พอสบโอกาสฉันก็รีบบอกลาแล้วหนีออกมาโดนลากมาซายะคุงหลบหลีกจอมมารมาด้วยอีกคน
มือของมาซายะคุงเล็กกว่าฉันอีกนะ ถึงจะเป็นผู้ชาย แต่ก็เป็นเด็กที่อายุห่างกันแบบสุดๆเลยนี่นา ฉันกุมมือเล็กๆของมาซายะคุงไว้ อุ่นจังเลย ได้ใกล้ชิดเด็กน้อยแบบนี้รู้สึกเป็นกำไรชีวิตยังไงไม่รู้นะคะ
มาซายะคุงหน้าแดงนิดๆ แต่พอฉันจะเอามือออก เขาก็จับมือฉันไว้แน่น ดึงเบาๆ ตากลมโตจ้องมองมาที่ฉัน แล้วถาม "อยู่แบบนี้สักพักได้หรือเปล่า"
เลือดกำเดามายาของฉันไหลทะลักจนแทบหมดตัว หัวใจอ่อนยวบ อยากกอดมาซายะคุงแรงๆสักทีแล้วอุ้มกลับบ้านจังเลยค่ะ
ยกเลิกหมั้นกับคาบุรากิแล้วหมั้นกับมาซายะคุงแทนได้ไหม พอมานั่งพัก มาซายะก็มานั่งแปะอยู่ข้างๆฉัน แล้วเงยหน้าขึ้นมอง เขาท่าทางดีใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะซุกตัวอย่างออดอ้อน ไม่ไหวแล้วค่ะ ศีลธรรมในใจฉันเริ่มสับสน
"มาซายะคุงปีนี้อายุเท่าไหร่หรอจ๊ะ" ฉันถามดู จะได้รู้ว่าเมื่อไหร่จะถูกกฎหมาย
"ก็พอๆกับเธอนั่นแหละ..." มาซายะคุงบอก
"เอ๋"
หัวใจฉันระทึกนึกถึงพระเอกในนิยายรักที่อ่านเมื่อหลายวันก่อน เขาพูดกับนางเอกอย่างจริงจังว่าระยะห่างอายุไม่เป็นอุปสรรคต่อความรัก อย่าบอกนะว่ามาซายะคุงเองก็ชอบฉันในรูปแบบนั้น!!! นี่มันโมเม้นต์ฤดูใบไม้ผลิในฝันของฉันเลยนี่คะ! บางทีครอบครัวหรือคนรอบข้างก็อาจจะต่อต้าน แต่ทว่าความรักที่เรามีให้แก่กันก็จะทำให้ผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหมดไปได้!!!
แต่ว่าในโลกคิมิดอล เรย์กะกลับไปหลงรักคาบุรากิเสียก่อน ถ้าชอบมาซายะคุงอะไรๆอาจไม่เลวร้ายถึงขั้นในมังงะก็ได้นะคะ...
"คิดอะไรแปลกๆอยู่นั่นน่ะ..."
พอเห็นฉันเงียบไปนาน มาซายะคุงก็ทักถามขึ้น แย่ล่ะ เพ้อเจ้อจนหลุดยิ้มโลกส่วนตัวออกไปอีกแล้วสินะคะ...
"ไม่เชื่อจริงๆหรอว่าฉันเป็นมาซายะ คาบุรากิคนเดียวกับที่เธอรู้จัก..."
"เชื่อสิจ๊ะ" ฉันยิ้มตอบไป ก็คงคนเดียวกับที่เรย์กะโลกคิมิดอลรู้จักนั่นแหละนะคะ
"..."
มาซายะคุงทำท่าเหมือนพูดอะไรไม่ออก ทำไมกันนะ? เรย์กะในโลกคิมิดอลไปทำอะไรมาหรือเปล่านะคะ
วันนี้ฉันสำรวจร้านอาหารที่ดูน่ากินมาส่วนหนึ่งแล้ว เลยพามาซายะคุงไปกินด้วยกัน มาซายะคุงท่าทางชอบกินอะไรคล้ายๆคาบุรากิ แถมยังสั่งของหวานแบบเดียวที่เขาชอบอีก ท่าทางตอนกิน ลักษณะการพูดคุย ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนคาบุรากิเอามากๆ
หรือมาซายะคุงเป็นคนเดียวกับคาบุรากิ?
