อ่านตอนนี้แล้วแอบคาใจ ท่านพี่ยังไม่กลับบ้านงั้นก็น่าจะยังไม่รู้ว่าฝีมือทำขนมท่านเรย์กะเลเวลอัพแล้วสินะ
ถ้าท่านพี่รู้ว่าอิมาริได้ช็อกโกแลตจากท่านเรย์กะแล้วจะห้ามไม่ให้กิน (เพราะหวงน้อง) หรือจะปล่อยให้กิน (จะได้เข็ด) กันนะ......
อ่านตอนนี้แล้วแอบคาใจ ท่านพี่ยังไม่กลับบ้านงั้นก็น่าจะยังไม่รู้ว่าฝีมือทำขนมท่านเรย์กะเลเวลอัพแล้วสินะ
ถ้าท่านพี่รู้ว่าอิมาริได้ช็อกโกแลตจากท่านเรย์กะแล้วจะห้ามไม่ให้กิน (เพราะหวงน้อง) หรือจะปล่อยให้กิน (จะได้เข็ด) กันนะ......
พวกมึงบรรยายกันซะ รัศมีจอมมารเหลือแค่รัศมีพลทหารที่หลงสาวหัวปักหัวปำเลยนะ55555
เอาดีๆ วาเลนไทน์นี่ท่านพี่กลับดึกๆ หรือกลับเช้า... กูอ่านตอนล่าสุดนี้แล้วนึกไปว่าเช้าแหงๆ นี่คือกูจิตอกุศลมากไปปะ.... แค่กๆ
ชอบท่านเรย์กะกับทานูกิตอนนี้ ช่างน่ารักจริงๆ โถ คิดว่ากินไม่ได้ ก็ยังอุตส่าห์กินให้ลูกสาวเนอะ คะยั้นคะยอให้กินแบบนี้สิ ถึงให้ไปบอกใครๆ ว่าลูกสาวติดพ่อ เป็นฟาเธอร์คอน
โอ๊ย อ่านตอนนี้กูนึกว่าอ่านฟิคกาว ที่เอ็นโจเอายูกิโนะคุงมาอ้างจะได้ช็อกโกแล็ตวาเลนไทน์จากเรย์กะ T//////T
ปล. ท่านพี่ไปเดทวาเลนไทน์กับท่านอิมาริหราคะ
>>566 ต้องมีสักวัน~ต้องมีสักวัน~
ถ้าฮิโยโกะซามะไม่ยิงเรือทิ้งล่ะก็นะ ;w;
ky ไปเจอฟิคหนึ่งเดียวใน pixiv แต่อ่านไม่ออกว่ะ
https://www.pixiv.net/novel/show.php?id=8092335
โทษที คือ ky หมายถึงอะไรนะเจอหลายครั้ง
>>568 เท่าที่อ่านจับใจความได้คร่าวๆคืออ คาบุ เอ็นโจ เรยย์กะไปสวนสนุกกันสามคน คาบุขอบคุณทั้งสองคนที่มาเป็นเพื่อนด้วยกัน หลังจากนั้น เอ็นโจก็ขอบคุณเรยย์กะที่ยอมมา "ดับเบิ้ลเดท" วันนี้ พร้อมกับวาคาบะจังที่พึ่งมาถึง เรยย์กะก็ติดสตั๊นไป หวีดร้องในใจว่า เชี่ยไรเนี่ย แล้วนางก็ ตื่น สรุปทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน จบเรื่องที่นางกรีดร้องในใจขอให้ท่านพี่ช่วยจากคำสาปของเอ็นโจ 555
ไม่สนแต่งฟิคเรย์กะกลับไำปเป็นเด็กอีกครั้งบ้างเหรอ??
ท่านฮิโยโกะ รู้เกี่ยวกับ เรื่องรสนิยม แบรนด์ ดอกไม้ พวกแนวๆผู้ดีเยอะ ความรู้โคตรเยอะ ไม่ใช่ว่าตัวจริงเป็นลูกคุณหนูตัวจริงแบบท่านเรย์กะนะ
>>584 ก็ดูไฮโซแบบมีรสนิยมจริงๆ นะ อย่างตอนล่าสุดนี่มีเครื่องหอมมานี่ดูลองไปหาดูมีรีวิวด้วย ไฮโซค่อด http://2g.pantip.com/cafe/woman/topic/Q13125999/Q13125999.html
เอ็นโจ side story >>>/webnovel/3805/256-257
มาแปะเงียบๆแล้วกลับไปปั่นงานต่อ
-----------------------------
เข้าสู่งานเทศกาลวันที่สอง ผมก็ยังยืนทำลาเต้อาร์ตตามโควต้าอยู่เช่นเคย ส่วนมาซายะก็เทียวมาหาบ่อยๆ ทานแต่คุกกี้ฝีมือคุณทาคามิจิ ปฏิเสธที่จะแตะต้องของคนอื่นที่เพียรพยายามเอามาให้ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่กินของทำมือ
คุกกี้ของคุณทาคามิจิเองก็ขายดีในหมู่แฟนคลับของมาซายะ แต่เป็นไปในลักษณะที่ลองชิมแล้วก็ตินั่นตินี่ทุกอย่าง
