออออออ
ไหนๆ ก็ไหนๆ โยนลิงค์ที่ไม่ได้ลงมาแปะตรงนี้ละกัน ตอนนี้อภิธานศัพท์ยาวมาก ขี้เกียจแปะเพิ่ม ตัวนากหญ้านี่เล่นเอากูสำลักมาก เรย์กะ เธอจะโดนเพื่อนเล่นไปถึงไหน 555555
ตัวนากหญ้า
http://www.naturephoto-cz.com/photos/maly/นากหญ้า-78x_1744.jpg
เรื่องของสามวิญญาณอาฆาต ไทระ มาซาคาโดะ
http://anngle.org/th/j-culture/vips/onryoupt2.html
>>555 เหยียบอกไม่เห็นแต่ถ้าโดนต่อยท้องจนตัวงอเนี่ยพอแทนกันได้ไหม? ตามประวัตินี่พระแม่อุมารักพระศิวะมากกกกกกกนะ ตอนเป็นกาลีที่ดีใจจนกระโดดโลดเต้นจนโลกจะแตกแต่ไม่มีใครกล้าห้ามมีแต่พระศิวะนี่แหล่ะมายอมให้เหยียบอก (ไม่กล้าทำร้ายเมีย?) จนพระแม่กาลีมาเห็นตกใจยอมหยุดกลายเป็นพระแม่อุมามาดูแลพระศิวะทันทีเลย แต่ถ้าจะอวยเอ็นโจเป็นพระศิวะนี่จะให้ความรักสมหวังคงนานอ่ะแกเพราะประวัติรักพระอุมากับพระศิวะนี่กว่าทั้ง 2 จะรักกันทวยเทพลุ้นแล้วลุ้นอีก เสียสละกามเทพ ก็กินเวลาหลายร้อยปีเชียว
>>565 ขอบคุณมึงมาก กูอ่านไปกรีดร้องไปหลายรอบละ ไม่ไหวแล้วมึงงงงงงง คนบ้าอะไรทำดาเมจต่อใจกูได้ขนาดนี้ กูรักเขา โอ๊ย สิ่งที่เขาทำเพื่อเรย์กะมันทำให้กูรักเขาและเชียร์เขาจริงๆ อยากให้เขาสมหวังโว้ยยยยยยย เดี๋ยวกูจะรีบเขียนเอ็นโจ side story มาให้ถึงตอนนี้เลย กูมีพลังใจและพลังกาวในการปั่นฟิคแย้วววว
กูลั่นตัวนากหญ้า มันก็น่ารักดีอยู่หรอกนะ แต่เพื่อนเธอเห็นเธอเป็นยังไงเนี่ย แล้วตอนลองชุดหนู เรย์กะมีส่ายตูดดุ๊กดิ๊กด้วยเรอะ แหม่ น่ารัก 5555555
>>566 เสียสละกามเทพ อย่าบอกนะว่าเสียสละยูกิโนะคุงน่ะ 555555555555555555555555555
ฮ่าาาาาห์ ตอนนี้ช่างดีต่อใจจริงๆ
กุอ่านตอนล่าสุด แล้วกุไม่คิดว่าเรย์กะเป็นเจ้าแม่ไรเลยอ่ะ เหมือนลูกรักที่สาวๆพร้อมปกป้อง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม 5555555 โคตรน่าเอ็นดู
ซาโตมิมีแฟนล่ะอ่ะ กุเซ็งเบาๆ แอบเชียร์นิดๆ เป็นคนที่ไม่กลัวแท้ๆ แต่ก็นะ friend zoneไปอีกคน 555555
ความกาวของพวกเรานี้ใกล้ความจริงๆหลายอย่างเลยอ่ะ โคตรเทพ แต่ไม่เคยมีแวบมาในหัวเรื่องเจ้าแม่กาลีระบำเลยสักนิด กุคิดแค่ปางโกรธ โมโห ทำลายล้าง ช่างเป็นจุดเล็กๆที่ยิ่งใหญ่จริงๆฉายานี้
อยู่กับวาคาบะจังนี่คำเดียวนะคะ ส่วนอยู่กับซาโตมิคุงเป็นชิ้นเดียวนะคะหรอเนี่ย ว่าแต่กระทั่งอาคิซาวะคุงก็รู้ด้วยแฮะว่าควรเอาขนมให้ท่านเรย์กะ 55555
ตอนนี้ขำทุกย่อหน้าเลย ในบรรดาเหยื่อ(?)ของท่านเรย์กะสงสารเอสชมรมฟุตบอลที่สุดแล้ว สถานะตกตำลงชั่วข้ามคืน แต่ทั้งเซริกะ คิคุโนะรู้หมดเลยแฮะว่าท่านเรย์กะปาเกลือ แบบนี้ถึงแอบปาตอนไปอาบน้ำก็ไม่มีผลอะไรสินะ 5555
ว่าไปดูตอนที่พูดถึงความเกรงกลัวของเหล่าผู้ชายที่มีต่อท่านเรย์กะ (+กลัวสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งซุยรัน ฟูจินไรจิน) ก็พอเข้าใจอยู่นะที่ไม่มีคนมาจีบ.....
ไหนๆไล่ไปได้หลายคนแล้ว ช่วยไปไล่ตาไก่โง่ด้วยอีกคนซิ ออกมากี่ทีก็น่ารำคาญ พูดแต่ประโยคเดิมๆ คนตั้งโปรแกรมเขาตั้งมาให้พูดแค่นี้เรอะ
พูดถึงเอสชมรมเนี่ย กูลั่นตอนที่ซาโตมิพูด "เฮ้ ถั่วแดง" ชิบหายเลยว่ะ 555555555555555555 มีความตบมุก มีการแซวกันกันเกิดขึ้น จากที่เป็นเอสชมรมเท่ๆ เจอถั่วแดงเข้าไปนี่หมดกัน 5555555555555555555 ท่าทางจะถูกโฉลกกับของสีแดงนะ พัดแดงเอย โบตั๋นแดงเอย แถมกลายเป็นนายถั่วแดงอีก
ตอนนี้ซาโตมิกู๊ดจ๊อบมากจริงๆ กูชอบแกงค์เพื่อนสาวของเรย์กะ ทุกคนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ประถม ฟิลเตอร์อะไรคงไม่เหลือแล้ว แต่ยอมเออออด้วย แถมห่วงดูแลเหมือนน้องคนเล็ก มีสอดส่องด้วยความเป็นห่วงอีก นึกถึงที่ท่านเรย์กะไปห้องพยาบาลคนเดียวสมัย ม.ต้น แล้วบอกทุกคนว่าได้คุณอิโคมะช่วย มีคนนึงในกลุ่มให้ภาพลักษณ์พี่สาวบอกขอบคุณที่ดูแลแทนด้วย ความสัมพันธ์โคตรน่าเอ็นดู ยูริเรื่องนี้ดีงามมมากจริงๆ ที่ภาพลักษณ์เรย์กะยังเป็นผู้ยิ่งใหญ่อยู่ได้นี่ต้องขอบคุณพวกสาวๆใช่มั้ย
ในที่สุดเอสชมรมฟุตบอลก็มีชื่อ แต่กลาสเป็นนายถั่วแดงไปแล้ว นี่ท่านเรย์กะสกัดความป๊อปมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วนี่นา 555
และกูขำกบถซรึรุฮานะมาก มาเป็นชื่อภาคเลย
ซาโตมิคนปากร้าย ในสายตานายทั้งจักรพรรดิทั้งประธานนักเรียนล้วนไร้หัวคิดสินะ
>>567 ที่เสียสละกามเทพ ก็เพราะกามเทพจะยิ่งศรรักให้พระศิวะหลงรักพระอุมาไงแต่ดันไปทำให้ตาที่สามเปิดก็โดนไฟเผาไหม้ตายไป แต่ศรรักไปปักโดนพอเลยเลยหลงรักพระแม่อุมา ถือว่ากามเทพที่สละชีพเพื่อโลกจริงๆว่ะ หรือว่ายูกิโนะเสียสละตัวเองให้เรย์กะหลงรักเอ็นโจว่ะ แบบท่าอ้อนพิฆาตพี่สาว พอเรย์กะกับเอ็นโจรักกันก็สละคาบเทวดาเป็นมารน้อยแกล้งพี่ชายแทน
>>577 แอ๊ะ ไม่ใช่คาปิบาร่าจริงๆ ด้วย เป็นแค่ญาติๆ กัน แต่ถ้าเป็นไอ้ตัวนี้แสดงว่าหูหนูที่เอามาติดมันอันเล็กเกินไปรึเปล่านะ เลยไม่สมส่วน...
จะว่าไป ฟิลเตอร์ของเพื่อนสาวๆ ที่สนิทกัน มันก็ยังคงมีอยู่บ้างละน่า ไม่งั้นคงจะไม่เพ้อถึงความสัมพันธ์อันสุดโรแมนซ์ของท่านเรย์กะกับจักรพรรดิ์รึเอ็นโจกันหรอกมั๊ง อาจจะเลือกติดฟิลเตอร์เป็นเฉพาะกิจก็ได้รึป่าว
จุดอ่อนของกินนี่ขอแค่สนิทกันสักหน่อยก็รู้กันหมดเลยสินะ บ้านวาคาบะรู้ พวกเซริกะรู้ ซากุราโกะรู้ อาคิสะวะรู้ ซาโตมิรู้ ท่านพ่อที่หิ้วขนมมาเอาใจอยู่เรื่อยก็รู้ ท่านพี่ย่อยรู้อยู่แล้ว ท่านอิมารินี่รู้ตั้งแต่ประถม ยังเคยเล่นป้อนอาหารลูกนกอยู่เลย กูว่าตอนท่านเรย์กะทานขนมต้องน่ารักมากแน่ๆ! แบบตาเป็นประกายวิบวับ แผ่ออร่ามีความสุข หน้าร่าเริงยิ้มแย้มจนเห็นลักยิ้มที่มุมปาก ชัดแบบคนรอบข้างมองก็รู้ว่าชอบมากก ใครบางคนถึงชอบแอบมองตอนเขากิน---
กูไม่แปลกใจเลยที่ตอนอิชิโนะคุระมีแต่คนเข้าใจผิด เพราะเข้าหาได้ตรงเป้ามาก ขนาดท่านพี่ยังคิดว่าน้องสาวติดหล่มไปแล้ว 555
และโม่งแปล รักมึง กูคิดถึงมึงมากกกก มาให้กูปล้ำจูบสักหลายยกมา >3<
จะว่าไป ขนาดซาโตมิคุงท่าทางจะหัวไวตาไวแท้ๆ แต่มองทะลุหนังแมวของซากุระโกะไม่ได้แฮะ5555 เจ๊แกเลเวลสูงจริงๆ
อ้อ อีกเรื่องคือไม่รู้ว่าทำไมตอนม.4เรย์กะถึงชอบไปห้องสภานักเรียน
ที่ไรจินฟูจินชงคาบุรากิกับเอ็นโจวให้คู่เรย์กะอยู่เสมอนี่ เมื่อก่อนกูคิดนะว่าเพราะพวกนางเข้าใจผิดไปเองว่าเรย์กะต้องสนใจสองคนนี้
แต่ตอนนี้กูเปลี่ยนความคิดละ จากที่เห็นว่ารู้กระทั่งเกลือ
กูว่าพวกนางห่วงเรย์กะจะโดนผู้ที่ไม่คู่ควรหลอกไปเลยชงคนที่พวกนางสแกนว่าผ่านแล้วให้ แต่ว่าเหมือนลูกสาวจะไม่สนใจเลย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ยังไม่ละความพยายามที่จะชง
พอลูกบอกปัดก็กลับไปตั้งหลักแล้วหาเรื่องมาชงใหม่ไรงี้
เพราะกูสงสัยมานานแ้วพวกนี้ชอบเอาคาบุเอ็นโจวมาพูดกับเรย์กะ เรย์กะแสดงสีน้าชัดจะตายว่าไม่โอเค จะไม่รู้เลยเหรอว่าเรย์กะอยากอยู่ห่างๆสองคนนี้ ริรินะยังสัมปัสได้เลย เพราะงั้นสองคนนี้พยายามหาคู่มาให้เรย์กะลงจากคานแน่นอนแต่ลูกสาวไม่ให้ความร่วมมือเลย 55555555
>>586 ก่อนหน้านั้นซาโตมิอยู่คนละห้องมาตลอดเลยนี่ ไม่เคยได้คุย ไม่สนิท เลยไม่รู้เรื่องที่เรย์กะชอบไปสภานักเรียนเพราะแอบชอบโทโมเอะ แต่หัวหน้าห้องรู้ ส่วนเรื่องซากุระ ฮีเพิ่งจะเคยเจอในงานโรงเรียน จะมองทะลุหน้ากากหนังแมวไม่ออกก็ไม่แปลกอะไร แต่ถ้าลองมาคุยจริงๆจังๆแบบท่านเรย์กะ กูว่าซาโตมิมองออกได้ไม่ยาก ถ้าไม่ติดฟิลเตอร์ยามาโตะนาเดชิโกะในใจก่อนนะ
>>584 ไม่! อย่ามาปล้ำกูนะ! อ้อมกอดกูมีไว้สำหรับเป็นที่พักใจให้คุณชายเอ็นโจผู้เหนื่อยล้ายิ้มขื่นๆ ตลอดเวลาเท่านั้น เมื่อไหร่ท่านเรย์กะจะรู้เห็นถึงความดีของคุณชายของบ่าวเสียที ซิกๆ ยิ่งคิดถึงว่าระหว่างที่เอ็นโจไปเจรจากับซึรุฮานะอยู่นี่ นางก็เอาเขาไปขายข่าวลือกับคุณยุยโกะตอนไวท์เดย์อีก โถววววววววว
แต่ท่านเรย์กะตอนกินนี่น่าจะมีออร่าความสุขฉายชัดจริงๆ น่ะแหละ ทั้งบ้านวาคาบะก็อยากกินข้าวด้วย คุณอิชิโนะคุระก็อยากลากไปกินข้าวด้วยบ่อยๆ เอ็นโจยังถามเลยจะเอาของหวานสองอย่างไหม สั่งเค้กสิ แหม่ อยากส่องเขากินสินะพ่อคุณ
>>590 กูเชื่อว่าความดีขององค์ชายไม่มีทางสูญเปล่า ซักวันเรย์กะจะต้องได้เห็นแน่ๆ อ.ฮิโยโกะคงไม่ใจร้ายเกินไป
แต่กูว่าเรย์กะก็พอจะรู้นะเว้ยว่าเอ็นโจต้องเข้ามาช่วยเหลือนางในทางใดทางหนึ่งแน่ๆอ่ะ เวลามีปัญหา มีเรื่องเดือดร้อนไรงี้ นอกจากท่านพี่แล้ว นางชอบคิดเรื่องไปขอความช่วยเหลือจากเอ็นโจประจำนั่นล่ะ แต่ชอบตัดทิ้งไปเพราะคิดว่าต้องโดนทวงบุญคุณแน่ๆ
ตอนนี้งานการกูไม่ทำแล้วจ้าาาาา ไล่อ่านตอนเก่าๆเพื่อเป็นเชื้อเพลิงกาวเขียนฟิค จะรีบเขียนมาเลยจ๊ะ กูสัญญา
ปล. ไล่อ่านถึงตอนที่ 171 ที่เรย์กะพูดถึงตระกูลตกต่ำเป็นสนธยาลาลับฟ้า กูว่าคงมาจากชื่อนิยายของดะไซ โอซามุเรื่องอาทิตย์ลับฟ้า เกี่ยวกับครอบครัวผู้ดีที่มีอันต้องล่มสลายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ครอบครัวคิโชวอินในคิมิดอลคงไม่น่าเศร้าเท่าเรื่องนี้หรอกมั้งงงงงง
>>582 เออ เดี๋ยวกูเขียนมาให้อ่านต่อ ตอนนี้กูอารมณ์ดีมากๆ 5555555555555555555555
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะโม่งแปล ตอนยาวมากจริงๆ อิ่มสะใจมาก
เห็นด้วยกับคอมเม้นในแมวดุ้นที่ว่าอยากได้มุมมองคนนอกของ ฟูจินไรจิน เอาตั้งแต่เริ่มรู้จักดันยันปัจจุบัน มันต้องตลกมากแน่ๆ555
KY กูว่าภาพลักษณ์คนนอกมากๆต้องมองท่านเรย์กะเป็นแบบในนี้แน่เลย http://www.marumura.com/japanese-ladies/
สวัสดีชาวเรือเอ็นโจ กูกลับมาแล้ว ขอโทษที่ทรยศออกไปนั่งบนเรือลำอื่นเล่นมาสักพักด้วยค่ะ
ฮือออ ท่านจอมมารขาาาาา
รับกูกลับขึ้นเรือหน่อยยยยย
ตอนนี้ทำเอากูโดดกลับขึ้นเรือจอมมารเหมือนกัน แต่กูไม่คลายร่างแยกที่สิงอยู่บนเรือลำอื่นหรอกนะ 55555
~Suiran IG Story~
[reika_k] : *โพสต์รูปขนม* วันนี้ทานสิ่งนี้นะคะ รสชาติน่าประทับใจมากเลย ถ้ามาร้านนี้ก็ขอแนะนำทุกท่านลองสั่งมาชิมนะคะ #อร่อยมาก #ชื่อขนม #ชื่อร้าน #เมนูแนะนำ
liked by shuusuke.en and 424 others
[masaya1311] *โพสต์รูปของทำมือ* made by heart. ;)
liked by shuusuke.en and 501 others
[shuusuke.en] *โพสต์รูปลาเต้อาร์ต* วันนี้คุณน้องชายทำรูปนี้ให้ ขอบใจนะยูกิโนะ!
liked by reika_k and 499 others
กรุ๊ปลับซุยรัน
-เวลาเรย์กะลงรูป-
-จะมีคนที่ตาดี(ซูม)ดูตามเงาสะท้อนของสิ่งต่างๆ เช่น ช้อน แก้ว ว่าเรย์กะไปกับใคร-
-พอมาซายะลงรูป-
นักเรียนหญิง A : ท่านคาบุรากิทำให้ใครน่ะคะ!?
นักเรียนหญิง B : จะว่าไปวันก่อนก็เห็นท่านคาบุรากิมอบของให้ท่านเรย์กะนี่คะ
นักเรียนหญิง C : หรือว่า...!!!
-ทั้งกรุ๊ปส่งสติ๊กเกอร์กรี๊ดกร๊าด-
-เอ็นโจลงรูป, เรย์กะไลค์-
นักเรียนหญิง D : ท่านเรย์กะเนี่ยไลค์รูปท่านเอ็นโจบ่อยจริงๆเลยนะคะ
นักเรียนหญิง E : กลับกันนั้น ท่านเรย์กะก็ไม่ค่อยเห็นไลค์รูปท่านคาบุรากิ ทั้งๆที่เห็นมอบของให้กันบ่อยขนาดนั้น
นักเรียนหญิง F : หรือว่าท่านเรย์กะจะเขินคะ?
------------------------------------------------------------------------
[shuusuke.en] คุณน้องชายบ่นอยากทานขนม เลยพามาจิบน้ำชา ทานเค้ก ก่อนกลับบ้านที่ *ชื่อร้าน*
(ถ่ายเน้นเค้ก น้ำชา แต่ให้เห็นว่าฝั่งตรงข้าม ข้างๆยูกิโนะมีคนใส่เครื่องแบบหญิงซุยรัน)
กรุ๊ปลับซุยรัน [แจ้งเตือน 99+]
นักเรียนหญิง G : วันนี้เห็นท่านเรย์กะขึ้นรถไปพร้อมท่านเอ็นโจนะคะ!
[shuusuke.en] คุณน้องชายบ่นอยากทานขนม เลยพามาจิบน้ำชา ทานเค้ก ก่อนกลับบ้านที่ *ชื่อร้าน*
[masaya1311] หา? ทำไมไม่ชวนฉันไปด้วยล่ะ
กรุ๊ปลับซุยรัน
นักเรียนหญิง H : จักรพรรดิพิโรธแล้วค่ะทุกท่าน!!
ถามว่ากูว่างเหรอ ใช่จ้า ว่าง 5555555
กุขำพาร์ทซาโตมิสุดละอะ ทำได้แค่อุทานว่าซาโตมิคนเหี้ย55555555555555555555 อะไรคือคิโชวอิน เรย์กะ ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จงเจริญคืออะไร๊ กุหยุดขำไม่ได้555555555555555
แฟนที่โดนจับเป็นตัวประกันไว้ไม่ใช่ไปๆมาๆกลายเป็นน้องแว่นนะ
KY นิดนึง กูมาอ่านตอน225อีกรอบแล้วขำฟูจินไรจินชิบหาย ยังกะเป็นพ่อแม่กล่อมลูกนอน 55555555555
เอ็นโจ side story เขียนไม่ทัน อ่านไอ้นี่ฆ่าเวลากันไปก่อน
ฟิคเวียนในตำนาน >>>/webnovel/3805/790-793/
--------------------
เผลอกระพริบตานิดเดียววันเวลาก็ผ่านไปแล้ว วันงานมาถึงอย่างรวดเร็ว ชุดของฉันที่สั่งตัดขึ้นมาเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงก็เสร็จทันเวลาพอดี เป็นชุดเดรสสีขาวแบบเรียบๆยาวกรุยกรายกรอมเท้า พอติดปีกสีขาวเข้าไปก็กลายเป็นนางฟ้าได้ไม่ยาก
ฉันกับท่านไอระกรี๊ดกร๊าดกันเรื่องชุดที่จะไปงาน ส่งรูปถ่ายตอนลองชุดมาเทียบกันจนได้ชุดที่เราสองคนพึงพอใจ ท่านไอระยุให้ฉันเลือกชุดโชว์แผ่นหลังเกือบถึงสะโพกดูแล้วเซ็กซี่ไม่เบา นางฟ้าใส่ชุดที่ดูวาบหวิวขนาดนี้จะดีเหรอคะ ท่านพี่อาจจะไม่ชอบใจก็ได้นะ
“ก็เดี๋ยวเอาปีกมาปิดก็มองไม่เห็นแล้วนี่นา” ท่านไอระหัวเราะคิกคัก “ไม่มีใครรู้หรอกว่าเรย์กะจังใส่ชุดเปิดหลังน่ะ”
ฉันเลยยุให้ท่านไอระเลือกชุดแม่มดมินิสเกิร์ตหนังสีดำรัดรูปบ้าง พอใส่รองเท้าบู๊ทหนังส้นเข็มด้วยแล้วก็ดูเหมือนสาวพังค์ร็อคเลยแฮะ แต่คนสวยจะใส่อะไรก็สวยไปหมดนั่นล่ะน้า
ท่านแม่เรียกช่างเข้ามาแต่งหน้าและทำผมให้ฉันตั้งแต่บ่าย หมายมั่นจะให้ฉันเป็นคุณหนูผู้เฉิดฉายที่สุดในงานเลี้ยง แต่แต่งหน้าไปยังไงก็มีหน้ากากปิดทับอยู่ครึ่งหน้าอะนะ จะนับว่าเป็นการลงทุนที่เสียเปล่ารึเปล่าคะ
ท่านพี่เองก็ไม่ไปงานนี้ตามความคาดหมาย แต่บอกไว้ว่างานเลิกแล้วจะมารับทั้งฉันและท่านไอระกลับ อุตส่าห์คิดว่าท่านพี่จะมาด้วย จะได้แต่งเป็นเทวดากับนางฟ้าคู่กันในงานแท้ๆ
สถานที่จัดงานไม่ใช่ที่ที่เคยจัดงานปาร์ตี้ซัมเมอร์ของ Pivoine แต่เป็นอีกที่ที่งดงามหรูหราไม่แพ้กัน จัดที่โรงแรมห้าดาวอีกแห่งในเครือคาบุรากิ และได้มาดามคาบุรากิลงมาควบคุมดูแลงานด้วยตัวเอง งานเลี้ยงก็เลยดูยิ่งใหญ่อลังการ หรูหรา และน่าสะพรึงกลัวสมกับเป็นงานเลี้ยงของภูตผีปีศาจในวันฮาโลวีนเลยล่ะค่ะ
ฉันนัดท่านไอระไว้ก็เลยยังอยู่หน้างาน มองดูทุกคนทยอยเข้างานเลี้ยง ก็มีคนแต่งเป็นนางฟ้าเดินผ่านหน้าไปหลายคนจนอดรู้สึกแป้กๆไม่ได้
อุตส่าห์คิดไว้ว่าจะเป็นนางฟ้าเพียงหนึ่งเดียวในงานแล้วแท้ๆ ดันมีคนคิดแบบฉันอีกตั้งเยอะ แต่นี่มันก็เรื่องพื้นๆที่ใครจะคิดได้นี่นะ
ไม่เป็นไรหรอก ชุดนี้น่ะ มีความลับซ่อนอยู่หนึ่งอย่าง ฉันมั่นใจว่าไม่ซ้ำใครในงานนี้อย่างแน่นอน
“เรย์กะจัง” เสียงท่านไอระทักขึ้นจากด้านหลัง หันไปก็เห็นแม่มดสาวถือไม้กวาดเป็นพร็อพประกอบสมกับเป็นวันฮาโลวีน “คอยนานรึเปล่าเอ่ย”
“ไม่เลยค่ะ ทางนี้ก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
“น่ารักมากเลยจ้า” ท่านไอระหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “แต่งเป็นนางฟ้าระวังโดนภูตผีแถวนี้ลักพาตัวไปนะจ๊ะ”
“แหม” ฉันหัวเราะคลอไปด้วย ท่านไอระก็คุ้มครองฉันสิค้า
“จริงๆก็ชวนชูสุเกะมาด้วยล่ะ แต่เห็นว่างานยุ่งเลยอาจจะไม่ได้มา”
พวกผู้ชายนี่บ้างานกันจริงๆเลยนะคะ
เราเดินเข้างานไปทักทายท่านโยโกะที่เป็นโต้โผในการจัดงานครั้งนี้ด้วยกัน รวมทั้งทักทายคนอื่นๆที่รู้จัก จากนั้นก็ออกมายืนจิบค็อกเทล มองดูผีทั้งหลายเดินไปมาให้ขวั่กไขว่ ทั้งมนุษย์หมาป่า แฟรงเก้นสไตน์ แดรกคิวล่า มนุษย์ล่องหน ผีโครงกระดูก บางคนก็แต่งเป็นตัวละครฮีโร่ยอดนิยมในหนังฮอลลิวู้ด แต่บางคนก็จัดเต็ม แต่งมาซะน่ากลัวเชียว
อย่างเช่นนายคนที่ใส่หน้ากากผีที่ลูกตาปลอมหลุดออกมาจากเบ้าตา มันจะสยองเกินไปแล้วนะ....
ฉันคิดในใจว่าจะไม่เข้าใกล้คนพวกนั้นเด็ดขาด
นายหน้ากากผีคนนั้นหันขวับมา แล้วก็เดินมาทางฉันกับท่านไอระอย่างรวดเร็ว อึ๋ย!! น่ากลัวชะมัด ท่านไอระ ปกป้องฉันด้วยนะคะ
“คุณพี่เรย์กะ” เสียงใต้หน้ากากนี่มัน….ยูกิโนะคุงงั้นเหรอ อะ..เอาจริงดิ
“ยูกิโนะคุง”
“ครับ ผมเองครับ” ยูกิโนะคุงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ถอดหมวกโจรสลัดและหน้ากากผีเละๆนั่นออก แล้วก็หันไปทักทายท่านไอระ
พอถามว่ายูกิโนะคุงรู้ได้ยังไงว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้ ก็บอกว่าผมม้วนๆของฉันมันเป็นเอกลักษณ์ เลยเดินมาทักดูแล้วก็ใช่จริงๆด้วย
แหม...ควรจะดีใจดีรึเปล่าคะเนี่ยที่ถูกจำได้จากทรงผม
มาโอะจังกับยูริคุงก็วิ่งมาหาฉัน วันนี้มาโอะจังเป็นหนูน้อยหมวกแดง ส่วนยูริคุงเป็นหมาป่า พอฉันชมไปว่าเข้าคู่กันน่ารักมาก สองคนนี้ก็ยิ้มเอียงอายให้กันและกัน แหม จะน่าอิจฉาเกินไปแล้วนะคะ เจ้าคู่รักหวานแหววตรงนี้
คุยกันอยู่อีกพักหนึ่ง อัศวินในชุดเกราะและเคาน์เตสกระโปรงสุ่มแบบโบราณก็ควงคู่เดินมาหาที่พวกเรา น้ำเสียงสดใสใต้หน้ากากคาร์นิวัลนั่น วาคาบะจังสินะคะ ส่วนอัศวิน...ก็คาบุรากิ ชุดเกราะเป็นเหล็กแบบนี้ไม่ร้อนรึยังไง
ที่จริงก็เป็นงานเลี้ยงของ Pivoine แต่โรงแรมนี้ก็เป็นของตระกูลคาบุรากิ ให้ภรรยาเจ้าของมาร่วมงานด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อีกอย่างในงานก็ใส่หน้ากากกันเกือบหมด แทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นใคร
ฉันกับท่านไอระทักทายคาบุรากิและวาคาบะจัง คุยสัพเพเหระกันอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นท่านโยโกะขึ้นเวทีไปกล่าวประกาศเปิดงานเลี้ยง ไฟในงานค่อยๆหรี่ลงเรื่อยๆ พอมองเห็นได้สลัวๆ มีแต่แสงเทียนไขให้ความสว่างสมกับเป็นงานของเหล่าภูตผี
และความลับในชุดของฉันก็ได้เผยออกมาต่อสายตาคนอื่น
ชุดที่ควรจะกลืนหายไปในความมืดแบบคนอื่นๆ ก็ส่องแสงทอประกายระยิบระยับ เหมือนนางฟ้าได้ใช้เวทมนต์วิเศษเสกชุดนี้ออกมาให้ ถักทอเป็นเส้นใย พร่างพราวเหมือนดวงดาวที่อยู่บนฟ้ายามราตรี
ได้ยินเสียงฮือฮาจากคนรอบข้างด้วยล่ะค่ะ
“เหมือนเจ้าหญิงในนิทานเลยล่ะค่ะ” มาโอะจังทำตาเป็นประกายใส่ฉัน ท่านไอระกับวาคาบะจังก็ชมว่าสวย กรี๊ดกร๊าดใส่ฉันด้วยความตื่นเต้น
“เหมือนเอาดาวมาถักทอเป็นชุดเลยล่ะ”
แหม ไม่ต้องเยินยอกันขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ตัวจะลอยอยู่แล้วนะคะ
มีคนเข้ามาทักทายอีกหลายคน เอ่ยชมชุดของฉันกันไม่ขาดปาก ท่านฟุยุโกะที่แต่งเป็นยูกิอนนะใส่หน้ากากหญิงสาวในละครโนและท่านซาราระที่แต่งตัวสไตล์โกธิคก็เข้ามาแจมด้วยเหมือนกัน
กำลังพูดคุยกับเหล่าภูตผีทั้งหลายภายใต้หน้ากากอย่างออกรส แวมไพร์หนุ่มก็ตรงเข้ามาที่พวกฉัน
“เรย์กะจัง” ท่านอิมารินี่เอง ฉันกับท่านไอระทักทายตอบไป “งดงามมากเลยล่ะ นางฟ้าผู้ลงมาจากสวรรค์เอ๋ย ขอให้คนบาปเช่นข้าได้มีโอกาสสัมผัสหยาดโลหิตของเจ้าในค่ำคืนนี้ได้หรือไม่”
“แหม” ฉันหัวเราะคลอไปกับบทจีบของท่านอิมาริ แวมไพร์จะลิ้มรสเลือดของนางฟ้างั้นหรือคะ ว้าย!! นี่มันเรื่องต้องห้ามรึเปล่าเอ่ย
ฉันแนะนำท่านอิมาริให้กับยูกิโนะคุง วาคาบะจัง ท่านฟุยุโกะและท่านซาราระได้รู้จัก ทุกคนต่างก็เป็นนักเรียนซุยรัน และท่านอิมาริก็เป็นคู่สนทนาที่ดี หาเรื่องมาคุยได้ไม่รู้เบื่อ กลุ่มพวกฉันก็เลยครึกครื้นมากขึ้นทุกขณะ นี่งานเลี้ยงรุ่นชัดๆเลยนี่คะ
แหม สนุกจังเลยค่ะที่ได้มางานนี้
วงออเครสตร้าเริ่มบรรเลงเพลงที่มีท่วงทำนองอ่อนหวาน คาบุรากิก็จูงมือวาคาบะจังไปกลางฟลอร์ เริ่มเต้นรำ สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังคู่เปิดฟลอร์ในค่ำคืนนี้
ให้คาบุรากิเต้นกับวาคาบะจังไปได้ครู่หนึ่ง ฉันก็รุนหลังมาโอะจังกับยูริคุงให้ลงไปแจม ยูริคุงดูอายๆนิดหน่อยแต่ก็กุมมือของมาโอะจังไว้อย่างอ่อนโยน
ท่านอิมาริถูกคุณหนูทั้งหลายรุมล้อมมาขอเป็นคู่เต้นรำ ท่าทางแวมไพร์หนุ่มจะมีภูตพรายสาวเสนอตัวให้ดื่มเลือดเยอะแยะแล้ว ฉัน ท่านไอระและยูกิโนะคุงเลยถอยฉากออกมายืนจิบเครื่องดื่มกันเงียบๆสามคน ดูหนุ่มๆสาวๆเข้าไปเต้นรำในฟลอร์
“คุณพี่เรย์กะอยากเต้นรำมั้ยฮะ” ยูกิโนะคุงเอียงคอมองฉัน
เอ่อ...ไอ้อยากน่ะมันก็อยากอยู่หรอกนะคะ แต่จะให้ฉันเต้นกับยูกิโนะคุงที่ใส่หน้ากากผีเละๆแบบนี้มันก็นะ…
มะ ไม่ได้สิ เราต้องมองทะลุผ่านหน้ากากเข้าไปเห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาต่างหากล่ะ
“ถ้ายูกิโนะคุงไม่รังเกียจล่ะก็…” พอพูดคำนี้ออกไป ใต้หน้ากากนั่น ฉันคิดว่ายูกิโนะคุงต้องยิ้มกว้างมากแน่นอนเลยล่ะค่ะ
ยูกิโนะคุงจูงมือฉันลงไปในฟลอร์ โค้งให้ฉันตามธรรมเนียมแล้วเอื้อมมือมาเกาะกุมมือฉันไว้
1...2...3 1...2...3
ฉันนับสเต็ปการเต้นรำในใจ ยูกิโนะคุงเป็นผู้นำการเต้นได้ยอดเยี่ยม รู้สึกว่าจะเต้นเก่งขึ้นจากที่เคยเต้นด้วยกันสมัยก่อนเลยนะคะ
“คุณพี่เรย์กะไม่สนุกเหรอครับ ดูเหม่อๆจังเลย”
“เอ่อ เปล่าจ๊ะ เปล่า” ฉันรีบยิ้มให้เทวดาน้อย ยังไงก็ไม่กล้าบอกว่าฉันไม่อยากมองหน้ากากผีที่ยูกิโนะคุงใส่อยู่เลย มันน่ากลัวอ่า
ต้องรีบหาทางเบี่ยงเบนความสนใจซะแล้วสิ
“พี่แค่มองพระจันทร์น่ะ” ฉันแหงนหน้ามองเพดานโดมกระจกใสที่อยู่เบื้องบนฟลอร์เต้นรำ พยากรณ์อากาศว่าไว้ว่าวันนี้อากาศแจ่มใส มองเห็นพระจันทร์เต็มดวงได้ไม่ต้องกลัวเมฆฝน แต่ดูยังไงพระจันทร์ก็เอาแต่หลบอยู่หลังเมฆไม่เผยโฉมออกมาให้เห็นสักที บรรยากาศเลยดูน่ากลัวสมเป็นวันฮาโลวีนชะมัด
ยูกิโนะคุงแหงนคอมองตามฉันแล้วก็จ้องหน้ากันตรงๆ อึ๋ย ถอดหน้ากากออกทีเถอะค่ะ
“คุณพี่เรย์กะรู้มั้ยว่าพระจันทร์ในยุโรปคือสัญลักษณ์ของความบ้าคลั่งน่ะครับ” ยูกิโนะคุงหัวเราะเสียงสดใส “คำว่า Lunatic ที่แปลว่าบ้าคลั่งวิกลจริตก็มาจาก Luna ที่แปลว่าพระจันทร์น่ะครับ”
“เอ๋” ฉันกระพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจว่ายูกิโนะคุงพูดถึงเรื่องนี้ทำไม “ยูกิโนะคุงรู้ดีจังเลยนะจ๊ะ”
“เกมที่เล่นมีบอกไว้น่ะครับ” ยูกิโนะคุงพาฉันเต้นไปรอบๆฟลอร์ “แสงจันทร์สามารถดึงเอาความบ้าคลั่งในจิตใจคนให้แสดงตัวตนออกมา”
“ยะ อย่างนั้นเหรอจ๊ะ”
“ไม่แน่ว่าคืนนี้ ด้วยอิทธิพลของแสงจันทร์ อาจจะมีอะไรบ้าๆเกิดขึ้นก็ได้นะครับ”
จะเป็นอะไรที่น่ากลัวรึเปล่าคะนั่น ถ้าเป็นเรื่องสยองขวัญนี่ไม่เอาด้วยหรอกนะคะ!!!!
เหลียวมองไปรอบๆ เห็นท่านไอระก็ลงมาเต้นรำกับเขาด้วยเหมือนกัน แต่คู่เต้นเป็นใครฉันก็ไม่ทราบเพราะมีหน้ากากหัวกระโหลกแพะปิดบังอยู่เกือบเต็มใบหน้า หมอนั่นใส่ชุดคลุมเหมือนพวกนักเวทย์โบราณๆ แล้วยังหน้ากากที่มีเขาโง้งนั่นอีก ลัทธิบูชาซาตานรึยังไงน่ะ
แหงนมองบนฟ้าอีกหน พระจันทร์เริ่มโผล่พ้นก้อนเมฆทีละน้อย และเราก็ได้จังหวะที่ต้องหมุนตัวพอดี ฉันผละมือออกจากยูกิโนะคุง หมุนไปตามสเต็ป และถูกดึงรั้งเข้าไปหาอ้อมแขนคู่เต้นตามรูปแบบการเต้นไม่มีจังหวะไหนผิดพลาด
แต่เอ๊ะ!!! ยูกิโนะคุงสูงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
หมุนตัวกลับมายืนในท่าเริ่มต้น ก็พบว่าคู่เต้นของฉันเปลี่ยนไป จากยูกิโนะคุงกลายเป็นนายหน้ากากหัวกระโหลกแพะคู่เต้นของท่านไอระ กลายเป็นว่ายูกิโนะคุงได้ไปเต้นกับท่านไอระแทน และนายคู่เต้นใหม่ของฉันก็พาออกมาไกลจากสองคนนั้นเรื่อยๆ
ฉันมองคนตรงหน้าแบบงุนงงระคนสงสัย ได้เต้นกับสาวงามแบบท่านไอระก็ดีแล้วนี่ จะมาเต้นกับฉันที่ไม่รู้จักกันไปทำไมเนี่ย
นายหน้ากากหัวกระโหลกแพะเต้นรำเก่งเลยทีเดียว เขานำฉันไปได้พริ้วไหวไม่มีติดขัด แต่ก็โอบประคองฉันไว้อย่างทนุถนอมและนุ่มนวล แตะเบาๆแบบสุภาพตามมารยาทที่ดี
เหนือขึ้นไปยังโดมกระจก เมฆเลื่อนลอยหาย ได้เวลาเผยความงามของรัตติกาลออกมาด้วยแสงจันทร์กระจ่างฟ้า
แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาเบื้องล่างทำให้ความเป็นประกายระยิบระยับของชุดฉันหายไป เมื่อเจอแสงสว่าง ดวงดาวในชุดฉันก็ต้องหลบหาย
ก็เพ้อเจ้อไปอย่างนั้นเองล่ะค่ะ จริงๆแล้วชุดของฉันทำจากเส้นใยที่เรืองแสงได้ในที่มืด เวลาอยู่ในที่สว่างก็เหมือนเสื้อผ้าปกติทั่วไปนั่นล่ะ
ฉันเต้นรำเงียบๆกับคู่เต้นที่ไม่แม้จะเอ่ยคำพูดอะไรถึงฉันจะชวนคุยบ้าง พอได้มองตากันตรงๆก็ดูคุ้นเคยอย่างไรชอบกล
สายตาอ่อนโยนแบบนี้ ใครน่ะ??
เพลงเป็นจังหวะที่เร็วขึ้น ฟังดูเร้าใจมากยิ่งขึ้น เสียงไวโอลีนแหลมสูงคลอไปกับเปียโนและเชลโลให้ความรู้สึกเย้ายวน ปกติดนตรีที่เล่นในงานปาร์ตี้ซัมเมอร์มักจะเป็นเพลงหวานๆทำนองเบาๆ เหมาะแก่การเต้นวอลซ์ แต่เพราะเป็นงานฮาโลวีน โทนดนตรีที่เล่นเลยเปลี่ยนไปด้วยรึเปล่านะ
นายหน้ากากหัวกระโหลกแพะเริ่มก้าวเท้า ทำให้ฉันต้องก้าวตาม ท่าเต้นแบบนี้นี่มัน....แทงโก้นี่คะ
เหลียวมองไปรอบๆ คู่อื่นไปจากฟลอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มีเพียงฉันกับนายคู่เต้นที่ไม่ทราบชื่อเต้นอยู่เพียงคู่เดียว หยั่งกับหนังเรื่อง Easy Virtue แน่ะ
อ้าว แบบนี้ก็เด่นมากเลยไม่ใช่เหรอคะ!!!
ทำไมพวกคุณๆถึงไม่ลงมาเต้นเป็นเพื่อนฉันล่ะค้า ให้ฉันเด่นคนเดียวเกิดก้าวพลาดต่อหน้าคนเยอะๆ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันล่ะ
ฉันไม่ค่อยสันทัดการเต้นแทงโก้นัก ที่เคยเรียนก็แค่ขั้นพื้นฐาน ไม่สามารถวาดลวดลายแบบที่เคยดูในหนังได้ แต่หมอนี่เต้นนำไปได้ลื่นไหลมาก ไม่มีสะดุดเลย แถมยังโอบประคองฉันพาเดินไปในทิศทางต่างๆได้คล่องแคล่ว เต้นเก่งชะมัดเลยแฮะ
หรือว่าจะเป็น…
“ท่านเอ็นโจ” พอฉันพูดออกไป เสียงหัวเราะนั่นที่เป็นเสียงของเอ็นโจไม่ผิดแน่
“ครับ” เอ็นโจรับคำเสียงระรื่น หนอย ให้ฉันเป็นฝ่ายพูดอยู่คนเดียวตั้งนาน
แล้วนี่เต้นแทงโก้เป็นด้วยเรอะ!! เฮอะ ความสามารถชักจะเยอะเกินไปแล้วนะยะ
“ไหนว่าจะไม่มายังไงล่ะคะ”
“นั่นยูกิโนะพูดเอง” เอ็นโจหัวเราะ “ผมไม่ได้บอกซักคำว่าจะไม่มา”
ก็จริงด้วยอะนะ เพราะนายนั่นล่ะที่ไม่ดี เอาแต่ยิ้ม ใครจะไปเดาออกยะว่าจะมาหรือไม่มา
เอ็นโจจับให้ฉันเอนตัวลงตามสเต็ปของแทงโก้ แต่ทำไมนายต้องก้มมาใกล้ๆขนาดนี้ด้วยยะ!? ถึงจะบอกว่าเป็นสเต็ปของแทงโก้เองก็เหอะ
อ้อมแขนนั้นกอดกระชับให้ร่างฉันแนบชิด รู้สึกถึงอุณหภูมิของฝ่ามือที่วางแนบอยู่กับแผ่นหลังของฉัน ที่จริงมันมีปีกนางฟ้าที่เป็นพร็อพสวมทับอยู่ไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมมืออีตานี่ถึงมาสัมผัสกับหลังฉันโดยตรงได้ล่ะ!? ยูกิโนะคุงยังไม่จับถึงขนาดนี้เลยน้าาา!!!
อุแง้ ไม่น่าใส่ชุดเปิดหลังมาเลยค่ะ
แถมท่าปิดท้ายของแทงโก้ที่ฝ่ายหญิงต้องเอาขาเกี่ยวต้นขาคู่เต้น มันไม่อีโรติคเกินไปหน่อยเหรอคะ แต่ถ้าไม่ทำก็จะปิดสเต็ปไม่ได้ เพลงจะจบแล้วด้วยอ่ะ
ฉันตัดสินใจทำเพื่อให้มันจบๆไป ก็ไม่เลวร้ายอะไรนี่นา แถมได้รับเสียงปรบมือจากทุกคนดังสนั่นฟลอร์อีก ฉันเต้นใช้ได้ใช่มั้ย ไม่ทำขายหน้าต่อหน้าทุกคนใช่มั้ย
คราวหลังปรึกษาท่านพี่เรื่องจะหัดเรียนแทงโก้แบบจริงๆจังๆดีกว่า
พอผละตัวออก ฉันย่อเข่าลงเป็นการขอบคุณเอ็นโจ เตรียมจะถอนตัวออกจากฟลอร์เพื่อให้คู่อื่นก้าวมาเต้นบ้าง แต่เอ็นโจจับมือฉันไว้ ดึงให้เดินไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางที่ท่านไอระกับยูกิโนะคุงยืนอยู่
เอ๋!!!
เอ็นโจเปิดประตูทางออกอีกทาง พาลงบันไดเดินไกลออกมาจากงานเลี้ยง ตรงหน้าเป็นสวนที่เคยมาดูหิ่งห้อยตามที่มาดามคาบุรากิจัดขึ้น แต่ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูของหิ่งห้อย แถมไม่มีใครผ่านไปผ่านมา รอบข้างก็เลยมืดและเงียบสงัด บรรยากาศดูน่าสะพรึงกลัวเหมือนจะมีผีโผล่ออกมาจริงๆเลยล่ะ
“พอได้ออกมาข้างนอกก็ค่อยยังชั่วหน่อย ในงานคนเยอะจริงๆ” เอ็นโจพาฉันมานั่งที่ม้านั่งใกล้ๆกัน บริเวณนี้เป็นซุ้มดอกไม้ที่ปลูกไว้อย่างสวยงาม มีแสงจันทร์จากพระจันทร์เต็มดวงสาดส่องมาเพิ่มความโรแมนติคที่ฉันไม่ได้ต้องการซักกะนิด
“นะ...นั่นน่ะสิคะ”
“หน้ากากนี่ก็อึดอัดจัง คุณเรย์กะช่วยผมถอดหน่อยสิ” คำพูดสองแง่สองง่ามด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแบบนั้นมันอะไรกันห๊า!!!!
พอฉันถลึงตาใส่ เอ็นโจก็หัวเราะแล้วพยายามแกะออกเอง แต่ก็ดูทุลักทุเลจริงๆ เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ ฉันเลยเอื้อมมือไปดึงพวกสายรั้งอะไรพวกนั้นให้ออกไปเป็นการช่วยอีกแรง
จะบอกว่าอึดอัดก็สมควรอยู่หรอกค่ะ หน้ากากใหญ่เทอะทะขนาดนี้ น้ำหนักเท่าไหร่ล่ะนั่น ไม่เมื่อยคอแย่เรอะ
พอหน้ากากหลุดออกไปก็เห็นเอ็นโจยิ้มกว้างทั้งที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง เฮอะ ยิ้มแบบนั้นมันไม่ได้ดูน่ารักขึ้นมาเลยซักนิด
“นึกยังไงถึงแต่งตัวแบบนี้กันล่ะคะ”
“ยูกิโนะ มาซายะ ไอระช่วยกันออกไอเดียน่ะ” เอ็นโจหัวเราะเบาๆ “ต้องนั่งเป็นหุ่นลองเสื้อให้สามคนนั้นตั้งนาน กว่าจะได้ที่ถูกใจที่ยากไม่ใช่เล่นเลยนะ”
“เอ๋!?” ไหนท่านไอระบอกว่าเอ็นโจงานยุ่งเลยไม่มายังไงล่ะ ไหงถึงไปเลือกชุดให้เอ็นโจใส่มางานด้วยได้ล่ะ
ไม่สิ ท่านไอระต้องถูกอีตาเจ้าเล่ห์เกลี้ยกล่อมให้โกหกแน่ๆ ส่วนคาบุรากิก็ร่วมมือกับเพื่อนมาหลอกฉัน หนอย เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะยะ
“คุณเรย์กะไม่ดีใจที่ผมมาเหรอ”
“แหม ก็…” ก็ตามนั้นล่ะค่ะ ใครจะไปดีใจยะ
“อื๋อ”
เอ๊ะ!! แล้วทำไมต้องเอาหน้ามาใกล้ๆกันขนาดนี้ด้วยล่ะคะ!!!
ฉันทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าตอนเห็นยูกิโนะคุงใส่หน้ากากผีหน้าเละๆในระยะประชิดตอนเต้นรำนี่อีกค่ะ
“กะ ใกล้เกินไปแล้วนะคะ”
“ก็นานๆทีจะมีโอกาสได้เห็นนางฟ้านี่นา” เอ็นโจยิ้มกริ่ม “ก็อยากมองใกล้ๆไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”
อุแว้กกกกกกก
อันตราย คนจากหมู่บ้านคาสโนว่าอันตรายเหลือเกินค่ะ แง้ ท่านพี่ขา ช่วยน้องด้วย
“พอมองแล้วก็อยากสัมผัส”
ปลายนิ้วเอ็นโจไล้ไปตามใบหน้าฉัน สายตาดูวิบวับไม่น่าไว้วางใจอย่างรุนแรง สัมผัสแผ่วเบานั่นก็พาให้รู้สึกแปลกๆ ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยเดินผ่านมาตรงนี้ที มาช่วยฉันจากปีศาจนี่ที
เพราะคืนนี้เป็นงานของภูตผี พระเจ้าเลยเมินคำขอของฉันงั้นเหรอคะ
ฉันยกมือขึ้นกันเอ็นโจออกไปอย่างเงอะงะ แต่นึกไม่ถึงว่าหมอนี่จะรวบข้อมือฉันไว้ทั้งสองข้าง กดจูบเบาๆแล้วเอามือฉันไปแนบแก้มตัวเอง ฉันจะดึงมือตัวเองออกก็ดันถูกจับไว้ไม่ปล่อยอีก บ้าเอ้ย!! หัวใจฉันจะมากระตุกอะไรตอนนี้เล่า!!!
“ทะ ท่านเอ็นโจ อย่าล้อกันเล่นแบบนี้สิคะ”
“อื๋อ คุณเรย์กะคิดว่าล้อเล่นเหรอ”
เอ็นโจมองตอนจูบฝ่ามือฉันอีกแล้ว สายตาแบบนั้นมันอะไรกันค้า!!!
“คุณเรย์กะรู้มั้ย จูบที่ฝ่ามือน่ะแปลว่าอะไร”
ไม่รู้ค่ะ ไม่ต้องการรู้ด้วยค่ะ
“แปลว่าผมกำลังอ้อนวอนคุณ”
อ้อนวอน อ้อนวอนอะไรกันค้า
เหมือนถูกอ่านใจได้ เพราะเอ็นโจหัวเราะ ค่อยๆก้มมาใกล้ๆหูฉัน กระซิบเสียงแผ่วเบาทั้งที่ไม่จำเป็นต้องกระซิบก็ได้
“ถ้าจะอ้อนวอนขอจูบ คุณเรย์กะจะยอมรึเปล่าล่ะครับ”
ความร้อนทุกส่วนในร่างกายฉันเหมือนมันไหลมารวมกันบนใบหน้า ฉันได้แต่อ้าปากพะงาบๆเพราะนึกคำพูดไม่ออก หน้าร้อนผ่าวๆเหมือนจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว
พูดอะไรออกมาน่ะค้า!!!!! หน้าไม่อาย หน้าไม่อายที่สุดเลยค่า
“ว่ายังไงล่ะครับ” เอ็นโจไล้นิ้วโป้งไปตามริมฝีปากฉันเบาๆ “ที่เงียบไปนี่แปลว่าตกลงใช่มั้ยเอ่ย”
“ไม่ตกลงค่ะ” ฉันรีบถอยกรูดไปข้างหลัง เอามือตะครุบปากตัวเอง อย่ามาทึกทักคำพูดเอาเองนะยะ
“ไม่ได้จริงๆเหรอ” เอ็นโจยิ้ม อุ อย่ามาใช้รอยยิ้มเทวดาแบบยูกิโนะคุงนะ
“ไม่ได้ค่ะ”
“นะ”
อ๊ากกก!!!!! ทำไมหมอนี่ถึงหน้าไม่อายได้ขนาดนี้ล่ะค้าา!!!!!!!! บอกว่าไม่ได้ก็ยังจะตื๊ออีกแน่ะ แง้
-----------------------------
ส่งต่อว่ะ 5555555555555555555555555555
จะได้จูบหรือไม่ ก็ต้องแล้วแต่ความเมตตาของคนที่มาต่อด้วย
ปล.ใครอยากเห็นชุดเรืองแสงที่ว่า พิมพ์ claire danes met gala โลด กูจิ้นไว้แบบชุดนั้นนั่นล่ะ
ปล.อีก ฉากเต้นแทงโก้ในหนังเรื่อง Easy Virtue ที่ว่าคือฉากนี้
https://www.youtube.com/watch?v=4iaTVCCR45w
สงสัยว่าการที่เอ็นโจออกตัวปราบกบฏซึรุฮานะทึ่เป็นหัวหอก กับการที่เรย์กะขายข่าวไวท์เดย์ของเอ็นโจให้กับสาวๆ อันไหนมีประสิทธิภาพมากกว่ากันนะ 5555
>>623-627 กูว่าคนยุให้ใส่ชุดเปิดหลังไม่ใช่ไอระหรอก แต่เป็นหมอนี่แหล่ะ ลูบเพลินเชียวนะ แหม แล้วมารุกเอาๆแบบนี้ ซาตานล่อลวงนางฟ้า ระวังเจอพระเจ้าตามมาตบหัวทิ่มนะ ถถถถถถถถถถถถถถถถถถ
>>637 กูว่าปล่อยข่าวไปเดทคนสนใจมากกว่า ขยายไปในวงกว้างกว่า ส่วนไปขู่ซึรุฮานะทำในที่ลับไม่ค่อยมีคนรู้เห็น แต่ยังไงเอ็นโจก็ช่วยทั้งสองทางอะน้า
*นอนตายกับฟิคเอ็นโจอย่างสงบศพสีชมพู*
อยากช่วยต่อฟิคนะ แต่คิดได้แต่บทเอ็นโจที่หื่นขึ้นทุกทีๆ //แค่กๆๆ
ตอนนี้กูรู้สึกเหมือนโดนฆาตกรฆ่าหั่นศพหั่นแล้วโปรยชิ้นส่วนร่างกายไปตามเรือต่างๆ ยังไงไม่รู้ว่ะ หัวอยู่เรือเอ็นโจเพราะความซาบซึ้งในความดีหลบใน แต่ก็เซ็งที่ฮีดูเอาแน่เอานอนไม่ได้เหลือเกิน เป็นห๊วงเป็นห่วงแต่ชอบผลักไสเขาให้ไปอยู่กับเพื่อนสนิทตัวเอง คาบุตอนอยู่กับท่านเรย์กะแม่งก็น่าร้ากกกกก ตบมุกเคมีเข้ากันดีชิบหาย น้องคันตะที่คอยเอ็ดเอาๆ แต่ผลิตของกินออกมาให้เรื่อยๆ ก็ดี เรือยูริก็ละมุน เรือท่านพี่ถึงหลังๆ จะออกมาน้อยแต่มีอิมแพคต์ตลอดดดด ท่านอิมาริ... คนนี้ออกมาทีไรกูตลกทุกที สุดท้ายนี้อะไรก็ได้ขออย่าให้เป็นเรือคาน สาธุ
มา!!! >>623-627
--------------------------
ฉันถอยตัวกรูดไปจนกระทั่งหลังชนกับเรือนกระจกขนาดใหญ่ ขณะที่เอ็นโจก็ยิ้มกริ่มขยับตัวย่างสามขุมตามเข้ามาช้าๆ
"คุณเรย์กะ"
น้ำเสียงที่เรียกชื่อฉันออกมานั้นทำให้ฉันรู้สึกขนลุกวาบ ใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นมา
อะไรกันเล่า! อย่าทำสายตาแบบนั้นนะ!
เอ็นโจที่มายืนอยู่เบื้องหน้าฉันก้มตัวลงเล็กน้อยและช้อนสายตามองฉันใกล้ๆ พร้อมกับเอามือขึ้นมาพยายามเกี่ยวมือของฉันที่ปิดปากตัวเองไว้ออก
"เรย์กะ"
เขาเรียกชื่อฉันอีกครั้ง แล้วใบหน้าก็เหมือนจะขยับใกล้เข้ามา จนมือของฉันที่ยังปิดปากตัวเองอยู่รู้สึกถึงลมหายใจของเขา ในนัยน์ตาที่จ้องมองมา ฉันก็เห็นใบหน้าของตัวเองสะท้อนในนั้นอย่างชัดเจน
กรี๊ดดดดดดดดดด
"ไม่ได้ค่ะ! ฉัน ฉันไม่ใช่ท่านไอระนะคะ!!!"
ฉันแทบจะกรีดร้องดังลั่น รู้สึกตัวเองหน้ามืดตาลายไปหมด พร้อมกับใช้มือดันตัวเอ็นโจออกไป
"หือ? ไหงพูดถึงไอระขึ้นมาล่ะ?"
เอ็นโจถอยไปเล็กน้อย พร้อมกับรวบมือของฉันที่กำลังจะดึงกลับมาไว้ในทันที
จะมือไวเกินไปแล้วนะยะ!
เขาเอียงหัวเลิกคิ้วทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยทั้งที่ยังยิ้มอยู่
ทำไมพูดถึงท่านไอระน่ะเหรอ หึ คงจะแปลกใจล่ะซิท่าที่ฉันจับได้น่ะ! คิดว่าฉันจะจับสังเกตไม่ได้ซินะ! อย่ามาดูถูกกันเชียวนะคะ ฉันน่ะนอกจากตอนนี้นางฟ้าแล้ว ในอดีตก็เป็นคิวปิดให้มาหลายคู่แล้วหรอกน่า
เอ็นโจทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แล้วก้าวเท้าเข้ามาประชิดตัวฉัน ฉันพยายามจะหนีแต่ว่าหลังก็ติดเรือนกระจกแล้ว แถมมือก็โดนจับรั้งไว้อยู่ ไม่มีทางให้หนีไปได้เลย
กรี๊ดดดดดดดด ใครก็ได้ช่วยด้วยค่าาาาาาาาาา
"คราวนี้คิดเองเออเองเรื่องอะไรอีกแล้วล่ะครับ?"
เสียงของเอ็นโจที่ดังอยู่เหนือหัวฉันคล้ายกับไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนที่ฉันจะเริ่มรู้สึกถึงลมหายใจใกล้ๆหูข้างขวาของตัวเอง
"เรย์กะใจร้ายจังเลยน้า"
อะ อะไรกันเล่า!?
ปลายนิ้วข้างหนึ่งของเอ็นโจไล้บนแก้มของฉันอย่างแผ่วเบา
"ที่ผมทำมาทั้งหมดเนี่ย ถ้าผมไม่สารภาพ คุณจะไม่รู้เลยจริงๆงั้นเหรอ?"
สารภาพอะไรกันค้า!? ฉันเกือบจะหลุดพูดออกไปแต่ก็ยั้งตัวเองไว้ได้ทัน รู้สึกว่านั่นมันเป็นอะไรที่ไม่ควรถามอย่างแรงเลยล่ะ
ไม่ ไม่ ไม่ ไม่อยากรู้เลยสักนิดค่า
เอ็นโจขยับใบหน้ามาที่ข้างหน้าฉันอีกครั้ง ดวงตาของเอ็นโจสบสายตากับฉันแววตาวิบวับก่อนหน้านี้ กลายเป็นความจริงจังมาแทนที่ จนฉันเผลอกลืนน้ำลายเอื้อก
"ผมไม่เคยทำแบบนี้กับคนอื่นเลยนะ" เอ็นโจยกมือของฉันขึ้นมาจูบเบาๆอีกครั้ง "....แค่คุณเท่านั้น"
"!!!"
อึก อุกรี๊ดดดดดดดดด ฉันรู้สึกตัวแข็งทื่อไปทั้งหมดอย่างไม่รู้แล้วว่าต้องทำตัวยังไงต่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันน่ะค้าาา
เพราะว่าเป็นวันปล่อยผีซินะ เอ็นโจถึงทำตัวแปลกๆแบบนี้น่ะ!?
ใช่แล้ว ต้องเป็นแบบนั้นแหงๆ ซาโตมิคุงเคยเล่าให้ฟังสมัยเรียนว่าค่ำคืนวันฮาโลวีนจะมีดวงวิญญาณที่ล่องลอยออกมามากมายในวันนี้เพื่อสิงร่างใครก็ตามและลากเอาไปเป็นตัวตายตัวแทน! และตอนนี้เอ็นโจก็โดนสิงแล้วและฉันก็กำลังกลายเป็นเหยื่อไปอีกคน!!
กรี๊ดดดดดดด ไม่น้าาาาา บ้าจริง ที่ผ่านมาฉันไม่เคยออกจากบ้านในค่ำคืนฮาโลวีนแบบนี้เลยก็เพราะแบบนี้แหละ ตอนนี้พลาดท่าเสียแล้ว ทำยังไงดีล่ะ ไม่ได้เตรียมเกลือชำระมาซะด้วยซิคะ แง้!!!
"เรย์กะ..."
เสียงแผ่วเบาของเอ็นโจเรียกสติฉันให้กลับมาครั้ง แล้วใบหน้าที่เหมือนจะสีเข้มขึ้นก็เคลื่อนเข้ามาอีก เอ่อ เมื่อกี้ก็ว่าใกล้แล้ว ยังจะขยับเข้ามาอีกแน่ะ!! หยุดนะย้า!!!!
"เรย์กะ... ที่ผ่านมา... ตลอดเวลา... ผมน่ะ..."
.
.
.
.
ก่อนที่เอ็นโจจะพูดจบเสียงนาฬิกาในสวนก็ลั่นดังเหง่งหง่างขึ้นมาพอดี เพราะว่าที่นี่มันเงียบสนิทมาตลอดเลยทำให้เราทั้งคู่สะดุ้งโหยง พอเห็นเอ็นโจชะงักไป ฉันก็โชคดีที่หัวไวขึ้นมาก่อนรีบพูดขัดออกไปทันทีอย่างร้อนรน
"อะ เอ่อ เที่ยงคืนแล้ว กลับเข้าข้างในกันเถอะค่ะ!!!"
รีบออกไปจากที่นี่ทีเถอะค่า!!!
เอ็นโจทำหน้าเบ้เล็กน้อยแล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้อีกครั้ง
"เรย์กะเป็นนางฟ้า ไม่ใช่ซินเดอเรลล่าสักหน่อย จะรีบไปไหนล่ะครับ?"
"เอ่อ....... เราออกมาข้างนอกนานแล้ว เดี๋ยวคนอื่นๆจะเป็นห่วงนะคะ"
"ถ้าเป็นไอระหรือยูกิโนะ พวกเขารู้อยู่แล้วล่ะว่าเรย์กะอยู่กับผมสองคนคงไม่ได้ห่วงเท่าไหร่หรอกน่า"
มันต้องยิ่งน่าเป็นห่วงซิค้า!! อย่ามาพูดจาคิดเองเออเองเข้าข้างตัวเองนะ!
"เอ่อ...... ข้างนอกมันหนาวน่ะค่ะ....."
ใช่! อากาศฤดูใบไม้ผลิช่วงปลายในยามค่ำคืนเนี่ยมันหนาวจริงๆนะ ไม่ใช่แค่ข้ออ้าง แถมตอนนี้ฉันก็ใส่ชุดเดรสที่เปิดหลัง ลมพัดมาแต่ละวูบก็รู้สึกเย็นเยือกขึ้นมาทีเดียวล่ะ
พอพูดแบบนั้นออกไป สายตาเอ็นโจก็ก้มมองสังเกตชุดของฉัน จนฉันต้องดึงมือตัวเองที่ถูกจับไว้พยายามกำบังสายตานั้น
"ไล้สายตามองอะไรแบบนั้นกันน่ะคะ! เสียมารยาท!!"
เอ็นโจหัวเราะเล็กน้อยก่อนพูดขอโทษ
"อา ไม่หนาวก็แปลกแล้วล่ะครับ..."
จากนั้นเอ็นโจก็ถอดเสื้อคลุมนักเวทย์ของตัวเองออกมาและกำลังจะเอามาคลุมให้ฉัน
"อ๊ะ"
"หือ?"
"เรย์กะหันหลังหน่อยซิครับ"
"หา?"
"เสื้อคลุมมันจะติดตรงปีกที่หลังเอาน่ะ แกะออกก่อนดีกว่านะ"
"อ้อ นั่นซินะคะ"
ฉันหันหลังให้กลับเอ็นโจอย่างงงๆ ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ ถ้าแกะออกก็เห็นแผ่นหลังของฉันหมดน่ะซิ!
"ทะ ท่านเอ็นโจ!"
"นิ่งๆซิครับ"
เอ็นโจทำเสียงดุจนฉันต้องทำตามอย่างว่าง่าย ไม่นานนักปีกขนนกของนางฟ้าก็ถูกส่งมาให้ฉัน เอ็นโจนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเลยก่อนวางเสื้อคลุมบนไหล่ให้ฉัน ฉันจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วกำลังจะใช้มือรวบผมตัวเอง
แล้วในระหว่างนั้นเองมือของเอ็นโจก็คว้าหมับที่มือของฉันอีกครั้ง
"ผมช่วยนะ"
แค่เอาผมออกมาเอง ไม่ต้องช่วยก็ได้ค่า!!!
มือของเอ็นโจค่อยๆรวบผมลอนของฉันออกมาจากใต้เสื้อคลุมให้ฉันช้าๆบางทีก็สัมผัสต้นคอจนรู้สึกแปลกๆ แค่รวบผมเองทำไมต้องเห่อร้อนแบบนี้ด้วยนะ จากนั้นเขาปัดผมของฉันออกมาที่ด้านข้างให้
"ขะ ขอบคุณค่---!!!"
ก่อนที่ฉันจะพูดขอบคุณจบ ฉันก็รู้สึกถึงสัมผัสนุ่มแผ่วเบาที่ต้นคอด้านหลังก่อนที่จะน้ำหนักจะค่อยๆเพิ่มขึ้นมาทีละน้อย ก่อนที่ฉันจะทันคิดอะไรออกก็ได้ยินเสียงของเอ็นโจดังขึ้นมาเบาๆ
"ใส่ชุดเปิดเผยขนาดนี้ เป็นนางฟ้าที่นิสัยไม่ดีเลยนะ..."
ที่กำแพงกระจกของเรือนกระจกที่อยู่ข้างหน้าฉัน ฉันมองเห็นภาพสะท้อนของเอ็นโจที่ยิ้มกริ่มให้ข้างหลังฉัน นัยน์ตาสะท้อนแสงจันทร์จนสว่างวาบ ขณะนั้นฉันก็คิดถึงคำพูดของยูกิโนะคุงที่พูดก่อนหน้านี้
'แสงจันทร์สามารถดึงเอาความบ้าคลั่งในจิตใจคนให้แสดงตัวตนออกมา'
'ไม่แน่ว่าคืนนี้ ด้วยอิทธิพลของแสงจันทร์ อาจจะมีอะไรบ้าๆเกิดขึ้นก็ได้นะครับ'
-----------------------
กรี๊ดดด //โยนไม้ให้คนต่อไป
รบกวนฝากยัดใส่สารบัญด้วย
>>653-654 กรี๊ดดดดดดดดดดดด
กูรู้สึกกระชุ่มกระชวยยิ่งนัก ฟืดดด
โอ้ย เอ็นโจข่นบ้ะะ ข่นผีทะเลลล
กูเขินน ฮืออ กูเขินแทน แง รักนะคะสุดหล่อของบ่าว ♡ヾ( 〃ω〃)ッ
ป่านนี้ท่านเรย์กะหน้าระเบิดบู้มเลยไหมล่ะ555555555555
กำไรจอมมารมากช่วงนี้ โอ้ยย ไม่ได้ที่ปากก็ที่คอแล้วล่ะวะะ ม่างเง้ยย กูเขินนนน ฟหกด่าสวนยรลบพอมวงสาฝ
มึงกูขอkyแปป คือกูไปเห็นAUของคนเกาหลีอันนึงมา ชื่อว่าเค้กเวอร์ส ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอมก. พวกมึงคิดว่าคนในเรื่องจะเป็นแบบไหนกันมั้งว่ะ
เผื่อใครไม่รู้น่ะ https://www.facebook.com/shichina77/posts/447004265671319
โอ๊ยยยยยย เขิยชิบหายวายวอด ฟห้าดวหฃฟงดสวกฃฟ กูนอนอ่านอยู่บนเตียงเขินดิ้นไปดิ้นมานี่แทบตกเตียง...
>>663 กูว่าเค้กนี่น่าสนดี แต่เรื่องใครเป็นอะไรนี่...
กูเดาว่าท่านเรย์กะน่าจะเป็นเค้ก คือตอนแรกอยากให้เป็นส้อมเพราะจะได้กิน แต่คิดไปคิดมาส้อมมันไม่ได้รสชาติอาหารนี่นา เค้กก็ดีเหมือนกัน ท่านเรย์กะจะกลายเป็นกลายเป็นขนมรูปตุ๊กตากระเบื้องเคลือบฝรั่งเศส
กูว่าท่านเรย์กะที่เคยเป็นคนธรรมดามาก่อนลิ้มรสอาหารได้ตามปกติแต่พอมาเป็นส้อมก็แบบพยายามตามหาเค้กของตัวเองไรงี้ ฝันว่าจะมีเค้กมาสู่ขอตัวเองแต่งงานมโนไปเรื่อย หรืออาจจะเข้าสายมืดเผลอกินเค้กเข้าไป
เดี๋ยวน่ะทำไมยิ่งกูคิดมันยิ่งดูโรคจิต.....
แต่ถ้าเอ็นโจแบบเค้กโอกาสฮีจะแบบ ล่อลวงให้เรย์กะชิมตัวเองแล้วพอติดหนี้แล้วน่ะ ก็ได้
>>663 กูอ่านปุ๊บภาพท่านเรย์กะจับหนุ่มๆกินจนตายเกลี้ยงแวบเข้ามาในหัวเลย
อา......ช่างวิเศษเหลือเกิน ไม่เคยทานอะไรที่มีรสชาติอร่อยแบบนี้มาก่อนเลย..... อ้ะ ไม่ได้นะ ถ้าไม่หยุดกินละก็ ต้องแย่แน่ๆ .......แต่ว่าทั้งท่านคาบุรากิทั้งท่านเอ็นโจช่างอร่อยขนาดนี้....... ทั้งที่สีแดงเหมือนสตรอว์เบอร์รี่แท้ๆ แต่กลับหอมหวานเหมือนกันน้ำผึ้ง อา........อร่อยที่สุดเลย มีความสุขจัง กร๊อบ กร๊วม กร๊วม กร๊วม..................
อะไรเนี่ย คืนนี้นอกจากจะเป็นคืนของฮาโลวีน ยังเป็นคืนของกุโระด้วยเรอะ น่ากลัว
เรย์กะทำCakeverse สุดฟรุ้งฟริ้งกลายเป็นกุโระไปได้ ตอนจบคงเป็นเจ้าแม่ตามล่ากินเค้กทั่วโลก เหล่าเค้กทั้งหลายต่างสูญพันธ์ด้วยอำนาจเจ้าแม่กาลี The End
>>678 นี่เค้กเวิร์สหรือปอบโตเกียว 55555555555555555555
นึกว่าอ่านโตเกียวกูลอยู่ ตอนที่นักชิมมันเปรียบเทียบของที่มันกินว่ารสชาติเหมือนแบบนั้นแบบนี้ ถ้าใช้เซ็ตติ้งนี้สงสัยเรย์กะมีฉายาในหมู่ส้อมว่านักชิมแน่ๆ แล้วก็จัดงานหลอกเค้กให้มารวมตัวกันเพื่อจะได้แดก โครต cannibalism
กูอ่านฟิคบนกำลังะสครีมกับความจอมมาร
แต่พวกมึงแต่งกุโระกันจนความเขินกูนี่ปลิวไปหมดแล้ว ถถถถถถ
ปล. แต่เค้กเวิร์สกุโระกูก็เสพได้นะมึงงงง กูชอบ
เอิ่ม กูขอโทษ ลืมเขียนเตือนก่อนว่าอาจจะสยองหน่อย ;w;
เค้กเวิร์สนี่มีความกุโระมาก ไอซ์เวิร์สนี่ก็พอกันแต่แทบแลกมาด้วยชีวิต ฟฟฟฟฟ
ว่าแต่ถ้าเป็นท่านเรย์กะเวอร์ชั่นไอซ์เวิร์สแล้วจะเป็นยังไงหว่า ใครจะละลายหายไปในสามนาที??? #มันก็จะดราม่าหน่อยๆ
กลับถึงบ้านเรย์กะก็แดกต่อค่ะ เดินไปรับความจริงบนตาชั่งซักทีสิจ๊ะ ขึ้นมากี่กิโลแล้วเนี่ย
เจอ ไม่ต้องมาเนียน ท้ายตอนแล้วกูลั่น 5555555555555
ท่านพี่นี่ร้ายจริงๆ 5555555555
ท่านอิมาริมารับของฝากจากมือ! แหม่ ขอใบร๊ะเจ้ารู้ความนัยของ golf marker ด้วยเถอะ
ขอบคุณโม่งแปลมาก ตอนนี้แปลดีฝุดๆ
ท่านพี่นี่แซะตลอดนะ5555ท่านเรย์กะไม่รู้ตัวเลยสินะว่าท่านพี่บอกว่าตัวเองวุ่นวายอ่ะ555555ความบราค่อนคงบังตามาก ส่วนอิมารินั้นเราขอไว้อาลัยแด่นาย ตอนท่านพี่ไปบอกนี่ต้องเจ็บตัวแน่ๆหละ55555
อ่านตอนนี้แล้วชักอยากอ่านมุมมองคนแถวบ้านท่านเรย์กะแฮะ คุณหนูบ้านคิโชวอินช่างมีรสนิยมสูงส่งเหลือเกินค่ะ พอกลับมาจากต่างประเทศก็จัดการนำดอกกุหลาบมาประดับประดาเต็มระเบียงไปหมด คงเป็นการตกแต่งแบบพระราชวังแวร์ซายส์แน่ๆ เลยนะคะ
นางเอายาชูกำลังรดต้นโฮย่า แถมราดน้ำจนตายห่าคาที่ก็ไม่แปลกว่ะ กูว่านางแม่งต้องเอาสูตรเดิมไปทำกับต้นกุหลาบตรงระเบียงแน่ๆ เป็นปุ๋ยยังไงล่ะ จะได้โตไวๆ
ky นิดนึง นี่กูโม่งฟิค เอสไร้พ่าย ver. สภานักเรียนใต้ดินนะ คือกูพึ่งมีเวลาว่างมานั่งเข้าโม่ง + อ่านท่านเรย์กะตอนใหม่ๆ แล้วชื่อของประธานชมรมฟุตบอลก็ปรากฏออกมาแล้ว...ดังนั้น กูเลยคิดว่าจะโละเนื้อหาเดิมออกแล้วแต่งใหม่เลยได้ไหมวะ
อ่อ คิดว่าคงเห็นกันหมดแล้ว แต่กูโคตรชอบ fan art เอ็นโจตอนไปพูดกับซึรุฮานะตอนที่แล้วชะมัดเลยยยยย รูปสุดท้ายเลยนะ
https://touch.pixiv.net/member_illust.php?mode=manga&illust_id=49271103&ref=touch_manga_button
>>709 ตอนอยู่กับท่านเรย์กะนี่หลายอารมณ์จัง ทั้งขี้แกล้ง ทำหน้าตาอ้อน (ซึ่งหลายทีอาจจะไปอ้อนเท้าคุณพี่กับท่านอิมาริ 555) แต่พอออกตัวปกป้องท่านเรย์กะนี่รังสีจอมมารแผ่กระจายมากเลยอะ พอเทียบกับที่ท่านเรย์กะบอกเอ็นโจปล่อยรังสีจอมมารใส่นี่ตรงนี้ก็ต้องมองผ่านเรย์กะฟิลเตอร์แน่ๆ
>>558
คราฤดูใบไม้ผลิกบฏซึรุฮานะพ่ายไปด้วยกำลังลังที่ด้อยกว่า
หลายปีต่อมากบฏซึรุฮานะรวมกำลังเข้าลอบโจมตีจักรพรรดินี จักรพรรดินีถึงกับเสียหลักเกือบปราชัยแต่ด้วยบารมีที่สั่งสม พลันปรากฏพันมิตรโดยฉับพลันจนทำให้กบฏซึรุฮานะต้องพ่ายไป หลังพ่ายศึกกบฏซึรุฮานะที่ถอยไปก็ต้องเผชิญหน้ากับการดักรอขององชายแห่งอาทิตย์อุทัยจนสิ้นฤทธิ์ไปในที่สุด
แอลกอฮอลมันแพร่ทางอากาศรึเปล่าทำไมกูเมา
>>714 อันนี้ถ้าเป็นหนังแอคชั่นหน่อยคือ ตัวเอกปล่อยให้ตัวร้ายหนีรอดไปในสภาพสะบักสะบอม ตัวร้ายเกรี้ยวกราดโกรธแค้นประกาศลั่นในใจว่าข้าจะกลับมาล้างแค้นให้จงได้ แต่ขณะที่กำลังหนีไปยังทางออกก็ได้พบกับการปรากฎตัวไม่คาดฝันของหนึ่งในสมาชิกกลุ่มตัวเอกที่ดูอ่อนแอไร้พิษภัย ไม่ทันได้ตั้งตัว สมาชิกคนนั้นก็เผยรอยยิ้มดำมืดพร้อมกดปากกระบอกปืนแนบหน้าผากตัวร้าย กล่าวคำพูดอำลาเล็กน้อยก่อนเหนี่ยวไก ตัวร้ายตายคาที่และไม่ฟื้นมาอีกเลย
กูจำได้ว่าจะมีคนเขียนฟิค RPG นี่นา คนผู้นั้นอยู่แห่งหนใดหรือ
เออ พูดถึงทวงฟิค
กูสงสัยว่าโม่งฟิคแบดเอ็นด์ยังอยู่มั้ย จะจบสักทีมั้ยเนี่ย! 55555
กูล่ะรอหลายเรื่องเรย์กะสามัญชน เรย์กะเกอิชา เอ็นโจไซด์สตอรี่ เลี้ยงต้อย คู่หูทะลุมิติ AU เทพนิยาย รวมถึงอื่นๆ ที่ไม่ได้ออกชื่อมา ณ ที่นี้ด้วยนะจ๊ะ รักโม่งฟิคทุกคน ม๊วบ
>>726 กูเป็นหนึ่งในโม่งฟิคที่มึงพูดถึง
แต่กูคงเขียนต่อไม่ได้แล้วอะ ดราม่าล่าสุดทำกูหดหู่จนเขียนไม่ออก
(กูขอระบาย ไม่ต้องลากเข้าดราม่า)
กูเป็นหนึ่งในเรือเอ็นโจ ที่มั่นใจมากว่าไม่เคยไประรานเรืออื่น เวลาคู่อื่นมีโมเม้นต์กูก็อยู่เฉยๆ ไม่ได้เม้นท์อะไร แต่จะหวีดเวลามีเอ็นโจออกมา ซึ่งกูก็หวีดไปตามปกติ ไม่นึกว่ามันจะเหมือนกันเรืออื่นออกไป ดราม่าครั้งนั้นทำกูหดหู่มาก จนกูรู้สึกแย่ กูเลยเลิกเข้าบอร์ดโม่งไปพักใหญ่ๆ มาเข้าอีกทีตอนมีโมเม้นท์เอ็นโจออกมา
ดีใจนะที่พวกมึงกลับมาครึกครื้นกันเหมือนเดิมแล้ว
ถ้ากูทำให้บรรยากาศแย่ก็ขอโทษที แต่ขอพูดความในใจหน่อยนะ
ที่ผ่านมาสนุกมากจริงๆ กูรักพวกมึงนะ<3
กุคิดถึงสมัยที่กาวยังระบาด
ใครก็ได้ช่วยเพิ่มวิธีการลงรูปในบอร์ดที่ไฟล์สารบัญที พอจะหาวิธีลงดันหาไม่เจอจำไม่ได้ว่าอยู่กระทู้ไหน
วะ..เว็บกลับมาแล้ว ใจหายไปชั่วครู่...
วันนี้วันทานาบาตะ อ.ฮิโยโกะไม่แจกของขวัญเหรออออ
วันนี้ก็ขอบคุณโม่งแปล ฮาทั่นเรย์กะมาก แหม่ เจ้าแม่ ถ้าอิจขนาดนั้นก็หาคู่บ้างสิ
หลังๆวันเรื่อยๆท่านเรย์กะหายไปแฮะ เป็นวันเรื่อยๆของเจ้าแม่บันดาลรักแทน เข้าไปช่วยความรักหลายคู่และได้ของเซ่นเยอะเลยนะคะ
ขอบคุณโม่งแปล!! กูสงสารท่านเรย์กะมากเลยอ่ะ5555555ทำไมนางดูน่าสงสารและอาฆาตแค้นจังวะ55555 สวรรค์ของนางคือพวกเด็กๆจริงๆเลยน้าาา มาโอะจังโตขึ้นมาคือซากุราโกะเลยนะท่าทางมีความเป็นไปได้สูงมาก ยูกิโนะก็น่าร้ากกกก ถ้าหนูโตกว่านี้หรือท่านเรย์กะเด็กกว่านี้ก็ดีสิน้าาา คาบุนายความสำคัญต่ำเตี้ยเรี่ยดินยิ่งนัก55555 ส่วนเอ็นโจคือน่าสงสารสุด โดนนางมองข้ามไปเลยอ่ะ
อืม ว่าแต่เอ็นโจรู้ได้ไงนะว่าเรย์กะอยู่ที่ไหน เดารูปแบบความคิดออกหมดเลยเรอะ...
ใครมารอเอ็นโจอยู่ข้างล่าง!!!
จอมมารนอกใจเจ้าแม่เรอะ
กูเห็นเจ้าแม่บ่นเรื่องหมู่บ้านมีรักกับอยากหาคนเข้าหมู่บ้านคานทองแล้วนึกถึงพ่อหนุ่มที่โดนเจ้าแม่ลงทัณฑ์บังคับเข้าหมู่บ้านคานทองเลย หวังว่าคงไม่มีเหยื่อเพิ่มอีกคนนะ 5555
แต่ตอนท้ายนี่คาบุถึงกับให้เอ็นโจพามาหาถึงห้องเปอติต์เลยนะ เอ็นโจก็ดันพามาหาถูกอีก หรือตั้งใจมารับยูกิโนะคุงอยู่แล้วก็ไม่รู้
เห็นพูดว่าเกิดเร็วไปเอาจริงท่าทางเจ้าแม่เลี้ยงต้อยรุ่งกว่าหนุ่มๆรุ่นเดียวกันอีกนะเนี่ย ยูกิโนะคุงงี้ คันตะคุงงี้
ย่องมาแปะฟิคแบบ ky
Kimi Dolce After story >>>/webnovel/3588/689-692
--------------------------------
ฉันคือคิโชวอิน เรย์กะ
ตั้งแต่จำความได้ ฉันก็ถูกพร่ำสอนจากทางบ้านเรื่องการคบหาผู้คนที่เหมาะสมคู่ควรมาโดยตลอด ฝึกฝนการเข้าสังคมและการวางตัว ศิลปะวัฒนธรรมทั้งหลายก็ได้รับการสอนสั่ง แน่นอนว่าฉันทำได้ดีเลิศหมดทุกอย่าง
จะเครื่องดนตรีอะไรก็เล่นเป็นเกือบหมด เปียโน ไวโอลีน ฟลุท หรือเครื่องดนตรีญี่ปุ่นอย่างซามิเซ็ง โคโตะ ขลุ่ยก็เล่นได้ แต่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดก็คือการร้องเพลง
ครูที่เคยสอนร้องเพลงของฉันบอกไว้ว่า มีความทุกข์ใจอะไรให้ร้องเพลง ปลดปล่อยความเศร้าทั้งหมดออกไป และฉันก็เชื่อเช่นนั้น ฉันจึงร้องเพลงมาตลอด มันช่วยได้จริงๆ เวลาร้องเพลงทั้งหัวก็จะโล่งสบายเหมือนปลดเปลื้องความทุกข์ทั้งหมดออกไป
แต่ตอนนี้ ไม่ว่าฉันจะร้องเท่าไหร่ เท่าไหร่ ก็ยังรู้สึกหนักอึ้ง
ความทุกข์พวกนั้นก็ไม่จางหายไปเลย
.
