Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับกองเรือรบสยบคาน ประจัญบาน​พิชิต​ใจ​เธอ! [ศึกรักที่ 13]

Last posted

Total of 1000 posts

378 Nameless Fanboi Posted ID:Mo2CwxxjX

คันตะคุง ต่อจาก https://fanboi.ch/webnovel/3856/209/

-----------------------------------------------------------
แย่แล้ว...แย่แล้ว….
นับว่าเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ในชีวิตนับจากวันที่จบซุยรันมาเลยทีเดียวค่ะ
พอคิดแล้ว ก็อยากจะเขกหัวตัวเองที่หาเรื่องเข้าใส่ตัว

อ่าา อาจจะเกิดจากการที่ฉันปล่อยใจไปตามสบายรึเปล่านะ
เพราะหลังจากที่ทราบข่าวว่าวาคาบะจังกับคาบุรากิ
ได้หมั้นหมายกันอย่างเป็นทางการแล้ว
โดยที่ฉันและตระกูลคิโชวอินยังคงอยู่ดีมีสุข
ไม่ต้องตกระกำลำบากตามเนื้อเรื่องการ์ตูนคิมิดอล
ฉันจึงสามารถเรียนจบซุยรันได้อย่างราบรื่น
รวมถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาลอันมีชื่อได้

อันที่จริง ฉันก็เลือกที่จะเลื่อนชั้นไปมหาวิทยาลัยของซุยรันได้
แต่ฉันยังรู้สึกหวาดๆ ว่าถึงแม้ตระกูลคิโชวอินจะไม่ตกเป็นเป้าหมายการทำลายล้าง
ของคาบุรากิกับเอ็นโจ ก็ใช่ว่าธุรกิจและทรัพย์สมบัติของตระกูลคิโชวอิน
จะอยู่คอยคุ้มหัวฉันไปตลอดได้

ก็ในการ์ตูนบอกว่าบริษัทล้มละลายเพราะมีเรื่องฉ้อโกงในบริษัท
ถึงจะท่านพ่อจะไม่มีท่าทีคอรัปชั่นอะไร อีกทั้งท่านพี่ยังดูแลบริษัทได้เป็นอย่างดี

แต่กันเอาไว้ก็ดีกว่าแก้ ตอนที่ท่านแม่ทราบถึงเรื่องที่ฉันไม่เรียนต่อซุยรัน
ท่านก็ตกใจพอสมควร แต่ฉันได้เสนอว่าจะมหาวิทยาลัยที่จะสอบเข้า
เป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลที่มีชื่อเสียงและมีประวัติยาวนาน
ลูกคุณหนูบางตระกูลยังเลือกที่จะสอบเข้าที่นี่
รวมถึงมีความสัมพันธ์อันดีระดับหนึ่งกับเครือซุยรัน ท่านจึงพออะลุ่มอะล่วยให้ได้
ถึงมันจะต้องแลกกับการอ่านหนังสือแทบรากเลือกของฉันก็เถอะ
แต่ผลลัพท์เรียกได้ว่าดีเหลือแสน
ทั้งค่าเรียนที่ไม่แพงหูฉี่อย่างซุยรัน
และการได้พบปะผู้คนนอกเหนือจากตระกูลใหญ่ๆ อีก
ก็ฉันเรียนอยู่แต่ในซุยรันมาตั้งสิบสองปีเลยนี่นะ

อ่าาา ในที่สุด คิโชวอิน เรย์กะก็สามารถกินข้าวหน้าหมูทอดชามใหญ่ในโรงอาหารได้แล้วค่ะ!
ชุดอาหารมากปริมาณ คุณภาพเต็มปรี่ ในราคาสบายกระเป๋า!
ฉันคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ไม่ต้องวางมาดคุณหนูจ๋าแทบจะตลอดเวลาได้แล้ว
ทั้งยังสามารถอ้อนคุณพ่อกับท่านพี่ว่าขอมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
จนได้มาอยู่ในเพนท์เฮาส์กลางเมือง

เหมือนทุกอย่างจะดูไปได้สวย จนฉันได้รู้จัก “สมาคมศิษย์เก่าซุยรัน”
สมาคมศิษย์เก่าซุยรันที่จะจัดนัดพบปะศิษย์เก่าของซุยรันที่จบจากโรงเรียนไปแล้ว
หลักๆ ถึงแม้ว่าลูกหลานของตนจะจบไปแล้ว
แต่ก็ยังคงติดต่อสัมพันธ์กันในฐานะศิษย์เก่าของซุยรัน
โดยเฉพาะสมาชิก Pivoine อย่างฉัน จึงมีชื่อในสมาคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“น่ายินดีจริงๆ นะคะ ถึงแม้ว่าท่านเรย์กะจะไม่เรียนต่อในซุยรัน
แต่พวกเรายังมาพบปะกันได้ในฐานะซุยรัน”

