เหมือนโม่งแปลและพวกมึงรู้ว่ากูจะแต่งพาร์ทเอ็นโจกัน อะ เอาปัยยย ฟิคคนเขียนคิมิดอลพาร์ทเอ็นโจครึ่งแรก ครึ่งหลังมาพรุ่งนี้ กูนอนละบั๊ยย
ปล.ส่วนพาร์ทคาบุรากิยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ กูเขียนล้อตามไทม์ไลน์เรื่องหลักนะ
-----------------------------------------------
สุดท้ายก็ยังไม่กล้าขออีเมลของวาคาบะจังค่ะ เสียดายจัง ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ ทุกวันนี้ก็พยายามมองหาตลอดนะคะ แต่ไม่เจอสักครั้งเลย ดูเหมือนว่าจะหลีกเลี่ยงการมาทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารค่ะ แย่จังนะ... อ๊ะ!! โต๊ะตัวนั้นว่างนี่นา อยู่ใกล้ที่นั่งอภิสิทธิ์ของPivoineซะด้วย ทำเลทองเหมาะสำหรับส่องมาซายะคุงกับชูสุเกะคุง ลัคกี้~
“อืม... ไม่เห็นแฮะ”หลังจากกวาดตามองไปรอบๆก็ไม่พบทั้งสองคนอย่างที่หวังไว้ เพราะอย่างนี้หรือเปล่านะวันนี้จึงไม่มีแฟนคลับมานั่งเบียดกันจนโต๊ะไม่พอ แต่ยังไงสมาชิกPivoineก็หน้าตาดีๆกันทั้งนั้นเลยนะคะ เช่นสาวสวยที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ริมหน้าต่าง หนุ่มหล่อมาดเข้มทางนั้นที่นั่งพูดคุยกับเพื่อนอีกคนอย่างสนุกสนาน อาหารก็อร่อย วิวก็ดี รักโรงอาหารซุยรันที่สุดเลยค่ะ
“ขอร่วมโต๊ะด้วยได้ไหมคะ?”เพื่อนร่วมห้องหญิงคนหนึ่งปรากฏตัวพร้อมกับชุดอาหารอิตาเลี่ยนหน้าตาน่าทาน หวาๆ มีเมนูแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย จะตะล่อมหลอกถามชื่อเมนูได้ไหมนะ อยากลองทานบ้างจังเลย พรุ่งนี้ลองสั่งมาบ้างดีกว่า
“ด้วยความยินดีค่ะ”ฉันคลี่ยิ้มพร้อมทั้งผายมือไปยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ ฉันเองก็เรียนจบไปตั้งนานแล้ว การปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมชั้นนี่น่าลำบากใจไม่น้อยเลยค่ะ ไม่รู้ว่าจะเข้ากับเด็กวัยรุ่นได้หรือเปล่ายิ่งเป็นคุณหนูลูกผู้ดียิ่งแล้วใหญ่ ถึงทางบ้านของเจ้าของร่างนี้จะไม่ได้เป็นเศรษฐีก็เถอะค่ะ แต่การเป็นลูกสาวเจ้าของสำนักพิมพ์ขนาดกลางก็ต้องวางตัวให้ดีสินะคะ
“...”เธอจัดแจงวางถาดอาหารลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบาและไม่ยอมละสายตาออกจากฉัน เอ๋?? นี่ทำพลาดอะไรไปหรือเปล่านะ หรือว่าเมื่อกี้ไม่ควรผายมือแต่ควรจะลุกขึ้นเชิญแล้วนั่งลงพร้อมกัน? เมื่อเห็นฉันลุกลี้ลุกลนเธอก็นั่งลงทางด้านซ้ายมือในมุมที่มองเห็นหนุ่มหล่อคนที่ฉันแอบมองอยู่