คุณทาคามิจิไม่ได้ใส่ใจเลยสักแอะ ขลุกอยู่หลังร้าน อบขนมให้วุ่นเพราะออเดอร์ที่มีมาอย่างล้นหลามจากแฟนคลับของมาซายะ ใบหน้าดูมีความสุข คงนึกถึงค่าตอบแทนที่จะได้รับหลังจบงานอยู่แหงๆ
กำลังทำลาเต้อาร์ตให้ลูกค้าอีกรายหนึ่ง คุณทาคากิที่ไปเที่ยวชมงานกับเพื่อนก็กลับเข้ามาในห้องเพื่อมาเปลี่ยนกะให้คนอื่นออกไปเที่ยวบ้าง เขาคุยเรื่องห้องไหนออกร้านอะไร อาหารของห้องไหนอร่อย และไปคาเฟ่ชาจีนของคุณคิโชวอินมาแล้ว แต่รำคาญเสียงไวโอลีนของดิเทก็เลยหนีกลับมาก่อน
กลุ่มคนสี่คนที่ดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเด็กซุยรันเลยสักนิด ถือของพะรุงพะรังเข้ามานั่งในร้าน เปิดเมนู พูดคุยหัวเราะเฮฮากันอย่างสนุกสนาน
“อ้าว พวกอุเมวากะคุงนี่นา” คุณทาคากิเลิกคิ้ว “มาได้ยังไงเนี่ย”
อ๋อ อุเมวากะหน้าตาแบบนี้เองเหรอ
ผมมองผู้ชายผมน้ำตาลที่เจาะหู หมอนั่นดูเหมือนพวกกุ๊ยแถมยังเอะอะเสียงดัง สาวเสิร์ฟที่เป็นลูกคุณหนูของซุยรันไม่มีใครกล้าไปรับออเดอร์ คุณทาคากิที่ทำงานอยู่ตรงเคาน์เตอร์เลยต้องเดินออกไปเอง ซึ่งคนพวกนั้นก็ทักทายพูดคุยตอบกลับมา ดูท่าทางจะรู้จักกันดีพอสมควร
คุณทาคากิเดินกลับมาแล้วส่งออเดอร์ให้บาริสต้าอีกคนรับหน้าที่ไปจัดการเรื่องเครื่องดื่มกับขนม ผมมีหน้าที่แค่ทำลาเต้อาร์ตเป็นกรณีพิเศษ ไม่เข้ามายุ่งกับออเดอร์ปกติ
“ตกใจหมดเลยครับ ไม่นึกว่าพวกอุเมวากะคุงจะมาเที่ยวงานของซุยรัน” คุณทาคากิเปิดตู้หยิบเอาพวกอุปกรณ์อย่างพวกจานชามออกมาวาง “คุณคิโชวอินเชิญมาจริงๆด้วย ใช้คูปองของ Pivoine แบบนี้ สนิทกันดีจังเลยน้า”
ใช้เวลาไม่นาน ออเดอร์ของโต๊ะนั้นก็เสร็จเรียบร้อย คุณทาคากิยกออกไปเสิร์ฟ ยืนพูดคุยกันอยู่อีกครู่หนึ่งก็กลับมาทำหน้าที่ลูกมือต่อ
จากการที่คุณทาคากิไปพูดคุยเมื่อครู่นี้ก็ได้ข้อมูลมาว่าพวกนั้นกำลังจะไปหาคุณคิโชวอินเพื่อไปดูงานฝีมือที่ชมรมของเธอ พอคนกลุ่มนี้ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้อง ผมก็ถอดผ้ากันเปื้อนที่คาดเอวอยู่ออก พาดไว้กับราวแขวนด้านหลัง เดินไปหากรรมการห้อง
“พอดีรู้สึกเมื่อยมือนิดหน่อย ขอพักสักครู่นะครับ” ซึ่งก็ได้รับคำอนุญาตแต่โดยดี
ถึงจะเคยได้ยินเรื่องของอุเมวากะอะไรนั่นมาจากคุณทาคากิมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี คุณคิโชวอินอาจจะถูกหลอกอยู่ก็ได้
ในงานโรงเรียนไม่ให้ซื้อขายโดยใช้เงินสด ก็เลยต้องทำคูปองออกมาแทน Pivoine จะได้รับคูปองจำนวนมากอยู่แล้ว คุณคิโชวอินอาจจะถูกขู่โดยกลุ่มคนไม่น่าไว้วางใจพวกนั้นเพราะเห็นว่าเป็นคุณหนูของซุยรัน
ไปตรวจสอบหน่อยก็ดี ถ้าผิดปกติจะได้จัดการตั้งแต่เนิ่นๆ
ผมเดินไปยังห้องจัดงานของชมรมงานฝีมือ แถวนี้คนค่อนข้างบางตากว่าที่อื่น บรรยากาศที่เงียบๆเลยทำให้ได้ยินเสียงพูดคุยกันชัดเจน ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ แล้วก็เสียงพูดของผู้หญิงดังขึ้น กับประโยคที่ทำให้ผมชะงัก
“นี่! ตอนพวกเราเหนื่อยๆก็แวะไปพักที่คาเฟ่ แล้วก็เจอบาริสต้าสุดหล่ออย่างกับเจ้าชายด้วยนะ เท่มากๆเลยล่ะ! นั่นใครน่ะ คุณคิโชวอินรู้จักรึเปล่า...”
