Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับแท็ก love ปริศนา ที่ไม่ตั้งใจจะใส่มาหรอกนะ แค่มันอยู่ใกล้มือเท่านั้นเอง [แท็กที่ 12]

Last posted

Total of 1000 posts

586 Nameless Fanboi Posted ID:Eh22bnfyR

เอ็นโจ side story >>>/webnovel/3805/256-257

มาแปะเงียบๆแล้วกลับไปปั่นงานต่อ
-----------------------------

เข้าสู่งานเทศกาลวันที่สอง ผมก็ยังยืนทำลาเต้อาร์ตตามโควต้าอยู่เช่นเคย ส่วนมาซายะก็เทียวมาหาบ่อยๆ ทานแต่คุกกี้ฝีมือคุณทาคามิจิ ปฏิเสธที่จะแตะต้องของคนอื่นที่เพียรพยายามเอามาให้ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่กินของทำมือ

คุกกี้ของคุณทาคามิจิเองก็ขายดีในหมู่แฟนคลับของมาซายะ แต่เป็นไปในลักษณะที่ลองชิมแล้วก็ตินั่นตินี่ทุกอย่าง

คุณทาคามิจิไม่ได้ใส่ใจเลยสักแอะ ขลุกอยู่หลังร้าน อบขนมให้วุ่นเพราะออเดอร์ที่มีมาอย่างล้นหลามจากแฟนคลับของมาซายะ ใบหน้าดูมีความสุข คงนึกถึงค่าตอบแทนที่จะได้รับหลังจบงานอยู่แหงๆ

กำลังทำลาเต้อาร์ตให้ลูกค้าอีกรายหนึ่ง คุณทาคากิที่ไปเที่ยวชมงานกับเพื่อนก็กลับเข้ามาในห้องเพื่อมาเปลี่ยนกะให้คนอื่นออกไปเที่ยวบ้าง เขาคุยเรื่องห้องไหนออกร้านอะไร อาหารของห้องไหนอร่อย และไปคาเฟ่ชาจีนของคุณคิโชวอินมาแล้ว แต่รำคาญเสียงไวโอลีนของดิเทก็เลยหนีกลับมาก่อน

กลุ่มคนสี่คนที่ดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเด็กซุยรันเลยสักนิด ถือของพะรุงพะรังเข้ามานั่งในร้าน เปิดเมนู พูดคุยหัวเราะเฮฮากันอย่างสนุกสนาน

“อ้าว พวกอุเมวากะคุงนี่นา” คุณทาคากิเลิกคิ้ว “มาได้ยังไงเนี่ย”

อ๋อ อุเมวากะหน้าตาแบบนี้เองเหรอ

ผมมองผู้ชายผมน้ำตาลที่เจาะหู หมอนั่นดูเหมือนพวกกุ๊ยแถมยังเอะอะเสียงดัง สาวเสิร์ฟที่เป็นลูกคุณหนูของซุยรันไม่มีใครกล้าไปรับออเดอร์ คุณทาคากิที่ทำงานอยู่ตรงเคาน์เตอร์เลยต้องเดินออกไปเอง ซึ่งคนพวกนั้นก็ทักทายพูดคุยตอบกลับมา ดูท่าทางจะรู้จักกันดีพอสมควร

คุณทาคากิเดินกลับมาแล้วส่งออเดอร์ให้บาริสต้าอีกคนรับหน้าที่ไปจัดการเรื่องเครื่องดื่มกับขนม ผมมีหน้าที่แค่ทำลาเต้อาร์ตเป็นกรณีพิเศษ ไม่เข้ามายุ่งกับออเดอร์ปกติ

“ตกใจหมดเลยครับ ไม่นึกว่าพวกอุเมวากะคุงจะมาเที่ยวงานของซุยรัน” คุณทาคากิเปิดตู้หยิบเอาพวกอุปกรณ์อย่างพวกจานชามออกมาวาง “คุณคิโชวอินเชิญมาจริงๆด้วย ใช้คูปองของ Pivoine แบบนี้ สนิทกันดีจังเลยน้า”

ใช้เวลาไม่นาน ออเดอร์ของโต๊ะนั้นก็เสร็จเรียบร้อย คุณทาคากิยกออกไปเสิร์ฟ ยืนพูดคุยกันอยู่อีกครู่หนึ่งก็กลับมาทำหน้าที่ลูกมือต่อ

จากการที่คุณทาคากิไปพูดคุยเมื่อครู่นี้ก็ได้ข้อมูลมาว่าพวกนั้นกำลังจะไปหาคุณคิโชวอินเพื่อไปดูงานฝีมือที่ชมรมของเธอ พอคนกลุ่มนี้ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้อง ผมก็ถอดผ้ากันเปื้อนที่คาดเอวอยู่ออก พาดไว้กับราวแขวนด้านหลัง เดินไปหากรรมการห้อง

“พอดีรู้สึกเมื่อยมือนิดหน่อย ขอพักสักครู่นะครับ” ซึ่งก็ได้รับคำอนุญาตแต่โดยดี

ถึงจะเคยได้ยินเรื่องของอุเมวากะอะไรนั่นมาจากคุณทาคากิมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี คุณคิโชวอินอาจจะถูกหลอกอยู่ก็ได้

ในงานโรงเรียนไม่ให้ซื้อขายโดยใช้เงินสด ก็เลยต้องทำคูปองออกมาแทน Pivoine จะได้รับคูปองจำนวนมากอยู่แล้ว คุณคิโชวอินอาจจะถูกขู่โดยกลุ่มคนไม่น่าไว้วางใจพวกนั้นเพราะเห็นว่าเป็นคุณหนูของซุยรัน

ไปตรวจสอบหน่อยก็ดี ถ้าผิดปกติจะได้จัดการตั้งแต่เนิ่นๆ

ผมเดินไปยังห้องจัดงานของชมรมงานฝีมือ แถวนี้คนค่อนข้างบางตากว่าที่อื่น บรรยากาศที่เงียบๆเลยทำให้ได้ยินเสียงพูดคุยกันชัดเจน ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ แล้วก็เสียงพูดของผู้หญิงดังขึ้น กับประโยคที่ทำให้ผมชะงัก

“นี่! ตอนพวกเราเหนื่อยๆก็แวะไปพักที่คาเฟ่ แล้วก็เจอบาริสต้าสุดหล่ออย่างกับเจ้าชายด้วยนะ เท่มากๆเลยล่ะ! นั่นใครน่ะ คุณคิโชวอินรู้จักรึเปล่า...”

รู้สึกว่าจะมีคนทำคาเฟ่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ร้านกาแฟแบบห้องผม งั้นก็แปลว่ากำลังนินทาผมกันอยู่สินะ

“...น่าจะอยู่ปีเดียวกันนะ สาวๆห้อมล้อมเป็นฝูงเลย คุณคิโชวอินสนิทกับเขารึเปล่า”

ผมยืนแอบฟังคำตอบอยู่หน้าประตู ใจเต้นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ลุ้นว่าเธอจะพูดอะไรจนมือเย็นเฉียบ แทบจะยืดคอเข้าไปในห้องเพื่อฟังใกล้ๆ

“ก็แค่เคยเห็นหน้ากันน่ะค่ะ”

ผมแทบจะหมดแรงยืนอยู่ตรงนั้น

แค่เคยเห็นหน้างั้นเหรอ สิบปีที่ผ่านมา เหตุการณ์นั่นนี่ที่ทำด้วยกัน ผมก็เป็นได้แค่คนเคยเห็นหน้าสำหรับเธออย่างนั้นเหรอ สิ่งที่ผมทำไม่เคยมีค่ามีความหมายกับเธอแม้แต่นิดเดียวเลยเหรอ

อาการหัวเราะไม่ได้ ร่ำไห้ไม่ออกกำลังเกิดขึ้นกับผม รู้สึกมึนงงไปหมดเหมือนกับถูกอะไรทุบหัวเข้าให้อย่างจัง จุกอยู่ในอกจนรู้สึกขมปร่าแสบร้อนไปหมด

เสียงหัวเราะและพูดคุยยังคงดังต่อจากนั้น และคุณคิโชวอินก็หัวเราะด้วย ดูท่าทางจะไม่มีอะไรร้ายแรงให้ต้องเป็นห่วง

587 Nameless Fanboi Posted ID:Eh22bnfyR

ผมหมุนตัวกลับหลัง เดินออกไปจากตรงนั้น กลัวว่าคุณคิโชวอินออกมา ผมจะเผลอแสดงสีหน้าน่าสมเพชออกไปให้เธอเห็น

