คุณคิโชวอินหน้าตาน่ารัก เรียนดี กริยามารยาทเรียบร้อยสมเป็นคุณหนู เป็นผู้หญิงในอุดมคติของใครหลายๆคนได้ไม่ยาก แต่ถูกฉาบไว้ด้วยสมญานามเจ้าแม่กาลีเพราะเคยแสดงอิทธิฤทธิ์ใส่คุณซึรุฮานะเมื่อตอนม.3 แถมมีภาพพจน์ที่ดูสูงส่งมาตั้งแต่สมัยประถม น้อยคนที่จะเห็นความน่ารักที่ซ่อนอยู่หลังฉายานั่น
แต่ความน่ารักของเธอ ผมเห็นมาตั้งนานแล้ว อาจจะตั้งแต่วันแรกที่พบกันด้วยซ้ำ
คุณคิโชวอินที่ทำตาโต จ้องมองผมอย่างสนอกสนใจ พูดเรื่องย้อมผมทอง หรือนั่งหัวเราะคิกคักคนเดียวในห้องสโมสร เพราะเธอชอบมองมาซายะอยู่เสมอ ก็ช่วยไม่ได้ที่เราจะได้สบตากันโดยบังเอิญบ่อยๆ
ไม่สิ ไม่บังเอิญ แต่เป็นเพราะผมมองเธออยู่ตลอดต่างหาก
คุณคิโชวอินเอาแต่มองคนอื่น จนไม่รู้ตัวว่าผมมองเธออยู่ ต้องให้เธอละสายตาถึงจะรู้ว่าผมอยู่ตรงนั้น เป็นคนที่เธอไม่ได้มองหา ไม่ได้ใส่ใจ แถมอยากจะเผ่นหนีไปให้ไกลลิบด้วยซ้ำ
อาจจะดูหน้าไม่อาย แต่ผมก็ยังไปป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้เธอ ขอให้คุณคิโชวอินเห็นผมอยู่ในสายตาบ้าง สักนิดก็ยังดี
.
.
.
วันงานโรงเรียนมาถึง แต่ละห้องต่างก็คึกคัก ออกร้านทำนั่นนี่กันอย่างสนุกสนาน
ห้องของมาซายะทำบ้านผีสิงแบบให้ดูภาพและนั่งฟังไม่ต้องขยับเขยื้อน จากคนที่เข้าไปใช้บริการต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน่ากลัวมาก สยองขวัญสุดๆ
มาซายะลงมาควบคุมงานเองทั้งที ไม่มีทางที่จะปล่อยให้เกิดความผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด แม้กระทั่งเรื่องผี ก็ต้องเอาให้จัดเต็มทุกประการ
ห้องของผมทำคาเฟ่ ใช้ผมเป็นจุดขายอย่างเต็มที่ ด้วยการทำบัตรคิวลาเต้อาร์ตแบบจำนวนจำกัดเพื่อไม่ให้เป็นภาระกับผมมากเกินไป สาวๆแห่กันมารับบัตรคิวจนล้นออกไปทางเดินข้างนอก
แน่นอนว่าคุณคิโชวอินไม่ได้มาต่อคิวกับเขาหรอก เธอจะมาที่ร้านรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย
ห้องคุณคิโชวอินก็ทำคาเฟ่ด้วยเหมือนกัน เป็นคาเฟ่ชาจีน ต่างจากห้องผม
ผมทำลาเต้อาร์ตตามโควต้าของบัตรไปเรื่อยๆ มาซายะก็เข้ามา มองซ้ายมองขวาหาใครสักคนตอนสั่งกาแฟ แต่ดูท่าทางไม่ได้มีจุดประสงค์อยู่ที่ผมแน่ๆ น่าหมั่นไส้จังเลยนะ
ผมมองนาฬิกา นี่ก็ใกล้จะได้เวลาเลิกแล้วด้วย เธอคงไม่มา
พอคิดแบบนี้แล้วก็อดที่จะหดหู่ไม่ได้
ลาเต้อาร์ตแก้วสุดท้ายจากโควต้าของบัตรในวันนี้ถูกนำไปเสิร์ฟที่โต๊ะโดยเพื่อนร่วมห้อง ผมคลายเนคไทออกเล็กน้อย คิดว่าจะไปนั่งพักอยู่ด้านหลัง ยืนทำลาเต้อาร์ตนานๆมันก็เมื่อยเหมือนกัน แถมยังมีสาวๆมาคอยเจี๊ยวจ๊าวน่าหนวกหูอยู่รอบๆตลอด ได้อยู่เงียบๆบ้างก็ดี