รู้สึกว่าจะมีคนทำคาเฟ่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ร้านกาแฟแบบห้องผม งั้นก็แปลว่ากำลังนินทาผมกันอยู่สินะ
“...น่าจะอยู่ปีเดียวกันนะ สาวๆห้อมล้อมเป็นฝูงเลย คุณคิโชวอินสนิทกับเขารึเปล่า”
ผมยืนแอบฟังคำตอบอยู่หน้าประตู ใจเต้นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ลุ้นว่าเธอจะพูดอะไรจนมือเย็นเฉียบ แทบจะยืดคอเข้าไปในห้องเพื่อฟังใกล้ๆ
“ก็แค่เคยเห็นหน้ากันน่ะค่ะ”
ผมแทบจะหมดแรงยืนอยู่ตรงนั้น
แค่เคยเห็นหน้างั้นเหรอ สิบปีที่ผ่านมา เหตุการณ์นั่นนี่ที่ทำด้วยกัน ผมก็เป็นได้แค่คนเคยเห็นหน้าสำหรับเธออย่างนั้นเหรอ สิ่งที่ผมทำไม่เคยมีค่ามีความหมายกับเธอแม้แต่นิดเดียวเลยเหรอ
อาการหัวเราะไม่ได้ ร่ำไห้ไม่ออกกำลังเกิดขึ้นกับผม รู้สึกมึนงงไปหมดเหมือนกับถูกอะไรทุบหัวเข้าให้อย่างจัง จุกอยู่ในอกจนรู้สึกขมปร่าแสบร้อนไปหมด
เสียงหัวเราะและพูดคุยยังคงดังต่อจากนั้น และคุณคิโชวอินก็หัวเราะด้วย ดูท่าทางจะไม่มีอะไรร้ายแรงให้ต้องเป็นห่วง
ผมหมุนตัวกลับหลัง เดินออกไปจากตรงนั้น กลัวว่าคุณคิโชวอินออกมา ผมจะเผลอแสดงสีหน้าน่าสมเพชออกไปให้เธอเห็น
ลงบันไดไปไม่เท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังมาจากข้างบน เป็นเสียงของคุณคิโชวอินและเสียงของประธานนักเรียน ผมชะงักเท้า ลังเลอยู่เล็กน้อยว่าจะกลับไปดีหรือไม่
ประธานนักเรียนเกลียด Pivoine คุณคิโชวอินอาจจะถูกต่อว่าแรงๆก็ได้ที่พาคนพวกนั้นเข้ามา
ผมตัดสินใจยืนฟังสถานการณ์ เห็นท่าไม่ดีค่อยออกไปช่วยก็แล้วกัน
คุณคิโชวอินอธิบายกับประธานนักเรียนเรื่องกลุ่มคนพวกนั้น บอกว่าไม่ได้ถูกขู่เข็ญอะไร และเป็นเพื่อนที่โรงเรียนกวดวิชาของเธอเอง ได้ยินแล้วก็อดที่จะรู้สึกเจ็บไม่ได้
ผมน่ะ ขนาดความเป็นเพื่อนเธอยังไม่มีให้เลยนะ
ได้ฟังคำอธิบาย ดูเหมือนประธานนักเรียนจะเข้าใจได้ในที่สุด แล้วก็ไม่ได้ต่อว่าคุณคิโชวอินอะไรแรงๆแบบที่คิดไว้ เสียงที่ได้ยินก็ค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ เธอกับประธานนักเรียนคงเดินไปจากตรงนั้นแล้ว ผมเห็นว่าคงไม่มีอะไรให้กังวลอีกก็เดินจากมา ปล่อยให้จัดการกันเองต่อ
ดีแล้วล่ะที่ไม่ได้ออกไป ปัญหาทุกอย่างเธอก็จัดการแก้ไขเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้ผมช่วย
ผมไม่ได้มีค่ามีความหมายอะไรนักหรอก ทำอะไรให้ไปเธอก็คงจะรำคาญอยู่ดี
.
.
.
ทำลาเต้อีกไม่กี่แก้วก็หมดโควต้าบัตร ของอย่างอื่นก็ขายหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ ร้านปิดเร็วเกินกว่าที่คิด แถมเวลาเดินเที่ยวงานก็มีเหลือเฟือ ทุกคนก็เลยเดินออกไปเที่ยวกันแบบสบายอกสบายใจ ไร้ภาระกังวลเรื่องเปลี่ยนกะแบบวันแรก
ผมเดินเที่ยวงานกับมาซายะอย่างทุกครั้ง แต่ไม่ค่อยมีอารมณ์เอนจอยกับงานทั้งคู่ มาซายะเองก็คงอยากเดินกับคุณทาคามิจิมากกว่า บรรยากาศรอบตัวเราสองคนชักจะหดหู่อึมครึมเกินไปแล้ว
ตอนอยู่บ้าน ยูกิโนะบอกอยากเดินเที่ยวงานของฝั่งมัธยม ผมก็เลยไปรับน้องมาจากฝั่งประถม และคำแรกที่ยูกิโนะเอ่ยคือ
“อยากไปเที่ยวงานที่ห้องของคุณพี่เรย์กะจังเลยล่ะฮะ ท่านพี่พาไปหน่อยสิ”
ช่างชัดเจนถึงเจตนา เข้าเป้าตรงประเด็นไม่มีอ้อมค้อม
ก็คิดแล้วว่ายูกิโนะต้องขอให้พาไปหาคุณคิโชวอิน เจ้าเด็กนี่ทำหน้าระรื่นสุดๆ จนอดที่หมั่นไส้ไม่ได้
รู้รึเปล่าว่าคุณคิโชวอินทำอะไรไว้กับพี่ชายของนายบ้าง ผู้หญิงคนนี้น่ะใจร้ายมากเลยนะ
พอก้าวเข้าไปในห้อง ก็เห็นคุณคิโชวอินใส่ชุดกี่เพ้าดูต่างออกไปจากทุกวัน ถึงจะทำผมม้วนอย่างปกติ แต่ก็ใช่ว่าจะขัดตา ออกจะน่ารักด้วยซ้ำ