ลงบันไดไปไม่เท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังมาจากข้างบน เป็นเสียงของคุณคิโชวอินและเสียงของประธานนักเรียน ผมชะงักเท้า ลังเลอยู่เล็กน้อยว่าจะกลับไปดีหรือไม่

ประธานนักเรียนเกลียด Pivoine คุณคิโชวอินอาจจะถูกต่อว่าแรงๆก็ได้ที่พาคนพวกนั้นเข้ามา

ผมตัดสินใจยืนฟังสถานการณ์ เห็นท่าไม่ดีค่อยออกไปช่วยก็แล้วกัน

คุณคิโชวอินอธิบายกับประธานนักเรียนเรื่องกลุ่มคนพวกนั้น บอกว่าไม่ได้ถูกขู่เข็ญอะไร และเป็นเพื่อนที่โรงเรียนกวดวิชาของเธอเอง ได้ยินแล้วก็อดที่จะรู้สึกเจ็บไม่ได้

ผมน่ะ ขนาดความเป็นเพื่อนเธอยังไม่มีให้เลยนะ

ได้ฟังคำอธิบาย ดูเหมือนประธานนักเรียนจะเข้าใจได้ในที่สุด แล้วก็ไม่ได้ต่อว่าคุณคิโชวอินอะไรแรงๆแบบที่คิดไว้ เสียงที่ได้ยินก็ค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ เธอกับประธานนักเรียนคงเดินไปจากตรงนั้นแล้ว ผมเห็นว่าคงไม่มีอะไรให้กังวลอีกก็เดินจากมา ปล่อยให้จัดการกันเองต่อ

ดีแล้วล่ะที่ไม่ได้ออกไป ปัญหาทุกอย่างเธอก็จัดการแก้ไขเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้ผมช่วย

ผมไม่ได้มีค่ามีความหมายอะไรนักหรอก ทำอะไรให้ไปเธอก็คงจะรำคาญอยู่ดี

.
.
.

ทำลาเต้อีกไม่กี่แก้วก็หมดโควต้าบัตร ของอย่างอื่นก็ขายหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ ร้านปิดเร็วเกินกว่าที่คิด แถมเวลาเดินเที่ยวงานก็มีเหลือเฟือ ทุกคนก็เลยเดินออกไปเที่ยวกันแบบสบายอกสบายใจ ไร้ภาระกังวลเรื่องเปลี่ยนกะแบบวันแรก

ผมเดินเที่ยวงานกับมาซายะอย่างทุกครั้ง แต่ไม่ค่อยมีอารมณ์เอนจอยกับงานทั้งคู่ มาซายะเองก็คงอยากเดินกับคุณทาคามิจิมากกว่า บรรยากาศรอบตัวเราสองคนชักจะหดหู่อึมครึมเกินไปแล้ว

ตอนอยู่บ้าน ยูกิโนะบอกอยากเดินเที่ยวงานของฝั่งมัธยม ผมก็เลยไปรับน้องมาจากฝั่งประถม และคำแรกที่ยูกิโนะเอ่ยคือ

“อยากไปเที่ยวงานที่ห้องของคุณพี่เรย์กะจังเลยล่ะฮะ ท่านพี่พาไปหน่อยสิ”

ช่างชัดเจนถึงเจตนา เข้าเป้าตรงประเด็นไม่มีอ้อมค้อม

ก็คิดแล้วว่ายูกิโนะต้องขอให้พาไปหาคุณคิโชวอิน เจ้าเด็กนี่ทำหน้าระรื่นสุดๆ จนอดที่หมั่นไส้ไม่ได้

รู้รึเปล่าว่าคุณคิโชวอินทำอะไรไว้กับพี่ชายของนายบ้าง ผู้หญิงคนนี้น่ะใจร้ายมากเลยนะ

พอก้าวเข้าไปในห้อง ก็เห็นคุณคิโชวอินใส่ชุดกี่เพ้าดูต่างออกไปจากทุกวัน ถึงจะทำผมม้วนอย่างปกติ แต่ก็ใช่ว่าจะขัดตา ออกจะน่ารักด้วยซ้ำ

เธอหันมาเห็นพวกผมตามเสียงกรี๊ดก็ทำหน้าเซ็งๆ แต่พอยูกิโนะโผล่หน้าออกไปก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง กุลีกุจอมาต้อนรับ

