“พวกเขาเฝ้ามองพวกเรา ผมเองก็อยากเป็นแบบพวกเขา แต่คงทำได้แค่เสแสร้งเป็นพระเจ้าแล้วเฝ้ามองมวลมนุษย์รอบตัว เช่นว่ามนุษย์คนนั้นเขาแอบมีความลับอะไรที่น่ากลัวๆบ้าง แต่ผมเองก็รู้ไม่ทั้งหมดหรอก แต่ผมว่าพระผู้เป็นเจ้าและเจ้าตัวคงรู้อยู่แก่ใจว่า…’ทำอะไรลงไป’ น่ะครับ “จู่ๆน้ำเสียงนิ่งๆก็มาเข้มเน้นตรง ’ทำอะไรลงไป’ ทำเอาขนลุกไปทั้งตัวเลยวุ๋ย…แต่ว่าเรื่องพวกนี้…มันคุ้นๆ “และที่สำคัญเลย ผมว่าพระผู้เป็นเจ้าคงกำลังเฝ้ามองพวกเราอยู่แน่ครับ อยู่ในที่ไหนซักแห่งระหว่างที่เรากำลังคุยกันอยู่ ก็ช่วยไม่ได้นะ ขอให้โชคดีนะครับ”
เอ็นโจเดินจากไปปล่อยให้ฉันงวยงงเพียงลำพัง…ไม่เข้าใจเลยวุ๋ย
“โอ๊ะ ไปได้เสียที” จู่ๆลูคุงก็โผล่มาจากทางด้านหลังฉัน เล่นเอาสะดุ้งเลย
“ลูคุงเองเหรอ…อย่าโผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้สิ”
“ก็นะ แต่ว่าคุณนี่โชคร้ายจังนะครับ”
“หืม?”
“เตะบอลอัดจักรพรรดินี โดนผู้หญิงทั้งโรงเรียนแบน โดนพวกผู้ชายกลั่นแกล้ง โดนจักรพรรดิข่มขู่หมายเอาชีวิตหากทำให้รักของเขาไม่สมหวัง แล้วยังโดนลอยแพให้งงเล่นจากองค์ชายอีก…รู้อะไรไหมครับ คาบ 4 ของคุณน่ะเป็นวิชาภาษาอังกฤษเลยนะ”
“ภาษาอังกฤษ…สอบเก็บคะแนนวันนี้นี่หว่า!?” บ้าเอ๊ย หวังว่าคงจะทันนะ ฉันหันไปทางอาคารเรียนและตั้งท่าพร้อมจะวิ่งออกไป แต่ลูคุงก็มาหยุดฉันไว้
“ไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วครับ เพราะมันหมดคาบไปแล้ว…เหมือนโดนจัดฉากนะครับ”
“หมายความว่ายังไง…”
“คุณถูกจักรพรรดิกระทำการรุนแรงจนสติแตกขาดไป 3 คาบและยังถูกองค์ชายลากตัวมาไกลจนขาดสอบเก็บคะแนน ต่อให้เป็นสอบย่อยก็เถอะ…เท่ากับว่าคุณขาดไป 4 คาบรวมของเก่าก็ 6 คาบพอดี…”
“ 6 คาบ…อะ!?” ถ้าขาดเกิน 5 คาบจะถูกตัดสิทธิ์ในการเป็นตัวจริง…ไม่จริงน่า แล้วความพยายามที่ผ่านของฉันล่ะ…
“รู้แล้วสินะครับ…ว่าคุณถูกถอดชื่อออกจากการเป็นตัวจริงแล้ว กฎชมรมเคร่งยิ่งกว่ากฏโรงเรียนซะอีก คนเคยดื่มเหล้าก่อนวัยอันควรอย่างคุณคงรู้ดีนะ…หรือไม่ล่ะ?”
“…”
“เอาเป็นว่าผมมาเพื่อทักทายเล็กน้อยแล้วกัน…ยังไงก็ตาม…ผมยังรอคุณที่ห้องของเรานะ สมาชิกสภานักเรียนใต้ดินคนที่ 12 ของผม ผมรอคุณได้เสมอ…แล้วเราจะขยี้เจ้าพวก Pivoine ไปด้วยกัน”
สุดท้ายก็เอาจนได้…หลังจากแยกทางกับลูคุงฉันก็เล่นตรงดิ่งมาหาคิโชวอินเลย…ฉันไม่มีอารมณ์จะเรียนคาบบ่ายแล้ว…พอไปถึง คุณทาคาเทรุไม่อยู่ คงไปหาอะไรทาน ทำให้ทั้งห้องมีเพียงฉันกับคิโชวอินที่นอนอยู่บนเตียง
ฉันไปเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันแล้วนั่งลงตรงที่ประจำ….เทพเกศาบันดาลรักเหรอ?
“…ขอร้องให้คิโชว ไม่สิ….ขอให้เรย์กะจังฟื้นขึ้นแล้วทำให้รักของพวกเราทุกคนสมปรารถนาด้วยเทอญ ถ้าหากสมปรารถนาแล้วจะถวายเค้กให้ทุกวันไม่ขาดเลย”
ฉันหยิบผมม้วนเกลียวนั้นใส่มือ พนมมือแล้วสวดไอ้บทข้างต้นซ้ำ 4-5 รอบ คิโชวอินก็ยังนิ่งไม่ไหวติง…นี่ฉันทำบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย…ลองเปลี่ยนบทใหม่ดีกว่า
“เฮ้อ…เรย์กะจัง เทพเกศาผู้ยิ่งยง หากฟื้นขึ้นมาละจะเลี้ยงด้วยอาหาร 999 อย่างจากทั่วทุกมุมโลกเลย…”
“จริงเหรอ! โอ๊ยเจ็บ! ใครดึงผมฉันเนี่ย!? แล้วที่นี่ที่ไหนเนี่ยแล้วทำไมฉันถึง…”
ในขณะที่คิโชวอินกำลังนั่งงวยงงพร้อมตั้งคำถามกับทุกสิ่งรอบตัว ฉันได้แต่ตาค้าง สมองเบลอ…คนที่นอนเป็นผักมา 1 อาทิตย์จู่ๆก็พุ่งพรวดขึ้นมา หลังฉันท่องบทสวดเล่นๆเนี่ยนะ…โลกเราช่างวิปริตจริงๆ….
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบละตอนนี้