Last posted
Total of 1000 posts
คันตะคุง ต่อจาก https://fanboi.ch/webnovel/3856/209/
-----------------------------------------------------------
แย่แล้ว...แย่แล้ว….
นับว่าเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ในชีวิตนับจากวันที่จบซุยรันมาเลยทีเดียวค่ะ
พอคิดแล้ว ก็อยากจะเขกหัวตัวเองที่หาเรื่องเข้าใส่ตัว
อ่าา อาจจะเกิดจากการที่ฉันปล่อยใจไปตามสบายรึเปล่านะ
เพราะหลังจากที่ทราบข่าวว่าวาคาบะจังกับคาบุรากิ
ได้หมั้นหมายกันอย่างเป็นทางการแล้ว
โดยที่ฉันและตระกูลคิโชวอินยังคงอยู่ดีมีสุข
ไม่ต้องตกระกำลำบากตามเนื้อเรื่องการ์ตูนคิมิดอล
ฉันจึงสามารถเรียนจบซุยรันได้อย่างราบรื่น
รวมถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาลอันมีชื่อได้
อันที่จริง ฉันก็เลือกที่จะเลื่อนชั้นไปมหาวิทยาลัยของซุยรันได้
แต่ฉันยังรู้สึกหวาดๆ ว่าถึงแม้ตระกูลคิโชวอินจะไม่ตกเป็นเป้าหมายการทำลายล้าง
ของคาบุรากิกับเอ็นโจ ก็ใช่ว่าธุรกิจและทรัพย์สมบัติของตระกูลคิโชวอิน
จะอยู่คอยคุ้มหัวฉันไปตลอดได้
ก็ในการ์ตูนบอกว่าบริษัทล้มละลายเพราะมีเรื่องฉ้อโกงในบริษัท
ถึงจะท่านพ่อจะไม่มีท่าทีคอรัปชั่นอะไร อีกทั้งท่านพี่ยังดูแลบริษัทได้เป็นอย่างดี
แต่กันเอาไว้ก็ดีกว่าแก้ ตอนที่ท่านแม่ทราบถึงเรื่องที่ฉันไม่เรียนต่อซุยรัน
ท่านก็ตกใจพอสมควร แต่ฉันได้เสนอว่าจะมหาวิทยาลัยที่จะสอบเข้า
เป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลที่มีชื่อเสียงและมีประวัติยาวนาน
ลูกคุณหนูบางตระกูลยังเลือกที่จะสอบเข้าที่นี่
รวมถึงมีความสัมพันธ์อันดีระดับหนึ่งกับเครือซุยรัน ท่านจึงพออะลุ่มอะล่วยให้ได้
ถึงมันจะต้องแลกกับการอ่านหนังสือแทบรากเลือกของฉันก็เถอะ
แต่ผลลัพท์เรียกได้ว่าดีเหลือแสน
ทั้งค่าเรียนที่ไม่แพงหูฉี่อย่างซุยรัน
และการได้พบปะผู้คนนอกเหนือจากตระกูลใหญ่ๆ อีก
ก็ฉันเรียนอยู่แต่ในซุยรันมาตั้งสิบสองปีเลยนี่นะ
อ่าาา ในที่สุด คิโชวอิน เรย์กะก็สามารถกินข้าวหน้าหมูทอดชามใหญ่ในโรงอาหารได้แล้วค่ะ!
ชุดอาหารมากปริมาณ คุณภาพเต็มปรี่ ในราคาสบายกระเป๋า!
ฉันคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ไม่ต้องวางมาดคุณหนูจ๋าแทบจะตลอดเวลาได้แล้ว
ทั้งยังสามารถอ้อนคุณพ่อกับท่านพี่ว่าขอมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
จนได้มาอยู่ในเพนท์เฮาส์กลางเมือง
เหมือนทุกอย่างจะดูไปได้สวย จนฉันได้รู้จัก “สมาคมศิษย์เก่าซุยรัน”
สมาคมศิษย์เก่าซุยรันที่จะจัดนัดพบปะศิษย์เก่าของซุยรันที่จบจากโรงเรียนไปแล้ว
หลักๆ ถึงแม้ว่าลูกหลานของตนจะจบไปแล้ว
แต่ก็ยังคงติดต่อสัมพันธ์กันในฐานะศิษย์เก่าของซุยรัน
โดยเฉพาะสมาชิก Pivoine อย่างฉัน จึงมีชื่อในสมาคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“น่ายินดีจริงๆ นะคะ ถึงแม้ว่าท่านเรย์กะจะไม่เรียนต่อในซุยรัน
แต่พวกเรายังมาพบปะกันได้ในฐานะซุยรัน”
ท่านโยโกะ อดีตประธาน Piovine และประธานสมาคมคนปัจจุบันเอ่ยทักทายฉันอย่างยินดี
“ฉันก็ดีใจเช่นกันค่ะ ที่ได้พบท่านโยโกะอีกครั้ง”
“จริงสิคะ เร็วๆ นี้จะมีงานปาร์ตี้เลี้ยงต้อนรับสมาชิกใหม่
ฉันได้ยินมาว่าท่านเรย์กะทำอาหารเก่งถึงขนาดทำอาหาร
ในงานฉลองวันเกิดของตระกูลเอ็นโจอยู่บ่อยๆ”
อ่าาา ถึงบอกว่าฉันทำ แต่ส่วนมากก็เป็นฝีมือคุณอาคิมิหรือวาคาบะจังทั้งนั้น
อ๊ะ ไม่ใช่ว่าให้ทั้งสองคนทำหมดนะ ช่วงหลังๆ มา ฉันเองก็เริ่มทำอะไรได้เยอะขึ้นเหมือนกัน
อย่างหุงข้าว หรือเรื่องการจัดแต่งจานก็เป็นฝีมือของฉัน
“ม...ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันเป็นเพียงแค่มือสมัครเล่น
งานระดับซุยรัน สู้ให้พ่อครัวมืออาชีพ…”
“อาหารฝีมือคุณคิโชวอินดีจริงๆ นะครับ ผมเองก็ได้ทานทุกปีเลย”
เสียงนุ่มของเอ็นโจแทรกขึ้นมาระหว่างฉันกับท่านโยโกะ
ไม่นะ เจ้าปิศาจ! จอมมาร! ฉันทำให้ยูกิโนะคุงต่างหาก!
และอีกหนึ่งอย่างที่ฉันคาดไม่ถึงก็คือเอ็นโจได้มาสอบเข้ามหาลัยที่เดียวกับฉัน
อุตส่าห์หนีออกมาแล้ว ฉันต้องเจอหน้านายไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย
“ขนาดท่านเอ็นโจยังรับรองแบบนี้
ฉันยิ่งอยากจะให้ศิษย์เก่าทุกท่านได้ลิ้มรสบ้างจังเลยค่ะ”
.
.
.
...ทำไมตอนนั้นฉันถึงไม่ออกปากคัดค้านให้เต็มที่มากกว่านี้นะ…
บางทีในใจลึกๆ ฉันอาจจะอยากทำอาหารก็ได้
เพราะมันเป็นการแสดงถึงความเป็นสาวน้อยอย่างหนึ่งที่ฉันคิดว่าทำได้ดี
คงเหมือนตอนเข้าชมรมงานฝีมือล่ะมั้ง
ฉันจึงไปเหมาซื้อหนังสือทำอาหารมาจำนวนหนึ่ง
และนั่งอ่านในคาเฟ่
อืมมม มีอะไรที่น่าสนใจบ้างนะ
ฉันไล่เปิดหนังสือไปเรื่อยๆ
“น้ำชาที่สั่งได้แล้วครับ...เฮ้ย โคโรเน่นี่!”
ฉันรีบหันไปตามเสียงตกใจ
ถึงจะพอรู้ว่าเป็นใครเพราะมีแค่คนเดียวที่เรียกฉันแบบนี้
“คันตะคุง!?”
น้องชายของวาคาบะจังนี่นา มาทำอะไรที่นี่เนี่ย หรือว่างานพิเศษ?
แต่จำได้ว่าคันตะคุงตอนนี้น่าจะอยู่ม.3 เพราะงั้นก็ไม่น่าจะ...
“นี่เป็นร้านญาติน่ะ บางทีก็มีมาช่วยงานที่ร้านน่ะ”
คันตะคุงเหมือนอ่านสีหน้าของฉันออก จึงตอบออกมา
“แล้วนี่คิดจะทำอาหารเรอะ...อย่างโคโรเน่เนี่ยนะ”
ฮึ่ม ยังขาดสัมมาคารวะไม่เปลี่ยนเลยนะคะ
แต่ฉันก็ไม่ได้ถือสาอะไร จะเรียกว่าชินแล้วก็คงไม่ใช่
คงเป็นเพราะรู้ว่าคันตะคุงมีนิสัยแบบนี้อยู่แล้วมากกว่า
“จริงสิ! คันตะคุงทำอาหารได้ใช่ไหม
ถ้ามาช่วยชิมกับติชมอาหารที่ฉันทำจะได้รึเปล่า”
เมื่อฉันเล่าสาเหตุที่ฉันมานั่งศึกษาตำราทำอาหารและขอความช่วยเหลือออกไป
แต่เขากลับเบ้ปาก
“หาา จะให้ฉันไปเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดการฆาตกรรมหมู่ของเธอหรือไง ไม่เอาด้วยหรอก”
เจ้าเด็กบ้าาาาาาาา บังอาจมาว่าการทำอาหารของฉันเป็นฆาตกรรมหมู่ได้ยังไงยะ!
“ไปขอให้พี่เค้าช่วยสิ ทั้งตอนทำอาหารเลี้ยงกับช็อกโกแลตที่ผ่านมา ก็ทำกับพี่ไม่ใช่เหรอ”
ครั้งนี้ฉันตั้งใจจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง หากไปขอร้องคุณอาคิมิหรือวาคาบะจัง
คงจะเข้าอีกหรอบเดิมว่าให้ฉันนั่งอยู่เฉยๆ
ถ้าหากเป็นเด็กอย่างคันตะคุงล่ะก็คงไม่คิดทำทุกอย่างคนเดียวแน่ๆ
ที่ฉันต้องการคือคนที่จะมาช่วยแนะนำวิธีแนวทางมากกว่าที่จะทำให้
ฉันออกปากขอร้องคันตะคุงอีกครั้ง
เหมือนว่าจะได้ผล เขาทำหน้าชั่งใจพักใหญ่ก่อนสีหน้าจะยอมอ่อนลงให้เล็กน้อย
“...ก็ได้ ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ช่วยพี่มาตลอดละกัน
แล้วถ้าปล่อยไปเฉยๆ เกิดมีคนตายขึ้นมา คงนอนไม่หลับแหง”
“ขอบใจมากนะ คันตะคุง!”
แต่ประโยคหลังไม่ต้องพูดออกมาก็ได้นะคะ
คันตะคุงเดินเข้าไปคุยคนที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์
บางทีอาจจะเป็นญาติที่เป็นเจ้าของร้านที่พูดถึงก็ได้
ทั้งสองคนคุยกันอยู่ชั่วครู่ ก่อนคันตะจะถอดผ้ากันเปื้อนที่เป็นยูนิฟอร์มของร้าน
และเดินกลับมานั่งที่โต๊ะของฉัน
“ขอดูหน่อยนะ”
คันตะคุงไล่ดูตำราที่ฉันซื้อมา ระหว่างนั้นก็ถามถึงรายละเอียดของปาร์ตี้
หลังจากมองดูปกผ่านๆ เขาก็เลือกหยิบออกมาหนึ่งเล่ม
และเริ่มอ่านคร่าวๆ
“อืม...ถ้าเป็นปาร์ตี้ลำลอง...ทำอาหารง่ายๆ แบบพอดีคำสไตล์ปาร์ตี้ค็อกเทลก็น่าจะดี
ของที่กรรมวิธีไม่เยอะและดูดีไปในตัว...ก็น่าจะเป็นอันนี้...ส่วนวัตถุดิบ...ก็”
เขาพูดพึมพำกับตัวเองพร้อมกับหยิบกระดาษโน้ตเขียนอะไรยุกยิกลงไปอย่างคล่องแคล่ว
ฉันได้แต่ตกตะลึงเล็กๆ ว่าเด็กท่าทางกวนโอ๊ยอย่างคันตะคุงก็มีสีหน้าจริงจังแบบนี้อยู่ด้วย
“...ก็ประมาณนี้”
เมื่อหยิบกระดาษโน้ตขึ้นอ่าน ในนั้นเขียนถึงวัตถุดิบและวิธีทำคร่าวๆ
แถมบางกรรมวิธียังวาดรูปกำกับเพื่อให้เข้าใจง่ายอีกด้วย
“สุดยอด! สมกับเป็นลุกชายร้านขนมเค้กเลย!”
“แค่เรื่องพื้นฐานน่า แล้วคิดจะเริ่มฝึกเมื่อไรล่ะ”
เมื่อได้วันที่ว่างตรงกันแล้วคือวันหยุดสุดสัปดาห์หน้า
ฉันจึงบอกจุดนัดพบเพื่อให้คนขับรถของฉันมารับคันตะคุง
พร้อมกับแลกเบอร์และเมล์ติดต่อไว้
“ห้ามบอกใครเด็ดขาดเรื่องที่ฉันให้คันตะคุงมาสอนนะ
โดยเฉพาะวาคาบะจัง เพราะไม่อยากให้เธอต้องเป็นห่วงน่ะ”
“ได้อยู่แล้ว ขืนไปบอกใคร แล้วเกิดมีใครตายเพราะอหารเธอขึ้นมา ฉันก็ซวยกันพอดี”
เอ๊ะ ทำไมปากคอเราะร้ายจังเลยล่ะคะ...
อ่ออกกก ทำไมเขียนไปเขียนมา ไม่เหมือนกับที่คิดหว่า โม่งฟิคเป็นแบบนี้กันรึเปล่าวะ...
ว้ายยยยย คันตะคุ้งงงงงงงง //กรี้ดๆๆๆ
มีความเหมาะสมมาก พ่อบ้านใจกล้าถือกำเนิดขึ้นอีกรายแล้ว!!
ตามสัญญา ฟิคมโนซึรุฮานะ ใครรีเควต์มาจงมารับไป
อ่านแล้วรู้สึกฝืดๆหรือติดขัดก็ต้องขอโทษด้วยนะ เพิ่งเคยเขียนซึรุฮานะ
--------------------------------------------
ฉันชื่อซึรุฮานะ มากิ กำลังจะเข้าเรียนมัธยมต้นที่ซุยรันเป็นปีแรก โรงเรียนที่หรูหรา เก่าแก่ มีระดับ ชื่อเสียงเลื่องลือเป็นที่หมายปองลำดับต้นๆของบรรดาลูกคุณหนูทั้งหลาย ข้อสอบที่เขาว่ายากโหดหินฉันก็ผ่านมาได้สบายๆ ซุยรันก็ไม่เท่าไหร่นี่นะ
พวกกรรมการห้องมาแนะนำเกี่ยวกับกฎระเบียบมารยาททั้งหลายที่พึงกระทำอยู่ในโรงเรียนนี้ แล้วฉันก็ได้รู้ว่ามีชนชั้นที่อยู่เหนือนักเรียนทั่วไปอีกหนึ่งขั้น นั่นคือเหล่า Pivoine
คนกลุ่มนี้คือจุดสูงสุดของโรงเรียนที่ใครต่อใครพากันเทิดทูน จะเป็นสมาชิกได้ก็ต้องเข้าเรียนตั้งแต่ประถม มีชาติตระกูลที่ดี ดูจากอิทธิพลและความมั่งคั่งอีกหลายๆอย่าง เป็นชนชั้นที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ทุกอย่างในโรงเรียนนี้ หากทำให้ขุ่นเคืองใจก็อาจถูกกดดันให้ลาออกจากโรงเรียนเลยก็ได้
ฉันมองพวก Pivoine ที่มักจะไปทานข้าวกันในที่อภิสิทธิ์ของตัวเอง นั่งชูคอเชิดหน้า ภูมิใจกันเสียเต็มประดาที่ได้เข้าร่วมสมาคมนี่ ก็แค่กลุ่มที่รวบรวมคนงี่เง่าผลการเรียนห่วยแตกเอาไว้ไม่ใช่รึไง
พอคิดแบบนั้น สายตาฉันก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งเข้าให้พอดี
เขามีใบหน้าที่ดูหล่อเหลา ติดแต่จะเย็นชาเรียบเฉยไปสักหน่อย แม้กำลังพูดคุยกับเพื่อน แต่สีหน้าก็ไม่เปลี่ยนเลยสักนิด
ถ้าเขายิ้มจะดูดีแค่ไหนนะ
ดวงตาคมกริบนั่นตวัดมองมาที่ฉันราวกับจะรู้ว่าตัวเองถูกจ้องอยู่
วินาทีที่เราได้สบตา เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน ฉันรู้สึกได้ว่าช่องท้องกระตุกวาบ หัวใจเต้นปั่นป่วนควบคุมตัวเองแทบไม่ไหว
ตกหลุมรักเป็นอย่างนี้เองสินะ
.
.
.
ผู้ชายคนนั้นชื่อคาบุรากิ มาซายะ
เขาเป็นคนดังที่สุดในโรงเรียน ทายาทของตระกูลคาบุรากิ กลุ่มเงินทุนระดับโลกอันยิ่งใหญ่ เชื้อสายเก่าแก่สูงส่งเหลือประมาณ ดีเลิศไม่ด่างพร้อยในทุกด้าน ผลการเรียนเป็นที่หนึ่งของชั้นปี และเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม Pivoine ที่ฉันเห็นว่ามีแต่พวกงี่เง่า
ฉันจะยกเว้นเขาและเพื่อนเขาไว้ก็ได้ มีแต่สองคนนี้เท่านั้นนะ
เพื่อนของเขา เอ็นโจ ชูสุเกะ ก็มีคุณสมบัติไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา ผลการเรียน หรือชาติตระกูล ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนทำให้ทุกคนเรียกเขาว่าองค์ชาย เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของฉันหลงรักเขาหัวปักหัวปำ ทั้งที่ไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ
แต่ก็นะ ใครๆก็ชอบผู้ชายหล่อๆคุณสมบัติดีๆทั้งนั้นนี่นา
ส่วนชายที่ฉันตกหลุมรักถูกเรียกว่าจักรพรรดิ ยิ่งใหญ่สมฉายา มีกลุ่มคนจำนวนมากเป็นแฟนคลับเขา แม้กระทั่งผู้หญิงในระดับชั้นม.ปลายก็ยังแวะเวียนมาหา มาส่งจดหมายรักหรือของทำมือหวังให้จักรพรรดิทานฝีมือตัวเองบ้าง
แต่จักรพรรดิคนนั้นปฏิเสธทุกคนอย่างเท่าเทียมกันด้วยน้ำเสียงขวานผ่าซาก ไม่แม้แต่จะเหลือบแลมอง เฉยชากับผู้หญิงทุกคน ยกเว้นคนหนึ่ง นั่นคือท่านยูริเอะ
จากข้อมูลที่ได้มา ท่านคาบุรากิหลงรักท่านยูริเอะมานานแล้ว รอยยิ้มอ่อนโยนน้อยครั้งที่คนจะได้เห็นก็มอบให้ท่านยูริเอะแต่เพียงผู้เดียว
ฉันได้เห็นท่านยูริเอะก็อดที่จะเจ็บใจตัวเองไม่ได้ บนโลกเรามีผู้หญิงสมบูรณ์พร้อมขนาดนั้นด้วยเหรอ งดงามเหมือนเจ้าหญิง ชาติตระกูลสูงส่ง กริยามารยาทนุ่มนวลอ่อนหวาน
เหล่าแฟนคลับของท่านคาบุรากิที่จัดชั้นลำดับตัวเองอย่างเหนียวแน่น ห้ามไม่ให้คนมาทีหลังกรี๊ดออกนอกหน้าเกินหน้าเกินตา ก็ยังอยู่ใต้ท่านยูริเอะอยู่ดี ข้อนี้ทุกคนก็ยอมรับกันดีว่าสู้ท่านยูริเอะไม่ได้
แต่ถ้าฉันไปวนเวียนใกล้ชิดท่านคาบุรากิบ่อยๆ เขาก็อาจจะเผลอใจอ่อนหันมองฉันบ้างในซักวัน
ผู้หญิงที่อ่อนหวานมากเกินไปน่ะ มักจะจืดชืดเสมอ บางทีเขาอาจจะเบื่ออะไรแบบนี้ขึ้นมา ฉันก็ยังพอจะช่วยแก้เบื่อให้เขาได้นะ
คิดอย่างนั้น ฉันก็เลยพาตัวเองไปใกล้ๆท่านคาบุรากิ ชวนเขาพูดคุยบ้าง ถามนั่นถามนี่เกี่ยวกับตัวเขาบ้าง วันไหนที่ท่านเอ็นโจเดินด้วยกันก็จะเป็นโอกาสดีเพราะจะได้คุยเยอะกว่าปกติที่จะเป็นไปในลักษณะถามคำตอบคำ
สองคนนั้นเดินเข้าห้องสโมสรไป นักเรียนปกติที่ไม่มีสิทธิ์เข้าก็ต้องรออยู่ข้างนอก ถึงฉันจะใจกล้าแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าบุกเข้าไปในถิ่นของ Pivoine ที่อยู่กันให้เพียบหรอก
มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาจากทางเดิน สวนกับกลุ่มของฉันพอดี ฉันได้ยินชื่อเสียงเกี่ยวกับเธอคนนั้นมาเยอะพอสมควร แต่ยังไม่มีโอกาสได้พบซักที
ผู้หญิงคนนั้นชื่อคิโชวอิน เรย์กะ
ผมม้วนลอนที่เป็นเอกลักษณ์ ใบหน้าเหมือนตุ๊กตา กริยามารยาทนุ่มนวลอ่อนหวานสมเป็นคุณหนู เป็นเหมือนบอสฝั่งผู้หญิง แบบเดียวกับท่านคาบุรากิที่เป็นบอสฝั่งผู้ชาย
ฉันจ้องยัยคนนั้น เนี่ยนะ บอสฝั่งผู้หญิง ไม่เห็นจะมีรัศมีน่าเกรงขามตรงไหน
เหมือนจะรู้ว่าถูกฉันจ้อง เพราะคิโชวอิน เรย์กะก็หันมา มองอยู่แค่แว้บเดียวแล้วก็เดินต่อไปไม่สนใจ
เฮอะ ไม่สบอารมณ์เลย
ท่าทางแบบนั้น สูงส่งมาจากไหนมิทราบยะ
กลุ่มของฉันก็พูดถึงเรื่องนี้พอดี ดูเหมือนว่าคิโชวอิน เรย์กะ รู้จักกับท่านคาบุรากิมาตั้งแต่สมัยประถมแล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นอีกคนที่กระแซะเข้าใกล้ท่านคาบุรากิเหมือนกัน แถมยังภาษีดีกว่าตรงที่เป็น Pivoine ด้วยกัน ย่อมได้ใกล้ชิดมากกว่าอยู่แล้ว
พอได้รู้แบบนี้ก็ยิ่งไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่
.
.
.
วันเวลาผ่านไป ทางฉันไม่มีอะไรคืบหน้ากับจักรพรรดิ แต่ก็ได้ข่าวว่าคิโชวอิน เรย์กะก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเหมือนกัน จะนับว่าเสมอกันได้สินะ
งานกีฬาสีที่มาถึง ฉันตั้งใจว่าจะแสดงฝีมือให้ท่านคาบุรากิเห็นความมุ่งมั่นพยายามของฉันสักหน่อย แต่กลับต้องมาสะดุดเพราะยัยผู้หญิงไม่ได้เรื่องคนหนึ่งในห้อง รู้สึกจะชื่อโมชิดะล่ะมั้ง
ทั้งที่ทุกคนพยายามซ้อมกันแทบตาย ยัยนั่นก็ทำพังภายในไม่กี่วินาที ต้องตกรอบไปแบบอภัยให้ไม่ได้เลยล่ะ แถมพอวิ่งสามขาก็พาคู่วิ่งที่เป็นเพื่อนของฉันล้มไปด้วยอีก พอคิดขึ้นมาทีไรก็หงุดหงิดทุกที
ตอนนี้ทั้งห้องไม่มีใครคุยกับยัยนั่นเลย สมน้ำหน้า
แต่ไม่นานนัก ฉันก็ได้เห็นคิโชวอิน เรย์กะเอ่ยทักทายยัยโมชิดะนั่นแบบสนิทสนม
คิโชวอิน เรย์กะคนนั้นเนี่ยนะ
ผู้หญิงที่อยู่ในจุดสูงสุดของโรงเรียน เกิดนึกอยากชะโงกหน้ามองปากเหวรึยังไง ถึงได้ลดตัวลงมาพูดคุยกับยัยโมชิดะที่อยู่ในสถานะต่ำสุด ช่างดูเหลือเชื่อ
ได้ข่าวมาว่ายัยโมชิดะช่วยทำแผลให้คิโชวอินในห้องพยาบาลก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นให้พูดคุยสินะ
ก็รู้จักเข้าหา ประจบประแจงคนมีอำนาจเป็นเหมือนกันนี่นา
หรืออีกนัยหนึ่ง คิโชวอิน เรย์กะอยากจะหาเรื่องกัน รู้ทั้งรู้ว่าตอนนี้ฉันเกลียดขี้หน้ายัยโมชิดะอยู่ ก็เลยให้ความช่วยเหลือศัตรูเป็นการกวนประสาท แถมยังได้คะแนนชื่นชมจากคนรอบข้างให้ดูเป็นคนดีอีกต่างหาก น่าหมั่นไส้ชะมัด
ยัยนี่ นึกจะประกาศตัวเป็นศัตรูกับฉันแบบเต็มตัวอย่างนั้นเหรอ
ตอนที่นึกอยู่นั้น ฉันก็เดินสวนกับคิโชวอิน เรย์กะและกลุ่มผู้ติดตามเข้าให้พอดี
ฉันจ้องมอง และคิโชวอินคนนั้นก็มองตอบ เราเดินผ่านกันไปเงียบๆ ไม่ได้หยุดพูดคุยอะไรกัน
ถึงจะน่าเจ็บใจ แต่กลุ่มของยัยนั่นคือกลุ่มที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของม.หนึ่งในเวลานี้ ฉันยังเอาชนะไม่ได้ ทุกคนในกลุ่มก็รู้เรื่องนี้ ก็ได้แต่บ่นออกมา ฉันเลยปรามทุกคนให้ใจเย็นลง เอาเวลาไปสร้างเสริมกำลังพลจะดีกว่า หากฝ่ายนั้นต้องการมีเรื่องก็พร้อมรบเสมอ
คิโชวอิน เรย์กะ พออยู่เดี่ยวๆแล้วก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่ ที่น่ากลัวน่ะลูกสมุนมารายล้อมต่างหาก
ถึงจะมั่นใจในตัวเองแค่ไหน แต่แว้บหนึ่ง ฉันก็เกิดนึกขึ้นมา จะเอาชนะได้จริงๆน่ะเหรอ
เหนือสิ่งอื่นใด ฉันไม่เคยลืมแววตาที่เธอจ้องมองมาเลยสักนิด
ใบหน้าที่เหมือนตุ๊กตา ดูเฉยชาไร้อารมณ์แบบท่านคาบุรากิ มองลงมาจากที่สูง ราวกับจะบอกฉันว่าเธอน่ะไร้ความหมาย ไม่อยู่ในสายตา
ไม่มีค่าใดๆพอให้ใส่ใจหรือหันไปเหลือบแลเลยแม้แต่นิดเดียว
----------------------------------------------------------
จุดยากที่สุดในเรื่องนี้คือต้องเขียนชมคาบุรากินี่ล่ะ
ต้องไปดมกาวจากมุมมองคนอื่นที่ไม่ใช่ท่านเรย์กะถึงจะได้ซึมซับความหล่ออีตานี่มาแล้วเขียน
เอ๋... อันนี้กูยังอ่านไม่จบนะ แต่ขอถามก่อนกลัวลืม ซรึรุฮานะนี่ไม่ได้เรียนซุยรันมาตั้งแต่ประถมเหรอ?
>>386 ชื่อซึรุฮานะปรากฏครั้งแรกตอนแกล้งโมชิดะ ม.1 (ตอน53)
แต่กูก็คิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเรียนมาตั้งแต่ประถม จากตอนเดินทางไกล ม.1 (ตอน44) เรย์กะบอกว่า
"พอขึ้นชั้นมัธยม ไม่รู้ทำไมพวกเด็กผู้หญิงที่เริ่มกลายพันธ์เป็นสาวแกล ส่วนมากมักจะมีเซนส์ด้านการออกกำลังกายดี น่าอิจฉาจัง"
ก็น่าจะหมายถึง ซึรุฮานะ น่าจะเคยเจอะเจอกันบ้าง ตอนเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดา ก่อนเป็นสาวแกล
ไม่งั้นน่าจะกล่าวว่า "เด็กแกลที่เข้ามาใหม่" ไรงี้มากกว่าใช้ว่า "กลายพันธุ์"
>>389 กูดูจากตอนที่ 43 ที่พูดถึงนักเรียนสอบเข้ามาใหม่ แล้วก็ตอนที่ 46 น่ะ กลุ่มเด็กผู้หญิงที่เด่นสะดุดตากับเด็กผู้หญิงที่จ้องหน้าเรย์กะเขม็ง ซึ่งตอนนั้นก็มีแค่กลุ่มซึรุฮานะที่ท้าทายอำนาจเรย์กะอยู่กลุ่มเดียว กูก็คิดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นคือซึรุฮานะนั่นล่ะ ถ้ารู้จักกันมาก่อนอยู่แล้วตอนประถมก็น่าจะพูดถึงบ้างอะไรบ้าง ซึรุฮานะก็ไม่ต้องมาจ้องหน้าแบบนี้ และกูว่าซึรุฮานะนิสัยแรงๆร้ายๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่มาอีโวลูชั่นได้เพราะแค่เข้าม.ต้นหรอก คนแบบนี้มันเด่นจะตายไป เรย์กะก็น่าจะกล่าวถึงบ้างว่าพวกคุณซึรุฮานะไปตื๊อคาบุรากิตั้งแต่ประถมไม่เปลี่ยนเลย อะไรแบบนี้น่ะ
ฟิคซึรุฮานะ.. ถ้าเป็นนักเรียนนอกแสดงว่าต้องเรียนเก่งสินะ แต่ถ้านักเรียนตั้งแต่ประถม จะมาอยู่ๆเริ่มไม่เกรงกลัวเรย์กะได้หรอ มันแปลกๆอยู่นะ อ่อ
แต่กูชอบคำบรรยายตอนท้ายมาก ที่บอกสายตาที่มองมาเหมือนไม่มีค่าพอให้ใส่ใจ
แถมสัมผัสได้ถึงความลำเอียง ยูริเอะกับเรย์กะต่างกับแค่คนนึ่งดูอ่อนหวาน อีกคนดูน่าเกรงขามเองนะ นอกนั้นคุณสมบัติครบเป๊ะเหมือนกันออก
ฟิตคันตะคุงงง เอามาอีก ขอฉากฟินๆ ชอบความซึนของคันตะคุงง
ถ้าซึรุฮานะอยู่มาตั้งแต่ประถมคงมีความกลัวเกรงเรย์กะบ้างว่ะ พอขึ้นม.ต้นจะมาท้าทายอำนาจเจ้าแม่ทั้งๆที่รู้ว่ากลุ่มเรย์กะกับพวกโบตั๋นมีอิทธิพลขนาดไหนเนี่ยนะ มันเป็นไปได้เหรอ เกิดใจกล้าบ้าบิ่นมาจากไหน
กูว่าคงเข้ามาตั้งแต่ม.ต้นนั่นล่ะ ได้ยินว่าอีนี่เจ๋งเลยอยากลองของมั้ง
สปอยข้อมูลผลการเรียนของซึรุฮานะในดิบให้นิดๆ (นิดเดียวจริงๆ)
.
.
.
.
.
.
.
จริงๆซึรุฮานะเรียนเก่งนะ อย่างน้อยก็เก่งภาษาอังกฤษล่ะว่ะ กูว่าเรียนเก่งก็ต้องสอบเข้ามาได้นั่นล่ะ
.
.
.
.
.
>>384>>385 กูเอง คนแรกที่ขอฟิคซึรุเรย์กะจากมึง กูปริ่มมากกก จากที่รอมาเนิ่นนาน เรื่องตอนที่เรียนมาตั้งแต่ประถมหรืออะไรกูไม่รู้แต่ขอข้ามไปก่อน5555 วีี๊ดกัฟิคก่อนนะ ชอบมุมมองที่ซึรุฮานะมองเรย์กะอยู่นะ มันเหมือนแบบสูงส่งจนน่าหมั่นไส้อยากจะฉุดลงมา แต่อีกใจก็กลัวบารมีด้วยและสายตาที่มองมาทำให้รู้สึกว่าตัวเองอยู่ใต้ล่างไรงี้ แต่การบรรยายของมึงทำให้มองซึรุฮานะดีขึ้นมามาก คือทุกอย่างมันดูมีเหตุผลถึงจะเป็นเหตุผลที่สมควรหรือไม่ก็ตามไรงี้5555 คือถ้าอ่านจากมุมท่านเรย์กะจะรู้สึกว่าเป็นสาวแกลนิสัยเสีย จอมหาเรื่อง งี่เง่า ไม่มีเหตุผล แต่มึงเขียนได้รู้สึกว่า เออ ไม่เลวร้ายเกินความเป็นจริงอยู่ในขั้นไม่แย่แต่ก็ไม่ได้ดีแบบคนทั่วๆไป กูเขียนมากไปปะวะ5555555 แต่อยากบอกให้รู้ว่าชอบที่ถ่ายทอดซึรุฮานะออกมาได้ดีมากๆ จากมุมนี้เรย์กะดูเย็นชาแอบน่าหมั่นไส้อยู่นิดๆนะ คงเป็นเพราะเรย์กะไม่ชอบขี้หน้าซึรุฮานะด้วยแหละจึงแสดงท่าทีแบบนี้ ปกติเรย์กะก็ยิ้มแย้มธรรมดา 5555 ความรู้สึกต่อตัวละครจะเปลี่ยนไปตามคนบรรยายจริงๆ
ปล อยากถามว่ามีต่่อไหม กูชอบมากเลยอ่ะ ค้างคามากถึงจะดูจะไม่มีอะไรให้ค้างก็เถอะ5555 อยากรู้ว่าจะทำยังไงต่อไป จะมีพัฒนาการอะไรต่อความสัมพันธ์ระหว่างท่านเรย์กะกับแม่สาวแกลคนนี้บ้าง และก็มุมมองที่มีต่อท่านเรย์กะจะดีขึ้นไหมอะไรงี้
ปลล มอบแด่โม่งฟิคซึรุฮานะ เขียนยาวไปถ้ามมึงรำคาญก็ขออภัยนะะ
อ่านฟิคซึรุฮานะจบแล้วคาใจ ถ้ามุมคนอื่นมองท่านเรย์กะหน้านิ่งไร้อารมณ์จริงๆ จอมมารที่อ่านใจได้ก็คงยอดมนุษย์เลยล่ะ
กูว่านางดูออกง่ายนะ โดยเฉพาะเรื่องกิน cr.ท่านอิมาริ 555
กูว่าต่อหน้าคนรุ่นเดียวกัน เรย์กะจะยิ้มๆ ใส่หน้ากากเหมือนท่านพี่นั่นแหละ แต่เป็นหน้ากากระดับต่ำ ไม่ปกปิดดวงตา พออยู่กับคนที่สนิทก็ยิ่งเปิดเผยมากขึ้น แสดงออกทางสีหน้ามาก(ท่านอิมาริก็เป็นคนที่เรย์กะสนิทด้วยนะ แถมเป็นเพื่อนท่านพี่คงไว้ใจพอสมควร)
กูชอบฟิคซึรุ เรย์กะ มันดูใช่อ่ะมึงงงงง
ถึงโม่งฟิคเกอิชา เรายังรอท่านอิมาริปรากฏตัวอยู่นะ
ทำไมวันนี้มันเงียบเหงาจังวะ ; w ;
แว้บเข้ามาดู มู้ไม่กระดิกเลยแฮะ
รีดนมวัวก็ไม่โดนขวิดนะ
(หรือเพราะเป็นสัตว์พาหนะของเจ้าแม่กาลี...)
กลับมาเจอพวกมึงทำร้ายเจ้าแม่อีกละนะ 55555555555555555555555555
โคกับเพชรพระอุมาปุ๊บ รู้สึกได้เลยว่าเรื่อยๆจนถึงบทบ้านพักคนชราแน่
แปลไทยมาละ ขอหวีดร้องหน่อย กูฟินวาคาบะเรย์กะมาก
โอ๊ยยย สาวๆมุ้งมิ้งกันนี่ดีต่อใจกูเหลือเกิ๊นนน ถ้าเรื่องนี้จบแบบยูริกูจะไม่ทักไม่ท้วงอะไรเลย วาคาบะกับเรย์กะพออยู่ด้วยกันแล้วน่ารักชิบ รู้ว่าใครส่งจดหมายมาจริงๆด้วยสิน้าาาาาาา ตายโล้วววววววว มีการแชร์ความลับด้วยการเอาข้าวต้มสมุนไพรให้กินด้วยเหมือนกัน น่ารักโว้ยยยย
คาบุมึงแอบสงสัยอยู่จริงๆด้วยสินะ แต่พอมาคิดกับได้เหล่าสาวน้อยมายืนยันก็เลยเลิกคิดว่าเรย์กะเป็นคนร้าย กูฮาตอนให้กรีดเลือดสาบานชิบหาย ของไม่ได้มีผลทางกฎหมายอะไรหรอก แต่ก็เสือกบ้าจี้ทำตามอีกแน่ะ ถถถถถ
กูฮาสปอยท้ายตอนยิ่งกว่า โธ่ ท่านอิมาริชีวิตโครต Re Zero ถูกท่านพี่รีเซ็ตชีวิตต้องกลับจุดเซฟตลอด น่าวงวาร ส่วนคำปฏิญาณท่านเรย์กะมันแตกโพละไปตั้งแต่ข้อสามแล้วค่ะ นี่คือตกหล่มไปทั้งตัวแล้วนะคะ ไหนว่าจะจางๆไม่ยุ่งเกี่ยวไงล่ะคะ ถถถถถถถถถถถถถถถถถถ
หวีดตอนใหม่~~ ขอบคุณโม่งแปลน้า
.
มึงงง ฮาโคคตรๆ5555555555
กูโคตรชอบ อ่านไปขำไปอุทานเชี่ยออกมาตลอด ตอนที่ท่านเรย์กะรู้ว่าวาคาบะจังรู้เรื่องแอบส่งจดหมายนี่โคตรจะล่ม ทำอะไรเค้าก็รู้หม้ดดดด สงสาร555555555
อีกช่วงที่ชอบคือคาบุรากิถูกชักชวนทำพันธะสัญญาแลกวิญญาณกับซาตา--- เรย์กะ มีการกรีดลงกรีดเลือด แค่เซ็นชื่อมันก็ระแวงไปเท่าไหร่ พอจะให้กรีดเลือดประทับตรานี่สะดุ้งเก็บมือเหมือนเด็กน้อย เอ็นดูววววว ไซซายะของบ่าว ท่านเรย์กะก็แกล้งนาง555555555555 ตอนสุดท้านมีมาโวยวายว่าหมึกกันน้ำนี่ยิ่งเอ็นดูววว
เพราะเป็นบากะรากิถึงบังคับให้เซ็นต์สัญญาปีศาจได้ ถ้าเปลี่ยนบากะเป็นจอมมาร ท่านเรย์กะคงเป็นฝ่ายโดนไล่ต้อนแทนแหงๆ
โม่งแปลอาริกาโตะมากนะตอนใหม่ ฮูเร้~!
กูขำ555555555555555555555ตอนนางบังคับคาบุเซนสัญญาเลือดอะ บ้าพอกันทั้งสองคน ไปว่าเขาเด็กอีกนะท่านเรย์กะ...ประทับลายนิ้วมือ โดยใช้หมึกกันน้ำที่ล้างมือไม่ออก 555555555555555 โว้ยย! คาบุต้องคิดว่าคิโชวอินนี่บริหารอย่างดาร์ค มืดมน น่ากลัว คดโกงแน่ๆเลยว่ะเจอลูกนี้ของเจ้าแม่ 5555555555555555555555555555555
ซึ้งใจกับมิตรภาพวาคาบะเรย์กะว่ะ สหายแท้เลยเน้อ ผูกพันอย่างเหนียวแน่นเข้าไว้ล่ะ! พอเจองี้ก็คิดถึงภูตจอมหงุดหงิดขึ้นมาทันที
สุดท้ายแล้วสืบคดีคือไม่เปิด CCTV หาจริงๆเหรอวะ ไม่เคลียร์เลย โถ่เจ้าแม่ของกูต้องมีมลทินไว้เคืองใจอีก /เกาพุง
สายสัมพันธ์สาวน้อยอันแข่งแกร่งของหัวหน้าห้องและอิวามุโระ!!! แถ่มแถ่มแท๊มมมมม~~ ซึ้งใจจริงๆ มีผองเพื่อนมาปกป้องเยอะแยะ เท่านี้ก็คุ้มค่าแล้วล่ะนะท่านเรย์กะ แต่ว่า ท่านเทพเกศาบันดาลรักนั่นมัสอะไรล่ะนั่น เพี้ยนกันทั้งโรงเรียนวุ้ย คุณหนูคุณชายทั้งหลายจริงๆมียีนความเพี้ยนฝังกะโหลกเรอะ...
ตอนล่าสุด พันธะสัญญาอะไรนักหนาเนี่ยท่านเรย์กะ กุหยุดขำไม่ได้แล้ว55555555555555555555555555555 คาบุรากิแม่งคงนึกว่าบ้านคิโชวอินฉ้อโกงทุจริตระดับชาติละมั้ง เอกสารเยอะแยะเหลือเกิน เป็นกุกุก็สงสัยอะ ท่านเรย์กะพูดล่อเป้าเหี้ยๆ ถ้าท่านพี่กับทานุกิได้ยินคงต้องหลั่งน้ำตา ที่บอกเชื่อใจจริงๆแล้วไม่ไว้ใจซักกะผีกเลยใช่ม้อย /ปาดน้ำตา
>>428 ถ้าเป็นเอ็นโจก็คงประมาณนี้มั้ง
ร: ท่านเอ็นโจคะ กรุณาลงนามในสัญญาฉบับนี้ด้วยค่ะ ว่าท่านเอ็นโจจะไม่เปิดโปงเหตุทุจริตของบ้านฉันจนล่มสลายเป็นอันขาด
อ: เห บ้านคุณคิโชวอินทำอะไรทุจริตไว้เหรอ น่าสงสัยจัง
ร: ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะ สาบานได้เลย
อ: นั่นสินะ ถ้าคุณคิโชวอินยืนยันเป็นมั่นเหมาะขนาดนั้นล่ะก็...แต่ว่านะ การลงนามในสัญญาที่ตัวเองไม่รู้อะไรเลยน่ะ มันออกจะเสียเปรียบอยู่นะ
ร: นะ...ในเวลานี้ฉันเป็นคนตั้งเงื่อนไขนะคะ ท่านเอ็นโจ ถ้าไม่ลงนามฉันก็จะไม่ให้ความร่วมมือใดๆทั้งสิ้นค่ะ
อ: เห น่ากลัวจัง กำลังข่มขู่ผมอยู่อย่างนั้นเหรอ งั้นก็แปลว่าบ้านคุณคิโชวอินทำอะไรไม่ดีอยู่จริงๆด้วยสินะ มันคืออะไรกันน้า
ร: ไม่มีหรอกค่ะ ไม่มีจริงๆนะคะ //เหงื่อแตก
อ: อ้าว เหงื่อโชกเชียว อากาศก็ไม่ร้อนซักหน่อยนี่นา คุณคิโชวอินดูมีพิรุธจังเลยนะ //ยิ้ม
ร: ไม่มีหรอกค่ะ เรื่องเมื่อครู่นี้ช่วยลืมๆไปซะเถอะนะคะ ถือซะว่าฉันไม่ได้พูดอะไรเลย //ทำหน้าเลิกลั่ก เตรียมตัวหนี
อ: เห คำพูดน่ะ พูดไปแล้วเอากลับคืนมาไม่ได้หรอกนะคุณคิโชวอิน //เดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ
ร: อุก...
อ: เงื่อนไขของคุณคิโชวอินคือห้ามผมเปิดโปงเรื่องทุจริตของบ้านคุณใช่มั้ย ได้สิ
ร: ถ้าอย่างนั้นก็เขียนชื่อตร...
อ: แต่ผมก็มีเงื่อนไขของผมเหมือนกัน จะทำสัญญาก็ต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เหรอ
ร: //ถอยกรูดไปข้างหลัง
อ: ดูทำหน้าเข้าสิ คุณคิโชวอิน มีอะไรต้องกลัวอย่างนั้นเหรอ ผมสัญญาว่าจะเก็บความลับก็คือเก็บความลับ แต่ถ้าคุณคิโชวอินไม่ลงนามในสัญญาเองก็ช่วยไม่ได้ ถ้าความลับนั้นอาจจะถูกเอาไปเผยแพร่ที่ไหนซักแห่ง ก็ไม่ได้มีสัญญาไว้นี่เนอะว่าห้ามพูด
ร: //คิดในในว่าพลาดแล้ว ไม่น่าเอาเรื่องนี้ไปต่อรองเลย
อ: เอาล่ะ มาทำสัญญากันเถอะคุณคิโชวอิน
------------
มุกตันละ ถถถถถถถถถถถถถ
โอ้ยยยตอนใหม่โคตรตลก 555555555555 กูชอบมาก เรือวาคาบะพุ่งอีกแล้วโว้ย คาบุท้ายตอนก็บ้าจี้ตามตลอด สองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วถึงไหนถึงกันเลยแฮะ
ตอนใหม่มาแล้ววว ดี๊ดี ฮาตอนพวกนางสองคนคุยกัน มีการทำสัญญาประทับตราเลือด ....เอิ่มเรย์กะไปพูดอย่างนั้นใคร ๆ เขาก็สังสัยนะ
ท่านเรย์กะกล้าเสนอให้คาบุรากิทำสัญญาเลือดแล้วยังมีหน้ามาคิดอีกเรอะว่าตัวเองไม่มีอิทธิพลอะไรเลย สมแล้วที่โดนเรียกว่าเจ้าแม่กาลี OTZ นี่คือมีภาคแบ่งร่างสินะ คิโชวอิน เรย์กะแบบพระอุมาเทวี กับคิโชวอินเรย์กะแบบเจ้าแม่กาลี
สัญญาเลือด บทสวดขับไล่ปีศาจ ลูกอมพีช เกลือ ....บางทีก็สงสัยนะว่าท่านเรย์กะไปรู้อะไรพวกนี้มายังไง ชีวิตทนทุกข์ขนาดต้องเปิดเน็ตหาบทขับไล่เลยมั้ย
เสริมจากโม่งแปลนิดหน่อยแล้วกัน เทพเกศาคือการเล่นคำของญี่ปุ่นคำว่า神(คามิ-เทพ)กับ髪(คามิ-ผม)
เวลาเรียกก็จะเรียกว่าคามิซามะ(ท่านเทพ) แต่อ่านว่าท่านผม(髪様) เป็นฉายาท่านเรย์กะที่ชอบที่สุดเลย โคตรฮา555555
ตกใจกับคาบุประเด็นเรียกมาเป็นที่ปรึกษาความรัก ตอนแรกบอกเผลอสงสัยไปแวบนึงแล้วมีคนอื่นมาช่วยพูด แค่นี้มีน้ำหนักขนาดนั้นแล้วหร๊อออ พอมาอีกวันถัดมาก็ให้เค้ามาเป็นที่ปรึกษาความรักแล้วอะ อะไรคือความชิลๆเบอร์นี้ห๊าาาาาา แล้วนี้ไปสืบหาตัวคนทำยังเนี่ย รู้สึกนางดูลอยชายซะเหลือเกิน /ทำหน้าเพลียใส่ นี่อ่านะบุคลิกที่บรรยายไว้ว่าเป็นคนจริงจัง จริงจังตรงไหนเนี่ยยยย
แต่ฮาสัญญาตราประทับเลือดของเรย์กะจริงงงง นี่เธอจะไปพูดให้จากไม่มีอะไรกลายเป็นน่าสงสัยสุดๆไปทำไม 555555555
แล้วประทับตราหมึกแดงด้วยหมึกกันน้ำ คือพังงงง แล้วไปว่าเค้าโวยวายอีกซะงั้น เป็นใครเวลามือเลอะหมึกแล้วล้างไม่ออกก็มีเงิบกันทั้งนั้น ก็ไม่ใช่เด็กอนุบาลแล้วนะเฮ้ย จะได้ปล่อยเลอะเทอะๆไปแบบดูน่ารักซุกซน ถถถถถ ถ้าทานุกิกับท่านพี่รู้นี่คงเข่าทรุด สรุปคือมโนไปจริงจังว่ายังไงก็มีสินะหล่อน ทำเหมือนเชื่อแล้วแต่จริงๆคือไม่ ถึงขั้นให้ทำสัญญาเลือด 5555 นี่มันยุคไหนแล้วเนี่ย แถมสัญญาเลือดคือไม่ดูเป็นธุรกิจเทาๆละ แลดูเป็นพิธีมนต์ดำไปแล้วมากกว่า หนักข้อมากจ้าาาาา สมเป็นเจ้าแม่กาลีผู้เสพภักษาหารเป็นโลหิต จะเอาไปกินสินะ.....
..... ตอนใหม่นี่ดีงามมาก สาวๆ นี่โคตรน่ารัก กูนิละเลียดอ่านด้วยสปีดเต่าเลย อยากยืดเวลาดีๆ ออกไปนานๆๆๆๆ
แต่นะ... ตอนนี้กลายเป็นเอ็นโจไม่มีซักบรรทัดว่ะ ถถถถถถ
ท่านเรย์กะกับวาคาบะจังเท่านั้นนนนนนน โอ้ยน่ารักกกกกกกกกกกก กูปริ่มมมมม
หันหน้าห้องนี่ต่อให้เป็นต่างห้องก็ยังถูกเรียกว่าเป็นหัวหน้าห้องสินะ
แอบคิดนะว่าความจริงแล้ววาคาบะไม่รู้หรอกเรื่องจดหมายแค่สงสัย เลยสร้างเรื่องลายบนจดหมายขึ้นมาทดสอบเรย์กะ พอเรย์กะยอมรับแล้วกลับบ้านไปดูก็ไม่เจอลายที่ว่าเลยเงิบเข้าให้ (วาคาบะไม่ร้ายขนาดนั้นหรอก)
>>438 คาบุไม่ได้ชิวแต่คิดว่าเรย์กะไม่ทำอยู่แล้ว ตอนก่อนก็จะพูดว่าเรย์กะไม่ทำหรอกแต่พูดไม่ทัน วงวารรรร ขนาดมีคนมาว่าร้ายวาคาบะ พูดได้สี่คำก็โดนแทรกอีกแล้ว
ที่บอกว่าขอโทษที่สงสัยแวบนึงก็ตอนที่มีคนใส่ๆเรย์กะแล้วถึงไปมองเรย์กะอึ้งๆอารมณ์อย่างเธอเนี่ยนะ ซึ่งพอมีคนมาบอกเรย์กะไม่ได้ทำแน่ๆสนับสนุนคาบุที่คิดว่าเรย์กะไม่ทำอยู่แล้วก็เลยปัดความคิดที่เรย์กะเป็นคนทำโดยง่าย
กูไม่สนเรือเอ็นโจแล้วกูจะขึ้นเรือวาคาบะเต็มตัว!!!
ว่าแต่คำปฏิญาณ 1-4 นี้นางแหกหมดทุกข้อแล้วนี้หว่า 55555
>>443 กลับบ้านไปส่องก็เจอลายจริงๆหนิมึง นางยังตกใจว่ามีอะไรแบบนี้ด้วยวุ้ย ไม่เจอลายยังไงหว่า ที่จริงกูรู้สึกว่าวาคาบะรู้ตั้งแต่มีตอนถามเรื่องลายกระดาษละ ว่าตระกูลใหญ่ๆจะมีกระดาษสั่งทำเฉพาะใช่มั้ย ตอนนั้นเรย์กะไม่ฉุกใจเลยยอมรับไปว่าก็มีอะไรแบบนั้นอยู่เหมือนกัน กูคิดตั้งแต่ตอนนั้นละว่าวาคาบะนางคงไปเจอะตราที่ว่านั่นเข้าให้
>>444 งั้นไอประโยคคิโชวอินจัดการศัตรูตรงๆนั่นคาบุพูดสินะะะะ ตอนอ่านไม่มีบอกว่าใครพูดแต่กูก็มีสงสัยอยู่ว่าจะมีซักกี่คนกล้าเรียกว่าคิโชวอินห้วนๆ รู้แต่ไอประโยคนักซูโม่ตอนหลังอะเป็นของเอสฟุตบอล ถถถถถ สงสารนางจุงงงง ทั้งเอสฟุตบอล ตัวสำรอง คาบุ เห็นตรงกันว่านี่ไม่ใช่สไตล์นาง แถมสไตล์นางยังเป็นอะไรที่...... เธอช่างอยู่ห่างไกลลุคสาวน้อยจริงๆเรย์กะ 55555
ว่าแล้วก็ย้อนกลับไปอ่านทวนอีกที ไอตรงช่วงนี้
@@@@@@@@@@@@
"ก็จริงที่คิโชวอินเป็นคนที่กำจัดศัตรูให้สิ้นลมซึ่งๆ หน้านี่นะ"
"อา แถมยังเป็นผู้หญิงที่ซัดทีเดียวตายคาที่ด้วย"
"พิฆาตในกระบวนท่าเดียวเหรอ สมเป็นฝีมือระดับโยโคซึนะ"
พวกที่พูดอะไรพิลึกๆ อยู่ข้างหลังนี่ใครน่ะ หัวหน้าชมรมฟุตบอล นี่นายอีกแล้วเรอะ! อะไร ทำหน้าแบบนั้นทำไม แค่สบตากันอย่าทำเป็นกลัวตัวสั่นน่า เดี๋ยวภาพพจน์ฉันก็ย่ำแย่หนักกว่าเดิมหรอก! แล้วนายคนที่เรียกฉันว่าโยโคซึนะ (ตำแหน่งสูงสุดของนักซูโม่) น่ะ ใช้คำศัพท์นี้ในความหมายยังไงยะ ไว้มีโอกาสเดี๋ยวได้ไล่หาตัวทีหลังแน่!
@@@@@@@@@@@@@
ถ้าประโยคแรกคาบุ ประโยคสุดท้ายคือเอสฟุตบอล แล้วอันกลางนี่ของใครหว่า ทำไมมีคนทำร้ายนางมากขนาดนี้ววววว แต่อ่านไปอ่านมาก็เหมือนๆว่าเอสพูดประโยค 2 ส่วนประโยคสุดท้ายเป็นตัวประกอบนิรนาม?? อะไรคือเจ้าแม่ดาลีที่มีแต่คนเกรงใจ แต่ลับหลังนี่ดอลลี่เกิร์ลมั่งอะไรมั่ง ล่าสุดก็ยังนักซูโม่ แอ่กกกก นี่ถามจริงว่าพวกผู้ชายกลัวนางจริงหรา ได้ทีก็แหย่ตล๊อด 555555
แมวดุ้นเพิ่มแท็กfoodให้ อิห่ากูนึกว่าจะเพิ่มแท็กlove55555555555555555
>>450 เข้าใจว่าประโยคแรกมันไม่พิลึกนะ ไอที่พิลึกเป็นจริงเป็นจังนี่ประโยคสุดท้ายเลยว่า มึงเปรียบผู้หญิงกับนักซูโม่!!! ไอชั่ววววว~~ หรือเรย์กะน้ำหนักขึ้น... แต่คือเปิดรูปคนท้อง 5 เดือนกับนักซูโม่เทียบกัน--- ยืนยันคำเดิมว่ามึงชั่วมากกกก ถ้าเป็นโม่งซุยรันนี่ต้องระวังนางตามไปเจอไว้ให้ดี แค้นนี้หนักหนานัก ยิ่งเป็นเรื่องไขมันด้วยแล้ว 555
>>449 ร้องเชี่ยหนักมาก 55555555 นี่ช่วงโปรทำร้ายเรย์กะกันหรอเนี่ย /นี่กูก็รีบไปเปิดดู คือไรรรร
ก็หัวหน้าชมรมฟุตบอล หัวหน้าชมรมเบสบอล ละก็หัวหน้าชมรมบาสเกตบอลไง ครบละสามประโยคพอดี แต่หัวหน้าชมรมฟุตบอลเป็นคนเดียวที่ท่านเรย์กะจดจำได้ แอร๊ย
>>456 คนเรียกคิโชวอินห้วนๆ ก็มีนายตัวสำรองอีกคนนะ แต่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ถ้านายตัวสำรองเรียกได้ ก็คงมีคนอื่นๆเรียกด้วยแหละ แบบในวงนินทาไม่ใช่ซึ่งๆหน้า อย่างในตอนนี้ น่าจะคุยกันเบาๆแต่เรย์กะเจือกได้ยิน ถถถ
>>457 ถ้าเป็นสามคนนี้ ไม่กลัวโดนบั่นคออีกทีเหรอวะ 55555555 หรือคนที่สามจะเป็นหัวหน้าชมรมซูโม่(มีเปล่าวะถถถ)
>>451 วาคาบะสอบติด 3อันดับแรก ตลอดเลยนาาา ไม่โง่หรอก
>>460 กูว่าประโยคแรกน่าจะคาบุ เพราะเรย์กะพูดถึงแค่ 2 คนเอง แบบหันไปคนนึงเอส อีกคนโยโคซึนะ ที่บอกจะเล่นงาน แต่ประโยคแรกไม่กล่าวถึงและไม่ถามหาว่าเป็นใครกันแบบอันสุดท้าย คิดว่าต้องเป็นคนที่นางรู้จักอยุ่ละ
จะว่าหัวหน้า 3 ชมรมคือตอนนั้นที่อยู่ด้วยกันเพราะประชุมหัวหน้าทุกชมรม นอกนั้นมันคงไม่ได้ต้องไปไหนมาไหนเป็นแพค3 ตลอดหรอกมั้ง แถมเรย์กะจำได้อยุ่ละเล่นงานไปขนาดนั้น
คนเรียกคิโชวอินห้วนๆอีกคนคือตัวสำรอง แต่แบบคนนึงคาบุคนนึงตัวสำรอง นอกจาก 2 คนนี้กูว่าไม่น่ามีใครกล้าขนาดเรียกต่อหน้าแล้วนะ เพราะพูดนี่ได้ยินหมดแถมเจ้าตัวอยู่ใกล้ขนาดนี้ จะเรียกซุบซิบก็ยากละ ต่อให้ซุบซิบเรย์กะไม่ได้ยิน สาวกนางก็คงมารวมตัวกันอยู่นอกจากเซริกะคิคุโนะด้วยอยู่ดี แบบบริบทยังไงก็เป็นพูดต่อหน้าไม่ได้กลัวได้ยินอะ แถมอาการเรย์กะปล่อยเบลอคำพูดไปเลยนี่ไม่รู้ทำไมกูถึงนึกถึงเคสคาบุตลอด 5555 รู้สึกโดนเบลอทิ้งบ่อย
>>459 >>460 วาคาบะไม่โง่นะ กูก็ยังไม่เห็นมีใครบอกโง่ซักกะคน มีแต่บอกเอ๋อ ซึ่งเข้ามาพร้อมนร.นอกคนอื่นแต่ทุกคนรู้เรื่อง pivoine รู้ว่าต้องทำอะไรยังไงประมาณไหน แต่มีวาคาบะไม่รู้อยุ่คนเดียว แถมการวางตัวพื้นฐานก็ไม่มีคอนเซปในหัวแบบสิ้นเชิงทั้งที่คนอื่นไม่มีใครเป็น ไม่เรียกเอ๋อก็ไม่รู้เรียกอะไรละอะ เรียนเก่งไม่จำเป็นต้องไหวพริบดีในชีวิตจริงอะ
จริงๆที่เปรียบ กับ ตำแหน่ง ซูโม่ อาจจะไม่ได้ว่าท่านเรย์กะ อ้วนนะ
แต่ตำแหน่งที่ใช้เทียบ มันเหมือนกับ ผู้ที่อยู่จุดสูงสุดแล้วอ่ะ ไม่ใช่ว่าชนะจนถึงโอเซกิ แล้วได้เลยนะ
ต้องรักษาสถิติ บลาๆ ไรหลายอย่างมาก กว่าจะได้โปรโมต ขึ้นเป้นเลยนะ
ข้อมูล เลือนลางมากนะ แต่ก่อนดูสารคดี กับชอบดูอยู่พักนึง ว่าตำแหน่งนี้ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ
แต่เป็นแล้ว ถือเป็นเกียรติสูงสุดของอาชีพ เลยทีเดียว
เหมือนกับท่านเรย์กะ อยู่ครองบังลัง จักพรรดิ์นี ทั้งๆที่สาวๆสวยๆ รวยๆ เยอะแยะ แต่เพราะหลายๆอย่างทำให้เธอมาถึงจุดๆนี้ ก๊าก
ฟังดูดีขึ้นมั้ย ท่านเรย์กะ
พระเอกของกุไม่ออกเบย (เอ็นโจ)..
วาคาบะน่าร้ากกก
คาราบุกิและท่านเรยกะจับคู่กันนี่... มันสแระ
ร: ลงนามแล้ว เชิญใช้คัตเตอร์กรีดประทับตราเลือดด้วยค่ะ
อ: เห ต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอ นี่กะให้ผมเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยซินะ บ้านคิโชวอินทำอะไรกันแน่เนี่ย
ร: ไม่มีเรื่องอะไรไม่ดีหรอกค่ะ ก็แค่ลงชื่ออย่างเดียวน่ะมันไม่พอหรอกค่ะ
อ: ช่วยไม่ได้ล่ะนะ... ประทับตราเลือดงั้นเหรอ //รับคัตเตอร์มาแล้วคว้ามือเรย์กะ
ร: เอ๋ ทำอะไรน่ะคะ!?
อ: เงื่อนไขของผมไงล่ะ ผมประทับตราเลือดให้ก็ได้ แต่ก็ต้องแลกกับตราประทับของคุณคิโชวอินก่อนนะ //ยิ้ม
ร: ... จะให้ฉันกรีดเลือดประทับตราด้วยซินะคะ เข้าใจแล้วล่ะค่ะ
อ: ผมไม่อยากได้ตราประทับเลือดสักหน่อย //ค่อยๆยื่นหน้าเข้าใกล้
ร: เอ๊ะ!?
อ: //กระซิบ มาแลกตราประทับกันเถอะ คุณคิโชวอิน
วร้ายยยย
>>447 กูว่าไอ้ประโยคสามบรรทัดเนี่ย หัวหน้าชมรมสามคนที่ถูกเรย์กะจัดการไปเป็นคนพูดมากกว่าว่ะ ถ้าคาบุพูด เรย์กะต้องด่าคาบุในใจด้วยแล้ว แต่นี่บอกเสียงมาจากข้างหลัง แถมจะไปหาตัวอีก แปลว่าไม่ใช่คนที่คุยกันบ่อยหรือจำเสียงได้ พวกผู้ชายบางคนก็ไม่ได้เคารพเรย์กะอะไรขนาดนั้น ยังมีคนมาตะโกนแซวยัยกาลีอยู่เลย ถ้าจะเรียกคิโชวอินห้วนๆก็ไม่แปลกอะไรหรอก
>>466 ว้ายยยยยยยยย ทำอะไรกันคะ นี่มันในโรงเรียนนะ //เอ๊ะ หรือไม่ใช่หว่า ถถถถถถถถถถถถ
แล้วมีแถมว่าถ้ามีโอกาสจะไล่หาตัวทีหลัง ดูแล้วเป็นตัวประกอบนิรนามที่นางเองก็ไม่รู้จักมาก่อนชัดๆ
>>468 คือ พวกประธานชมรมอีกสองคน เรย์กะก็คงไม่ได้เจอกันทุกวันหรือคุยกันจนจำเสียงไดัน่ะ กูเดาจากคำพูดนางที่ถามว่าพวกที่พูดพิลึกๆอยู่ข้างหลังนี่มันใคร จำได้แค่เอสชมรมฟุตบอล แล้วถ้าคาบุพูดประโยคแรกนางต้องชิงด่าคาบุในใจก่อนแน่ๆ ยังไงมันก็ไม่ใช่คำชมน่ะนะ แล้วที่บอกอยู่ข้างหลังก็ไม่ได้หมายความว่าต้องยืนข้างๆกันทั้งสามคนนี่นา อาจจะยืนคนละตำแหน่ง และเรย์กะมองไม่เห็น ถูกคนบังอะไรแบบนี้ อีกอย่างถ้าคาบุพูดนางคงโล่งใจไปหนึ่งเปลาะมากกว่าที่คาบุมันยืนยันว่าเรย์กะเป็นคนกำจัดศัตรูให้สิ้นลมซึ่งๆหน้า แล้วพอเจอกันในเวลาต่อมาถ้าเรย์กะถามย้ำฮีคงบอกไปว่าก็พูดตั้งแต่เมื่อวานแล้วไง บลาๆๆๆๆ ไม่ต้องบอกว่าทีแรกก็สงสัยนิดๆแต่พอคนมายืนยันก็เลิกสงสัยหรอก
กูคิดเหมือนกันว่าประโยคสามบรรทัดอันนั้นน่าจะหัวหน้าชารมกีฬาทั้งสามพูด ไม่ก็หัวหน้าชมรมฟุตบอลคุยกับเพื่อน เพราะเรย์กะไม่พูดถึงคาบุเลย แถมบอกว่าอยู่ข้างหลังน่าจะเป็นพวกคนที่มามุงเฉยๆไม่ใช่คนที่เข้ามาในวงเหตุการณ์แบบคาบุ คงไม่คุยข้ามกันไปข้ามกันมาหรอก อารมณ์แบบแอบซุบซิบกันแล้วท่านเรย์กะดันได้ยิน ไม่งั้นถ้าคาบุดูคล้อยตามว่าไม่ได้เป็นคนทำแล้วตอนถัดมาท่านเรย์กะคนไม่กังวลตอนที่โดนคาบุเรียกเจอหรอก แถมยังร้อนตัวรีบปฏิเสธอีก คาบุเองก็ยอมรับว่าสงสัยไปนิดหน่อยเหมือนกัน
ส่วนเรื่องเรียกชื่อห้วนๆ กูว่าไม่แปลกนะ ผู้ชายหลายๆคนก็มีแซวหรือพูดอะไรซึ่งๆหน้ากันอยู่นะ (ถึงบางทีจะพูดเพราะนึกว่าไม่ได้ยินก็เถอะ) อย่างล่าสุดก็นายคนที่ทักว่าสามพี่น้องกอร์กอนที่โดนบังคับเข้าหมู่บ้านคานทองนั่น อันนั้นล่อเป้าสามคนในประโยคเดียวเลยนะ 5555
ป.ล.ต้นตอนนี่ถ้าวาคาบะจังหรือท่านเรย์กะคนใดคนนึงเป็นผู้ชายนี่ฉากปักธงมิดด้ามเลยนะเนี่ย แต่ถึงเป็นผู้หญิงทั้งคุ่ก็เหมือนปังธงอยู่ดี 55555
>>470 ถ้าหัวหน้าชมรมกีฬาสามคนนี่ไม่เห็นต้องจำเสียงได้เลยนะ เพราะก็หันไปมองเลยอยู่ละ แล้วประโยคว่าอยู่ข้างหลังก็ไม่เห็นจำเป็นต้องอยู่ข้างหลังทั้งหมดหนิ เพราะหันไปมองแล้วพูดถึง 2 คน แสดงว่าอีกคนไม่ใช่รึเปล่า ไม่งั้นก็หันไปต้องเจอ 3 แล้วดิ แถมหัวหน้าชมรมนี่ยังไม่เคยคุยกัน เจอกันครั้งแรกตอนประชุม นางยังเล่นงานได้เป๊ะเอาข่าวลือมาขู่เรียงตัวแบบถูกต้อง เป็นอันหมดขอสงสัยว่าฐานข้อมูลที่นางมีคือรู้จักทั้งหน้า ชื่อ และตำแหน่ง โอเคว่าชื่ออาจไม่เป๊ะแต่นามสกุลคงพอได้ ที่แน่ๆเบ้าหน้านี่รู้จักแน่นอนเพราะตอนเล่นงานก็เล่นงานถูกคน ไม่ได้มีขู่ด้วยข่าวลือผิดตัวเพราะนางเดินเอาพัดไปแตะตัวแล้วขู่ไล่ไปเลย 2 คน ไอคนสุดท้ายรุ้สึกบาสหรืออะไรซักอย่า ก็สบตากันปิ๊งๆ จะมาต้องหาเวลาไปตามไล่ตัวอีกคือไม่ใช่ละ ส่วนไม่ได้คุยกันมากนี่แบบนะ คุยมากไม่มากก็เอาพัดแตะไหล่แตะคอแตะเส้นเลือดไปหมดละ 555555 จำไม่ได้สิแปลก คิดว่าจำหัวหน้าชมรมได้หมดด้วยซ้ำเพราะเวลาพูดถึงอากัปกริยาแต่ละคนก็เรียกชื่อในใจเป็นหัวหน้าชมรมนั่นนี่ ต่อให้ไม่รุ้ชื่อแต่หน้า+ตำแหน่งนี่ไม่มีทางพลาด
>>471 มันไม่เหมือนกันอะ จะดอลลี่ กาลี กอร์กอน ไปยันบูเช็กเทียน มันคือฉายาไง ต่อให้เรียกจักรพรรดินีก็ไม่อะไร เรียกฉายากับเรียกนามสกุลห้วนๆไม่มีซังตามนี่คนละฟีลมากมึง ญี่ปุ่นไม่เหมือนคนไทยนะ คือคาบุกับตัวสำรองนี่ฐานะและตำแหน่งระดับไหน ไม่ได้ต้องสนเรื่องมารยาทมากมายเท่าคนปกติอยู่ละ แถมในเรื่องนี่อย่าว่าแต่คิโชวอินซัง คิโชวอินซามะยังมีออกบ่อย ห้วนๆมาคิโชวอินนี่เอาแบบไม่มโนฟิลเตอร์เพิ่มเองนะ ในเรื่องยังไม่มีใครเคยเรียกห้อนอะ มีแค่ 2 คนจริงๆ
kyนิด ท่านเรย์กะเนี่ยถนัดพวกงานเอกสารรึปล่าว กลับไปอ่านตอนเก่าๆแล้วคิดงั้น
>>473 คีย์เวิร์ดจริงๆมันอยู่ตรงเสียงมาจากข้างหลัง แต่คาบุยืนต่อหน้านาง แล้วถ้าคาบุด่านางหรือทำอะไรพิลึกๆนางไม่เคยพลาดที่จะด่าในใจเลยนะ และไอ้การที่เรารู้ว่าไอ้หมอนี่มันใครก่อนไปเล่นงานมัน ก็ไม่ได้แปลว่าเราต้องเคยได้ยินเสียงมันซักหน่อย เห็นหน้าก็พอแล้วนี่หว่า จะได้ไม่เล่นผิดตัว
ต่อให้ไม่ใช่อีกสองคนนั้นพูด แต่กูว่าพวกผู้ชายก็ไม่ได้เคารพเรย์กะอะไรขนาดนั้น ยังมีพวกใจกล้ามาแซว มาเรียกกอร์กอนหรือยัยกาลีต่อหน้านะ จะเรียกนามสกุลห้วนๆไม่แปลกเลยซักนิด คนพูดคงมั่นใจด้วยแหล่ะว่าพูดไปเขาก็ไม่เห็นตัว นายชมรมฟุตบอลน่าจะอยู่ในระยะสายตามองเห็น+จำเสียงได้ด้วยแหล่ะ แต่อีกสองหน่อไม่มีบท กูเลยเดาเอาว่าสองคนนั้นคือคนที่เรย์กะไม่สนิท จำเสียงไม่ได้ ไม่งั้นไม่ไปหาตัวทีหลังแน่ๆ
>>473 อะโห พวกผู้ชายมาเรียกฉายากาลี กอร์กอน อะไรต่อหน้าเรย์กะตรงๆโต้งๆ ยังจะเอาความเคารพหรือถามหามารยาทอีกเรอะ จากประโยคพวกนี้ การกระทำพวกนี้แปลว่าเรย์กะก็ไม่ได้เป็นที่เคารพอะไรขนาดนั้น พาร์ทน้องแว่นยังบอกเลยว่าพวกผู้ชายทำเป็นพูดกลัวแล้วๆ แต่ก็ยังเรียกเรย์กะเสียๆหายๆอยู่ดี พวกที่มาเรียกกูว่าก็ไม่ใช่พวกที่จะมาคุยกับเรย์กะทุกวัน ต้องรักษามารยาทเวลาเข้าหาอะไรขนาดนั้น จะเรียกฉายาหรือนามสกุลห้วนๆไม่แตกต่างกันหรอก เรียกนามสกุลห้วนๆยังดูสุภาพกว่าเรียกฉายาอีกนะ
>>476 เห็นแย้งเรื่องนามสกุลว่ะ เพราะเรียกห้วนๆไม่ใช่เกรงใจนะ แต่มันคือหยาบคายอะมึง คนที่เรียกกันห้วนๆได้คือต้องสนิทสนมคุ้นเคย หรือมีความรู้สึกว่าคุ้นกันประมาณนึง ไม่งั้นมันคือไม่มีมารยาทมากถึงขั้นเรียกทำตัวหยาบคาย แล้วนี่โรงเรียนคุณหนู ใครมันจะอยากประกาศตัวอย่างองอาจว่ากูมันไม่มีมารยาทขนาดนั้น คือคนไม่สนิทถ้าเรียกห้วนแล้วอีกฝ่ายไม่เล่นด้วย แค่ถามกลับคำเดียวว่าเราสนิทกันขนาดเรียกนามสกุลเฉยๆได้เลยหรอคะ เงิบแดกไปยันวงศ์ตระกูล มันไม่ได้เหมือนไทยที่เรียกชื่อเฉยๆ สนิทเรียกชื่อย่อหรือชื่อเล่นแบบนั้น ที่จริงกับไทยเองก็เรียกคุณนะถ้าในระดับโตๆกันขึ้นมาหน่อย คุณทุกคำต่อให้เรียกชื่อเล่นกัน ไม่ใช่เพื่อนไม่ใช่แฟน เรียกห้วนๆโดนสวนมานี่ม่องเท่ง ญี่ปุ่นถือหนักกว่าคือถือกระทั่งตอนอายุน้อยๆ ซังคือพื้นฐาน ต่อให้ไม่ซังจะเรียกลงอย่างอื่นพวกคุง จัง ก็ยังยอมรับได้มากกว่าเรียกห้วนๆมากกกก
ส่วนเรื่องเสียงนี่ก็ไม่เห็นต้องจำเสียงได้ จากประโยค "ทำหน้าแบบนั้น" ยิ่งกว่าชัดว่าก็หันไปมอง กูงงว่าประเด็นเรื่องเสียงเกี่ยวยังไงในเมื่อหันไปมองอยู่ละ
แถมบริบทย้อนไปยาวๆเกินที่มีแคปมาแปะในทู้นี้คือ วาคาบะพูด คาบุรากิตอบ ทั้งหน้าเป็นแนววาคาบะพูดมาแล้วคาบุมีรีแอคชั่น แล้วทั้งหน้าคนพูด คิโชวอิน ก็มีแค่คาบุคนเดียว ประโยคแรกนั่นพอย้อนไปยังเป็นประโยคตอบที่วาคาบะพูดไว้ก่อนหน้าชัดๆ แค่ถูกขั้นด้วยการรำพึงรำพันเสียใจของเรย์กะ จากนั้นค่อยมีหันไปเอาเรื่องคนพูดแปลกๆข้างหลัง ซึ่งมันมี 2 คน เข้ากับ 2 ประโยคท้ายพอดีเด๊ะ ถ้ายึดตามที่บรรยายมาทั้งตอนคนจะพูดประโยคคิโชวอินก็คาบุน่ะแหละ
ส่วนเรื่องถ้าคาบุพูดเรย์กะควรสบายใจ ก็ไม่ว่ะ มีตรงไหนอะที่บอกว่าเลิกสงสัยไม่ได้คิดว่าเป็นคนร้ายแล้ว กับแค่บอกว่า ก็จริงที่ปกติเล่นงานซึ่งหน้า แล้วถ้าเคสไม่ปกติล่ะ? ถ้าแอบทำลับหลังแบบซึรุฮานะพูดล่ะ? มันยังไม่มีประโยคฟันยืนยันชัดๆเลยซักกะคำว่าฉันไม่ได้คิดว่าเป็นเธอ แค่มีแบบ เออนะปกติก็ไม่ใช่งี้ ไม่ได้ช่วยยืนยันอะไรเลยซักนิด
ขนาดโมชิดะช่วยยืนยัน อาจารย์ห้องพยาบาลช่วยพูด แต่ไม่มีหลักฐานก็คือไม่มีหลักฐาน(โรงเรียนนี่แม่งไม่มีกล้องจริงเรอะะะ) กับคนอื่นยังใช้วิจารญาณส่วนตัวเลยว่าใครจะเชื่อยังไง เพราะงั้นที่มาแสดงความเห็นทั้งโจมตีทั้งสนับสนุนเรย์กะ มันก็บอกจุดยืนมุมมองส่วนตัวแค่นั้น ไม่มีคำพูดใครเป็น fact เพราะไม่มีหลักฐานรองรับกันทุกคน ท้ายตอนยังมีบอกเลยว่าสุดท้ายยังมีข้อสงสัยหลงเหลือ คือมันก็แล้วแต่คนจริงๆว่าใครจะเชื่อยังไง เพราะงั้นจนตอนถัดไปที่คาบุพูดมาตรงๆว่าไม่ได้คิดว่าเป็นเธอ ถึงจะสบายใจได้ ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลก
อันนี้วิเคราะห์ตามที่เล่ามาทั้งตอนล้วนๆแบบไม่มีใส่ฟิลเตอร์เพิ่มว่าใครอีกทีาจะมาเรียกเรย์กะแบบ คิโชวอินห้วนๆ เพราะตัวสำรองไม่อยู่ ถึงอยู่ก็ไม่มีบท ไม่ได้มีอ้าปากเรียกคิโชวอินมาซักคำ ตั้งแต่ต้นยันจนบทพูดคนเดียวที่เรียกคือคาบุ และเป็นรูปแบบบทสนทนาที่คอยตอบรับคนอื่นทั้งซึรุฮานะและวาคาบะ ลองย้อนไปอ่านคือชัดมาก ไอคนที่พูดประโยคสั้นๆแล้วแปบๆก็โดนแทรกนั่นแหละคาบุมาทั้งตอน จืดจางเหลือเกินจักรพรรดิ จืดมาทั้งตอนโดนคนเมินและพูดแทรก จะจืดต่ออีกหน่อยโดยเรย์กะไม่พูดถึงก็ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้ละ มาแบบคีพลุคทั้งตอนอยู่แล้ว
>>479 ถ้าจะเอาจริงๆประโยคนี้ใครพูดแบบไม่ต้องมาเดากันเอง คงต้องรอทำอนิเมะแล้วว่ะ ฟังเสียงกันไปเลยจะได้ไม่ต้องเถียงกัน กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครพูด คาบุอาจจะพูดก็ได้ แต่กูก็คิดว่าหัวหน้าชมรมอีกสองหน่อนั่นล่ะพูด คงเป็นไปในแนวซุบซิบนินทาแล้วเรย์กะเสือกได้ยิน คนที่เรากำลังนินทาเราคงไม่ต้องมาสุภาพมากหรอกใช่มั้ยล่ะ ไม่ต้องมาเติมท่าน เติมคุณอะไรให้มันวุ่นวายเยิ่นเย้อ แต่จะมาพูดว่ายัยกาลีไม่ได้ทำก็ดูจะหยาบคายเกินไปหน่อย คนอยู่กันเยอะแยะไม่ใช่แค่กลุ่มเพื่อน เรียกนามสกุลนี่ล่ะโ อเคสุดแล้ว
หันไปมองก็จริง แต่ก็ไม่ได้จะเห็นตัวทั้งหมดนี่หว่า นายฟุตบอลอาจจะซวยเพราะอยู่ในระยะสายตามองเห็นพอดีและจำเสียงได้ อีกสองหน่อใครก็ไม่รู้ และกูยังยืนยันนะว่าถ้าคาบุพูดนางต้องด่าคาบุในใจแล้ว อย่างน้อยๆก็แบบ คาบุรากิ คำพูดนั้นหมายความว่าไงน่ะ หา!!! อะไรทำนองนี้ จากที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่านางด่าคาบุมาตลอดไม่มีพลาดซักเม็ด จะมาปล่อยเพราะเรื่องนี้ก็ยังไงอยู่นะ
>>477 ฉายามันก็ขำๆได้นะมึง ฉายาแต่ละอันสูงหมดนะไม่มีแบบแย่ ซึ่งกูคิดว่ามุกคนคงนึกออกว่าฉายาผู้หญิงแบบแย่ต้องประมาณไหน นี่มาแนวเทพไม่ก็ยังดูดีหมดเลยเหอะ จะว่าเกรงใจก็คงไม่ แต่จะว่าไม่เคารพนี่ยิ่งไม่ใช่แน่นอน
กาลีเป็นเทพี อวตารนึงของพระแม่อุมาชายาพระศิวะ หนึ่งในเทพนารีสูงสุด
ดอลลี่เกิร์ลนี่หาความแย่ไม่เจอ เข้าใจว่าผู้หญิงญี่ปุ่นเดินตามย่านชอปอีกเป็นหมื่นพยายามหนักมากเพื่อให้คนเรียกพวกเธอด้วยคำนี้ ดูแย่ตรงไหน
บูเช็กเทียนเป็นฮ่องเต้หญิงที่ตามประวัติศาสตร์ค่อนไปทางดีและน่าเคารพชื่นชม ถ้าแย่หน่อยคือซูสีไทเฮาซะมากกว่า แต่เรียกบูเช็กเทียนนี่ผู้หญิงบ้านๆไม่มีทางได้คำนี้ จักรพรรดินีก็แนวเดียวกัน บูเช็กเทียนจะเรียกจักรพรรดินีก็ยังได้
สามพี่น้องกอร์กอนก็เป็นเทพธิดามาก่อน ถูกสาปจากความไม่เป็นธรรมของเทพโอลิมปัสคนอื่น แต่ถ้ามีกล่าวถึงตำนานกอร์กอนก็เป็นที่เข้าใจว่าคือเทพีพรหมจรรย์ที่รูปโฉมงดงาม หลังโดนสาปถึงเป็นฝ่ายร้ายเพราะแค้นที่ตัวเองถูกทำร้ายแบบไม่เป็นธรรม ภาพลักษณ์หลังโดนสาปคือโหดร้ายทรงพลัง แต่ก็นะ ก่อนหน้าจะโหดก็เทพธิดามาก่อน นี่ก็ไม่ได้แย่เหมือนกัน แถมหนึ่งในนั้นคือเมดูซ่าที่จ้องแล้วแข็งเป็นหิน อาจจะสื่อถึงเวลาใครโดนพวกนางจ้อง
สรุปฉายาทั้งหมดนอกจากดอลลี่ที่เรียกตามลุค ทุกชื่อฉายาเป็นแนวชั้นสูงหมดเลยเถอะ และไม่มีซักอันในฉายาที่เลวร้ายด้วยตัวเอง เทพีกาลีร้ายเพราะเป็นปางอวตารปราบอสูร บูเช็กเทียนร้ายเพราะสามีถูกฆ่าจะแก้แค้น กอร์กอนร้ายเพราะถูกเทพสาปแบบไม่เป็นธรรมแล้วทุกคนรังเกียจขยะแขยงโดยไม่เคยสนใจเรื่องดีๆทีาทำ และไม่สนใจด้วยว่าโดนสาปทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์ สรุปคือมาแนวทรงอำนาจทั้งหมด ร้ายทั้งหมด แต่มีสาเหตุในการร้าย และไม่ได้ร้ายมาจากเนื้อแท้ของตัวเองเลยซักคน ไม่ใช่ฉายาแย่เลยนะ
>>480 อีกคนที่พูดโยโคซึนะก็ต้องเห็นเหอะไม่ใช่ไม่เห็น อย่างน้อยบอกจะไล่ตามหาตัวถ้าไม่เห็นจะไล่ตามเนี่ยนะ แถมมีสรรพนามเป็นผู้ชายนายคนนั้น แค่เสียงซุบซิบๆถ้าอยู่ไกลหรือคนบังจะได้ยินลอยมาหรอ ก็คงไม่ ถ้าคนไม่บังก็ต้องเห็นมั้ยหันไป เพราะเสียงเดินทางเป็นเส้นตรงอยุ่ละ เสียงลอยเข้าหูได้และชัดจนรุ้ว่าเป็นผู้ชายไม่ว่าจะจากเสียงและเห็นหน้ารึเปล่าก็ตาม แต่ชัดว่าไม่มีอะไรบังเส้นทางเสียง ถ้ามีคนยืนบังไม่ต้องเป็นฝูงเหอะ แค่คนเดียวก็จะไม่ค่อยได้ยินแล้วอะยิ่งเป็นที่โล่ง
ส่วนคาบุไม่เห็นว่ามีอันไหนน่าให้ด่า เพราะมันตัวเธอชัดๆ เล่นงานซึ่งหน้าถ้าไม่ใช้คำนี้ไม่รู้จำใช้คำไหนละ รำพัดแต่ละที เดินมาว่าคาบุตรงๆ โบตั๋นปักคอ ไม่มีคำว่าอ้อมใดๆ แต่ไอสองอันอะส่งเสริมให้แย่ลงจริงๆและเป็นบริบทเดียวกันคือซัดทีเดียวตายคาที่ทั้งคู่ แล้วโดนแว้ดใส่ในใจทั้งคู่ด้วยข้อหาทำให้ภาพพจน์แย่ลง แถมอันหลังยังมีโยโคซึนะที่นางจะหาตัวว่าใช้ในความหมายยังไงอีก
>>480 แหม่อันนี้ถ้าจะเรียกนามสกุลเพื่อให้ไม่หยาบและดูสุภาพท่ามกลางฝูงชน แต่เรียกนามสกุลเฉยๆเนี่ยนะ ไม่ได้ดีขึ้นเลยอะ เติมซังคำเดียวไม่ลำบากชีวิตและเป็นความคุ้นเคยปกติที่จะลงท้ายซังกันหมด ไอที่ไม่เติมนี่ไม่เติมเพราะต้องชินมาก่อนมากกว่า กลางฝูงชนและฉายาเทพีกาลีก็เป็นที่รู้จักคนเรียกกันเยอะแยะ แถมไม่ใช่ฉายาที่ดูแย่ยกเว้นกับเรย์กะที่เพ้อจะเป็นวีนัสอะนะ ในจุดนี้เรียกเทพีกาลีสุภาพกว่าคิโชวอินเฉยๆอีก เรียกนามสกุลห้วนกลางฝูงชนแล้วถ้าไม่ใช่คนสนิทกันนี่ประกาศให้โลกรู้ถึงมารยาทตัวเองมากกกก
>>481 กูว่าถึงฉายาจะดูสูงส่งแค่ไหน แต่เวลาเราเดินไปไหนมาไหนก็ไม่อยากจะถูกเรียกด้วยฉายาหรอกใช่มะ หรือมีใครในกระทู้ชอบที่จะถูกเรียกด้วยฉายาไม่ใช่ชื่อ??
>>482 กูก็ไม่รู้ แต่ตรงนั้นมันเป็นบริเวณล็อคเกอร์ ไม่ใช่ทางเดินยาวๆ น่าจะมีมุมอับหลายมุมอยู่ คนพูดคงอยู่ไม่ไกลจากนางหรอก แล้วก็ได้ยินคำพูดตอนนินทาลอยมาเข้าหูพอดีล่ะมั้ง แต่กูก็เฉยๆ ประโยคนี้ใครพูดก็ไม่สำคัญสำหรับกูหรอก กูแค่คิดแบบนี้
มึงงงงงง โม่งแปลออกตอนใหม่แล้ว โอยยยยย กุกรี๊ดมาก ทั้งเรือวาคาบะ เรือคาบุมันแล่นฉิวโคตรๆเลยมึ๊งงงงงงงงง คาบุตอนนี้น่ารักชะมัด ส่วนสายสัมพันธ์สาวน้อยของท่านเรย์กะก็น่าตื้ตตันมาก วาคาบะก็อย่างเท่ โบกป้ายไฟรัวๆ
>>484 ก็คงไม่ได้ชอบให้เรียกฉายาอยู่ละ แต่เรียกฉายาที่ไม่ได้เลวร้ายแถมเจ้าตัวยังไม่รู้ด้วยว่านั่นฉายาตัวเอง ส่วนทุกคนรู้หมด มันคือคำเรียกที่ไม่ได้ดี แต่ไม่มีเจตนาร้าย ยังดูจะดีกว่าเรียกชื่อห้วนๆทั้งที่ไม่ได้คุ้นเคยกันเลย คือถ้าคิดได้ว่าเรียกฉายาไม่ดี แล้วเป็นคนไม่สนิท ทำไมไม่เรียกคิโชวอินซังไปเลย โคตรของโคตรความเซฟที่ตะแคงมอง 360 องศาก็ไม่มีจุดติ จะว่ามั่นใจว่าเรย์กะไม่ได้ยิน แต่คนอื่นแถวตัวคนพูดก็ต้องได้ยินชัวร์ว่สเรียกไม่สุภาพ เพราะงั้นคนจะเรียกห้วนๆกูคิดว่ายังไงก็คือคนที่ต้องคุ้นกัน และทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเรียกเรย์กะแบบนี้
ล็อคเกอร์ก็มี 2 แบบนะ ไม่ได้แคบทั้งคู่โดยเฉพาะกับโรงเรียนคุณหนูอย่างซุยรันที่บรนยายซะใหญ่โตอลังการ ต่อให้เป็นห้องล็อคเกอร์ก็ไม่แคบแน่นอน แล้วห้องล็อคเกอร์ปกตินอกจากพวกที่ไว้เปลี่ยนชุดกีฬา ปกติก็ตั้งเป็นโถงโล่งๆแล้วมีล็อคเกอร์อยู่ละ กับอีกแบบคือล็อคเกอร์ตามทางเดินที่อยู่ชอดผนัง ซึ่งจะสองอันก็ไม่แคบทั้งคู่ ยิ่งแบบเป็นซุยรันแถมมีบรรยายว่าคนเลิกมาหลายห้องมาออกัน ยังไงก็ไม่น่าแคบได้อะ
แถมกูค่อนข้างรู้สึกว่าเป็นล็อคเกอร์ตามทางเดินมากกว่าอีก เพราะดูจากประโยค "เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นของม.5" + ได้ยินเสียงฝีเท้าคนวิ่งและคิดว่าห้องไหนปล่อยก่อนเวลามั้ย + เดินไปตามทางเดินเจอเมจิกหล่น + กริ่งเลิกเรียนดังปุ๊บเด็กออกมาจากประตูห้องแล้วเจอเลย -----ล็อคเกอร์ตามทางเดินแน่นอน ตัดประเด็นมุมอับทิ้งได้เลย โล่งงง ยาวววว ชัวร์ ฟากนึงก็ผนังมีล็อคเกอร์วาง อีกฟากก็ห้องเรียนละ
>>487 เสริมเพิ่มว่าโถงล็อคเกอร์ใหญ่ปกติจะอยู่หน้าๆอาคารหน่อย และอยู่ชั้น1 แบบเดินเข้ามานิดหน่อยเจอเลย และในซุยรันโถงล็อคเกอร์ก็คงอยู่ชั้น1 ตรงแถวทางเข้าเหมือนกัน อ้างอิงจากมีรองเท้าใส่ในอาคารที่ต้องมาเปลี่ยนที่ล็อคเกอร์ แล้วของวาคาบะเคยโดนขีดๆจนเลอะ และเรย์กะเจอตอนมาถึงโรงเรียนได้ไม่นานด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นปกติอยู่ชั้นแรกต้องมีอยู่ละสำหรับเก็บไอของแบบนี้เนี่ยแหละ นอกนั้นก็ล็อคเกอร์ทางเดิน ยิ่งตอนเดินขึ้นบันไดไปชั้นม.5 นี่ชัดเลยว่าเป็นแบบริมทางเดินที่ตั้งหันเข้าหาห้องเรียน
กูว่าระหว่างกาลีกับเรียกนามสกุลเฉยๆกูว่ากาลีแรงกว่า กูว่าในบริบทนั้นคาบุพูดหรือตัวประกอบaพูดก็ได้ไม่แปลก
การเรียกนามสกุลห้วนๆกูนึกถึงเวลาพูดถึงอาจารย์อ่ะ ต่อหน้าก็เรียกอาจารย์xxกันปกติ แต่เวลาเมาท์กันก็จะมีบางคนเรียกชื่ออาจารย์ห้วนๆบ้าง ในกรณีบุคคลที่สามไม่ต้องมียศอ่ะ(ทั้งที่แค่เติมจารย์พยางค์เดียวก็ได้) พวกผู้ชายก็ไม่ได้ดูเคร่งอะไรขนาดนั้นด้วย ในเรื่องก็ไม่ได้ตะโกนพูดประกาศว่าข้าพูดนะ อาจซุบซิบนินทาแล้วเรย์กะบังเอิญได้ยินก็ได้ ถ้าคิดว่าอีกฝ่ายจะได้ยินใครจะนินทาวะแล้วทำไมต้องกลัวคนข้างๆจะได้ยินว่าเรียกห้วนๆ กองกอย กาลีนินทาลับหลังกันเป็นเรื่องปกติ
ว่าไปฉายากาลีนี่เรย์กะยังไม่รู้เลยนี่ ยังนึกว่าเป็นเทพธิดาตามคำของซาโตมิอยู่เลย ถ้ารู้คงโดนตบเรียงตัว ถถถถ
>>494 ค้างกับกองกอย แม่งอันนี้ไม่ใช่ละมึง ผิดหมวด 555555 กาลีกับเรียกห้วนจะอะไรแรงกว่าก็ช่างเหอะจุดนี้กูว่าคงอยู่ที่มุมมองคน แต่สำหรับญี่ปุ่นเรียกนามสกุลห้วนของคนไม่สนิทนี่หยาบอะ เด็กไทยเรียกอาจารย์แบบนั้นได้ แต่ญี่ปุ่นก็ลงซังไม่ก็ sensei อยู่ดี เหมือนเรียกคนเรียนชั้นสูงกว่าตัวเองที่เป็นรุ่นพี่กว่า ในไทยไม่เรียกรุ่นพี่ ญี่ปุ่นนี่ลง senpai ตลอดถ้าแบบปกติไม่ได้สนิทกันเป็นพิเศษ คือมันเอามาเทียบกันยากเพราะก็คนละวัฒนธรรมกันอะ แต่เรียกมาห้วนๆนี่ยังไงก็ต้องคุ้นกัน ไม่งั้นคนอื่นที่ได้ยินนี่จะแบบเฮ้ยอะไร ทำไมเรียกแบบนี้ทันที เจ้าตัวเองก็ถือด้วยถ้าได้ยิน คือชื่อต้นเรียกห้วนนี่ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวก็ต้องคนสนิทมากๆไม่ก็แฟนไปเลย เรียกนามสกุลห้วนก็คือคนที่คุ้นเคยกันมากเหมือนกัน ยกเว้นกรณีเดียวคือแบบคาบุที่เรียกคนอายุเท่ากันและน้อยกว่าทุกคนแบบห้วนๆ คือถ้าเป็นคนเรียกทุกคนแบบนี้และมีดีพอจะเรียกได้แบบไม่มีใครสวนกลับใส่หน้า ก็คือเป็นเรื่องความชินที่เจ้าตัวชิน คนอื่นก็ชินด้วย แต่ถ้าไม่ใช่แนวนี้และไม่ได้เป็นคนที่คุ้นกันนี่คือไม่ใช่ละ หยาบคายจริงๆของแท้มาเอง เลเวลคงสูสีกับเรียกด้วยสรรพนามเธอๆตลอดไม่เรียกชื่อหรือนามสกุล ทั้งที่รู้จักชื่อกันแล้ว คือบางอย่างไทยโอญี่ปุ่นไม่โอ บางอย่างไทยไม่โอญี่ปุ่นก็เฉยๆ อย่าเอามาเทียบกันเลยอะเพราะมันคนละวัฒนธรรม มีความต่างอยู่ในตัวเอง
กูชอบนะ เวลามีคนมาวิเคราะห์อะไรกันแบบนี้แต่...
