พวกผมนั่งกันอยู่จนถึงเวลาสิ้นสุดงานเทศกาลโรงเรียน ร้านของคุณคิโชวอินที่ได้ผมกับมาซายะช่วยดึงลูกค้ามาก็ดูจะขายดิบขายดี เธอเลยเดินออกมาส่งพวกผมที่หน้าห้อง มาซายะขอแยกออกไปร่วมงานเลี้ยงของห้องตัวเอง เหลือผมกับยูกิโนะที่ยังอยู่
ผมมองดูเธอคุยกับยูกิโนะ แม้จะไม่ค่อยได้พูดอะไร แต่ก็รู้สึกมีความสุข เป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างจะขัดแย้งกันเองอย่างมาก เพราะเธอก็ทำร้ายจิตใจผมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็ยังไม่เข็ดหลาบ พาตัวเองเข้าไปใกล้อยู่เรื่อย
พออยู่ใกล้ๆคุณคิโชวอิน เรื่องหดหู่หรือความน้อยอกน้อยใจที่เคยเกิดขึ้น ก็เหมือนจะหายไปไหนก็ไม่รู้ แค่ฟังเธอพูดคุย มองเธอยิ้ม ยืนอยู่ใกล้ๆแล้วเธอไม่พยายามหนี ตอนนี้ก็นับว่าดีเกินพอแล้ว
“ชู”
เสียงที่คุ้นเคย ดังมาให้ได้ยินคล้ายกับมาจากที่ไกลแสนไกล
ผมหันไปตามเสียงเรียกนั่น คาดไม่ถึงว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่
“ยุยโกะ”
ผมก้าวเข้าไปหาเธอ ยิ้มให้เป็นการขัดตาทัพ ในหัวมีแต่คำถามและความสงสัยเต็มไปหมด
คาซึรางิดูจะหลบตาผมเมื่อสอบถามว่ายุยโกะมาที่นี่ได้อย่างไร และก็เป็นไปตามที่คิด
แค่ลาเต้อาร์ทคงไม่ใช่เหตุผลเดียวที่มาที่นี่แน่ คาซึรางิคงพูดอะไรเกี่ยวกับคุณคิโชวอินไว้มากพอ ถึงได้ตรงดิ่งมาที่นี่เลยเหมือนจะรู้ว่าผมจะไปอยู่ที่ไหน
จุ้นจ้านไม่เข้าเรื่องอีกแล้วนะ คาซึรางิ
ก่อนหน้านี้ ยูกิโนะเคยเล่าให้ฟังว่าคาซึรางิไปป้วนเปี้ยนแถวฝั่งประถมทั้งที่ไม่น่าจะมีความจำเป็นอะไร ขู่ตะคอกใส่คุณคิโชวอิน จนยูกิโนะต้องออกไปช่วยเหลือ ผมเองก็สงสัยในพฤติกรรม แต่เห็นว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เลยปล่อยไปก่อน
หันหลังไปก็เห็นคุณคิโชวอินจ้องมองมาทางนี้ตาไม่กระพริบ ยูกิโนะยืนอยู่ข้างๆจับมือเธอไว้แน่น ผมเรียกน้องกลับบ้าน รู้ว่ายุยโกะต้องตามมาด้วยแน่ ควรจะรีบพาไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ดีกว่า
ผมและยูกิโนะกล่าวอำลาคุณคิโชวอิน ยุยโกะยิ้มให้เธอและคล้องแขนผมทันทีเหมือนต้องการประกาศความเป็นเจ้าของ
ยูกิโนะนิ่งเงียบไปตลอดทางไม่พูดไม่จากับใครเลย
ทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่เพราะความจุ้นจ้านของคาซึรางิแท้ๆ มันก็เลยพังพินาศไปหมด
ผมรู้สึกร้อนรน อยากอธิบายเพื่อไม่ให้เข้าใจผิด แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน เพื่อนก็ไม่ใช่ด้วยซ้ำ เป็นได้แค่คนเคยเห็นหน้าก็เท่านั้น
เธออาจจะไม่อยากรู้ก็ได้ เรื่องของผม คุณคิโชวอินไม่เคยสนใจอยู่แล้ว
ถ้าร้อนตัวไปอธิบายให้ฟัง เธอก็อาจจะตอบกลับมาแค่ “อ๋อ เหรอคะ” พยักหน้าเป็นเชิงทราบแล้ว แล้วก็ปัดเรื่องนี้ตกไปอย่างที่ผ่านมาก็เป็นได้
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังอยากบอกอยู่ดี
.
.
.
หลังวันงานโรงเรียน ผมเข้าไปที่ห้องสโมสร คุณคิโชวอินนั่งทานเค้กโรลชาเขียวอยู่ในที่ประจำของตัวเองอยู่ ท่าทางนิ่งๆไม่ยินดียินร้ายอะไรทำให้รู้สึกใจแป้วเล็กน้อย
ข่าวของผมเรื่องยุยโกะกระจายไปทั่วโรงเรียนแล้ว ไม่มีทางที่เธอจะไม่รู้หรอก
ผมเข้าไปชวนเธอคุยด้วยเรื่องยูกิโนะก่อน เป็นการโยนหินถามทาง แล้วเริ่มพูดเรื่องยูกิโนะฝึกทำลาเต้อาร์ทหลังงานโรงเรียน คุณคิโชวอินอมยิ้มนิดๆ แล้วก็ทำเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้
“จะว่าไป คาซึรางิคุงของชั้นม.ต้นก็มาเที่ยวในงานเทศกาลด้วยนี่คะ มากับผู้หญิงน่ะค่ะ”
“อ้อ…”
ตอนอยู่ที่บ้าน ผมนึกซ้อมคำพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้เยอะแยะว่าจะเริ่มต้นเอ่ยอย่างไรดี แต่เธอเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเองเช่นนี้แล้วอดที่จะแปลกใจไม่ได้ นึกว่าจะคุยแต่เรื่องยูกิโนะเสียอีก
“รู้สึกว่าเรื่องผมกับยุยโกะจะเป็นข่าวลือไปนะ”
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะคะ”
“แล้วคุณคิโชวอินสนใจด้วยเหรอ”
ผมจ้องเธอ หัวใจในอกเต้นโครมครามเหมือนตอนที่คาดหวังคำตอบที่ห้องชมรมงานฝีมือ
“เปล่านะคะ ฉันก็ไม่ได้อะไร”
คุณคิโชวอินดูจะหลบตาผมเล็กน้อย ทำท่าแบบนี้แปลว่าอยากรู้สุดๆไปเลยแหงๆ จะนับว่าเป็นปฏิกริยาที่ดีได้รึเปล่าล่ะนั่น อย่างน้อยเธอก็สนใจเรื่องผมบ้างแล้ว แม้จะเป็นในทำนองข่าวซุบซิบก็เถอะ
ผมอธิบายว่ายุยโกะเป็นญาติ คุณคิโชวอินก็พยักหน้ารับรู้แล้วทำท่าจะไม่สนใจ ถ้าไม่อธิบายเพิ่มเธอคง “งั้นเหรอคะ” แล้วก็เลิกสนใจเรื่องนี้แน่ๆ
“ดูเหมือนจะมีคนพูดว่ายุยโกะเป็นแฟนผมอยู่นะ”
“นั่นสินะคะ ฉันเองก็ได้ยินมาแบบนั้น”
“ยุยโกะไม่ใช่แฟนผมนะ”