กูมาลองแต่งตามไอเดีย >>241
_______________________
นับตั้งแต่วันนั้นที่การปะทะกันของสามสาวสามก๊กจบสิ้นลง ด้วยการปรากฏตัวของคาบุรากิ มาซายะแห่ง Pivoine
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ดีถึงอำนาจของสโมสรสุรุ่ยสุร่ายในโรงเรียนแห่งนี้ แต่มันก็ยากที่จะยอมรับได้ เป็น Pivoine แล้วอย่างไรกันล่ะ!? นั่นมันเป็นการใช้อำนาจในทางที่ผิดไม่ใช่หรือไงกัน!? ด้วยฐานะของเขาที่เป็นถึงประธานสภานักเรียนแต่กลับไร้พลังใดๆในการจัดการปัญหาของเหล่านักเรียนด้วยกันเอง โดยเฉพาะการต่อกรกับ Pivoine ช่างน่าเจ็บใจนัก
ไร้อำนาจ ไร้คนเชื่อถือ ไร้คนหวั่นเกรง ตำแหน่งนี้แม้จะได้มาด้วยการลงคะแนนเสียงของนักเรียนทุกคน แต่นี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับไม้ประดับไม่ใช่หรือ?...
มิซึซากิ อาริมะนั่งครุ่นคิดอยู่ที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งภายในห้องสภานักเรียนที่ไร้ผู้คนอย่างเคร่งเครียด
ตั้งแต่วันนั้นหลังจากไล่รุ่นน้องขาใหญ่ประจำชั้นม.4ออกไปหนึ่งก๊กแล้ว ตัวเขาก็ไร้บทบาทอีกเลยยันปิดเทอม ไม่ซิ ต้องเรียกว่ามีบทแค่ตอนนั้นตอนเดียวด้วยซ้ำ ไอ้ตอนที่นักเรียนแทบทุกคนในโรงเรียนมุงคิโชวอินกันที่ล็อกเกอร์ตอนเกิดเหตุ ตัวเขาหายไปไหน ทำไมไม่มีบท กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่รู้...
...วิกฤติแล้ว ตำแหน่งเก้าอี้นี่กำลังสั่นครอนไม่ใช่หรือไงกัน ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปมันคงจะไม่ดีแน่ หลังจากนี้ไปจะมีใครไว้หน้าสภานักเรียนอีก ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ต้องทำอะไรแล้ว...
ถึงจะบอกแบบนั้น แต่เขาก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอดปิดเทอมก็ยังไม่กระจ่างแจ้งว่าทำเช่นไรดี ที่ผ่านมาเขาวางตัวเป็นกลาง ไม่แบ่งแยกฝักฝ่าย เป็นผู้ผดุงคุณธรรม ความถูกต้องและความเสมอภาคเท่าเทียมอย่างที่ถูกที่ควรจะเป็น เพียงแค่นั้นมันยังไม่พออีกอย่างงั้นหรือ?
ระหว่างที่คิดอยู่นั้น หนึ่งในสมาชิกสภานักเรียนก็เดินเข้ามาในห้องอย่างเร่งรีบรายงานว่าวันนี้คาบุรากิ มาซายะยังทำตัวแปลกประหลาด แต่งกายผิดระเบียบเช่นเดิม
ยังไม่หายอีกเรอะ... นี่ก็เป็นอีกปัญหาที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน
ก่อนหน้านั้นในวันที่มีเมฆครึ้มเหนือโรงเรียน ก็มีเอ็นโจ ชูสุเกะที่อยู่ๆก็ทำท่าทีเปลี่ยนไป วันนั้นมีคนเข้ามาร้องห่มร้องไห้แจ้งเหตุขอความช่วยเหลือจากสภากันใหญ่ ...เรื่องแบบนั้นใครจะไปจัดการได้
แต่มิซึซากิก็รับคำร้องอย่างปล่อยเสียไม่ได้ ถึงอย่างไรความสงบสุขของนักเรียนทุกคนในโรงเรียนก็ต้องมาก่อนอยู่แล้ว แต่วันต่อมาเอ็นโจก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แถมท่าทางเซื่องซึมไปไม่ใช่น้อย มิซึซากิไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองจึงไม่แน่ใจนักว่าไอ้ "ท่าทีเปลี่ยนไป" นั้นเป็นอย่างไร แต่ในเมื่อกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว ก็แสดงว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
... แต่ใครจะไปคาดคิดว่าไอ้ "ท่าทีเปลี่ยนไป" นั้นจะกลับกลายมาลงที่คาบุรากิ มาซายะแทนซะได้
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน... ปาเข้าไปสามวันแล้ว ยังไม่มีท่าทีจะคลี่คลายแต่อย่างใด
จากการสืบสวนก็ไม่มีข้อมูลอะไรเป็นประโยชน์สักอย่าง เหล่าอาสาสมัครที่จะไปพูดคุยกับคาบุรากิ กลับจบลงด้วยการเป็นลมหมดสติไปเสียก่อน บางรายถึงกับมีเลือดกำเดาไหลพรากอย่างน่าสยดสยองนองพื้นทางเดิน
การจะส่งทาคามิจิเข้าไปพัวพันกับหมอนั่นน่าจะเป็นอันตรายร้ายแรงยิ่งกว่าปกติ ด้วยเหตุนี้มิซึซากิจึงจำต้องลงมือสืบสวนด้วยตัวเอง แต่ก่อนจะไปถึงตัวการหลัก การไปพูดคุยกับเพื่อนสนิทของเขาก่อนน่าจะดีกว่า มิซึซากิจึงไปพบเอ็นโจ