ท่านโยโกะ อดีตประธาน Piovine และประธานสมาคมคนปัจจุบันเอ่ยทักทายฉันอย่างยินดี

“ฉันก็ดีใจเช่นกันค่ะ ที่ได้พบท่านโยโกะอีกครั้ง”

“จริงสิคะ เร็วๆ นี้จะมีงานปาร์ตี้เลี้ยงต้อนรับสมาชิกใหม่
ฉันได้ยินมาว่าท่านเรย์กะทำอาหารเก่งถึงขนาดทำอาหาร
ในงานฉลองวันเกิดของตระกูลเอ็นโจอยู่บ่อยๆ”

อ่าาา ถึงบอกว่าฉันทำ แต่ส่วนมากก็เป็นฝีมือคุณอาคิมิหรือวาคาบะจังทั้งนั้น
อ๊ะ ไม่ใช่ว่าให้ทั้งสองคนทำหมดนะ ช่วงหลังๆ มา ฉันเองก็เริ่มทำอะไรได้เยอะขึ้นเหมือนกัน
อย่างหุงข้าว หรือเรื่องการจัดแต่งจานก็เป็นฝีมือของฉัน

“ม...ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันเป็นเพียงแค่มือสมัครเล่น
งานระดับซุยรัน สู้ให้พ่อครัวมืออาชีพ…”

“อาหารฝีมือคุณคิโชวอินดีจริงๆ นะครับ ผมเองก็ได้ทานทุกปีเลย”

เสียงนุ่มของเอ็นโจแทรกขึ้นมาระหว่างฉันกับท่านโยโกะ
ไม่นะ เจ้าปิศาจ! จอมมาร! ฉันทำให้ยูกิโนะคุงต่างหาก!
และอีกหนึ่งอย่างที่ฉันคาดไม่ถึงก็คือเอ็นโจได้มาสอบเข้ามหาลัยที่เดียวกับฉัน
อุตส่าห์หนีออกมาแล้ว ฉันต้องเจอหน้านายไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย

“ขนาดท่านเอ็นโจยังรับรองแบบนี้
ฉันยิ่งอยากจะให้ศิษย์เก่าทุกท่านได้ลิ้มรสบ้างจังเลยค่ะ”

379 Nameless Fanboi Posted ID:Mo2CwxxjX

.
.
.

...ทำไมตอนนั้นฉันถึงไม่ออกปากคัดค้านให้เต็มที่มากกว่านี้นะ…
บางทีในใจลึกๆ ฉันอาจจะอยากทำอาหารก็ได้
เพราะมันเป็นการแสดงถึงความเป็นสาวน้อยอย่างหนึ่งที่ฉันคิดว่าทำได้ดี
คงเหมือนตอนเข้าชมรมงานฝีมือล่ะมั้ง

ฉันจึงไปเหมาซื้อหนังสือทำอาหารมาจำนวนหนึ่ง
และนั่งอ่านในคาเฟ่
อืมมม มีอะไรที่น่าสนใจบ้างนะ
ฉันไล่เปิดหนังสือไปเรื่อยๆ

“น้ำชาที่สั่งได้แล้วครับ...เฮ้ย โคโรเน่นี่!”

ฉันรีบหันไปตามเสียงตกใจ
ถึงจะพอรู้ว่าเป็นใครเพราะมีแค่คนเดียวที่เรียกฉันแบบนี้

“คันตะคุง!?”

น้องชายของวาคาบะจังนี่นา มาทำอะไรที่นี่เนี่ย หรือว่างานพิเศษ?
แต่จำได้ว่าคันตะคุงตอนนี้น่าจะอยู่ม.3 เพราะงั้นก็ไม่น่าจะ...

“นี่เป็นร้านญาติน่ะ บางทีก็มีมาช่วยงานที่ร้านน่ะ”

คันตะคุงเหมือนอ่านสีหน้าของฉันออก จึงตอบออกมา

“แล้วนี่คิดจะทำอาหารเรอะ...อย่างโคโรเน่เนี่ยนะ”

ฮึ่ม ยังขาดสัมมาคารวะไม่เปลี่ยนเลยนะคะ
แต่ฉันก็ไม่ได้ถือสาอะไร จะเรียกว่าชินแล้วก็คงไม่ใช่
คงเป็นเพราะรู้ว่าคันตะคุงมีนิสัยแบบนี้อยู่แล้วมากกว่า

“จริงสิ! คันตะคุงทำอาหารได้ใช่ไหม
ถ้ามาช่วยชิมกับติชมอาหารที่ฉันทำจะได้รึเปล่า”

เมื่อฉันเล่าสาเหตุที่ฉันมานั่งศึกษาตำราทำอาหารและขอความช่วยเหลือออกไป
แต่เขากลับเบ้ปาก

“หาา จะให้ฉันไปเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดการฆาตกรรมหมู่ของเธอหรือไง ไม่เอาด้วยหรอก”

เจ้าเด็กบ้าาาาาาาา บังอาจมาว่าการทำอาหารของฉันเป็นฆาตกรรมหมู่ได้ยังไงยะ!

