คุณคิโชวอินทำตาโตอย่างตกใจที่ได้ยินแบบนั้น ผมลอบสังเกตปฏิกริยาทุกอย่าง แม้ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ผมรู้สึกว่ามันมีบางอย่างแตกต่างออกไปจากเดิม
เธอฟ้องว่าคาซึรางิมาพูดอะไรบ้างในงานวันนั้น ที่หมอนั่นยืนโอ้เอ้รอให้ผมเดินไปก่อนก็เพื่อจะพูดกับคุณคิโชวอินด้วยเรื่องไร้สาระนี่สินะ
คาซึรางิหลงยุยโกะหัวปักหัวปำมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำตัวปกป้องพิทักษ์เหมือนองครักษ์ดูแลเจ้าหญิง ทั้งที่ตัวเองก็เอาตัวไม่รอดแท้ๆ
พอพูดเรื่องนี้ไป คุณคิโชวอินก็พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย คงดูออกสินะว่าหมอนี่หลงรักยุยโกะอยู่ แล้วผมที่อยู่ใกล้ขนาดนี้ ทำไมคุณถึงดูไม่ออกกันนะ
“แต่ไม่ใช่แฟนหรอกนะ”
“ค่ะ”
คุณคิโชวอินพยักหน้า ตั้งอกตั้งใจฟัง ทำท่าเหมือนกำลังลุ้นอะไรบางอย่าง แกล้งซักหน่อยจะดีมั้ยนะ
ดีสิ
เสียงในใจผมพยักหน้าให้อย่างชั่วร้ายในทันที ถือว่าเป็นการเอาคืนจาก “คนเคยเห็นหน้า” ก็แล้วกัน
“เป็นคู่หมั้นต่างหาก”
“ค๊าาาาาาาา!?”
ปฏิกริยาที่ได้ออกจะเกินคาดไปมากโข ไม่สิ ไม่ได้คิดไว้เลยต่างหากว่าจะออกมาเป็นแบบนี้
คุณคิโชวอินมักจะรักษากริยามารยาทของคุณหนูอยู่เสมอ แม้จะมีใครทำให้ตกใจก็จะสะดุ้งแค่นิดๆแล้วก็เอารอยยิ้มมากลบเกลื่อน แต่ตอนนี้กลับตาเบิกกว้าง อ้าปากค้าง และส่งเสียงแหลมๆแปลกๆออกมา
ตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ
ผมขำพรืดออกมาแบบไม่คิดจะเก็บอาการ
“ค๊าาาาาา!? งั้นเหรอ คุณคิโชวอิน เมื่อกี้ทำหน้าได้สุดๆไปเลยนะ แอบเชื่อไปแล้วล่ะสิ”
“ห๊ะ” คุณคิโชวอินชะงักทันควันเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก สีหน้าดูสับสน
แม้จะสนุกแค่ไหน แต่การล้อเล่นก็ไม่ควรจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ผมเข้าเรื่องที่ต้องการอธิบายทันทีไม่มีอ้อมค้อม
“พูดให้ถูกคือ ว่าที่คู่หมั้นน่ะ”
คุณคิโชวอินนั่งฟังผมพูดเรื่องนี้ พอบอกว่า เป็นเรื่องที่พวกผู้ใหญ่คุยกันไว้นานแล้ว แต่ยังไม่ได้ตกลงกันเป็นทางการก็ทำหน้าเลื่อนลอยแปลกๆ
คิดอะไรอยู่ในใจกันแน่นะ
.
.
.
ตอนนี้ผมนั่งอยู่คนเดียว จมดิ่งลงไปในความคิดของตัวเอง แต่ไม่รู้สึกหมองหม่นแบบเมื่อวันก่อนๆ
ก่อนพูดกับเธอ ผมนึกเดิมพันอยู่ในใจว่าเธอจะสนใจผมบ้างหรือไม่ ถ้าหากไม่ ผมก็คงจะคิดเรื่องตัดใจอย่างจริงๆจังๆ ไม่ปล่อยให้เป็นความคิดชั่ววูบแบบที่แล้วมาอีกต่อไป
จากเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา เห็นได้ว่าเธอไม่ยินดียินร้ายผมเลยแม้แต่นิดเดียว ทำอะไรให้ไปก็ไม่เคยเห็นค่า ไม่เคยมีความหมาย จะพูดหรือบอกอะไรก็เอาแต่หนี คิดว่าครั้งนี้คงไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ความหวังที่เคยมีก็ดูริบหรี่แทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า จนแทบหมดหวัง
แต่มันผิดคาดไปหมด
ผมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ปฏิกริยาของเธอเมื่อครู่ ต่างไปจากตอนที่ฟังเรื่องของยูริเอะกับมาซายะ
เรื่องของมาซายะ เธอดูอยากรู้อยากเห็น แต่พอจะเล่าให้ฟังก็ไม่ยอมฟัง หนีไปซะดื้อๆ น้อยครั้งที่จะยอมอยู่ฟัง
พอเรื่องของผม เหมือนจะเห็นแววตาประหลาดบางอย่างที่ผมอยากเรียกว่าความคาดหวัง และเมื่อพูดว่าเป็นคู่หมั้น เธอดูตกใจเอามากๆจนแสดงกริยานั้นออกมา
สำหรับผม แค่ “ค๊าาา!?” เมื่อครู่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ถ้าอยู่ในวงสังคมชั้นสูง เรื่องคู่หมั้นไม่ใช่เรื่องที่แปลกหรือน่าตกใจอะไรเลยสักนิด การแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของความรักแต่เป็นเรื่องของความเหมาะสม ตระกูลของแต่ละฝ่ายจะให้ผลประโยชน์แก่กันได้มากน้อยแค่ไหน ความรักเป็นเรื่องรองลงไป หรือไม่จำเป็นเลย
นึกว่าคุณคิโชวอินจะแค่ “เอ๋ อย่างนั้นเหรอคะ” แล้วก็นั่งจิบชาต่อไป ไม่ยินดียินร้าย
เมื่อได้ยิน หัวใจในอกก็สั่นระรัวแทบควบคุมไม่ไหว ความรู้สึกยินดีไหลอาบไปทั่วร่าง เป็นเหมือนหยดน้ำรินรดในหัวใจที่แห้งผาก ชุบชีวิตให้กลับมาอีกหน
ก็ไม่ได้จะเย็นชา ไม่สนใจ หรือไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับผมไปซะหมดนี่นะ พอจะคิดได้รึเปล่านะว่ายังมีโอกาสอยู่
ยังไม่หมดหวังใช่มั้ยครับ คุณคิโชวอิน
-----------------------
ตอนนี้เขียนยากมาก พยายามเลี่ยงไม่เขียนถึงยุยโกะเพราะยังไม่รู้ว่าเอ็นโจคิดอะไรยังไง ก็เลยเว้นไว้ก่อนนะจ๊ะ