.
.
.
ในหนึ่งเดือน ฉันจะมีวันหยุดอยู่สี่วันที่ไม่ต้องทำงาน จะออกไปไหนก็ได้ เหมือนพนักงานบริษัททั่วๆไป เพียงแต่เวลางานของฉันเริ่มต้นในเวลากลางคืนก็เท่านั้น
รู้ตัวอีกที ฉันก็เป็นไมโกะมาได้สามเดือนแล้ว
สามเดือนจะว่านานก็นาน จะว่าสั้นก็สั้น ถ้าเป็นบริษัททั่วไป ฉันก็คงอยู่ในช่วงการทดลองงาน และคงจะผ่านงานเป็นที่เรียบร้อย
ฉันทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีทีเดียว ต้องขอบคุณช่วงเวลาที่หมดไปกับการฝึกฝน ถูกไม้แข็งๆฟาดมือเวลาที่รำผิดท่า หรือเล่นผิดคีย์ คุณหนูตระกูลคิโชวอินต้องดีพร้อม ต้องไม่ทำอะไรให้ขายหน้า ไม่มีที่ว่างให้สำหรับความผิดพลาดทั้งนั้น
ลูกค้าหลายคนติดอกติดใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะลูกค้าผู้ชาย บางคนแวะเวียนกลับมาหา มาเพื่อพูดคุย มาเพื่อฟังฉันร้องเพลง
ปกติไมโกะจะไม่ได้รับเงินเพราะถือว่ากินอยู่กับโอก้าซัง ทางสำนักจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้ แต่เพราะฉันเป็นกรณีพิเศษ เงินที่ให้มาก็คงคล้ายๆกับโบนัสในการทำงานกระมัง
แค่นี้มันจะไปพออะไรเล่า
ฉันได้แต่บ่นอยู่ในใจ แต่ก็ต้องทำหน้ายิ้มแย้ม ดูเหมือนดีใจเสียเต็มประดา ยัยโอก้าซังนี่คิดว่าฉันเป็นนังโง่ที่เอาเงินแค่นี้มาล่อก็ดีใจจนเนื้อเต้นแล้วงั้นเรอะ ค่าธูปฉันในแต่ละคืนนั้นแพงลิบลิ่วไม่ใช่รึไง นี่มันแค่เศษเงินจากค่าตัวฉันนี่นา จะค้ากำไรเกินควรไปแล้วนะ เธอต้องโดนสวรรค์สาปแช่งแน่ๆที่มาเอารัดเอาเปรียบคนมีความสามารถแบบฉัน
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ฉันก็เอาเงินเหล่านั้นไปฝากธนาคารไว้อยู่ดี
ตัวเลขในบัญชีไม่ค่อยกระเตื้องเท่าไหร่นัก ฉันมีรายได้แค่ทางเดียวคือเศษเงินที่ยัยโอก้าซังให้ แถมตารางงานก็รัดตัว ไม่รู้จะเอาเวลาไปหารายได้เสริมมาจากไหน
อยากได้ผู้ชายรวยๆมาเป็นผู้อุปถัมภ์ชะมัด
ลูกค้าที่ผ่านมา ถึงจะเป็นพวกฐานะร่ำรวยก็จริง แต่ก็อยู่ในระดับครอบครัวทั่วไปของนักเรียนซุยรันชั้นกลางๆเท่านั้น ไม่ใช่ฐานะเลิศเลอหรืออำนาจล้นฟ้าอย่างพวก Pivoine ใช้ประโยชน์ไม่ได้สักอย่าง
ฉันต้องการผู้ชายที่เลิศหรู มีอำนาจและบารมีมากพอที่จะช่วยทำลายตระกูลคาบุรากิ ไม่ว่างมาใส่ใจปลาซิวปลาสร้อยนักหรอก
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันยังไม่ใช่เกอิชาเต็มตัว เป็นแค่ไมโกะ ยังไม่มีสิทธิ์พบปะกับลูกค้าระดับสูงอย่างนักการเมืองหรือเศรษฐีอันเป็นเป้าหมายหลักของฉันได้ ทำได้แค่เป็นผู้ช่วยเท่านั้น น่าหงุดหงิดจริงๆ
นั่งทานไอศกรีมให้รางวัลตัวเองอยู่ดีๆ ยัยโอก้าซังโทรตามฉันยิกๆให้กลับไปช่วยรับรองแขก นี่มันวันพักผ่อนของฉันไม่ใช่รึไงยะ กฏหมายแรงงานน่ะหัดไปอ่านซะบ้าง
ฉันต้องกลับไปเร็วกว่าที่ตั้งใจไว้ ยัยโอก้าซังพอเห็นฉันก็คว้ามือเข้าไปที่ห้องแต่งตัวทันที ท่าทางจะเป็นแขกที่สำคัญมาก พอถามก็ได้คำตอบว่าเป็นกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศ บริษัทยักษ์ใหญ่เชียวล่ะ
ที่เร่งตามตัวฉันมาก็เพราะจะให้เป็นล่ามแปลนี่เอง คนที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีที่สุดในร้านนี่ก็ลำบากจริงๆเลยน้า
วันนี้ฉันรู้สึกว่าถูกจับแต่งตัวอย่างพิถีพิถันเป็นพิเศษ ยัยโอก้าซังแทนที่จะไปใส่ใจยัยเกอิชารุ่นพี่ที่นั่งแต่งตัวอยู่ข้างๆกัน กลับมาดูแลความเรียบร้อยให้ฉันที่เป็นไมโกะ แค่นี้ก็พอจะบอกได้แล้วว่าใครที่มีสถานะพิเศษกว่า
ผู้ที่งดงามมักจะตกเป็นเป้าของความอิจฉา ก่อนหน้านี้ฉันก็ถูกยัยเกอิชานี่สั่งให้หิ้วเครื่องดนตรีและอุปกรณ์การแสดงทั้งหมดไปไว้ที่ห้องซาชิกิ จะด้วยอาวุโสหรืออะไรก็ช่าง ฉันไม่สามารถขัดขืนคำสั่งบ้าบอไร้เหตุผลนี่ได้ และมันก็ทำให้ฉันปวดไหล่ไปหนึ่งสัปดาห์เต็มๆเพราะยกของหนัก
งานทำความสะอาดหรืองานทำอาหารเป็นหน้าที่ของแม่บ้าน แต่ยัยพวกนั้นก็ยังหาเรื่องใช้งานฉันให้หนักที่สุดเท่าที่จะนึกออกอยู่ดี โดยอ้างว่าไมโกะจะต้องรับใช้พวกรุ่นพี่ ผ่านไปไม่ถึงสองเดือนฉันก็รู้สึกว่ามือหยาบกระด้างขึ้น อยากได้ครีมบำรุงมือชะมัด
ฉันหมายมั่นปั้นมือว่าหากได้เป็นเบอร์หนึ่งของร้าน คนที่เคยรังแกฉันต้องไม่มีชีวิตอยู่เป็นสุขแน่ จะเอาคืนให้สาสมเลยล่ะ
โอก้าซังกับยัยเกอิชานั่นเข้าไปก่อน ฉันรอเวลาที่จะถูกเรียก พอประตูบานเลื่อนโชงิถูกเลื่อนออก ฉันก็หมอบคำนับอยู่ที่พื้นอย่างแช่มช้อย
พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เกือบจะเสียกริยาไปชั่วขณะ
เอ็นโจนั่งอยู่บนเบาะรองนั่งในห้องซาชิกิที่ราคาแพงที่สุดในร้าน
อะไรกัน ทำไมหมอนี่ถึงโผล่มาในทุกที่ที่ฉันอยู่เลยล่ะ หา!!!
เอ็นโจก็ชะงักไปเช่นกันที่เห็นฉัน แก้วชาในมือยกค้างไว้ในท่าเตรียมดื่ม
ฉันตั้งสติแล้วฉีกยิ้มให้แก่ทุกคนในห้อง ทักทายและแนะนำตัวเองอย่างนอบน้อม ผู้ชายต่างชาติผมทองตาฟ้าคนหนึ่งมองฉันตาเชื่อมแบบนี้ท่าทางจะเจ้าชู้ไม่เบา ขอให้ได้รู้ฐานะกับเงินในกระเป๋านายก่อนแล้วฉันจะยอมเล่นด้วยก็แล้วกัน
โอก้าซังแนะนำว่าฉันเล่นดนตรีและร้องเพลงได้เพราะมาก เอ็นโจเองก็แปลให้กลุ่มคนพวกนั้นฟัง แต่ฉันเห็นว่าหมอนี่มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนจะดูถูกกัน ก็เลยต้องแสดงฝีมือกันหน่อย
ทั้งเล่นซามิเซ็ง ทั้งร้องเพลงจบไปหนึ่งเพลง ทุกคนในห้องก็ปรบมือให้ มีแค่คนเดียวที่นั่งเฉยๆนั่นก็คือเอ็นโจ เท่านั้นยังไม่พอ ยังไปชวนคนอื่นคุยในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับดนตรีเมื่อครู่นี้อีก คิดว่าฉันฟังภาษาอังกฤษไม่ออกรึยังไง คนจิตใจหยาบกระด้างนี่มันแย่สุดๆไปเลย
ยัยเกอิชาไปเอาใจเอ็นโจ ฉันเลยเข้าหาผู้ชายต่างชาติคนนั้น รับจอกมารินเหล้าให้
ดูเหมือนเอ็นโจจะถูกใช้ให้มาเป็นล่ามแปลภาษา คอยแนะนำหรือแปลในสิ่งที่พูด แต่ฉันไม่ต้องการคุยกับเอ็นโจ ก็เลยเริ่มต้นทักทายเป็นภาษาอังกฤษตามที่ได้รับการฝึกฝนมา หมอนั่นดูอึ้งไปเล็กๆ
ที่ผ่านมาคงนึกว่าฉันโง่เง่าไร้ความสามารถใดๆอยู่ล่ะสิท่า
คนอื่นๆในโต๊ะเห็นฉันพูดภาษาอังกฤษได้ก็เริ่มต้นที่จะพูดคุยกับฉันกลับมาบ้าง ฉันหันไปทำหน้าเยาะเย้ยใส่ยัยเกอิชานั่น เชิญเธอเอาใจหมอนั่นไปคนเดียวเถอะ การสนทนาของทั้งโต๊ะน่ะฉันจะคุมเกมเอง
ลูกค้ากลุ่มนี้มีทั้งชายและหญิง ฉันก็เอาใจได้ไม่มีขาดตกบกพร่อง ไม่ให้ใครรู้สึกว่าถูกทิ้งไว้หรือไม่ได้รับความสนใจ ระหว่างนั้นก็ลอบฟังบทสนทนาไปด้วย มองหาคนที่มีอำนาจที่สุดในกลุ่มคนพวกนี้ ก็น่าจะเป็นผู้ชายผมทองที่ทำตาเจ้าชู้ใส่ฉันคนนั้นนั่นล่ะ
ฉันชวนคุยเรื่องสัพเพเหระ พูดถึงความงดงามของธรรมชาติ การแสดงคาบุกิและละครโน ดนตรี ลามไปถึงโอเปร่าบนทะเลสาบและเจ้าหญิงหงส์ขาว เอ็นโจก็ทำหน้าเบ้ใส่ ฉันไม่คิดจะเสวนากับคนที่ไร้ความสุนทรีเช่นนี้อยู่แล้วจึงมองผ่านไป
ผู้หญิงในกลุ่มชวนคุยเรื่องเพลง ไปๆมาๆก็ขอให้ฉันร้องเพลงให้ฟังบ้าง เพลงที่ขอมาก็เป็นเพลงยอดนิยม ฉันเห็นว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็เลยเริ่มต้นร้อง
ผู้ชายผมทองคนนั้นเท้าคางมองฉันด้วยสายตาหวานเชื่อม ฉันรู้ในทันทีว่าเขาติดใจฉันเข้าให้แล้ว ถ้าปะเหลาะดีๆหน่อย อีกไม่นานหรอกคงยอมสยบลงแทบเท้า ขออะไรก็คงได้หมด
เมื่อร้องจบ ฉันโค้งคำนับเพื่อขอบคุณเสียงปรบมือเหล่านั้น เอ็นโจก็ปรบมือให้ด้วย แต่ก็ทำแบบขอไปที แต่ฉันไม่สนใจ หันไปยิ้มหวานให้กับชายต่างชาติผมทองคนนั้น
การหว่านเสน่ห์ดูเหมือนจะได้ผล เพราะคืนต่อมา เขาก็มาอีก ระบุโดยตรงว่าต้องเป็นฉันคนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่สน
การพูดคุยเป็นไปได้ราบลื่นกว่าเดิมเพราะไม่มีสายตาที่จ้องเขม็งมาของเอ็นโจแบบคืนก่อน อีกทั้งผู้ปรนนิบัติมีแค่ฉันคนเดียว สามารถออดอ้อนได้เต็มที่
ฉันพูดถึงฤดูกาลของญี่ปุ่น แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เราคุยกันได้ดีเกือบทุกอย่างและสนุกมาก สายตาเขาที่มองฉันก็ยิ่งหยาดเยิ้มมากทุกขณะ
ก่อนที่เขาจะกลับประเทศ ฉันเลยพูดถึงเรื่องเครื่องประดับบนศีรษะ บอกว่าแต่ละเดือนต้องเปลี่ยนรูปทรงไม่ให้ซ้ำกัน เป็นดอกไม้ที่เบ่งบานเป็นสัญลักษณ์ในแต่ละเดือนของญี่ปุ่น
ถ้าไม่โง่นักก็น่าจะรู้ว่าฉันต้องการอะไร
.
.
.
.
พอฤดูใบไม้ร่วง ผู้ชายคนนั้นก็กลับมาพร้อมกับคณะผู้ติดตามชุดเดิมกับที่เคยมาเมื่อครั้งก่อน เอ็นโจเองก็มากับเขาด้วยเหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่สาระที่ฉันต้องใส่ใจ
เขาคนนั้นเอาปิ่นปักผมรูปดอกเบญจมาศมาให้ฉัน ขออนุญาตโอก้าซังแล้วบรรจงเสียบให้ที่เรือนผม นับว่าหาข้อมูลมาดีใช้ได้
ฉันแกล้งทำเป็นยิ้มเอียงอาย กล่าวขอบคุณด้วยกริยาขัดเขิน เขาเองก็ดูจะพึงพอใจ
พอเงยหน้าไปสบตากับเอ็นโจโดยไม่ตั้งใจ สายตาที่มองมานั้นทำให้ฉันรู้สึกหน้าชาไปหมด
อีกแล้ว หมอนี่ใช้สายตาแบบนี้กับฉันอีกแล้ว มองฉันเหมือนเห็นสิ่งน่าสมเพช ด้อยค่า น่าขยะแขยง เป็นสายตาที่เขาใช้มองฉันทุกครั้งเวลาที่ฉันเข้าหาคาบุรากิเพื่อนของเขา
ฉันข่มความรู้สึกทั้งหมดลงไปพร้อมกับการหมอบคำนับ ขอตัวกับโอก้าซังไปหยิบอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการแสดงชุดต่อไป ถึงจะซื้อเวลาได้แค่ไม่กี่นาที แต่ฉันก็ไม่อยากอยู่ใกล้เอ็นโจที่มองฉันด้วยสายตาแบบนี้
พอออกมาจากห้องเก็บของ จะกลับไปที่ห้องซาชิกิก็เห็นเอ็นโจยืนอยู่ตรงหน้าเหมือนกำลังมาดักรอฉันเช่นวันวาน ถ้าเป็นเมื่อก่อนหมอนี่จะด่าฉันเรื่องตามตื๊อคาบุรากิ สั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้ และเทศนาให้ฟังถึงเรื่องไม่ควรไปขัดขวางความรักคนอื่นเขา คราวนี้ก็เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนชื่อตัวละครในเรื่องเท่านั้นเอง
ผู้ชายต่างชาติคนนั้นมีภรรยาแล้วก็เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ แต่ฉันไม่สนเสียอย่าง ฉันแค่ต้องการใครก็ได้ที่สามารถทำลายตระกูลคาบุรากิก็เท่านั้น จะให้ทำผิดศีลธรรมไปซักร้อยข้อก็ไม่เป็นไร
พอฉันยักไหล่ไม่ยี่หระ หมอนี่ก็ก้าวมาประชิดตัวฉัน คว้าข้อมือฉัน ดึงให้เข้าหาตัว
เรื่องนี้ออกจะทำให้ฉันตกใจพอสมควร แต่ไหนแต่ไรมาเอ็นโจถึงจะชอบด่าหรือสั่งสอนฉัน แต่ก็ไม่เคยมาถูกเนื้อต้องตัวกันแบบนี้
ฉันสะบัดข้อมือตัวเองออก ยิ้มเย็นชาให้เอ็นโจ ทำเป็นไม่สนใจอาการปวดแปลบตรงที่ถูกบีบ ทั้งที่จริงมันเจ็บมาก มือฉันสั่นไปพักหนึ่งเลยทีเดียว
ลูกค้าคนนั้นก็สังเกตถึงรอยแดงบนข้อมือฉันได้ ตอนฉันรินเหล้าให้ก็ถามไถ่อาการอย่างเป็นห่วงเป็นใยว่าไปโดนอะไรมา พร้อมกับลูบข้อมือตรงรอยนั่น
ฉันเหลือบมองเอ็นโจที่จ้องมองมาแล้วก็ฉีกยิ้มหวานหยด
“แมลงน่ะค่ะ” ฉันตอบชัดถ้อยชัดคำ ใส่จริตมารยาลงไปในน้ำเสียงเป็นการยั่วโทสะเอ็นโจอีกทาง “เมื่อครู่นี้ที่ออกไปข้างนอก อยู่ๆก็มีแมลงตัวใหญ่มากๆมาเกาะมือ...ฉันตกใจก็เลยเผลอฟาดมือตัวเองแรงไปหน่อย เจ็บมากเลยล่ะค่ะ”
เอ็นโจถลึงตาใส่ แต่ฉันไม่สนใจ เข้าไปออดอ้อนลูกค้าชาวต่างชาติคนนั้น ส่งยิ้มเยาะเย้ยไปให้ จนเอ็นโจสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น เปลืองตัวนิดหน่อยแต่แลกกับการได้เห็นหมอนี่โกรธหรือโมโหก็ถือว่าคุ้มค่า
แต่ไหนแต่ไรมา ฉันก็เกลียดหน้ายิ้มๆแบบนั้น มันสุดแสนจะเสแสร้ง ทุกคนในซุยรันก็โง่ชะมัด ไม่มีใครดูออกหรือยังไงว่าหมอนี่กำลังใส่หน้ากากอยู่ ตัวตนที่อ่อนโยนของหมอนั่นแค่การแสดงละครเท่านั้น
ไอ้หน้ายิ้มๆแบบนั้นน่ะ บิดเบี้ยวเป็นอย่างอื่นบ้างซะก็ดี
.
.
.
.
เอ็นโจไม่มาอีกเลยนับจากนั้น แต่ฉันก็ไม่คาดหวังให้หมอนั่นมาอยู่แล้ว ที่ฉันต้องการน่ะก็แค่ผู้ชายรวยๆพอให้เกาะได้ก็เท่านั้น
ลูกค้าชาวต่างชาติคนนั้นก็กลับประเทศตัวเองไปแล้ว ไม่รู้จะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่ ฉันไม่อยากตั้งความหวังไว้ที่เขาคนเดียวเลยพยายามหว่านเสน่ห์ใส่ลูกค้ารายอื่นๆไปด้วย แต่ก็ไม่มีใครกระเป๋าหนักเท่าเอ็นโจเลยซักคน
มีแว้บหนึ่งที่ฉันเคยคิดขึ้นมา ถ้าฉันหว่านเสน่ห์ใส่เอ็นโจ ให้หมอนั่นมาเป็นผู้อุปถัมภ์ของฉันล่ะ จะได้ไม่ต้องไปนอนกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ความคิดนี้ก็ถูกปัดตกไปแทบจะในทันที
จะให้ฉันไปทำฉอเลาะออดอ้อนหมอนั่น แค่คิดก็ขนลุกขนพองแล้ว
เอ็นโจเองก็คงไม่อยากมายุ่งเกี่ยวกับฉันนักหรอก หมอนั่นตามประกบเพื่อนตัวเองแจหยั่งกะหมาหวงเจ้าของ พอฉันเข้าใกล้คาบุรากิก็ออกมาด่าทุกที หรือไม่ก็มองด้วยสายตารังเกียจเหยียดหยาม
ถ้าคาบุรากิไม่ได้รักกับยัยทาคามิจินั่น ฉันคงนึกว่าสองคนนั้นเป็นคู่เกย์ หรืออะไรทำนองนั้นแล้ว
ฉันปัดเรื่องนี้ทิ้งไปเมื่อถึงห้องซาชิกิที่ราคาแพงที่สุดในร้าน เรื่องนี้ก็ได้รับการแขวะจากยัยเกอิชารุ่นพี่ทั้งหลาย เรื่องที่เป็นไมโกะแต่กลับมีแขกที่สามารถเหมาห้องแพงๆ มาขอระบุตัวเจาะจงหลายครั้งหลายครา ทำแบบนี้ก็เหมือนข้ามหน้าข้ามตากัน แต่ฉันไม่สนซะอย่าง
รู้สึกจะมีการระบุว่า “ขอพบนกน้อยที่ร้องเพลงได้ไพเราะที่สุดในร้าน” ซึ่งนั่นก็หมายถึงฉัน
เป็นคนมีความสามารถเยอะนี่มันก็ลำบากจังเลยน้า
เมื่อได้รับสัญญาณ ฉันก็เปิดประตูบานเลื่อนโชงิเข้าไปหมอบคำนับ เงยหน้าขึ้นอย่างแช่มช้อยตามที่ได้รับการฝึกฝน
เอ๋!?
คนตรงหน้าเป็นคนที่ฉันไม่คาดคิดว่าจะได้พบ ฝ่ายนั้นก็ดูอึ้งๆไปเหมือนกันที่เจอฉัน
ท่านอิมาริ
ฉันเคยพบเขาที่บ้านไม่กี่ครั้ง โดยมากจะเป็นการพูดคุยผิวเผิน ทักทายตามมารยาทเท่านั้น แม้ท่านอิมาริจะดูเป็นมิตร แต่ด้วยความที่เขาเป็นเพื่อนของท่านพี่ ฉันจึงไม่อยากจะข้องแวะด้วย
ไม่นึกเลยว่าจะได้มาพบกันในที่แบบนี้
โอก้าซังแนะนำตัวฉัน ว่าคือคนที่เขาระบุมา ฉันต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขาเหมือนที่ทำกับเอ็นโจ และท่านอิมาริเองก็ไม่ได้แสดงความสนิทสนมอะไรกับฉัน
แม้จะมีคำถามมากมายในหัว แต่ก็ไม่มีจังหวะพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับท่านอิมาริเลยสักนิด ถึงท่านอิมาริจะมาคนเดียว แต่ในห้องก็มีโอก้าซัง มีพวกนักดนตรีอื่นๆอยู่อีก ฉันออกไปร่ายรำ ร้องเพลง ให้ความบันเทิงกับแขกผู้มาเยือนในค่ำคืนนี้
โอกาสมาถึงเมื่อต้องเดินไปส่งท่านอิมาริขึ้นรถกลับ เขายิ้มให้โอก้าซังแล้วบอกว่าจะขอให้ฉันเดินไปส่ง ยัยนั่นก็รีบประเคนฉันให้ในทันที
ก็ลูกค้าที่สามารถจ่ายเงินหลายแสนเยนได้ในคืนเดียวอย่างไม่สะทกสะท้านแบบนี้ก็ควรต้องรักษาเอาไว้ให้ดีๆนี่นะ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เรย์กะจัง”
“ค่ะ”
“เมื่อครู่นี้ร้องเพลงได้เพราะมากเลยนะ สมกับที่ชูสุเกะคุงแนะนำมาจริงๆ”
“เอ๋” ฉันเลิกคิ้วขึ้น เอ็นโจน่ะเหรอ ทำไมชื่อหมอนี่ต้องมาวนเวียนในชีวิตฉันอยู่เรื่อยเลยล่ะ “ขอบคุณที่ชมนะคะ ถ้าทำให้ท่านอิมาริพึงพอใจได้ฉันก็ยินดี”
“ว่าแต่ทำไมถึงมาทำงานแบบนี้ล่ะ” ท่านอิมาริยิ้มน้อยๆ “ทาคาเทรุรู้เรื่องนี้รึเปล่า”
“ไม่ค่ะ” ชื่อของท่านพี่ที่โผล่มาก็ออกจะทำให้เสียอารมณ์พอสมควร คืนนี้มีแต่ชื่อน่าหงุดหงิดโผล่มาให้ได้ยินทั้งนั้น
“เรย์กะจัง ถ้ามันอับจนหนทางจริงๆก็ปรึกษาทาคาเทรุก่อนสิ”
“ฉันโตแล้วนี่คะ ทำไมต้องบอกท่านพี่ด้วยล่ะ”
“นั่นสินะ” ท่านอิมาริส่ายหน้า “แต่ยังไงฉันก็เป็นห่วงเรย์กะจังนะ ทำอาชีพแบบนี้ก็ต้องเจอคนหลากหลายประเภทอยู่แล้ว อาจจะมีคนไม่ดีมาหลอกก็ได้”
“แล้วท่านอิมาริเป็นคนไม่ดีรึเปล่าล่ะคะ” ฉันส่งยิ้มยั่วยวนให้ เขาดูอึ้งๆไป ก็เลยได้โอกาสเข้าประชิดตัว
มือฉันวางทาบกับอกของเขา จงใจเบียดเนื้อตัวเข้าหา
“เรย์กะจัง…”
“มีแค่ท่านอิมาริที่ไม่ได้มาหลอกลวงฉัน เท่านี้ฉันก็พอใจแล้วค่ะ” ฉันช้อนตามองอย่างออดอ้อน ท่านอิมาริกระพริบตาปริบๆเหมือนกำลังทำตัวไม่ถูก
ต้องขอบคุณเอ็นโจจริงๆที่ไปแนะนำให้ท่านอิมาริมาที่นี่ เขามีคุณสมบัติทุกอย่างที่ฉันต้องการ ต้องจับไว้ให้ได้
“จะบอกท่านพี่รึเปล่าล่ะคะ” ฉันเอื้อมมือไปแตะนิ้วเข้ากับปากของเขา “ช่วยเก็บเป็นความลับของฉันกับท่านอิมาริไม่ได้เหรอ”
ฉันรู้สึกถึงถึงอะไรที่รัดพันรอบตัว รั้งร่างของฉันให้เข้าหาจนอดที่จะตกใจไม่ได้ เกิดมาฉันยังไม่เคยถูกกอดในลักษณะนี้มาก่อน ให้ความรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก
“ถ้าเรย์กะจังไม่อยากให้บอก ฉันก็ไม่บอก”
ท่านอิมาริก้มลงมองฉันแบบยิ้มๆ ความกระอักกระอ่วนในสายตาของเขาหายไป มีประกายอะไรบางอย่างขึ้นมาแทนที่ ฉันรู้โดยสัญชาตญาณของผู้หญิงทันทีว่าอันตราย
ผู้ชายคนนี้อันตราย
แม้จะมีลูกค้าแตะเนื้อต้องตัวฉันบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีใครรุกล้ำขนาดนี้ ชื่อเสียงทางคาสโนว่าของท่านอิมาริที่เคยได้ยินมานั้น ฉันได้พิสูจน์ด้วยตาตัวเองแล้ว และเป็นจริงทุกประการ
“ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ ราตรีสวัสดิ์นะคะ ท่านอิมาริ” ฉันผละตัวออกจากเขา ถอยหลังไปหลายก้าวแล้วโค้งคำนับให้ ไม่ลืมที่จะโปรยยิ้มหวานเป็นการตบท้าย
ท่านอิมาริส่งสายตาเสียดายอย่างไม่ปิดบัง แต่ฉันไม่สนใจเรื่องนั้น รีบเดินกลับเข้าไปข้างในโดยเร็วที่สุด
ธรรมชาติของผู้ชายนั้นชอบเป็นฝ่ายล่า จะต้องไม่ทำให้ตัวเองดูง่ายเกินไปนัก ไม่อย่างนั้นเขาจะเบื่อแล้วก็จากไป
ฉันต้องเป็นฝ่ายคุมเกมให้ได้ ใครมีอำนาจควบคุมคือคนที่มีอำนาจต่อรอง
---------------------------------------
คิดจะเล่นกับไฟ ระวังไฟลวกมือนะจ๊ะ
ฮืออออ ท่านอิมาริภาคนี้ดูมีรังสีมืดๆลอยออกมาเอื่อยๆยังไงไม่รู้วววว เรย์กะเธอคิดดีๆนะกับการทำแบบเน้
ขอบคุณมึงมากที่มาต่ออออ//จุ๊บเหม่งที
>>756-759 กูขำที่คิดว่าเอ็นโจกับคาบุรากิเป็นคู่เกย์กัน เธอคิดถูกแล้วล่ะ 5555555555555//โดนยิ้มจอมมารใส่
ท่านอิมาริมาแล้ว แต่รู้สึกอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจเลยว่ะ กูว่าฮีดูออกที่เรย์กะทำเป็นเก่งไปงั้น แต่เสนอมาก็สนองให้ ไม่ได้สนิทอะไรกันด้วยคงไม่ตะขิดตะขวงใจถ้าจะเอาน้องเพื่อนอะนะ ผู้ชายเรื่องนี้หาคนที่สามารถไว้ใจได้น่ะมีมั้ย
เอ็นโจ แกส่งเนื้อเข้าปากเสือแล้วว้อยยยยยยยยยยย ไปตามท่านพี่มาช่วยเดี๋ยวนี้เลยน้าาาา
กรี้ดดด ฟิคเกอิชาา กูชอบความสีหม่นๆทึมๆฟิคนี้
ท่านอิมาริโผล่มานี่ถือว่าพีค ตอนเรย์กะพูดถึงความคาสโนว่าของอิมาริกูเผลออ่านเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคาสโนว่าเฉยย5555
ฟิคเกอิชามาต่อแล้วววว ขอบคุณโม่งฟิคมากๆกราบงามๆสามที555555
กูคิดถึงฟิคนี้ กรีดร้องงงงงงงง กูชอบความสีเทาๆของเรื่องเน้ ;-;; ขอบคุณสำหรับฟิคค่า อร่อยมาก
เรย์กะ เธอไปเล่นกับไฟแบบนั้นไม่ดีนะ ท่านอิมาริดูแพรวพราวมากเว่อร์ แล้วไม่ได้สนิทมากมายกูเดาว่าถ้าได้เข้าปากแล้วอาจจะไม่ปล่อย แบบว่า น้องเพื่อนก็น้องเพื่อนเถอะ แต่ไม่ได้สนิทมากมายแถมยังขาดการติดต่ออีกนี่นา~ ผู้หญิงมาถึงที่ก็ต้องสนองหน่อย อะไรแบบนี้ /ทำไมกูมองท่านอิมาริโหดร้ายแบบนี้ จริงๆแล้วท่านอิมาริแค่โดนมีดแทงมาจากอะไรซักอย่างเฉยๆเองนะ
ท่านอิมาริโผล่มาก็รู้สึกเหมือนเป็นพวกหวังฟันเจ้าทันทีเบย ดูต่างไปจากเวอร์ชั่นนิยายจริงๆ ถึงเนื้อถึงตัว ยิ้มแพรวพราว เสนอมาก็สนองตอบ ดูมารยาหญิงออกแต่ก็ตามน้ำ เรย์กะเล่นกับไฟจริงๆ
เห็นแววว่าจะเสร็จอิมาริจริงวุ้ย เพิ่งเจอหน้าก็กอดเข้าให้ละ มือไวจริง จะว่าเรย์กะเสนอตัวเองให้ก็เถอะน้าาาา แต่ถ้าอิมาริได้กูก็เห็นลางว่าจะฟันแล้วทิ้งว่ะ ฮีดูท่าจะผ่านหญิงมาเยอะ อาจจะมีหลากหลายประเภท น่าจะเชี่ยวอยู่ คงไม่หยุดตรงนี้ที่เธอหรอกมั้ง
ท่านอิมาริในโลกที่ท่านพี่ไม่ซิสค่อนนี่น่ากลัวโพดๆ ท่าทางไม่น่าจะเอ็นดูท่านเรย์กะเหมือนเวอร์ชั่นปกติด้วยแถมไม่มีท่านพี่คอยกันท่าอีก
ตะไมพวกมึงคิดว่าอิมาริจะหวังฟันเจ้ากันเล่า เขาอาจจะรักจริงหวังแต่งก็ได้นะ (แต่กูก็คิดว่ะ ถถถถถถถถถ)
ทีแรกกูก็แอบเชียร์อิมารินะ แต่เห็นความไวไฟของพี่แกแล้ว กูเกรงว่าเรย์กะจะเป็นได้แค่ของเล่นง่ะ เอ็นโจส่งเนื้อให้เสือแดกชัดๆ เนื้อจะโดนเสือกินหมดตัวไม่เหลือแม้แต่กระดูกรึเปล่า เป็นห่วงว่ะ
เห็นข้างบนถามหาผู้ชายดีๆไว้ใจได้ กูก็นึกถึงนายตัวสำรองว่ะ แต่จะมีบทในฟิคนี้มั้ยก็ไม่รู้ ถ้ามีกูว่าน่าจะเป็นคนดีสุดในเรื่องละ อยากให้มาช่วยพาไปจากชีวิตตรงนี้จริงๆ
อ๊ายยยย เพิ่งได้กลับมาอ่าน เลิฟๆ นะโม่งฟิคเกอิชา เรย์กะภาคนี้ดูมีสัญชาตญานไว อ่านคนออกเร็วจัง พอไม่มีท่านพี่อยู่แล้วก็ต้องดูแลตัวเองสินะ ท่านอิมารินี่ก็ดูเป็นเสือผู้หญิงจริงๆ อย่าทำร้ายเรย์กะน้าาาา
วันนี้จะมีฟิคมั้ยน้าาาา ร่างกายต้องการกาว
ลองเขียนฟิคท่านพี่กับเอ็นโจดู อีห่า ยากชิบหาย ไม่น่าหางานให้ตัวเองเลยว่ะ 5555555555555
ขอบคุณโม่งแปลสำหรับตอนใหม่มาก ก็ฮาเหมือนเคย ตอนท้ายกูอยากตบมุกจัง ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตกับชูสุเกะทำไม...ก็ไปเดทไงล่ะ ถถถถถถถถถถถถถถถถถ
เป็นตอนที่ขำตั้งแต่ต้นยันจบจริงๆ ตอนแรกก็ความล่ำของต้นแขนท่านเรย์กะ ต่อมาคาบุก็ดัดเสียงเล็กเสียงน้อยตรงคำพูดวาคาบะอีก ฉากถามว่าจะไปไหนดีแม่งก็ฮา ตามแต่พระประสงค์ของท่านเถิดเจ้าค่ะ ถ้าวาดเป็นมังงะ ฉากนี้สงสัยจะ poker face มากแน่ๆ ถถถถถถถถถถถ
ขอบใจโม่งแปลน้าาาา. คาบุเรยกะ คู่ฮานี่เวิรคตลอดจริงๆ. เรยกะบ่นคนเดียวเริ่มเฉยๆแระ
อยากเห็นฉบับการ์ตูนจัง!
อา สายตาที่เรย์กะมองบากะรากิ ช่างเป็นสายตาที่ได้อารมณ์อะไรเช่นนี้
บากะรากิ : ความรู้สึกน่าสมเพชนี่มันอะไรกันน่ะเหอะ !!!
ตอนนี้มีแฟนอาร์ตประกอบด้วยนะ ฮาค่อด คาบุรากิถึงเนื้อถึงตัวสุดๆ!!
https://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=manga&illust_id=46957641
ขอบคุณโม่งแปล!ตอนนี้สมแล้วที่เป็นคู่นี้ ฮามาก ฮาทุกบรรทัดเลย5555555คาบุเอ้ยยย ตลกแบบน่ารักน่าแกล้งยังไงก็ไม่รู้นะ แต่ตอนที่ให้ไปสองคนกับเอ็นโจนี่ขืนไปจริงกลายเป็นคู่วายซื้อของเข้าบ้านแหงๆหละนะ5555 แต่ความจริงที่คาบุบอกว่าไปกับเอ็นโจทำไม นี่ว่าไปกับท่านเรย์กะก็ไม่ต่างกันหรอกนะ สำรวจตลาดไรนั่นนางมั่วไปเรื่อยอยู่แล้วอ่ะ555555
ตกลงต้นแขนในร่มผ้านี่มันล่ำจนรู้สึกได้เลยเรอะ!! โธ่ หมดกัน.... ยิ่งนานไปท่านเรย์กะกูยิ่งโดนยำจนอนาถขึ้นเรื่อยๆ น่าสงสารค่อดๆ
เคยมีนางเอกการ์ตูนโชโจเรื่องไหนมั่งวะโดนเล่นขนาดนี้ โดนนกขี้ใส่ กวางเตะ ขนคิ้วร่วง อุณาโลมขึ้น โดนหาว่าเป็นคนท้อง และล่าสุดคือแขนใหญ่....
นิ้วชนกันรึ! ขำอ่ะ. นี่ถึงขั้นจับต้นแขนกันล้าววว
จะว่าไปเรย์กะซามะเนี่ย เหมาะกับ 4-koma มากเลยนะ มีมุกให้ตบตลอด 55555555555
>>790 ฝั่งpetitไงมึง ต้องมีเด็กหลายคนอยู่แหละที่มีพี่อยู่ในฝั่งมัธยม พวกเด็กป.5-6ก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ 5555
จะว่าไปกูก็นึกไม่ออกอะว่าเด็กประถมจะมากรี๊ดเด็กมัธยมที่ห่างกัน6ปีขึ้นได้ไง ตอนกูเรียนอยู่มัธยมนี่กูก็ไม่ได้กรี๊ดเพื่อนเลยนะ 555 รู้สึกพวกมันก็เด็กๆกันอะ ตอนกูเป็นรุ่นน้องกูก็ไม่กรี๊ดรุ้นพี่อีกเหมือนกัน
>>791 แต่ถ้าถามว่ากรี้ดได้ไหมก็ได้นะเว้ย น้องแถวบ้านกูเนี่ย ป.5-ป.6 น้องติ่งboybandเกาหลีกับกู ติ่งผู้ฝ. ผู้ยุ่น ผู้นักกีฬา(อันนี้กูตามน้อยมาก น้องมันรู้จักมากกว่ากูอีก ยอมใจชิบหาย)ไรงี้ด้วยกัน เวลาเปลี่ยนอะไรๆมันเข้าถึงง่ายขึ้น
กูเดานะ เด็กซุยรันนี่ก็ไม่ใช่(มโน)น้อย เด็กๆเปอติต์ก็ต้องมีกรี้ดกร้าดในใจบ้างหรือไม่ก็มีพี่ที่อยู่มัธยมแล้วไปกรี้ดไปสครีมใส่กันก็ได้หรือไม่ก็อาจจะไปคุยกับพี่สาวเล่าวันนี้ที่โรงเรียนไปเรื่อยๆแล้วก็..
ฟังเรื่องในวันนี้ของน้องสาว
ระหว่างที่นั่งรถกลับบ้านน้องสาวก็มักจะเล่าเรื่องในวันนี้ให้ฟังตลอด วันนี้ก็เป็นอีกวัน
.
.
.
.
"อ๊ะ ท่านพี่คะ วันนี้ท่านพี่เรย์กะมาที่ห้องเปอติต์อีกแล้วล่ะค่ะ แถมยังเอาของฝากมาฝากอีกด้วยนะคะ!"
"เหห เป็นอะไรเหรอจ๊ะ"
"เป็นขนมเยลลี่ล่ะ~ "
"หลังจากนั้นพวกท่านพี่ของยูกิโนะคุง เอ็นโจ ยูกิโนะคุงน่ะค่ะ!"
"หื้ม!? แล้วยังไงต่อจ๊ะ"
"พวกท่านพี่ของยูกิโนะคุงเข้ามา ก็มารับยูกิโนะคุงกลับไป"
"อืมมม... แล้วก็.. แล้วก็พี่ผู้ชายที่ท่านพี่เคยพูดถึงบ่อยๆ ท่านคาบุกิๆซักอย่างน่ะค่ะ"
"เอ๊ะ...."
"พอมาถึงนะ ลากท่านพี่เรย์กะออกไปเล้ย!"
"...!!!??"
"ท่านพี่เรย์กะบ๊ายบายก่อนออกไปด้วยนะคะ~ แล้วหลังจากนั้นน้องก็ไปนั่งกินขนมกับเพื่อนในห้องเปอติต์ต่อ.....เอ...มีอะไรเหรอคะท่านพี่ มีธุระด่วนเหรอคะ?"
"ข..ข่าวด่วน ข่าวด่วนสุดๆไปเลย! บอกในกรุ้ปลับ! กรุ้ปลับบบ! " อา~ ท่านเรย์กะนี่นะคะ น่าอิจฉาจริงๆค่ะ ล้อมรอบไปด้วยหลุ่มหล่อโดยเฉพาะท่านคาบุรากิกับท่านเอ็นโจเนี่ย~ ถ้าให้เชียร์ระหว่างจักรพรรดิผู้สง่างามกับองค์ชายผู้ที่เปรียบดั่งแสงสว่าง ดิฉันเอนเอียงทางองค์ชายมากกว่านะคะ แต่วันนี้ทางจักรพรรดิมีการลากออกไปคุยกันสองต่อสองหรือคะแนนฝ่ายจักรพรรดิจะนำอยู่!? นี่แสดงว่าท่านเรย์กะไม่อยากให้มีคนรู้ว่ากำลังคุยกันกับท่านคาบุรากิอยู่ไปมากกว่านี้สินะคะ ก็..ไม่น่าจะทันแล้วล่ะค่ะ.... แต่ท่านคาบุรากิคงทนไม่ไหวเลยเดินเข้ามาพร้อมกับพาไปคุยกันในที่ลับตาแทน
ความรักที่ฝ่ายหญิงอยากเก็บไว้ให้รู้เพียงสองแต่ฝ่ายชายต้องการที่จะสานสัมพันธ์ไปมากกว่านี้ทำให้เสี่ยงที่คนนอกจะรับรู้ เห้ออ น่าสงสารจริงๆนะคะ ถึงแม้ว่าดิฉันจะเอนเอียงในอีกฝั่งแต่ก็จะเป็นกำลังใจให้ทางท่านคาบุรากิได้ประกาศให้คนอื่นได้รับรู้เรื่องความสัมพันธ์กับท่านเรย์กะอย่างลับๆเองค่ะ!
-----------------กาวโคตร
>>793 ต้องออกมาอีหรอบนี้แหงๆ ยิ่งเป็นโรงเรียนตระกูลผู้ดีเข้ามาเป็นรุ่นๆ อีกตะหาก ท่านจักรพรรดิกับองค์ชายใจร้อนอยากเจอท่านเรย์กะจนทนไม่ไหวต้องบุกเข้ามาหาถึงห้องเปอติต์ องค์ชายเป็นฝ่ายอำลาไปก่อน ส่วนท่านเรย์กะถูกท่านจักรพรรดิฉุดไปอย่างอาลัยอาวรณ์คล้ายมีความในใจไม่อาจบอกเล่าแก่ผู้คน กรี๊ดดดดด
ชาตินี้เจ้าแม่จะมีคนมาชอบั้ยวะเนี่ย กูจะลืมละว่าเรื่องนี้แนวรัก
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการซื้อบ้านพร้อมที่ดินในหมู่บ้านมีรักถวายเจ้าแม่ (หลังที่ 17)
>>800 มึงนี่ก็...คานซังเขาออกจะรักมั่นกับท่านเรย์กะขนาดนี้ ท่านเรย์กะเองก็รักตอบแต่ทำซึนไปงั้น เวลาเห็นคู่รักหวานแหววท่านเรย์กะก็จะนึกถึงแต่คานซังที่รอคอยอยู่ในหมู่บ้าน เห็นแบบนี้แล้วมึงยังจะแยกคู่แท้แห่งโชคชะตาออกจากกันได้ลงคอเชียวหรือ มึงรู้ตัวมั้ยว่าโครตใจร้ายเลย
กลับไปอ่านมุมมองซาโตมิอีกที กูก็อยากอ่านมุมมองทาคากิว่ะ อยากรู้วิบากกรรมที่นายต้องเผชิญระหว่างที่อยู่กับเจ้าแม่ ไรจินและฟูจิน 5555555
กูว่าหลังจากฮีปากพล่อยไปตอนนั้นต้องถูกเซริกะ คิคุโนะลากไปข่มขู่จนกลัวขี้หดตดหายหมดแน่ๆ
ปล.คาบุรากิก็เปย์ทีรามิสุให้วาคาบะเหมือนที่เอ็นโจเปย์ทีรามิสุให้เรย์กะเลยนี่หว่า มีนัยยะอะไรแฝงรึเปล่าคะ อ.ฮิโยโกะ
แต่เอาจริงๆ กูก็รู้สึกไม่ค่อยโอกับวาคาบะเท่าไหร่นะที่ออกไปเดินเที่ยวกับคาบุสองคนแบบนี้ คือเข้าใจว่าอยากไปตระเวณร้านของหวานด้วยกัน แต่นางก็น่าจะรู้จักเข็ดบ้างนะว่าเวลาสนิทสนมกับคาบุแล้วตัวเองต้องเจออะไรบ้าง แล้วคาบุท่าทีมันแสดงออกขนาดนั้น ใครๆ ก็ต้องรู้ว่ามาจีบป่ะ ถ้าไม่มีใจก็ไม่ควรจะรับไมตรีอ่ะ บอกกงๆ สุดท้ายก็มาเดือดร้อนท่านเรย์กะกูนะ ไม่ใช่อะไร
>>809 ไม่รู้สิ กูว่าวาคาบะนางคงมีใจให้อ่ะ ไม่งั้นไม่ยอมไปด้วยหรอก คือวาคาบะก็คงไม่โง่ดูไม่ออกหรอกว่าคาบุชอบนาง ก็ลองๆคุยกันดูก็ได้ ใครมาจีบถ้าเรารู้สึกโอเคในระดับหนึ่งเราก็จะลองคุยดูก่อนใช่มะ อันนี้ก็เป็นรักวัยรุ่นม.ปลาย ถึงไม่สมหวังแต่ก็เป็นความทรงจำดีๆได้ กูคิดอย่างนี้นะ แต่ก็ไม่รู้วาคาบะคิดยังไงเหมือนกัน อาจจะเห็นว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันในระดับหนึ่งเลยไปด้วยก็ได้
>>810 อีตรงทำให้ฉันตื่นตัวนี่ดูลามกๆยังไงไม่รู้แฮะ 5555555555555555555555
>>809 กูว่าวาคาบะก็คิดแล้วแหละ เห็นเอ๋อๆแต่นางไม่โง่นะ คาบุรากิอยากไป นางก็อยากไป คนสองคนอยากไปด้วยกัน คนอื่นอิจฉาก็เป็นเรื่องของคนอื่นแล้ว และถ้าเดือดร้อน ผลเสียก็ตกกับวาคาบะคนเดียวนะ คาบุรากิไม่มีใครไปหาเรื่องอยู่แล้ว ท่านเรย์กะยิ่งแล้วใหญ่ ไม่เกี่ยวอะไรเลย เป็นเรื่องของความเสี่ยงที่วาคาบะสายสตรองแบกรับคนเดียว 555 ไม่พูดถึงว่าถ้ากลั่นแกล้งเบาะๆ วาคาบะก็ไม่ยี่หระด้วย สายสตรองที่แท้ทรู
กูว่าวาคาบะเริ่มชอบคาบุแล้วว่ะ มีแตะมือกันโดยบังเอิญแล้วเขินด้วย แถมเขาชวนเที่ยว ถ้าไม่มีใจให้และนางก็รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรคงปฏิเสธไป แต่นี่ก็ตัดสินใจไปด้วยกัน นางก็คงเตรียมใจไวัแล้วอ่ะนะ
เห็นโม่งสารบัญหมายเลข 1 มาทิ้งไฟล์เปล่าไว้ให้ เดี๋ยวกูทำสารบัญของรอบล่าสุดหมดทุกคนแล้ว ทำสารบัญริรินะให้ต่อดีกว่าว่ะ คนนี้ก็สมควรมีสารบัญเป็นของตัวเองได้แล้วเหมือนกัน
ขอสารบัญเมนูขนมด้วย 5555555
โอเคๆ สารบัญขนมใช่มั้ย เดี๋ยวกูทำให้ ขอมีเวลาว่างๆก่อน ค่อยๆทยอยทำนะ //ปาดเหงื่อ
ว่าแต่วันนี้กินครีมโคนมา เห็นหน้าตาแล้วนึกถึงผมเจ้าแม่อยู่หน่อยๆนะ
คงตระกูลเดียวกับโคโรเน่ล่ะมั้ง เกรียวนี่อย่างแน่น
กูช่วยลิสต์รายชื่อขนมในแต่ละตอนได้นะ ถ้าจะให้กูช่วยก็บอกได้
>>826 ดูในแฟนไซต์เขาก็บอกว่าทั้งเมเปิ้ลไซรัปและทีรามิสุเป็นของหวานๆที่เป็นจุดร่วมของทั้งคาบุและเอ็นโจให้คนที่ชอบ ประมาณว่า You are my dolce ตามชื่อเรื่อง
ทีรามิสุความหมายแฝงตามที่เมนท์บนๆบอกคือเลือกฉันสิ
เมเปิ้ลไซรัปกูไม่รู้มีความหมายแฝงว่าอะไร แต่ต้นเมเปิ้ลความหมายของมันคือ ความรัก,อายุที่ยืนยาว,ร่ำรวยเงินทอง,ความอุดมสมบูรณ์ ประมาณนี้
(แต่ถ้าเป็นภาษาอินเดียนแดง ต้นเมเปิ้ลหมายถึง ความเอื้ออาทร,ความสมดุล,การปฏิบัติตามคำสัญญา)
เมเปิ้ลไซรัปเป็นของเหลวที่ออกมาจากต้นไม้ที่มีความหมายดีขนาดนี้ คงมีความหมายดีๆตามไปด้วยนั่นล่ะ
>>825 แก้แล้วจ้ะ
อันนี้พวกอาหารที่มีคนเคยทำจำนวนหนึ่ง
>>>/webnovel/3588/669-670 : อาหารและของหวานในซุยรัน
>>>/webnovel/3588/717 + >>>/webnovel/3588/722 : อิชิโนะคุระชวนชิม
>>>/webnovel/3588/875 : เมนูอาหารจีนกับทานุกิ
ย้อนกลับไปอ่านตอนซาโตมิคุงแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าซึรุฮานะบ้าดีเดือดลุยต่อโดยไม่สนใจคำเตือนของเอ็นโจจะเป็นยังไงน้า ป่านนี้อ่านจะได้อ่านนิยายโชโจเต็มรูปแบบมีโดขิๆ จริงไปแล้วก็ได้
ยู้ดดดดด หยุดเลยนะพวกมรึ๊งงง พวกความหมายมันมีหลายเวอร์ชั่นนะว้อย มันต้องไม่ได้มีแค่ความหมายเดียวแน่ๆ และอาจจะใสบริสุทธิ์ผุดผ่องกว่าที่พวกมึงคิดน้าาาาา อย่าทำโลมา เอ๊ย ชูสุมอยกูให้กลายเป็นพวกสายหื่นแบบนั้นสิ โอ๋ๆๆๆๆๆ ชูสุมอยของบ่าว ที่จริงออกจะใสๆ รักจริงหวังแต่งใช่ไหมเจ้าคะ ไม่เคยคิดอะไรนอกลู่นอกทางติดเรทแบบนั้นเลยใช่ไหมเจ้าคะ.... นะ นะ... TAT
จะว่าไป อีเวนท์งานกีฬาม.6 นี่ยังไม่เริ่มใช่มะ กูจะดูว่าซาโตมิจะจับเจ้าแม่ใส่ชุดอะไรอีก ฮี่ๆ ลามปามมาถึงขนาดนี้แล้วก็เอาให้สุดๆ ไปเล้ย ซาโตมิ!
>>841 โลมาเป็นสัตว์ที่หื่นและลามกจกเปรตมาก แถมยังโหดและซาดิสม์ด้วย สารคดีโลมา แทนที่จะน่ารัก แต่เสือกกลายเป็นการตีแผ่ความหื่นของโลมาไปซะงั้น เช่นกัดหัวปลาตัวเล็กๆให้ขาดแล้วเอามาชตอ. ไม่มีตัวเมียให้ซั่มก็ซั่มตัวผู้ด้วยกันเอง ชอบเนียนเอา...มาเสียดสีขานักประดาน้ำ ฯลฯ. ลองหาสารคดีดูละกัน
>>842 นึกถึงฟิคจับเจ้าแม่ใส่ชุดกระต่ายวิ่งแฟนซีแล้วมีคนเลือดกำเดาไหลตาย ถถถถถถถถถถถถ
>>841 โลมาเป็นสัตว์สายหื่นพอๆ กับลิงซิมแฟนซี โลมาเอาแม่งทุกอย่างไม่ว่าตัวผู้ ตัวเมีย สวิงกิ้ง ศพปลา ฯลฯ ขอให้มีรูเป็นพอ
อ้างอิง
https://www.youtube.com/watch?v=HZtR7S7JUcc
https://www.youtube.com/watch?v=fTVB69KbKTI
พอดูจบแม่งความคิดกูกับโลมาเปลี่ยนไป
>>841 ตามที่ >>843 กล่าวไว้ และมึงคงไม่ต้องถามว่าทำไมกูจับสัตว์สองสปีชี่ย์นี้มาไว้ด้วยกันแทนตัวเอ็นโจ
ท่านเรย์กะเป็นลูกแกะ (ใสซื่อ บอบบาง อ่อนแอ และ "สมบูรณ์") สวมหนังหมาป่า (เจ้าเล่ห์ เหี้ยมหาญ ดุร้าย) ฉันใด
บักเอ็นโจก็เป็นโลมา (ลามกจกเปรต เจ้าเล่ห์ ขี้หลี บ้ากาม) สวมหนังกระต่าย (น่ารัก น่าหยิก น่าทะนุถนอม และ "หื่นสัส") ฉันนั้น
ส่วนบากะรากิมันบ้า ช่างหัวมันเหอะ
คุยเรื่องหื่นๆนี่ไวเชียวนะพวกมึงงงงงงงง 555555555555
แง๊ พวกมึงยังจะย้ำเรื่องโลมากันอีก.....