เธอหันมาเห็นพวกผมตามเสียงกรี๊ดก็ทำหน้าเซ็งๆ แต่พอยูกิโนะโผล่หน้าออกไปก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง กุลีกุจอมาต้อนรับ
“สวัสดี คุณคิโชวอิน ยูกิโนะบอกอยากมาเลยพามาหาแน่ะ วันนี้เป็นโกวเนี้ยน้อยน่ารักเชียวนะ”
ผมเอ่ยชม แต่คุณคิโชวอินก็ทำหน้าเฉยๆไม่รับรู้แล้วหันไปยิ้มให้ยูกิโนะที่เอ่ยทัก
อืม คำชมก็ไร้ประโยชน์อีกแล้ว
เธอหันมาถามผมเรื่องทำไมไม่ไปดูแลห้องตัวเอง พอบอกว่าขายหมดแล้วก็ทำหน้าแปลกๆในแบบที่ตีความไม่ออก นี่อยากจะไล่กันขนาดนั้นเชียวเหรอ
มาซายะมองซ้ายมองขวาไปทั่วร้าน พูดเรื่องไม่ประดับตกแต่งลายมังกรจะเก็บไม่ครบซีรีย์นักษัตร คุณคิโชวอินทำหน้านิ่งแล้วตอบห้วนๆว่าไม่มีความทะเยอทะยานพรรค์นั้น ทำเอาหลุดขำออกมาแบบอดไม่ได้
คุณคิโชวอินมองค้อนใส่ผมหนึ่งทีก่อนจะหันไปหายูกิโนะ ไม่ยอมพูดด้วยอีกพักใหญ่ๆ
ชาที่สั่งมาเสิร์ฟถึงที่ แล้วก็มีขนมเปี๊ยะแถมมาให้ด้วยทั้งที่ไม่มีในเซ็ต ถ้าเป็นคนอื่นผมจะคิดว่าเป็นความพิเศษ แต่ถ้าเป็นคุณคิโชวอินที่ปฏิบัติกับผมและมาซายะเป็นพลเมืองชั้นสอง ผมเลยคิดว่ามันเป็นของที่เหลืออยู่เยอะเลยแถมมาด้วยเพื่อให้มันหมดๆไปมากกว่า
แต่เขาให้มาก็ต้องถือโอกาสน้อมรับน้ำใจนี้เอาไว้ ผมนั่งจิบชาทานแกล้มกับขนมเปี๊ยะ มองเธอคุยกับยูกิโนะเรื่องชาบุปผาคลี่ที่พอใส่ก้อนชากลมๆลงไปในน้ำร้อน ก็ค่อยๆคลี่คลายตัวออกมาเป็นดอกไม้ที่เบ่งบานเต็มที่
มาซายะจิบชาอย่างเดียว เก็บขนมเปี๊ยะที่เสิร์ฟมาใส่กระเป๋า และบอกว่าไม่เอาขนมหวานแล้ว
ก็แหงสิ มานั่งทานคุกกี้ของคุณทาคามิจิจนเต็มคราบขนาดนั้น จะไม่อยากทานของหวานอีกก็ไม่แปลก
พวกผมนั่งกันอยู่จนถึงเวลาสิ้นสุดงานเทศกาลโรงเรียน ร้านของคุณคิโชวอินที่ได้ผมกับมาซายะช่วยดึงลูกค้ามาก็ดูจะขายดิบขายดี เธอเลยเดินออกมาส่งพวกผมที่หน้าห้อง มาซายะขอแยกออกไปร่วมงานเลี้ยงของห้องตัวเอง เหลือผมกับยูกิโนะที่ยังอยู่
ผมมองดูเธอคุยกับยูกิโนะ แม้จะไม่ค่อยได้พูดอะไร แต่ก็รู้สึกมีความสุข เป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างจะขัดแย้งกันเองอย่างมาก เพราะเธอก็ทำร้ายจิตใจผมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็ยังไม่เข็ดหลาบ พาตัวเองเข้าไปใกล้อยู่เรื่อย
พออยู่ใกล้ๆคุณคิโชวอิน เรื่องหดหู่หรือความน้อยอกน้อยใจที่เคยเกิดขึ้น ก็เหมือนจะหายไปไหนก็ไม่รู้ แค่ฟังเธอพูดคุย มองเธอยิ้ม ยืนอยู่ใกล้ๆแล้วเธอไม่พยายามหนี ตอนนี้ก็นับว่าดีเกินพอแล้ว
“ชู”
เสียงที่คุ้นเคย ดังมาให้ได้ยินคล้ายกับมาจากที่ไกลแสนไกล
ผมหันไปตามเสียงเรียกนั่น คาดไม่ถึงว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่
“ยุยโกะ”
ผมก้าวเข้าไปหาเธอ ยิ้มให้เป็นการขัดตาทัพ ในหัวมีแต่คำถามและความสงสัยเต็มไปหมด
คาซึรางิดูจะหลบตาผมเมื่อสอบถามว่ายุยโกะมาที่นี่ได้อย่างไร และก็เป็นไปตามที่คิด
แค่ลาเต้อาร์ทคงไม่ใช่เหตุผลเดียวที่มาที่นี่แน่ คาซึรางิคงพูดอะไรเกี่ยวกับคุณคิโชวอินไว้มากพอ ถึงได้ตรงดิ่งมาที่นี่เลยเหมือนจะรู้ว่าผมจะไปอยู่ที่ไหน
จุ้นจ้านไม่เข้าเรื่องอีกแล้วนะ คาซึรางิ
ก่อนหน้านี้ ยูกิโนะเคยเล่าให้ฟังว่าคาซึรางิไปป้วนเปี้ยนแถวฝั่งประถมทั้งที่ไม่น่าจะมีความจำเป็นอะไร ขู่ตะคอกใส่คุณคิโชวอิน จนยูกิโนะต้องออกไปช่วยเหลือ ผมเองก็สงสัยในพฤติกรรม แต่เห็นว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เลยปล่อยไปก่อน
หันหลังไปก็เห็นคุณคิโชวอินจ้องมองมาทางนี้ตาไม่กระพริบ ยูกิโนะยืนอยู่ข้างๆจับมือเธอไว้แน่น ผมเรียกน้องกลับบ้าน รู้ว่ายุยโกะต้องตามมาด้วยแน่ ควรจะรีบพาไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ดีกว่า