“...สง่างามดีนะคะ”เธอพูดด้วยน้ำเสียงเคลิ้มฝันพลางจ้องมองไปยังหนุ่มหล่อคนเดิม
“เอ๊ะ...? ค่ะ สง่างามจริงๆค่ะ”พูดถึงหนุ่มหล่อคนนั้นใช่ไหมนะ คงต้องไหลตามน้ำไปก่อนล่ะค่ะ
“เป็นแฟนคลับของท่านคาบุรากิเหรอคะ?”อ๋อ... ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง
“ท่านคาบุรากิน่าชื่นชมอยู่ก็จริง แต่ฉันชื่นชอบท่านเอ็นโจมากกว่าค่ะ”ใช่แล้วค่ะ มาซายะคุงน่ะเป็นพระเอกของเรื่อง แต่ถ้าเป็นลูกรักของฉันแล้วล่ะก็ต้องเป็นชูสุเกะคุงอย่างแน่นอน การแสดงออกที่นุ่มนวลและคำพูดอ่อนหวาน เส้นผมสีน้ำผึ้งที่เข้ากับรอยยิ้มดุจเจ้าชาย เป็นชายหนุ่มในอุดมคติที่ไม่อาจละสายตาได้ นี่แหละค่ะพลังของตัวละครที่มีคะแนนนิยมอันดับหนึ่ง
“ดิฉันอยู่ฝั่งท่านคาบุรากิค่ะ”ก็แหม... พระเอกผู้รูปโฉมงดงามและเพรียบพร้อมไปด้วยความสามารถก็ต้องมีแฟนคลับเป็นธรรมดาสินะคะ
“ค่ะ”ฉันตอบรับสั้นๆ ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร
“แล้วทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะคะ?”เธอจ้องมองมาที่ฉันอีกครั้งด้วยสายตาสงสัย
“เอ๋...??”นี่ฉันทำอะไรผิดไปจริงๆเหรอคะ?
“นั่งฝั่งนี้จะมองไม่เห็นใบหน้าท่านเอ็นโจนะคะ ถ้าอยากมองชัดๆควรจะนั่งฝั่งนั้น...”เธอเริ่มขยายความ
“หือ...?”
“ก็ทั้งสองท่านนั่งอยู่ตรงนั้น ท่านเอ็นโจหันหลังให้ตรงนี้ ยังไงตรงนี้ก็ไม่ใช่ทำเลที่ดีของคุณไม่ใช่เหรอคะ?”นั่นสินะคะ... เอ๊ะ!? ตรงนั้นคือชูสุเกะคุงกับมาซายะคุงงั้นเหรอ ฉันก็มองหาแต่ผมสีน้ำผึ้งจนไม่ได้สนใจผมสีดำแม้แต่น้อย พอมองดูดีๆแล้วหนุ่มหล่อตรงนั้นคือมาซายะคุงจริงๆด้วย!! ชูสุเกะคุงทำไมผมถึงกลายเป็นสีดำล่ะคะ!?
“อะ... อ้อ นานๆทีก็เปลี่ยนบรรยากาศนิดหน่อยน่ะค่ะ”แหม... ‘ชายหนุ่มในอุดมคติที่ไม่อาจละสายตาได้’เผลอละสายตาไปซะแล้วค่ะ
“...อย่างนั้นเหรอคะ”เธอละสายตาออกจากฉันแล้วเริ่มหยิบช้อนส้อมขึ้นมา อ๊ะ!! จังหวะนี้แหละ!!
“น่าทานจังเลยนะคะ ไม่ทราบว่า...”
“พ่อครัวที่นี่เชี่ยวชาญอาหารอิตาเลี่ยนมากค่ะ Pasta primaveraจานนี้ก็เยี่ยมยอดมาก ขอแนะนำเลยค่ะ”
“ไว้วันหลังจะลองทานบ้างนะคะ”สำเร็จ!!
------------------------------
มึง กูแนะนำให้กูเกิ้ลหารูปดู มันน่ากินมากกกกกกกกกกก