“ไปขอให้พี่เค้าช่วยสิ ทั้งตอนทำอาหารเลี้ยงกับช็อกโกแลตที่ผ่านมา ก็ทำกับพี่ไม่ใช่เหรอ”

ครั้งนี้ฉันตั้งใจจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง หากไปขอร้องคุณอาคิมิหรือวาคาบะจัง
คงจะเข้าอีกหรอบเดิมว่าให้ฉันนั่งอยู่เฉยๆ
ถ้าหากเป็นเด็กอย่างคันตะคุงล่ะก็คงไม่คิดทำทุกอย่างคนเดียวแน่ๆ
ที่ฉันต้องการคือคนที่จะมาช่วยแนะนำวิธีแนวทางมากกว่าที่จะทำให้
ฉันออกปากขอร้องคันตะคุงอีกครั้ง
เหมือนว่าจะได้ผล เขาทำหน้าชั่งใจพักใหญ่ก่อนสีหน้าจะยอมอ่อนลงให้เล็กน้อย

“...ก็ได้ ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ช่วยพี่มาตลอดละกัน
แล้วถ้าปล่อยไปเฉยๆ เกิดมีคนตายขึ้นมา คงนอนไม่หลับแหง”

“ขอบใจมากนะ คันตะคุง!”
แต่ประโยคหลังไม่ต้องพูดออกมาก็ได้นะคะ

คันตะคุงเดินเข้าไปคุยคนที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์
บางทีอาจจะเป็นญาติที่เป็นเจ้าของร้านที่พูดถึงก็ได้
ทั้งสองคนคุยกันอยู่ชั่วครู่ ก่อนคันตะจะถอดผ้ากันเปื้อนที่เป็นยูนิฟอร์มของร้าน
และเดินกลับมานั่งที่โต๊ะของฉัน

“ขอดูหน่อยนะ”

คันตะคุงไล่ดูตำราที่ฉันซื้อมา ระหว่างนั้นก็ถามถึงรายละเอียดของปาร์ตี้
หลังจากมองดูปกผ่านๆ เขาก็เลือกหยิบออกมาหนึ่งเล่ม
และเริ่มอ่านคร่าวๆ

“อืม...ถ้าเป็นปาร์ตี้ลำลอง...ทำอาหารง่ายๆ แบบพอดีคำสไตล์ปาร์ตี้ค็อกเทลก็น่าจะดี
ของที่กรรมวิธีไม่เยอะและดูดีไปในตัว...ก็น่าจะเป็นอันนี้...ส่วนวัตถุดิบ...ก็”

เขาพูดพึมพำกับตัวเองพร้อมกับหยิบกระดาษโน้ตเขียนอะไรยุกยิกลงไปอย่างคล่องแคล่ว
ฉันได้แต่ตกตะลึงเล็กๆ ว่าเด็กท่าทางกวนโอ๊ยอย่างคันตะคุงก็มีสีหน้าจริงจังแบบนี้อยู่ด้วย

“...ก็ประมาณนี้”

เมื่อหยิบกระดาษโน้ตขึ้นอ่าน ในนั้นเขียนถึงวัตถุดิบและวิธีทำคร่าวๆ
แถมบางกรรมวิธียังวาดรูปกำกับเพื่อให้เข้าใจง่ายอีกด้วย

“สุดยอด! สมกับเป็นลุกชายร้านขนมเค้กเลย!”

“แค่เรื่องพื้นฐานน่า แล้วคิดจะเริ่มฝึกเมื่อไรล่ะ”

เมื่อได้วันที่ว่างตรงกันแล้วคือวันหยุดสุดสัปดาห์หน้า
ฉันจึงบอกจุดนัดพบเพื่อให้คนขับรถของฉันมารับคันตะคุง
พร้อมกับแลกเบอร์และเมล์ติดต่อไว้

“ห้ามบอกใครเด็ดขาดเรื่องที่ฉันให้คันตะคุงมาสอนนะ
โดยเฉพาะวาคาบะจัง เพราะไม่อยากให้เธอต้องเป็นห่วงน่ะ”

“ได้อยู่แล้ว ขืนไปบอกใคร แล้วเกิดมีใครตายเพราะอหารเธอขึ้นมา ฉันก็ซวยกันพอดี”

เอ๊ะ ทำไมปากคอเราะร้ายจังเลยล่ะคะ...

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.