ทำไมเราต้องมาค้นคว้าตีแผ่เรื่องวัฒนธรรมญี่ปุ่นเพื่อแระโยคที่ไม่รู้เจ้าของแน่ชัดประโยคนึงขนาดนี้วะ ถถถถถถถ
ยกตัวอย่างเพิ่มแบบนอกเรื่อง เคยทำปากกาตกไปใต้เก้าอี้เพื่อนแล้วให้เพื่อนช่วยหยิบให้ คือจะก้มไปควานๆอะไรแล้วหัวอยู่แถวตู๊สคนอื่นมันก็ไม่ใช่เรื่องว่ะสำหรับกูนะ พอให้ช่วยหยิบมันดันเอาเท้าคีบส่งมาให้ จุดนั้นคือปรี๊ดดดด เลือดขึ้นหน้า นี่มึงทำอะไร จนคุยกันว่าเค้าไม่ได้ถือเรื่องเท้าส่งของแบบไทย ก็มีขอโทษๆมาแถมบอกว่าเพราะฉันเป็นคนกรุ๊ปบีน่ะ ปกติเราชาวกรุ๊ปบีเวลาขี้เกียจก็ชอบใช้เท้า ขอโทษทีแต่อย่าถือเลยนะ ตอนนั้นยังแบบเชี่ยอะไรของเมิ๊งงงงง กูก็กรุ๊ปบี!!! ไม่เคยคิดจะเอาหัวแม่ติงไปจับอะไรโดยเฉพาะเวลาต้องส่งให้คนอื่น ก็เออเป็นความต่างไปอย่าไปคิดเทียบอะไรมาก ยังไงก็คนละประเทศ
>>498 นึกถึงหนังสือเรื่องทายนิสัยจากกรุ๊ปเลือดเลย ที่ของญี่ปุ่นเขียนแล้วมีซีรี่นึงเป็นการ์ตูนประกอบเป็นรูปตัวคนแบบดำๆ ใส่หน้ากากปิดทั้งหน้าเป็นอักษรชื่อกรุ๊ป อันนั้นมีตลกหลายประเด็น 555555 จำได้ว่ามีเรื่องใช้เท้าคีบของด้วย
แอบทายกรุ๊ปเลือดตัวละครต่อ อิงจากตำราแบบญี่ปุ่นคิดว่าเรย์กะกรุ๊ป O (ดูจากที่นางบอกว่ากรุ๊ปเลือดคือกรุ๊ปที่มากเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นด้วย) / ท่านพี่ AB / ท่านแม่ A / ท่านพ่อก็น่าจะ O ถ้าคิดงี้ท่านพี่ยังมีโอกาสเอบีได้ 55 / คาบุ A / เอ็นโจ AB ยูกิโนะด้วย / ริรินะ B / น้องแว่น A
ลืมอีกสามสาว ซากุระ A / อาโออิ B / วาคาบะ AB เพราะประหลาดๆเหลือเกิ๊น วิ่งตามผีเสื้อข้ามเมืองนี่คือมันใช่มาก 5555
กูพอรู้นะว่าสำหรับคนญี่ปุ่นถ้าไม่สนิทกันแล้วเรียกนามสกุลห้วนๆมันก็ดูไม่ค่อยดี แต่กูคาใจว่าเรียกฉายามันดูดีกว่าหรอ เพราะแต่ละฉายามองในแง่ดีว่าเป็นเทพได้ก็จริงแต่จากบริบทและอารมณ์คนพูดแล้วเหมือนโดนเรียกอ้อมๆว่า'ยัยโหด'มากกว่าอะ เว้นโยโคสึนะอันนี้อาจจะดูนับถืออยู่หน่อยๆ กูไม่แน่ใจเรื่องวัฒนธรรมญี่ปุ่นในส่วนนี้นะแต่ในสายตากูมันไม่ได้ดีไปกว่าเรียกห้วนๆเลยอะ ใครรู้เรื่องนี้ช่วยอธิบายกูที
>>502 ญี่ปุ่นในชีวิตจริงถ้าเจอฉายาแย่เข้าไปก็คงไม่โอ แต่ถ้าฉายาปกติหรือจิกกัดแต่พองามโดยยังมีส่วนดีๆให้รู้สึกรับได้นี่เรื่องปกติอะ คือเป็นหนึงในหัวข้อพูดคุยในวัยทำงาน(โดยเฉพาะถ้าเป็นวงดวดเบียร์นี่มีมาประจำาาา) แถมมีให้กรอกในช่องประวัติด้วยนะว่าเคยได้ฉายาอะไรจากเพื่อนบ้าง กูเลยรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติอะถ้าไม่ใช่ฉายาแบบหยาบคาย
โดยเฉพาะนิยายโชโจนี่เรียกฉายากันเป็นปกติ มีทุกเรื่อง เรื่องนี้ก็หนักมิใช่น้อยแต่ละคนนี่ได้ฉายากันมาตั้งกะประถม โชโจปกติชอบเล่นประเด็นฉายาอยู่ละ แต่เรื่องนี้คือมากเป็นพิเศษ เลยคิดว่าเรียกฉายาไม่ได้กูแย่เท่าไหร่นะสำหรับในเรื่อง พ่วงด้วยประเด็นว่าชีวิตจริงก็ไม่แย่ แต่ก็เรียนในไทยเป็นหลัก มีแลกเปลี่ยนไปนู่นนี่บ้างก็เรียกชื่อเรียกชื่อย่อ หรือเอาชื่อมาแปลงอะ พอเจอช่องกรอกฉายานี่กูคิดหนักมากกกก 5555 จนขุดได้ฉายาสมัยประถมกับพวกชื่อแปลงจนเพี้ยนที่เพื่อนเคยเรียก แต่ดีใจที่คิดมาได้เพราะหลังจากตอนนั้นที่เจอครั้งแรกก็เจอถามให้กรอกฉายาอีกตรึมเลย อาจจะมองว่ามันเป็นจิตวิทยามั้งว่าลุคดูเป็นไงในสายตาคนนอก และตัวเราเองทัศนคติยังไงในการเลือกฉายามากรอก คือไอที่ดีมากๆกับเลวมากๆนี่กูยังรู้สึกเองว่าเขียนไปต้องไม่โอแน่นอน ด้วยหลายเหตุผล 55555
>>500 พอรู้นะว่าอันไหน 5555555 แต่คือกูกรุ๊ปบี ซึ่งลุคในสายตาญี่ปุ่นเป็นกรุ๊ปนิสัยออกทางไม่ดีชอบมีปัญหา บีบูดบึ้ง บีบ้าบอ อะไรแบบนั้น ที่จริงมันก็ไม่ใช่จะเป็นแบบนั้นกันทุกคนมั้ยวะะะะ เวลาใครถามกรุ๊ปเลือดแล้วทำหน้าตกใจใส่นี่แอบงอน คือรู้เลยว่ามึงคิดอะไรอยู่ววววว เคยมีคนมาพูดว่าดีนะที่กูทำงานสายออกแบบ กรุ๊ปบีที่เป็นกรุ๊ปเลือดหัวกบฏเลยไม่สร้างปัญหาในหน้าที่การงาน มีข้อดีเรื่องคิดฉีกกรอบด้วย แต่ถ้าทำงานสายอื่นนี่แย่แน่ๆเลย ก็แบบเออเอาเถอะ มาบอกว่าเป็นพวกหัวกบฏก็ยังคิดว่าดีกว่าเป็นโรบอทแบบคนส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นนะ แบบนั้นกูรับไม่ได้กว่าอีก รู้สึกสมองตีบตันโดนอัดอยู่ในสารพัดกรอบ
คิดว่าเรย์กะกรุ๊ปโอเหมือนกัน เวลาสติแตกนี่ตรงตาม stereotype มากกกก คิดว่าฮิโยโกะซังตอนเขียนคงมีลิสต์กรุ๊ปเลือดแต่ละคนไว้ในใจ เคยอ่านว่ามีหลายคนตอนวางคาแรคเตอร์ก็คิดกรุ๊ปเลือดไปเลยเหมือนกัน เชื่อจริงจังกับเรื่องนี้กันสุดๆ
จริงๆ เรื่องนี้ก็เอามารยาทบรรทัดฐานคนญี่ปุ่นธรรมดามาตัดสินไม่ได้อยู่แล้วล่ะ คำว่าโกะคิเก็งโย่นี่ปกติคนธรรมดาก็ไม่ใช้กันอยู่แล้ว ครอบครัวที่เรียกกันว่าท่าน~ อย่างท่านเรย์กะคงยิ่งมีน้อยเข้าไปใหญ่ เพราะงั้นไม่น่าใช้กรอบบรรทัดฐานปกติมา judge อ่ะนะ ไม่งั้นที่อาริมะเรียกคิโชวอินจิกหัวอยู่แบบนี้น่าจะโดนท่านโยโกะเรียกไปด่าแล้ว มันก็ทำให้คิดได้ว่านร.ชายคนอื่นก็น่าจะพูดได้เหมือนกันนะ แล้วพวกผู้ชายก็ไม่ได้ใช้ภาษาเว่อร์วังเท่าพวกผู้หญิงอยู่แล้ว หัวหน้าห้องยังเรียกเอ็นโจคุงตามปกติเลย
ky แป๊ปนะมึง นายตัวสำรองเรียกเรย์กะ ว่าคิโชวอิน ใช่มะ
หรือว่าแปลไทยตอนที่แล้วนายตัวสำรองเป็นคนพูด ไม่ใช่คาบุรากิ!?
//กูแค่มั่วนะมึง
>>505 อาริมะเป็นประธานนร.นะ และสภามีลุคขัดแย้งและงัดข้อกับอำนาจ Pivoine อยู่แล้ว อาริมะนี่โดนกัดสารพัดประเด็นที่มองว่าท้าทายอำนาจ Pivoine ถ้าจะโดนประเด็นนี้อีกอันสิแปลก และคาแรคเตอร์ตัวละครคือมาแนวคิดถึงความเท่าเทียม Pivoine ไม่ควรมีอภิสิทธิอะไรมากมายอยู่ละ ถ้าเรียกเรย์กะสุภาพสิแปลก แต่คนอื่นถามว่าจะเอาตามอย่างได้มั้ยนี่ไม่น่ามั้ยวะ ก่อนอื่นจะแสดงตัวต่อต้านหน่อยก็จงพาร่างไปอยู่ในสภานักเรียนให้ได้ก่อน ยิ่งจะออกหน้ามากๆตามอย่างประธานนร.อย่างน้อยถ้าตำแหน่งขึ้นมาเท่ากันก็คงโอ ถ้าไม่ก็ไม่ควรมีใครโผล่มาทำแบบเดียวกันเอาดื้อๆ เพราะเกิดปะฉะดะกับ pivoine สายหยิ่งขึ้นมาก็ไม่มีแบคนะ ไม่ได้มีจุดยืนหรือองค์กรอะไรรองรับพฤติกรรมตีเสมอ ถ้าอยู่สภายังเข้าใจได้ว่านี่คือแหล่งรวมคนคิดแบบนี้ ถ้าไม่ใช่นี่คือไงอะ อคติส่วนตัวงี้หรอ อันนี้อะดูจะแย่ถ้าเป็นนร.ธรรมดาสามัญทั่วไปมาทำ และไม่ได้สนิทกับเรย์กะเองด้วยงี้
Gokigenyou ไม่ปกติกับชีวิตจริง แต่ปกติกับมังงะและอนิเมโรงเรียนไฮโซมากกกก มีหลายเรื่อง ดังมากๆเรื่องนึงก็น้องหัวฟ้า คือสำหรับเซตติ้งไฮโซนี่ใช้มารยาทปกติมาวัดไม่ได้ก็จริงนะมึง เพราะมันใช้แบบมารยาทพื้นฐานปกติหรือขั้นกว่าของปกติมาหมดเลยตะหาก ไอแบบจู่ๆมาหยาบคายกว่าปกติ ตกเกณฑ์มาตรฐานนี่ไม่ใช่ละ แถมเรื่องหัวหน้าห้องเรียกเอ็นโจ อันนี้ก็ไม่หยาบนะ ถ้าเรียกเอ็นโจเฉยๆนี่สิมีปัญหา เพราะถ้าไม่เรียกกันว่าซัง(สุภาพมาตรฐาน ทางการปกติ) ซามะ(ทางการแบบมาตรฐานโชโจ คุณหนูๆ ไม่ก็เจอกับพวกเรียกไอดอล) ก็เรียกคนวัยเดียวกันลง-คุง หรือ -จัง อันนี้อะไม่หยาบ เรียกชื่อห้วนๆแบบไม่สนิทนี่ไม่เกี่ยวนะ
ถ้าเอาย้อนไปที่มีในเรื่องคือตอนเรย์กะเรียกซากุระว่าซากุระจัง แล้วบอกซากุระว่าให้เรียกชื่อปกติก็ได้ไม่ต้องเรียกสุภาพ คือนางหวังจะถูกเรียกว่าเรย์กะจัง แต่พอซากุระเรียกเรย์กะเฉยๆ นางยังแบบตกใจ นี่เล่นข้ามมาเรียกชื่อห้วนๆเลยหรอเนี่ย แบบนั้นแหละ สุภาพสุดๆแบบออกเว่อๆไล่ลงไปปกติคือ ซามะ-ซัง-คุง/จัง แล้วก็เรียกชื่อเปล่าๆ เป็นได้ทั้งแสดงความสนิทและหลาบคายถ้าไม่สนิท
>>500 ถ้าให้ท่านพี่ABเรย์กะO แล้วท่านพ่อเป็นO ท่านแม่เป็นAไม่ได้เด็ดขาดนะ ยกเว้นเกิดการกลายพันธุ์
สำหรับกูนะ ท่านแม่กับท่านพ่อต้องเป็น B กับ A พันธุ์ทางเท่านั้นถึงจะมีลูกเกิดมาเป็นABกับOได้ (ถ้ากุทดไม่ผิดนะมึง)
//โดนส่วนตัวกูว่าท่านแม่น่าจะB ดูมีรสนิยมอินดี้ดูขี้เหงาเอาแต่ใจแปลกๆ
ตกลงเรียกนามสกุลเฉยๆหยาบหรือแค่ไม่สุภาพอ่ะ กูว่าในเรื่องเรย์กะกับคิโชวอินไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้นเรียกว่าเพื่อนยังไม่ได้เลยออกทำนแนวคนรู้จัก
กูว่าถ้ามันหยาบจริงอาริมะก็ไม่น่าเรียกรึเปล่า เจ้าตัวรักความเท่าเทียมไม่ก้มหัวให้ก็ไม่แปลก แต่ไม่ใช่คนที่จะเรียกจิกหัวหยาบใส่ใครต่อให้อยู่ฝ่ายตรงข้ามอ่ะ อย่างช่วงที่ไปถามว่าเรย์กะโดนนายบ้าหมาข่มขู่อะไรรึเปล่าก็สื่อชัดเจนว่าเจ้าตัวมองทุกคนเท่าเทียมหมดถ้าpivoineเดือดร้อนก็พร้อมช่วยเต็มที่ ท่านประธายที่พร้อมดูแลทุกคน
กูคือ >>476 นะ เพิ่งกลับบ้านมาออนคอม เม้าในมือถือไม่มันส์เลย ถถถถถถถถถถถถถถ
ส่วนตัวกูคิดว่าก็ไอ้หัวหน้าชมรมทั้งสามนั่นล่ะ เพราะถ้าเป็นคาบุ เรย์กะคงด่าในใจหรือไม่ก็ตบมุกอะไรซักอย่างแล้ว ขนาดเอสชมรมหรือทาคากิที่นางรู้จัก นางยังหันไปตบมุกหรือพูดตอบอยู่ในใจเลย แต่อันนี้ไม่รู้ตัวว่าใครเป็นคนพูดไง เลยต้องไปตามหาตัวทีหลัง และตอนที่นางบรรยายคือ "พวกที่พูดอะไรพิลึกๆอยู่ข้างหลังนั่นใครกันน่ะ" พวกก็คือกลุ่มคนว่ะ อาจจะนินทากันอยู่ข้างหลังแล้วเรย์กะได้ยินพอดี ส่วนนายชมรมฟุตบอลไปอยู่ในระยะสายตาเจ้าแม่หันมองเห็นพอดีเลยซวยไป โดนเพ่งเล็งอยู่คนเดียว นายคนที่เรียกโยโคซึนะเรย์กะก็ไม่รู้นะว่าใคร ต้องไปหาตัวทีหลัง ที่แน่ๆไม่ใช่นายชมรมฟุตบอล
ไอ้เรื่องเรียกนามสกุลห้วนๆยังไงก็โอเคกว่าเรียกฉายานะ กูจะสื่อว่าพวกผู้ชายในโรงเรียนมันไม่ได้ให้ความเคารพเรย์กะอะไรขนาดต้องมาเรียกคุณ เรียกท่านหรอก จะเรียกนามสกุลเฉยๆแล้วไง กูไม่ได้เคารพมึง ไม่ได้มาเจอกันทุกวันหรือมีเรื่องต้องให้เข้าหา ทำไมต้องไปสุภาพด้วย แถมยังจะมองเป็นอะไรซักอย่างที่ล้อเลียนได้ผู้ชายชอบแซว ไม่งั้นฉายาของนางคงไม่ผุดมาให้ตรึมหรอก ขนาดน้องแว่นก็ยังบอกเลยว่าพวกผู้ชายทำเป็นร้องกลัวจุงเบย แต่เอาเข้าจริงก็ยังล้อเลียนเรย์กะอยู่ดี นี่คือเคารพและสุภาพป่ะล่ะ
แล้วไอ้ฉายามันก็ไม่ได้เป็นไปในทางที่ดีเลยนะ ไม่งั้นซาโตมิคงไม่บ่ายเบี่ยงตอนไปถาม หรือมีคนถูกเซริกะลากไปสั่งสอนตอนมาเรียกยัยกาลีหรอก ถ้าฉายาเป็นไปในทางที่เคารพสูงส่งความหมายดีทำไมทุกคนต้องปกปิดเจ้าแม่ขนาดนั้น
ไม่อยากจะบอกว่านี่อดีตท็อปชีวะตลอดม.ปลาย อร๊ากกกกกกก หน้าแตกพล้งเพล้ง~~~ จำสลับโครโมโซมระหว่าง O กับพวก A และ B พันธุ์ทาง อร๊ายยยยยยยย งั้นแก้ใหม่ขอรีเทิร์น คิดว่าถ้าตัดนิสัยชักใยของท่านพี่ออกตีให้เป็นนิสัยส่วนตัวนาง เอาแค่ความจริงจังและทำอะไรก็เก่งจับจุดเร็ว งั้นในความคิดกูคือท่านพ่อ O ท่านแม่ A ท่านพี่ก็ A ส่วนเรย์กะ O อันนี้เป็นตัวแปรคงที่อยู่ละ เปลี่ยนไม่ได้เพราะในเรื่องมีบอก ///ยังคงอายอยู่ กรี๊ดดดดด อย่าง่าป้า ป้าแก่แล้ว ถถถถถ
>>515 มันอธิบายยากว่ะ คือเป็นที่บุคลิกคนเรียกด้วยก่อนเลยนะ และมีปัจจัยให้คนๆนี้สามารถเรียกได้มั้ย ถ้าบุคลิก+สถานะมันทำให้เรียกได้ เวลาเรียกไปก็คือมันเป็นปกติ คือเจตนาไม่ใช่หยาบ ไม่ใช่เรียกแบบไม่สนมารยาทหรือตีสนิทโดยอีกฝ่ายไม่สนิทด้วย(ญี่ปุ่นถือ แบบอึดอัด อย่ามาทำเป็นสนิทถ้าไม่ได้สนิทกันอะไรแบบนั้น ถือเป็นความไม่มีมารยาทเพราะทำลำบากใจแนวๆนั้น) ซึ่งอาริมะนี่ไม่ต้องพูดเรื่องโปรไฟล์หรือนิสัย แค่เป็นประธานนร.ก็จบละเอาจริงๆ นอกจากคนอายุมากกว่าคือเรียกคนอื่นด้วยชื่อก็ไม่เป็นไร เป็นแนวลุคผู้นำ ฉันคือตัวแทนนร.ทั้งหมดเป็นคนที่ทุกคนเลือกมา สุภาพกับคนรุ่นเดียวกันก็ได้อยู่ถ้าบุคลิกเป็นงั้น แต่ถ้าบุคลิกมาแนวสายสตรองไม่หยุมหยิม เรียกนามสกุลเฉยๆไม่หยาบคายอะ คือแบบมันมีเรื่องตำแหน่ง สถานะ นิดนึง ที่ใช้แบ่งเจตนาและทัศนคติ ซึ่งถ้าเป็นคนธรรมดาสุดๆไปเรียกคนที่ไม่สนิทกันด้วยชื่อห้วนๆ อันนี้คนละบริบทอะ กูบรรยายงงมั้ยเนี่ย 55555 คือเอาเป็นคนถ้ามีตำแหน่งเป็นแนวผู้นำ มันจะมามาดขึ้นมาประมาณนึง เค้าอาจจะเรียกทำตัวเหมาะกับสถานะ แต่กูเรียกง่ายๆว่าเก๊กคิดว่าเห็นภาพกว่า ถถถถถ แต่ถ้าเป็นผู้นำในลักษณะที่เป็นที่ยอมรับของคนเยอะๆ ลุค การวางตัว การเรียกชื่อ จะอีกแบบเลย ถ้าอ่อนไปก็โดนมองไม่ดีอีกตะหากจะกลายเป็นไม่มีพาวเวอร์ แต่ทั้งนี้ต้องไม่ใช่หัวหน้าจิ๊บจ๊อยแบบหัวหน้ากลุ่ม หัวหน้าชมรมอะไรแบบนั้นนะ หัวหน้าห้องยังก้ำกึ่งๆเลย แต่ประธานนร.นี่จบปึ้งทุกกรณี
>>505 กูก็คิดตามนี้เหมือนกัน พวกผู้ชายพิธีการน้อยกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว คำที่ใช้ก็ไม่ซับซ้อนอะไรหรอก ถ้าไม่ใช่พวกสุภาพมากแบบเอ็นโจหรือหัวหน้าห้องน่ะนะ เห็นในการ์ตูนโชโจบางเรื่อง ยกตัวอย่างโอรังหรือเรื่องอื่นๆที่เซ็ตติ้งใกล้เคียงกัน ฝั่งผู้หญิงจะสุภาพๆเรียกคุณเรียกท่านตลอด ส่วนฝั่งผู้ชายบางพวกจะห้วนๆ เรียกนามสกุลกันเฉยๆทั้งชายและหญิง ถ้าพวกชมรมสายกีฬาที่ให้อิมเมจลุยๆ คงไม่มาซับซ้อนพูดคุณให้มันเยิ่นเย้อ รู้จักก็ไม่รู้จัก สนิทก็ไม่สนิท คุยด้วยมั้ยก็ไม่ได้คุย แถมบริบทยังเป็นไปในแนวกูนินทามึงอยู่อ่ะ ไม่จำเป็นต้องทำตัวสุภาพอะไรให้มากมายนักหรอก
รุ่นพี่โทโมเอะเป็นปธ.นร.ยังเรียกคุณคิโชวอินเลย ตำแหน่งไม่น่าเกี่ยวเปล่า
>>518 ฉายาไม่แย่นะมึง ที่ทุกคนปิดไม่กล้าบอกก็สมุนสาวๆทั้งงั้นที่อุบ คือถ้าเรย์กะมากมาแบบท่านโยโกะ ได้ฉายาเทพีกาลีนี่คุยฟุ้งได้ยันเรียนจบเถอะ แสดงถึงคนยอมรับว่ามีพาวเวอร์ แล้วคีย์คือตอนเกิดเหตุมีพูดถึงแนวๆเรย์กะที่นิ่งสงบเหมือนขุนเขาใหญ่(จำชื่อไม่ได้)เคลื่อนไหวแล้ว กับเจ้าแม่กาลีอวตารลงมา ซึ่งคีย์สุดคือเจ้าแม่กาลีเป็นปางอวตารไปปราบอสูร = ทุกคนเห็นเรย์กะเป็นเทพธิดาที่ลุคปกตินิ่งสงบมีมารยาทอ่อนโยน(พระแม่อุมา) อวตารเป็นเทพีกาลีไปปราบอสูร(ซึรุฮานะ..?? 5555)
ยังไงก็ไม่ใช่ฉายาแย่นะ แค่ว่าคนที่จะพราวด์ต้องสาวแนวมีพาวเวอร์ ต้องการอำนาจในมือ มีลุคทรงอำนาจและชอบที่ตัวเองมีอำนาจแบบโยโกะซังงี้ ส่วนเรย์กะเห็นทั้งลุคทั้งนิสัยก็รู้ละว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ชีต้องการ ไม่ใช่ฉายาไม่ดีแต่ลุคมันกลับตาลปัตรกับภาพลักษณ์ที่ใฝ่ฝัน(วีนัส) ยังไงก็เป็นชื่อไม่พึงประสงค์อะแหละ 5555 ตอนบูเช็กเทียนก็เหมือนกัน ตรงกับตัสนางเป๊ะๆ ยังพูดมาเลยว่าเค้าเป็นหยางกุ้ยเฟย โถวววววว คือนางมาแนวสวยๆบอบบางทำอะไรไม่ได้เลยขอสวยอย่างเดียว ดูดีนิด สูงส่งหน่อย แต่ไม่เอาทรงอำนาจสายโหด คนก็เลยปิดกัน แต่คนอื่นนอกจากสาวกไม่ปิดนะ แค่โดนไล่บี้เลยต้องเงียบแค่นั้น
ฉายาเจ้าแม่กาลีไม่แย่ แต่รูปลักษณ์ภาพวาดของเจ้าแม่กาลี มัน มันก็ไม่โอเคนะมึงงง พอๆกะเทพมิคุรุ เทพดี แต่หน้าตานี่ไหวนะ 555555
>>523 ถ้าไม่แย่ซาโตมิก็น่าจะบอกไปเลยทุกคนเรียกคุณว่าเจ้าแม่กาลีน่ะ แต่นี่ปกปิดบ่ายเบี่ยงสุดฤทธิ์ เบนเข็มไปบอกว่าเทพธิดาเป็นการเอาตัวรอดแทน มึงคิดว่าเรย์กะได้รู้ว่าตัวเองมีฉายานี้จะดีใจป่ะล่ะ แถมอิมเมจเจ้าแม่กาลีคือผู้หญิงหน้าตาน่ากลัว นิสัยโหดร้าย ตัดคอคนเอาเลือดมาดื่มเป็นอาหาร ตอนถูกเรียกบูเช็คเทียนนางยังนิ่งไปแป๊บนึงก่อนจะตบมุกในใจเลย ถ้าได้รู้ว่ามีฉายากาลีจะเฟลหนักขนาดไหน
>>522 ตามที่พิมพ์ไป นิสัยงายมึง กูพิมพ์อยู่นะว่าสุภาพก็ได้ถ้าบุคลิกเป็นงั้น สุภาพไม่ผิด ไม่เรียกสุภาพทางการก็ไม่ผิดถ้าสถานะทางสังคมทำได้ ที่ผิดหรือก็คือหยาบคายก็คือสถานะไม่ได้ ไม่สนิท และเรียกห้วน
ลุครุ่นพี่โทโมเอะก็แหมมาแบบสดใสเหมือนแสงอาทิตย์อะไรที่เคยมีบรรยาย และเป็นยุคที่บรรยากาศระหว่างกันดีเพราะบุคลิกประธานรอมชอมและเป็นมิตร อันนี้ก็มีในเรื่องนะ อาริมะไม่เหมือนกันเพราะแข็งกว่า และงัดกันแหลกกับโยโกะซังงี้ คือถ้ารุ่นพี่โทโมเอะไม่เรียกทุกคนอย่างสุภาพ หรือถ้าอาริมะเรียกทุกคนสุภาพมากๆนี่สิ เป็น conflict ในตัวคาแรคเตอร์และเรื่องราวที่วางมา ไปยันปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆอย่างเรื่องงัดกันเงี้ย ทุกอย่างจะยวบยาบทันที ดูแบบดีเทลไม่ส่งกันแถมยังมีจุดแย้งกันเอง นี่ทั้งเรื่องเขียนมายังไม่เคยเจอดีเทลไหนแย้งกันเองเลยนะ เขียนอย่างปราณีตมาก
>>521 ผู้ชายพิธีน้อยก็น้อยกับผู้ชายด้วยกันไม่แปลก แต่มาน้อยกับผู้หญิงคือฟาวล์ละมึง ถ้าไม่สุภาพก็ตามที่บอกคือคาแรกเตอร์+สถานะ ถ้าแบบเรียกสบายๆกับคนทั้งโรงเรียนมันจะมีจุดที่ใครๆก็ขี้เกียจจะใส่ใจ แต่เรียกเรย์กะยังแบบนี้คือต้องกล้าเรียก Pivoine ทั้งหมดด้วยชื่อหมดเลยนะ แน่นอนว่ารวมพวกหัวรุนแรงสายเจ้ายศเจ้าอย่างด้วย ไม่งั้นก็วนกลับไปจุดเดิมคือไม่สนิทแล้วเรียกยังงี้ อคติส่วนบุคคลหรือเปล่า มันจะไม่สุภาพทันที
เรื่องอื่นนี่ไม่รู้นะ แต่แบบเอาเฉพาะเรื่องนี้ในเรื่องที่มีกล่าวมา มันยังไม่มีใครเรียกเลยไง ก็เรียกสุภาพกันหมดเหลืออยู่ 2 คนซึ่งสถานะสามารถเรียกได้ทั้งคู่ แล้วสองคนนี้ก็เรียกทุกคนแบบนี้ด้วย คือนอกจากรุ่นพี่ที่เรียกลงว่ารุ่นพี่ นอกนั้นคนอื่นทุกคนเท่าที่มีปรากฎบทสนทนาในเรื่อง เรียกชื้อห้วนๆหมดทั้งคู่อะ ตามเดิมว่าดีเทลไม่หลุดและไม่เคยขัดกันเอง
>>524 มีหลายอิมเมจนะแล้วแต่จิตกร แต่รวมๆก็นั่นแหละ 5555555 แต่คือฉายาได้มาไม่ใช่เพราะหน้าไง ยังมีอยู่ว่าสะบัดพัดแล้วฝนโลหิตพร่างพรม มาแนวออกปราบมารร้ายชัดๆ ฉายานี้ถ้าในสายตากูคือคนที่ควรเกลียดฉายานี้มากสุดคือพวกซึรุฮานะ กลายเป็นอสูรที่ตายอนาถเลือดสาดเป็นสายฝนทันที แถมยังตายแบบคนรู้สึกว่าตายอย่างชอบธรรม คือมึงสมควรโดนประมาณนั้น ถถถ
>>526 ก็ถึงได้บอกไงว่าเรย์กะไม่ได้เป็นที่เคารพอะไรเลยสำหรับพวกผู้ชายเลยไม่ต้องมาเรียกสุภาพด้วย แถมบริบทคือการนินทา ซึ่งเรานินทาใครเราจะพูดสุภาพด้วยเหรอ ถ้าไปพูดต่อหน้าเจ้าตัวก็ว่าไปอย่าง ยังไงก็ต้องมีคุณต่อท้ายอยู่แล้วเพราะมันเป็นการพูดกันตรงๆตัวต่อตัว แต่เวลานินทาใครลับหลังเราก็เรียกคนนั้นหยาบคายตามสไตล์เรากันอยู่แล้ว ขนาดไทยนินทายัง ไอ้เชี่ยนั่น ไอ้ห่านี่ อีดอกคนนั้น อะไรก็ว่าไปเลย แค่เรียกนามสกุลห้วนๆนี่ฟังดูสุภาพกว่าเรียกฉายาเยอะเลยว่ะ
ปล.มึงสปอยนะ >>527 อย่าหลุดสปอยมาเองแล้วไม่ลากจุดแบบนี้ กูไม่โอเค
>>526 เอาแบบ fact ในเรื่องที่ไม่ได้เกิดจากการสันนิษฐานเองนะ ตอนน้องแว่นเล่าก็ยังบอกเลยว่ารุ่นพี่ผู้ชายม.5 ตั้งฉายาคุณรุ่นพี่เรย์กะเสียๆ หายๆ ซึ่งดูแล้วยังไงก็เท่ากับแย่ป่ะ แถมยังตามด้วย "ยามที่คิโชวอิน เรย์กะสะบัดพัดภูตพราย~" นี่ก็เรียกห้วนๆ แล้วป่ะ มันเป็นชื่อที่ไว้เรียกลับหลัง เจ้าตัวไม่ได้ยินอ่ะ แล้วฉายาแต่ละชื่อนี่ เว้นดอลลี่เกิร์ลไว้อันแล้ว สื่อเป็นนัยๆ ได้ว่า "อีนี่โหด" ทั้งนั้นเลยนะ ถ้าเป็นกูคงไม่ปลื้มอ่ะ ตอนแนะนำตัวนางยังออกตัวพัลวันในใจเลยว่านางไม่ใช่ตัวแม่ เพราะงั้นกูว่าไม่ใช่คาบุอ่ะ กลุ่มข้างหลังๆ นี่แหละ
>>529 สปอยตรงไหนวะมึง กูพูดถึงตอนได้ฉายามาใหม่ๆนะไม่ใช่ตอนอื่น ย้อนไปอ่านดูได้ว่าสาวๆมีท่าทีกัน จะหลุดว่ามีเนื้อหาเชื่อมโยงก็จากมึงพูดเนี่ยแหละ
นี่มันไม่นินทาแล้วนะ นินทาคือควรเป็นแบบล้อมวงเจ้าตัวยืนหัวโด่ คนอยู่เต็มเนี่ยนะ แถมมีคนอื่นไม่ใช่เพื่อนสนิทร่วมเป็นพยานอีกว่าเรียกเรย์กะยังไง ไม่กลัวคนอื่นติ ไม่กลัวบอกต่อ ไม่กลัวสาวกงี้ แล้วเค้าพูดกันอยู่แค่นั้นโมเม้นดูเป็นเดดแอร์ โพล่งขึ้นมากลางทางเดินต่อให้เรย์กะไม่ได้ยินคนอื่นก็ได้ยิน แล้วนี่มันโรงเรียนคุณหนูมีมารยาทหน่อย คือกลางที่สาธารณะลุคไม่ควรหลุดอยู่ละ เรียกชื่อให้สุภาพนี่มารยาทพื้นฐานมากอะ แล้วซังไม่ใช่สุภาพเป็นพิเศษด้วย มันแค่สุภาพปกติทั่วไปตามมารฐาน แล้วนี่เค้าก็ไม่ได้ด่าเรย์กะอยู่นะจะมาโชว์หยาบทำไมเนี่ย
>>530 คิโชวอิน เรย์กะ ชื่อ+นามสกุลไม่ใช่เรียกห้วนแต่เป็นการเรียกทางการอะ ทางการมากที่สุดแล้วด้วยคือเรียกเต็ม แถมเรื่องเรียกเสียๆหายๆของน้องแว่นที่เป็นสาวกนี่เรียกอะไรแซวมาก็เสียหายหมดละ คืออ่าน POV นางแต่ละประเด็นนี่ฟิลเตอร์เรย์กะซามะมาแรงมากกกก เจ้าหญิงผู้งดงามอ่อนโยนเลย เพราะงั้นทุกฉายาก็มองแนวเดียวกับแก๊งสาวกอยู่แล้ว ฉายาโหดนางคงไม่ปลื้มถ้าเอาความรุ้สึกส่วนตัว แต่ทุกวันนี้จุดยืนที่เรย์กะอยู่มันก็ต้องมีเรื่องอำนาจนะ มีพูดถึงหลายครั้งแล้วว่ามีจุดยืนที่ต้องบาลานซ์ จุดที่เป็นผู้นำผู้หญิงก็ด้วย จะชอบไม่ชอบคือเป็นอีกประเด็น แต่ทุกวันนี้รักษามั้ยก็ยังต้องรักษา ปล่อยซึรุฮานะมาผงาดเหนือกว่าก็ไม่ได้ เวลาอิทธิพลเริ่มขยายยังมีเครียดด้วยซ้ำ คือไม่ว่าจะชอบหรือเปล่าแต่อำนาจเป็นส่วนประกอบนึงของเรย์กะ และเป็นประเด็นที่ทั้งเรื่องเล่นถึงด้วยในการบาลานซ์จุดยืน คือสังคมปกติมันก็เป็นเรื่องสำคัญอยู่แล้วอะ ยิ่งสังคมม.ปลายญี่ปุ่นในหมู่ผู้หญิง นี่คือประเด็นดราม่าหลักๆอันนึงที่เป็นเรื่องใหญ่ของเด็กวัยนั้น ยิ่งเรย์กะนี่มากเป็นพิเศษเลยด้วยสังคมแบบซุยรัน
ฉายาแนวนี้สาวกไม่อยากให้ได้ยินเอง แต่ถามว่าไม่ชอบรึเปล่าก็คงไม่นะยกเว้นเรื่องหน้าตา เพราะคนคอยเชียร์ให้เรย์กะลุกไปซัด และฟินปลื้มปริ่มกับบทนางพญาของนางตลอดก็สาวกเนี่ยแหละะะ ชัดเจน
>>531 แต่กูเคยเจอกับตัวนะ เยอะเลยแหละ ที่อยู่ห่างกันระยะนึงแล้วแอบซุบซิบกันว่าคนๆนั้นอะแม้จะอยู่ในที่คนเยอะๆก็เหอะ คือบางคนเขาคิดว่าแค่พูดเบาๆคนอื่นไม่ได้ยินไง บางคนก็แบบอยากเมาท์จนลืมตัวก็มี กูเคยทั้งมีคนมาซุบซิบให้ฟัง ทั้งโดนคนซุบซิบกูเลย ในการ์ตูน/นิยายเรื่องอื่นก็มีคิดว่าไม่แปลกเท่าไหร่นะ
>>534 เข้าใจว่าหมายถึงพฤติกรรมสายตาพิฆาตของเซริกะ คิคุโนะที่มีมาเป็นระยะ และกูอ่านถึงตอนนางมโนตัวเองเป็นวีนัสฟรุ้งฟริ้งนั่นก็รู้ละว่าคนอื่นโดนแก๊งสาวๆเก็บ นี่คืออ่านแต่แปลไทยเลยนะ ถ้ามีเชื่อมถึงสปอยก็รู้ตอนคนมาทักเนี่ยแหละ รู้สึกได้ hint มาแบบไม่ทันตั้งตัว ถถถถ
>>537 ในนั้นเป็นประโยคบอกเล่าปกติไม่ได้มีลักษณะบทสนทนาเป็นพิเศษ ปกติมันก็ชื่อ+นามสกุลห้วนๆอยู่ละนะ หรือภาษาทางการมากๆใช้ติดต่องานก็ชื่อ+นามสกุล ตามเมลตามเอกสาร หรือเดินมาเรียกตัวแบบทางการ ประกาศชื่อในเคสทางการ ไม่มีเติมซังซักกะอัน ชีวิตจริงทั้งตอนทำงานอยู่เลยยันปจบ.ที่ไปๆมาๆ เวลาพูดลักษณะทางการหรือคนเล่าถึงก็ไม่มีใครใช้ซังนะ โดโนะนี่ยิ่งม่ายเลยยยย ไม่เคยมี ซามะมีเวลาจะออกอาการคลั่งไคล้ชื่นชม
แต่ถ้าเอาตัวอย่างเหตุการณ์เป๊ะๆก็เช่นเมลติดต่องาน ทางการมากๆแบบ cc ให้หลายคนหลายฝ่าย ไม่มีลงว่าซัง โทรศัพท์ทางการเรียกชื่อนามสกุลไม่มีซัง ประโยคเขียนอ้างถึงก็ชื่อนามสกุลไม่มีซัง ยัน hr เดินมาหาตัวทั้งตอนพูดชื่อถามหากับเดินมาจนถึงโต๊ะเพื่อเรียกไปก็พูดชื่อนามสกุลห้วนๆไม่มีซัง กูรู้สึกว่าเติมซังยังจะดูลดความเป็นทางการด้วยซ้ำ คือสุภาพนะแต่ไม่ทางการ
เอาตัวอย่างชัดไปอีกคือประโยคเขียนถึงเหมือนที่มีตัวอย่างมาว่า "ยามคิโชวอิน เรย์กะสะบัดพูดพราย" เป็นประโยคกล่าวถึงลอยๆ เวลามีคนใช้เขียน/เล่าถึงอย่างตอนทำงานว่า หลังเสร็จขั้นนี้ๆๆ xxx-xxxxxx(ชื่อนามสกุล)ก็เป็นผู้ทำส่วนนี้ๆๆต่อไปโดยวิธีดังนี้ บลาๆๆๆ เติมซังนี่จะประหลาดทันที
เอาง่ายกว่านั้นคือภาษาไทย ในเคสทางการก็ใช้ชื่อนามสกุลห้วนๆนะ เทียบคุณเท่ากับซัง ทางการมากๆไม่ใส่ด้วยซ้ำ คำนำหน้าปกติพวกนาย นาง นางสาวก็ละในหลายเคส ใส่เฉพาะยศนำหน้า ภาษาอังกฤษก็เหมือนกัน มีละคำนำหน้าในหลายเคสโดยเฉพาะบริบทการกล่าวถึงหรือลักษณะบอกเล่า เพราะจะมา Mr.นั่นนี่ Ms.บลาๆ บางทีก็ดูเป็นภาษาพูด
เพิ่มสุดท้ายละคิดว่าหาง่ายสุด คือในข่าวและบทความ ลักษณะเดียวกันว่าคือภาษาเล่าถึง เป็นคำกล่าว ละทุกสรรพสิ่งเหลือแค่ชื่อ-นามสกุล ที่เติมมิส มิสเตอร์ อะไรให้ก็มี แต่ส่วนใหญ่ละหมดสิ้นเชิง
>>531 โอเค ถ้าไม่ได้สปอยกูก็ขอโทษด้วย เห็นมึงพูดถึงซาโตมิมีสาเหตุ กูเลยนึกว่าไปอ่านดิบแล้วมาสปอยไม่ลากจุด เพราะตอนเรย์กะมาถามซาโตมิเรื่องฉายาและฮีบ่ายเบี่ยงไม่ตอบ ก็ไม่ได้มีสาวๆมายืนกดดันอยู่ห่างๆคอยมองจ้องอะไร
แต่นินทามันไม่ได้มีเอาไปพูดกันลับหลังแบบเดียวนี่มึง นินทาแบบจงใจให้เจ้าตัวได้ยินก็มี หลุดปากพูดออกมาเองก็มี หรือพูดซุบซิบแบบไม่คิดว่าเจ้าตัวเขาจะได้ยิน แต่จริงๆได้ยินเต็มสองรูหูก็มี และกรณีนี้มีเยอะด้วย ส่วนเรื่องหยาบคายเนี่ยกูไม่ได้จะให้มาแข่งโชว์หยาบ แค่บอกเฉยๆว่าถ้าไม่ได้ไปยืนต่อหน้าเจ้าตัวเราจะพูดอะไรออกมาก็ได้ จะหยาบคายแค่ไหนก็ได้ จะไม่สุภาพยังไงก็ได้ แต่พอพูดกับคู่กรณีแบบตรงๆโต้งๆ มันก็ต้องมีความสุภาพเข้ามาเกี่ยวข้องกันนิดนึง ที่เรียกคิโชวอินห้วนๆก็เพราะยืนคุยกันเองในกลุ่มเพื่อน ไม่ได้มายืนพูดตรงหน้าหรือพูดกับเจ้าตัวไง เสียงมันมาจากข้างหลังนะ ถ้าอยู่ต่อหน้าเรย์กะก็คงพูดคุณพูดครับอะไรกันไปนั่นล่ะ ถ้าเป็นคาบุกูก็ยังยืนยันนะว่าเรย์กะคงมีตบมุกหรือด่าในใจแบบตอนทาคากิหรือนายชมรมฟุตบอลพูดขึ้นมาบ้างแล้ว
เติมอีกรอบสุดท้ายจริงๆละ ว่านี่คือปสก.ของกูเองในเคสที่ทำงานบริษัทที่ต้องติดต่อกับต่างชาติทั้งหมดนะ และในบริษัทก็มีคนต่างชาติอยู่ด้วย กูรู้สึกว่าญี่ปุ่นในบริษัทหรือกลุ่มคนที่ต้องติดต่ออะไรระดับอินเตอร์หน้อยจะไม่พยายามใช้อะไรที่ญี่ปุ๊นญี่ปุ่นมากในงาน อย่างเช่นคำเรียก ถ้าเวลาพูดคุยเค้าจะมีเติมบ้างกับเอเชียด้วยกัน กับทางตะวันตกจะไม่ เป็นข้อยกเว้นซึ่งอันนี้กูเข้าใจเพราะตอนอยู่ในไทยที่ออฟฟิศมีฝรั่งอเมริกันกับฝรั่งเศส คนไทยติดเรียกคุณxxx เคยโดนหลายทีว่าไม่ต้องใส่คุณ ในภาษาชั้นไม่มี เคยโดนบ่นยาวยังกะเลคเชอร์ให้ฟังหลายทีและจากหลายคน ตอนหลังก็เลยละไป ตอนไปทำที่ญี่ปุ่นก็เหมือนกันคือจะละในกรณีคุยกับฝรั่ง ส่วนเอเชียด้วยกันถ้าพูดหรือส่งเมลส่งเอกสารไม่ทางการจัดมากก็ใส่ซัง คือทางการก็มีนะแต่ไม่ใช่แบบมากกกกเลย