ผมและยูกิโนะกล่าวอำลาคุณคิโชวอิน ยุยโกะยิ้มให้เธอและคล้องแขนผมทันทีเหมือนต้องการประกาศความเป็นเจ้าของ
ยูกิโนะนิ่งเงียบไปตลอดทางไม่พูดไม่จากับใครเลย
ทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่เพราะความจุ้นจ้านของคาซึรางิแท้ๆ มันก็เลยพังพินาศไปหมด
ผมรู้สึกร้อนรน อยากอธิบายเพื่อไม่ให้เข้าใจผิด แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน เพื่อนก็ไม่ใช่ด้วยซ้ำ เป็นได้แค่คนเคยเห็นหน้าก็เท่านั้น
เธออาจจะไม่อยากรู้ก็ได้ เรื่องของผม คุณคิโชวอินไม่เคยสนใจอยู่แล้ว
ถ้าร้อนตัวไปอธิบายให้ฟัง เธอก็อาจจะตอบกลับมาแค่ “อ๋อ เหรอคะ” พยักหน้าเป็นเชิงทราบแล้ว แล้วก็ปัดเรื่องนี้ตกไปอย่างที่ผ่านมาก็เป็นได้
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังอยากบอกอยู่ดี
.
.
.
หลังวันงานโรงเรียน ผมเข้าไปที่ห้องสโมสร คุณคิโชวอินนั่งทานเค้กโรลชาเขียวอยู่ในที่ประจำของตัวเองอยู่ ท่าทางนิ่งๆไม่ยินดียินร้ายอะไรทำให้รู้สึกใจแป้วเล็กน้อย
ข่าวของผมเรื่องยุยโกะกระจายไปทั่วโรงเรียนแล้ว ไม่มีทางที่เธอจะไม่รู้หรอก
ผมเข้าไปชวนเธอคุยด้วยเรื่องยูกิโนะก่อน เป็นการโยนหินถามทาง แล้วเริ่มพูดเรื่องยูกิโนะฝึกทำลาเต้อาร์ทหลังงานโรงเรียน คุณคิโชวอินอมยิ้มนิดๆ แล้วก็ทำเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้
“จะว่าไป คาซึรางิคุงของชั้นม.ต้นก็มาเที่ยวในงานเทศกาลด้วยนี่คะ มากับผู้หญิงน่ะค่ะ”
“อ้อ…”
ตอนอยู่ที่บ้าน ผมนึกซ้อมคำพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้เยอะแยะว่าจะเริ่มต้นเอ่ยอย่างไรดี แต่เธอเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเองเช่นนี้แล้วอดที่จะแปลกใจไม่ได้ นึกว่าจะคุยแต่เรื่องยูกิโนะเสียอีก
“รู้สึกว่าเรื่องผมกับยุยโกะจะเป็นข่าวลือไปนะ”
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะคะ”
“แล้วคุณคิโชวอินสนใจด้วยเหรอ”
ผมจ้องเธอ หัวใจในอกเต้นโครมครามเหมือนตอนที่คาดหวังคำตอบที่ห้องชมรมงานฝีมือ
“เปล่านะคะ ฉันก็ไม่ได้อะไร”
คุณคิโชวอินดูจะหลบตาผมเล็กน้อย ทำท่าแบบนี้แปลว่าอยากรู้สุดๆไปเลยแหงๆ จะนับว่าเป็นปฏิกริยาที่ดีได้รึเปล่าล่ะนั่น อย่างน้อยเธอก็สนใจเรื่องผมบ้างแล้ว แม้จะเป็นในทำนองข่าวซุบซิบก็เถอะ
ผมอธิบายว่ายุยโกะเป็นญาติ คุณคิโชวอินก็พยักหน้ารับรู้แล้วทำท่าจะไม่สนใจ ถ้าไม่อธิบายเพิ่มเธอคง “งั้นเหรอคะ” แล้วก็เลิกสนใจเรื่องนี้แน่ๆ
“ดูเหมือนจะมีคนพูดว่ายุยโกะเป็นแฟนผมอยู่นะ”
“นั่นสินะคะ ฉันเองก็ได้ยินมาแบบนั้น”
“ยุยโกะไม่ใช่แฟนผมนะ”
คุณคิโชวอินทำตาโตอย่างตกใจที่ได้ยินแบบนั้น ผมลอบสังเกตปฏิกริยาทุกอย่าง แม้ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ผมรู้สึกว่ามันมีบางอย่างแตกต่างออกไปจากเดิม
เธอฟ้องว่าคาซึรางิมาพูดอะไรบ้างในงานวันนั้น ที่หมอนั่นยืนโอ้เอ้รอให้ผมเดินไปก่อนก็เพื่อจะพูดกับคุณคิโชวอินด้วยเรื่องไร้สาระนี่สินะ
คาซึรางิหลงยุยโกะหัวปักหัวปำมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำตัวปกป้องพิทักษ์เหมือนองครักษ์ดูแลเจ้าหญิง ทั้งที่ตัวเองก็เอาตัวไม่รอดแท้ๆ
พอพูดเรื่องนี้ไป คุณคิโชวอินก็พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย คงดูออกสินะว่าหมอนี่หลงรักยุยโกะอยู่ แล้วผมที่อยู่ใกล้ขนาดนี้ ทำไมคุณถึงดูไม่ออกกันนะ
“แต่ไม่ใช่แฟนหรอกนะ”
“ค่ะ”
คุณคิโชวอินพยักหน้า ตั้งอกตั้งใจฟัง ทำท่าเหมือนกำลังลุ้นอะไรบางอย่าง แกล้งซักหน่อยจะดีมั้ยนะ
ดีสิ
เสียงในใจผมพยักหน้าให้อย่างชั่วร้ายในทันที ถือว่าเป็นการเอาคืนจาก “คนเคยเห็นหน้า” ก็แล้วกัน
“เป็นคู่หมั้นต่างหาก”
“ค๊าาาาาาาา!?”