...ไม่หรอกค่ะ! ไม่มีทางเป็นไปได้!!! ฉันคิดอะไรแฟนตาซีหลุดโลกเข้าไปทุกที เป็นเพราะคุยกับคาบุรากิบ่อยๆแน่ๆทำเอาฉันเปลี่ยนไปทีละนิด! ไม่ได้การล่ะ! หลังจากนี้คงต้องดึงสติกลับมาเป็นพักๆแล้วล่ะมั้งคะ
หลังกินอาหารเย็นด้วยกันเสร็จ มาซายะคุงก็พาไปเดินแถวชายหาด บริเวณเป็นกึ่งๆชายหาดส่วนตัวของโรงแรม และคนส่วนใหญ่ก็นั่งเรือไปที่เกาะแล้ว จึงมีคนอยู่ไม่มากนัก
บรรยากาศตอนนี้ดูสวยงามจริงๆเลยนะคะ คาบุรากิมาเห็นจะต้องนึกถึงกลอนรักแสนหลอนพวกนั้นแน่ๆ
"เธอคงลืมไปแล้ว" มาซายะคุงเริ่มต้นพูด เสียงของเขาเคร่งขรึม แต่ก็ดูเล็กๆน่ารักอย่างบอกไม่ไม่ถูก "ตอนนี้ฉันขอพูดอีกรอบแล้วกันนะ"
แววตาจริงจังปรากฏขึ้น มาซายะคุงหันมาหาฉัน
"ฉันรักเธอนะ"
“เอ๋!!!”
ฉันชะงัก มองอีกฝ่ายพักใหญ่กว่าจะเริ่มประมวลสิ่งที่เกิดขึ้นได้
หัวใจฉันแทบหยุดเต้น ลืมวิธีการพูดไปชั่วขณะราวกับปรับตัวรับมือกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ทัน
นี่เป็นโมเม้นต์ที่ฉันรอคอยมาโดยตลอดเลยนี่คะ คำสารภาพรักท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติค พระอาทิตย์ที่ใกล้ลาลับฟ้า เปล่งประกายแสงสีส้มสะท้อนผิวน้ำ เสียงคลื่นกระทบฝั่งแผ่วเบา พร้อมสายลมที่อบอุ่นหัวใจ
แต่ว่านะ...
ฉันมองมาซายะคุง อีกฝ่ายดูไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด เอาจริงงั้นหรอ...
"อือ ไม่ชอบหรอ..." มาซายะคุงพูดอย่างลนลาน "จริงๆอยากปิดโรงแรมแล้วให้มาบรรเลงออเคสตราอะไรแบบนี้นะ แต่เธอเคยบอกว่าให้สารภาพรักตรงๆไม่ใช่หรอ"
ฉันตกตะลึง บริบทคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูกยังไงไม่รู้นะคะ
ความน่ารักอบอุ่นของมาซายะคุงทำหัวใจฉันละลาย แต่ทว่าฉันได้ยิ้มฝืนๆกึ่งขอโทษให้อีกฝ่าย
นี่หรือเปล่านะความรู้สึกของท่านยูริเอะตอนเห็นน้องชายที่เอ็นดูมาหลงรัก...
"พี่มีคนที่ชอบแล้ว ขอโทษจริงๆนะ"
มาซายะคุงทำหน้าช็อกราวกับโลกจะถล่ม แล้วเค้นเสียงออกมา "ใครกัน"
พอฉันไม่ตอบ เขาก็ทำหน้าซึมจ๋อย ท่าทางเหมือนพยายามพูด แต่ก็พูดอะไรออกมาไม่ได้ พร้อมจะร้องไห้ตลอดเวลา ตากลมๆใสๆเผยแววเศร้าสร้อยออกมาชัดเจน เห็นแล้วอยากเข้าไปกอดปลอบเขาจริงๆ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็จะยิ่งไปกันใหญ่...