อธิบายอ้อมไปอ้อมมาดูยากจริงวุ้ย เอาตรงๆเลยละกัน คืออย่างกูเป็นอินทีเรีย ส่งเมลติดต่อกับระหว่างอินทีเรียกับเต็ค cc ให้ลูกค้าในฝ่ายงานออกแบบที่เป็น in house ของลูกค้า อันนี้จริงจังแต่ไม่มากยังเหมือนคุยกันเองเป็นกึ่ง internal ใส่ซังกันบ่อย / พอติดต่อกับคอนซัลท์ ผู้รับเหมา แล้ว cc กระจายให้ลูกค้าทั้ง in house สายงานออกแบบ ทั้งมาร์เก็ตติ้ง พีอาร์ ไปยันฝ่ายบริหารของลูกค้า และมีส่งให้เต็ค ไลท์ติ้ง บลาๆๆ ส่งแบบกระจายทุกฝ่ายที่ทำโปรเจค อันนี้อะจะไม่มีซังแต่ใช้ภาษาสุภาพทางการมากๆไปทั้งหมด เห็นส่งกันไปมาก็ไม่เคยเจอใครใส่ซัง และใช้ภาษาเขียนมากๆด้วย แบบทางการๆออกโรบอท จะไม่ใช้ภาษาพูดปน มันสุภาพได้โดยไม่ต้องใช้คำลงท้ายชื่อเพราะเป็นลักษณะทางการมากๆงี้
ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตคือบริษัทที่ทำงานติดต่อต่างชาติมากๆหน่อยจะไม่ค่อยใช้อะไรที่ญี่ปุ่นจัดมากในองค์กร เช่นการเรียกกันในเวลาทางการงี้ แต่จะว่าเป็นเฉพาะที่ก็ไม่นะ ตอนไปฝึกงานกับที่อื่นก็เป็น และกับคนรุ่นเดียวกันที่แบบเด็กสมัยใหม่หน่อย เวลาทำอะไรทางการก็มาแค่ชื่อนามสกุลเหมือนกัน คือเกริ่นยาวเพราะแบบกูก็ไม่ชัวร์นะว่าเป็นวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่มรึเปล่า แต่คือถ้าใช่มันก็เป็นกลุ่มใหญ่มากกกกเลยอะ อย่างน้อยการติดต่อกันในเทอมธุรกิจมันมักมาเป็นงี้จริงๆ ถ้าเอาแค่ญี่ปุ่นนะ ส่วนไทยนี่ไม่ต้องพูดถึง ละบ่อยยิ่งกว่าญี่ปุ่น ฝรั่งนี่เรียกถ้าใส่คำนำหน้ามาคือดูสบายๆเฟรนด์ลี่ผิดปกติเลยแหละ 5555 เจอแต่ชื่อนามสกุลตลอด
>>541 พูดถึงซาโตมิเพราะถามซาโตมิอะ จริงอาคิเองก็มีฉากแนวนี้ คือไม่ได้มากดดัน ณ ขณะนั้นต่อหน้า แต่มีฉากที่เห็นแล้วเข้าใจได้ว่าทำไมฉายายังไม่ถึงหูเรย์กะงี้
นินทานี่ยกให้เป็นแล้วแต่มุมมองละกัน เพราะคิดว่าแต่ละคนอ่านก็ตีความกันหลายแบบแหละ แต่สำหรับกูมาเป็นนามสกุลห้วนๆนี่คือคิดแบบที่ได้ร่ายไป 5555 คือคนอ่านมาตีความไม่เหมือนกันอยุ่ละ รออ.เฉลยอีกที แต่ก็อย่างที่มีคนบอกไปบนๆซึ่งอ่านแล้วกูฮามากว่าถกกันจริงจังมากวันนี้เพื่อประโยคเดียว ขำาาาา แต่มานั่งถกนั่งอ่านก็สนุกดีอะ อาจจาความโรคจิตส่วนตัวเพราะกูเป็นประเภทชอบดีเบท และชอบฟังคนดีเบทด้วย รู้สึกมันเปิดมุมมองดี คือสนุกว่าง่ายๆ ไม่จำเป็นว่าต้องเห็นตรงกันมั้ยเพราะมันสนุกตรงระหว่างทางที่ถกกันเนี่ยแหละ รู้สึกกูซัดยาวมากวันนี้จนโดนเพื่อนด่าว่านั่งแช่ ถถถถ ก็นะเก็บกด แบบพูดต่อหน้ามาโต้กันนี่มีแค่ทางฝรั่งที่โอเค ถ้าไทยกับญี่ปุ่นจะรู้สึกเหมือนทะเลาะกันทำไม อย่างเถียงกันๆ โอ๋เอ๋ เจอบ่อยมากกกก ก้แบบนะไม่ได้ทะเลาะเว่ เค้าเรียกแชร์ความคิด อันนี้เป็นข้อดีโม่งในสายตากูคือพิมพ์ไรก็พิมพ์ไปไม่มีใครรู้ว่าใคร ไม่ต้องกลัวสืบๆแล้วเจอเม้นในหลายๆทู้จนเก็บจิ๊กซอว์มาต่อได้ว่าไอนี่กูรู้จักนี่หว่า คนนี้ๆแหงเลย คือพังงงงงง ปล่อยเป็นประเด็นรอเฉลยไปดีกว่าเพราะเขียนมาละเอียดดีเทลแน่นขนาดนี้ อาจจะมีเฉลยซุกๆอยู่ทีหลัง
>>543 กูว่าไอ้ประโยคสามบรรทัดตรงนี้ไม่เฉลยทีหลังหรอก มันไม่ได้สำคัญอะไรหรือเป็นคีย์อะไรกับเรื่อง แถมบอกไปแล้วว่ากลุ่มคนที่พูดกันอยู่ด้านหลัง ตอนเรย์กะได้ยินแล้วด่าในใจยังด่าแบบมัดรวม แต่ไม่พูดถึงคาบุซักแอะซึ่งมันผิดวิสัยของนางที่ไม่เคยพลาดเรื่องจะด่าคาบุ ชงมาให้ด่าขนาดนี้ไม่ด่านี่แปลกมากสำหรับกู ตอนเรย์กะถามในวันรุ่งขึ้น ฮีคงพูดแล้วว่าฉันบอกไปเมื่อวานแล้วไงว่าเธอเป็นคนกำจัดศัตรูซึ่งๆหน้า บลาๆ ไอ้สามบรรทัดนี่ก็คงหนีไม่พ้นหัวหน้าชมรมสามคนนั้นนั่นล่ะ
>>544 ก็ยังคิดว่าไม่ใช่หัวหน้าสามคนอยู่ดีอะ ไม่งั้นคงระบุถึงไปละ นี่มาแค่เอสฟุตบอลคนเดียว คือคนอื่นดูจืดจางไปตั้งแต่ตอนโดนพัด ขนาดแฟนอาร์ตยังไม่มีถึง ยังคิดว่าไม่น่าใช่อยู่ดีว่ะ ส่วนจะใครนี่กูไม่รู้แร้นนน ไอคนแรกมีเบาะแสประเด็นชื่อเรียก จนกว่าจะมีคนอื่นในเรื่องเรียกแบบนี้คือมันก็ใกล้คาบุสุด เรื่องไม่ด่านี่คือทั้งตอนดูไม่มีใครสนคาบุเลยนะ ทั้งพูดแทรกทั้งไม่มีใครตอบ เป็นตอนที่สปอร์ตไลท์ตกอยู่ที่สามสาวมากกว่า แต่รวมๆคือตราบใดที่ยังไม่มีใครเรียกห้วนๆมาอีกก็ยังไม่มีคนอื่นเข้าข่าย พ่วงด้วยเสียงจากข้างหลังแล้วเล่นงาน 2 คน อีกคนก็เลยไม่รู้ว่าข้างหลังหรือข้างไหน จะซ้ายขวาหน้าหลัง รวมกันคนโดนเล่นงานก็ประโยคเห็นด้วยทางเดียวกัน แถมเป็นเสียงซุบซิบให้ความรู้สึกว่าคงอยู่ใกล้กันแล้วเหมือนคุยกันเอง ถ้าหันไปเจอสองคนแล้วที่จริงมี 3 ก็ควรพูดถึง 3 ในความคิดกูอะนะ ส่วนคนสุดท้ายก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเพราะไม่มีตรงไหนระบุได้ ตอนนี้สำหรับกูคือแปะป้ายเป็นซุยรันมุงไป เพราะจะชมรมกีฬาใดๆคือทำไมต้องเปรียบกับซูโม่ด้วยยยย อินกับกีฬาขนาดเป็นหัวหน้าชมรมนี่ศัพท์เปรียบเทียบกีฬาตัวเองไม่มีเลยเรอะ ไม่งั้นก็หัวหน้าชมรมซูโม่ไป 55555 แต่มันก็เป็นประเด็นปลายเปิดอยู่ดี
>>546 แกล้งตายนี่ดูเหี้ยมาก 555555555 ผลักภาระโคตรๆ นี่ไม่รู้เหมือนกันว่าใครมั่ง รู้แค่คนนึงเอสฟุตบอล คนแรกจืดสนิท คนที่สามอาจจะมีบทต่อได้อีกแต่ไม่รู้เมื่อไหร่ เหมือนเวลานางวางมิชชั่นไว้ก็จะทำจนคอมพลีทเช่นการป้ายซอสที่ก้นพี่ชายคุณอาคิมิ ซึ่งคอมพลีทแบบกูยังคาใจว่าป้ายยังไงงง แต่ก็ดูไม่ปล่อยลอยนวลถ้าคิดจะจัดการจริงๆ
>>542 อ่านแบบรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่งเพราะศัพท์ประหลาดมึงเยอะมาก อย่างน้อยในสายตากู ถถถถ แต่เข้าใจจากตอนอธิบายเรื่องประโยคกล่าวถึงอันบนๆมากกว่าว่ามันคือทางการ อันนี้ไม่มีความรู้เฉพาะทางเรื่องเลเวลภาษาพวกความทางการ แต่ถ้าเอาจากที่เคยเห็นรวมทั้งในเรื่องนี้ มีพูดชื่อ+นามสกุลอยู่นะ และอ่านแล้วรู้สึกทางการปกติแบบไม่หยาบ หรือแบบเป็นการกล่าวถึงไรงี้ อิงมาจากภาษาไทยเวลาใครพูดถึงกันก็มาเป็นชื่อนามสกุลเลยเวลาเล่า กันปัญหาเรื่องซ้ำ และออกเหมือนภาษาเขียนหน่อยๆ
อีกสองคนก็อาจจะเป็นในชมรมฟุตบอลหรือเพื่อนของหัวหน้าชมรมฟุตบอลก้ได้ คงไม่ไร้ญาติขาดมิตรคบกันขนาดนั้น... ถถถ
>>547 ตอนเอาซอสไปป้ายคงใช้ไม้หรืออะไรยาวๆไปทาแถวๆนั้นมั้ง นางคงไม่ลงทุนเอามือไปจับก้นผู้ชายหรอก ถถถถถถถถถถถถถถถถ
ถ้าไม่คิดจะปล่อยให้ลอยนวลนางคงไปเค้นถามเอาจากนายเอสชมรมนั่นล่ะว่าอีสองคนที่มาซุบซิบอะไรข้างหลังฉันนั่นใคร ถ้าผลออกมาเป็นสองหน่อหัวหน้าชมรมนั่นล่ะก็...........โบตั๋นแดงอาจจะไปเยือนถึงที่ พร้อมปักป้ายเอาไว้ว่าประหารชีวิตก็เป็นได้
>>551 ถ้าจะมีคนเห็น น่าจะเป็นมุมมองท่านพี่หรือเอ็นโจแล้วว่ะ หรือจะเอามุมมองอิมาริ ได้เห็นตัวตนใหม่ของคุณน้องสาว ทำให้ผมรู้ว่าถ้าทำให้เรย์กะจังแค้นล่ะก็ อาจจะโดนซอสมาป้ายตูด ได้ขายขี้หน้ากลางวงสาวๆแน่นอน เพราะฉะนั้นผมต้องปฏิบัติกับเธอดีๆไม่ให้เธอขุ่นเคือง มั้งนะ 555555
>>552 กูว่าต้องมุมมองริรินะ
เห็นคุณเรย์กะทำอะไรแปลกๆอีกแล้ว ไม่กลัวโดนจับได้รึไงกัน น่าเป็นห่วงจริงๆ งานนี้ตัวเองเป็นเจ้าภาพไม่ใช่รึไง ต้องไปเบี่ยงเบนความสนใจคนอื่นให้ซะแล้ว
อะ ละสายตาไปแปปเดียวก็ไปอยู่กับผู้ชายท่าทางอันตรายคนนั้น! ไม่ได้ละต้องเข้าไปทำอะไรสักหน่อยแล้ว
เฮ้อ มีพี่สาวไม่เอาไหน นี่ทำน้องสาวลำบากจริงจริ๊ง
Ky นี่รู้สึกคนอ่านท่านเรย์กะมีหลายวันและหลายแนวมากเลยว่ะ ปกตินิยายแนวโชโจคนอ่านจะวัยรุ่นประมาณนึง คนโตๆหน่อยจะไม่ค่อยอ่านละเพราะมองว่าเพ้อไป ยิ่งคนแนวมีสาระนี่ปกติกูไม่เห็นอ่านแนวนี้กันเท่าไหร่ นี่เป็นเพราะรู้สึกว่าท่านเรย์กะไม่ฟรุ้งฟริ้ง ไม่โชโจสินะะะะ /ปาดน้ำตา หลงมาเพราะประเด็นของกินกันรึเปล่าเนี่ย ;v;
>>558 รู้สึกกระทบโดนกูเบาๆถึงกูจะไม่ค่อยมีสาระ 55555 แต่เป็นวัยทำงานตอนต้นที่เจอเรื่องนี้มาจากนั่งไล่ Ranking ในเว็บ novelupdates แล้วเคยเอียนนิยายผู้ชายเป็นตัวเอกเพราะมันเยอะเกินแถมจูนิเบียวซะบ่อย เลยเสิชหาแรงค์จากหมวด female protagonist แล้วก็เจอเรื่องนี้แหละ แต่อังกฤษสปีดเหมือนหอยทากเป็นตะคริวกูเลยเสิชคำไทยเผื่อมีคนแปล แล้วก็มาเจอที่แมวดุ้นตอนประมาณร้อยต้นๆ ดีใจมว๊ากกกกก ตอนนั้นอังกฤษค้างอยู่แถว 60-70 อยู่เลย อ่านเพราะเรื่องสบายๆดี ฟู้ดก็ดีงามอยู่นะยิ่งเวลามีภาพประกอบ หิวดี 555555
>>564 กูมหาลัยแบบใกล้จบละ รู้สึกมีคนพูดๆแล้วอ่านดูเหมือนมหาลัยอยู่เหมือนกัน แต่ม.ปลายนี่มิมั่นใจ 5555 ถ้าในที่โพสเฟสน่าจะมีมั้ง แต่ในนี้ดูแบบโตๆกันหน่อยไงไม่รู้ เป็นโม่งที่มู้ไม่หยาบแลดูมีอารยธรรมมากกูเลยรู้สึกว่าส่วนใหญ่โตหน่อยอะ ยิ่งดูเกรียนแตกน่าตบยิ่งคิดว่าเด็กมาก ซึ่งห้องนี้ไม่เลยจ้าาาา อ่านๆไปกูรู้สึกกูเด็กเลยบางที 5555
เป็นเด็กม.ต้นตาใสๆค่ะ อายุ 12-13 วรั้ย
นี่พวกมึงเกทับอะไรกันนนน 555555555555555
เรียนห้องเดียวกะท่านเอ็นโจค่ะ นั่งที่นั่งติดกันเลย เวลาลืมหนังสือเรียนก็ยืมท่านเอ็นโจนั่งอ่านด้วยกันใกล้ชิดสุด จนเพื่อนร่วมห้องมองอย่างอิจฉาบ่อยๆเลยค่ะ วร้าย~
>>558 กูว่า'เด็ก' โตหน่อยจะชอบนะ เพราะเรื่องมันไม่ฉาบฉวย ตัวละครมีมิติ มีทั้งด้านดี ด้านไม่ดี และก็ไม่ใช่ว่าตัวเอกจะสมหวังไปซะทุกอย่าง หลายๆเรื่องมันต้องใช้ความพยายาม มีสมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง ที่สำคัญให้แง่คิดนะว่าไม่ว่าใครก็มีปัญหา เรื่องกลุ่มใจได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนธรรมดา มีเงินไม่ใช่ว่าจะมีความสุข ยิ่งตอนล่าสุดนี่ยิ่งซาบซึ้งมา คือคนทำความดีอ่ะ อาจจะไม่ได้รับผลตอบแทนทันที บางทีอาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำไปเมื่อไหร่ อย่างโมชิดะเนี่ยกูจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ แต่ในที่สุดคนดีย่อมผ่านอุปสรรคได้ด้วยความดี แถมอ่านเรื่องนี้ยังได้ความรู้ด้านอาหาร ดนตรี สถานที่ท่องเที่ยว การแพทย์ กูว่าท่านฮิโยโกะนี่เก่งมากเลยนะนับถือมาก ที่สำคัญอ่านไปอ่านมา เอ้า ทำไมเรย์กะถึงได้แห้งแล้งขนาดนี้ เหมือนตัวแทนชีวิตด้านความรักของกูเลย นั่นแหละ ประเด็นสำคัญ55555
เอ้าๆเบ่งกันเข้าไปค่ะ นี่ได้เป็นถึงเลขาของท่านพี่เชียวนะคะ มีอะไรก็เรียกใช้ตลอด ตอนโดนใช้นี่มันรู้สึกดีจริงๆเลยล่ะค่ะ ได้นั่งตักได้ขี่คอแล้วยังไงกันคะ แต่ละวันพูดคุยกับท่านพี่ไม่รู้กี่ครั้ง /มองเล็บ
>>567 มาแตะมือมหาลัยใกล้จบแล้วอีกคน แต่คิดว่ากูแก่กว่าแหงเลยเพราะคณะเรียนหลายปีกว่า รู้สึกว่าหลายคนถึงส่วนใหญ่เลยมั้งที่น่าจะวัยทำงาน ดูจากช่วงตอบกระทู้กับช่วงนิ่งแล้วเหมือนพวกต้องอะไรกับเวลานิดนึง อย่างถ้าเรียนอยู่เปลี่ยนคาบทุกชม. สองชม. ไม่น่าหายกริบกันแบบนั้นถ้าส่วนใหญ่ในทู้เป็นวัยเรียนอะนะ
แต่มีคนทำงานสายกูด้วยยยยย แอบตกใจความมีสาระในการคิดวิเคราะห์ รู้สึกเลยว่านี่คือมีแกปทางอายุห่างแรง 5555555 ขำสุดตรงอ่านถึงบรรยายภาพภายในอาคารกูเริ่มเดาได้ว่าเรียน/ไม่ก็ทำงานสายนี้ คนปกติอ่านกันคงไม่สนใจเก็บประเด็นเรื่องตึกมาซะเป็นผังแบบนี้อะ เหมือนจะเก็บดีเทลมาหลายตอนละด้วย พอล่างๆมานี่แบบ 555555 กูว่าละ~~~~~
>>590 40กว่าน่าจะเกินมั้งกูว่า ตอนนี้เรย์กะอยู่ม.6 ก็ราว 17-18 ท่านพี่ห่าง 7 ปีก็ต้อง 24-25 ถ้า 40 ต้นนี่ต้องมีลูกตั้งกะยังไม่จบเลยอะ น่าจะ 40ปลายๆ-50ต้นๆ แต่เรนจ์กว้างมากกกก
ว่าแต่มีบอกด้วยหรอว่าคลุมถุงชน ทำไมไม่เห็นเลยหว่า หรือนี่อ่านข้ามฟร้าาาา แต่ดูท่านพ่อท่านแม่ก็รักกันดีไม่น่าคลุมถุงมั้งงงง
หนูเพิ่งจบมอปลายจริงๆนะคะ ._. เป็นลูกสมุน A ของท่านโยโกะค่ะ งานอดิเรกคือมองท่านคาบุรากิกับท่านเอ็นโจด้วยสายตาโลมเลีย แฮ่กๆๆๆ
>>564 พูดถึงนี่ก็เรียนอยู่นะ แต่ไม่ใช่ม.ปลาย ช่วงเวลาพักเปลี่ยนคาบไรงี้ก็เปิดๆมู้ดูตลอด55555 แต่ว่าดูแล้วในมู้ท่านเรย์กะอันนี้น่าจะวัยทำงานพอมีวุฒิภาวะหรือไม่ก็มีคนที่คิดเยอะเยอะนะ (ในทางบวกนะ แบบว่าคิดเยอะคิดลึกมองผลที่ตามมาด้วยอะไรแบบนี้ นี่ตั้งใจชมจริงๆนะ แต่หาคำดีกว่านี้ไม่ออกอ่ะ ,___,)
>>596 โอ้ ในกระทู้มีคนทำงานสายเตค สายอินทีเรียเยอะกว่าที่กูคิดอีกนะเนี่ย 55555555555555 กูหนักกว่ามึงอีกเพราะทำงานมา 10 ปี+ ยังไม่เคยไปคิดวิเคราะห์สถาปัตยกรรมอะไรในเรื่องเลยซักนิด ไร้ซึ่งความเป็นเด็กเตคโดยสัญชาตญาณชิบหาย ว่าแต่เราเหล่าเตคทั้งหลายคงไม่ใช่รุ่นพี่รุ่นน้องจากสถาบันเดียวกันใช่มั้ย ถ้าใช่โลกแม่งกลมเกินไปแล้ว 55555555555555555
>>598 เชี่ยยยยยย โผล่มาอีกคน จะเยอะเกินไปล๊าวววววววว กูขำหนักมาก 55555 แต่กูก็แนวไม่เคยเอามาคิดไรเลยเหมือนกัน คือทำงานมายังไม่นานนะเป็นช่วงต้นๆวัยทำงานที่ใครๆก็บอกว่าเป็นวัยมีไฟ ต้องไฟแรง แต่กูคือไม่จ้าาาา อ่านของข้างบนเลยร้องโว้ววววว คุณพี่(น่าจะนะ)เข้าเส้นขนาดหนัก กระทั่งอ่านนิยายยังจิตวิญญาณแรงกล้าขนาดนี้~~ ไม่แปลกใจที่ดูทำงานข้ามประเทศได้ สายโหดค่อดๆ
ถอนหายใจจจจ ทำยังไงถึงจะอินขนาดนี้ได้มั่งวะเนี่ยยยยย นี่อ่านคือผ่านมากไม่เคยคิดเรื่องอินทีเรียเลยซักกะติ๊ดดดด
ปรากฏที่คุยๆกันข้างบนเป็นสายรหัสเดียวกันทั้งหมด ถถถถ
แล้วโลกมันจะเล็กกว่าเดิม
คนสายอาชีพอื่นไปไหนกันหมด ทำไมมีแต่เตคและอินทีเรียที่มาแสดงตัว 555555555555555555
เพิ่งจบม.6จริงๆมาแสดงตัว 55555 สวัสดีโม่งวัยมหาลัยและที่ทำงานแล้วค่ะ เวลาวิเคราะห์ประเด็นอะไรยกตัวอย่างตอนทำงานมาเยอะๆก็ได้นะคะ ชอบอ่าน เก็บไว้เป็นความรู้เสริม
>>610 อันนี้หลอนสัสสสส ม่ายยยยยย มีคนนึงบุคลิกรู้สึกแอบคล้ายด้วยแบบพวกเก็บดีเทลยับบ้า แถมทำงานบริษัทนานาชาติซึ่งโอกาสไปอยู่ที่นู่นที่นี่ก็แอ่ก ถ้าใช่แล้วมากูมาแนวแซะๆแบบนี้นี่โดนตบกลิ้ง 555555 หลอนนนน จากท่านเรย์กะจะกลายเป็นประเด็นเสียงภัยด้วยการคุยไปคุยมาแล้วเจ๊อะกันเองเนี่ยแหละะะ
ลองไปพูด "พิ่~~โว้ว~~วา~หนุ" ใกล้ๆ เช็คปฏิกิริยาซิ ถถถถถ
สายอาชีพอื่นคลุมโม่งจิบชาไม่เผยตัวตนค่ะ 55555
ส่วนกูโม่งไม่แตกแน่นอน กูมั่นใจ เพราะรอบข้างกูไม่มีอ่านการ์ตูนหรือนิยายอะไรกันเลย เคยพยายามชวนเพื่อนอ่านแต่ไม่มีใครอ่าน น่าเศร้าชิบหาย จะเม้ามอยกับใครก็ไม่ได้ต้องเก็บไว้ในใจ กรี๊ดคนเดียวฟินคนเดียวสร้างถังกาวอยู่คนเดียว 555555555555555555555
>>618 กูว่าลองสไลด์กระทู้นี้ในโม่งหรือนิยายท่านเรย์กะเดินผ่านหน้าเป้าหมายแล้วดูปฏิกริยาดีกว่า เกิดไปพูดใส่หน้าแบบนั้นเดี๋ยวจะโดนมองว่าอีนี่มึงบ้ารึเปล่า 55555555555
ว่าแต่ทำไมพวกมึงยังไม่นอนกัน มีไฟไว้เผางานกันอยู่ฤา
กุเพิ่งขึ้นมหาลัยเอง5555 ทำไมโนเวลใสๆ(แท็กฟูด) กลุ่มเป้าหมายถึงอายุมากกันจัง หรือมีแค่บอร์ดโม่งที่เป็นแหล่งซ่องสุมคนวัยมหาลัย+ทำงาน ชอบความวิเคราะห์กันจริงจัง ดุจดั่งเรียนจบจิตวิทยา สถาปัต และทำอาหาร5555555
เราอยู่คณะอื่นนะ คิดว่านะ เตคกับอินทีเรียคืออะไรน่ะ... เดาได้ลางๆว่าเตคคือสถาปัตยฯ แต่ไม่แน่ใจอินทีเรีย
ไม่กล้าบอกคณะอ่ะ กลัวเพื่อนบังเอิญเจอแล้วเดาได้ หรือแอบมองตอนเรานั่งพิมพ์ๆในมือถือ จากนั้นก็รู้ว่าที่ผ่านมาเอาเวลาทำงานไปเขียนฟิค แค่กๆๆ ตอนนี้กำลังหักห้ามใจตัวเองให้ทำงานให้เสร็จ ถ้าทุ่มเขียนฟิคเหมือนก่อนหน้านั้นพังแน่ 5555
>>625 มาตอบให้ เต็คคือ Architect เรียกไทยก็สถาปัตย์หลัก คือทำตึกระฟ้า ทำโครงสร้าง เน้นที่ตัวอาคารอะ เรียน 5 ปีมีเรื่องโครงสร้างเยอะ ทำงานสเกลค่อนข้างใหญ่ ส่วนใหญ่ใช้หน่วยเมตร
อินทีเรียคือ Interior Architect / Interior Designer แล้วแต่สถาบันเป็นหลักสูตรไหน จบมาวุฒิไม่เหมือนกัน เวลาเรียนส่วนใหญ่ห่างกันปีนึง คือเต็คกับ Int. Arch จะเรียน 5 ปี แต่อินทีเรียดีไซน์เรียน 4 เรียกไทยก็สถาปัตย์ภายใน กับมัณฑนศิลป์ หรือคุ้นกันว่ามัณฑนากร อินทีเรียดีไซน์เนอร์อะแหละ
ทำงานเน้นภายในอาคาร เหมือนเอาตึกที่เต็คทำไว้มาดีไซน์ข้างในต่อ งานสเกลเล็กกว่าส่วนใหญ่เขียนหรือพูดกันใช้หน่วยมิลลิเมตร ถ้าที่กว้างๆก็นั่นแหละซัดไปแบบหมื่นมิลอะไรแบบนั้น 555 เต็คจะไปทางฟิสิกส์โครงสร้างหน่อย อินทีเรียเรียนเน้นพฤติกรรมการใช้งานของคน กับพวกสเกลระยะต่างๆของมนุษย์ ประมาณนั้น จัดว่าเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกัน 5555
>>625 เตคคือสถาปัตย์หลัก เรียนจบมาเรียกสถาปนิก เรียน 5 ปีหมดทุกสถาบัน หลักสูตรเกี่ยวกับอาคารบ้านเรือน บลา บลา พอทำเสร็จก็จะให้อินทีเรียรับช่วงตกแต่งภายในต่อ
อินทีเรีย ถ้าเอาจุฬาเรียนห้าปีรวมกับเตค จบมาเป็นสถาปนิกเหมือนกัน เรียนเรื่องโครงสร้างแบบเดียวกับเตค แต่ถ้าของศิลปากรจะมีอีกคณะแยกคือคณะมัณฑนศิลป์ เรียนแยกจากคณะสถาปัตย์ ไม่เกี่ยวกัน แต่สายอาชีพไปทางเดียวกัน จบออกมาเป็นมัณฑนากร ทำงานตกแต่งภายในอาคาร สองอย่างนี้อยู่คู่กัน เดินไปในเส้นทางเดียวกันต่างกันที่สเกลการทำงาน
ตอนนี้กุอยู่มหาลัย เรียนคณะเดียวกับท่านพี่ ท่านพี่เป็นพี่รหัสกุ เขาใจดีมากเลยมึง กุไม่เข้าใจอะไรเขาสอนกุได้หมด แถมเพื่อนเขาท่านอิมาริก็เอาใจเก่ง เทคเเคร์กุที่เป็นน้องรหัสเพื่อนดีมาก โครตมิชชั่นคอมพลีทชีวิตมหาลัย ท่านพี่รับกุเป็นน้องรหัสเลยไม่เหมือนคนอื่นที่กว่าจะรับไปเต้นเเร้งเต้นกาอะไรไม่รู้ ชีวิตดีดี๊ //ซู๊ตตตตตตต
วันนี้วันมีตติ้งโม่งนอบน้อมแหละหนักแน่นหรอ555555555555555555555 ดีใจอ่ะ มีเพื่อนเพิ่งจบมอปลายเยอะแยะ นึกว่ามีแต่รุ่นพรี่
>>627 >>628 >>629 ขอบคุณค่าา รู้สึกเหมือนได้เปิดโลก5555 ตั้งแต่อ่านเรย์กะมา ข้อมูลความรู้แทบทุกด้านพุ่งปรี๊ดมาก โดยเฉพาะอาหารและวัฒนธรรมญี่ปุ่น (ว่าแต่เรย์กะจะกลายเป็นแท๊กฟู้ดจริงๆแล้วสินะ...) คนอ่านดูหลากหลาย ดูจากการแลกเปลี่ยนความรู้และวิเคราะห์เรย์กะโดยอิงจากประสบการณ์ สายที่เรียนหรือทำงาน ชอบจริงๆเวลามาถกเถียงกันในประเด็นต่างๆ555
>>628 จะเต็คหรืออินทีเรียเวลาทำงานมีความปวดประสาทพอกัน ฝั่งเต็คเขียนงานหน่วยเมตรเหมือนจะดูเข้าใจง่าย แต่พออะไรเล็กกว่านั้นก็นั่งคำนวนทศนิยมกันไปค่ะ เพลินๆ จุดมากันรัวๆ มาฝั่งอินทีเรียก็เขียนงานเป็นหน่วยมิล คูณกันเข้าไปจำนวนหลักพุ่งรัวๆเป็นพันเป็นหมื่น กับมีหน่วยนิ้วปนมาด้วยเบาๆเป็นบางที พอมาฟิวชั่นกับเต็คสายทศนิยม 0.xxxx ฟินนนนน
เคยได้ยินมาว่าคนเปลี้ยสุดคือคอนซัลท์(พวกสายวิศวะ) ที่กางแบบมาเทียบกันแล้วอืมมมม มึงต้องการอะไรจากกู~~~ เวลาคุยงานถ้าคุยรวมเต็ค อินทีเรีย ผู้รับเหมา แล้วต้องคุยกับช่างหรือโฟร์แมนด้วย แค่นั่งฟังกูก็รู้สึกเพลิดเพลินแทน 55555 แบบว่าเอาใจช่วยกับการแปลงหน่วยในหัว แต่ละฝ่ายก็ใช้หน่วยไม่เหมือนกัน พวกสายช่างเค้าจะมีนิ้วมีหุนโผล่มาเยอะเป็นพิเศษด้วย เพราะงี้นี่เองวิศวะเลยต้องเก่งเลข สู้ๆกันเข้านะ~~~ ส่วนพวกกูก็ยังคงยึดการใช้หน่วยไปแบบเดิม เพราะให้เปลี่ยนกระทันหันนี่อึนเป็นปลาน็อคน้ำเลยจ้า ความเคยชินครองโลก
//ปรากฎมีวิศวะแอบซุ่มอยู่ในทู้ 5555 กูไม่ได้เยาะเย้ยนะเว่ย นี่โผล่มาชมล้วนๆจีจี
มีแต่คนแย่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเอ็นโจกะท่านพี่ ไม่มีแฟนๆคาบุบ้างเหรอ พระเอกของการ์ตูนนะเว้ย ถถถ
>>639 พูดถึงวิศวะทำให้กูนึกขึ้นมาได้เรื่องนึงสมัยเรียน เพื่อนกู(เตค)กับเพื่อนกู(วิศวะ)นั่งกินเหล้าด้วยกัน แล้วแม่งเมา เลยต่อยกันเพราะเถียงเรื่องโครงสร้างของตึก(ในมโน) นั่งวาดแปลนวาดตีปสเก็ตมือกันสดๆ ทีแรกก็อารมณ์สุนทรีย์กับเหล้า แต่ไปๆมาๆเถียงกันเอาเป็นเอาตาย แบบ...มึงออกแบบมาอย่างนี้มันสร้างไม่ได้โว้ยไอ้ฟายย ไอ้ฝั่งเตคก็บอกมึงกากเองอ่ะดิ บลา บลา ตกลงกันไม่ได้ต่อยแม่ง เพื่อนต้องไปจับแยกแล้วพาไปนอน ตื่นมาเบลอๆกันทั้งคู่ จำไม่ได้ว่าคุยอะไรกันไป รู้แต่ปากเจ่อ คิ้วแตกกัน 55555555555555555555555555555
>>642 นี่คือประเด็นวิวาทะ(และวิวาทจริง 555) คลาสสิคแท้ของคนคิดกับคนทำ 555555555 เต็ค อินทีเรีย vs วิศวะ คู่กัดตลอดกาลลลลล อันนี้ถือว่าเหล้าช่วยได้อยู่มั้ยนะ ถ้าเถียงกันตอนมีสติคงไม่จบแบบมึนๆ ถถถถถ แต่ปกติเพื่อนกันข้ามสายแบบสนิทๆไม่ตีกันว่ายากแล้ว จะเป็นแฟนกันยิ่งยากกว่า ขั้นสุดดดดด เวลาเจอคู่แนวนี้ทีไรกูรู้สึกอเมซซิ่งตลอดเลยจ้า แบบนี่พวกมึงอยู่กันได้ไง 55555
วันนี้เปิดตัวกันเรอะ! แต่กูยังเรียนม.ปลายอยู่นะ เด็กจังเลยเขิน~~~~~สวัสดีฮะคุณป้าทั้งหลาย!
กูสายกฎหมายเพราะโง่เลขมาก แต่หนีมาก็เจออยู่ดีเพราะต้องคำนวนภาษีกับค่าแรงงาน ปล.เค้าอยู่ปี2
ทำไมพวกเต็คมีแต่แก่ๆ เรียนจบมาทำการทำงานกันแล้วล่ะคะ คริคริ หรือคนยังไม่จบไม่ว่างมาตอบกระทู้ กำลังซดกระทิงแดง ซัดกาแฟ แล้วตัดโมอยู่
รุ่นกูตอนนี้น่าจะโต้รุ่งข้อสอบหรือโค้งสุดท้ายโปรเจคกันอยู่ ไม่มีโผล่มาเท่าไหร่เลย 555
กูสายโปรแกรมเมอร์ แต่เรื่องนี้คงไม่มีอะไรให้กูเอาความรู้มาถกอ่ะนะ ขนาดกล้องวงจรปิดยังไม่มี
ตื่นมาเจอกระทู้วิ่งรัวๆ เพราะรวมรุ่นโม่งซุยรันแล้วแบ่บ... มีใครสายภาษามั้ย ไปดูคอมเมนต์ในแมวดุ้นรู้สึกจะมีน.ศ.แพทย์ด้วย นอกนั้นก็ตกใจที่มีผู้ชายอ่านเยอะกว่าที่คิด เพราะมันไม่ใช่โชโจ แต่เป็น food&comedy สินะ
>>651 ดูจากเมนท์ในแมวดุ้น กูว่าผู้ชายอ่านเยอะกว่าผู้หญิงว่ะเรื่องนี้ กูเคยลองๆนับดูเมนท์ตอนนึงแบบสุ่มๆ ผู้ชายมาเมนท์นับได้ 43 คน นับจากคนที่ใช้ชื่อมองแล้วก็ผู้ชายแน่ๆ โปรไฟล์รูปผู้ชายกับลงท้ายด้วยครับ ส่วนผู้หญิงนับได้ 25 เอาที่ลงท้ายด้วยค่ะ หรือชื่อมองแล้วผู้หญิงแน่ๆ
แต่เวลาอยู่ในโม่งดูเหมือนจะมีแต่ผู้หญิงยังไงไม่รู้ดิ ที่อยู่ในโม่งกูว่าก็พวกเมนท์ขาประจำในแมวดุ้นนี่ล่ะ เคยลองพยายามเดาๆดูนะว่าคนไหนเป็นโม่งไม่โม่งบ้าง ก็พอจะรู้อยู่ว่าใครบ้างอะนะ ถถถถถถถถถถถถถถถถ
>>652 คนที่เข้ามากรี๊ดๆ มาอ่านฟิคก็น่าจะมีแต่ผู้หญิงเป็นหลักอ่ะมั้ง สังเกตว่าเวลาคนเมนต์ในโม่งจะละเอียดกว่าในแมวดุ้น อย่างตอนที่มาดามเอ็นโจถามว่าคุณหนูบ้านนารุโทมิที่ยังเป็นนักเรียนน่ะหรือคะ ประโยคนี้กูอ่านแล้วเฉยๆ มาก แต่พอมาอ่านโม่งบอกว่าเหมือนคอมเมนต์แบบกดๆ นิดนึงว่า ว้าย ไม่ใช่มืออาชีพนี่นา กูก็แบบว่า เออ ตีความแบบนั้นได้ด้วยเนอะ แต่ที่กูว่าโม่งเมากาวตีความเกินก็มี ถถถถถถถถถถ
>>652 กูไม่ขาประจำแมวดุ้นนะ เรียกได้ว่าไม่เคยเม้นอะไรทุกอย่างที่ต้องใช้เฟสมาเอี่ยว 5555 เป็นประเภทขี้ระแวง รู้สึกว่าคนรู้ความเคลื่อนไหวตัวเองมากๆมันไม่โอเค โดยเฉพาะในเฟสมีเพื่อนร่วมงานและเจ้านาย เหมือนหลายคนในโม่งก็เป็นพวกไม่เม้นแมวดุ้นเหมือนกันที่เคยอ่านเจอมา ไม่งั้นจะชอบมาเล่นโม่งหรอ 55555 เพราะมันเป็นโม่งนี่แหละถึงชอบ
>>653 เพราะผู้หญิงเป็นเพศที่จินตนาการมากกว่าด้วยมั้ง อฟช.ทิ้ง hint มาให้ ส่วนใหญ่คนที่เอามาคิดต่อ(ในทางฟุ้งซ่าน) คือผู้หญิงที่เป็นเพศคิดเล็กคิดน้อยกว่า จับผิดหารายละเอียดมากกว่า บางประโยคดูเหมือนไม่มีอะไร แต่บางคนก็เอามามโนต่อยอดได้ ส่วนผู้ชายออกแนวอฟช.ว่าไงก็ว่าตาม ไม่ค่อยต่อยอดกัน
แต่กูก็เห็นด้วยนะว่าบางเมนท์ในกระทู้ดูตีความเกินไป อฟช.พูดสิบ ขยายความเป็นร้อยเป็นพัน มันให้ฟีลอีนี่เล่นใหญ่จังเลยนะ เขาอาจจะไม่ได้หมายความว่างั้นซักหน่อย ตอนอ.ฮิโยโกะเขียนคำนั้นประโยคนั้นออกมา แกอาจจะไม่ได้คิดอะไรเลยก็ได้ แต่แฟนๆตีความกันไปเอง
จริงๆนี่โผล่มาจะพิมพ์ประโยคแรกคือมาแสดงตัวว่ากูก็อินทีเรียค่ะ 5555555555 เยอะจริงจัง ตอนแรกอ่านบนๆที่วิเคราะห์มากูยังไม่คิดอะไรมาก กระทั่งบอกอาชีพมาก็ยังไม่อะไรนะเพราะประเด็นมันเยอะแล้วกูสับสนว่าอันไหนใครโพสบ้าง จนพอมาเจอคนทักว่างานสายเดียวกันและวิเคราะห์แบบจิตวิญญาณสถาปนิกเข้าเส้นนี่แบบบบ ย้อนไปอ่านอีกทีคือโคตรฮา คือได้มากอะมาทั้งผังอาคาร มาทั้งเรื่องการเดินทางของเสียง แล้วพอหลังๆมีบอกชอบถกชอบเถียงอีก คือแม่งเอ๊ยยยย มีความเป็นสถาปนิกสูงมากกกก 555555 แถมถกแบบโลจิกสุดพลัง อ่านแล้วรู้สึกเลยว่าคนแบบนี้เวลาเถียงไฟต์กับใครเพื่อ defense ดีไซน์ตัวเองคือมึงต้องชนะรัวๆแน่นวล รวมกับอ่านนิยายยังหลุดสัญชาตญาณสถาปนิกมาแรงเว่อร์เบอร์นี้ นี่มันสายโหดนี่หว่า ถถถถถถถถถถ
ทำไมโลกเรามีคนจริงจังขนาดอ่านนิยายยังอดดึงงานมาแทรกไม่ได้ด้วยยยยย จิตวิญญาณแรงกล้าจริงแบบอ่านแล้วทั้งขำทั้งตกใจ และคิดว่ากูจะเล่าให้เพื่อนฟังว่าเจอขาโหดมาซุกตัวอยู่บอร์ดนิยายโชโจ 555555 โคตรดูขัดกัน โผล่มาทักขำๆเพราะกูก็เหมือนคนอื่นส่วนใหญ่ในมู้คือไม่เคยแม้แต่แวบเดียวจะคิดภาพตาม ไร้สัญชาตญาณสิ้นเชิงแจ้~~~
>>656 กูว่าถกเถียงนี่โอเคแหละ กูก็ชอบให้มีคนมาถกกันในกระทู้มากๆ มันช่วยให้ไม่เงียบดีอ่านเพลิน แต่ก็หวังว่าอย่าเถียงจนกลายเป็นแถ เถียงแบบมุ่งเอาชนะอ่ะมึง เพราะ fact ที่อาจารย์ให้มาแม่งก็มีกระจึ๋งเดียว แต่เอาข้อสันนิษฐานต่อว่ามันต้องเป็นงี้ๆๆ ชัวร์ ถ้าเสนอความเป็นไปได้อ่ะกูโอเค แต่ไม่ควรจะบังคับจนมันกลายเป็น fact หนึ่งเดียว เพราะคนที่เห็นต่างก็ยังเห็นต่างอยู่ดีอ่ะ เหอๆ
ว่าแต่เพราะอินทีเรียเยอะมันเลยทำให้กระทู้วิ่งไวตอนดึกๆ ป่ะวะ กูมาตามอ่านตอนเช้าๆ ช่วงแอบอู้งานตลอดอ่ะ...
>>655 บางอันกูว่ากาวฟิลเตอร์ แต่บางอันคิดตามก็เอ๊อะไอเดียน่าสนใจ สำหรับกูนะ เพราะเคยเจอเหมือนกันพวกหนังสือและหนังที่กูดูแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยทั้งประเด็นและอื่นๆ แต่บางคนดูแล้วจับนั่นนี่มาได้โคตรเยอะยันเดาพล็อตและแนวโน้มเนื้อเรื่องบางส่วนล่วงหน้าได้ เพราะชินกับการจับประเด็น ส่วนใหญ่พวกชอบคริติคหนัง คริติคหนังสือจะเป็นอะ กูชอบอ่านก่อนซื้อหนังสือ/ซื้อตั๋วหนังเข้าไปดู คือแบบงกนั่นเอง อยากรู้ว่าคุ้มค่าแก่การลงทุนมั้ย ถถถ ยิ่งถ้าวิเคราะห์มาแล้วไม่มีช่วงไหนเหตุผลอ่อนแอ มีความคิดส่วนตัวที่ไม่มีอะไรในเรื่องสนับสนุนแทรก หรือไม่มีเรื่องขัดแย้งในจุดที่จับมาวิจารณ์ จะยิ่งแบบรู้สึกว่ามีแนวโน้มจับประเด็นถูกมากขึ้น แต่อันนี้ใช้ได้แต่กับพวกหนังและหนังสือที่สร้างมาดีๆแบบคิดมาแล้วอะ เพราะเวลากำกับเค้าจะเก็บเป๊ะพยายามสื่อสารทุกดีเทล เวลาดูเบื้องหลังหนังหรือนักเขียนมาทอล์คคือชัดเลย อยู่ที่แต่ละคนรับได้แค่ไหน แต่ถ้าพวกหนังแมส นิยายตลาด พวกนี้จะเฟลทันทีแบบใช้หลักแนวคิดมาจับไม่ได้ แล้วปกติก็จะไม่มีใครอยากลุกมาคริติคด้วยถ้ามันดูเบเกิน พอหลังๆเริ่มมีมาบ่อยกูเลยรู้สึกว่าเรื่องนี้เขียนมาดีเหมือนกันนะเนี่ย เพราะจุดธูปเรียกสายวิเคราะห์วิจารณ์ออกมาได้ทั้งที่ดูเป็นโชโจ 55555
>>657 หืม แต่อันข้างบนกูไม่เห็นเค้ายัดเยียดนะ เพราะมีพูดว่าปลายเปิดกับยกให้แล้วแต่มุมมองอยู่ จะดูปกป้องพวกเดียวกันมั้ย 55555 แต่ก็มีจริงๆว่าปล่อยไอเดียอื่นไม่ได้กดดันว่ามึงต้องเชื่องี้ กับ fact ข้างในที่เค้าวิเคราะห์คือกูเรียนอินทีเรียพออ่านแล้วชอบบบบ มันไม่ขัดกันและมันมีบอกในเรื่องจริงๆ พอย้อนไปอ่านตอนรองเท้าวาคาบะมันก็มีจริงๆ แต่ไอเรื่องล็อคเกอร์ทางเดินนี่เชี่ยสุด แบบพี่มาซะอ่านไล่ประโยคตามนี่แปลนพุ่งมาในหัวแล้วยืดตัวเป็น 3D เลย 555555
คือเต็ค อินทีเรีย มันจะมีเรื่องการวัดระยะจากจังหวะเดิน การก้าวเท้า ซึ่งเค้าไม่ได้พูดมานะจุดนี้แต่กูอ่านแล้วแอบรู้สึกว่าก็ใช้ไอเดียนี้ด้วย คือแทบรู้พิกัดตู้เลยจ้าว่าอยู่แถวไหน 55555 มีความพีคมาก
นอกจากวิเคราะห์พีคก็คือฮิโยโกะซังพีคมาก จะเขียนให้ไม่มีจุดขัดขนาดโดนคนในสายงานมาอ่านจับดีเทลตึก ซึ่งพวกตึก อาคาร สถานที่ ในหนังสือส่วนใหญ่มั่วอะ จะแบบอ่านไปมีจุดขัดกันเอง อันนี้พอไม่มีจุดเลยแบบเชี่ยยยย ภาพในหัวเค้าต้องชัดมากนะว่าไอนี่อยู่ตรงไหน ทางนี้เป็นอะไร แล้วต้องจำได้ด้วยว่าเคยคิดไว้แบบไหนไม่งั้นขัดกันเองกระจาย โหดจริงงงงง อยากจะมโนว่าฮิโยโกะซังก็เรียนทางนี้แต่คิดว่าคงไม่ใช่ 55555 ดูมีความรู้หลายทางจัด
>>654 คงงั้นมั้ง แต่พวกขาประจำกูก็พอจะจับได้บ้างคนไหนโม่งไม่โม่ง ไม่ได้จะแหกโม่งอะไรหรอก แค่ลองๆเดาดูเฉยๆน่ะ ถถถถถถถถถถถถถ
>>656 กูก็เต็คอีกคนแจ้ เวลาอ่านกูก็ไม่นึกภาพเชี่ยอะไรเลย พอเลิกงานความเป็นสถาปนิกก็ตายไปด้วยแบบเมนท์บนๆได้กล่าวไว้
>>658 กูนี่จิตใจหยาบช้ามาก ไม่วิเคราะห์ห่าเหวอะไรเลย หนังมายังไงกูก็ดูไปแบบนั้นล่ะ ความละเอียดอ่อนกูน้อยมากจนน่าแปลกใจเลยว่ากูเรียนสายนี้ได้ยังไง
>>660 กูไม่วิเคราะห์หนังเหมือนกันเพราะดูๆอยู่รู้สึกข้อมูลจะล้นลั้นจ้าาาา 5555 ถ้าวิเคราะห์คิดตามนี่แบบเดี๋ยวดูไม่รู้เรื่อง เลยชอบอ่านที่ชาวบ้านเค้าวิเคราะห์วิจารณ์กันแทน ถ้าอันไหนวิเคราะห์มามีจุดน่าสนใจมากพอคือก็จะจัดตั๋วไปอีกรอบ เข้าไปดึ่มด่ำ~ แต่คิดเองมั้ยคือมีแต่คิดประเด็นเนื้อหาอะ แต่จุดปลีกย่อยกูลาก่อย กูสายอ่าน 55555
>>659 ไม่ๆ กูพูดโดยรวมๆ นะ ไม่ได้หมายความถึงอันไหนเป็นพิเศษ กูแค่อยากให้เวลาอภิปรายกันมันเป็นการเสนอมุมมอง ไม่ใช่ว่าบอกว่าของฉันดีที่สุด ต้องเป็นอย่างนี้ได้เท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่เอามายันกันมันไม่ใช่ fact ล้วนๆ แต่เกิดจากการสันนิษฐานบ้าง จิ้นบ้าง มโนบ้าง จากประสบการณ์หรือในอาชีพบ้าง แต่บางทีสิ่งที่มึงไม่เจอไม่ได้หมายความไม่มีอยู่จริงไง หลายๆ อย่างก็ต้องรอดูกันไปอ่ะ
>>659 เออแอบเติมประเด็นเรื่องเสียง คือคิดว่าฮิโยโกะซังเขียนละเอียดมากกกกตั้งแต่มีประเด็นเดินขึ้นบันไดแล้วได้ยินเสียงปากกาตกและเสียงวิ่ง คือด้วยหลักวิทยาศาสตร์มันต้องเป็นช่วงทางเดินจริงในเรื่องการเดินทางของเสียงที่ไม่มีอะไรขวาง ความก้อง แบบถ้าเซตติ้งนี้ไปอยู่จุดอื่นที่ไม่ใช่พื้นที่โล่งแบบมีผิวระนาบสะท้อนเสียงให้ก้องขึ้นได้ มันจะดูตรรกะอ่อนแอแบบอ่านแล้วคงรู้สึกแหม่งๆ ถึงบางทีอาจจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่เวลาอะไรแย้งกับความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์ พออ่านมันจะสะดุดๆนิดนึง พออ่านวิเคราะห์สถานที่ในนี้แล้วย้อนไปอ่านเนื้อเรื่องอีกทีนี่กูแทบลงไปกราบฮิโยโกะซัง เมพสุดดดดด จุดที่ดูเล็กๆพวกนี้ถ้าพลาดมาบ่อยๆนิยายจะคุณภาพเป็นอีกแบบทันที
>>659 กูว่าเขาก็คงเอามาจากที่ที่เขาเคยเรียนมั้ง อาจจะแต่งเติมให้ดูไฮโซหน่อย
แต่ถ้าเป็นล็อคเกอร์ตามทางเดินห้องเรียนเนี่ย กูสงสัยอยู่อย่างคือ เคยดูในอนิเมะหรือมังงะ พวกล็อกเกอร์ส่วนใหญ่จะอยู่ตรงทางเข้าอาคาร เอาไว้เปลี่ยนรองเท้าก่อนขึ้นตึก บางวันตัวเอกเปิดมาเจอจดหมายรักวางอยู่บนรองเท้าใส่เดินในอาคารไรเงี้ย //ไม่เกี่ยวสินะ โทษๆ
แต่อันนี้เรย์กะบอกต้องเดินขึ้นบันไดไปชั้นม.5 เพื่อหยิบของในล็อคเกอร์ หมายความว่ามีล็อคเกอร์สองที่เหรอ ที่นึงไว้เก็บรองเท้า อีกที่เก็บของหน้าห้องเรียน?? คือถ้ามันเป็นล็อคเกอร์เก็บทั้งรองเท้าและของใช้ แล้วรองเท้าใส่ในอาคารเรียนจะมีความหมายอะไร ในเมื่อคุณก็ใส่รองเท้าที่ไปเหยียบฝุ่นจากภายนอกเดินขึ้นตึกอยู่ดี หรือโรงเรียนญี่ปุ่นเขามีล็อคเกอร์สองที่กัน??
>>664 มีอีกอย่างคือ เรื่องกล้องวงจรปิดนี่ล่ะที่กูว่ามันเฟลๆนะเพราะไม่ถูกพูดถึงเลย ถ้าอยู่ตามทางเดินก็ยิ่งต้องติดเป็นการรักษาความปลอดภัยนะ โรงเรียนออกจะใหญ่โต เรื่องความปลอดภัยพื้นฐานอย่างกล้องวงจรปิดแค่นี้ละเลยไปได้ไง คนทำอาจจะไม่รู้ตัวว่ามีกล้องติดอยู่เลยกล้าทำ แต่ก็ต้องมีคนฉุกคิดขึ้นมาได้บ้างสิ หรือมีคนคิดได้แต่ไม่มีบท
>>664 น่าจะมีหลายที่นะ ล็อคเกอร์หน้าห้องก็เก็บหนังสือเก็บอะไรป่ะ ล็อคเกอร์หน้าตึกคือรองเท้า แล้วมีห้องล็อคเกอร์ชุดพละอีก อันนี้ไม่ต้องญี่ปุ่นอะแค่มหาลัยกูยังมาแนวนี้เลยนะ 5555 แค่ว่าล็อคเกอร์หลักไม่ใช่ให้เก็บรองเท้าโดยตรงแต่เป็นของอะไรก็ได้ จะเป็นล็อคเกอร์อยู่แถวสตูดิโอ แล้วตามหน้าห้องเรียนที่ตึกเรียนจะมีล็อคเกอร์แยกไว้อีก แต่ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างคือต้องแย่งชิม ในยิมก็จะมีแยกให้ สระว่ายน้ำมีอีกที่ คือมากมายตามฟังชั่นการใช้งานเลยอะ เออมีหน้าห้องสมุดด้วย เอาไว้ใส่หนังสือหรือสมุดจด งานที่สำคัญๆแบบฝากให้กัน เพราะบรรณารักษ์คอยนั่งจ้องจะไม่หาย ต้องเดินไปบอกรหัสกุญแจมาไข
ออกนอกคณะไปพวกอาคารที่ใช้เรียนรวมกับคณะอื่นกูก็เห็นมีล็อคเกอร์หน้าห้องเรียนนะเลยไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร เคยไปมหาลัยอื่นก็มีอะ ที่ไม่ชัวร์คือล็อคเกอร์ส่วนตัวที่เทียบเท่าตรงโถงทางเข้าของญี่ปุ่นมากกว่าว่าจะมีกันมั้ย แต่หน้าห้องมักจะมีอะ
เรื่องกล้องเพราะไม่อยากให้เรื่องแกล้งวาคาบะไปถึงครูรึเปล่าเลยไม่เช็ค
>>665 สรุปว่าหลายประเด็นวางมาโคตรดีงามหมด แต่ตกม้าตายอย่างแรงที่กล้อง 55555 อันนี้ที่จริงไม่แปลกนะเพราะจะสร้างบทดราม่า องค์ประกอบฉากมันก็ต้องเอื้อนิดนึง แต่พอคิดแบบสมจริงก็เฟลจริง มากด้วย ถ้าเป็นในหนังพอออกมานอกโรงก็จะมีคนบ่นว่าดราม่าอะไร เปิดกล้องดูจบเรื่อง 55555555 ถ้ามีกล้องก็ไม่บีบอารมณ์นี่นา แต่ถ้าในเรื่องยาวๆต่อไปไม่มีพูดถึงกล้องเลยนี่กูแอบเสียใจเหมือนกันว่ะ ทำมาดีขนาดนี้รู้สึกความสมจริงหายไปเลยกับเรื่อง CCTV กลายเป็นหลุมดำ
>>664 เออลืมตอบประเด็นล็อคเกอร์ในเรื่องเลย มีอย่างน้อย 3 ที่เท่าที่ออกตอนนี้คือที่โถงหน้าตึก มีออกตอนวาคาบะรองเท้าเลอะแล้วเรย์กะเดินมาเจอ แต่ในเรื่องเรียกว่าตู้เก็บรองเท้า แต่ก็แนวเดียวๆกันแหละ ที่ๆ2 คือล็อคเกอร์ในห้องเปลี่ยนชุดหญิงที่ท่านเรย์กะออกมาปกป้องเค้กบ้านวาคาบะแล้วได้เค้กขอนไม้ตอบแทน อันที่ 3 ก็ที่เพิ่งออกไปคือล็อคเกอร์ทางเดินหน้าห้องเรียน
ถ้ามี cctv ท่านเรย์กะก็อดแสดงบทพระเอกจับโจรซิ
นี่มันนิยายโชโจ จะเอาจริงเอาจังทั้งหมดไม่ด้ายยย ไม่งั้นเรื่องมันไม่เดิน
>>674 แต่ตัวละครฉลาดๆในเรื่องมันก็ควรจะคิดได้เรื่องกล้องนะ เอ็นโจ อาริมะอะไรแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาริมะ มีหน้าที่ดูแลนักเรียนไม่ใช่รึ แค่ความปลอดภัยพื้นฐานไม่ถูกพูดถึงเลย มันเป็นไปไม่ได้ เทคโนโลยีเดี๋ยวนี้มันไปไว เด็กประถมยังรู้จักกล้องวงจรปิดกันเลย แล้วพวกนี้เด็กโต จะเข้ามหาลัยกันอยู่แล้วจะไม่รู้จักรึ
กูมาคิดนะว่าถ้าเอ็นโจไม่ฉุกใจเรื่องกล้องเพื่อเอาไปยืนยันความบริสุทธิ์ให้เรย์กะ มันคงเป็นอะไรที่มีจุดบอดในลักษณะของตัวละครขึ้นมาทันที ฉลาดมาทั้งเรื่อง มาโง่กับเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ ความคิดวิเคราะห์แบบเยือกเย็นมีเหตุผลของนายหายไปไหนหมด อาริมะด้วยเหมือนกัน คาบุกูยังเข้าใจว่ามันตกใจและลังเลว่าเรย์กะทำจริงรึเปล่า คงลืมคิดถึงเรื่องนี้ แต่เอ็นโจกับอาริมะนี่สิที่กูหนักใจ หวังว่าจะมีพูดต่อไปถึงเรื่องนี้ในภายภาคหน้านะ
หรือให้แถว่าบริเวณนั้นไม่มีกล้อง เลยไม่มีหลักฐานมัดตัว แต่ก็จะเป็นความเฟลของเรื่องไป ดีมาเกือบหมด มามีจุดยวบยาบอยู่หนึ่งที่เนี่ยนะ แถมเป็นอะไรที่จะส่งผลต่อไปในอนาคตด้วยสิ ถ้าจะเอาเหตุผลแบบก็นี่มันการ์ตูนโชโจที่ไม่ต้องสมจริงทั้งหมดก็ได้ กูก็จะได้ถอดสมองอ่าน ไม่ต้องวิเคราะห์อะไรให้มากความกัน ประเด็นนี้ก็จะได้จบไป
>>677 ถ้าเรื่องนั้นกูรู้อยู่แล้ว แต่แบบดีมาทั้งเรื่อง มาตกม้าตายกับเรื่องแค่นี้ แล้วได้เหตุผลแค่ว่ามันเป็นโชโจจะเอาสมจริงอะไรมาก ทำให้สิ่งที่วิเคราะห์วิแคะกันมาดูปลอมไปเลยนะ และดูพยายามยัดเยียด force drama เพื่อบิลด์อารมณ์จนกลายเป็นความเฟคขัดกับสิ่งที่ผ่านๆมาทันที แต่ถ้าใช้เหตุผลแค่ว่าก็โชโจจะเอาอะไรมากก็จบกันไป ไม่ต้องพูดอะไรอีก เพราะได้เหตุผลแค่โชโจมาแล้ว
เคสโมชิดะกูเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของการใช้วาจาทำร้าย ไม่มีหลักฐานให้จับต้อง บอกแค่หนูไม่รู้เรื่อง ไม่ได้พูดเบย ก็รอดแล้ว แต่เคสวาคาบะคือการทำลายทรัพย์สิน มีหลักฐานให้ดู ครูก็เห็นตำตา ถ้าเพ่งเล็งสงสัยเรย์กะแล้วเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้ทำก็ต้องหาหลักฐานอื่นๆมาประกอบ ไม่ใช่มาฉันเชื่อใจคุณค่ะแล้วซาบซึ้งกันไป
เรื่องกล้องคิดว่าครูไม่กล้าตรวจสอบหรือเปล่า? เกิดพบว่าคนร้ายเป็นสมาชิกPovine(สะกดมั่ว)แล้วยังไง ลงโทษก็ไม่ได้ รู้ตัวคนร้ายแต่ทำอะไรไม่ได้มันก็กระอักกระอ่วนอยู่นะ
>>662 อันนี้กูเห็นต่างแฮะ พูดในฐานะเรียนโทญี่ปุ่น เดี๋ยวมึงจะมาบอกว่าเอาประสบการณ์มาพูดทั้งที่ต้องมีแบบอื่นที่กูยังไม่เจออีก แต่คือสำหรับกูถ้าคนดีเบตกัน 2 ฝ่าย ด้านนึงคือคนที่เคยอยู่ในที่นั้นจริงๆในระยะเวลาประมาณนึง กับอีกฝ่ายคือแบบนั่งมโนเอา ยังไงน้ำหนักมันก็ต้องเทไปข้างแรกอยู่ดีไม่ว่าจะเป็นดีเบตทางไหนหรือเคสโต้แย้งคดีความ มันคือมีน้ำหนักกว่าอยู่ดีอะ แล้วที่กูเจอเองนี่คือแบบก่อนตัดสินใจเรียนโทคือไปเที่ยวญี่ปุ่นบ่อยมากกก ไม่เคยอยู่ต่อครั้งต่ำกว่า 2 อาทิตย์ กูรู้สึกโอเคและชอบมากจนดื้อมาเรียนโทญี่ปุ่นแบบผิดแผนเดิมทุกอย่าง ซึ่งพูดไม่ได้นะมาเรียนแผนอินเตอร์เอา บอกได้แค่มาอยู่นานๆแบบมาเรียนนี่ฟีลและมุมมองโคตรต่างจากตอนมาเที่ยว แล้วอาจารย์ที่เป็นคนญี่ปุ่นเองยังพูดว่าถ้าจะบอกว่าเริ่มรู้จักญี่ปุ่นดี รอเริ่มทำงานทีนี้ซักหลายปีก่อนถึงจะพูดได้ ที่แน่ๆตอนเป็นนักท่องเที่ยวกับมาเรียนก็โคตรต่างละ
เพราะงั้นความเห็นกูคือตอนดีเบตแล้วคนนึงบอกมันน่าจะเป็นงี้ๆๆ มัน"มีโอกาส"เกิดขึ้นได้ กับอีกคนบอกว่าจากสังคมญี่ปุ่นที่เค้าเคยสัมผัสมามันเป็นยังไง และหลักฐานสนับสนุนในเรื่องมีแค่ไหน อิงกับปสก.เค้าเองในกรณีที่ไม่มีจุดขัดแย้งในประเด็นที่ยกมาโต้นะ ยังไงฝ่ายหลังก็มีน้ำหนักกว่าว่ะ คือไม่ใช่จะแบบเฮ้ยเค้าต้องถูก คนนี้คือชนะ แต่คือแค่มึงบอกว่าอย่ายกจากปสก.มาถกกันมันก็เฟลแล้วอะ ไม่ยกจากปสก.(เหตุการณ์จริงที่เคยเกิด) จะให้ยกจากมโนหรอ(เหตุการณ์ที่คิดว่ามีโอกาสเกิด) คือในแง่ความเป็นไปได้ เปอร์เซ็นต์ที่จะใกล้เคียงความจริง มันเห็นกันชัดๆอะ ไม่งั้นถ้าปสก.ใช้ไม่ได้ ข้อมูลในเรื่องที่ยกมาประกอบใช้ไม่ได้ หลักวิชาการตามสายงานที่เรียนมายันได้ไปทำงานและยกมาถกแบบมีข้อสนับสนุนในเรื่องก็ใช้ไม่ได้ อันนี้คือโคตรฉีกตำราทุกกฏทางวิทยาศาสตร์ สมมติฐาน การพิสูจน์ ไปยันตำราคณิตศาสตร์สถิติ ตรรกะ ความน่าจะเป็นทั้งหมด มาเหนือมากมึง หลุดจากทุกศาสตร์บนโลกใยนี้เข้าสู่ศาสตร์การนั่งมโนแทนรึไงวะ /Face palm
คือมาพูดนี่ไม่เกี่ยวกับประเด็นว่าใครจะต้องถูก การดีเบตกันกม่ได้เพ่งจุดนั้น แต่แค่แบบเฮ้ยแนวคิดแบบนี้ โลจิกแบบนี้คืออ่านแล้วกูเหวอ มันก็มีจุดที่ต้องการข้อมูลอ้างอิงและสถิติเหมือนกันนะเว่ยในโลกแห่งความจริง นี่กูสตั๊นท์แค่แนวคิดในเม้นท์นี้อย่างเดียวล้วนๆ เชื่อว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับว่ากูเรียนสถิติหรือคิดทางวิชาการ ถ้าคนปกติใช้คอมมอนเซนส์อ่านก็ควรชะงักว่ะ คือถ้ามึงโตแล้วนี่ก็ไม่ยุ่งอะไรนะ กูรำพึงรำพัน มึงจะอ่านผ่านๆไปเลยก็ได้ แต่ถ้ายังอยู่วัยเรียนคิดว่าแนวคิดแบบนี้ทำให้เขียนบทวิเคราะห์วิชาการใดๆลำบากค่อดๆ การเชื่อมโยงนี่แบบกูเงิบจ่ะ ไม่ใช่จะอวดแก่สอนเด็กอะไรนะ แค่แบบขอแสดงความเห็นเป็นเสียงเล็กๆนิดนึงว่าโลจิกแบบนี้ไม่โอกับหลักวิทยาศาสตร์และสถิติใดๆ ไปยันโต้แย้งทางกฎหมายก็แย้งงี้ไม่ได้นะเว่ย ควรหาข้อโต้แย้งแบบอื่น
>>680 ก็คงเป็นไปได้ แต่กูว่าอาริมะน่าจะพูดอะไรเรื่องนี้บ้าง แต่ก็แค่มาถามๆแล้วตัดสินจากสัญชาตญาณว่าไม่ได้ทำเนี่ยนะ เชื่อใจกันขนาดนั้น แต่นักเรียนอื่นๆที่ไม่ได้รู้จักเรย์กะก็จะเคลือบแคลงไปแบบนี้จนกว่าจะจับคนร้ายตัวจริงได้ ถ้าจะเอาให้เคลียร์ๆกระจ่างๆกันไปเลย จะขอให้เปิดกล้องทำการพิสูจน์ เรย์กะคงไม่ขัดข้องอะไรหรอกมั้ง เป็นหลักฐานดีกว่าคำพูดจากปากหลายคนยืนยันซะอีก
เรื่องกล้องคิดว่าครูไม่กล้าตรวจสอบหรือเปล่า? เกิดพบว่าคนร้ายเป็นสมาชิกPovine(สะกดมั่ว)แล้วยังไง ลงโทษก็ไม่ได้ รู้ตัวคนร้ายแต่ทำอะไรไม่ได้มันก็กระอักกระอ่วนอยู่นะ
>>681 ถ้าสรุปสั้นๆเผื่อไม่อยากอ่านยาว คือสิ่งที่ไม่เคยเจอไม่ใช่มีอยู่จริง อันนี้กูโอเค แต่ประเด็นคือสิ่งที่มีงคิดและโต้ว่ามีอยู่จริง มันก็ต้องมีหลักฐานและข้อมูลอะไรมารองรับ ไม่งั้นออกมาโต้ฝ่ายนึงว่ามันอาจจะแบบอื่น มึงไม่เรยเจอมันเอง แต่ถามว่ามึงเคยเจอรึยัง ไปอยู่ในสภาวะที่มีตัวแปรและปัจจัยรอบด้านแบบเดียวกันมั้ย ถ้ายังแต่มาโต้ด้วยความคิดล้วนๆลอยๆจริงแล้วคิดว่านี่คือแน่นกว่าอีกแบบ นี่แหละปัญหาในความเห็นกูที่อ่านแล้วรู้สึกมาทันที ว่ามีปัญหากับโลจิกแล้วอะ
โอ๊ยพิมพ์ผิดซ้ำซ้อน คิดว่าน่าจะยังพออ่านออก พังงงงง มีปัญหากับเวลาพิมพ์ในมือถือตลอดดดด
เรื่องกล้องในอาคารถ้าไม่มีก็ไม่แปลกนะ
ตามโรงเรียนถ้ามีกล้องส่วนใหญ่น่าจะเป็นกล้องนอกอาคารมากกว่าเพื่อจับตาดูไม่ให้คนนอกเข้ามา
จุดอื่นๆที่น่าจะมีกล้องก็ห้องเก็บเอกสาร ห้องพักอาจารย์ ดาดฟ้า
เพราะปกติโรงเรียนน่าจะเน้นการป้องกันภัยจากภายนอกมากกว่าภัยที่เกิดในโรงเรียน
ยิ่งโรงเรียนคุณหนูอาจจะเน้นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลเด็กมากกว่าก่อเหตุโดยคนในก็ได้นะ
>>688 สมัยก่อนคงใช่แต่สมัยนี้มีหมดอะ นี่เดินไปที่ไหนๆถ้ามองดีๆคือ cctv ตรึมมม ทางเดินตามโรงเรียนตามมหาลัยปกติก็มีกล้องอยู่แล้วอะ ถ้าในห้องเรียนเลยไม่มีนี่อาจจะยังพอเจอได้ แต่ทางเดินยังไงก็มีว่ะ เคยมีคนแปะเรื่องโรงเรียนไฮโซที่มีอยู่จริงๆของญี่ปุ่นที่กฎบางข้อคล้ายซุยรัน ก็มีเรื่องติดกล้องทั้งโรงเรียนเพื่อความปลอดภัยนะ
หรือไม่ต้องอิงโรงเรียนนั้น ปกติภายในก็ต้องติดถ้าตามพื้นที่สาธารณะ เพราะภัยภายนอกเช่นคนลักพาตัว มันก็มุดเข้ามาก่อเหตุภายในเนี่ยแหละ และอีกหลายเหตุการณ์ที่ปกติพื้นที่อย่างทางเดิน โถงทางเข้าพวกนี้มีหมดอยุ่ละ อันนี้จุดบอดเรื่องจริงๆ
กูว่าเรื่องกล้อง อ.ฮิโยโกะตัวจริงอาจจะเป็นยายแก่หงำเหงือกเหี่ยวยานนั่งซดหมากอายุห้าร้อยกว่าปี ตอนนั้นกล้องอาจไม่แพร่หลายก็ได้นะมึง.....
>>690 กูว่านางไม่หง่อมขนาดน้านนน คิดว่าเรื่องกล้องนี่ force drama ตาม >>679 พูด ดูเป็นฉากยัดเยียดให้บีบคั้นหน่อย ไม่งั้นถ้าจะมีเหตุผลโต้แย้งก็ต้องเหมือนของไทยที่แบบว่ากล้องเสียพอดิบพอดี บังเอิญถอดไปซ่อม เป็นกล้องดัมมี่อะไรเทือกนั้น ถถถถถ แต่รวมๆคือดูพยายามเซตให้อารมณ์บีบ พี่กล้องเลยโดนเขี่ยตกขอบไป คือที่จริงดราม่าในตอนก็ได้อยู่แล้วนะ แบบพิสูจน์ความเชื่อมั่นกัน ณ ตรงนั้น แต่หลังจากนี้คือไปขอดูเทปถึงจะสมจริง แต่ก็อีกว่าอาจจะต้องการสร้างปมไปยาวๆและดูลำบากในการหาตัว กล้องคงไม่มีบทต่อไป
ตู้เก็บรองเท้าตรงทางเข้าอาคารน่าจะมี ตู้เก็บเสื้อพละชุดนักเรียนในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหญิงน่าจะไม่มี แต่อาจมีซุกซ่อนอยู่ลับๆก็ได้ ตู้เก็บของตรงทางเดินหน้าห้องเรียน ตู้น่าจะอยู่ใกล้บันได้ คนร้ายได้ยินเสียงคนขึ้นบันไดมาแล้วหนี แถมยังได้ยินเสียงปากกาตกอีก ระหว่างเอากล้องส่องทางเดินหน้าห้องเรียนยาวๆพอจับภาพคนเดินผ่าน กับเน้นจุดบริเวณตู้เก็บของใกล้บันไดเพื่อดูคนมาทำอะไรบริเวณนั้นอันไหนมันควรสำคํญกว่ากัน
>>693 เอาตามคอมมอนเซนส์ของจุดที่จะติดตั้งกล้องเป็นลำดับแรกๆก็มีโถงทางเดิน ล็อบบี้ ประตูทางเข้าออก ในลิฟท์ บริเวณล็อคเกอร์ที่เก็บของ บริเวณที่ใครจะผ่านไปผ่านมาน่ะ ซึ่งล็อคเกอร์คงจะอยู่ตามทางเดินหน้าห้องเรียนแบบเมนท์บนๆว่า ก็เป็นจุดที่ต้องติดพอดีแล้วนี่ อาจจะไม่เห็นการกระทำชัดเจน แต่คงถ่ายติดคนในกล้อง แล้วทีนี้คนในกล้องก็ต้องหาคำอธิบายมาให้ได้ด้วยว่าไปอยู่แถวนั้นในเวลานั้นได้ยังไงและไปทำไม มีพยานหลักฐานอื่นมั้ย การที่ไม่พูดถึงกล้องเลยมันก็เลยเป็นจุดบอดกันไปยาวๆนี่ล่ะ
ส่วนไอ้ตรงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าถ้ามีกล้องไปซุกมันคือถ้ำมองแล้วจ้า
ปักหมุดฟินาเล่~~~~ เพิ่งตามไล่อ่านมาทันจากอ่านล่าสุดเมื่อวานตอนเที่ยงๆ ยาวเฟร่อออออ อ่านมาแล้วกูอู้หูกับความสมจริงของเรื่องที่ออกมาตั้งข้อสังเกตวิแคะแกะเกากันมาก ยิ่งอ่านยิ่งแบบเขียนมาละเอียดจังงง สุดยอดดดด
พอลงมาเรื่อยๆเจอประเด็นกล้องเท่านั้นแหละ ร้องแป๊วววว 55555 จุดบอดจริง นึกถึงพวกซีรี่ดราม่าๆทั้งหลายเลย แอบคิดว่าอ.ฮิโยโกะอาจจะเขียนดราม่าไม่เก่งรึเปล่านะเลยเซ็ตมาโหว่ๆผิดจากส่วนอื่น กลายเป็นดูยัดเยียดไปเลย แต่ถ้าใช่ก็ดีนะ แบบไม่ถนัดดังนั้นคงไม่โผล่มาเยอะ ซึ่งจะดีมากเพราะกูไม่ชอบซดมาม่าอืดล้นเต็มถ้วยเวลาอ่านนิยาย เสียดายเรื่องกล้องจริงๆง่ะ อีกนิดเดียวจะแบบเนียนเนี้ยบเฉียบกริ๊ง เก็บครบทุกประเด็นรายละเอียด
โรงเรียนรัฐกูติดอะแต่เหมือนมันจะใช้ไม่ได้น่ะกูว่ามีแต่คนไปหมุนให้กล้องมองพื้นตลอด....อาคารอื่นก็ติดน่ะแต่สุดท้ายก็พังเหมือนติดมาไว้ดูใครพังกล้องเลยว่ะ555555555
โรงเรียนกูเอกชนนะ กล้องนี่มีแทบทุกที่ ทางเดินมี หน้าห้องเรียนมี โรงอาหารมี ไม่แน่ใจว่าในห้องเรียนมีมั้ย แต่ครูกูเคยบอกว่ามีเหมือนกัน (อันนี้ก็ไม่รู้ว่าครูเขาขู่หรืออะไรนะ555555)
ซุยรันนี่เอกชนเหมือนกันป่ะวะ แต่ถึงไม่ดูว่าเอกชนมั้ย ยังไงๆ โรงเรียนที่ดูหะรูหะราขนาดนี้ก็ต้องมีอยู่แล้วหรือเปล่า?
ถ้าจะบอกว่าเป็นมุมอับก็คงไม่ใช่ เพราะมันดูเป็นทางโล่ง และเป็นจุดที่กล้องต้องส่องมาทางนี้แน่ๆ
แต่อาจจะด้วยสาเหตุที่โม่งบนๆ พูดไป ท่านเรย์กะเป็นถึง Pivoine ก็บอกชัดๆ อยู่แล้วว่าทางบ้านมีอำนาจมาก ถ้าไปทำอะไรให้ไม่พอใจ พวกครูอาจารย์คงซวยกันเป็นแถบๆ (แต่ถ้าพูดอย่างนี้จรรยาบรรณปลิวหมดมากๆ)
หรือจะบอกว่าเหตุการณ์ตอนนั้นมันฉุกละหุกมากจนแต่ละคนคิดไม่ถึง... ก็ไม่น่าว่ะ กูว่าเรื่องนี้มันดูคอมมอนมาก
ก็คงต้องรอดูว่าตอนต่อๆ ไปจะมีพูดถึงมั้ยนี่แหละ5555555
หรือไม่ก็มีกล้องแต่เป็นreal timeวะ
โรงเรียนใหญ่ขนาดนี้ถ้าบันทึกข้อมูลกล้องทุกตัวสงสัยต้องserverใหญ่พอๆกะวัดแห่งหนึ่งในเมืองไทย
KY กูเพิ่งเห็นชมพู่หุ่นท้อง 5 เดือน ถ้าท่านเรย์กะกินแล้วพุงออกขนาดนั้นกูว่าเป็นไปได้นะ...
เรื่องนี้กูว่าเซตติ้งมันดูเก่าๆนะ แบบโชโจสมัยก่อนอ่ะ อาจจะเป็นยุคที่ยังไม่ติดกล้องกันรึเปล่า? เพราะถึงจะบอกว่ายุคนี้ติดกล้องกันทั่วไป แต่มันก็ยุคนี้ไงมึง... กูว่าในคิมิดอลเนี่ย น่าจะเป็นยุคโชโจรุ่งเรือง แบบแม่กูยังสาวไรงี้เลยอ่ะ
>>705 หน้ากากแก้วปัจจุบันใช้ไอโฟนกันนะมึง เมื่อก่อนยังเป็นโทรศัพท์บ้านแบบหมุนๆอยู่เลย ถถถถถถถถถถถถถถ
ถ้าเซ็ตติ้งโบราณๆจริง คนพกมือถือจะไม่เยอะไม่หลากหลาย พกได้แค่รุ่นกระติกน้ำเพราะแม่งแพงมาก แต่อันนี้มือถือก็ดูเป็นของที่ใครๆก็มีกันได้ และเรย์กะมีมือถือตั้งแต่ประถมแล้วนะ ถ้าผ่านมาตั้งแต่ประถม เทคโนโลยีก็คงก้าวไปไกลจากจุดเดิมแล้วล่ะ กูว่าเรย์กะหรือคนอื่นๆก็คงใช้สมาร์ทโฟนตามสมัยนิยมกันหมดล่ะมั้ง
โคนันอีกเรื่อง วาดแรกๆใช้มือถือโบราณๆ ฝาพับมีเสา แล้วค่อยๆเปลี่ยนมาเป็นไอโฟนไอแพดอะไรกันไป ทั้งที่ในเรื่องผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปี
ว่าไปเรื่องนี้เหมือนเรย์กะเล่นมุขกุหลาบแวร์ซายอยู่บ่อยๆป่ะ
แสดงว่าชาติก่อนก็ต้องมีอายุพอตัวรึเปล่านะ เรื่องนี้กูไม่ทันอะ ถถถ
>>705 เซ็ตติ้งไม่เก่านะมึง รู้สึกว่าก็เป็นปัจจุบันเลยอะ แค่สังคมแบบไฮโซหน่อยแค่นั้น ดูว่าเก่าจากตรงไหนหว่า ถ้าเป็นเรื่องที่ในเรื่องส่งเมลคุยกันไปมาทั้งเมลหมาเมลคุยกับคน อันนี้เป็นเรื่องค่านิยมญี่ปุ่นนะ ต่อให้มีแอพสนทนาใช้กันก็ยังส่งเมลคุยกันเยอะอยู่ดี คิดว่าเป็นยุคสมาร์ทโฟนแล้วเนี่ยแหละ แถมดูจากเทรนด์นีดเดิลเฟลท์คือมัน ณ ปัจจุบันมากอะ สมัยก่อนนี่นีดเดิลเฟลท์คือไรรร อาจจานึกถึงตุ๊กตาวูดู 555 สมัยก่อนไม่มีงานฝีมือแนวนี้ฮอตฮิตในญี่ปุ่นนะ มันเป็นของยุคนี้เนี่ยแหละ พวกขนมของกินก็ไม่รู้สึกว่าดูเก่าแก่โบราณอะไร
>>703 ไม่ใหญ่ขนาดนั้นนนน อาคารแนวโรงเรียนนี่ให้ตายยังไงกล้องก็ไม่เยอะเท่าตามห้างหรอกมึง พวกห้างมีห้องคอนโทรลซุกๆกันไว้ได้ในตัวอาคารทั้งนั้นนะ หรือเอาพีคสุดคือแอร์พอร์ต ต่อให้มีห้องระบบแยกมาก็ไม่ใหญ่ขนาดน้าน อันนั้นน่ากลัวเกิ๊น 555 คือยังไงก็เป็นยุคควรมีกล้องได้ละ ญี่ปุ่นคือดูกล้องเยอะมากเลยนะกูเห็นในมังงะในเมะนี่มีมานานแล้วอะ ตั้งแต่สมัยกล้องหน้าตาโบราณมาเป็นบ้องยันหัวกลมๆเหมือนหุ่นยนต์ดูดฝุ่นแบบปัจจุบัน จะกล้องยุคไหนคือมันก็ควรมีว่ะโรงเรียนไซส์นี้และระดับนี้ โรงเรียนบ้านกว่านี้ยังมีเบย
>>703 กล้องมันมีเรคคอร์ดน่ะ เวลาที่บันทึกจะเก็บข้อมูลไว้หนึ่งอาทิตย์ไปถึงหนึ่งเดือนตามแต่คุณภาพกล้องและฮาร์ดดิสก์ ถ้าไม่เอาข้อมูลออกมามันก็จะเขียนทับไปเรื่อยๆจากวันที่เก่าสุดที่เคยมีบันทึกไว้
เอาจากที่กูเคยทำงานมาทั้งออกแบบเองบ้างและคุมงานจากชาวบ้านเขาออกแบบบ้าง ห้องเซิร์ฟเวอร์มันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรขนาดนั้น ยกเว้นแต่มึงจะทำบริษัทไอทีหรือบริษัทใหญ่โตที่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์มหาศาลถึงต้องยกให้ไปชั้นนึงเลย บางที่เป็นบริษัทเล็กๆ ห้องเซิร์ฟเวอร์ก็อยู่ในแผนกไอทีนั่นล่ะ
ที่แน่ๆห้องเซิร์ฟเวอร์ทุกห้องหนาวแน่นอน 555555555555555555555
Ky กุหลายแวร์ซายส์นี่รุ่นแม่เราเลยนะเรายังเอามาอ่านแล้ววาดรูปตามเลย เพราะชุดมันอลังการรายละเอียดชัดมาก ทุกวันนี้ยังคงอยู่บนชั้นหนังสือนะ
โรงเรียนเราก็โรงเรียนรัฐนะ แต่มีกล้อง บนหอมีคนเอาสีไปพ่นบ้าง บิดมันขึ้นไปบนเพดานบ้าง เปลี่ยนได้แปปๆก็โดนละ เด็กไม่อยากให้ครูรู้ว่าทำอะไรบนหอ แต่จริงๆถ้าพูดถึงซุยรัน ไม่มีกล้องเลยยก็แปลก ยกเว้นว่ามีปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวของเด็กนักเรียน อะไรทำนองนี้
เรื่องความเป็นส่วนตัวก็เห็นด้วยนะ ตอนม.ปลายโรงเรียนเอากล้องมาติดร้อยกว่าตัว ติ๊ดบัตรหน้าประตู ติ๊ดไม่ทันsmsเข้ามือถือผู้ปกครองทันที บ่นกันทั้งโรงเรียนเลยว่านี่มาเรียนหรือมาติดคุก 5555
ปล.ค่าsmsปีละ100บาท ส่งปีละไม่กี่ครั้ง ไม่ขาดไม่สายก็ไม่ส่ง โรงเรียนกินอิ่มเลย
คิดว่าความปลอดภัยต้องมาก่อนความเป็นส่วนตัวนะ เพราะตามปกติทุกที่เป็นงี้หมดเลย ตามห้างตามที่สาธารณะคือตรึมมม อาคารทุกแบบไม่มีที่ไหนไม่ติด ซุยรันไม่มีกล้องนี่เงิบจริงจัง มันแบบแหม่งๆจนดูจงใจไปหน่อยรู้สึกเรื่องเลยไม่สมูทเลยตอนช่วงนั้น มีกระตุกประเด็นแบบเฮ้ยเดี๋ยวนี้ทุกที่มีกล้อ ขนาดรถยังติด มอเตอร์ไซ จักรยาน มีกันหมด แล้วซุยรันไม่มีนี่ก็ดูตั้งใจไปอะ
>>720 ไม่มีหรอกเรื่องเป็นส่วนตัว เพราะโรงเรียนมันคืออาคารสาธารณะประเภทหนึ่ง ใครจะเดินผ่านไปผ่านมาก็ได้ ในสถานที่ที่คนมารวมกันอยู่เยอะๆ ต้องคำนึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักอยู่แล้ว ถ้าอยากเป็นส่วนตัวต้องเอาที่บ้านหรือสถานที่ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ
โรงเรียนกูเคยมีข่าวผู้หญิงบุกเข้ามาแทงเด็กในโรงเรียนน่ะ กูก็อยู่ในเหตุการณ์ บรรยากาศตอนนั้นแม่งน่ากลัวชิบหาย จากนั้นความปลอดภัยเข้มขึ้นมาก ติดกล้องทุกซอกทุกมุม ผู้ปกครองจะมารับเด็กต้องไปทำบัตรยืนยันตัว ไม่มีบัตรห้ามเข้าไปในบริเวณโรงเรียน ยามเปลี่ยนใหม่หมด ฯลฯ ก็เข้าใจนะว่าที่ต้องเข้มงวดเพราะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เลยต้องป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ แล้วแบบนี้มึงคิดว่าจะเอาความเป็นส่วนตัวหรือความปลอดภัยก่อนดี
Ky ไม่มีฟิคมาหลายวันแล้ว เลิกแต่งกันแล้วเหรอ...
>>731 ไม่บอก 555555555 ล้อเล่นนน ไม่ได้เรียนเครือนั้นหรอก แต่มีเพื่อนอยู่นั่นเยอะ พี่ก็เคยเรียนนั่น เลยคุ้นกับรร.แต่คงไม่เท่าคนเรียนอยู่นั่น
นี่ก็อยู่หอเหมือนกันนะ แต่เป็นหอนอก รร.ก็ไม่ใช่รร.ประจำเลยสะดวกกว่าคนที่เรียน PCC หน่อย มีอิสระมากกว่าเยอะะะ แต่ที่อิจเด็ก PCC คือได้อยู่กับเพื่อน24ชม.เลยนี่แหละ T_T พอเรียนจบแล้วถึงรู้ว่า ที่คิดว่าอยู่กับเพื่อนเยอะละจริงๆนิดเดียวเอง อยากอยู่กับเพื่อนนานๆ แงงงง
พูดถึงโจร ที่มอกูขนาดมีกล้องวงจรปิดก็ยังจับคนขโมยจักรยานที่หน้าหอไม่ได้อ่ะ เพื่อนของเพื่อนกูเคยประสบ นางเพิ่งซื้อไม่เท่าไหร่เอง สงสาร
>>733 คนนั้นนั่นล่ะ น่ากลัวชิบหาย เหมือนในหนังที่ต้องซ่อนตัวจากการตามล่าของฆาตกรน่ะ แล้วไม่มีใครรู้ว่าชีไปเดินเพ่นพ่านอยู่ตรงจุดไหนของโรงเรียน เลยต้องให้เด็กนักเรียนขังตัวเองอยู่ในห้องกัน เอาโต๊ะเก้าอี้มาขวางประตูไว้ มีเสียงอะไรนิดหน่อยก็สะดุ้งกันหมด ระทึกโครต
ลงฟิคให้อ่านเล่นฆ่าเวลา
ซึรุฮานะ Side Story >>>/webnovel/3856/384-385
-----------------------
จะเอาชนะศัตรู ก็ต้องรู้จักอีกฝ่ายให้ดีเสียก่อน
ฉันลองสืบข้อมูลของคิโชวอิน เรย์กะในด้านอื่นๆนอกจากที่รู้ แต่ก็ได้ข้อมูลเดิมๆคือเป็นคุณหนูที่สมบูรณ์เพียบพร้อมทุกอย่าง ฐานะ ชาติตระกูล ผลการเรียน กริยามารยาท ตอนประถมก็เป็นเด็กกิจกรรมพอตัว เพื่อนฝูงห้อมล้อมเป็นจุดศูนย์กลางของกลุ่ม ครูอาจารย์เชื่อใจ ไม่มีข่าวแย่ๆในทางลบอะไรเลย
ให้ตายสิ จะเลิศเลอไปถึงไหนนะ
ฉันเฝ้าครุ่นคิดกับการหาจุดอ่อนของผู้หญิงคนนี้และเรื่องที่ฉันสามารถทำได้ ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันเอาชนะผู้หญิงคนนั้นได้คงมีแต่เรื่องสมรรถภาพทางร่างกายล่ะมั้ง
คิโชวอิน เรย์กะคือคุณหนูผู้บอบบางไร้เรี่ยวแรงขนานแท้ ไปเดินทางไกลก็หอบแฮ่กๆ อยู่รั้งท้ายของกลุ่ม คนอื่นเขาขึ้นมาถึงข้างบนสุดกันหมดแล้ว เธอกับกลุ่มเด็กอ่อนแอปวกเปียกเพิ่งจะมาถึง
ไม่ไหวเอาซะเล้ย หัดไปออกกำลังกายบ้างนะ
ฉันกลับลงมาด้วยความสบายอกสบายใจที่ได้รู้จุดอ่อนอย่างแรกของยัยคิโชวอิน คนเพอร์เฟคไปทุกอย่างย่อมไม่มีอยู่บนโลก ถ้าจะแข่งเรื่องใช้แรงล่ะก็ ฉันไม่มีทางแพ้ยัยนั่นแน่
แต่เอ๊ะ...คุณหนูเขาไม่แข่งอะไรแบบนี้กันนี่นา
ฉันคิดในใจอย่างสับสน ไม่แน่ใจว่าควรดีใจกับชัยชนะเล็กๆน้อยๆนี้ดีหรือไม่ แต่ผ่านไปสักครู่ก็ยักไหล่ไม่ยี่หระ
ถ้าชนะก็คือชนะ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่เห็นต้องเป็นข้อยกเว้น
.