ปฏิกริยาที่ได้ออกจะเกินคาดไปมากโข ไม่สิ ไม่ได้คิดไว้เลยต่างหากว่าจะออกมาเป็นแบบนี้
คุณคิโชวอินมักจะรักษากริยามารยาทของคุณหนูอยู่เสมอ แม้จะมีใครทำให้ตกใจก็จะสะดุ้งแค่นิดๆแล้วก็เอารอยยิ้มมากลบเกลื่อน แต่ตอนนี้กลับตาเบิกกว้าง อ้าปากค้าง และส่งเสียงแหลมๆแปลกๆออกมา
ตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ
ผมขำพรืดออกมาแบบไม่คิดจะเก็บอาการ
“ค๊าาาาาา!? งั้นเหรอ คุณคิโชวอิน เมื่อกี้ทำหน้าได้สุดๆไปเลยนะ แอบเชื่อไปแล้วล่ะสิ”
“ห๊ะ” คุณคิโชวอินชะงักทันควันเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก สีหน้าดูสับสน
แม้จะสนุกแค่ไหน แต่การล้อเล่นก็ไม่ควรจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ผมเข้าเรื่องที่ต้องการอธิบายทันทีไม่มีอ้อมค้อม
“พูดให้ถูกคือ ว่าที่คู่หมั้นน่ะ”
คุณคิโชวอินนั่งฟังผมพูดเรื่องนี้ พอบอกว่า เป็นเรื่องที่พวกผู้ใหญ่คุยกันไว้นานแล้ว แต่ยังไม่ได้ตกลงกันเป็นทางการก็ทำหน้าเลื่อนลอยแปลกๆ
คิดอะไรอยู่ในใจกันแน่นะ
.
.
.
ตอนนี้ผมนั่งอยู่คนเดียว จมดิ่งลงไปในความคิดของตัวเอง แต่ไม่รู้สึกหมองหม่นแบบเมื่อวันก่อนๆ
ก่อนพูดกับเธอ ผมนึกเดิมพันอยู่ในใจว่าเธอจะสนใจผมบ้างหรือไม่ ถ้าหากไม่ ผมก็คงจะคิดเรื่องตัดใจอย่างจริงๆจังๆ ไม่ปล่อยให้เป็นความคิดชั่ววูบแบบที่แล้วมาอีกต่อไป
จากเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา เห็นได้ว่าเธอไม่ยินดียินร้ายผมเลยแม้แต่นิดเดียว ทำอะไรให้ไปก็ไม่เคยเห็นค่า ไม่เคยมีความหมาย จะพูดหรือบอกอะไรก็เอาแต่หนี คิดว่าครั้งนี้คงไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ความหวังที่เคยมีก็ดูริบหรี่แทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า จนแทบหมดหวัง
แต่มันผิดคาดไปหมด
ผมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ปฏิกริยาของเธอเมื่อครู่ ต่างไปจากตอนที่ฟังเรื่องของยูริเอะกับมาซายะ
เรื่องของมาซายะ เธอดูอยากรู้อยากเห็น แต่พอจะเล่าให้ฟังก็ไม่ยอมฟัง หนีไปซะดื้อๆ น้อยครั้งที่จะยอมอยู่ฟัง
พอเรื่องของผม เหมือนจะเห็นแววตาประหลาดบางอย่างที่ผมอยากเรียกว่าความคาดหวัง และเมื่อพูดว่าเป็นคู่หมั้น เธอดูตกใจเอามากๆจนแสดงกริยานั้นออกมา
สำหรับผม แค่ “ค๊าาา!?” เมื่อครู่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ถ้าอยู่ในวงสังคมชั้นสูง เรื่องคู่หมั้นไม่ใช่เรื่องที่แปลกหรือน่าตกใจอะไรเลยสักนิด การแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของความรักแต่เป็นเรื่องของความเหมาะสม ตระกูลของแต่ละฝ่ายจะให้ผลประโยชน์แก่กันได้มากน้อยแค่ไหน ความรักเป็นเรื่องรองลงไป หรือไม่จำเป็นเลย