>>848 ผู้ชายก็หื่นเหมือนกันหมดนั่นล่ะมึง อยู่ที่จะควบคุมไม่ให้ออกนอกหน้าได้มั้ย
คาบุเห็นมีไปเร่าร้อนกับวาคาบะในมังงะ ก็คงหื่นใช่ย่อยเหมือนกัน 555555555
ส่วนองค์ชายกู ตั้งแต่รู้ความหมายของกอล์ฟมาร์คเกอร์ ภาพพจน์ก็ไม่เหลือแล้ว ไอ้ที่ชมเขากระต่ายอย่างงู้นอย่างงี้ เนียนแตะเนื้อต้องตัว กูว่าคิดอะไรหื่นๆอยู่ชัวร์ บางทีฮีคงแอบจิ้นว่าเขาใส่ชุดบันนี่เกิร์ลบ้างแหงๆ
ไม่มีใครอยากกระตุกผมหลอดของท่านเรย์กะดูว่ามันจะเด้งดึ๋งสปริงตัวกลับไปที่เดิมเป๊ะๆ บ้างหรือเปล่าเหรอวะ... ถ้ามีดักตบกันนี่กูรอดูฉากนี้สุดๆ
สารบัญของกิน(1)
ตอนที่ 2 : วิชชัสวาส(vichyssiose), เทอร์รีนเนื้อลูกวัว, ชาดำ, เครปซูเซต์(crepe suzette)
ตอนที่ 10 : Tirolean Choco, Takenoko no Mura, Lucky turn, มันฝรั่งทอด, คาราเมล, มาการง(ทำโดย Pierre Evan)
ตอนที่ 16 : ชาดำ(ที่ส่งให้ราชวงศ์อังกฤษดื่ม), คุกกี้ขิง(จากบริษัทเดียวกัน)
ตอนที่ 18 : เค้กฟินองเซีย/ฟินองซิเย่ร์(Financier)
ตอนที่ 23 : ชูโรส(ปาท่องโก๋สเปน), ออมไรซ์
ตอนที่ 26 : นัตโตะโรล
ตอนที่ 30 : มาการงกลิ่นเชอร์รี่
ตอนที่ 36 : ราวิโอลี
ตอนที่ 38 : อาหารโตเกียว(อาหารชุด(kaiseki),เต้าหู้ร้อน)
ตอนที่ 39 : ลูกกวาดคอมเปโต(konpeitoh), ยัตสึฮาชิ(ขนมแป้งสามเหลี่ยมห่อไส้ถั่วแดง)
ตอนที่ 43 : Sacher torte (เค้กช็อคโกแลตไส้แยมแอปริคอต)
ตอนที่ 47 : ฟุคิโคมิโกะฮัง, นิคุจากะ, โอเด้ง, แฮมเบิร์กราดซอสมะเขือเทศ, ไข่ตุ๋น, ซุบมิโสะใส่เห็ดนาเมโกะ
ตอนที่ 54 : ฟินันซิเออร์, ดาควอส, นูแกตต์, เครปฝรั่งเศส, ขนมปังอบกรอบจากกินซ่า
ตอนที่ 58 : คอนคุเนีย(ใช้ลดความอ้วน)
ตอนที่ 65 : ฟองดองต์ช็อคโกแลต
ตอนที่ 67 : เซมเบ้
ตอนที่ 68 : เค้ก Annatorte
ตอนที่ 69 : แครอทเค้ก, มินต์เค้ก
ตอนที่ 76 : บานาน่าทาร์ต, ชิฟฟ่อนเค้กชาเขียว, มิลค์ช็อคโกล่าเค้ก
ตอนที่ 77 : พาสต้าผักฤดูใบไม้ผลิกับเบค่อน
ตอนที่ 79 : วาราบิโมจิ, ซุปผักแบบเย็นของคามาคุระ
ตอนที่ 81 : เค้ก crème chiboust
ตอนที่ 84 : ครีมชีสราดน้ำผึ้ง, น้ำผึ้งลาเวนเดอร์
ตอนที่ 87 : โซบะผักภูเขา, โซบะเย็น, เท็มปุระโซบะ, บลูเบอรี่ทาร์ต
ตอนที่ 89 : ข้าวกล่อง(ชุดโชคะโด), ซูชิไข่ห่อ, กุ้งผัดพริก, ซุปหูฉลาม, ข้าวตังราดหน้าทะเล, ข้าวผัดเซี่ยงไฮ้
ตอนที่ 90: พายผีเสื้อ
ตอนที่ 91 : ปานีโน่(แซนด์วิชแบบอิตาลี)ไส้แฮมสดและผัก
ตอนที่ 92 : ช็อคโกลาเต้ของร้านขนมฝรั่งเศสชั้นนำ
ตอนที่ 100 : เค้กรัมเรซิ่น
ตอนที่เหลือจะตามพรุ่งนี้นะ
บางตอนกูก็ไม่ได้เขียนลงนะ เช่น ช็อคโกแลตไร้รสชาติที่ท่านเรย์กะทำ, มัทฉะช็อคโกแลตของร้านชาเก่าแก่ อะไรงี้ เพราะรู้สึกมัน unidentified
เกี่ยวกับฟิค ผมเคยอ่านฟิคฟิคหนึ่งชื่ออะไรนะ"สามัญชนเรย์กะ"มั้งนะ แบบรู้สึกเรย์กะถูกจอมมารกดดันหนักมากก็พอเข้าใจนะว่าจักรวาลนั้นเขาเป็นแบบนั้นแล้วเรย์กะรูทนั้นเขาดูจะรักเอ็นโจนมากๆจำไม่ได้ว่าหมั้นกันหรือคบกันรึยังแต่มีนัดไปเที่ยวกันแล้วพอหลุดมาอีกโลกกลับโดนเอ็นโจ(ของอีกโลก)ที่ตัวเองรักรังควานซะ เคยจินตนาการเล่นๆถึงว่าถ้าเจ้าตัวฟิวขาดเลิกทนแล้วกลายเป็น"จิ๊กกี๋คูลเดเระ" อาจพูดประมาณว่า "ฉันไม่สนใจแล้วนายจะทำอะไรก็ทำ ฉันมันคนที่ตกจากที่สูงไปนอนหมกอยู่บนพื้นโคลนคนอย่างฉันมันตกต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้วทั้งที่พยายามจะทำบ่อโคลนนั้นกลายเป็นพื้นดินแต่นายก็เอาน้ำมาสาดให้ดินมันเฉอะแฉะไม่หยุด เอ็นโจถ้านายยังเอาเท้าของนายมาแหย่บ่อโคลนต่อไประวังจะลื่นตกลงมา" แล้วเนื้อเรื่องคงดำเนินไป พอเรย์กะไปได้เจอกับตัวตนที่เยียวยาเธออาจจะเป็นเพื่อนหรือครอบครัว คิดว่าเธออาจจะค่อยๆเยียวยาความรู้สึกจนกลับเป็นอย่างเดิมเข้าสักวัน มั้ง
ขออภัยโม่งฟิค เราแค่รู้สึกลงแดงหน่อยๆเลยบีบมะนาวแก้อยากเท่านั้นเอง ยังรออ่านฟิคนั้นอยู่นะ(อย่างภาวนาเลย) สักวันถ้าติดออกก็อยากเป็นโม่งฟิคได้อย่างเขาบ้างเหมือนกันนะ (แต่การคิดให้ได้เหมือนเรย์กะมันยากอะ)
เพราะแค่แซวนิดๆหน่อย แต่ท่านเอ็นโจเสือกทำมือถือกูค้างเฉย กูเลยต้องเขียนฟิคมาเซ่นเพื่อไม่ให้จอมมารพิโรธ
เดี๋ยวของท่านพี่ กูค่อยเขียนมากราบไหว้ทีหลัง อลังการงานสร้างกว่าท่านเอ็นโจแน่นวล
เอ็นโจ Side story >>>/webnovel/3856/255-257
-------------------------------------
ปัญหา คือสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวและไม่ได้เตรียมใจ แถมเวลาจะเกิด ก็มักจะเกิดตามกันมาติดๆอย่างในตอนนี้
ปัญหาท่าทีของมาซายะที่มีต่อคุณทาคามิจิก็เป็นเรื่องใหญ่หลวงของนักเรียนหญิงในโรงเรียน มีการกลั่นแกล้งคุณทาคามิจิลับหลังมาซายะ และในสโมสรก็มีการจับกลุ่มของประธานนากาจิมะ ดูเคร่งเครียดกันอยู่ไม่น้อย ให้เดาก็คงเป็นเรื่องของสภานักเรียนนั่นล่ะ
สภานักเรียนเป็นหนามยอกอกของประธานมานานแล้ว พอมีเรื่องของคุณทาคามิจิก็เหมือนจะเป็นเชื้อไฟให้ลุกลามเข้าไปใหญ่ ไปจับกลุ่มปรึกษาวางแผนว่าจะจัดการสภานักเรียนอย่างไรดี
เชิญทำเรื่องไร้สาระกันไปตามสบายก็แล้วกันนะ
ตอนนี้เป็นช่วงของการเลือกผู้รับตำแหน่งต่อ ผมคิดว่าเธอคงไปขอร้องคุณคิโชวอินให้รับตำแหน่งประธาน Pivoine รุ่นต่อไป ใจจริงเธอคงอยากให้มาซายะเป็นประธานมากกว่า แต่คิดว่าคงไม่ได้ผลเลยเบนเข็มไปหาผู้หญิงที่มีอำนาจที่สุดในโรงเรียนแทน
และวันหนึ่ง คุณคิโชวอินก็คงจะทนไม่ไหวที่จะต้องดูคุณทาคามิจิถูกความอิจฉาริษยาของนักเรียนหญิงทั้งโรงเรียนรุมแผดเผา ก็เลยมาเตือนมาซายะให้รู้ตัวเอาไว้ว่ากำลังสร้างความเดือดร้อนให้คุณทาคามิจิอยู่
แต่การที่คุณคิโชวอินออกปากเตือนเช่นนี้ ก็แปลว่าเธอเป็นห่วงเป็นใยคุณทาคามิจิไม่น้อย ทั้งที่ปกติเธอจะอยู่เฉยๆไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องทะเลาะวิวาทหึงหวงไร้สาระของเหล่าผู้หญิง
ไม่แน่ความสัมพันธ์ของคุณคิโชวอินและคุณทาคามิจิอาจเป็นไปทางดียิ่งกว่าที่คิด
ผมกับมาซายะนั่งคุยกันถึงวิธีแก้ไขปัญหา การที่มาซายะขึ้นไปมีอำนาจสูงสุดในโรงเรียนก็คงจะพอเป็นทางช่วยเหลือคุณทาคามิจิได้ ผมไม่คัดค้านอะไรเพราะเป็นเรื่องดีแล้วที่คุณคิโชวอินจะได้ไม่ต้องรับหน้าที่ที่จะชักนำปัญหาเข้ามาใส่ตัว
มาซายะดูกังวลนิดหน่อยตอนที่ผมบอกว่าป่านนี้รุ่นพี่นากาจิมะคงไปทาบทามคุณคิโชวอินให้มาเป็นประธานคนต่อไปเรียบร้อยแล้ว หากไปเสนอตัวก็เหมือนเป็นการตัดหน้ากัน อาจจะมีปัญหายุ่งยากตามมาภายหลัง แต่ผมบอกเขาให้เลิกกังวลและทำใจให้สบายๆ จะไม่มีปัญหาอะไรทำนองนั้นแน่นอน
ก็ผู้หญิงที่ขี้กลัวเหมือนกระต่ายแบบคุณคิโชวอินคงไม่อยากได้ตำแหน่งอะไรนี่อยู่แล้วล่ะ
“ถ้ากังวลเรื่องนั้น ก็ลองหาอะไรไปให้เป็นการแลกเปลี่ยนสิ”
ผมแนะนำเขา แต่ไม่ได้บอกว่าควรต้องให้อะไร ให้เก็บเป็นการบ้านไปคิดเอง
พอไปเจอเธอที่ห้องสโมสร เธอก็ดูเหนื่อยๆแบบที่คิดไว้ พอทักไปคุณคิโชวอินก็ยิ้มตอบด้วยท่าทีเหมือนกำลังฝืนปิดบังอยู่ คงถูกประธานพูดเกลี้ยกล่อมให้รับตำแหน่งมาล่ะสิท่า
วันต่อมา มาซายะก็เอาหนังสือนวดกดจุดไปให้เธอ ประมาณว่าให้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า ก็เป็นความเอาใจใส่ในแบบของเขา
ของที่ให้ก็สมเป็นมาซายะดีนะ
.
.
.
.
งานเลี้ยงน้ำชาของ Pivoine มาถึง แต่จริงๆแล้วก็เป็นงานกำหนดตัวประธานรุ่นต่อไป มีนักเรียนม.5 และม.6 เข้าร่วมเป็นหลัก งานเลี้ยงดูสบายๆ แต่มีคนหนึ่งที่ดูเครียดกว่าใครเพื่อน คนนั้นคือคุณคิโชวอิน
เห็นเธอบีบมือตัวเองแน่นตอนที่รุ่นพี่นากาจิมะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาในที่สุด อดทนไว้ก่อนก็แล้วกัน
ผมชำเลืองมองมาซายะด้วยหางตา คงได้เวลาเปิดตัวของฮีโร่แล้ว
มาซายะยกมือขึ้นเมื่อประธานพูดขึ้นมาว่าจะเสนอชื่อใคร บอกอย่างมั่นคงหนักแน่นว่าจะรับตำแหน่งประธาน Pivoine คนต่อไปด้วยตัวเอง แน่นอนว่าไม่มีใครคัดค้าน
คุณคิโชวอินดูโล่งใจเหมือนวางของหนักๆลงได้ในที่สุด จากนั้นก็ยิ้มระรื่นอย่างยินดี จะมีชะงักไปนิดหน่อยก็ตอนที่มาซายะเรียกไว้ ถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่าคุณคิโชวอินไม่ได้เล็งตำแหน่งนี้ไว้อยู่
เธอตอบชัดถ้อยชัดคำว่าไม่สนใจตำแหน่งนี้พร้อมกับขอบคุณเรื่องหนังสือ เดินจากไปด้วยใบหน้าที่มีความสุข ถ้าไม่มีคนอยู่เธอคงกระโดดโลดเต้นไปแล้วล่ะมั้ง
ดีใจด้วยนะ คุณคิโชวอิน
.
.
.
แต่วันรุ่งขึ้น เธอก็ไม่มาโรงเรียน ก็เลยไม่ได้เห็นภาพความวุ่นวายของข่าวมาซายะขึ้นรับตำแหน่งประธาน Pivoine คนต่อไป
ดูท่าทางเธอคงถูกความเหนื่อยล้าสะสมเข้าเล่นงาน ก็เลยเป็นหวัด น่าเห็นใจอยู่ที่ถูกปัญหาถาโถมเข้าใส่จนป่วยไข้ไปแบบนี้
พอเธอมาโรงเรียน ผมกับมาซายะก็เดินเข้าไปหา ถามไถ่อาการและแนะนำวิธีดูแลตัวเองให้ คุณคิโชวอินขอบคุณแล้วก็รีบเปลี่ยนเรื่องไปพูดถึงมาซายะที่รับตำแหน่งประธาน
ผมเอ่ยแซวมาซายะไปนิดหน่อยเขาก็หันหน้าหนี ไม่สบตา พอคุณคิโชวอินจ้องก็ทำหน้ามุ่ย
ชาหมดพอดีผมเลยลุกขึ้นไปเติม ให้มาซายะนั่งคุยกับคุณคิโชวอินไป กำหนดเวลาอยู่ในใจแค่รินชาใส่แก้วให้เต็ม มาซายะก็น่าจะได้คำตอบในสิ่งที่ตัวเองสงสัยกับท่าทีของคนอื่นๆใน Pivoine เริ่มจากคนใกล้ๆตัวก่อน
3...2...1
หมดเวลาแล้วล่ะ มาซายะ
ผมเดินไปหา ส่งยิ้มให้ มาซายะลุกขึ้นจากที่นั่ง ไม่ต้องพูดอะไรกันมากมายก็รู้คำตอบของคุณคิโชวอิน
เธอไม่ใช่ศัตรูของคุณทาคามิจิหรอกนะ
.
.
.
.
หลังจากมาซายะรับตำแหน่งประธานไปเรียบร้อย คุณคิโชวอินก็ดูมีความสุขมากกว่าปกติ มองไปทางมาซายะด้วยสายตากระหยิ่มยิ้มย่อง ทำเหมือนได้รับชัยชนะอะไรสักอย่างมา
มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ
พอมาซายะหันไปขมวดคิ้วใส่ก็หลบสายตา แต่พออยู่คนเดียวก็หัวเราะคิกคักแบบไม่ออกเสียง ท่าทางเหมือนตอนประถมไม่มีผิด คิดอะไรอยู่ในใจกันแน่นะ
ผมเดินไปหา ชวนคุยเรื่องยูกิโนะที่อยากให้ของขวัญคริสต์มาสกับคุณคิโชวอิน เธอตอบตกลงที่จะไปหายูกิโนะที่ห้องสโมสรเปอติต์ มาซายะเลยจะตามไปด้วย
ท่าทางมาซายะก็คงรู้ว่าพอยูกิโนะอยู่ต่อหน้าคุณคิโชวอินดูเป็นคนละคนกับยูกิโนะที่เคยได้เจอ คงอยากไปพิสูจน์ให้เห็นกับตานั่นล่ะ
วันรุ่งขึ้นเราสามคนก็เลยเดินไปที่ห้องสโมสรด้วยกัน คุณคิโชวอินหอบถุงใบใหญ่ไว้เต็มสองมือผมเลยอาสาช่วยถือ เธอส่งของให้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม กะใช้งานผมเต็มที่เลยล่ะสิท่า
มาซายะมองของในถุงแล้วพูดทำนองว่าคุณคิโชวอินรู้เรื่องสินค้าลิมิเต็ดละเอียดดี คุณคิโชวอินก็ทำหน้าแปลกๆแล้วไม่ตอบอะไร
ผมเหลือบมองคุณคิโชวอิน เดี๋ยวนี้เธอไม่ถอยหนี ไม่ระแวดระวังหรือทำท่ากลัวผมเหมือนเมื่อก่อนแล้ว รู้สึกเหมือนระยะห่างของเราเริ่มร่นลงมาทีละนิด
คงมีสักวันที่ระยะห่างนั้นจะเป็นศูนย์ และผมจะรอให้ถึงวันนั้น
.
.
.
พอไปถึง ยูกิโนะก็ออกมาต้อนรับ พาคุณคิโชวอินแยกไปนั่งที่โซฟาอีกมุมหนึ่ง พวกเด็กๆเปอติต์ก็มารุมล้อม ผมกับมาซายะเลยต้องเป็นซานตาคลอส แจกของขวัญที่คุณคิโชวอินเตรียมมาให้เด็กๆทุกคน ส่วนเธอไปยิ้มแย้มพูดคุยกับยูกิโนะ แลกของขวัญกันแบบสนุกสนาน
ได้ทีก็เอาใหญ่เลยนะ คุณคิโชวอิน
พอแจกของเสร็จ คุณคิโชวอินก็เอาช็อกโกแลตที่เหลือพวกนั้นให้เป็นของตอบแทน ผมมองผ้าพันคอที่ยูกิโนะได้มาเป็นของขวัญ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่เอาไปเทียบกับของที่ตัวเองได้
ก่อนหน้านั้น ผมเคยค่อนขอดผู้ชายคนที่อิจฉาคุณทาคามิจิเรื่องคะแนนสอบแล้วหาทางกลั่นแกล้งว่ามันน่าสมเพช แต่ตอนนี้ผมก็กลายเป็นผู้ชายขี้อิจฉาซะเอง แย่ชะมัด
ผมข่มความอิจฉาลงไปตอนกล่าวขอบคุณแทนยูกิโนะ นั่งฟังมาโอะจังกระเง้ากระงอดใส่คุณคิโชวอิน อยากให้ไปงานปาร์ตี้คริสต์มาสที่บ้านของเธอด้วย คุณคิโชวอินทำหน้าลำบากใจน้อยๆ
ลองเกริ่นเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อจะถามให้แน่ใจโดยที่เอาคุณแม่ของมาซายะมาอ้าง จากวันงานเลี้ยงที่คุณคิโชวอินปฎิเสธคำเชิญเข้าร่วมปาร์ตี้คริสต์มาสของตระกูลคาบุรากิไป มาดามคาบุรากิก็ดูจะเสียดายเป็นอย่างมาก
ปกติคุณคิโชวอินมักจะไม่ยอมมาข้องเกี่ยวอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับผมหรือมาซายะอยู่แล้ว แต่ขนาดปฏิเสธคำเชิญของมาโอะจัง ก็แปลว่านัดครั้งนี้คงสำคัญกับเธอมาก
ถ้าไปกับอุเมวากะคนนั้นจริงๆล่ะก็ เขาสำคัญกับคุณคิโชวอินขนาดนั้นเชียวเหรอ
คุณคิโชวอินถามผมว่าจะไปร่วมงานปาร์ตี้ที่บ้านของมาซายะรึเปล่า พอตอบไปว่ามีธุระ ยูกิโนะก็ทำหน้าบูดใส่ผมทันที แล้วก็หันหน้าหนีไปอีกทางบ่งบอกว่ากำลังงอนสุดขีด
ผมลูบหัวน้อง พูดปลอบว่าเดี๋ยวก็กลับมา แต่ยูกิโนะก็ยังหน้าบึ้งอยู่แบบนั้น มันช่วยไม่ได้นี่นา ผมเองก็ลำบากใจกับธุระอยู่เหมือนกันนั่นล่ะ
เธอหันไปคุยกับมาซายะเรื่องปาร์ตี้ทางบ้าน มาซายะเองก็ตั้งใจจะไปแค่ครู่เดียวเพราะมีธุระที่สำคัญกว่านั้น นั่นคือการไปพบคุณทาคามิจิ
เห็นว่ามาซายะชวนคุณทาคามิจิมาร่วมงานปาร์ตี้ที่บ้าน แต่ได้รับคำปฏิเสธ คุณทาคามิจิเป็นลูกสาวเจ้าของร้านเค้ก วันคริสต์มาสต้องยุ่งหัวปั่นกับการทำเค้กไว้ขายแบบไม่ต้องคาดเดา
มาซายะลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินไปหาพวกเด็กๆคนอื่น ผมเลยได้โอกาสถามกลับเรื่องปาร์ตี้คริสต์มาสที่เธอจะไปกับเพื่อน
แต่ยังไม่ทันถามว่าเพื่อนคนไหน คุณคิโชวอินก็เปลี่ยนเรื่องโดยการหันไปคุยกับยูกิโนะเรื่องซานตาคลอสแทน ปิดโอกาสในการถามแล้ว
เซ้าซี้มากไปก็จะกลายเป็นคนน่ารำคาญ ผมเลยต้องถอยทัพกลับมาเงียบๆ นั่งมองมาซายะเล่นมายากลโชว์พวกเด็กๆในเปอติต์
รู้สึกมาซายะจะเล่าให้คุณทาคามิจิฟังว่าในงานปาร์ตี้เชิญนักมายากลมาเล่นกลให้ดู คุณทาคามิจิอยากดูแต่ไปไม่ได้ มาซายะก็เลยลงทุนฝึกมายากลไปให้ดูถึงที่ ซักซ้อมขมักเขม้นจนอยู่ในระดับออกโชว์ได้ไม่ขายหน้า
ทุ่มเทจังเลยนะ มาซายะ
เมื่อก่อนผมก็คงรู้สึกเฉยๆ แต่ตอนนี้อะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด
พวกคนมีความสุขนี่มันน่าหมั่นไส้ชะมัด
.
.
.
.
กลับมาถึงบ้าน ยูกิโนะก็เอาผ้าพันคอที่ได้จากคุณคิโชวอินไปอวดแม่ ส่วนผมเดินขึ้นห้องไปเงียบๆ ถือช็อกโกแลตกล่องนั้นไว้ในมือ พี่กับน้อง ได้ของขวัญที่ต่างกันลิบลับ
ผมแกะห่อช็อกโกแลตออก หยิบเข้าปากหนึ่งชิ้น รสชาติของช็อกโกแลตชั้นดีจากแบรนด์ดังแผ่กระจายไปทั่วทั้งปาก พอจะดับความขุ่นมัวอะไรที่อยู่ในใจไปได้บ้าง
ในห้องเปอติต์ ผมอิจฉายูกิโนะ แต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะได้รับอะไรจากคุณคิโชวอิน
ที่ผ่านมาผมไม่เคยได้อะไรจากเธอสักครั้ง แม้จะเป็นของแจกเหลือแต่ผมก็ดีใจ ถ้าเธอให้แล้วล่ะก็ อะไรก็เอาทั้งนั้น
ช็อกโกแลตนี่ก็เหมือนความรู้สึกของผมในตอนนี้ รสขมติดปลายลิ้น และก็ตามมาด้วยความหวานแทบจะในทันที เป็นรสชาติที่คุณคิโชวอินมอบให้ ทำให้ผมลงนรกและขึ้นสวรรค์ได้ในคราวเดียวกัน ช่างน่าประหลาด
ผมทานช็อกโกแลตแบบช้าๆ ไม่อยากให้ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วนัก ดื่มด่ำกับรสชาติให้ได้มากที่สุด นึกอะไรไปเรื่อยเปื่อยในอนาคตข้างหน้า
ดูเธอก็อ่อนข้อให้ผมลงมาก ถ้าเป็นวันวาเลนไทน์ ทำใจกล้าเข้าไปขอช็อกโกแลต คุณคิโชวอินจะให้รึเปล่านะ
-----------------------------------------
ยิ่งคาดหวัง ยิ่งเจ็บหนักตอนผิดหวังนะ ชูสุเกะคุง
>>877-879 อั๊ยยยย ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ นอกจากจะมีท่านเอ็นโจเป็นออเดิร์ฟแล้วยังได้ท่านพี่เป็นมื้อหลักด้วยเหรอออ ความหรูหรานี่มันอะไรกั๊นนน
ท่านเอ็นโจคะ ที่แท้ตอนไปเอาชานี่นับเป็นวินาทีไม่ให้เกินเลยเรอะ ส่วนเรื่องขนคิ้วร่วงนี่ความไม่แตกแน่ใช่มั้ย ช็อกโกแลตที่เหลือก็เอาใส่ฟรีซไว้ดูต่างหน้าเถอะ ยังไม่ได้ของใหม่ต่อจากตอนนั้นอีกเลยนะ!
ฮือออออ ทำไมดูจอมมารน่าสงสารจังวะ มาให้ลูบหัวปลอบมาชูสุมอยยยย ปล.โม่งฟิคมึงแต่งดีมาก นี่รู้สึกว่าดีขึ้นเรื่อยๆเลย เก็บทุกเม็ดเด็ดมาก รักมึงงงง
ไม่ต้องต้องกลัวไปท่านจอมมาร สักวันพอแต่งเข้าบ้านมากินอยู่ด้วยกันแล้ว เดี๋ยวจะมีคุณนายมาทำให้กินทุกเช้าทุกเทศกาลโดยไม่ต้องขอเลย
(หรือควรกลัวดี)
>>882 แต่งดี ดีงามมาก เอ็นโจน่าสงสารแบบรันทดนะ.......แต่ทำไมกอล์ฟมาร์คเกอร์กับเมเปิลำซรัปและโลมาไม่หลุดจากหัวกูวะเนี่ย
ฟิคคาบุพลิกจากไอ้บ้าเป็นหนุ่มหล่ออ่านขาดได้
ฟิคเอสคุง/ไดนากงเปลี่ยนตัวประกอบเป็นหนุ่มจริงใจได้
ฟิคยุยโกะเปลี่ยนนางร้ายเป็นนางร้ายที่แสนดีได้
แล้วทำไมเอ็นโจไม่เคยเปลี่ยนเลย
>>884 เสียดายที่กูรู้ความหมายเมเปิ้ลไซรัปช้าไป ไม่งั้นล่ะก็.............. แต่แค่กอล์ฟมาร์กเกอร์กูก็ เอิ่ม.... กับองค์ชายละ 55555555555555
กูก็ไม่รู้จะเปลี่ยนท่านเอ็นโจได้ยังไงเหมือนกันว่ะ 5555555555 ถ้าเปลี่ยนสงสัยต้องเปลี่ยนแบบฟิคเอ็นโจไม่ใช่จอมมารหรอกนะ เลยมั้ง
จู่ๆชูสุมอยก็แปลงร่างกลายเป็นโลมาห่มหนังกระต่ายเลยนะเว้ย ชีวิตมีขึ้นมีลงจริงๆ ถถถถถถถถถถ
บางเรื่องบนโลกนี้น่ะ เราไม่รู้ไม่เข้าใจจะดีกว่านะ //ปิดหูปิดตาใส่กอล์ฟมาร์กเกอร์ เมเปิ้ลไซรัป และโลมา เข้าไปวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์กับม้าโพนี่สีรุ้ง
เมเปิ้ลไซรัป นี่เพราะว่าไปแคนาดาไง ที่นั่นเมเปิ้ลไซรัปก็โดดเด่นที่สุดนี่นา เหมือนไปเบลเยี่ยมต้องช็อกโกแลต ไปเยอรมันก็ต้องเบียร์ เขาไม่ทันคิดถึงความหมายกันหรอกน่าาาาา
//ช่วยจอมมารเต็มที่ แต่อีกอล์ฟมาร์คเกอร์นี่หมดหนทางแก้ตัวให้ว่ะ
>>885 ถ้าทำได้กูอยากปิดหูปิดตาไม่รับรู้อะไรแบบ >>889 มันนะ
เป็นความผิดโม่งชายที่มันทำองค์ชายกูเสื่อมเสียทั้งนั้น ฮือออออออออ
>>890 แต่ที่กูได้มาคือลิปเอสเต้ลาวเดอร์กับเนื้ความตากแห้งหวานๆอ่ะมึง
มีความเห็นไปทางเดียวกับโม่งอื่นๆคือช่วงสุดท้ายเอ็นโจแม่งโคตรพ่อพระ..........ถ้าไม่รู้ความหมายสามอย่างที่มันไม่ยอมหายไป
ถ้าไปขอจริง นางคงรีบเผ่นแน็บ ดีไม่ดีสาดเกลือใส่ด้วยซ้ำ....