.
.
กำลังคิดหาจุดอ่อนอย่างอื่นของยัยคิโชวอิน ก็ประจวบเหมาะพอดีที่ลูกพี่ลูกน้องของยัยนี่ที่ชื่อโคะโท ริรินะ ได้เข้ามาเป็นนักเรียนใหม่ของซุยรัน พอมาถึงก็ข้ามหัวรุ่นพี่ไปหลายคนในการติดตามท่านคาบุรากิ
แม้จะมีคนไปเตือนบ้างแล้ว แต่ยัยนั่นกลับลอยหน้าลอยตาตอบว่า พวกเธอเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาห้าม แล้วก็ไปกระแซะท่านคาบุรากิต่อ
เรื่องนี้ทำให้กลุ่มของฉันยัวะเป็นอย่างมาก รุ่นพี่หลายๆคนก็ไม่สบอารมณ์ที่ยัยนี่ชักจะเหิมเกริมมากขึ้นทุกวัน ท่านคาบุรากิเป็นของพวกเราทุกคนไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง จะมาข้ามหน้าข้ามตากันไม่ได้
ขณะที่ทุกคนกำลังวางแผนว่าจะจัดการยัยคนนี้อย่างไรดี ฉันก็นึกอะไรออก
ในเมื่อเป็นลูกพี่ลูกน้องของคิโชวอิน บางทีอาจจะเป็นการสร้างจุดอ่อนครั้งยิ่งใหญ่ให้ยัยนั่นก็ได้
ฉันบอกทุกคนว่าไม่ต้องทำอะไร ให้อยู่เฉยๆ รอให้ยัยโคะโท ริรินะทำลายตัวเองไปช้าๆ
คนไม่รู้จักประมาณตัวแบบนั้นน่ะ คงทำให้ท่านคาบุรากิโมโหเข้าสักวันแน่ๆ แล้วพอถึงตอนนั้นคงเป็นจุดจบของทั้งยัยนั่น และยัยคิโชวอินคงโดนหางเลขไปด้วย
คนมีอำนาจแบบท่านคาบุรากิเวลาโกรธขึ้นมาจะทำอะไรลงไปบ้าง แค่คิดก็สนุกแล้ว
ฉันวาดฝันเกี่ยวกับการที่คิโชวอินและยัยลูกพี่ลูกน้องถูกทำลายลงไป พอเจอหน้าก็เข้าไปเยาะเย้ยถากถาง และได้เห็นยัยนั่นวิ่งพล่านไปขอโทษคนที่ยัยลูกพี่ลูกน้องไปล่วงเกินไว้ เรื่องนี้ทำให้ฉันแปลกใจเหมือนกัน
อะไรกัน ผู้หญิงคนนี้โง่รึเปล่า ความหายนะจะมาเยือนแล้วนะ ยังไม่รีบตีตัวออกห่างจากปัญหาอีก จะทำตัวเป็นคนดีไปถึงไหน
โง่ โง่ โง่สิ้นดี
นี่คือการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายอย่างนั้นเหรอ หรือเป็นการออดอ้อนขอความเห็นใจจากท่านคาบุรากิ
เรื่องที่ยัยนั่นเที่ยวก้มหัวปลกๆขอโทษคนอื่นเขาไปทั่วก็เป็นที่รู้กันทั้งชั้นปี คนที่เคยฮึ่มๆแฮ่ๆใส่ยัยลูกพี่ลูกน้องก็ดูจะลดความแรงลงไปมาก ด้วยว่าเกรงใจคิโชวอิน ทำได้แค่เอามานินทาลับหลัง
เฮอะ ไม่สบอารมณ์เลย
ฉันอยากเห็นสงคราม อยากเห็นคนใต้อำนาจยัยนั่นก่อหวอด อยากเห็นยัยคิโชวอินตกที่นั่งลำบาก เผื่อจะเปลี่ยนสีหน้าท่าทางสบายๆไม่รู้สึกรู้สาอะไรได้บ้าง
ฉันเกลียดสีหน้าของยัยนั่น สีหน้ายิ้มๆเหมือนพวกถือไพ่เหนือกว่าคนอื่น มองลงมาจากเบื้องบนไม่ทุกข์ไม่ร้อน
ทำอวดดีต่อไปเถอะย่ะ เดี๋ยวเธอก็จะถึงจุดจบแล้ว
ไม่นานเกินรอเลย ที่ยัยโคะโทจะทำให้ท่านคาบุรากิโมโห
ยัยเซ่อนั่นพอเห็นท่านคาบุรากิไม่มีเหล่าแฟนคลับมารุมล้อมก็คงเห็นเป็นโอกาสดี เลยเข้าไปกระแซะ แต่คงไม่รู้ล่ะสิว่ากฎเหล็กข้อสำคัญที่อยู่เหนือกว่าบรรดาแฟนคลับนั่นก็คือ ห้ามรบกวนเวลาที่ท่านคาบุรากิอยู่กับท่านยูริเอะเป็นอันขาด
ไม่ต้องตามไปดูก็รู้ผลลัพธ์ ยัยนั่นคงจะโดนท่านคาบุรากิที่ฉุนขาด ตะคอกไล่ไปให้พ้นหน้าสินะ เห็นวันนี้ก็ดูจ๋อยไปเลยนี่นา
กลุ่มของฉันซุบซิบเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน มองไปที่ยัยคิโชวอินที่ดูเครียดกว่าทุกวัน ไม่มีอะไรจะน่ายินดีมากไปกว่านี้อีกแล้ว
ฉันรอฟังข่าวว่าท่านคาบุรากิที่ระเบิดอารมณ์ไปวันนั้นจะทำอะไรบ้าง แต่ก็ไม่เห็นวี่แววเลย มีแค่เรื่องยัยโคะโทเลิกไปตามตื๊อท่านคาบุรากิแล้ว คงจะเข็ดสินะ
แต่แค่นี้เองเหรอ จบดีเกินไปแล้ว ทำไมยัยโคะโทถึงไม่ได้รับผลการกระทำอะไรของตัวเองเลยล่ะ
หรือเพราะยัยคิโชวอินอยู่เบื้องหลังอย่างนั้นสินะ ต้องใช่แน่ๆ
ไม่รู้ว่าใช้วิธีอะไร แต่คงหนีไม่พ้นไปออดอ้อนทำมารยาใส่ล่ะสิ
โธ่เอ้ย ผู้ชายก็แบบนี้ล่ะนะ
เจอท่ามารยาสาไถเข้าไปหน่อยก็อ่อนระทวยเป็นเทียนถูกไฟลนเชียว นับว่ายัยคิโชวอินฝีมือไม่เลว เห็นเงียบๆหงิมๆแบบนั้นแต่ร้ายน่าดู กล่อมท่านคาบุรากิซะอยู่หมัด
ได้ยินว่ายัยนั่นบอกใครต่อใครไปทั่วว่าไม่ได้สนใจท่านคาบุรากิ แต่ที่แท้ก็แอบไปกุ๊กกิ๊กกันลับหลัง ท่านยูริเอะก็ใจดีชะมัดที่ปล่อยแฟนตัวเองไปมีกิ๊กแบบนี้
เฮ้อ ธรรมชาติอีกอย่างของผู้ชาย ไม่รู้จักพอ
ท่านคาบุรากินี่ก็ร้ายจริงๆ เห็นเคร่งขรึมเย็นชาแบบนั้น แต่จริงๆก็แอบจับปลาสองมือลับหลังแฟนตัวเอง เขาว่ากันว่าผู้ชายร้ายๆน่ะมีเสน่ห์ก็เป็นไปตามนั้น
ว่าแต่สเป็คท่านคาบุรากิเป็นแบบนี้เองเหรอ ผู้หญิงที่ดูเรียบร้อยอ่อนหวานกริยามารยาทนุ่มนวลในโรงเรียนนี้ก็มีให้เต็มไปหมด ก็ไม่เห็นจะเหลือบแลใครนอกจากท่านยูริเอะ ยกเว้นแต่ว่ายัยคิโชวอินจะมีอะไรดีๆซ่อนเอาไว้อยู่
ฉันควรจะหามันให้พบสินะ อาจจะเป็นกุญแจที่นำไปสู่การคว้าหัวใจท่านคาบุรากิมาครอบครอง
แต่อย่างนั้นก็เถอะ ยัยคิโชวอินก็ช่างน่าสงสาร คงเป็นได้แค่ตัวสำรองเวลาท่านคาบุรากิเหงา พอตัวจริงเขามาก็ต้องหลบฉากหนีไปนอนช้ำใจอยู่แหงๆ
แต่เอ๊ะ ฉันจะสงสารยัยนั่นทำไม
ต้องสมน้ำหน้าสิ มันถึงจะถูก
-------------------------------
มโนกันไปใหญ่แล้ว ซึรุฮานะซัง ถถถถถถถถถถถถถถถถถ
>>737 กล้องคุณภาพดีสเปคดีๆก็ชัดนะ บางที่นี่กล้องชัดมากกกก หนึ่งในกล้องชัดมากคือกล้องส่วนใหญ่ที่ใช้ในลิฟต์ จนเคยมีคนเตือนเลยว่าเข้าลิฟต์อย่าทำอะไรแปลกๆเช่นแบบ อ๊ะ อยู่คนเดียว หันเข้ากระจกไปฉีกยิ้มปากกว้างแคะเศษอาหารที่ติดงี้ ล้วงมือไปดึงชายเสื้อ ดึงถุงน่องจากใต้กระโปรง ผู้ชายก็เคยมีแบบยืนเขย่งขาเอียงข้างให้กระจกเพื่อดึงกกน.เข้าวินงี้ ควักอย่างเมามัน คือคนเฝ้ากล้องนี่ฮากันกระจาย รู้มาจากเพื่อนที่เคยไปคิวซีระบบความปลอดภัยตามอาคาร(หรือเค้าเรียกออดิทวะ ซัมติง) ตอนเช็คคุณภาพกล้องตามลิฟต์นี่ชัดจนตกใจ และเคยไปเจอช็อตเด็ดฮาเงิบบ่อย 5555
ฟิคกาวแม่งดีต่อใจ
ky บ่นนิด อดีตโม่งสารบัญค่ะ นานๆจะเข้ามาทีแล้วเพิ่งเห็น
ตอนนี้ไฟล์ไทม์ไลน์เนื้อเรื่องในโฟลเดอร์สารบัญต้นกระทู้หายไป ไม่รู้ว่าโดนใครลบทิ้งและตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ (ใน activities ดันไม่มีบันทึก)
คือจะบอกว่าไฟล์ในโฟลเดอร์นั้นเนี่ย กูไม่ได้ทำไฟล์สำรองอะไรไว้นะ ถ้าแค่แก้เล่นใน doc ก็ยังพอ revision ให้ได้
แต่ลบไฟล์ทิ้งไปเนี่ย กูไม่มีตัวแบ็คอัพให้หรอกนะ หายแล้วหายเลย (ถ้าจะมีก็เป็นใน justpaste ที่กูทำตั้งแต่เดือนสามโน้น)
คิดว่าส่วนใหญ่คงไม่ได้เข้าโฟลเดอร์กันหรอกมั้ง ดูจากที่สารบัญตัวละครอื่นๆไม่มีการอัพเดทเพิ่มเติมอะไร
แค่พอกลับมาดันเจอว่าไฟล์ที่กูอุตส่าห์นั่งทำหายสาปสูญไปซะงั้นแล้วเซ็งว่ะ
>>748 ยินดีต้อนรับค่ะ กูคิดถึงมึงมากเลยน้าาาาาา //กอดๆ
กูไม่เคยใช้เว็บนี้ แต่เคยเห็นใครซักคนบอกว่า justpaste คนที่เป็นเจ้าของไฟล์มีสิทธิ์แก้ไขได้คนเดียว กูเลยนึกว่ามึงลบทิ้งไปอ่ะ เพราะอัพเดทสารบัญกันเองไปแล้ว ไอ้ลิงค์ justpaste เลยไม่จำเป็นก็เลยลบทิ้ง ตกลงมึงไม่ได้ลบสินะ โอ๋ๆนะคะมึง อย่าเฟลไปเลยนะคนดี อยากอ่านฟิคอะไรมั้ย เผื่อช่วยให้มึงหายเฟลได้
หรือเว็บมันรวนวะ กูก็ไม่รู้ ไม่งั้นก็มีใครมือบอนไปลบทิ้ง ใครทำก็ออกมาสารภาพซะดีๆนะตัวเอง
>>748 กูเป็นคนนึงที่กดจะเข้าไปดูไทม์ไลน์แล้วมันไม่ขึ้นอะ แต่นึกว่าโดนล็อคซะอีกเพราะมันขึ้นมาบอกอะไรแนวๆไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึง ก็ยังงงอยู่ว่าอ้าวไฟล์นี้ล็อคหรอเนี่ย สรุปคือโดนลบทิ้งไปแล้วซะงั้น /พุ่งตัวไปกอดปลอบ มองแง่ดีว่าคนทำอาจจะไม่ตั้งใจป่าว แบบมือไปโดน แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากดแก้กดลบนี่มันกี่ขั้นตอน ถ้ามันหลายขั้นก็แอบดูเจตนาไม่ดี ถึงจะไม่รู้ว่าทำไปแล้วได้อะไรก็เหอะ นี่จะมีใครได้เซฟไว้บ้างมั้ยนะ
>>749 หมายถึงในโฟลเดอร์กูเกิ้ลน่ะ ไม่ใช่justpaste
พวกไฟล์ทั้งหมดที่ทำไว้
https://drive.google.com/drive/folders/0BwR6XEqxsnTAZWdSckFqb182VDQ
ส่วน justpaste กูแก้ลิ้งก์เป็นส่วนตัว เพราะคิดว่าไม่จำเป็นแล้วนั่นล่ะ
>>750 กูก็งงเหมือนกัน มันก็ลบง่ายด้วยล่ะ แต่ปกติมันจะขึ้น activity ว่ามีใครทำอะไรกับไฟล์และกู้จากตรงนั้นได้ อันนี้มันดันไม่มีข้อมูลอะไรขึ้นเลย ไฟล์หายไปเฉยๆ ส่วนที่ขึ้นpermission นี่กูก็ไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่ามันโดน takeover ไปรึไงกัน
มีเป็นตัวเก่าโน้นที่เคยทำไว้ถึง 178
https://justpaste.it/reika-timeline
กูรอทะลุมิติที่ท่าน้ำทุกวัน
กูสงสัยอย่างกูเห็นหนังหรือการ์ตูนญี่ปุ่นหลายเรื่องละ ที่คนแกล้งขีดเขียนโต๊ะ หรือล๊อกเกอร์ แล้วจับไม่ได้ ต้องกล้ำกลืนฝืนทน
กกูสงสัยมาก เพราะมันเป็นสมบัติของโรงเรียนทำของโรงเรียนพัง มันไม่ได้จบที่แกล้งเพื่อนแล้วนะ
โงเรียนกูก็เคยมีเด็กเล่นแผลงๆแบบนี้ ตอนเย็น แล้วอาจารย์มาเจอตอนเช้าว่าโต๊ะเละแล้ว หนึ่งชั่วโมงอาจารย์ห้องปกครองลากคนร้ายมาได้ว่ะ(ไปดูกล้อง) มานั่งขัดโต๊ะนี่แหล จารย์โหดสัส คดีขโมยไรงี้ อาจารย์กวาดสายตาเรด้าร์ทีเดียวจับผิดปกติได้ 555
เลยสงสัยเรื่องเขายึดติดกับการแต่งเนื้อเรื่องการแกล้งคนแบบสมัยก่อนช่วงที่กล้องยังไม่บูมหรือว่ารรญีปุ่่นมันไม่มีกล้องจริงๆวะ
แต่ทำโต๊ะกับลีอคเกอร์นี่เรื่องไม่น่าเงียบได้นะ กูเป็น ผ.อ. กูล่าแม่มดแล้ว ให้ออกมาจ่ายเงินชดใช้ 55555
>>757 อีห่า โม่งแตก แต่ไม่เป็นไร กูยอมโม่งแตกแค่กับมึงคนเดียว อย่าเอ็ดไปล่ะ 5555555555555555
กูก็เข้าไปในถังขยะนะ แต่ไม่มีไฟล์ให้กู restore กูเลยไปทำใหม่ด้วยการก็อปของเก่ามึงมา เอาเป็นว่าต่อจากนี้กูรับทำทั้งหมดเองนะ
ทีแรกกูว่าจะทำแค่สารบัญเอ็นโจคนเดียวเพราะกูลำเอียง แต่มือกูเผลอกดลบคาบุ อีห่า ต้องเป็นคำสาปจากไซซายะที่ต้องการให้กูอัพเดทสารบัญให้ด้วยแน่นวล และด้วยความรักและเอ็นดูต่อวาคาบะ กูก็จะทำให้ด้วยเหมือนกัน
เย้. ตอนใหม่มาแว้วววว ขอบคุณโม่งแปลล. กระโดดกอดจ้วบบบบบ!!
อ่า.. ฟินแปลกๆ เพราะเคยชิพคาบุเรยกะอยู่พักใหญ่ๆ จนมาเลิกตอนคาบุสงสัยเรยกะ. ว่าแต่เคมี2 คนนี้ดีจังเลยน้าา. เหมาะกับการตูนแก๊กดีจัง 555 เข้าขากันได้ดีขนาดนี้ขอมอบตำแหน่งตลกซุยรันให้เลยค่าาาา. ตอนหลังท่านเอ็นโจบันทัดเดียวมีตามๆ อิอิ. สงสัยอะเด้ว่าไมหายไปทั้ง 2 คนพร้อมกัน. ฮุๆๆ
ชอบๆ รู้สึกเหมือนเรือที่ตะไคร่เกาะมานานเริ่มได้ยินเสียงเครื่องยนตเตรียมออกทะเล
ตอนใหม่นี่เท่าที่อ่านคงจะสรุปได้ว่ากล้องอาจจะมีแต่โรงเรียนไม่คิดสืบเพราะกลัวกระทบเด็กเส้นใหญ่สินะ
อ่านถึงท่อนที่เรย์กะบอก วาคาบะหน้าตาน่ารักแล้วกูเผลอตบมุกให้ใจว่าถ้าน่ารักก็เก็บไว้กินเองเลยค่ะ อย่าเอาไปให้คาบุเลย มันเสียของ
ตกลงวาคาบะหน้าตาน่ารักจริงๆด้วยสินะ กูนึกว่าจะดูจืดๆเรียบๆตามสไตล์นางเอกโชโจปกติน่ะ เพราะมังงะโชโจมันจะมีอีเวนท์ประมาณว่านางเอกดูจืดๆแต่พอไปแต่งองค์ทรงเครื่องหน่อย พระเอกก็มองตามตาค้าง ตะลึงในความสวย จะมีอีเวนท์แบบนั้นในเรื่องบ้างมั้ยน้า
ตัดมาที่คาบุ เอ่อ ไม่รู้ตัวจริงดิ เขารู้กันไปถึงทวีปแอนตาร์คติกแล้วมั้งว่านายชอบวาคาบะ แสดงออกโจ่งแจ้งขนาดนั้น แถมเพิ่งจะรู้อีกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้เขาโดนแกล้ง เรื่องอื่นฉลาดนัก เรื่องนี้ทำไมโง่จังล่ะคะ ท่านเรย์กะอย่ายกวาคาบะให้คนพรรค์นี้เลยค่ะ เก็บไว้กินเอง ปลูกทุ่งดอกยูริเถอะค่ะ
ปล.เอ็นโจมีบทอยู่หนึ่งบรรทัดอีกแล้ว กูควรเก็บไปใส่ในสารบัญด้วยมั้ย ถถถถถถถถถถ
จะว่าไปนายบ้าหมายังทำตามติดชีวิตเบียทริซหาท่านเรย์กะอีกปะวะ (แต่ไม่น่าแล้วมั้ง นางได้เซอบิรุสเป็นตัวตายตัวแทนแล้ว) พอเห็นคาบุส่งเมล์รัวๆนี่นึกถึงนายบ้าหมามาก่อนเลย บ้าจริง55555555
>>761 เอาจริงๆถึงไม่สืบแต่ตอนนี้มันก็กระทบเด็กเส้นใหญ่top3ของชั้นเรียนนะ ตอนนี้ท่านเรย์กะก็เป็นผู้เสียหาย แล้วคาบุรากิกับนายตัวสำรองเองก็ยังไม่เชื่อ ถ้าเรียกร้องให้สืบสวนเต็มที่ก็น่าจะได้อยู่ เพราะไม่มีใครใหญ่กว่านี้แล้ว
ถ้าเรื่องที่ท่านเรย์กะถูกสงสัยว่าเป็นคนร้ายไปถึงหูท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่ หรือบ้านเอ็นโจ(ที่ถูกยูกิโนะคุงงอแงใส่) ก็ไม่น่าจะอยู่เฉยนะ โดนกดดันแน่ๆ
มานั่งคิดๆดู. เรยกะเนี่ยเป็นคนคิดอะไรคนอื่น(ที่ฉลาดๆ)จะรู้สินะ ประมานว่าเก็บสีหน้าไม่เก่ง. แต่บรรดาเพื่อนๆชนชั้นสามัญรอบๆดันติดฟิลเตอรเลยไม่รู้ความจริง. ที่นี้หลังจากนี้จะมีโมเม้นตของคาบุเรยกะมากขึ้น. คุณแม่ของคาบุเองก็ชอบเรยกะที่โดเด่นตรงที่ไม่มีท่าทีอยากจับลูกชายตัวเองแบบเด็กผู้หญิงคนอื่นรอบๆ ก็คงจะประทับใจเรยกะอยู่พอสมควร. ด้วยความที่รูปร่างฐานะเหมาะสมแถมยังสนิทกัน. สรุปว่า. งานหมั้นของคาบุเรยกะจะต้องเกิดขึ้นแหงๆ
ที่นี้ขึ้นอยู่กับฝ่ายคาบุแระว่าจะยินยอมรึเปล่า เรยกะคัดค้านแหงๆ. แต่ไม่รู้จะมีคนยอมป่าววเพราะดูคุณพ่อแม่จะปลื้มบ้านคาบุมากๆ. ถึงเรื่องเล็กน้อยจะรักตามใจเรยกะแค่ไหนแต่เรื่องใหญ่นี่ไม่แน่. แต่คุณพี่จะต้องช่วยคุณน้องแน่ๆ อืมๆ. ที่นี้คาบุจะต้องอ้างว่าแค่หมั้นเอง. หมั้นไปก่อนค่อยยกเลิกก็ได้ ระหว่างนี้ขอใช้เวลาจีบวาคาบะไปก่อน. แต่ความจริงคือหลงรักเรยกะไปอย่างไม่รู้ตัว. จุดนี้เป็นจุดที่ทำให้เอ็นโจทนไม่ไหวต้องบอกความรู้สึกตัวเองออกมา เดาว่าเป็นหลังจบมปลายแหงๆ. เอิ้กก กุเมากาวแระ
>>766 พวกอีเวนท์ใหญ่ๆในเรื่อง มันก็เป็นไปตามไทม์ไลน์คิมิดอลอยู่แล้วน่ะ คาบุอกหัก บอกลายูริเอะ ไปจีบวาคาบะ อีเวนท์หลักๆพวกนี้เป็นไปตามต้นฉบับหมด ต่างแค่ระยะเวลาที่เกิดกับรายละเอียดปลีกย่อย กูว่ายังไงก็เกิดงานหมั้นนั่นล่ะ สิ่งสำคัญคือความรู้สึกของเรย์กะกับคาบุจะเปลี่ยนไปทางไหน
>>761 กูรู้สึกว่าเป็นเหตุผลที่อ่อนมาก เพราะเรย์กะตกเป็นผู้ต้องหา กลายเป็นผู้เสียหายด้วย คาบุ เอ็นโจ เรย์กะนี่แทบยึดครองโรงเรียนกันได้อยู่แล้ว จะยื่นเรื่องขอให้สอบสวนใครจะกล้าขัด เรย์กะเองก็ Pivoine คนนึงเหมือนกันนะ
ทางโรงเรียนกลัวไปเจอตอ แต่ไม่เกรงใจเรย์กะกันเลย แปลว่าคงมีสมมติฐานในใจว่าเรย์กะนั่นล่ะทำ เลยไม่กล้าเปิดกล้องงัดหลักฐานออกมา แบบนี้ก็ยิ่งดูแย่เข้าไปใหญ่
ไม่รู้สินะ. ตั้งแต่เรื่องล้างมือ คาบุรากิขอแฮนครีม เรยกะมีแฮนครีม ยี่ห้อที่เรยกะใช้คาบุดูพอใจ. คือกุแอบรู้สึกว่า. อิสองคนนี้มันคู่กันมากๆ.
>>770 จริงๆ ถ้าพูดถึงเรื่องรสนิยมความหรูเริ่ด คาบุกับเรย์กะเข้ากันดีมากๆ นะ ตั้งแต่เรย์กะไปงานเลี้ยงบ้านคาบุแล้วซื้อช็อกโกล่าไปฝาก คาบุกินแล้วถูกใจ ขนมที่ซื้อไปฝากเด็กๆ ห้องเปอติต์ คาบุก็ทำท่าสนอกสนใจมีคอมเมนต์จนเรย์กะต้องปรามๆ ในใจว่ามึงอย่ามาตีสนิท ถถถถถถ ห่วงกลที่ซื้อให้ยูกิโนะ คาบุก็ติดใจเล่นจนไม่หลับไม่นอน กูว่าถ้าคาบุมันเกิดคิดได้ขึ้นมาเมื่อไหร่ เรือคาบุมีหวังติดเครื่องไนโตรวิ่งฉิวเหมือนกัน
ต่อจากข้างบน จริงๆ กูเรือเอ็นโจนะ อยู่ดีๆ บ่อนทำลายเรือตัวเองไมวะ //ซับน้ำตาชูสุมอยของบ่าว
กูแอบคิดให้จอมมารนิดนึงว่าที่เมล์มาพอดีนี่ไม่ใช่อะไรนอกจากความหึงส่วนตัว ที่สโมสรอาจจะเงียบๆ นินทานิดๆ หน่อยๆ จอมมารกูขยายความเมล์ตามแม่ง
โอ้วววว ขอบคุณโม่งแปลมาก ตอนนี้แม่งน่ารักกก พวกโรงเรียนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เรื่องการแกล้งกันจริงๆด้วย คาบุเนี้ย รีแอคชั่นนางน่ารัก เป็นคนตรงๆสินะแหม่ การส่งเมลล์เปล่าทุก5นาทีก็เกินไปนะคะ~~
ส่วนฟิคซึรุเนี่ยสุดยอดดดด ชอบจุงๆ มึงเขียนดีมากเลย
หลังจากนี้คิมิดอลก็จะกลายเป็นโชโจบ้างแล้วสินะ อื้ม สรุปเรื่องนี้มีแท็ก food ประกอบเฉยๆสินะ /หยอดน้ำตาปลอม
อ่านตอนแปลล่าสุดล่ะรู้สึกงี้เลยอ่ะ ' อ่า เรื่องนี้มันโชโจแหละน้าา ถ้าไม่เกี่ยวกับเรย์กะ มีความโชโจเยอะแยะเลย ' 5555555 สงสารท่านเรย์กะเบาๆ แต่นี้ชอบผช.แนวคาบุรากินะ ทุ่มเท มุ่งมั่น จริงจัง//ไม่นับเรื่อง...ก็เยี่ยมไปเลย
นี้แอบคิดเบาๆว่า ไม่ใช่ว่าแม่สื่อได้เองหรอกน้าา 5555 //โดนท่านจอมมารลากไปสั่งสอน
เมื่อก่อนกูเรือเอ็นโจนะ แต่ตอนนี้อยู่สภาวะเป็นกลางขึ้นเรือไหนก็ได้แต่เน้นเรือท่านพี่กับนายตัวสำรอง5555 บทเอ็นโจน้อยจังค่ะ ถึงจะรู้ว่าหลังๆเดี๋ยวก็โผล่มาเยอะ แต่ตอนนี้โผล่มาทีละประโยคก็ไม่ไหวนะ..
จอมมารคงไปถล่มบ้านกิกี้ลูกจ๊อกที่ริอาจจะมาเป็นตัวร้ายกลั่นแกล้งเรย์กะอยู่น่าเลยออกได้ทีละบรรทัด ถถถ
ตอนล่าสุด มีพิมพ์ ซึรุฮานะ เป็น ซึระฮานะ นะโม่งแปล
หลังจากมีเรื่องคุณยุยโกะกูสละเรือเอ็นโจไปขึ้นเรือคาบุยาวๆ ชอบผู้ชายแสดงออกชัดเจนไม่ใช่มัวแต่กั๊กอมพะนำ
แต่เรย์กะร้ายสมเป็นบอสฝ่ายหญิงจะปล่อยข่าวใส่ร้ายซึรุฮานะแล้ว ความแกะแค่งานอดิเรกตัวจริงยังเป็นกาลีที่พร้อมพิโรธสินะ
>>770 จะบอกว่า กูเคยโดนมุกนี้กับผู้ชายญี่ปุ่นนนน 5555 ล้างมือแล้วขอแฮนด์ครีม หรือเวลาเดินเยอะมีเหงื่อก็มาเนียนขอกระดาษทิชชู่ มือเลอะมาขอทิชชู่เปียกมั่ง เจลล้างมือมั่ง เคยคิดแบบอะไรกันวะพวกหนุ่มญี่ปุ่น ดูสำอางค์แต่ไม่พกของ จนเพื่อนผู้หญิงญี่ปุ่นเคยเฉลยว่ามันเป็นวิธีเล็คบุคลิกว่าผู้หญิงดูเนี้ยบเรียบร้อยแค่ไหน ถถถถถ อย่างถ้าขออะไรพวกนี้แล้วไม่มีคือจะโดนทดคะแนนติดลบในใจไปจ้า ว่ายัยนี่ช่างดูไม่เป็นกุลสตรีเอาซะเลย หนักสุดคือทิชชู่ แบบถ้าขอแล้วไม่มีพกคือภาพพจน์เสียมาก อ่านเจอแล้วกูขำาาาาา แบบแอ๊ะ อะไรกันนะ
กูกำลังอธิษฐานอย่างแรงกล้ามากให้มีคนสอยนางลงจากคาน
กูจะรอพระเอกที่อาจปรากฎตัวตอน400!
รู้สึกเรื่องกล้องไม่เคลียร์อยู่ดีว่ะ เพราะถ้าอยากยืนยันว่าบริสุทธิ์คือไปขอดูเองก็ได้เลยนี่ หรืออย่างทางโรงเรียนเกรงใจ คิดว่าเรย์กะเป็นคนต้องสงสัยอันดับ 1 แล้วเจ้าตัวปฏิเสธ ถ้าเกรงใจจริงคือกลังมีปัญหากับตระกูลคิโชวอินก่อนเลยดีกว่ามั้ยนะ มโนภาพมาแบบเรย์กะกลับบ้านแล้ววิ่งไปร้องไห้ซบกับอกท่านพี่ว่าถูกใส่ร้าย ใครๆก็มองไม่ดี ที่บ้านคิโชวอินต้องเอาเรื่องอยู่ละแน่นอน นี่มีความแบบพยายามจะซุกประเด็นไปเงียบๆไงไม่รู้อยู่ดี
>>788 กูเคยมีโมเมนท์โดนเพื่อนแกล้งนะ อารมณ์ตอนนั้นคือกูไม่อยากให้ผู้ใหญ่รู้ว่ะ อารมณ์เรื่องคือเด็กโดนกระทำคนกระทำก็เป็นเด็กจะวิ่งไปฟ้องให้ผู้ใหญ่แก้ปัญหารู้สึกตัวเองขี้แพ้ นั่นคือมายด์เซ็ตที่กูคิดตอนเป็นเด็กนะ
เลยรู้สึกไม่แปลกที่ในเรื่องไม่พูดให้ผู้ใหญ่เช็คกล้องอ่ะ แล้วยิ่งผู้ใหญ่ไม่ค่อยอยากให้เช็คด้วย กรณีนี้ไม่ใช่แค่เช็คแล้วเรย์กะที่เป็นผู้ทรงอิทธิพลจะรอดแต่เป็นกรณีที่ถ้าเกิดคดีอะไรขึ้นอีกแล้วโรงเรียนพยายามจะปิดไม่รู้ไม่เห็นคนก็จะยกมาว่าทำไมกรณีนี้ยังเช็คเลย คือคนรู้ในเชิงปฏิบัติว่ามันมีชนชั้นแต่โรงเรียนก็คงไม่อยากทำให้เห็นความต่างชัดขนาดนั้นอ่ะ
อีกอย่างที่กูคิดว่าสำหรับเด็กการวิ่งไปบอกผู้ใหญ่ให้แก้ปัญหาดูขี้แพ้ มันก็จะสืบเนื่องไปถึงบารมีของเรย์กะหัวหน้าฝ่ายหญิงด้วยว่าเรื่องแค่นี้จัดการเองไม่ได้ต้องให้ทางผู้ใหญ่(ตระกูล)ตัวเองมาลงมือ บารมีในตัวเรย์กะก็จะต่ำลงซึ่งอย่างที่เห็นว่าเรย์กะรักษาอำนาจตัวเองจะตาย
>>771 คิดเหมือนกันเบยว่าสองคนนี้รสนิยมดูไปกันได้มากอะ อะไรๆที่ทั่นเรย์กะเลือกมาและเลือกใช้นี่ดูถูกใจทุกสิ่ง 5555 ฟุ้งซ่านเลยกู รอวันที่รู้ตัวถึงความ harmony นี้ ขนาดแฮนด์ครีมยังชอบนี่แอร๊ยยยย หาที่ชอบตรงกันยากนะ ไม่ใช่ว่าดูคุณภาพดีก็โอไปหมด เพราะกูเองเป็นสาวกแฮนด์ครีม ลองใช้ทุกแบบที่คนชมคนรีวิวกันว่าดีๆ ของดังของฮิต น้อยชิ้นมากที่จะตรงรสนิยม มันมีเรื่องเท็กซ์เจอร์ ความมันหลงเหลือ ความหนืดหรือเหลว ความชุ่มชื้นแบบมาแนวน้ำหรือออยล์ แต่ละคนก็ชอบไม่เหมือนกันและมือก็ต้องการคนละแบบแล้วแต่สภาพผิว ไปยันกลิ่น ยิ่งผู้ชายนี่หาให้ถูกใจยากอยู่ คือจะซื้อแฮนด์ครีมให้พ่อรู้สึกชีวิตลำบากกว่าเลือกให้ตัวเองแบบตระเวนลองใช้ซะอีก 55555 รสนิยมแลดูไปกันได้
>>788 กูก็ว่างั้นแหล่ะ ดูมันเป็น force drama ที่พยายามเล่นใหญ่เกินไป ไม่มีใครพูดถึงเรื่องกล้องด้วย ปล่อยเบลอไปหมด ให้คนเขาคิดว่าเรย์กะก็ยังเป็นคนร้ายอยู่จนกว่าจะจับคนร้ายตัวจริงได้ ถึงใครต่อใครจะพากันออกมายืนยัน แต่ถ้ากูเป็นคนนอก ไม่ได้รู้จัก ไม่ได้สนิทอะไรกับเรย์กะ กูคงมองว่า ใช่สิ เพื่อนกันก็ต้องเข้าข้างกันนี่นา อวยเข้าไป ปกปิดกันเข้าไป ก่อทัศนคติแง่ลบอย่างแรงเลยนะ
>>789 กูเคยเจอแต่ตอนเรียนมีเพื่อนคนนึงของหาย แล้วเป็นชิ้นที่ชอบมากเหมือนแบบญาติผู้ใหญ่ให้มาเป็นรางวัลหรือของขวัญอะไรซักอย่าง ดราม่าหนักมากกกก พ่อแม่เจ้าตัวรู้ได้เองจากความซึม พอมีประชุมผู้ปกครองเรื่องประเด็นนี้มีแต่คนโหวตให้เช็คกล้องอะ พ่อแม่เพื่อนที่ของหายก็อยากรู้คนทำ พ่อแม่คนอื่นก็มั่นใจในลูกตัวเองจนอยากให้พิสูจน์ชัดๆทั้งงั้นว่าลูกชั้นเด็กดี สรุปเช็คกล้องแล้วเจอด้วยนะ เป็นลูกแม่บ้านประจำตึก อันนี้คือเคสที่เกี่ยวกับของเหมือนกันอะเลยอิงมา เพราะที่เจออันอื่นนี่มีแบบคนโดนเพื่อนชนตกบันไดเตี้ยๆแต่พอดีหัวลงเลยหัวแตก อันนี้คือแนวเจ็บตัวก็เข้าใจว่าไงก็ต้องเช็คอะ แต่พ่อแม่คนเจ็บคือมาแนวดราม่าควีนจ้าาา ต้องการเช็คว่าอุบัติเหตุหรือจงใจผลัก ตอนนั้นคือแค่ม.1 มันคงไม่มาเป็นเรยาอะไรกันขนาดนั้นในความคิดกู แต่ก็เช็คอยู่ดี นอกนั้นเวลาทรัพย์สินของโรงเรียนอันไหนเสียหายก็เช็คว่ะ กูมองว่าล็อคเกอร์นี่ก็ใช่นะ คือไม่ได้เช็คเรื่องเรียกค่าเสียหายหรืออะไร แต่เป็นประเด็นแบบเด็กต้องมีจิตสำนึกส่วนรวม มีความรู้ตัวและรับผิดชอบระมัดระวังในการอยู่ร่วมกันแนวนั้น สรุปคือสมัยเรียนกูนี่มีอะไรก็กล้องๆๆ 5555
เออเพิ่มอีกอย่างว่ามันไม่แค่ปัญหาเด็กทะเลาะกัน แต่มันกระทบชื่อเสียงครอบครัวนะ อย่างมาก
>>793 กูว่าคนเป็นครูก็ไม่น่าด่วนสรุปขนาดนั้นมั้ง เพราะโอกาสมัน 50/50 แล้วเป็นประเด็นอ่อนไหวมากทั้งคู่ คือถ้าทำจริงไปคุ้ยต้องงัดข้อกับทางบ้านก็ใช่ แต่โอกาสอีก 50% ซึ่งมันเป็นการเสี่ยงที่ความเสี่ยงสูงป๊ายยยย ครึ่งๆใครจะกล้าด่วนสรุปมโนเอง เพราะอีกครึ่งความเป็นไปได้คือไม่ใช่ แล้วสังคมรอบตัวดูคิดไปไม่ดี มันคือเสียชื่อไปยันตระกูล กลายเป็นประเด็นใส่ร้าย ในเคสที่เป็นผู้บริสุทธิ์นี่ผลกระทบที่จะตามมาจากทางบ้านแรงกว่าอีกนะมึง ใครจะไปชิบให้ลูกโดนงี้ แล้วเสียทั้งบ้านว่าเลี้ยงมางี้สินะ ทัศนคติแบบนี้สินะ แล้วบ้านทำธุรกิจด้วย โคตรพีค ชื่อเสียงความน่าเชื่อถือมันสำคัญมากนะ ถ้ามีแบบครูไปแอบเปิดดูก็ว่าไปอย่าง ซึ่งดูหลังฉากก็ได้ป่ะวะ แอบเช็คก่อนเงี้ยว่าใคร ถ้าใช่ pivoine ก็เงียบๆไปได้ ถ้าไม่ใช่ขึ้นมาก็ควรซัดเลยได้อยู่ละ แถมต่อให้ pivoine แต่ไม่ใช่เรย์กะ ก็ออกมาแสดงท่าทีอะไรบ้างก็ได้ ตามความเป็นจริงถ้าปล่อยเท่ากับผลักภาระทั้งหมดไปที่เด็กคนเดียว ทั้งแบกรับคำครหาของสังคมด้วย จรรยาบรรณนี่แตะจุดวิกฤติในวิชาชีพ
>>795 กูเดาจากตอนล่าสุดที่บอกว่าโรงเรียนก็ปล่อยเบลอๆเงียบๆไม่ได้คิดจะหาคนร้ายนั่นล่ะ โอกาสที่จะไม่เปิดกล้องเช็คมีสูงมากเพราะกลัวจะไปป๊ะกับลูกท่านหลานเธอคนไหนเข้า เรย์กะเนี่ยมีหลักฐานคามืออยู่ในที่เกิดเหตุ ใครเห็นแบบโง่ๆ ไม่รู้จักคนนี้ ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ต้องคิดว่าอีนี่คนร้ายแหงๆ ขนาดคาบุที่รู้จักกันมาเป็นสิบปียังสงสัยไขว้เขวเลย ต้องให้คนอื่นไปยืนยันถึงจะเชื่อ
ส่วนประเด็นอื่นๆกูก็เห็นด้วยอยู่นะ ถ้าแอบไปเช็คกล้องจริง แล้วเป็นนักเรียนอื่นทำคงออกมาลงดาบเรียกพ่อแม่มาคุยหรือลงโทษอะไรก็ว่าไปแล้ว แต่นี่ก็ดูเตะถ่วงอะไรไปเรื่อย ไม่ได้สนใจจะหาคนร้ายอะไร กูคิดว่าทางโรงเรียนคงปักใจเชื่อว่าเรย์กะทำว่ะ เหมือนผลักภาระให้เรย์กะทุกอย่างแล้วปกปิดว่า Pivoine มีอำนาจล้นเหลือ ไม่ควรไปแตะต้องยังไงก็ไม่รู้ดิ
ทุกอย่างแม่งพอดีเกิ๊น คงเพราะวาคาบะเป็นลูกสามัญชนด้วยล่ะมั้ง ใครจะแกล้งก็เลยปล่อยเบลอ
>>791 force จริงมึง ไม่อยากให้มีงี้เลยยยย นี่นึกถึงสายคริติควิเคราะห์วิแคะในเรื่องที่อ่านกันละเอียดๆแล้วออกมาปลื้มปริ่มกับรายละเอียดในเรื่องกัน พอมาเจอรูโหว่เบ้อเริ่มในพล็อตเรื่องแบบนี้คือเฟลกันมั้ยหว่า กูอ่านไม่ละเอียดขนาดนั้นกูยังรู้สึกเสียดายเลย 5555 เหมือนดูหนังโปรดักชั่นดีงาม ดีเทลแจ่มแมวทุกรายละเอียด แต่พลอตเรื่องดันมีรูในจุดที่ไม่น่ามีเพื่อสร้างฉากบังคับซัมติง ออกจากโรงมาคือรู้สึกไม่สุดทันที ฟินแบบค้างคาอยู่ครึ่งทาง เหมือนอีกนิดก็สมบูรณ์แบบแต่ดันพลาดจุดที่แบบ ไม่น่าเลยยยย พวกความพยายามสี้างปมประเด็นดราม่านี่ตัวทำลายงานเลย เพราะดราม่ามันมักมาควบกับความสมจริงที่อ่อนแอ
>>797 พีคหนักขึ้นตรงที่ห้องกล้องวงจรปิดมันก็มิดชิด ต่อให้ครูไปดูก็ไม่มีใครรู้นี่เสะ ถ้าไม่ไปเช็คเลยคือพังหนักข้อ ไม่อยากเช็คในห้องคือถอดเม็มไปเปิดดูในคอมส่วนตั๊วส่วนตัวตัดการเชื่อมอินเทอร์เน็ตทั้งหมดก็ยังได้ ดูเป็นหนังจารชนไปมั้ยหว่า แต่คือมันทำได้ไง มันมีหลายทางด้วย เลยรู้สึกโดนยัดเยียดฉากนี้
กูคิด 2 แบบวะ คือพวกอาจารย์คิดว่าท่านเรย์กะอำนาจเยอะอยู่แล้ว จะแกล้งจริงก็ไม่เห็นเป็นไร คนอื่นก็แกล้งวาคาเบะจังกันเยอะแยะ
กับอีกทางคืออาจารย์ไปเปิดดูกล้องมาแล้ว แต่คนที่แกล้งเองก็ดันเป็นคนใหญ่คนโตไม่ควรไปแตะเหมือนกัน เลยทิ้งเงียบ
>>801 กูกำลังนึกว่าคนใหญ่คนโตในเรื่องมันใครบ้าง
-ท่านโยโกะ...ไปเรียนมหาลัยแล้ว คงไม่แยกร่างมาเขียน แต่อาจจะบงการเด็กๆในสังกัด
-ท่านฟุยุโกะ...บทไม่มากพอ บอกไม่ได้ว่าเป็นคนยังไง รู้แค่เหมือนสาวสมัยเฮอัน
-ท่านซาราระ...จะสนอย่างอื่นนอกจากหนังสือเรอะ
-ท่านเอมิริ...หายไปยาวๆตั้งแต่ประถม หรือจะรีเทิร์นมามีบทตอนนี้ แต่ถ้าเป็นคนร้ายตัวจริงก็โครตน่าสงสาร บทก็มีแค่กระจึ๋งนึงพอๆกับดวงความรักของท่านเรย์กะ ยังจะถูกให้รับบทคนร้ายอีกแน่ะ
นอกนั้นก็ปลาซิวปลาสร้อยไม่อยู่ในสายตา
>>795 ต้นฉบับคิมิดอล เรย์กะเองก็ใช้อำนาจ pivoine แกล้งคนนั้นคนนี้ไปทั่วอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่วาคาบะ คงไม่ได้สนใจเรื่องชื่อเสียงตระกูลอะไรหรอก ออกแนวฉันมีอำนาจจะทำอะไรก็ได้ ฉันจะแกล้งใครก็ได้ โดยเฉพาะยัยสามัญชนนี่ เป็นชนชั้นอภิสิทธิ์ใครๆก็มารุมล้อมเอาอกเอาใจ ทำอะไรอาจารย์ก็ปล่อยผ่าน พออยู่ในนิยาย ถ้าเรย์กะทำแบบนี้ ต่อให้ไม่ได้ทำจริงก็เหอะ ทุกคนก็พร้อมปล่อยผ่านอยู่ดี เพราะยังไงเรย์กะก็เป็น pivoine
กูว่าที่เขาไม่สืบสวนต่อก็คงเพราะคิดว่าเรย์กะทำนั่นล่ะ เกิดเปิดกล้องมาเจอว่าเรย์กะทำจริงก็จะอิหลั่กอิเหลื่อกันทั้งสองฝ่าย ลงโทษก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ สู้ไม่รู้ความจริงดีกว่า ไม่ต้องไปสืบอะไรให้เมื่อย หมดเรื่องหมดราว
>>806 สุดท้ายมันถึงจบล้มละลายไงมึง ก็คือนิสัยแบบนั้น ทางบ้านก็ไปพร้อมกัน จุดจบมันเห็นอยู่ชัดๆว่าไม่ใช่ความรุ่งเรือง หรือถ้าไม่ได้ทุจริตเองแต่เป็นพนักงานคนอื่นทำแล้วโบ้ย การที่ไม่มีชนชั้นสูงคนไหนมาช่วยแก้ช่วยยื้อคดี ก็เพราะเครดิตตระกูลนี้มันไม่ดีไง ปกติการล้มละลายไม่ได้เกิดขึ้นง่ายถ้าไม่ได้หนักหนาสาหัสจริงๆ ยิ่งตระกูลใหญ่ตระกูลดังมันมีเรื่องคอนเนคชั่น และคนที่อยากจะคีพคอนแทคเอาไว้ เป็นคนแสดงตัวว่าชั้นอยู่ข้างตระกูลนี้ ก็สนเรื่องเครดิตกับลุคของตระกูลนั้นๆอยู่ละ ถ้าลุคดีคบกันไว้ก็ดีตาม ถ้าฉาวก็ฉาวตามกันไป เวลามีเรื่องเน่าๆเสียเครดิตจริงคนในสังคมถึงได้ตีตัวออกห่างไง ถามว่ากระทบอะไรถ้ายังใกล้ชิดกันอยู่ ก็ไม่มีประเด็นอื่นนอกจากกระทบภาพลักษณ์และชื่อเสียงตัวเองให้โดนฉุดลงโคลนไปด้วย เครดิตมันคือเรื่องสำคัญมาก แล้วในปัจจุบันที่ไม่ได้ทำตัวแบบนั้น ในตระกูลก็ดูโอเคดีดูจากตอนงานเลี้ยงบริษัท ไม่ได้มีสภาวะง่อนแง่นขาดความน่าเชื่อถือหรือภาพลักษณ์ตก จู่ๆจะให้มาตกเพราะเรื่องแบบนี้แล้วปล่อยๆไปไม่เคลียร์ตัวเองนี่ไม่ใช่ละ
>>806 ลืมเรื่องประเด็นกล้อง มันไม่อึดอัดสองฝ่ายหรอกเพราะตอนเปิดด฿ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องประกาศว่าในวาระดิถีอันดีนี้ มีฤกษ์งามยามดีที่กูจะดูกล้องแล้วนะจ๊ะ จึงขอประกาศให้ทราบได้โดยทั่วกัน--- มันไม่ใช่เรื่องต้องป่าวประกาศ แล้วเหมือนบนๆว่าไม่ใช่อะไรที่จะมีคนรู้ว่าไปดู เพราะมันก็อยู่ในห้องคอนโทรลอยู่ละ เป็นส่วนเกี่ยวกับความปลอดภัยในพื้นที่ซึ่งไม่ใช่ที่ที่คนนอกเข้าได้นะ Staff only กันทั้งนั้น แล้วในหมู่สตาฟก็ไม่ใช่ทุกคนเข้าถึงส่วนบันทึกภาพได้ เป็นข้อมูลที่เป็นความลับในหมู่ข้อมูลลับเฉพาะเลยเถอะ
กูกลัวว่าเรื่องของเด็กๆนี่มันจะส่งผลกระทบในวงกว้างน่ะซี ถ้าเกือบล้มละลายนี่แม่ง น่าจะมีตัวดึงไว้อยู่ แต่ถ้าเรื่องนี้ทำให้ทุกอย่างแย่ลงกูก็เฟลอะ ทำตัวดีมาตั้งนาน มาเสียเพราะมีคนเข้าใจผิด
อ่านแล้วกูสตั๊นท์กับ 2 ความเห็นนี้สุดละะะะ พีคจ้ะพีค
รางวัลแรกมอบถ้วยให้กับ >>801 กับประโยคอาจารย์คงคิดว่าแกล้งจริงก็ไม่เห็นเป็นไร คนอื่นก็แกล้งกันเยอะแยะอยู่ละ ---- เฮ้ยยย มันไม่ใช่ป่ะวะ นี่เป็นเค็นเคียวเวอร์ชั่นดิสโทเปียชิบหาย ต้องโลกแบบไหนที่ครูอาจารย์จะมีทัศนคติแบบนี้ แล้วเด็กที่เรียนจะเป็นไงวะ สงสัยเป็นโรงเรียนครองแชมป์โลกเด็กฆ่าตัวตายแหง
รางวัลที่สองคือ >>806 กับประโยคไม่ต้องสืบอะไรให้เมื่อย หมดเรื่องหมดราว ----- กูกลัววววว ถ้าซักวันกูอยู่ในสถานะผู้ถูกกระทำหรือแพะหรือใดๆที่ไม่ใช่คนทำผิด แล้วเจ้าหน้าที่บ้านเมืองหรือบุคคลที่รับผิดชอบคิดงี้นี่แม่งพีคสัสๆ ฟินาเล่~เลยข่ะชีวิตกู
>>813 ที่ญี่ปุ่นมีแบบนี้จริงๆนะ การbullyเขาน่ากลัวมาก นานๆทีก็มีข่าวเด็กญี่ปุ่นฆ่าตัวตายมาเป็นระยะๆ
มันมีหนังญี่ปุ่นที่เป็นสาวเกลโดนพักการเรียนแล้วยอมมาเรียนพิเศษตามที่แม่ขอ ไปๆมาๆนางได้กำลังใจจากครูสอนพิเศษเลยตั้งหน้าตั้งตาเรียนจนสอบติดม.เอกชนเบอร์หนึ่งได้อะ แรกๆตอนเด็กๆก็โดนรังแกหนักเหมือนกัน ขุ่นแม่ไปเอาเรื่องถึงโรงเรียน แต่ครูบอกให้ปล่อยผ่าน มันคือเรื่องปกติ ขุ่นแม่เลยให้ย้ายโรงเรียนและตามใจลูกจนกลายมาเป็นสาวเกลไม่ตั้งใจเรียน
>>817 ถูกกกก มีเยอะ และมาจากสังคมเพื่อนเนี่ยแหละ เด็กที่นั่นคือโหดร้ายกันจัง กูอยากรู้ความรู้สึกพวกคนแกล้งหรือรุมแบนว่ารู้สึกไงมั่งตอนรู้ข่าวว่าคนที่โดนแกล้งตายแล้ว โดยมีตัวเค้าเองเป็นสาเหตุ เหมือนตัวเองก็เป็นฆาตกรน่ะแหละ แค่ไม่ได้ลงมือพรากชีวิตด้วยมือตัวเอง กูเคยดูอนิเมะเรื่องไรไม่รู้ภาพโคตรสวยเลย ดูไปนึกว่าใส ปรากฎไสยสัสสสส มีฉากเด็กโดดตึกแทบทุกตอน กูดูจนแบบโอ้ยไม่หวายแล้วววว รู้ว่าเยอะแต่มาขนาดนี้ดูแล้วเครียดมากประสาทจะแดก
โอ้ เพื่อนๆkyแปปนะ
เกิน800แล้วก็มาคิดชื่อกระทู้ใหม่กันด้วยนะจ๊ะ
คนร้ายไม่รู้หรือไงว่ามีกล้อง หรือรู้แน่ว่าไม่มีเช็ดตรวจดู ไม่งั้นคงไม่ทำโชว์หน้ากล้อง
>>813 อืมมมมมมม กูว่ามันก็มีเจ้าหน้าที่คิดแบบนี้นั่นล่ะ ไปแจ้งความก็รับแจ้งไปงั้น ไม่คืบหน้า ไม่ได้สืบสวนสอบสวนอะไร สุดท้ายก็ต้องมาระวังชีวิตกันเอง กูเคยถูกกระชากกระเป๋าพอไปแจ้งความก็บอก แถวนี้ก็โดนกันเยอะแหล่ะหนูเอ้ย ทำเหมือนกูโดนกระชากกระเป๋าคือความผิดกูเองซะงั้น ก็ลงบันทึกประจำวันแจ้งความอะไรไป แล้วก็เงียบหายไปกับสายลม ก็โอเค ความผิดกูเองที่โดนกระชากกระเป๋า
ได้ยินแล้วฟินาเล่มั้ยล่ะจ๊ะ อันนี้เรื่องเมื่อปีที่แล้วเองนะ
มึงเคยอ่านเรื่อง Life มั้ย เกี่ยวกับการแกล้งกันในโรงเรียนนี่ล่ะ แกล้งแรงกว่าเรื่องเรย์กะอีก แกล้งกันชนิดว่ามึงควรไปฆ่าตัวตายดีกว่ามีชีวิตอยู่เลยว่ะ ครูอาจารย์ก็รู้นะว่ามีการแกล้งกัน แต่ก็ทำเป็นมองไม่เห็น ไม่สนใจ ทำเป็นว่าห้องเรารักกันม๊ากมาก ทุกคนสนิทสนมกลมเกลียว ปัญหาแกล้งกันอะไร ไม่มี๊ ไม่มีเด็ดขาด ข่าวเรื่องฆ่าตัวตายเพราะเรื่องกลั่นแกล้งก็มีเยอะแยะ บางเคสบอกครูไปครูก็ไม่ได้ช่วยจัดการปัญหาอะไร บอกให้อดทนๆ พอตายโรงเรียนก็เอาเงินมาปิดปากไม่ให้พ่อแม่มาดำเนินคดีกับโรงเรียน เรื่องพวกนี้มันก็มีอยู่จริงไม่ใช่ไม่มี มึงคิดว่าครูทุกคนจะช่วยเด็กเหรอ?? ยูโทเปียเหลือเกิน
จากที่เรย์กะบรรยายว่าปิดปัญหาไปเงียบๆนี่คงพอบอกได้แล้วว่าครูในโรงเรียนเป็นแบบไหนนะ
กุกลับไปอ่านทบทวนตอนที่ 1 ใหม่วันนี้
มันมีตอนที่ รุ่นพี่โทโมเอะสารภาพรักกับรุ่นพี่คาซึมิ แล้วเรยกะคอยเชียร คิดในใจว่า. อยากมีคนมาสารภาพรักวันจบการศึกษาบ้าง!