นึกว่าคุณคิโชวอินจะแค่ “เอ๋ อย่างนั้นเหรอคะ” แล้วก็นั่งจิบชาต่อไป ไม่ยินดียินร้าย
เมื่อได้ยิน หัวใจในอกก็สั่นระรัวแทบควบคุมไม่ไหว ความรู้สึกยินดีไหลอาบไปทั่วร่าง เป็นเหมือนหยดน้ำรินรดในหัวใจที่แห้งผาก ชุบชีวิตให้กลับมาอีกหน
ก็ไม่ได้จะเย็นชา ไม่สนใจ หรือไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับผมไปซะหมดนี่นะ พอจะคิดได้รึเปล่านะว่ายังมีโอกาสอยู่
ยังไม่หมดหวังใช่มั้ยครับ คุณคิโชวอิน
-----------------------
ตอนนี้เขียนยากมาก พยายามเลี่ยงไม่เขียนถึงยุยโกะเพราะยังไม่รู้ว่าเอ็นโจคิดอะไรยังไง ก็เลยเว้นไว้ก่อนนะจ๊ะ
โอยย ชูสุเกะคุง เอาแค่คำว่า [ค๊าาา!?] ก็พอใจแล้วเนอะ ชูสุเกะเนอะ ,7,
>>589 ท่านจอมมาร โดนแฮททริคตั้งแต่ลาเต้กระต่าย คนเคยเห็นหน้า ไปยัน "ชู" จิตใจเหี่ยวเฉาเหมือนดอกไม้ขาดน้ำ แต่พอค๊าาาาาา คำเดียว เหมือนได้ฝนทองรินรดหัวใจเลยสินะ อะไรที่คิดว่าหมดหวังก็เหมือนมีแสงมานำทางอีกหน ยินดีด้วยท่านจอมมาร //ซับน้ำตา
ที่ปีนี้กล้ามาขอ กล้ามาถามถึงช็อกโกแลต นอกจากน้องจะผลักดันแล้วยังมี "ค๊าาา" กับท่าทีตอนเขินอายที่ชมว่าน่ารักเหมือนกระต่าย และ "ไม่ได้ฝืนนะ" ในงานวันเกิดยูกิโนะด้วยรึเปล่า พลังใจมารัวๆเลยสินะ เอ็นดูเหลือเกินทูนหัวของบ่าว ถถถถถถถถถถถ
>>586-589 ฮือ เอ็นดูเอ็นโจ แค่ค๊าาานิดเดียวก็มีกำลังใจล้นเหลือแล้วสินะ เอ้า เร่งทำคะแนนเข้าพ่อหนุ่ม
พูดถึงแปลไทยแล้วเรย์กะนี่ไม่มีการรุกคืบนารุคุงเลยจริงๆ ไม่ทำอะไรสักอย่าง แบบนี้ยังจะหวังฤดูใบไม้ผลิอีกเรอะ ไอ้การเอาแต่เพ้อแต่ไม่กล้าทักเขาเนี่ย โผล่มานารุคุงมีแฟนแน่ๆ55555555555
แค่ ค๊าาาาา ก็ฟินแล้ว มักน้อยอะไรอย่างนี้ โถ พ่อคุณ พ่อหนุ่ม ตอนแรกและตอนกลางเหี่ยวมาทั้งตอน ช่วงท้ายมีเพลงรักดังขึ้นในใจเลยใช่มั้ย ดั่งในใจความบอกในกวี ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง คือทุกครั้งที่รักของเธอส่องใจ ฉันมีปลายทางงงงงงงง กูอ่านแล้วได้ยินทำนองเพลงนี้ลอยมาเลยว่ะ
>>586-589 แค่ "ค๊าาาาาา" นิดเดียวก็มีกำลังใจและฟินขนาดนี้ ถ้าได้รู้ว่านางเหม่อมองตาม หมดอาลัยตายอยาก ไม่ลอยได้เลยหรอม 55555555
ตอนนี้นั่งฟังเพลงชั่วโมงต้องมนต์ ทั้งเพลงแม่งโครตเข้ากับเอ็นโจเลย ตอนไปร้านเขาก็มองแต่เขาเหมือนอยู่ในชั่วโมงต้องมนต์เลยใช่มั้ย ใครอ่านฟิคนี้กูแนะนำให้เปิดเพลงนี้คลอไปด้วย โครตเหมาะ
ต่อจาก >>303-305 ฟิคคู่หูทะลุมิติ
อ่านอฟช. กับฟิคเอ็นโจ side story แล้วรู้สึกเอ็นดูเอ็นโจชะมัดเลย รู้สึกผิดขึ้นมาที่เขียนฟิคคาบุรากิ ถูกมอมเมากาว วันนี้เลยเขียนฝั่งเรย์กะคิมิแล้วกันนะคะ 5555 ไม่รู้ว่าทำให้ดีขึ้นหรือทำร้ายกันแน่ 555
..............…….....