“สวัสดี คุณคิโชวอิน ยูกิโนะบอกอยากมาเลยพามาหาแน่ะ วันนี้เป็นโกวเนี้ยน้อยน่ารักเชียวนะ”

ผมเอ่ยชม แต่คุณคิโชวอินก็ทำหน้าเฉยๆไม่รับรู้แล้วหันไปยิ้มให้ยูกิโนะที่เอ่ยทัก

อืม คำชมก็ไร้ประโยชน์อีกแล้ว

เธอหันมาถามผมเรื่องทำไมไม่ไปดูแลห้องตัวเอง พอบอกว่าขายหมดแล้วก็ทำหน้าแปลกๆในแบบที่ตีความไม่ออก นี่อยากจะไล่กันขนาดนั้นเชียวเหรอ

มาซายะมองซ้ายมองขวาไปทั่วร้าน พูดเรื่องไม่ประดับตกแต่งลายมังกรจะเก็บไม่ครบซีรีย์นักษัตร คุณคิโชวอินทำหน้านิ่งแล้วตอบห้วนๆว่าไม่มีความทะเยอทะยานพรรค์นั้น ทำเอาหลุดขำออกมาแบบอดไม่ได้

คุณคิโชวอินมองค้อนใส่ผมหนึ่งทีก่อนจะหันไปหายูกิโนะ ไม่ยอมพูดด้วยอีกพักใหญ่ๆ

ชาที่สั่งมาเสิร์ฟถึงที่ แล้วก็มีขนมเปี๊ยะแถมมาให้ด้วยทั้งที่ไม่มีในเซ็ต ถ้าเป็นคนอื่นผมจะคิดว่าเป็นความพิเศษ แต่ถ้าเป็นคุณคิโชวอินที่ปฏิบัติกับผมและมาซายะเป็นพลเมืองชั้นสอง ผมเลยคิดว่ามันเป็นของที่เหลืออยู่เยอะเลยแถมมาด้วยเพื่อให้มันหมดๆไปมากกว่า

แต่เขาให้มาก็ต้องถือโอกาสน้อมรับน้ำใจนี้เอาไว้ ผมนั่งจิบชาทานแกล้มกับขนมเปี๊ยะ มองเธอคุยกับยูกิโนะเรื่องชาบุปผาคลี่ที่พอใส่ก้อนชากลมๆลงไปในน้ำร้อน ก็ค่อยๆคลี่คลายตัวออกมาเป็นดอกไม้ที่เบ่งบานเต็มที่

มาซายะจิบชาอย่างเดียว เก็บขนมเปี๊ยะที่เสิร์ฟมาใส่กระเป๋า และบอกว่าไม่เอาขนมหวานแล้ว

ก็แหงสิ มานั่งทานคุกกี้ของคุณทาคามิจิจนเต็มคราบขนาดนั้น จะไม่อยากทานของหวานอีกก็ไม่แปลก

588 Nameless Fanboi Posted ID:Eh22bnfyR

พวกผมนั่งกันอยู่จนถึงเวลาสิ้นสุดงานเทศกาลโรงเรียน ร้านของคุณคิโชวอินที่ได้ผมกับมาซายะช่วยดึงลูกค้ามาก็ดูจะขายดิบขายดี เธอเลยเดินออกมาส่งพวกผมที่หน้าห้อง มาซายะขอแยกออกไปร่วมงานเลี้ยงของห้องตัวเอง เหลือผมกับยูกิโนะที่ยังอยู่

ผมมองดูเธอคุยกับยูกิโนะ แม้จะไม่ค่อยได้พูดอะไร แต่ก็รู้สึกมีความสุข เป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างจะขัดแย้งกันเองอย่างมาก เพราะเธอก็ทำร้ายจิตใจผมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็ยังไม่เข็ดหลาบ พาตัวเองเข้าไปใกล้อยู่เรื่อย

พออยู่ใกล้ๆคุณคิโชวอิน เรื่องหดหู่หรือความน้อยอกน้อยใจที่เคยเกิดขึ้น ก็เหมือนจะหายไปไหนก็ไม่รู้ แค่ฟังเธอพูดคุย มองเธอยิ้ม ยืนอยู่ใกล้ๆแล้วเธอไม่พยายามหนี ตอนนี้ก็นับว่าดีเกินพอแล้ว

“ชู”

เสียงที่คุ้นเคย ดังมาให้ได้ยินคล้ายกับมาจากที่ไกลแสนไกล

ผมหันไปตามเสียงเรียกนั่น คาดไม่ถึงว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่