KY เผื่อใครอยากอ่านเสริม(เพิ่มพลังกาวเหมือนกู ฮ่าๆๆ)
ตอน 171 เรย์กะเตือนมาซายะเรื่องวาคาบะ
ตอน 174 มาซายะให้หนังสือกดจุด
ตอน 175 มาซายะเสนอตัวเป็นประธาน
ตอน 176 ชูสุเกะไปเติมชาหลบให้มาซายะกับเรย์กะคุยกัน
ตอน 177 เป็นตอนที่ชูสุเกะอธิบายว่าเรย์กะมองไปที่คาบุรากิด้านสายตากระหยิ่มยิ้มย่อง
ตอน 178 ไปห้องเปอติต์
จะ 900 แล้วววว พักนี้กระทู้วิ่งดีจัง อย่าลืมคิดชื่อกระทู้ใหม่ เอาความหมายเป็นมงคลกันด้วยนะ!
อ่านแปลไทยตอนใหม่แล้วน้ำตากูจะไหล ท่านเรย์กะโคตรน่าสงสารปนอเน็จอนาถเลยว่ะ โม่งแปลแปลตอนนี้ด้วยความรู้สึกยังไงวะ
>>898 กูเอาพลังกาวจากฟิคเข้าค้ำจุนจิตใจระหว่างแปลว่ะ ฟิคคริสต์มาสที่เอ็นโจจูงท่านเรย์กะไปขึ้นชิงช้าสวรรค์อ่ะ ฮืออออออออ ซักวันนางต้องได้ นางต้องโดน ขอให้ท่านฮิโยโกะประทานพรให้นางด้วย
กับอีกอย่างคือ ที่นางตาแห้งนี่ดูยังไงก็เพราะอิจฉาตาร้อนชัดๆ เลยว่ะ ตาร้อนถึงขั้นต้องหยอดตานี่แบ่บ... ถถถถถถถ
อยากได้กาวมาทำให้ชุ่มชื้นจิตใจ.....ใครก็ได้สปอยหน่อยได้ไหมว่ามันจะมีโมเม้นกับเอ็นโจดีๆอีกเมื่อไหร่ ฟฟฟฟ
อ่านตอนแปลไทยแล้วเริ่มมีความรู้สึกตาแห้งตามท่านเรย์กะว่ะ 5555 โธ่ๆ ถ้าเอ็นโจมารู้คงฮาเงิบแหงๆ
เพิ่งได้อ่าน ฮาชิบหายที่ท่านเรย์กะคิดว่าตัวเองเข้าโรงเรียนหญิงล้วน เห็นคาบุกับเอ็นโจเป็นเพื่อนสาวสินะ ส่วนผู้ชายที่ท่านเรย์กะเอามาเม้านี่แม่งเป็นเด็กประถมไปสองเลยนี่หว่า แต่เม้าเรื่องชอปปิ้งที่ปารีสกับกินทีรามิสุที่โรมเนี่ย ระวังมันลอยไปเข้าหูใครซักคนที่ซุยรันนะจ๊ะ เขาได้ยินคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เป็นปลื้มน่าดู ถถถถถถถถถ
ky แล้วที่คาบุรากิให้เมเปิ้ลไซรัปกับวาคาบะจังล่ะ.... //เหม่อลอย....
ตอนใหม่นี่ท่านเรย์กะตาแห้งไปหลายยกเลยนะ แม่งยิ่งนานไปก็ยิ่งน่าสงสารขึ้นทุกที
เรย์กะเม้าท์เรื่องชวนไปชอปปิ้งที่ปารีสกับกินทีรามิสุ กูนึกภาพองค์ชายยิ้มกรุ้มกริ่มออกทันที หึๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ :ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับแว่วเสียงความรักของสาวน้อย (ข่าวลือความรักของเจ้าแม่รอบที่ 17)
ก็จะเอาอีกแบบคือเรื่องความนัยของฝากแต่ไม่เอาดีกว่ามันเรือเอ็นโจเกินไป เลยเอาอันนี้แทน 555
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ :ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับข่าวลือรักๆใคร่ๆของท่านเรย์กะ! (เรื่องที่ 17)
กูเสนอ "ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการภารกิจฟื้นฟูหมู่บ้านคานทอง (แปลงที่ 17)" 55555
ส่วนอื่นๆ รวบรวมมาไว้ดังนี้นะเคอะ ใครจะเพิ่มจะโหวตอะไรก็จัดได้เรื่อยๆ เลย
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการซื้อบ้านพร้อมที่ดินในหมู่บ้านมีรักถวายเจ้าแม่ (หลังที่ 17)
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับแว่วเสียงความรักของสาวน้อย (ข่าวลือความรักของเจ้าแม่รอบที่ 17)
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับข่าวลือรักๆ ใคร่ๆ ของท่านเรย์กะ! (เรื่องที่ 17)
ขอเสนอ...
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการทำหน้าที่อนุญาโตตุลาการแก้ต่างภาพลักษณ์ให้องค์ชาย (วาระที่ 17)
เนื่องด้วยภาพลักษณ์องค์ชายกูแทบไม่เหลือความดีแล้ว ได้โปรดเถอะ เลิกจับผิดองค์ชายกูซะที ทั้งกอล์ฟมาร์คเกอร์ เมเปิลไซรับและโลมาอา...น้ำตากูจิไหล
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับแว่วเสียงความรักของสาวน้อย (ข่าวลือความรักของเจ้าแม่รอบที่ 17) <= กุชอบอันเน้
กูโหวต ซื้อบ้านพร้อมที่ดินที่หมู่บ้านมีรัก
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการซื้อบ้านพร้อมที่ดินในหมู่บ้านมีรักถวายเจ้าแม่ (หลังที่ 17)
>>913 โหวต ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับแว่วเสียงความรักของสาวน้อย (ข่าวลือความรักของเจ้าแม่รอบที่ 17) ละกัน
ขำตอนนี้มากที่ท่านเรย์กะเพ้อจนตาค้างหลายรอบ แล้วตอนจบที่อุเมกาวะคุงส่งเมลมานี่มองว่าคุณพ่อหวงลูกสาวก็ได้ มองว่าหึงก็ได้สินะ 555555
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับข่าวลือรักๆ ใคร่ๆ ของท่านเรย์กะ! (เรื่องที่ 17)
.
เอาเข้าจริง ท่านเรย์กะก็มีเวลาร่วมกับเหล่าคุณชายเยอะนะ แต่คุณเธอชอบหนีประจำ
พออ่านอุเมวากะเรื่องเป็นสมาชิกหมู่บ้านคานทองแล้ว ไหง กูมีลางสังหรณ์ว่าเจ้าบ้าหมาจะมีแฟนว้าาาา 555
เออ กูโหวตซื้อที่ดินหมู่บ้านมีรัก
จะว่าไป อ่านๆ ไปแทบลืมแล้วนะว่าท่านเรย์กะอายุทางจิตมากกว่าใครตอนกลับชาติมาเกิด รู้สึกเหมือนไม่ได้ใช้สติปัญญาหรือความสามารถที่ติดตัวมาจากชาติก่อนให้เป็นประโยชน์ซักนิด... โดนเด็กม.ปลายเห็นเป็นน้องเล็กต้องดูแลอีกต่างหาก
กูโหวตซื้อที่ดินหมู่บ้านมีรัก
ขอบคุณโม่งแปลนะมึง ตอนนี้กูอ่านไปขำไปทั้งน้ำตา ทำไมนางน่าสงสารขนาดนี้วะ แต่ก็อดขำนางไม่ได้จริงๆอ่ะ ความคิดแต่ละอย่างคือยอมล้าววว5555555
อันนี้แอบเม้าท์ดิบได้มะ ไม่มีสปอยล์นะ แต่หลังๆ มานี่ไม่มีอัพเดทมาเกือบเดือนล่ะ ล่าสุดคาอยู่ที่ตอน 292 กูเดาๆ ถ้าไม่ใช่ท่านฮิโยโกะยุ่งมากก็คงไปซุ่มเขียนเรื่องแบบคลายปมใหญ่ล่ะ เรื่องนี้ชอบมีอีเวนท์ใหญ่ๆ โผล่มาตอนช่วงหลักร้อยทุกที งวดนี้ขอฟินๆ หน่อยเถิดหนา
มาแจกกาวตอนดึกๆ ทุกคนคงนอนกันหมดแล้วมั้ง
เอ็นโจ Side Story >>>/webnovel/4018/877-879
-----------------------------------------------------
ปิดเทอมปีใหม่ ผมกับมาซายะไปทริปสกีที่แคนาดากันสองคน แวะซื้อของฝากให้ครอบครัว แล้วก็ไม่ลืมที่จะซื้อให้คุณคิโชวอินด้วย
เหตุการณ์ก็คล้ายๆปีที่แล้ว ที่ผมกับมาซายะไปที่หนาวๆมีหิมะตกด้วยกัน แตกต่างกันที่บรรยากาศกับอารมณ์ และผมก็ซื้อขนมไปฝากคุณคิโชวอินด้วยเช่นกัน ฟังจากยูกิโนะเธอดูจะชอบขนมที่ผมให้ไปทีเดียว
มาซายะคิดจะหาของไปฝากคุณทาคามิจิด้วยเหมือนกัน ก็เป็นอะไรที่หรูเลิศอลังการตามนิสัย แต่ผมยับยั้งแผนการนั้นไว้ก่อน ถ้าได้อะไรราคาแพงๆไปคุณทาคามิจิคงเกรงใจไม่ยอมรับไว้ เมเปิ้ลไซรัปของฝากขึ้นชื่อของที่นี่น่ะดีที่สุดแล้ว
ผมกับมาซายะตระเวณชิมเมเปิ้ลไซรัปจนได้ยี่ห้อที่ลงความเห็นว่าอร่อยที่สุด แล้วก็ซื้อมาคนละขวด
พอได้จินตนาการถึงคนรับว่าจะทำหน้าแบบไหนก็รู้สึกดีแล้ว คุณคิโชวอินชอบทานขนมหวานมาก ถ้าได้เมเปิ้ลไซรัปขวดนี้ไปจะทำหน้ายังไงนะ
ที่แน่ๆต้องยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มเล็กๆน่ารักนั่น ตาก็คงเป็นประกายด้วยความสุข มองแล้วหัวใจก็พองโตมีความสุขตามไปด้วย
อยากเอาไปให้เร็วๆจัง
.
.
.
.
พอไปที่โรงเรียน กลุ่มนักเรียนหญิงก็แห่กันมาสวัสดีปีใหม่พวกผม คุณคิโชวอินก็มากับเขาด้วย แต่ดูท่าทางไม่ได้กระตือรือร้นอะไรนัก ในสโมสรผมเลยเดินเข้าไปหาเธอ กล่าวสวัสดีปีใหม่และเอาของฝากจากแคนาดาให้
คุณคิโชวอินดูประหลาดใจระคนยินดีที่ได้รับ นับว่าการเลือกของผมไม่พลาด
เธอถามถึงยูกิโนะในช่วงปีใหม่ พอบอกว่าไปโอกินาวะกับพ่อแม่และเล่าเรื่องให้ฟัง คุณคิโชวอินก็ดูสนุกสนาน พอเป็นเรื่องของยูกิโนะเธอดูมีความสุขที่จะได้ฟัง
มาซายะจ้องคุณคิโชวอินอยู่ครู่หนึ่งก็พึมพำออกมาว่า “เทพมิรุคุ”
คุณคิโชวอินมองมาซายะแบบงุนงง ผมเลยบอกให้เธอไม่ต้องไปสนเรื่องนั้นมาก
เทพมิรุคุเป็นเทพแห่งความสุขของโอกินาว่า มาซายะเห็นคุณคิโชวอินทำหน้ามีความสุขตอนพูดถึงยูกิโนะและโอกินาว่าก็เลยนึกถึงคำคำนี้ขึ้นมา
แต่ไปเปรียบหน้าเด็กผู้หญิงกับเทพมิรุคุนี่ก็ออกจะเกินไปหน่อยนะ
.
.
.
.
ผ่านการเปิดเทอมมาได้ไม่กี่วัน ยูกิโนะก็เดินเข้ามาหาผม เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนให้ฟังอย่างที่ทำประจำ เห็นว่าวันนี้คุณคิโชวอินไปหาพวกยูกิโนะและมาโอะที่ห้องเปอติต์ เอาของฝากจากเกียวโตไปให้
ยูกิโนะทักเรื่องแผลที่นิ้วของคุณคิโชวอิน ก็ได้คำตอบว่าเพราะกำลังหัดทำอาหาร ในวันเกิดที่กำลังจะมาถึง ยูกิโนะก็เลยอ้อนขอให้ทำอาหารให้ทานเสียเลย
อืม คุณคิโชวอินกับการทำอาหารงั้นเหรอ
พอนึกภาพเธอใส่ผ้ากันเปื้อนยืนอยู่หน้าเตา ก็ออกจะเป็นภาพที่ดูดีอยู่นะ
ยูกิโนะนับวันจะยิ่งเจ้าเล่ห์มากขึ้นเรื่อยๆ ออดอ้อนขอให้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ ชวนคุณคิโชวอินมาบ้านได้สำเร็จ แถมได้ทานอาหารฝีมือเธอ นับว่าเป็นโชคสองชั้นเลยก็ว่าได้
ผมวางมือลงบนหัวน้อง ขยี้เบาๆ ยูกิโนะเองก็หัวเราะ เอาหัวมาซุกผมอย่างอ้อนๆแบบเด็กที่ทำความดีแล้วอยากได้รับคำชมจากผู้ใหญ่
เด็กดี ยูกิโนะเด็กดี
วันรุ่งขึ้น ผมเข้าไปทักเธอทันทีเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณคิโชวอินดูลอกแล่กเหมือนกำลังหาทางหนีทีไล่ จะปฏิเสธอย่างนั้นเหรอ ไม่ให้หนีหรอกนะ
ผมเอาเรื่องยูกิโนะรอทานอาหารฝีมือคุณคิโชวอินขึ้นมาพูด พอเป็นเรื่องยูกิโนะ คุณคิโชวอินก็ปฏิเสธไม่ออก ผมรู้ว่าเธอต้องทุ่มฝีมือสุดชีวิตให้น้องชายของผมแน่นอน
เธอตอบตกลงแบบอ่อนระโหยโรยแรง บอกอย่างถ่อมตัวว่าไม่ให้คาดหวังมาก และนับจากวันนั้น ผมก็เห็นเธอนั่งอ่านตำราทำอาหารอยู่แบบขมักเขม้น ผมเลยเข้าไปชวนคุยเรื่องอาหารที่จะทำให้ยูกิโนะทาน
คุณคิโชวอินหมกมุ่นกับเรื่องที่จะทำอาหารให้ยูกิโนะจนไม่ได้ฟังที่ผมพูดไปเลยสักนิด
ผมเลยบอกเธอไปว่ามีเพื่อนๆของยูกิโนะมาด้วยอีกประมาณยี่สิบคน เป็นการสร้างความกดดันเพิ่มให้มากขึ้น คุณคิโชวอินก็ดูซีดเซียว แต่ก็รับคำว่าจะทำให้
ก็น่าน้อยใจอยู่นะ ที่ใครต่อใครก็สำคัญกับคุณคิโชวอินหมด ยกเว้นผม
.
.
.
.
วันงานมาถึง หลังจากแม่บ้านมาแจ้งว่าคุณคิโชวอินมาถึงแล้ว ผมก็เดินออกไปรับด้วยตัวเอง เป็นไปตามคาดที่คุณทาคาเทรุจะมาส่งถึงที่บ้าน แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญ
ประเด็นอยู่ที่วันนี้คุณคิโชวอินแต่งชุดสีขาวล้วนจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าจะได้เห็น
กระต่าย….
นั่นเป็นสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในความคิด
ผมรีบเรียกสติตัวเองกลับมาเพื่อทักทายพี่น้องคิโชวอิน คุณทาคาเทรุยิ้มแย้มให้ แต่สายตานั้นคมกริบเหมือนจะมองทะลุเข้าไปถึงข้างใน
“สวัสดี ชูสุเกะคุง วันนี้ฝากน้องสาวผมด้วยนะ”
“ทางนี้ต่างหากล่ะครับ”
จะดูแลอย่างดีเลยล่ะครับ
คุณทาคาเทรุจ้องผมเขม็งราวกับรู้ว่าผมคิดอะไร แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่ากำชับคุณคิโชวอินไม่ให้เสียมารยาทแล้วก็กลับบ้านไป
ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าน่ารัก อดที่จะยิ้มไม่ได้จริงๆ อย่างกับฝันไปเลยที่ได้เห็นกระต่ายขาวตรงตามภาพจินตนาการมายืนตรงหน้าแบบนี้
“วันนี้คุณคิโชวอินใส่ชุดสีขาวล้วนน่ารักจังเลยนะ เหมือนคุณกระต่ายเลยล่ะ”
“อุเหย!?”
คุณคิโชวอินอ้าปากค้าง อุทานเสียงแปลกๆออกมา ตาก็ยังมองผมเหมือนไม่คาดคิดว่าจะเจออะไรแบบนี้ เกือบจะหลุดขำออกมาแล้ว
อ้าว ก่อนหน้านั้นชมไปยังไม่เคยมีปฏิกริยาอะไรตอบกลับมาแท้ๆ ชอบให้ชมแบบนี้สินะ กระต่ายน้อย
ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับท่าทางแบบนั้น ผายมือนำทางไปที่ห้องจัดงาน เหลือบมองก็เห็นคุณคิโชวอินจ้องแผ่นหลังผมเขม็ง ทำเหมือนอาฆาตแค้น
มีอะไรติดเสื้อผมอย่างนั้นเหรอ
เสียงหัวเราะของพวกเด็กๆดังขึ้นตอนเข้าใกล้ห้องจัดงาน คุณคิโชวอินดูกังวลนิดหน่อยว่าตัวเองจะมาช้า แต่ผมบอกว่างานยังไม่เริ่ม และมาซายะก็มาสายด้วย เธอก็ดูโล่งใจหน่อยๆ
คุณคิโชวอินยิ้มกว้างโบกมือให้ยูกิโนะ ทักทายแม่ของผมแล้วส่งปิ่นโตให้ ผมปล่อยให้แม่กับน้องต้อนรับคุณคิโชวอินไป ส่วนตัวเองก็เดินไปรับแขกคนอื่นๆที่ได้เชิญมาในวันนี้
เมื่อแขกของยูกิโนะมากันครบแล้วก็ได้เวลาเป่าเค้ก ร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ คุณคิโชวอินส่งของขวัญให้ยูกิโนะ กล่องใหญ่เชียว
เค้กถูกตัดแจกจ่ายตามที่นั่ง และในที่สุดก็ถึงเวลาของอาหารที่คุณคิโชวอินทำมาให้ยูกิโนะทาน เป็นจิราชิซูชิหน้าตาสวยงาม จัดแต่งมาอย่างดีในปิ่นโตสองชั้น
มาดามคิโชวอินมักจะคุยฟุ้งในวงสังคมเรื่องลูกสาวที่มักจะเข้าครัวทำอาหารให้ที่บ้านทานอยู่เสมอ ประธานคิโชวอินก็คุยเรื่องลูกสาวปักลายถุงเท้าให้พ่อบ้าง ถักตุ๊กตาให้บ้าง งานอดิเรกสมเป็นกุลสตรีจริงๆ
คุณคิโชวอินคุยเรื่องนี้กับแม่ของผมอย่างถ่อมตัว ถ้วยแบ่งจิราชิซูชิมาวางตรงหน้าผม หน้าตาก็สอบผ่านอยู่แต่ไม่รู้รสชาติจะเป็นอย่างไร
อร่อยแฮะ
น่าเสียดายที่มีนิดเดียว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากทานอีก อยากทานฝีมือคุณคิโชวอินอีกจัง
ยูกิโนะก็เอ่ยปากชมออกมาพร้อมกับยิ้มกว้าง ใบหน้าคุณคิโชวอินก็ค่อยๆปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาอย่างโล่งใจ เธอเหลียวมองรอบๆดูปฏิกริยาคนอื่นแล้วก็มาหยุดที่ผม สายตาดูคาดหวัง
“อื้อ อร่อยจริงๆ คุณคิโชวอินทำอาหารเก่งนะ”
ที่ผมทานจนหมดเกลี้ยงก็น่าจะเป็นคำยืนยันได้ แต่คุณคิโชวอินทำตาโตอย่างประหลาดใจ แล้วก็จ้องเอาๆเหมือนจะคาดคั้นคำตอบที่แท้จริง
คิดว่าผมจะแกล้งชมเพื่อเป็นมารยาท ฝืนทานฝีมือคุณงั้นเหรอ
“ไม่ได้ฝืนนะ”
เธอสะดุ้งเฮือกทันที เหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำอะไรผิด คิดว่าผมอ่านใจออกอีกแล้วงั้นสิ
“เปล่านะ มันเขียนไว้ที่หน้าหมดต่างหาก”
คนที่เปิดเผยความรู้สึกทุกอย่างออกมาทางสีหน้าอย่างคุณน่ะ ไม่ต้องอ่านใจก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่
คุณคิโชวอินหน้ามุ่ย นั่งหันหลังให้ผมทานเค้กไปไม่ยอมสบตา สงสัยกลัวจะถูกอ่านใจ
น่ารัก
ผมนั่งมองกระต่ายขาวในอิริยาบทต่างๆแบบห้ามตัวเองไม่ได้เลย
มาโอะจังชมคุณคิโชวอินเรื่องทำอาหาร ยูกิโนะเด็กคนอื่นๆก็ช่วยเสริม แต่คุณคิโชวอินทำหน้าแหยๆ แล้วก็พูดออกมาว่ามีคนช่วยทำด้วย รู้สึกจะเป็นคุณนารุโทมิที่เคยเจอกันในงานเลี้ยงของตระกูลคิโชวอิน
คนที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาแบบคุณคิโชวอินไม่มีทางรับความดีความชอบไว้คนเดียวแน่ๆ นั่นก็เป็นข้อดีอีกอย่างของเธอ แม่เองก็ดูจะถูกใจความซื่อตรงของเธอด้วยเหมือนกัน
คนแบบคุณคิโชวอินน่ะ หายากในสังคมชั้นสูงที่ใส่หน้ากากเข้าหากันแบบนี้
พอมาถึงช่วงเวลาแกะของขวัญ ของที่คุณคิโชวอินมอบให้ยูกิโนะคือเครื่องทำความชื้นที่ทำมาคล้ายๆอควอเรียม มีพวกรูปจำลองปลาทะเลลอยไปมา เป็นของที่คำนึงถึงสุขภาพของยูกิโนะที่เป็นโรคหอบหืด เอาใจใส่ยูกิโนะจริงๆ
เธอเอาของขวัญให้ยูกิโนะอีกกล่อง ข้างในเป็นห่วงกลปริศนา เธออธิบายวิธีเล่นคร่าวๆว่าต้องแกะห่วงที่เกี่ยวพันอยู่ให้ออก พวกเด็กๆก็ลองเล่นทันที แต่สุดท้ายก็เอามาให้ผมช่วยแก้ปริศนา
นั่งหมุนๆไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ห่วงกลที่เด็กๆเอามาให้ผมก็แยกออกจากกัน ผมส่งคืนให้เด็กๆเอาไปเล่นกันเอง
คุณคิโชวอินยิ้มเหมือนจะดีใจที่ทุกคนชอบของที่เธอเอามา
นอกจากนี้ก็ยังมีพวกบอร์ดเกมและเจงก้าที่เธอพกมาด้วย ที่หิ้วของมาพะรุงพะรังก็คือของพวกนี้ด้วยงั้นเหรอ
ของเล่นเยอะจริงๆนะ กะจะเล่นกับพวกเด็กๆเต็มที่เลยล่ะสิ
แม่บ้านมาแจ้งว่ามาซายะมาถึงแล้ว มาซายะก็ปรากฎตัวทันทีแบบไม่ต้องเดินไปรับที่หน้าประตู
“โทษที มาช้าไปหน่อย”
มาซายะตรงดิ่งมาหายูกิโนะ กล่าวอวยพรวันเกิด ในมือมีถุงหิ้วทั้งสองข้าง ถุงหนึ่งเป็นกล่องของขวัญ อีกถุงคือถุงประทับตราร้านเค้กบ้านคุณทาคามิจิ
“มาซายะ นี่ไปเอาเค้กมาก่อนก็เลยมาสายเหรอ”
“ก็นะ”
เค้กน่ะ ให้ใครไปเอาก็ได้ แต่นายอยากไปเจอคุณทาคามิจิเองมากกว่าล่ะมั้ง ก็เลยยอมมาสาย น่าเห็นใจคนมีรักจริงๆ นิดๆหน่อยๆก็เอา
ยูกิโนะเปิดกล่องเค้กออกแล้วก็อุทานอย่างตื่นเต้น เค้กถูกแกะออกมาจากกล่อง วางให้ทุกคนได้เห็นว่าเป็นเค้กสีขาวมีสตรอว์เบอร์รี่ประดับตกแต่ง เขียนข้อความว่า “Happy Birthday Yukino” มีเมอแรงก์รูปตุ๊กตาหิมะประดับอยู่
มาซายะอธิบายว่าตอนเขาถามว่ามีรีเควสต์อะไรรึเปล่า เลยขอให้ทำเมอแรงก์ตุ๊กตาหิมะนี่ด้วย ยูกิโนะดูดีอกดีใจ ก็ชอบตุ๊กตาหิมะมากเลยนี่นะ
เราร้องเพลงอวยพรวันเกิดยูกิโนะอีกรอบ ตัดแบ่งเค้กของร้านคุณทาคามิจิ เค้กก้อนไม่ใหญ่มากเลยได้มาคนละนิดละหน่อย คุณคิโชวอินทำท่าอาลัยอาวรณ์ที่ต้องยกสตรอว์เบอร์รี่ที่อยู่บนเค้กให้เด็กๆไปด้วยท่าทางกล้ำกลืนฝืนทนแต่พยายามจะไม่แสดงออก
พอไม่ได้ทานของที่ชอบ ถึงกับต้องตัดใจขนาดนั้นเชียวเหรอ
คุณทาคามิจิก็ฝีมือดี ทำตุ๊กตาออกมาได้น่ารักจนยูกิโนะดูกลุ้มอกกลุ้มใจกับการที่ต้องทานเมอแรงก์ชิ้นนี้ ก็ทานๆไปเถอะ เดี๋ยวมันหมดอายุแล้วจะเสียดายทีหลังนะ
ของขวัญที่มาซายะเอามาให้คือสมุดรวมภาพเขียนของแอชเชอร์เล่มทั้งใหญ่และหนัก ชอบให้หนังสือจริงๆเลยนะ มาซายะ
ยูกิโนะชวนคุณคิโชวอินไปนั่งดูด้วย ส่วนแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆขอถอนตัวออกไปเพราะตาลาย
เด็กๆเริ่มเล่นเกมส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันสนุกสนาน ยูกิโนะเลยปิดหนังสือดังฉับแล้วไปร่วมเล่นกับเพื่อน ทิ้งแอชเชอร์ไว้บนโต๊ะให้อยู่คนเดียวเปลี่ยวเหงา
คุณคิโชวอินดูท่าทางจะอยากเล่นบอร์ดเกมที่เอามา ผมกับยูกิโนะมองตากันอยู่ครู่หนึ่งแล้วลากมาซายะมาร่วมวง
นรกกำลังคืบคลานไปหามาซายะ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้อิโหน่อิเหน่ซักนิด
.