>>821 แต่กับสังคมระดับซุยรันมันควรเป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพป่ะวะมึง ด้านมืดของสังคมอะมีอยู่ละ แต่ญี่ปุ่นสถิติอาชญากรรมจากโพลอะไรซักอย่างที่กูดูตอนเลือกประเทศที่จะไปเที่ยวคนเดียว ญี่ปุ่นนี่เกือบ 1% ในขณะที่ไทย 30กลางๆ และพีคๆแถวนี้คือมาเลย์อยู่ที่ 60เกือบแตะ 70% อารมณ์เดินๆอยู่โดนแทงตายไม่รู้สาเหตุและไม่มีการตามจับคนร้ายจริงจัง มันเทียบกันไม่ได้ว่ะ
อย่างเรื่อง Life มึงคิดว่าสังคมส่วนใหญ่ในโลก โรงเรียนส่วนใหญ่เป็นแบบนั้นหมดเลยป่ะล่ะ ถ้าไม่ใช่คือนั่นมันเคสส่วนน้อย ปกติเราไม่ควรเอาอะไรที่เป็นส่วนน้อยและเป็นเรื่องไม่ดีมาเป็นระดับมาตรฐาน ใช้เป็นบรรทัดฐานในการวัดหรือมองสังคมป่ะวะ ไม่งั้นโลกคงแม่งตกมีน
สำหรับกูไอที่ๆดีๆ โรงเรียนมีอาจารย์ดีมีจรรยาบรรณ ไม่ต้องมากมายแค่อย่าเหี้ยพอ อันนี้เกณฑ์กูคือปกติไม่ใช่ยูโทเปีย นี่คือธรรมดา จะยูโทเปียต้องดีเลิศประเสริฐศรีซึ่งที่แบบนั้นก็มี พวกรร.ดีๆมาตรฐานสูง ไออย่างเรื่องไลฟ์คือไม่ปกติสำหรับกู นั่นคือตกมีน คือแย่เกินเกณฑ์ เรื่องครูก็เหมือนกัน ครูช่วยเด็กไม่ใช่ยูโทเปียแต่คือปกติ ครูเมินคือตกมีน แน่นอนว่าในโลกมีครูที่ดีชิบหาย ดีซึมไปทุกอณูเซลล์อย่างพวกอุทิศตัวสุดๆ เป็นครูแห่งสหประชาชาติ ครูแห่งมวลมนุษย์ที่ได้รับยกย่องกัน อันนั้นคือเคสอุดมคติเป็นยูโทเปีย ซึ่งมีอยู่จริง อย่างเคสที่ผู้ก่อการร้ายบุกเข้ารร. ครูพาเด็กทุกคนไปซ่อนแล้วเอาตัวไปเบนความสนใจ สุดท้ายครูคนนั้นถูกฆ่าตายโดยที่เด็กในความรับผิดชอบเธอปลอดภัยดีทุกคน โลกมันไม่ได้ตกมีนขนาดนั้น
ทำไมกระทู้นี้จริงจังกันจัง ฟิคแทบไม่มี
กูเป็นคนเดียวเปล่านะที่ชอบความเมากาวแบบแต่ก่อนมากกว่า 5555 แบบอ่านนิยายอ่านฟิคแก้เครียด ทำไมถกกันจริงจังขั้นนี้ อ่านแล้วเครียดกว่าเดิม กูกลัว กูคิดถึงกาวจัง
กูชอบแบบนี้นะเพราะกูไม่อ่านฟิค 555 สปอยก็ไม่อ่านยกเว้นดิบออกใหม่ช่วงหลังๆนี่อ่านนิดหน่อย รู้สึกแบบเข้ามู้มาสไลด์จอเล่นเพราะปกติไม่มีคุยอะไรด้านอื่นกันเบย รู้สึกอันนี้ดูอารมณ์เป็นบอร์ดสนทนาดี
>>825 แต่ based จากตอนล่าสุด ผลสรุปมันก็ออกมาตามที่ >>806 ว่าป่ะวะ สุดท้ายแล้วอาจารย์ก็เลือกที่จะไม่ดำเนินการใดๆ เพราะไม่อยากทำให้ไปกระทบ Pivoine น่ะ ไม่ว่าใครจะมีข้อสันนิษฐานว่าอะไรไม่ควรเป็นยังไง สุดท้ายแล้วข้อสรุปในเรื่องมันก็ออกมาแบบนั้นป่ะวะ นี่รวมถึงเรื่องกล้องวงจรปิดด้วยนะ อันนี้กูไม่ได้พูดเรื่องความสมจริงไม่สมจริงเทียบกับในชีวิตจริง แค่จะบอกเฉยๆ ว่าในเรื่องไม่เคยมีเซ็ทติ้งหรือพูดถึงกล้องวงจรปิดในโรงเรียน เพราะงั้นการที่ไม่พูดถึงตอนเกิดคดีก็เป็นเรื่องที่รับได้ในลักษณะเซ็ทติ้งของเรื่อง
ถ้าเคยพูดๆ มาก่อนว่ามีกล้องวงจรปิดโหดเฮี้ยบมากตามโรงเรียนของความเห็นบนๆ แล้วไม่พูดถึงเลยตอนเกิดคดีอันนี้คือความไม่สมเหตุสมผลในเรื่อง ซึ่งมันทำให้ขัดๆ กันเอง และกูเพิ่งไปอ่านบทความเรื่องคนญี่ปุ่นเรียกร้องให้มีการติดกล้องวงจรปิดในโรงเรียนเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันปัญหารังแกกัน ก็แสดงว่ามันอาจจะมีโรงเรียนที่ติดน้อยหรือไม่เพียงพอจริงๆ เพราะงั้นจุดนี้ไม่ได้ติดปัญหาอะไรสำหรับกูว่ะ
>>825 แต่ที่แน่ๆคือ ครูก็ไม่ได้เข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหากลั่นแกล้งอะไรของเด็กซักเท่าไหร่ ปล่อยให้มันจบไปเงียบๆไม่พูดถึง มันก็คล้ายๆเรื่อง Life ตรงที่ครูเมินหน้าหนีปัญหา ซุกปัญหาไว้ใต้พรมนั่นล่ะ ไม่ได้หมายความว่าดีกรีการกลั่นแกล้งมันแรงเท่าเรื่องนั้น คือรู้ว่ามีปัญหาแต่แล้วไง...เอาพรมปิดก็มองไม่เห็นแล้ว จบๆกันไปทั้งสองฝ่ายนะ โอเค้ ฝั่งคนแกล้งเราก็จะปล่อยๆไปเพราะอาจจะเป็นใครที่ใหญ่โตมาก ฝั่งคนถูกแกล้งอ่อนแอก็แพ้ไปนาจา ยังไม่เห็นการช่วยเหลืออะไรวาคาบะเลยแม้แต่น้อย ไม่งั้นคาบุรากิมันคงไม่ทำหน้าเจ็บใจหรอก
>>826 นั่นสิ เรื่องเครียดๆนี่เหนื่อยจัง ปกติกูก็ใช่จะเป็นคนจริงจังมีสาระอะไรซะด้วยสิ
คิดถึงกาวเหมือนกัน อยากได้อะไรเยียวยาใจจากกองงานอันโหดร้ายของกูชิบหาย เหล่าโม่งฟิค เฮลป์มียยยยยยยยยยยย์ มาเติมพลังใจให้กูหน่อย
>>825 กูอ่านเม้นท์มึงแล้วกูก็คิดเลยว่า ทุกอย่างไม่ได้ดั่งใจมึงเสมอไปหรอกนะ
ถ้ามองเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ครูแต่ละคนที่มาสอนซุยรัน เดาว่าแต่ละคนคงเก่งระดับจบจากโทได(ม.โตเกียว) พวกม.ท็อปของญี่ปุ่น หรือจบนอกงี้ น้อยคนมากจะมาจากครอบครัวที่มีอำนาจมีชื่อเสียง เพราะคนระดับนั้นส่วนใหญ่คือไปทำอย่างอื่น
คือใครจะอยากหาเรื่องไปด้วยการไปกระตุกต่อมเสือในขณะที่ตัวเองไม่มีทางรอด? ใครจะไม่รักชีวิตขนาดนั้น รูปการณ์มันออกมาคล้ายๆว่าท่านเรย์กะเป็นคนทำ ซึ่งมันก็มีแนวโน้มเป็นไปได้ ในมุมคนนอกท่านเรย์กะก็มีข่าวลือกับคาบุรากิอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ว่าท่านเรย์กะดูไม่ใช่คนที่ทำอะไรแบบนี้ แต่ในมุมคนนอดที่ไม่รู้จักท่านเรย์กะดีก็อาจจะทำจริงๆก็ได้นี่? ไม่งั้นในชีวิตจริงของเราๆมันจะคำว่าแรดเงียบเกิดขึ้นมาเหรอ
ถ้าเกิดดูกล้องแล้วท่านเรย์กะทำจริง รร.จะทำยังไง เอาผิดก็ไม่ได้
ถ้าดูกล้องแล้วไม่จริง เป็นเด็กคนอื่นที่ไม่ได้มีอำนาจไรขนาดนั้น มันก็จะออกมาว่าสมาชิก Pivoine ถูกใส่ร้าย แล้วPivoineไม่ได้มีแค่3หน่อ มันเด็กอีกเยอะที่เข้ามาใหม่เรื่อยๆ แถมคนที่บูชาPivoineมากแบบท่านโยโกะก็ยังมีอยู่ คิดว่าพวกเด็กที่บูชาแบรนด์Pivoineจะอยู่เฉยๆให้มีข่าวเสียมาปรามาทว่าเด็กโบตั๋นถูกใส่ร้ายได้เหรอ? เรายังไม่รู้อีกนะว่าสมาชิกที่จบไปแล้วจะมีคนเทิดทูนPivoineอีกมากแค่ไหน ถ้าเป็นคนที่จบไปไม่นานยังพออินกับสถานะPivoineอย่างท่านโยโกะอยู่ อาจไม่ชอบใจจนลงมาเล่นงานเด็กที่มีส่วนเกี่ยวข้องเอง เรื่องมันก็จะไปกันใหญ่ คราวนี้มันก็วุ่นหนักกว่าเดิมอีก อาจจะลามไปถึงอาจารย์ว่า ดูแลเด็กยังไงให้มีเรื่องใส่ร้ายPivoineได้ คราวนี้แหละมันได้ดู2มาตรฐานจริงๆ คนรักความเท่าเทียมอย่างนายตัวสำรองก็อาจทนไม่ได้ออกมาว่าก็คนเหมือนกันทำไมจะใช้มาตรฐานเดียวกันไม่ได้ พวกPivoineอาจจะปรี๊ดแตกจนคราวนี้ใช้อำนาจตระกูลมาบีบบังคับให้พวกแข็งข้อออกจากรร. วาคาบะก็อาจได้ออกในฐานะคนที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่น
คราวนี้รร.ก็เสียชื่อ เสียเด็กเรียนเก่งไปสอบให้
นี่กูพูดไปในกรณีแย่มากๆนะ กูหมดพลังมโนละ ขอไปกินข้าวก่อน บาย
Ky เชื่อมั่นใน tag food!!!! กูขึ้นเรือ ท่านเรย์กะ*food ว่ะ เรย์กะfood จงเจริญ!!~
>>834 สรุปไอเดียมาคือปล่อยให้คลุมเครือๆเรย์กะรับไปเนี่ยแหละดีสุดละ สนใจทุกประเด็นและเกี่ยวกับเด็กทุกคนยกเว้นเรย์กะที่เป็นคนแบกรับงี้ ไม่ต้องพยายามทำอะไรทั้งนั้นเพราะนี่คือทางปลอดภัยสุด คือสังเวยไปเลยคนเดียวงี้??? แล้วแต่มุมมองว่ะแต่สำหรับกูนี่ไม่ใช่ทางที่ดีหรือไม่ก่อปัญหาตามมา ตรงข้ามเลยด้วยในความคิดกู
เรื่องครูจบโทไดนี่ไม่รู้ว่ะ ไม่เคยสัมผัสระบบการศึกษาญี่ปุ่น แต่ถ้าจบยูนอกและยูทอปแบบไอวี่ลีกส์หรือยูไฮของทางอังกฤษแบบเคมบริดจ์ ออกซ์ฟอร์ด คนละแนวสิ้นเชิง เค้าจะปลูกฝังมาอีกแบบเลยไม่มานั่งเกรงระบบอุปถัมภ์แบบเอเชีย มีความเป็นตัวเองสูงมากทั้ง self respected และ self esteem ไอปัญหาแบบนี้และเด็กฆ่าตัวตายคือดราม่าที่เป็นสไตล์เฉพาะของญี่ปุ่น สืบทอดมาจากสังคมญี่ปุ่นเลย ของฝรั่งคือเป็นอีกแนว ถ้าครูมาแนวจบนอกไม่มาอะไรแบบนี้แน่นอน กระทบจรรยาบรรณและจิตวิญญาณตัวเองมาก กระทบความเคารพในตัวเองถ้าปล่อยอะไรแบบนี้ผ่านๆแบบชั้นต้องไปหลบหลังเด็กคนนึง ให้เด็กรับแทน คนละแนวมาก
>>837 กูชอบอ่านฟิคเพราะมันเติมจินตนาการที่อฟช.ไม่ยอมให้กูซักทีนี่ล่ะ 5555555555555
แต่เวลาอฟช.ออกมาคล้ายๆกับฟิคทีไรกูขำทุกที อ.ฮิโยโกะก็มาเป็นโม่งอยู่ในนี้กับเขาด้วยงั้นเรอะ
กูคุยถกได้นะ แต่แบบ...วิชาการหรือจริงจังมากไปกูก็ขี้เกียจเค้นสมองอันน้อยนิดของกูเพื่อถกเถียงว่ะ กูรู้ตัวว่ากูโง่ ใช้ความคิดมากๆมันเหนื่อย กูชอบการคุยสบายๆมากกว่าว่ะ แต่เวลาอ่านกูอ่านแหลกนะ ไม่เลือกหรอก ไม่ว่าจะฟิคหรือจะดีเบท
>>834 เออ มึงพิมพ์ได้ตรงใจกูมาก กูชอบ //เอากองงานกูไปช่วยทำเป็นรางวัลสมนาคุณเบยยยยย
เสริมว่าพวกนี้เซลฟ์แรงจนแทบเรียกอีโก้ มีปัญหาที่นี่แล้วไง ด้วยโพรไฟล์และความสามารถคิดว่าไม่มีทางไปหรอ ที่อื่นอ้าแขนรออีกเยอะ การรังแกแบบใช้อิทธิพลข่มนี่พังมากสำหรับฝรั่งหรือคนมีแนวคิดแบบฝรั่ง เล่นนอกเหกมส์มาคือฟ้องกลับหรือออกสื่อ แล้วจะรู้ชัดว่าคนที่พังน่ะใคร พวกนอกเกมส์เก๋ากี้เข้าข่มนี่มีคนรอจ้วงอยู่เยอะทั้งคู่แข่งและนักข่าว อย่าให้ได้เจอประเด็นเล่นได้เชียวคือจวกยับแน่นอน เฝ้ารอให้มีข่าวแนวทำตัวไม่เหมาะสมหลุดออกมาเลยแหละ
แล้วเสือพันธุ์เจแปนนี่แสดงเขี้ยวเล็บได้แบบมีขอบเขตนะ ต้องคีพลุคกันด้วยนิดนึง ถ้าถึงจุดที่เสียเครดิต ภาพลักษณ์อื้อฉาว หลายกรณีต่อให้ไม่ได้ทำผิดเองโดยตรงแต่เป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวข้องหรือมีอำนาจดูแล ตำแหน่งใหญ่แค่ไหนก็เห็นโค้งอำลาตำแหน่งเองไปนักต่อนักละ
>>840 ท่านเรย์กะรับไปคนเดียวตรงไหน? ตอนล่าสุดท่านเรย์กะก็พูดเองว่า จะไปปล่อยข่าวลือว่าพวกซึรุฮานะทำแล้วมาใส่ร้ายว่าท่านเรย์กะทำ ท่านเรย์กะก็ไม่ได้คิดจะให้เรื่องมันจบเงียบๆไปแบบไม่ทำอะไรเพื่อแก้ต่างให้ตัวเอง
แล้วเรื่องสังคมญี่ปุ่นนี่ คนที่นั่นไม่ชอบความแปลกแยก ต่อให้จบนอกถ้าไม่ได้ทำงานในที่ที่มีคนหัวก้าวหน้าเยอะๆก็ยากว่ะ ไม่ชอบความแปลกแยกขนาดไหนก็ลองอ่านข่าวนี้ดูละกัน https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1878891862326207&substory_index=0&id=1721313428084052
กูอาจจะพูดไม่เคลียร์จบนอกในความหมายกูคือ ได้ไปเรียนต่อในระดับมหาลัยที่ต่างประเทศ ไม่ใช่ว่าเรียนนอกตั้งแต่เกิด โทษที
กุมาช้าอีกแล้ว แต่ยงไงก็ขอสครีมหน่อย คาบุโว้ยยยยย จะสาวแตกไปไหน เกลียด ขำ ไม่ไหวแล้ว555555555 ทั้งแฮนด์ครีม ทั้งปิดปาก บ้าเรื่องรัก ขอแลกเมลล์ พอเค้าไม่ตอบก็ตามติดไม่เลิก โว้ย55555555555 พอคาบุเวอร์เปิดใจกับเรย์กะแล้วทั้งสองคนมานั่งอยู่ด้วยกัน โคตรของความเพื่อนสาวเย็นชาที่มองเฉยกับอาการกรี๊ดกร๊าดของเพื่อนสาวอีกคน ฮาความคิดเรย์กะด้วย เผลอๆคิดเฉออกนอกเรื่องตลอด คือแม่นางไม่สนใจใยดีจะช่วยเลยนี่หว่า55555
Ky เสนอชื่อมู้
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ: Glue of Suiran the series: Tag food is coming season 14
>>846 หมายถึงในแง่ที่บอกว่าอาจารย์ไม่ทำอะไร ไอปล่อยข่าวนี่คือเรย์กะจะดิ้นรนเอง ไม่ใช่โรงเรียนออกมาทำอะไรให้ ซึ่งคนเคลื่อนไหวแรกควรเป็นโรงเรียน แต่ในเม้นบนที่พูดนี่มาแนวแบบมุมมองอาจารย์ว่าคงไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวแบบนั้น คนละประเด็นอยู่ดี
เรื่องทำงานนี่ไม่ชอบความแปลกแยกจริง แต่ไม่ใช่จะแบบทุกเรื่องขนาดนั้น กูไม่ได้หมายถึงเรียนนอกตั้งแต่เกิดเหมือนกันนะ หมายถึงไปต่อยูนอกเนี่ยแหละ คนจบยูนอกไม่ร่อนใบสมัครไปบริษัทหัวเก่าหรอกมึงเพราะมันดูไม่โต และเค้าไม่ได้รีเควสบุคลากรที่มี potential เหมาะสมกับคุณวุฒิจบนอก เอาจริงไม่ได้แอนตี้ขนาดนั้นนะเพราะกูเนี่ยแหละจ้าเคยทำงานญี่ปุ่น เจอคนไทยคนต่างชาติทำงานและรุ่งด้วยก็หลายคนในหลายสายงาน สังคมไม่มีปัญหาเพราะแค่จะยื่นสมัครนี่ไม่ใช้แค่เค้าเลือกตัวเรา คนจะส่งเองก็อ่านกรองประวัติและผลงาน วิสัยทัศน์บริษัทเหมือนกันอะ คอนเซอเวทีฟจัดๆมันจะอีกแนวที่เหมือนก็ไม่ได้ไปยุ่งชีวิตอะไรกัน
แต่เรื่องผมย้อมดีแบบไม่รู้สินะะะ ที่รู้คือผู้หญิงญี่ปุ่น 90% วัยทำงานนี่ย้อมทั้งงั้น 5555 หรือความแปลกในวัยนี้การไม่ย้อม ถถถถถ และประเด็นสีผมอีกอันคือเค้าปริ่มกับฝรั่งผมทองมากกกก ภาพลักษณ์ดีเป็นที่ต้อนรับ ค่านิยมนี้ไม่ต่างจากไทย ความต่างเดียวที่เห็นชัดว่าไม่โอเคคือมุสลิมโพกผ้า ไม่โอชัดจนกูรู้สึกว่านี่มันเสียมารยาทละ ยังกะเหยียดศาสนา คนหน้าแนวแขกแนวอาหรับก็พอกัน นอกนั้นความต่างไม่ได้กระทบไรมากทั้งภาพลักษณ์และแนวคิด เพราะทำงานถ้าอยากได้คนไทป์เดียวกันหมดคงไม่ต้องเปิดหาต่างชาติแต่แรกอะนะ ความแปลกแยกที่ไม่ยอมรับคือการทำตัว การวางตัวในที่สาธารณะซะมากกว่า
แต่ประเด็นเรื่องกล้องกุว่าอาจจะมีเฉลยว่าใครทำ เพราะคาบุกับเรย์กะบอกจะสืบดู ก็รอดูต่อไป
Ky ไหนๆก็ลองเสนอดู
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ :ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฤดูใบผลิที่ใกล้มาเยือน ความรักกำลังผลิบาน! แต่ไม่ใช่ของเจ้าแม่หรอกนะ!(ผมลอนเส้นที่14)
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ :ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับคำอธิฐานรักผ่านเส้นผม (ผมลอนสลวยเก๋เส้นที่ 14)
ky ฟิคเอ็นโจเร่าร้อนนี่ไม่มีใครเก็บลงสารบัญ เเต่มีเก็บคาราบุกิคาสโนว่า.... เห็นแล้วเเอบนอยเล็กๆแฮะ รึว่าคนเเต่งนี่เป็นคนตามเก็บฟิคลงสารบัญเองเหรอ
โห คุยกันเยอะมากวันนี้ กูก็เคยอ่านการ์ตูนแนว bully ของญี่ปุ่นนะ เรื่อง life เนี้ยแหละ คือกูสงสารมาก เศร้ามาก นี่ วิเคราะห์จริงจังมากอ่ะมึง แต่กูรู้สึกเรื่องนี้ แกล้งกันไม่น่ากลัวเลยนะมึง ต้องเป็นเพราะจิตใจที่แข็งแกร่งของวาคาบะจัง!! ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ๆ... กูยังอยากได้กาวอยู่นะ ลงมาเลยไม่ต้องเกรงใจ(?)
โหวต>>857 เด้อ
กูขอนอกเรื่องแปป กูพึ่งเข้ามาอ่าน แล้วเห็นฟิคซึรุฮานะ รู็สึกแบบว่า ปริ่มอิ่มเอมใจกูเหลือเกินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน เรื่องวาดรูปถวายฟิคกูยังไม่ลืมนะ แต่ต้องไปดูก่อนว่าซึรุฮานะน่าตาแบบไหน ในนั้นไม่ได้บรรยายอะไรมากมาย แค่รู็ว่าสวยอย่างเดียวตอนที่เรย์กะบอก
ไปย้อนอ่านตอนก่อนๆมา เพิ่งสังเกตว่าช่วงหลังนี่นายตัวสำรองบทหายไปเลย ได้โผล่มาแค่ในประโยคบอกเล่าของวาคาบะจัง
โธ่ นายตัวสำรอง ขอให้มีบทอีกในเร็ววัน อาเมน.....
เสนอบ้างๆ ><
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ :ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับบัคของโลกใบนี้ และการต่อต้านของเหล่าวิหค [ชุดสำรองตัวที่ 14]
จากเทพเกศา ชักจะกลายเป็นนางตะเคียนละ
>>870 นี่แฟนอาร์ตซึรุฮานะ ภาพที่4 https://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=manga&illust_id=61239251
แล้วก็อันนี้ผมสั้น มุมซ้ายล่างสุด https://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=manga&illust_id=52715819
ลืมบอกไป หมายถึงภาพบนนะ ภาพล่างยังคล้ายกับที่กูคิดไว้หน่อย คือดูแรงๆ
>>900 เออคิดเหมือนมึงว่าในแฟนอาร์ตอันนี้ดูดีชะมัด ดีเกินไปอ๊าาาาา กูนี่มาแทบแนวก๊อยเลยเถอะมึง จุดนี้ แต่เป็นก๊อยแต่งตัวไฮโซ ซึ่งด้วยรสนิยมก็จะเป็นแนวประโคมแต่งซัดของแบรนด์โชว์โลโก้ พอแต่งมาก็ดูตื่นทองหน่อยอะไรแบบนั้น ในแฟนอาร์ตอันนี้คือแสดงความเป็นนักกีฬาที่ขาสินะ 5555 ล่ำแรง
ในแฟนอาร์ตนี้คือยุยโกะรูปหย่ายมากกกกก ใหญ่กว่าเรย์กะอี๊กกก คนวาดนี่แฟนคลับยุยโกะป่ะเนี่ย แต่ผมดำตาดำดูปกติธรรมดาสุดละในทั้งหมด
แต่อิมเมจโรงเรียนรัฐของอาโออิก็น่ารักจุงงง 5555 ทำไมตอนไปเที่ยวไม่เห็นเจอเด็กรร.รัฐเครื่องแบบน่ารักงี้มั่งหว่า
เออสงสัยว่าความไฮโซของชื่อญี่ปุ่นนี่เกี่ยวกับความเขียนยากของอักษรมั้ยวะ ชื่อเรย์กะนี่หยึกหยึยแรงมาก แลดูยาก แต่หยึยสุดคือซาราระ เห็นแล้วโว้วววว ซับซ้อน
รู้สึกคันจินี่ทำไมมันดูยังกะภาษาจีนเลยวะ
เอ๋ กูพูดประเด็นเรื่องอาจารย์มั้งได้มั้ยอ่ะ มาช้า อย่าเพิ่งว่ากูลากกลับบรรยากาศเครียด ขอนิดนึง
กูว่าประเด็นไม่ใช่เรื่องปกป้องท่านเรย์กะจากคำครหา ประเด็นอยู่ที่จะไม่ปกป้องวาคาบะจังจากการกลั่นแกล้งต่างหาก เพราะเป็นวาคาบะไง! เป็นสามัญชน ตามเซตติ้งแบ่งชนชั้นคือเป็นคนที่ทั้งโรงเรียนสามารถรังแกได้ ดังนั้นไม่สำคัญหรอกว่าใครแกล้ง เพราะไม่ว่ายังไงคนแกล้งก็สถานะสูงกว่าวาคาบะจังแน่นอน และจุดยืนของโรงเรียนเข้าข้างชนชั้นสูงชัดเจน ดังนั้นถึงได้ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ไง
สมมติว่ามีกล้องนะ
พวกมึงมองว่าเปิดกล้องวงจรปิด = ยืนยันความบริสุทธิ์ของท่านเรย์กะ นั่นเพราะเป็นจุดที่พวกเราโฟกัสกันไง แต่สำหรับโรงเรียนแล้ว เปิดกล้องวงจรปิด = ชี้ตัวคนร้ายที่แกล้งวาคาบะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเลย อย่างที่บอกไปด้านบน เจตนาโรงเรียนคือจะไม่ช่วยวาคาบะ ตั้งใจปล่อยผ่านไป ส่วนเรื่องท่านเรย์กะโดนใส่ร้าย(ที่จริงเรียกลูกหลงมากกว่า) หากโรงเรียนจะทำอะไรสักหน่อยก็คือช่วยเรย์กะปัดข้อสงสัยออกจากตัว (ในกรณีนี้คือการยืนยันเรื่องออกจากห้องพยาบาล ซึ่งก็คงทำได้แค่นี้ล่ะ) แต่ไม่ใช่การชี้ตัวคนร้ายเหมือนเดิม สถานการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับโรงเรียนคือไม่ควรเกิดการตัดสินชี้ชัดอะไร ให้คลุมเครือดีที่สุด ไม่มีชนชั้นสูงคนไหนต้องรับการลงโทษ ให้พอจะรู้กันว่าวาคาบะโดนแกล้งแต่ก็ไม่มีอะไรชัดเจนไปแบบนี้
อีกอย่าง สถานการณ์เรย์กะก็ไม่แย่ขนาดนั้นด้วย มันก็แค่ดูน่าสงสัย อาจจะเป็นคนทำก็ได้ อะไรแบบนี้ แต่แล้วยังไงอ่ะ? ถึงใช่คนอื่นก็ไม่ไปเอาเรื่องนางสักหน่อย อย่างมากก็เก็บมาเม้าว่าคิดไม่ถึง ซึ่งเอาจริงๆนะกูว่าเพราะเรย์กะกังวลมากไปเองด้วย ตัวเรย์กะใส่ใจเรื่องนี้ คาบุรากิใส่ใจเรื่องนี้ มันเลยดูเป็นเรื่องใหญ่ แต่สิ่งที่กูเห็นชัดเจนตั้งแต่วาคาบะเข้าโรงเรียนมาเลยคือ นี่มันเรื่องเล็ก ....ไม่มีใครใส่ใจเลย เฮ้ย ไม่มีใครรู้สึกว่านี่มันแย่หรืออะไรเลยนะ ทุกครั้งที่วาคาบะโดนรังแก ทุกคนเหมือนมองผ่านเป็นเรื่องธรรมดาอัตโนมัติอ่ะ ขนาดพวกเซริกะยังไม่พูดถึงเลยว่าฝีมือใครไรงี้ มีแต่คำพูดทำนองวิจารณ์วาคาบะ วาคาบะทำตัวแปลกแยกเรียกร้องความสนใจอีกแล้ว
Ky นะคะ ต่อจาก >>216-217 ฟิคคู่หูทะลุมิติ
..............…….....
หลังเห็นคาบุรากิคุยกับท่านยูริเอะ ฉันเดินออกมาเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม...
ฉันเข้าไปในห้องน้ำ แล้วยืนเงียบๆอย่างไร้เหตุผล ไม่สนใจใคร ไม่คิดอะไรอีกต่อไปแล้ว...
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ฉันยังคงอยู่ตรงนั้น รู้สึกเหนื่อยล้าจนขยับตัวไม่ไหว...
หัวใจฉันเจ็บแปรบๆ ได้แต่ภาวนาให้มันเจ็บน้อยลง แม้เมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆก็ตาม เหตุการณ์ที่เห็นชัดขึ้นในความทรงจำ
เมื่อไหร่กันที่ฉันรู้สึกแบบนี้กันนะ...
ฉันได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย แต่ก็ดูห่างไกลราวกับอยู่คนละโลก หัวใจของฉันโหวงเหวงเหมือนไม่พร้อมจะรับรู้อะไรอีกแล้ว...
แต่เมื่อได้ยิน "เรย์กะ!" จากเสียงอันคุ้นเคย ทำฉันชะงัก หลุดจากภวังค์
ส่งท่านยูริเอะเสร็จแล้วหรือไงกันคะ...
ฉันไม่ได้ตอบรับอะไร ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าหมอนั่นลากเสาน้ำเกลือมาอีกแล้วหรือเปล่านั่นน่ะ!
ฉันแอบชะโงกหน้าดูสถานการณ์ แต่คาบุรากิดันบังเอิญมองมาทางนี้อยู่พอดีเลยหลบไม่ทัน
ฉันหดตัวกลับเข้าห้องน้ำหญิง หมอนั่นก็เดินตามเข้ามา! คาบุรากิ๊!!! หัดดูป้ายหน่อยสิคะ! ห้องน้ำหญิงนะเฮ้ย
คาบุรากิจ้องมองมาด้วยท่าทางตกใจ แล้วกอดฉันแบบไม่พูดไม่จา
ทำไมคะ หลงทางหรือไง
ฉันปล่อยให้เป็นแบบนั้นไปสักพักก่อนจะพูด "นี่ห้องน้ำหญิงนะคะ..."
"..."
คาบุรากิคลายกอดแล้วดึงฉันมาหน้าห้องน้ำจากนั้นก็มากอดต่อ แบบนี้ก็ได้หรอคะ!!!
ฉันมองนาฬิกาที่ติดอยู่แถวนั้นพอดี ตีห้าแล้วงั้นหรอคะ?! คาบุรากิ! นายเป็นคนป่วยนะรีบไปพักได้แล้วนะ!!!
เพิ่งฟื้นได้เมื่อวานเขาก็ออกมาเดินเพ่นพ่านแบบนี้แล้ว น่าเป็นห่วงอนาคตของหมอนี่ชะมัด นอนเฉยๆบนเตียงน่าเบื่อหรือไงกันคะ เข้าใจยูกิโนะคุงหรือยังล่ะ คราวหลังห้ามเอาหนังซอมบี้ไปให้เทวดาน้อยดูอีกนะคะ ทั้งๆที่ต้องเหงาอยู่คนเดียวทั้งวัน แล้วยังต้องมาเจอหนังแบบนี้อีก ยูกิโนะคุงกลัวมากแท้ๆ นายดูไม่ออกหรือไงกัน!
ฉันลากคาบุรากิกลับห้อง ตอนนี้เขาเดินได้ช้ากว่าฉันซะอีกนะ รู้ตัวว่าป่วยก็อย่าออกมาเดินแบบนี้สิคะ ฉันรู้สึกไม่ชินเลยสำหรับคนที่ปกติแค่เดินก็คล้ายจะเร็วกว่าตอนฉันวิ่งเร็วเต็มที่
คาบุรากิบ่นเรื่องฉันไม่กลับมาซะที ท่านยูริเอะอยู่กับนายไม่ใช่หรือไงกันคะ ฉันเลยประท้วงหน่อยๆว่าฉันกลับไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เขาไม่เห็นเองต่างหาก!
"หะ? ฉันรู้สิว่าเธอยืนอยู่ตรงนั้น แต่ยูริเอะโลกนี้จะไม่ค่อยอยากให้ฉันสนิทกับเธอเท่าไหร่ ฉันเลยดึงความสนใจยูริเอะไว้ ให้เธอหนีไปก่อน แล้วพอฉันบอกให้ยูริเอะกลับไปเสร็จ ว่าจะเมลล์บอกเธอนะ"
เอ๋?! อะไรนะคะ!!!
ฉันตกตะลึงกับคำอธิบายเหนือความคาดหมาย
"แล้วเธอก็ไม่ตอบเมลล์ฉัน และไม่กลับมาซะทีเลยมาออกตามหาน่ะ"
ฉันมองคาบุรากิด้วยความรู้สึกมึนงง คิดอะไรตรงๆแต่ดูอ้อมโลกยังไงไม่รู้ ให้ตายเถอะ นับวันฉันยิ่งเดาความคิดนายไม่ออกขึ้นเรื่อยๆ
"นึกว่าคุยกับท่านยูริเอะเลยไม่ได้สังเกตซะอีกนะคะ"
แปลกจัง ทำไมรู้สึกดีขึ้นจากเมื่อกี้อย่างฉับพลันเลยนะ
"ตัวขนาดนั้น ถ้าไม่ได้หันหลังให้ ใครจะไม่สังเกตล่ะ ไดเอทล้มเหลวอีกแล้วใช่ไหม"
ฉันตกตะลึง กรี๊ดดดดดด เพราะนายนั่นแหละที่ทำให้ฉันเครียดแล้วก็กินหนีปัญหา! อีกอย่างพุงฉันยุบไปบ้างแล้วนะคะ!!! อย่าให้นายหลับก่อนนะ ฉันจะเอาเมจิลบไม่ได้ไปเขียนหน้า!!! ฉันอยากสาปแช่งให้เขาอกหักไปซะ แต่แบบนี้ฉันก็คานไปด้วยหรือเปล่านะ ให้ตายเถอะ ขอให้นายโดนผีอำแทนแล้วกัน!!!
ไม่ต้องมาทำท่าพยักหน้าหงึกหงิกให้ความคิดตัวเองอย่างนั้นสิ!
"ท่านยูริเอะไปแล้วหรอคะ”
ฉันเปิดประตูให้เขา แล้วถาม แต่จะว่าไปนี่ตีห้าแล้ว ท่านยูริเอะคงกลับไปนานแล้วล่ะนะคะ...
"อ่า"
ฉันมองคาบุรากิ พยายามประเมินว่าเขายังมีท่าทางอาลัยอาวรณ์อะไรไหม
คาบุรากิจ้องฉันกลับ เขาทำตาปริบๆ
"หืม? หรือว่าหึงหรอ"
ฉันชะงัก ไม่ใช่ซะหน่อยค่ะ!!! ฉันผลักคนหลงตัวเองออกไป กลับไปนอนป่วยบนเตียงนู้นไป!
ตรรกะเชื่อมโยงของหมอนี่เกินเยียวยาแล้วจริงๆนะคะ!!!
เวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ คาบุรากิก็ยังคงยิ้มไม่หุบจนน่าหมั่นไส้ แววตาเป็นประกายวิบวับ ฉันเลยถือโอกาสเอาหมอนอัดหน้า เอาตอนเขาสู้ฉันไม่ไหวนี่แหละค่ะ! ขาดอากาศหายใจตายไปซะ!!!
เขากดหมอนลง ทำให้ฉันที่ถือมันอยู่เสียการทรงตัว เมื่อควบคุมร่างกายได้ ฉันรีบดีดตัวหนีออกจากเขา แล้วกระโดดถอยหลังไปแทบชิดผนัง
ฉันแทบกรีดร้อง มะ..เมื่อกี้นี่มันเกือบไปแล้ว เฉียดสุดๆ ให้ตายเถอะ! ไม่จริงใช่ไหมคะ!!!
คาบุรากิท่าทางช็อกอย่างตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน
เดดแอร์ผ่านไปอย่างยาวนาน จนนางพยาบาลเข้ามาแล้วพาคาบุรากิไปตรวจสุขภาพละเอียด ฉันเลยทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา นึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้
ฉันลูบริมฝีปากตัวเองอย่างแผ่วเบา ถ้าฉันไม่ได้ไหวตัวทัน อาจจะจูบเขาไปแล้วจริงๆก็ได้...! ถ้าเป็นงั้นจริงคงมองหน้าเขาไม่ติดแน่ๆ
แต่ว่า...นั่นก็ถือว่าหอมแก้มหรือเปล่านะคะ พอนึกถึงความรู้สึกนุ่มนิ่มที่ริมฝีปากแล้ว หัวใจฉันก็เต้นรัว เอาหน้าซุกหมอน แต่เจ้าหมอนนี่เป็นตัวต้นเหตุนี่คะ!
ฉันโยนหมอนทิ้ง แล้วส่งเมลล์ให้คาบุรากิไว้ว่าออกไปข้างนอกแปบหนึ่ง
กลับไปกินยาลบความทรงจำที่เคยซื้อมาดีกว่านะคะ...
…………………………………………….
อีกไม่กี่วันต่อมา หมอก็อนุญาตให้คาบุรากิกลับบ้านได้ ปกติรถชนจะฟื้นตัวเร็วขนาดนั้นเลยหรอคะ... คาบุรากิเองก็ดูประหลาดใจเหมือนกัน แต่ปกติมังงะแนวนี้อาจจะไม่ได้เน้นเหตุผลอะไรกันมาก ถึงอย่างนั้นก็เถอะ รู้สึกแปลกๆเหมือนกันนะคะที่เห็นอะไรที่ดูไม่สมจริงเท่าไหร่ต่อหน้าต่อตาแบบนี้ โลกก่อนฉันถึงตัวละครหรืออะไรหลายๆอย่างจะเห แต่ว่าฉันที่ทะลุมิติมา เจอยาสลับร่าง ไม่ควรรู้สึกแปลกกับอะไรอีกแล้วมั้งคะ...
วันที่คาบุรากิออกจากโรงพยาบาล ฉันก็มาอยู่เป็นเพื่อน เขาเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ท่านพ่อท่านแม่ของเขาเลยอยากให้เขากลับไปอยู่บ้านสักระยะหนึ่ง ยังไงทั้งสองท่านก็ไม่รู้ว่าฉันหนีออกจากบ้านและอยู่ห้องข้างๆคาบุรากิล่ะนะคะ และถ้ายิ่งรู้ยิ่งน่ากังวลเข้าไปใหญ่...
เอ็นโจกับยูกิโนะคุงก็มาด้วยเช่นกัน หลังเทวดาน้อยทักทายฉันแล้วก็มองฉันสลับคาบุรากิที่เดินมาคู่กัน
“คุณพี่เรย์กะเป็นแฟนกับท่านพี่มาซายะแล้วหรอฮะ”
แฟนกับคู่หมั้นก็ใกล้ๆล่ะนะคะ ยูกิโนะคุงอาจจะไม่รู้เรื่อง เรื่องของเพื่อนนายก็ไม่เคยบอกน้องชายตัวเองหรือไงคะเอ็นโจ
“อือ ประมาณนั้นแหละจ้ะ” ฉันยอมรับแบบไม่กล้ามองคาบุรากิ หน้าร้อนผ่าวไปหมด แค่เป็นคู่หมั้นที่ผู้ใหญ่ตกลงกัน ทำไมแค่ตอบแค่นี้ถึงหัวใจเต้นแรงขนาดนี้ หรือว่าฉันอยู่ในโรงพยาบาลนานไปจนเริ่มติดหวัดติดไข้มาจากใครสักคน
“งั้นหรอฮะ...”
ยูกิโนะคุงทำหน้าสลด เอ๋ ทำไมกัน?!
เทวดาน้อยเหลือบมองที่เอ็นโจ ห๊าาาาาา?! อย่าบอกนะคะว่ายูกิโนะคุงอยากจะจับคู่ฉันกับเอ็นโจ!!!
“จริงๆแล้ว... ผมอยากเป็นแฟนกับคุณพี่เรย์กะนะฮะ!”
ฉันหันไปหาคาบุรากิ แล้วพูด “เราเลิกกันเถอะค่ะ”
“หะ?! เฮ้ย! ฉันไม่ยอมด้วยนะ!!!”
“ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมานะคะ คาบุรากิคุง” ฉันพูดยิ้มแย้ม “จากนี้ไปฝากตัวด้วยนะ ยูกิโนะคุง”
“ฮะ” ยูกิโนะคุงยิ้มรับสดใส
คาบุรากิโวยวาย ฉันหยอกล้อกับยูกิโนะคุงอยู่พักหนึ่ง คาบุรากิหน้าบูดบึ้งจนค่อยๆกลายเป็นจ๋อยเศร้าซึม เราสามคนเลยปลอบเขาว่าแค่ล้อเล่นเฉยๆ ทำตัวเป็นเด็กกว่ายูกิโนะคุงอีกนะคะ
ไม่กี่วันถัดมาฉันถูกเพื่อนๆชวนไปเที่ยวทะเลด้วยกันช่วงปิดเทอมล่ะค่ะ! ในที่สุดทุกคนก็ยอมรับฉันเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆสินะคะ ดีใจจังเลยค่ะ
พอฉันเล่าให้คาบุรากิฟัง หมอนั่นก็บอก "ฉันไปด้วยสิ" เอ๋?!!
"ปกติปิดเทอมไม่ได้ไปเที่ยวกับท่านเอ็นโจหรอคะ"
"หืม? อือ ชวนชูสุเกะไปด้วยก็ดี"
ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อยนะ!!!
แต่โดนสายตาคาดหวังแบบนั้นไปแล้ว จะปฏิเสธก็ดูใจร้ายไปหน่อย เลยรับคำไป
ฉันลองถามเพื่อนๆในวันต่อมาว่าคาบุรากิกับเอ็นโจไปด้วยโอเคกันไหม ปฏิกิริยาแตกฮืออย่างที่คาดไว้สุดๆเลยค่ะ สาวๆทุกคนยินดีออกนอกหน้า เริ่มเคลิ้บฝันถึงจักรพรรดิและองค์ชายในชุดว่ายน้ำ
เพื่อนๆฉันตื่นเต้นกับการเลือกชุดว่ายน้ำกันมากเลยค่ะ ก็นะ คงอยากใส่ชุดน่ารักๆให้สองคนนั้นเห็นล่ะมั้ง
"ท่านเรย์กะไม่มาเลือกด้วยกันหรอคะ"
"ฉันคิดว่าคงไม่ลงว่ายน้ำน่ะค่ะ อาจจะรอดูอีกที อีกอย่างท่านคาบุรากิบอกว่าจะมาช่วยเลือกทีหลังด้วยน่ะค่ะ..."
หมอนั่นถึงขั้นเรียกคนทำชุดว่ายน้ำมาเตรียมวัดชุด ออกแบบเป็นตัวเดียวในโลก ใช้วัสดุคุณภาพสูง การตัดเย็บที่ประณีต ฉันเองก็ไม่เคยรู้เหมือนกันว่าชุดว่ายน้ำมีแบบนั้นด้วย เพื่อนๆฉันต่างกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
แต่ว่านะ...เป็นไปได้ บางทีฉันอาจจะไม่ใส่ชุดว่ายน้ำก็ได้นะคะ
ฉันพยายามปั้นหน้าเป็นธรรมชาติ แม้ในใจน้ำตาตกในไปหลายที... ตอนนี้บุตรแห่งไขมันเริ่มเกิดขึ้นมาอีกแล้วค่ะ ถ้าใส่ชุดรัดๆแบบนั้นมีหวังเด่นชัดจนสะดุดตาทุกคน แก้ตัวยังไงก็คงทำไม่ได้ เกิดเรื่องมากไปหน่อย ฉันเลยปล่อยตัวเรื่องกิน...
ถ้าลงน้ำแล้วพุงโผล่นี่ไม่ตลกเลยนะคะ! ถ้ามีคนมาทักว่าท้อง 5 เดือนแล้วทำไมยังมาว่ายน้ำ ฉันคงช็อกกระโดดน้ำฆ่าตัวตายซะตรงนั้นเลยก็ได้... ชุดว่ายน้ำไม่คิดจะออกแบบให้ซ่อนรูปได้หรือไงกันคะ...
หลังออกจากร้าน และบอกลาเพื่อนๆเรียบร้อยแล้ว ฉันเมลล์หาวาคาบะจังคุยเรื่องการลดน้ำหนัก แต่ปรึกษาผ่านเมลล์นายตัวสำรองก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่... เลยนัดเจอวาคาบะจังเอา ทิ้งคาบุรากิไว้ที่ห้องคนเดียวสักวันแล้วกันนะคะ
จริงๆก็มีหนังสือไดเอทที่คาบุรากิเคยให้มาอยู่ แต่ถ้าฉันพูดเรื่องลดน้ำหนักกับหมอนั่นอีกล่ะก็ ต้องถูกกระตุ้นอย่างกระตือรือร้น จัดอาหารนู้นนี้ให้ แล้วตัวเองก็มากินเป็นเพื่อนเหมือนครั้งที่แล้วแน่เลยค่ะ คนเพิ่งหายป่วยมากินอะไรแบบคนไดเอทคงไม่ดีเท่าไหร่ ยิ่งอีกไม่นานต้องลงน้ำทะเลอีก เขาตื่นเต้นน่าดูเลยนะคะ เตรียมอุปกรณ์ก่อปราสาททรายไปด้วย นายเป็นเด็กหรือไงกันคะ
คาบุรากิบ่นถามว่าเมื่อไหร่ฉันจะให้ช่างตัดชุดว่ายน้ำวัดตัว รอฉันลดน้ำหนักก่อนนะคะ...
-------------- (จบตอน 44) -------------
ป.ล. อาจมีบางจุดแปลกๆ เกิดจากความง่วงของเราเองนะคะ 5555
อุ เกือบลงฟิคซ้อนกันแล้ว ดีนะที่รีเฟรชก่อน ไว้กูรอกระทู้หน้าแล้วกัน ถถถ
นอนกันหมดแล้วเหรอ กูเหงาาาาาาา มาถกท่านเรย์กะต่อกันเต๊อะ ช่วงนี้มู้เดินไวทำให้ใจเต้นตึกตัก
>>917 กูก็คิดตามนั้นล่ะ ยังไงโรงเรียนก็เข้าข้างลูกคนรวยอยู่แล้ว วาคาบะก็ต้องก้มหน้ารับกรรมไปไม่ต้องมีปากเสียง โดนแกล้งก็โดนไปสิใครสน
กูยังคิดอยู่เลยว่าในคิมิดอลที่คาบุมันออกโรงปกป้องวาคาบะแบบออกหน้าออกตาทุกครั้ง มันไม่เป็นการหักหน้าใครหลายๆคนเหรอ แบบที่มันไปตวาดใส่ท่านโยโกะ กำหมัดจะต่อยไรงี้ ถ้ามันเผลอตัวต่อยท่านโยโกะจริงๆ เรื่องจะเป็นยังไงหว่า แค่คิดก็ดูเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตละ
อาริมะตอนที่ 201 มีบทสองบรรทัด ชดเชยสองอีเวนท์ที่ไม่มีบทเลย น่าดีใจแทนเขาจริงๆนะครัช
อ้าว แบบนี้ก็ต้องเรียกอาริมะสองบรรทัดแล้วสิ โถ เอ็นโจ ขนาดบรรทัดที่ถูกกล่าวถึงยังแพ้เลยเหรอ อย่าเสียใจไปเลยนะจอมมารบรรทัดเดียว
สองคนนี้ขึ้นค่าตัว อ.ฮิโยโกะเลยให้บทแค่นั้นสินะ
ส่วนเรย์กะคือแรงงานทาสเพราะติดหนี้เงินกู้อ.ฮิโยโกะ ต้องมานำแสดงทุกตอนฟรีๆไม่จ่ายตังเป็นการชดใช้หนี้ แถมบทที่ได้ก็......
>>943 แท็ก Love ในนาโร่คงหมายถึง Love is all around ไง รักอยู่รอบตัวเรา ไม่ได้แปลว่ารักเกิดขึ้นกับเรา
เหมือนท่านเรย์กะไง คนรอบๆเขาเลิฟๆโชโจกันหมด ซากุระกับอาคิสะวะ อาโออิกับแฟน รุ่นพี่โทโมเอะกับคาซึมิ หัวหน้าห้องกับมิฮารุ อิวามุโระกับโนโนเสะ วาคาบะกับคาบุรากิ อาทันกับเบียทัน ส่วนท่านเรย์กะนั่งเป็นรูปปั้นกินน้ำแดงผูกผ้าสามสี รอให้คนมาขูดหาหวย แบ่งดวงความรักอันน้อยนิดไปให้ชาวบ้านจนหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือให้ตัวเอง
>>917 กูว่าวาคาบะชีวิตก็ไม่ไร้ค่าขนาดนั้นนะมึง นี่มาซะแบบยังกะชนชั้นสอง มีเด็กธรรมดาที่สติสตังปกติไม่ขี้อิจฉาที่ก็ดูเข้าข้างเพราะก็ยังมีเพื่อนนี่หว่า ที่แน่ๆพวกที่พยายามช่วยแน่นอนคือสภา เพราะนางก็คนของสภาด้วย และสภาเป็นพวกงัดกับ pivoine เพื่อสถานะที่นร.ทุกคนต้องเท่าเทียมกันหน่อย จะมองสภาเป็น nobody ของเรื่องไปเลยนี่ก็ไม่ใช่ว่ะ
เพราะไม่ได้มีใครแกล้งวาคาบะแบบรังแกหนักๆออกหน้าออกตาเลยนะ ในคิมิดอลนี่ยังดูโดนเยอะกว่าเพราะเป็นนร.ธรรมดา แต่ตอนนี้เป้าคือเล็งไปที่ของ แบบไม่ได้แกล้งจะจะต่อหน้า ถ้าต่อหน้าก็มีแต่สงครามน้ำลายแบบผู้หญิงๆที่แอบๆทำหน่อย กูว่าไม่ใช่เพราะเลี่ยงสายตาคาบุหรอก คาบุในคิมิที่มาดจักรพรรดิทรงอำนาจกว่าปจบ.คือยืนหัวโด่ก็เห็นยังรังแก คิดว่าเป็นที่ว่าวาคาบะคือหนึ่งในสภานร.มากกว่า ถ้าไม่ใช่คนของ pivoine คงไม่มีใครกล้ามาแกล้งตรงๆ ทุกวันนนี้ก็อ้อมๆและไม่ได้ออกแนวรุนแรง มีแต่คำพูดและเล่นงานของ
แล้วจะว่าวาคาบะแปลกแยกจนทุกคนตีตัวห่างก็ไม่ใช่ เพราะถ้าเป็นประเด็นนั้นจะไม่มีใครช่วยหนุนเลย แบบแกะดำของสังคม นี่คืออยู่ในสภาได้ อาจารย์ไม่ได้รังเกียจออกจะเอ็นดูด้วยดูอย่างคาบเรียนวัฒนธรรมก็ให้มีของเอากลับบ้านได้บ่อยๆซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติ แถมเป็นเด็กเรียนเก่งที่รร.อุตส่าห์ล่อลวงเข้ามาเชิดชูมาตรฐานภาพรวมของซุยรันผ่านเงินแบบที่เรย์กะบอก รร.ไม่ลอยแพนางขนาดนั้นอยู่ละ เพราะถ้าครูเมิน เด็กธรรมดาเมิน การแกล้งนี่ไม่ต้องแอบๆละะะะ
ทุกวันนี้ที่โดนแกล้งไม่ใช่ประเด็นแปลกแยกเลยซักกะอัน อิจฉาล้วนๆ มีพวกเด็กนอกเข้าใหม่ที่อิจฉาเรื่องเกรดกับได้เป็นสภามีแบคช่วย กับนอกนั้นก็ชะนีน้อยที่อิจฉาเรื่องคาบุกับอาริมะ จะว่าไปเซตติ้งมาน่ากลัวมากกกกตรงที่สาวๆแทบทั้งรร.รุมหลงใหลคลั่งไคล้คาบุกันอะไรจะขนาดนั้น แลดูน่ากลัว แบบเสน่ห์แรงเฟร่อและโปรไฟล์ดีน่าจับ หรือผู้หญิงในเรื่องนี่มันฮอร์โมนพุ่งแรงทะลุสติสตัง สมงสมองไปหมดแล้วฟระ กูหลอน ยังกะซอมบี้ที่โปรแกรมมาแต่เป็นวิ่งตามผู้ชายแทน อาริมะก็มีแควนๆอยู่เหมือนกัน คือนี่สาวๆซุยรันนอกจากเล็งเป้าผู้ชายไว้นี่ทำอะไรบ้างมั้ยชีวิต หวาดผวากับเลเวลความคลั่งไคล้ผู้มาก
>>947 เสริมต่อจากอันนี้ พอดีลืมพิมพ์ ดังนั้นจากความคิดของกูตามที่พิมพ์ๆไปทั้ง กูว่าคนทำไม่ใช่ pivoine เพราะ pivoine มีอำนาจพอปะฉะดะกับวาคาบะได้ตรงๆ และปกติหาเรื่องก็ตรงๆพูดใส่หน้าหรือกดดันเหยียดหยามกันไป อันนี้ดูแอบๆหลบซ่อน ขนาดได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบันไดมายังตกใจรีบหนีไป กูว่าเป็นคนที่ไม่ได้มี power ขนาดนั้น น่าจะเป็นนร.ธรรมดา เพราะงั้นประเด็นเรื่องกล้องหายต๋อมไปเลยก็ยังรู้สึกว่าเป็นการเขี่ยทิ้งเพื่อยัดซีนดราม่าเนี่ยแหละ ในความคิดกูคือถ้าอาจารย์หรือทางรร.ไปเช็คกล้องในห้องควบคุม ภาพที่เห็นไม่น่าใช่ pivoine และคงต้องมีรีแอคชั่นมั่ง นี่เลยกล้องหายไปเลยเพราะว่ากล้องหายคือเป็นจุดโหว่ แต่ถ้ามีกล้องคือจะยิ่งโหว่หนักเข้าไปใหญ่
ส่วนเรื่องคนร้ายเป็นเรย์กะนี่คิดว่ากระทั่งซึรุฮานะก็คงไม่ได้เชื่อ แค่เห็นโอกาสให้ใส่ร้ายได้ เพราะตอนหลังยังป้ายโคลนต่อไปที่วาคาบะทำตัวเอง คิดว่าใครที่กัดได้ก็ซัดไมาเลือกหมดอะแหละ มันดูตรงข้ามกับความเป็นชนชั้นสูงและ Pivoine ที่ปูมาว่ามีอำนาจไม่กลัวใคร ที่ควรซัดตรงๆอย่างตอนเรย์กะรำพัด
แล้วยิ่งถ้าคนทำเป็น pivoine สายเย่อหยิ่งฐานันดร ยิ่งควรต้องทำตรงๆเพราะกับคนบางกลุ่มพฤติกรรมเหยียดคนอื่นนี่มันเป็นอะไรที่เอาไปอวดกันได้ในหมูคนชอบแบบเดียวกันเลยอะ เหมือนเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ยิ่งพวกตรรกะสุดโต่งมักมีแนวคิดสุดโต่งพวกนี้อยู่ละ ไม่เห็นต้องแอบทำเลย ถ้า pivoine จริงคงเรียกได้ว่าอยากให้คนรู้จะแย่ ถ้าเป็นชนชั้นสูงแคร์ภาพลักษณ์คือไม่ทำแต่แรก จะไม่ยอมเสี่ยงหลุด ถ้าพวกแคร์ชนชั้นนี่ก็อยากทำแล้วให้โลกรู้ทั้งนั้นว่าฉันมีอำนาจพอจะทำได้ ต่อหน้ายังได้เลย แล้วอวดกันได้อีกตะหากว่าฉันเจ๋งนะ ระบบแนวคิดพวกสุดโต่งง่ายๆเลยคือนึกถึงพวกก่อเหตุวินาศกรรมกันดู บางทีแย่งกันแสดงตัวรับผิดชอบเลยอะว่านี่ผลงานฉันนนนน ฉันเจ๋งล่ะสิอะไรแบบนั้น
>>958 คราวนี้เป็นจิตวิทยาล่ะ!!!!! กูมีงานอดิเรกเวลาอ่านคนวิแคะคือบางทีมันแอบเดาอาชีพได้ไงไม่รู้ว่ะ 5555 ไม่รุ้ว่าเรียนหรือทำงานแล้วแหละ แต่เป็นแนวรู้สายความรู้ว่าทางไหน สนุกดีนะมึงเหมือนเล่นเกมทายจากคำใบ้ไงงั้น คิดว่าถูกเป็นบางคนด้วย แต่ชัดสุดคือตอนคนที่มีมาเฉลยอาชีพตัวเองนี่แหละ บางทีก็รู้สึกกูเก่งเหมือนกันนะ ถถถถถถถ
โคตรนอกเรื่องลอยออกทะเล แต่พูดมาน่าสนใจดีเรื่อง pivoine ทีนี้กูว่าถ้าไม่เป็น pivoine แต่มีแบคกิ้งดีพออาจารย์เกรงใจก็อาจจะเด็กรวยๆคนอื่นอีกป่าว แต่ไม่รู้มีแนวรวยไฮโซไม่ถึงขั้น pivoine แต่แบคดีมั้ย ถ้าอย่างของไทยก็ถ้าออกมีสีหน่อยนี่ฉะกันกับไฮโซได้สเบย 55555 แต่กูก็ยังรอเฉลยเรื่องกล้องอยู่นะ ว่าจะมีพูดถึงกล้องบ้างมั้ยเพราะรู้สึกมันเป็นจุดบอดที่ชัดเกิ๊น
หรือคนทำจะเป็นซึรุฮานะเองหว่า
>>960 กูว่ากล้องไม่มี หรือมีก็ไม่กล่าวถึงเพื่อให้เป็น force drama และปูทางไปอีเวนท์ถัดๆไปมากกว่า
จริงๆกูก็คิดแบบ >>917 นะ วาคาบะเป็นนักเรียนทุน เป็นเด็กเก่งที่มาเสริมภาพลักษณ์ให้โรงเรียนก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเทียบเคียงกับเด็กไฮโซๆรวยๆพวกนี้ได้อ่ะ แบ็คก็ไม่ได้ใหญ่ ไม่มีอิทธิพลทางบ้านมาปกป้อง ถ้าขุดคุ้ยไปแล้วเจอตอ มันก็ลำบากทั้งคนขุดและคนถูกขุด ก็สู้ให้มันเงียบๆไปเลยดีกว่า ไม่ต้องลากใครมาลงโทษทั้งนั้น ก็ก้มหน้ารับกรรมไปจนกว่าจะเรียนจบหรือพวกนั้นเบื่อที่จะแกล้งไปเองก็แล้วกันนะ
ที่ในนิยายมันไม่ได้แกล้งแรง แกล้งโจ่งแจ้งเปิดเผยเท่าในมังงะเพราะตัวนำการกลั่นแกล้งแบบเรย์กะไม่อยู่รึเปล่า ก่อนวาคาบะเข้ามาในโรงเรียน เรย์กะก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่เที่ยวรังแกคนนั้นคนนี้ที่เข้าใกล้คาบุไปทั่วอยู่แล้ว พอวาคาบะเข้ามาก็ทำแบบเปิดเผยไม่กลัวใครแม้คาบุจะยืนหัวโด่อยู่ก็ตาม เพราะเคยชินจากการใช้อำนาจ ยิ่งคาบุปกป้องวาคาบะยิ่งเพิ่มเลเวลการรังแกเพราะอารมณ์โกรธ หึงหวง อิจฉาที่คาบุหันไปรักวาคาบะ
แต่พอเป็นซึรุฮานะที่มาเป็นตัวหลักในการแกล้งวาคาบะ ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก ทำได้แค่เหมือนตอนโมชิดะคือนินทา ว่ากระทบ อาจจะมีไปเขียนโต๊ะเล็กๆน้อยๆบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นหนักๆอะไรเพราะซึรุฮานะก็คงรู้ลิมิตตัวเองแหล่ะว่าใช้อิทธิพลได้แค่ไหน ขืนทำมากไปกว่านี้ตัวเองแหล่ะจะซวยเอง ไม่เหมือนตอนเรย์กะในคิมิดอลที่ทำอะไรก็ได้ไม่ต้องแคร์เพราะเป็น pivoine ที่มีอำนาจล้นเหลือนี่ล่ะ
>>961 กูว่าไม่ใช่ เพราะกลุ่มซึรุฮานะเลิกเรียนออกมาเจอกันพอดี ระยะเวลามันดูน้อยไปถ้าจะวิ่งกลับห้องเรียนแล้วตีหน้าเนียนๆออกมา ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เรื่องนี้ อีกอย่าง กูว่าซึรุฮานะก็พอๆกับเรย์กะนะ ถึงจะพยายามปิดคาบุไม่ให้รู้ก็เหอะ แต่ก็เล่นงานตรงๆต่อหน้าเจ้าตัวเหมือนกัน เหมือนตอนเหน็บเรื่องผ้าขนหนูแล้วจงใจเหยียบหรือเรียกออกไปด่าแล้ววาคาบะต้องไปใส่ชุดวอร์มเพราะตากฝนอ่ะ
>>963 ก็ใช่ไง แกล้งได้ตรงๆจะจะเพราะเป็น pivoine เหตุผลเดียวที่ทำได้ขนาดนั้นในมังงะ รร.ก็ยอมให้แถมคนอื่นใน pivoine ก็ยังหนุนๆมีคอยช่วย แ้วถ้าเป็นเหมือนที่มีคนบอกว่าไม่มีบทครูสืบสวนเพราะกลัวคนทำจะเป็น Pivoine มันก็เลยวนกลับมาว่าถ้า pivoine ก็ไม่เห็นมีจุดที่ต้องแอบแกล้ง มันขัดแย้งกับ mind set ของกลุ่มคนพวกนี้ที่เซ็ตมามาก ทั้งปูเรื่องมายันย้อนไปคิมิคือเห็นชัดว่ามีหลักๆอยู่แค่ 2 ประเภท คือไม่ยุ่งอะไรไม่สนใจใครโดยสิ้นเชิง คุยกับพวกเดียวกันบ้างนอกนั้นไม่เกี่ยวกับฉัน เว้นระยะ กับอีกแบบคืออีโก้แรงและต้องการการแสดงออกเหมือนพวกกลุ่มโยโกะซังกับสาวก ที่วางตัวเป็นคนดูแลภาพลักษณ์ pivoine พวกนี้ยิ่งต้องการการแสดงออกและการยอมรับในหมู่พวกเดียวกัน ยิ่งไม่ต้องแอบๆหลบๆไปใหญ่ พอมองทุกมุมเลยแบบยังไงกูก็ว่าไม่ใช่ Pivoine ประเด็นที่รร.ไม่ออกมาสืบสวนเลยแบบ อ้าวอะไร กล้องก็ไม่โผล่ เพราะถ้าตัดความเป็นไปได้ที่เป็น Pivoine ทิ้งหน่อยมันเหลือแค่มีเด็ก pivoine อยู่คนนึงที่เจอปัญหาจากเหตุการณ์อยู่แล้วโดนมองไม่ดี ถ้าแคร์หน่อยคือไม่พยายามสืบหาอะไรเลยคือตลกไปละ ต่อให้กลัวคนทำเป็นเด็ก pivoine หรือแบคใหญ่เหมือนๆกันแต่ไม่ใช่เหตุผลเลยที่จะยุติการสืบตั้งแต่ยังไม่เริ่ม สืบไปก่อนจนรู้แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเปิดเผยมั้ย เปิดเผยแค่ไหน หรือแสดงท่าทียังไงก็ยังได้ ไม่ใช่จบทุกอย่างตั้งกะยังไม่เริ่มนี่มันคือนอกจากกล้องหายเพื่อบังคับซีนดราม่าแล้ว ยังครูหายเพื่อส่งบทนักสืบให้เด็กๆอีกตะหาก คือเด็กจะสืบก็ได้นะแค่ช่วยให้ครูมีแอคชั่นใดๆมากกว่าเงียบหายต๋อมไปเลย ดูเอิ่ม จงใจเกินไปปปปป
กระบวนการสืบนี่มันไม่ต้องกลัวใครรู้หรือกลัวเจ้าตัวในกรณีเป็นเด็กที่ทางบ้านมีอำนาจรู้หรอก สืบสวนก็คือสืบสวน มันทำได้สารพัดวิธีที่ไม่ได้ต้องป่าวประกาศ แล้วแบบคนูนะ โรงเรียนนะ เหตุเกิดในพื้นที่ของตัวเองถ้าไม่มีปัญญาเคลื่อนไหวกันเงียบๆโดยเด็กไม่รู้นี่ก็ตลกซ้ำซ้อนจริงๆ การเข้าถึงข้อมูลหรืออะไรในพื้นที่ตัวเองมันไม่ได้ยากหรือปิดบังยากขนาดนั้นเลย ทางเดียวที่สืบอยู่แล้วเด็กคนอื่นจะรู้ได้คือต้องไปเป็นพยาธิอยู่ในสมองแล้อะถึงจะรู้ว่าพวกรร.กำลังตามสืบอยู่นะ มันไม่ได้ต้องประกาศอยู่ละ แล้วไอแบบนี้คิดว่าวันเดียวก็รู้เรื่องละ ง่ายสุดต่อให้ไม่เปิดกล้องคือมีเด็กคนไหนหายไปจากห้องเรียนโดยไม่รู้ที่อยู่ ไม่มีพยานยืนยันมั่ง อย่างเรย์กะยังไปอยู่ห้องพยาบาล คนที่หายแบบไม่มีอะไรยืนยันได้เลยมันต้องมี ครูไม่มีใบรายชื่อเด็กรึไง คือแค่กลับไปห้องพักครูก็รู้ได้ละว่าแนวโน้มมีโอกาสใครบ้าง pivoine กี่คน ถ้าในนั้นไม่มีเลยซักคนที่เป็น pivoine ก็เคลื่อนไหวได้ละ เรียกได้ว่าไม่ต้องอาศัยความพยายามหรือต้องมีแอคชั่นที่กระตุ้นให้คนสงสัยได้เลยว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ กลับไปเจอครูรวมๆทุกคนแล้วเอาใบรายชื่อมาเทียบนี่จบข่าวทันที
สุดท้ายจุดโหว่มากสุดคือถ้าเด็กไม่ได้หายไปยาวๆเป็นหลายคาบจนดูขาด แต่เป็นขออนุญาตออกนอกห้องไปห้องน้ำหรือจะไปไหนก็ตาม อันนี้ครูต้องรู้อยู่ละว่าห้องฉันมีเด็กหายรึเปล่า ใคร ไปตอนไหน ช่วงใกล้ๆเกิดเหตุมั้ยเงี้ย
>>964 จริงๆพวกมังงะหรือนิยายแนวรั้วโรงเรียน ถ้าไม่ให้ครูเป็นตัวเอก ก็จะอยู่ในฐานะบุคคลจืดจางว่างเปล่าอยู่แล้ว เพื่อให้เด็กๆเป็นตัวเอกทำเรื่องนั่นนี่กันเอง ครูไม่มีตัวตน ไม่สามารถปรึกษาได้ ยังจะน่ารำคาญด้วยซ้ำ ก็คิดว่าครูจะไม่เข้ามามีบทบาทอะไรกับเรื่องนี้หรอก ให้เด็กทำกันไป ครูไม่เกี่ยว มีหน้าที่สอนหนังสืออย่างเดียวก็พอ
เปิดประเด็นใหม่ที่พังหนักกว่าเดิมตอนเรื่องกล้องคือเด็กที่หายไปจากห้องโดยไม่มีใครรู้ได้ยังไงนี่แหละ เอาจริงไม่ต้องสืบสาวอะไรกันเลยจริงๆว่ะ จุดเดียวจบได้ลิสต์มาทันที
กูว่ามันเป็นเพราะมุมมองของเด็กๆที่ไม่ได้ไปรู้การทำงานของครูมั้ง ถึงได้มองว่าครูไม่ทำอะไร ครูอาจจะสืบไปแล้วแต่ไม่ออกมาเปิดเผยผลการสืบ คาบุกับเรย์กะก็ไม่ได้รู้ข้อมูลอะไรกันมากมาย ก็เลยคิดว่าทั้งครูและโรงเรียนทำนิ่งๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หรือไม่มันก็จะย้อนกลับไปกรณีที่ว่าคนถูกแกล้งคือวาคาบะ โรงเรียนเลยไม่จำเป็นต้องทำอะไร สืบไปก็เท่านั้น เอาผิดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว และเจ้าตัวคงไม่อยากเอาเรื่องคนร้ายตัวจริงด้วย เดี๋ยวมันจะยาวและจะไปกันใหญ่ ก็สู้เงียบๆกันไปดีกว่าจะได้จบๆ
พอมาตอนนี้คิดว่าอันนี้ต้องเป็นประเด็นมาม่าเส้นยาวเหนียวนุ่มที่ลากยาวววววแน่นอน เพราะเหมือนตั้งใจเซ็ตมาซะให้คนทำดูลึกลับควานหาตัวได้ยากแบบ defy logic มาเบอร์นี้ คือกะให้ดึงกันต่อไปได้ยาวๆว่าเอ๊ะอะไรยังไง ใครทำ แถมเมพเหลือเกินมาแนวทุกฝ่ายต้องมีเหตุให้สืบไม่ได้หรือสืบไม่เจอ เราว่าบทมันวางมาชัดมากละว่านี่คือประเด็นกะให้ยาว
ทำเป็นการ์ตูนความนิยมลำดับดีไปได้ ถ้าเป็นที่นิยมก็ถูกกองบก.สั่งให้ยืดเรื่อง ประเด็นที่ยืดก็เลยดูอืดๆลากยาวไปแบบไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่
KY ขอขัดนิดนึง 975ละน้า ถ้านี่ไม่ได้ข้ามอะไรไปอย่าลืมสรุปชื่อกับตั้งมู้ใหม่นะเออ
>>975 อ่ออออหมายถึงโดนคนอื่นสั่งยืด งั้นเรื่องนี้อาจจะแนวยืดสร้างดราม่าหรือเรียกกระแสก็ได้นะกูว่า ดูจากในนี้กระแสตอบรับจากดราม่าอันนี้คือพุ่งทะยานนนน~~~ ทู้วิ่งฉิวไวมว๊ากกก กูไม่รู้ว่าที่ญี่ปุ่นคือเม้นถล่มกันแบบนี้ด้วยป่าว แต่ในไทยนี่เม้นจากดราม่านี่คือเยอะจริงไรจริง 5555 อันนี้เป็นข้อดีอ่านนิยายตามเน็ตแบบออกเป็นตอนๆนะกูว่าคือคนอ่านมีเวลาคิดเยอะ ถ้าเป็นเล่มหรือพวกเวลาดูหนังโรงบางทีมันเอามาคิดอะไรต่อไม่ทันละเพราะเนื้อหามันตามๆกันเข้ามา
สำหรับกูคือจะถือว่าดราม่านี้ประสบความสำเร็จก็ได้นะเว่ยในแง่กระตุ้นยอดคนอ่าน ดูแบบพุ่งตัวออกมากันรัวๆ 555 ถือว่าผลตอบรับดีเหมือนกันอะ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับแท็กFoodแต่ในเนื้อเรื่องดันไม่มีซะงั้น!!!! [อาถรรพ์ที่14]
ไม่อัปมงคลเนอะ
ฮาเร็มของเข้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับอาหารที่หายไป!!!![ล็อกเกอร์พิศวงที่14]
โหวตกันถึง990ก็แล้วกัน อย่าเพิ่งถมกระทู้ให้ครบพันนะ
>>981 >>982 มึงแค่เข้า https://fanboi.ch/webnovel/new/
ใส่ชื่อตรงที่โหวดได้ใน Topic
ส่วน body ก็ก๊อบโพสแรกแล้วเพิ่มใส่ลิงค์และชื่อกระทู้นี้ เท่านั้นเอง
>>970 ย้อนกลับมาที่อันนี้นิดนึงว่าเพราะเป็นวาคาบะเลยคิดว่าเอาเรื่องอะไรคนทำไม่ได้ กูมองต่างว่ะ อ้างอิงจากที่อาริมะเข้ามาตอนม.ต้นคือเป็นพวกมีฐานะอะไรตามปกติ เด็กม.ต้นจะไม่ได้โดนคนอื่นเหยียด แถมอาริมะเป็นถึงประธานนร.แล้วมาแนวเรียนดีกิจกรรมเด่น ทางบ้านก็ไม่ได้ดูอ่อนด๋อยอะไรเลย ทางโรงเรียนยังเรียกไปจัดการเพราะประเด็นไปงัดกับโยโกะแห่ง Pivoine สำหรับกูตั้งแต่ตอนนั้นคือนอกจาก Pivoine แล้ว โรงเรียนไม่ได้เกรงและไม่มีความจำเป็นต้องเกรงใจเด็กคนไหนอีกไม่ว่าจะสถานะในรร.เป็นยังไง และสถานะทางบ้านเป็นยังไง ข้อยกเว้นเดียวคือ pivoine
ซึ่งถ้าตามข้างบนๆคิดมามันก็ดูไม่น่าใช่ Pivoine จริงๆ แบบการลงมือ วิธีการวิถีทางมันดูไม่ใช่ รร.ไม่จำเป็นต้องเกรงอะไรเลย คือองค์กรระดับซุยรันนี่มันก็ไม่ได้ง่อยเปลี้ยอ่อนแออ่อนด๋อยไร้พาวเวอร์ขนาดนั้นนะเว่ย ถึงจะเกีงใจ pivoine ที่เป็นพวกร่วมก่อตั้งขึ้นมาแต่เดิมและเป็นผู้สนับสนุนหลัก เหมือนเป็นตัวค้ำจุนอยู่ด้านหลัง แต่นอกนั้นคือไม่ และก็มีพาวในตัวเองเถอะ ยิ่งแบบเป็นโรงเรียนอันดับต้นๆของประเทศที่ทุกคนดิ้นรนอยากจะเข้า ขนาดตระกูลรวยยังผลักดันลูกหลานตัวเองให้เข้ามาเรียนได้ มันไม่ใช่องค์กรง่อยอะ ครูและบุคลากรก็คงไม่เบๆดาดๆขนาดนั้น
แต่สุดท้ายจบลงแบบนี้กูก็เห็นด้วยว่ามันคือการสร้างเหตุให้ไม่มีใครสามารถตามสืบคนทำตัวจริงได้ ก็คงเป็นเพราะพล็อตเรื่องน่ะแหละ คนทำคงมีบทอีกยาวและไอดราม่านี้ก็คงอยู่อีกยาวเพราะออกตัวมาแรงเหมือนเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ได้ง่ายๆ
โหวตไปแล้วเหมือนกัน ผลดูผ่านๆก็คิดว่าอันขอพรผมคนโหวตเยอะสุดละ
ว้าว อีกนิดก็ใกล้ไปมู้ใหม่แล้วสินะ
งั้น ถ้าจะไม่โหวตกันแล้วสรุปโหวตกันเลย
>>848 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ: Glue of Suiran the series: Tag food is coming season 14
โหวต /
>>855 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ :ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฤดูใบผลิที่ใกล้มาเยือน ความรักกำลังผลิบาน! แต่ไม่ใช่ของเจ้าแม่หรอกนะ!(ผมลอนม้วนเส้นที่14)
โหวต ////
>>857 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ :ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับคำอธิฐานรักผ่านเส้นผม (ผมลอนสลวยเก๋เส้นที่ 14)
โหวต ///////////////
>> 878 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ :ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับบัคของโลกใบนี้ และการต่อต้านของเหล่าวิหค [ชุดสำรองตัวที่ 14]
โหวต0
>>979 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับแท็กFoodแต่ในเนื้อเรื่องดันไม่มีซะงั้น!!!! [อาถรรพ์ที่14]
โหวต 0
>>980 ฮาเร็มของเข้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับอาหารที่หายไป!!!![ล็อกเกอร์พิศวงที่14]
โหวต 0
ผู้ชนะคือ >>857 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ :ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับคำอธิฐานรักผ่านเส้นผม (ผมลอนสลวยเก๋เส้นที่ 14) ยินดีด้วยคะ
กระทู้หน้ามาตั้งชื่อกระทู้อีกนะคะ //ทำเสียงซากุระแบบไสยๆ
ตั้งชื่อกันเข้าไปเพิ่มพลังแห่งรักเพื่อส่งกระแสจิตไปหาฮิโยโกะซามะ
อย่าลืมถมทู้ด้วย ด้วยการมอบเสียงกรี๊ดดร๊าดให้เหล่าหนุ่มๆที่คุณเชียร์กันเถอะคะ //แอ็บเสียงท่านแม่
เอาไว้พูดคุยเรื่อง "นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ!"
รักใคร อวยใคร ชอบใคร อยากให้ใครเข้าวิน เชิญได้ที่กระทู้นี้
.
謙虚、堅実をモットーに生きております!
นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ!
(RAW) http://ncode.syosetu.com/n4029bs/
(TH) http://www.nekopost.net/novel/3015
♕ คลังกระทู้ ♕
>>>/webnovel/3289 : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ [เรือลำที่ 1 : องค์ชายเอ็นโจ]
>>>/webnovel/3364 : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำชายามบ่ายของโม่งซุยรัน [ซาลอนที่ 2]
>>>/webnovel/3451 : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันยามบ่ายกลางจักรวาลแห่งกาว (ยานแม่ลำที่3)
>>>/webnovel/3507 : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับสตูดิโอกาวโปรดักชั่นหมายเลข 4
>>>/webnovel/3543 : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับปฏิบัติการปลูกไร่กัญชาบนดาวเคราะห์ดวงที่ 5
>>>/webnovel/3572 : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับหลุมดำดูดเวลา กาวแลคซี่ที่ 6
>>>/webnovel/3588 : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับเรือกาวฟิคที่ไปไกลกว่าเรืออฟช. ลำที่ 7
>>>/webnovel/3600 : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการผนึกกำลังของเหล่าพันธมิตรเรือเพื่อล่มเกาะแห่งคาน ครั้งที่ 8
>>>/webnovel/3628 : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับนิทรรศการเรืออับปางใต้ท้องทะเลลึก ครั้งที่ 9
>>>/webnovel/3689 : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฤดูใบไม้ผลิอันฟรุ้งฟริ้งของเรย์กะจัง♡ ~โดขิโดขิ หัวใจของเธอเป็นของฉันนะ! ♡♡ กาวยกกำลัง10! ♡♡ (,,,ゝ∀・,,,)ノシ *:・゚✧*:・゚✧
>>>/webnovel/3786 : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของฟิคกาวในห้องซาลอนปิดตาย [คานที่กำลังก่อตัวชั้นที่11]
>>>/webnovel/3805 : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับแท็ก love ปริศนา ที่ไม่ตั้งใจจะใส่มาหรอกนะ แค่มันอยู่ใกล้มือเท่านั้นเอง [แท็กที่ 12]
>>>/webnovel/3856 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับกองเรือรบสยบคาน ประจัญบานพิชิตใจเธอ! [ศึกรักที่ 13]
.
♕ สนธิสัญญา ♕
1) สปอยล์ได้ แต่รบกวนเตือนและจุดลากยาวทุกครั้ง(อย่างน้อย7-8บรรทัด) ช่วยป้องกันให้คนที่ไม่ต้องการอ่านสปอยล์เนื้อเรื่อง
1.1) ไม่สปอยล์เนื้อหาที่แปลไทยใกล้จะถึงแล้ว
1.2) ไม่สปอยล์เนื้อหามากจนเกินไป คนอยากโดนสปอยล์ก็อดใจรอไว้หน่อย ไว้ไปฟินพร้อมๆกัน
2) อย่าเร่ง อย่ากดดันโม่งแปล !!!!
3) งดเว้นการตั้งชื่อกระทู้ด้วยถ้อยคำที่ไม่เป็นมงคล (หรือถ้อยความที่เป็นแง่ลบ อาทิ คาน, จมเรือ, เรืออับปาง, หักธง, ซากเรือ เป็นต้น) "ห้ามแก้เคล็ดเด็ดขาด" หากฝ่าฝืนตั้งมา ชื่อนั้นก็จะไม่เอามาโหวตนับคะแนนแต่อย่างใด
.
♕ สารบัญแฟนฟิค-แฟนอาร์ต ♕
https://docs.google.com/document/d/1Jtm_XMsTD_t_6GWtvFfN3qDIm3yxYGeJCX29QUS1vIo/edit?usp=sharing
How to: วิธีการใช้และอัพเดตสารบัญ
https://docs.google.com/document/d/1ET-eMchwMQyJ8awYO1Q5yIcKWuTeJrJ0TVhXXVd8eD4/edit?usp=sharing
รวมไฟล์สารบัญ
https://drive.google.com/drive/folders/0BwR6XEqxsnTAZWdSckFqb182VDQ
ตั้งล่ะ https://fanboi.ch/webnovel/3899/
เชิญถมมู้ได้
ถมมู้~~
ถ้าเจ้าแม่บินมาไหว้พระตรีมูรติเมืองไทยจะพาไปจิบชากุหลาบถวายน้ำแดง!
เอาแป้งไปปะผม เอาขนมร้านสะดวกซื้อไปเซ่น เรามาหาผมม้วนผิดด้านกันน
มานั่งรอดูเม้นปิดท้าย จากมู้ก่อนมาเป็นพิ่โว้~~ อยากรู้ของมู้นี้ 555555
ถึงหัวจะพาดเรือเอ็นโจ ถึงแขนจะพาดเรือท่านพี่ ถึงขาจะพาดเรืออาริมะ แต่ลำตัวและหัวใจอยู่ในเรือท่านอิมาริ
หาผมม้วนผิดด้าน คงไม่เจอหงอกแทนใช่มั้ยนะ...
ใกล้ปิดมู้ละมาช่วยดัน คนปิดมู้ขอฮาๆนะ
แท็ก ฟู้ด จง-เจริญ!!
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.