“ยุยโกะ”

ผมก้าวเข้าไปหาเธอ ยิ้มให้เป็นการขัดตาทัพ ในหัวมีแต่คำถามและความสงสัยเต็มไปหมด

คาซึรางิดูจะหลบตาผมเมื่อสอบถามว่ายุยโกะมาที่นี่ได้อย่างไร และก็เป็นไปตามที่คิด

แค่ลาเต้อาร์ทคงไม่ใช่เหตุผลเดียวที่มาที่นี่แน่ คาซึรางิคงพูดอะไรเกี่ยวกับคุณคิโชวอินไว้มากพอ ถึงได้ตรงดิ่งมาที่นี่เลยเหมือนจะรู้ว่าผมจะไปอยู่ที่ไหน

จุ้นจ้านไม่เข้าเรื่องอีกแล้วนะ คาซึรางิ

ก่อนหน้านี้ ยูกิโนะเคยเล่าให้ฟังว่าคาซึรางิไปป้วนเปี้ยนแถวฝั่งประถมทั้งที่ไม่น่าจะมีความจำเป็นอะไร ขู่ตะคอกใส่คุณคิโชวอิน จนยูกิโนะต้องออกไปช่วยเหลือ ผมเองก็สงสัยในพฤติกรรม แต่เห็นว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เลยปล่อยไปก่อน

หันหลังไปก็เห็นคุณคิโชวอินจ้องมองมาทางนี้ตาไม่กระพริบ ยูกิโนะยืนอยู่ข้างๆจับมือเธอไว้แน่น ผมเรียกน้องกลับบ้าน รู้ว่ายุยโกะต้องตามมาด้วยแน่ ควรจะรีบพาไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ดีกว่า

ผมและยูกิโนะกล่าวอำลาคุณคิโชวอิน ยุยโกะยิ้มให้เธอและคล้องแขนผมทันทีเหมือนต้องการประกาศความเป็นเจ้าของ

ยูกิโนะนิ่งเงียบไปตลอดทางไม่พูดไม่จากับใครเลย

ทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่เพราะความจุ้นจ้านของคาซึรางิแท้ๆ มันก็เลยพังพินาศไปหมด

ผมรู้สึกร้อนรน อยากอธิบายเพื่อไม่ให้เข้าใจผิด แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน เพื่อนก็ไม่ใช่ด้วยซ้ำ เป็นได้แค่คนเคยเห็นหน้าก็เท่านั้น

เธออาจจะไม่อยากรู้ก็ได้ เรื่องของผม คุณคิโชวอินไม่เคยสนใจอยู่แล้ว

ถ้าร้อนตัวไปอธิบายให้ฟัง เธอก็อาจจะตอบกลับมาแค่ “อ๋อ เหรอคะ” พยักหน้าเป็นเชิงทราบแล้ว แล้วก็ปัดเรื่องนี้ตกไปอย่างที่ผ่านมาก็เป็นได้

แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังอยากบอกอยู่ดี

.
.
.

หลังวันงานโรงเรียน ผมเข้าไปที่ห้องสโมสร คุณคิโชวอินนั่งทานเค้กโรลชาเขียวอยู่ในที่ประจำของตัวเองอยู่ ท่าทางนิ่งๆไม่ยินดียินร้ายอะไรทำให้รู้สึกใจแป้วเล็กน้อย

ข่าวของผมเรื่องยุยโกะกระจายไปทั่วโรงเรียนแล้ว ไม่มีทางที่เธอจะไม่รู้หรอก

ผมเข้าไปชวนเธอคุยด้วยเรื่องยูกิโนะก่อน เป็นการโยนหินถามทาง แล้วเริ่มพูดเรื่องยูกิโนะฝึกทำลาเต้อาร์ทหลังงานโรงเรียน คุณคิโชวอินอมยิ้มนิดๆ แล้วก็ทำเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้

“จะว่าไป คาซึรางิคุงของชั้นม.ต้นก็มาเที่ยวในงานเทศกาลด้วยนี่คะ มากับผู้หญิงน่ะค่ะ”

“อ้อ…”