.
.
.
มาซายะได้ลูกแฝด...รอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
ผม ยูกิโนะและคุณคิโชวอินจ่ายค่าอวยพรให้ไปเป็นเงินก้อนใหญ่ มาซายะก็ดูอารมณ์ดีสุดๆ วางเงินกองไว้ให้เห็นจะๆว่ามีทรัพย์สินอยู่ในมือเท่าไหร่ ซื่อตรงเกินไปแล้ว
เกมแรกน่ะ อ่อยให้ก่อน ให้มาซายะหลงระเริงกับชัยชนะไปก่อน เดี๋ยวก็ได้รู้
เกมถัดไป ยูกิโนะเป็นนายธนาคาร คอยหมุนรูเล็ตต์บอกชะตากรรมผู้เล่น
มาซายะลงทุนพลาดครั้งใหญ่ เลยขาดทุนย่อยยับ ดังนั้นก็ต้องจ่ายเงินก้อนโตให้ธนาคาร เงินน่าจะหายไปจากมือมาซายะไปราวๆหนึ่งในสามได้
พอหมุนรูเล็ตต์อีก โชคร้ายเกิดกับมาซายะอีก ดวงซวยจังเลยน้า
เกมจบที่มาซายะหมดเนื้อหมดตัว ไม่เหลืออะไรเลย พ่ายแพ้ไปอย่างน่าอนาถ เจ้าตัวก็ดูแค้นเคืองอยู่ พยายามจะพลิกมาเป็นผู้ชนะให้ได้ ขอแก้มืออีกรอบ
ผมกับยูกิโนะลอบยิ้มให้กัน หมูวิ่งมาชนปังตอเองชัดๆ
ผม คุณคิโชวอินและยูกิโนะไล่ต้อนมาซายะกันอย่างสนุกสนาน มาซายะลงทุนกี่ครั้งก็ขาดทุนย่อยยับ หรือไม่ก็เดินไปตกช่องทรัพย์สินมูลค่าสูงๆของคนอื่นอยู่ร่ำไป พอเปิดโอกาสให้กู้เงินจากธนาคารก็ตะครุบไว้ทันทีเพราะต้องการเงินไปโปะหนี้อย่างเร่งด่วน
แต่ดอกเบี้ยน่ะมันโหดนะ มาซายะ
สุดท้าย มาซายะไม่เหลืออะไรเลยนอกจากเช็คเด้ง หนี้เงินกู้ ดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินต้นและเด็กทารกอีกสิบกว่าคนที่ต้องหาเลี้ยง
โถ น่าสงสาร
ยูกิโนะกับคุณคิโชวอินนับเงินที่ได้จากมาซายะมาเป็นฟ่อน ร่ำรวยกันใหญ่
มาซายะลุกจากเก้าอี้ ท่าทางฉุนเฉียวสุดๆที่กลายเป็นเหยื่อแต่เพียงผู้เดียวในเกม เพิ่งจะรู้ตัวอย่างนั้นเหรอว่าเล่นไปก็ไม่ชนะน่ะ
มีเด็กๆสนใจอยากเล่นด้วย คราวนี้พวกเราก็เลยเปิดเกมใหม่ แต่เป็นไปด้วยความเมตตาปราณีกว่าเมื่อครู่ จะให้เด็กๆต้องมาเจอสภาพหนี้ท่วมหัวแบบมาซายะก็กระไรอยู่
มีเสียงเชียร์ดังมาจากอีกมุมของห้อง พอหันไปดูก็เห็นมาซายะยืดตัวขึ้น ดูท่าจะภูมิใจที่สามารถดึงชิ้นส่วนที่ยากๆแล้วยังไม่ล้มของเกมเจงก้าได้ คุยโม้เรื่องเคล็ดลับเสียยกใหญ่
ทำเป็นเก่ง เมื่อกี้ยังเป็นแค่เหยื่อแท้ๆ
.
.
.
.
เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ เผลอแป๊บเดียวก็มืดค่ำแล้ว เด็กๆที่มางานทยอยกลับไปจนหมด คุณคิโชวอินเองก็ได้เวลากลับเช่นกัน แม่กับยูกิโนะกล่าวขอบคุณเธอและชวนมาเที่ยวที่บ้านอีก คุณคิโชวอินไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ตอบรับ
เธอกล่าวคำอำลากับมาซายะที่เพิ่งได้ของเล่นใหม่คือห่วงกลที่เธอเอามาให้ยูกิโนะ เห็นว่าเป็นห่วงกลระดับยากสุด มาซายะนั่งเล่นไปหน้าเครียดไป ใช้สมาธิขั้นสูงสุด
ผมปล่อยมาซายะไว้กับของเล่น เดินไปส่งคุณคิโชวอินขึ้นรถที่หน้าบ้าน รถอีกคันมาจอดเทียบแทบจะในเวลาเดียวกัน
ยุยโกะก้าวออกมาจากรถคันนั้น
รถของคุณคิโชวอิน ค่อยๆแล่นห่างออกไปไกลจนลับสายตา และหน้ากากที่ผมโยนทิ้งไปยามเมื่ออยู่กับคุณคิโชวอินและมาซายะถูกนำขึ้นมาสวม
ริมฝีปากของผมค่อยๆขยับเป็นรอยยิ้ม เหมือนเป็นหน้าที่ที่จะต้องยิ้ม
---------------------------------------------------------------------------------
บอกว่าอยากกิน เดี๋ยวเจอฝีมือการทำอาหารที่แท้จริงของคุณคิโชวอินเข้าไปแล้วนายจะหนาวนะ ชูสุเกะคุง
>>936 ช็อกโกแลตกล่องนั้นน่าจะเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ฮีอาจจะทุ่มเทวิจัยค้นคว้ายืดอายุการเก็บออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนกล่องก็ทูนหิ้งไว้ กราบไหว้เช้าเย็น ซารังแฮโย แล้วก็กราบ
>>933 แหมๆ ฟินเลยสิท่าที่อยู่ๆกระต่ายก็มาให้เห็นตัวเป็นๆตรงหน้า เผลอคิดอะไรไม่ดีไม่งามอยู่ด้วยใช่มะ ท่านพี่จับสัญญาณอันตรายได้สินะ สัญชาตญาณของซิสค่อนไม่มีทางพลาด
ฟิคดีงามจริงๆ เอ็นโจดูดีขึ้นมากๆในมุมนี้55555ยูกิโนะก็ยังคงน่ารักแล้วมีแผนการ ส่วนนายมาซายะ น่าสงสารเค้านะคะ55555555
ไปอาบน้ำมา มาอ่านทวนซ้ำหาคำผิด กูก็อปตกไปหลายบรรทัดเลยนี่หว่า ร้ายแรงยิ่งกว่าคำผิดอีก //กราบขออภัยทุกคน
------------
ที่ถูกต้องต้องเป็นแบบนี้นะ >>935
รอบนี้ผมเป็นนายธนาคาร พอหมุนรูเล็ตต์ โชคร้ายก็เกิดกับมาซายะอีกแล้ว
คำสั่งยึดทรัพย์จากผู้เล่น ทำให้ผมยึดทรัพย์จากมาซายะมาเกือบเหี้ยน เหลือไว้ให้พอดิ้นหนีหาทางรอดเอาเอง แต่ทางนั้นถูกตอกตะปูปิดด้วยยูกิโนะที่ได้คำสั่งยึดทรัพย์เหมือนกัน
คุณคิโชวอินรวยเอาๆ ผมและยูกิโนะไม่ได้แตะต้องเธอเลย แถมยังเอื้อคำสั่งที่เป็นประโยชน์กับเธอด้วยซ้ำ เช่นมีบ่อน้ำมันผุดขึ้นที่หลังบ้าน เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่ครอบครอง
มาซายะถลึงตาใส่อย่างแค้นเคือง บอกให้ผมไปเอาเงินจากคนที่รวยที่สุด
“กฎของการตัดออกยังไงล่ะ เอาคนที่ปวดใจน้อยที่สุด”
ใช่แล้วล่ะ ผมไม่สามารถทำร้ายคุณคิโชวอินหรือยูกิโนะได้ นายก็เป็นเหยื่อสังเวยไปก็แล้วกันนะ ถือซะว่าเอาคืนที่ทำให้ผมและคุณคิโชวอินเดือดร้อนหลายๆสิ่งที่ผ่านมา
สนุก สนุกชะมัด
ผม คุณคิโชวอินและยูกิโนะไล่ต้อนมาซายะกันอย่างสนุกสนาน มาซายะลงทุนกี่ครั้งก็ขาดทุนย่อยยับ หรือไม่ก็เดินไปตกช่องทรัพย์สินมูลค่าสูงๆของคนอื่นอยู่ร่ำไป พอเปิดโอกาสให้กู้เงินจากธนาคารก็ตะครุบไว้ทันทีเพราะต้องการเงินไปโปะหนี้อย่างเร่งด่วน
แต่ดอกเบี้ยน่ะมันโหดนะ มาซายะ
สุดท้าย มาซายะไม่เหลืออะไรเลยนอกจากเช็คเด้ง หนี้เงินกู้ ดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินต้นและเด็กทารกอีกสิบกว่าคนที่ต้องหาเลี้ยง
โถ น่าสงสาร
ยูกิโนะกับคุณคิโชวอินนับเงินที่ได้จากมาซายะมาเป็นฟ่อน ร่ำรวยกันใหญ่
มาซายะลุกจากเก้าอี้ ท่าทางฉุนเฉียวสุดๆที่กลายเป็นเหยื่อแต่เพียงผู้เดียวในเกม เพิ่งจะรู้ตัวอย่างนั้นเหรอว่าเล่นไปก็ไม่ชนะน่ะ
มีเด็กๆสนใจอยากเล่นด้วย คราวนี้พวกเราก็เลยเปิดเกมใหม่ แต่เป็นไปด้วยความเมตตาปราณีกว่าเมื่อครู่ จะให้เด็กๆต้องมาเจอสภาพหนี้ท่วมหัวแบบมาซายะก็กระไรอยู่
มีเสียงเชียร์ดังมาจากอีกมุมของห้อง พอหันไปดูก็เห็นมาซายะยืดตัวขึ้น ดูท่าจะภูมิใจที่สามารถดึงชิ้นส่วนที่ยากๆแล้วยังไม่ล้มของเกมเจงก้าได้ คุยโม้เรื่องเคล็ดลับเสียยกใหญ่
ทำเป็นเก่ง เมื่อกี้ยังเป็นแค่เหยื่อแท้ๆ
ก๊อกๆ ฮัลโหล~ นี่โม่งแปลนะ จะบอกว่าเอาตอนใหม่มาหย่อนไว้ให้ ที่ต้องแจ้งให้ทราบเพราะ... เดี๋ยวกูจะหนีไปเที่ยว 55555555 คงหายไปซักสัปดาห์นึงบวกอีกนิดหน่อยน้า ระหว่างนี้ถ้าคิดถึงกันก็อ่าน 231 ตอนที่มีวนๆ ไปก่อน แล้วกลับมาเจอกันใหม่ รักโม่งฟิคโม่งนักอ่านทุกคนเลยนะ ถึงไม่ได้มาตอบก็อ่านเสมอนะ ม๊วบ //โปรยจูบรอบทิศก่อนลากกระเป๋าไปขึ้น private jet plane เก๋ๆ แบบเด็กซุยรัน//
โชคดีโม่งแปล เที่ยวให้สนุกนะ
เที่ยวให้สนุกเด้อออ ของฝากขอเปนตอน#232-250 55555
อ้าว เม้นได้เฉย ส่องเว็ปนี้มานาน ในที่สุุดก็เม้นได้ เย้!!!!
>>944 ขอบคุณสำหรับตอนใหม่นะมึง เที่ยวให้สนุกน้าาา กูจะต้มกาวรอมึงกลับมาเอ๊งงงงง
ตอนใหม่นี่...เรย์กะดูฉุนเฉียวเป็นพิเศษเลยแฮะ เป็นเรื่องเอ็นโจกับยุยโกะทีไรนางโกรธกับโมโหทุกที แต่กูฮาตรงริรินะพูดว่ายุยโกะสวยมากเหมือนเทพธิดาแล้วทุกคนพร้อมใจกันหันมองเรย์กะ กับยุยโกะสวยบอบบางชวนให้ปกป้อง เป็นคนที่ตรงข้ามกับเรย์กะทุกอย่าง แล้วเรย์กะคิดว่าตัวเองขี้เหร่นิสัยเลวกร้านโลก โถ โถ คิดไปได้ ท่านเรย์กะออกจะน่ารักกกกกกก ที่ผ่านมาใครก็ชมว่าสวยทั้งนั้น ยุยโกะอะไรนี่ทาบไม่ติดหรอกค้าาาา เทพธิดาหรือจะสู้เจ้าแม่กาลี เรายิ่งใหญ่กว่าเห็นๆ ยุยโกะน่ะผีคนเป็น เป็นศพใต้ต้นซากุระชัดๆนะคะ อย่าไปกลัวสิ
เออ แต่ตอนนี้กูรู้สึกเคืองขุ่นคุณชายเอ็นโจว่ะ อะไรวะ ดูยังไงก็จงใจทักท่านเรย์กะแบบสนิทสนมยั่วคาซึรางิชัดๆ รู้ทั้งรู้ว่าตาไก่โง่มันจะตามไปจิกๆ ท่านเรย์กะทีหลัง หรือมีหวังผลอะไรลึกซึ้งเปล่าวะ ถ้ามีเฉลยว่าจงใจตีสนิทกับท่านเรย์กะยั่วให้คุณยุยโกะหึงกูจะโกรธเอ็นโจมากนะ ฮึ่ยยยยยยยยย
>>951 แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง กูก็จะโกรธเหมือนกันนะ รู้ทั้งรู้ว่าอีไก่โง่มันต้องแจ้นไปฟ้องแน่ๆ แต่เสือกพูดออกมา หรือฮีไม่แคร์ ไม่เห็นหัวสองคนนั้น กูจะสนิทกับใครก็เรื่องของกู ก็เลยพูดออกไปแบบจงใจกวนตีนอีไก่โง่ ถึงอีนี่จะไปเหวี่ยงใส่เรย์กะทีหลัง เรย์กะคงรับมือได้ไม่มีปัญหา
ที่ตอนนี้ยังไม่เคืองเพราะยังไม่เฉลยบวกกับได้มุมมองซาโตมิช่วยไว้แท้ๆเลยนะคะท่านเอ็นโจ
>>944 วนไป 5-6 รอบแล้วเนี่ย ถ้าโม่งแปลไปเที่ยวยาวอาทิตย์นี้สงสัยจะต้องเริ่มวนรอบใหม่อีกรอบละ กว่าจะรู้ตัวอาจจะวนไปถึง 10 รอบก็ได้นะ
>>950 เออ แปลตอนล่าสุดนี่ดูท่านเรย์กะจะหงุดหงิดเป็นพิเศษจริงๆ ด้วยนะ ไม่น่าจะใช่แค่หมั่นไส้คนหมู่บ้านมีรักละม๊างงงง ดูจะเจาะจงโมโหคู่เอ็นโจกะยุยโกะมากกว่าคนอื่นๆ นะ แถมตอนนี้ก็เน้นเรื่องยุยโกะซะ.....
>>953 หนูก็ไม่รู้วววววววว ถถถถถถถถถถถ
ที่อ.แกหายไปนานๆตอนนี้อาจจะไปเขียนตอนมาประทานพรอะไรซักอย่างอยู่ก็ได้ กูก็ได้แต่กราบสักการะอ้อนวอนไปว่าขอให้ประทานพรให้คุณชายเอ็นโจด้วยเถิด
แต่พูดก็พูด เอ็นโจทำกูเวียนเฮดอีกแล้ววว เอ็นโจ side story แม่งเขียนยากตรงที่ต้องมานั่งเดาใจอีตานี่ให้ออกนี่ล่ะ ถึงจะรู้ว่าฮีไม่มีทางทำร้ายเรย์กะก็เหอะ แต่ตอนนี้กูเดาใจฮีไม่ออกเลยจ้าาาาา ไอ้คนลึกลับซับซ้อนเอ้ย //ดึงเหนียงชูสุมอยเพื่อลงโทษ
ปล. กูฮาตรงที่พิมพ์ข้อความข้างบนอยู่ดีๆ เพลงไว้ใจฉันได้เสมอของพี่คิวแม่งถูกรันมาให้กูฟังเฉย ทั้งที่ในลิสต์เพลงกูมีเป็นพันๆเพลง หยั่งกะองค์ชายตอบกูมาซะงั้น คราวที่แล้วกูแซวก็ทำมือถือค้าง คราวนี้ถึงกับเปิดเพลงตอบกลับมาเลยหรอมมม แอบกลัวอยู่นะเนี่ย 55555555
>>954 แต่กุชอบนะ นางร้ายแบบยุยโกะอ่ะ...คือแม่งร้ายลึก ร้ายเงียบไม่ใช่มากรี๊ดๆ ดีดดิ้นแบบยัยไมฮามะหรือตาไก่โง่ ไม่ใช่แบบนางร้ายหนังไทยด้วย
คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ แถมตอนที่พบหน้าก็มารยาทดีไม่มีตีรวน แถมมองจากมุมริรินะยังเป็นคนดีได้อีก คือริรินะนี่อ่านคนเก่งระดับนึงแล้วแถมมีสายข่าวด้วย
คือถ้าท่านพี่เป็นจอมมารบอสลับเนี่ย ยุยโกะคงประมาณเทวทูตจากสวรรค์ที่เนื้อในดำเมี่ยมเต็มไปด้วยแผนการว่ะ
เปรียบเอ็นโจเป็นโลมาสวมหนังกระต่าย
เรย์กะเป็นแกะน้อยสวมหนังหมาป่า
ยุยโกะคงไม่แคล้วแมงมุมแม่ม่ายดำในคราบผีเสื้อ
อ้ออีกนิด...ตอนนี้ปั่นฟิกยุยโกะอยู่ อยากอ่านแบบไหนก่อนระหว่างยุยโกะ ณ โยซากุระกับท่านพี่แอนด์ยุยโกะ
กระซิก โม่งแปล กูจะคิดถึงมึง เที่ยวให้สนุกนะ
เรือเอ็นโจมักจะเจอตอเสมอเลยนะ พอบทกำลังส่ง ก็ชนตาซะเรือแตกคนละทิศ
แต่พอรู้ข้อมูลว่าเป็นสาวอายุเยอะกว่า อย่างกับถูกจับหมั้นตั้งแต่เกิด ญาติที่อายุใกล้เคียงกัน คนละเพศ ไอ้เรือล่มในหนองทองจะไปไหน ถ้าเป็นแบบที่ว่าจริงคงยากที่จะปรับเปลี่ยน เพราะแบบนี้รึเปล่าที่พ่อแม่คิโชวอินถึงพยายามดันลูกสาวไปหาคาบุ ทั้งที่ตระกูลเอ็นโจก็ดูระดับไม่ค่างกันมาก
รวบรวมคะแนนโหวตชื่อกระทู้ก่อนนะ ยังโหวตได้เรื่อยๆ ไว้ใกล้ๆ แล้วอย่าลืมตั้งกระทู้ใหม่ล่ะ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการซื้อบ้านพร้อมที่ดินในหมู่บ้านมีรักถวายเจ้าแม่ (หลังที่ 17) ----- IIIIII
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับแว่วเสียงความรักของสาวน้อย (ข่าวลือความรักของเจ้าแม่รอบที่ 17) ----- III
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับข่าวลือรักๆ ใคร่ๆ ของท่านเรย์กะ! (เรื่องที่ 17) ----- I
กูเป็นโม่งใหม่ ไล่อ่านตั้งแต่มู้แรกมา ใช้เวลา 6 วัน แถมยังทำให้กูติดจนต้องไปอ่านในคาบเรียนต่ออีก อหหห. เหมือนมีเวทสะกดด้วยอะไรสักอย่างดึงไว้เลย (กาวหรือกัญหว่า)
กูว่ากูไม่ได้คิดไปเองนะว่าท่านเรย์กะรู้สึกอะไรกับเอ็นโจอ่ะ ตอนงานโรงเรียนนั่นก็ทีนึง ครั้งนี้ก็ด้วย ทุกคนตื๊อยังไงก็ไม่ยอมไปถาม ตอนตื๊อเรื่องคาบุรากิครั้งก่อนยังไปถามให้เลย เห็นชัดว่ามีทิฐิบางอย่างในใจแน่ๆ!
>>974 กูก็ว่างั้น ดีไม่ดีเรย์กะเริ่มรู้สึกดีๆกับเอ็นโจแล้วก็ได้แต่ด้วยความซึนมันมากกว่า เลยไม่ยอมรับ แต่ออกอาการแบบนี้มีเหรอที่จอมมารสต๊อกเกอร์จะไม่รู้หวังว่าถ้าเคลียร์ปมตรงนี้ได้ เอ็นโจคงรุกอ่ะ แต่พอขึ้น ม.ปลาย ก็รุกแล้วแต่เรือติดตอเพราะเรย์กะตัดความหวังเหล่าลูกเรือตลอดอ่ะ ถ้าจะอวยเอ็นโจคงต้องหวังยูกิโนะเป็นกัปตันอ่ะ
>>974 กูว่ากูก็ไม่ได้คิดไปเองนะ กับคู่อื่นนางจะแค่หมั่นไส้ หรือไม่ก็คิดโหยหาว่าทำไมฉันถึงไม่มีแบบเขา อาจจะประชดประชันไปตามเรื่องตามราวที่นางเพ้อบ้าง แต่ก็จะอวยพรให้รักกันราบลื่นเช่นคู่ซากุระ มีจิตใจเอ็นดูเช่นคู่อิวามุโระหรือหัวหน้าห้องไรงี้ แต่พอยุยโกะโผล่มาทีไร นางมีความคิดด้านลบมาเต็ม หมดอาลัยตายอยากบ้างล่ะ หดหู่บ้างล่ะ หลังๆมานี่นางโกรธตลอดอ่ะ สัมผัสได้ถึงความโกรธแบบจริงๆจังๆ หงุดหงิด ไม่พอใจ ทั้งที่ยุยโกะก็ไม่ได้มาทำอะไรนางนะ แค่ไปควงแขนชู ยิ้มสวยๆให้ คุยกันก็แค่แบบผิวเผินครั้งเดียวในงานซากุระ แถมพอยุยโกะโผล่มานางชอบตัดฉับความคิดตัวเองตลอดเลยนะ ปกตินางจะปิดท้ายตอนด้วยความคิดฮาๆ การกระทำฮาๆ มีบ่นนั่นบ่นนี่บ้างตามประสา
พอมียุยโกะเข้ามาเกี่ยวนางปิดตัวเองทันที เช่นตอนที่ไปดื่มชากับพี่น้องเอ็นโจ แล้วมีโทรศัพท์มา กูว่านางรู้นะว่าใครโทรมา นางตัดท้ายบทห้วนๆทันที ไม่เผยความคิดอีกเลย บอกแค่จับมือเดินไปขึ้นรถกับยูกิโนะ ให้รถไปส่งบ้าน ผิดวิสัยนางมาก ไม่เชื่อก็ไปลองจิ้มๆมาซักตอนมาเทียบกับตอนที่ยุยโกะออกสิว่าเป็นอย่างที่กูบอกมั้ย
คนแบบยุยโกะนางก็เจอมาแล้วนะ ซากุระไง สาวสวยบอบบางน่าปกป้อง แอบชอบเพื่อนสมัยเด็ก เห็นเรย์กะเป็นคู่แข่งความรัก ตอนนั้นเรย์กะยังกล้าเดินไปบอกซากุระตรงๆเลยว่าไม่ได้คิดอะไรด้วย เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะนะตัวเธอ โอ้เย้ มิตรภาพคือเวทมนต์ แต่กับยุยโกะนางหนีทันที กูว่าถ้าไม่คิดอะไรเหมือนเคสซากุระ นางต้องกล้าเผชิญหน้าแล้ว บอกตรงๆไปเลยจะได้ไม่คาราคาซังแบบนี้
>>974 กูว่านางชอบเขา อาจจะรู้ตัวตั้งแต่ยุยโกะมาที่โรงเรียนเลยด้วย ถึงได้หมดอาลัยตายอยากขนาดนั้น แต่พยายามปฏิเสธตัวเองด้วยการเฉไฉไปเรื่องอื่นว่ะ แบบว่า เอ็นโจคือคนที่นางไม่สมควรจะชอบ เป็นคนเจ้าเล่ห์ คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ห้ามไปตกบ่วงคนแบบหมอนี่นะ แล้วนางก็จะย้ำๆตัวเองตลอดว่าเอ็นโจคือคนหมู่บ้านมีรัก นางตั้งธงในใจว่าเขามีแฟนแล้วๆๆๆๆ ตลอดเวลาอ่ะ ที่ไม่กล้าไปถามให้ชัดๆก็น่าจะกลัวคำตอบของเอ็นโจด้วยแน่ๆ
ว่าไปเวลาตอนที่คาซึรางิโผล่มานี่ เรย์กะไม่เคยปฏิเสธตรงๆรึเปล่านะ?(ไม่แน่ใจ) บ่ายเบี่ยงไปว่าคาซึรางิเป็นโฮโม หรือหาเรื่องอื่นแทน
>>976 เรย์กะเวลามีเรื่องเดือดร้อนทีไร นอกจากท่านพี่แล้ว นางเห็นเอ็นโจเป็นที่พึ่งตลอดล่ะ หลายครั้งนะที่นางนึกจะไปขอความช่วยเหลือจากเอ็นโจ แต่ก็ไม่ยอมทำ กลัวเป็นหนี้บุญคุณมั่งอะไรมั่ง แต่ในเวลาคับขัน เอ็นโจช่วยตลอด และนางก็รู้ด้วยว่าเอ็นโจต้องมาช่วยนาง ที่กล้าขายเอ็นโจปากบอกว่ากลัว แต่เรย์กะก็รู้อยู่ลึกๆนะว่าเขาจะไม่ทำอะไรหรอก แค่โผล่มายิ้มแบบรู้ทันให้นางสำนึกผิดไปเอง
กูว่านางผูกพันกับเอ็นโจแบบซึมลึก ค่อยๆซึมเข้าไป อาจจะใช้เวลานานหน่อย ถึงตอนนี้จะยังไม่รู้ แต่ซักวันนางจะรับรู้เอง อยากให้วันนั้นมาถึงจัง จะมีโอกาสได้เห็นมั้ยน้อ~~
เราปิดโหวตชื่อมู้หน้าตอน 990 ดีมะ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการซื้อบ้านพร้อมที่ดินในหมู่บ้านมีรักถวายเจ้าแม่ (หลังที่ 17) <--- โหวตอันนี้~
โหวตบ้านพร้อมที่ดินอีกเสียง
อีก 10 คอมเมนท์ เตรียมไปกันเถอะ ใครสะดวกรบกวนตั้งกระทู้โหน่ย~
ผลโหวต
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการซื้อบ้านพร้อมที่ดินในหมู่บ้านมีรักถวายเจ้าแม่ (หลังที่ 17) ----- IIIIIIII
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับแว่วเสียงความรักของสาวน้อย (ข่าวลือความรักของเจ้าแม่รอบที่ 17) ----- III
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับข่าวลือรักๆ ใคร่ๆ ของท่านเรย์กะ! (เรื่องที่ 17) ----- I
บ้านพร้อมที่ดินชนะ กูตั้งกระทู้นะ
เปิดวาร์ปทางเข้า >>>/webnovel/4099/
จากนี้เชิญวิ่งควายกันได้
อย่าลืมผมนะครับ by นายตัวสำรอง
"คุณโมโมโซโนะ หวังว่าจะถูกใจกอล์ฟมาร์กเกอร์ที่ผมช่วยคุณคิโชวอินเลือกให้นะครับ :)"
— เอ็นโจ ชูสุเกะ
วันนี้กินอะไรดีน้าาา by เจ้าแม่กาลี
"คิโชอินนนนน วันนี้ชั้นได้จับมือกับทาคามิจิด้วย!! "
"ก็แค่บังเอิญมือไปโดนกันเท่านั้นแหล่ะ"
---- นายสัตว์เซลล์เดียวและนายนกพิราบ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.