แล้วคุณคิโชวอินก็เดินเข้ามาในร้าน กับเพื่อนของเธอ
แล้วคุณคิโชวอินก็เดินเข้ามาในร้าน กับเพื่อนของเธอ
อาการหดหู่เมื่อครู่นี้หายไปเป็นปลิดทิ้ง ผมก้มลงมองตัวเองว่าแต่งตัวเรียบร้อยอยู่หรือไม่ จัดระเบียบเสื้อกั๊กและเนคไทใหม่ อยากให้ดูดีต่อหน้าคุณคิโชวอินที่สุด
ผมก้าวไปยืนตรงเคาน์เตอร์ ไม่เสียเวลาคิดเลย เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมจินตนาการมาตลอดว่าอยากจะทำลาเต้อาร์ตลายอะไรให้เธอ และฝึกฝีมือแบบสุดความสามารถ
มีเสียงฮือฮาดังมาจากฟากที่มาซายะนั่งอยู่ แต่ผมที่กำลังตั้งสมาธิกับการเทนมใส่กาแฟไม่ได้หันไปมอง บรรจงเทให้เกิดลวดลาย นี่เป็นแก้วที่ผมพิถีพิถันในการทำที่สุดก็ว่าได้
เมื่อตกแต่งเสร็จ กำลังจะเตรียมยกไปให้คุณคิโชวอิน ก็ได้ยินเสียงมาซายะพูดพอดี
“ทาคามิจิ คุกกี้นี่เธอทำเองเรอะ”
“เอ๋ ค่ะ ก็ใช่น่ะค่ะ…”
“อร่อยดีนี่”
หาเรื่องเดือดร้อนให้คุณทาคามิจิอีกแล้วนะ มาซายะ
ผมยังไม่มีเวลาไปช่วยกลบเกลื่อนเรื่องนี้ เพราะกำลังยกลาเต้อาร์ตเดินไปที่โต๊ะคุณคิโชวอินด้วยตัวเอง
“คุณคิโชวอิน นี่บริการพิเศษจากผมนะ”
ผมยิ้ม วางลาเต้อาร์ตรูปกระต่ายที่ตั้งใจทำเมื่อครู่นี้ลงตรงหน้าเธอ ทำออกมาได้น่ารัก ผู้หญิงคงจะชอบ
คุณคิโชวอินมองผมและมองลาเต้อาร์ตแก้วนั้นด้วยท่าทางเหมือนเห็นผี
เธอหยิบช้อนขึ้นมา และตั้งหน้าตั้งตาคนจนฟองนมรูปกระต่ายแหลกเละไม่เห็นเค้าเดิม ไม่ฟังเสียงคัดค้านและเสียงกรีดร้องของเพื่อนเธอแม้แต่นิดเดียว เสร็จแล้วก็ยกดื่มด้วยใบหน้าบึ้งตึง
ถ้าไม่มีคนมาเรียก ผมคงจะยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
สติของผม เหมือนจะหลุดลอยหายตั้งแต่ช้อนนั้นถูกจุ่มลงไปในลาเต้แล้ว
ถึงจะรู้ทั้งรู้ว่าเธอพยายามหลีกเลี่ยงผม แต่ช่วงนี้ ผมคิดว่ายังไม่ได้ทำอะไรให้เธอโกรธนี่นา
การที่ผมเอาลาเต้อาร์ตไปให้ทั้งที่ต้องมีบัตรคิว ก็บ่งบอกถึง “ความพิเศษ” ที่ผมมีต่อเธอได้ คุณคิโชวอินถึงจะซื่อบื้อหัวช้าขนาดไหน ก็คงรู้ในข้อนี้ เลยปฏิเสธแบบเอาเป็นเอาตายถึงขั้นทำลายทิ้ง
รังเกียจกันขนาดนั้นเลยสินะ
ผมยิ้มขื่นๆให้กับตัวเอง ในอกโหวงเหวงไปหมด รู้สึกหมดอาลัยตายอยากยิ่งกว่าตอนเธอยังไม่ก้าวเข้ามาในร้านเสียอีก
เห็นเธอตัดรอนกันถึงขนาดนี้ หรือมันได้เวลาที่ควรหักห้ามใจจริงๆสักที
-------------------------
ตัดตอน ชับ ชับ ชับ