ตอนอยู่ที่บ้าน ผมนึกซ้อมคำพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้เยอะแยะว่าจะเริ่มต้นเอ่ยอย่างไรดี แต่เธอเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเองเช่นนี้แล้วอดที่จะแปลกใจไม่ได้ นึกว่าจะคุยแต่เรื่องยูกิโนะเสียอีก

“รู้สึกว่าเรื่องผมกับยุยโกะจะเป็นข่าวลือไปนะ”

“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะคะ”

“แล้วคุณคิโชวอินสนใจด้วยเหรอ”

ผมจ้องเธอ หัวใจในอกเต้นโครมครามเหมือนตอนที่คาดหวังคำตอบที่ห้องชมรมงานฝีมือ

“เปล่านะคะ ฉันก็ไม่ได้อะไร”

คุณคิโชวอินดูจะหลบตาผมเล็กน้อย ทำท่าแบบนี้แปลว่าอยากรู้สุดๆไปเลยแหงๆ จะนับว่าเป็นปฏิกริยาที่ดีได้รึเปล่าล่ะนั่น อย่างน้อยเธอก็สนใจเรื่องผมบ้างแล้ว แม้จะเป็นในทำนองข่าวซุบซิบก็เถอะ

ผมอธิบายว่ายุยโกะเป็นญาติ คุณคิโชวอินก็พยักหน้ารับรู้แล้วทำท่าจะไม่สนใจ ถ้าไม่อธิบายเพิ่มเธอคง “งั้นเหรอคะ” แล้วก็เลิกสนใจเรื่องนี้แน่ๆ

“ดูเหมือนจะมีคนพูดว่ายุยโกะเป็นแฟนผมอยู่นะ”

“นั่นสินะคะ ฉันเองก็ได้ยินมาแบบนั้น”

“ยุยโกะไม่ใช่แฟนผมนะ”

589 Nameless Fanboi Posted ID:Eh22bnfyR

คุณคิโชวอินทำตาโตอย่างตกใจที่ได้ยินแบบนั้น ผมลอบสังเกตปฏิกริยาทุกอย่าง แม้ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ผมรู้สึกว่ามันมีบางอย่างแตกต่างออกไปจากเดิม

เธอฟ้องว่าคาซึรางิมาพูดอะไรบ้างในงานวันนั้น ที่หมอนั่นยืนโอ้เอ้รอให้ผมเดินไปก่อนก็เพื่อจะพูดกับคุณคิโชวอินด้วยเรื่องไร้สาระนี่สินะ

คาซึรางิหลงยุยโกะหัวปักหัวปำมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำตัวปกป้องพิทักษ์เหมือนองครักษ์ดูแลเจ้าหญิง ทั้งที่ตัวเองก็เอาตัวไม่รอดแท้ๆ

พอพูดเรื่องนี้ไป คุณคิโชวอินก็พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย คงดูออกสินะว่าหมอนี่หลงรักยุยโกะอยู่ แล้วผมที่อยู่ใกล้ขนาดนี้ ทำไมคุณถึงดูไม่ออกกันนะ

“แต่ไม่ใช่แฟนหรอกนะ”

“ค่ะ”

คุณคิโชวอินพยักหน้า ตั้งอกตั้งใจฟัง ทำท่าเหมือนกำลังลุ้นอะไรบางอย่าง แกล้งซักหน่อยจะดีมั้ยนะ

ดีสิ

เสียงในใจผมพยักหน้าให้อย่างชั่วร้ายในทันที ถือว่าเป็นการเอาคืนจาก “คนเคยเห็นหน้า” ก็แล้วกัน

“เป็นคู่หมั้นต่างหาก”

“ค๊าาาาาาาา!?”

ปฏิกริยาที่ได้ออกจะเกินคาดไปมากโข ไม่สิ ไม่ได้คิดไว้เลยต่างหากว่าจะออกมาเป็นแบบนี้

คุณคิโชวอินมักจะรักษากริยามารยาทของคุณหนูอยู่เสมอ แม้จะมีใครทำให้ตกใจก็จะสะดุ้งแค่นิดๆแล้วก็เอารอยยิ้มมากลบเกลื่อน แต่ตอนนี้กลับตาเบิกกว้าง อ้าปากค้าง และส่งเสียงแหลมๆแปลกๆออกมา

ตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ

ผมขำพรืดออกมาแบบไม่คิดจะเก็บอาการ

“ค๊าาาาาา!? งั้นเหรอ คุณคิโชวอิน เมื่อกี้ทำหน้าได้สุดๆไปเลยนะ แอบเชื่อไปแล้วล่ะสิ”

“ห๊ะ” คุณคิโชวอินชะงักทันควันเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก สีหน้าดูสับสน

แม้จะสนุกแค่ไหน แต่การล้อเล่นก็ไม่ควรจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ผมเข้าเรื่องที่ต้องการอธิบายทันทีไม่มีอ้อมค้อม

“พูดให้ถูกคือ ว่าที่คู่หมั้นน่ะ”

คุณคิโชวอินนั่งฟังผมพูดเรื่องนี้ พอบอกว่า เป็นเรื่องที่พวกผู้ใหญ่คุยกันไว้นานแล้ว แต่ยังไม่ได้ตกลงกันเป็นทางการก็ทำหน้าเลื่อนลอยแปลกๆ

คิดอะไรอยู่ในใจกันแน่นะ
.
.
.

ตอนนี้ผมนั่งอยู่คนเดียว จมดิ่งลงไปในความคิดของตัวเอง แต่ไม่รู้สึกหมองหม่นแบบเมื่อวันก่อนๆ

ก่อนพูดกับเธอ ผมนึกเดิมพันอยู่ในใจว่าเธอจะสนใจผมบ้างหรือไม่ ถ้าหากไม่ ผมก็คงจะคิดเรื่องตัดใจอย่างจริงๆจังๆ ไม่ปล่อยให้เป็นความคิดชั่ววูบแบบที่แล้วมาอีกต่อไป

จากเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา เห็นได้ว่าเธอไม่ยินดียินร้ายผมเลยแม้แต่นิดเดียว ทำอะไรให้ไปก็ไม่เคยเห็นค่า ไม่เคยมีความหมาย จะพูดหรือบอกอะไรก็เอาแต่หนี คิดว่าครั้งนี้คงไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ความหวังที่เคยมีก็ดูริบหรี่แทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า จนแทบหมดหวัง

แต่มันผิดคาดไปหมด

ผมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ปฏิกริยาของเธอเมื่อครู่ ต่างไปจากตอนที่ฟังเรื่องของยูริเอะกับมาซายะ

เรื่องของมาซายะ เธอดูอยากรู้อยากเห็น แต่พอจะเล่าให้ฟังก็ไม่ยอมฟัง หนีไปซะดื้อๆ น้อยครั้งที่จะยอมอยู่ฟัง

พอเรื่องของผม เหมือนจะเห็นแววตาประหลาดบางอย่างที่ผมอยากเรียกว่าความคาดหวัง และเมื่อพูดว่าเป็นคู่หมั้น เธอดูตกใจเอามากๆจนแสดงกริยานั้นออกมา

สำหรับผม แค่ “ค๊าาา!?” เมื่อครู่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ถ้าอยู่ในวงสังคมชั้นสูง เรื่องคู่หมั้นไม่ใช่เรื่องที่แปลกหรือน่าตกใจอะไรเลยสักนิด การแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของความรักแต่เป็นเรื่องของความเหมาะสม ตระกูลของแต่ละฝ่ายจะให้ผลประโยชน์แก่กันได้มากน้อยแค่ไหน ความรักเป็นเรื่องรองลงไป หรือไม่จำเป็นเลย

นึกว่าคุณคิโชวอินจะแค่ “เอ๋ อย่างนั้นเหรอคะ” แล้วก็นั่งจิบชาต่อไป ไม่ยินดียินร้าย

เมื่อได้ยิน หัวใจในอกก็สั่นระรัวแทบควบคุมไม่ไหว ความรู้สึกยินดีไหลอาบไปทั่วร่าง เป็นเหมือนหยดน้ำรินรดในหัวใจที่แห้งผาก ชุบชีวิตให้กลับมาอีกหน

ก็ไม่ได้จะเย็นชา ไม่สนใจ หรือไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับผมไปซะหมดนี่นะ พอจะคิดได้รึเปล่านะว่ายังมีโอกาสอยู่

ยังไม่หมดหวังใช่มั้ยครับ คุณคิโชวอิน

-----------------------

ตอนนี้เขียนยากมาก พยายามเลี่ยงไม่เขียนถึงยุยโกะเพราะยังไม่รู้ว่าเอ็นโจคิดอะไรยังไง ก็เลยเว้นไว้ก่อนนะจ๊ะ

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.