(มุมมองเรย์กะโลก KimiDolce)
((((--เรย์กะในโลกคิมิเขียนถึงเรย์กะในโลกปัจจุบัน--))))
(อีกวันที่ไร้ประโยชน์)
ฉันลองทำอะไรแปลกๆมากมายที่คิดว่าจะช่วยทำให้กลับโลกเดิมได้ สุดท้ายก็ยังอยู่โลกเดิมอยู่ดี
ก่อนหน้านั้นฉันฝันเห็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเธอเท่านั้น แต่ช่วงนี้ฉันฝันถึงเอ็นโจอีกโลกบ่อยๆ คงไม่น่าเป็นเพราะพิธีกรรมที่ทำให้ฝันในสิ่งที่อยากเห็นอะไรนั่นมั้ง ไม่มีเหตุผลที่ฉันอยากเห็นเอ็นโจหรอกนะ!
ไม่รู้หมอนั่นจะมาหลอกหลอนในฝันทำไม! ไปไหนก็ไป ไป๊! ขนาดในฝันทำหน้าเศร้าๆ เป็นคนเก็บกดไปได้ อย่าทำตัวอ่อนแอแบบเอ็นโจในโลกนี้สิ!!!
ถึงอย่างนั้นฉันก็ฝันเห็นเธอโดนผู้ชายมาจีบและท่านคาบุรากิโลกของเธอสารภาพรักหลายครั้งต่อหลายครั้ง รู้สึกโหวงเหวงแปลกๆยังไงไม่รู้ ซึ่งไม่น่าเกี่ยวกับเอ็นโจที่แอบยืนเศร้าอยู่ข้างๆหรอกนะ! หมอนั่นกลายเป็นคนหดหู่จิตตกไปแล้ว ให้ตายเถอะ! ถ้าไม่พอใจก็เข้าไปด่าสิ ไปต่อว่า หัดสู้ซะบ้าง ได้ยินไหม!!!
ท่านคาบุรากิเองก็ฝันเห็นเหตุการณ์ของอีกโลกเหมือนกัน เขามักทำหน้าครุ่นคิดเคร่งขรึมในสโมสรเป็นประจำ นี่ๆ ดอปเปอร์แกงเกอร์ของเราโลกนู้นแทบจะเป็นคู่สามีภรรยากันแล้วนะ นายว่าไง
เขาพูดถึงทาคามิจิโลกนู้นอย่างกังวลนิดหน่อย แต่ไม่ยอมพูดถึงเอ็นโจเลยสักนิด อะไรน่ะ นั่นเพื่อนสนิทนายนะ เมินกันงี้เลยหรอ
พอเห็นฉันถาม เขาก็ยิ้มๆแล้วบอกว่าพอทะลุมิติมาก็สนใจคนรักมากกว่าอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง และถามฉันย้ำว่าอยากรู้เรื่องเอ็นโจโลกนั้นงั้นหรอ จะบ้าหรอคะ! ฉันไม่ได้ชอบเขาซะหน่อย!!! แล้วถึงฉันสนใจเอ็นโจ มันเป็นเรื่องปกติมากๆไม่ใช่หรือไง!!! นั่นเป็นศัตรูคนเดียวของฉันนะ อยากรู้ว่าเขาต้องทนทุกข์ทรมานให้สะใจหรือยังเท่านั้นเอง
ท่านคาบุรากิบอกว่าไปขุดกรุหนังสือเก่าจากพ่อที่สะสมหนังสือมา เจอพิธีกรรมที่น่าจะช่วยได้ เห็นบอกว่ามีคนเคยทำสำเร็จมาแล้วด้วย คือพ่อเขาเอง หะ?! นายเมาปลวกในหนังสือมาหรอ
เมื่อคุยๆกับทาคามิจิคนนั้นก็ตกลงว่าจะทำพิธีกรรมวันพรุ่งนี้ ฉันเผลอกอดท่านพี่ตอนเขาเข้าบ้าน ไม่ใช่เพราะฉันคงคิดถึงเขาถ้าไม่ได้เจอกันอีกอะไรงั้นหรอกนะคะ! แล้วก็ที่ฉันทำผ้าพันคอให้ทุกคนในบ้าน ไม่ได้คิดจะให้พวกเขาเก็บเป็นที่ระลึกหรืออะไรซะหน่อย! ใครจะไปคิดถึงคนอ่อนแอน่าเบื่อแบบนี้...
(สักวันหนึ่ง)
ท่านคาบุรากิจัดให้คนมาเขียนอักขระ และวางหินหายากแปลกๆ พร้อมเตรียมจุดเทียน ทำไมคนของเขาไม่ตกใจที่ท่านคาบุรากิสั่งอะไรอย่างนี้เลยน่ะ... ท่านคาบุรากิโลกของเธอทำอะไรแบบนี้บ่อยๆจนทุกคนชินกับความแปลกไปแล้วหรอ
ทุกคนออกไปจนหมด เหลือฉัน ท่านคาบุรากิ และทาคามิจิ
ทาคามิจิเคยเดินทางไประหว่างสองโลกมาก่อน เลยมาช่วยเร่งปฏิกิริยาอะไรสักอย่างเกี่ยวกับทฤษฎีเชื่อมโยงระหว่างมิติ... หยุดอธิบายฉันแล้วทำๆไปเถอะ... ฉันไม่สงสัยแล้วก็ได้
พิธีกรรมมีส่วนที่สำคัญที่สุดคือการนึกถึงสิ่งที่จะดึงเราไปที่โลกนู้นให้มากที่สุด ทำไมแวบแรกฉันคิดถึงเอ็นโจขึ้นมาน่ะ! สงสัยเมื่อกี้ฟังคำอธิบายแล้วมึนไปหน่อย เลยไปนึกถึงคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุดไปได้
ทาคามิจิพยายามปลอบๆให้กำลังใจ ฉันไม่ได้กลัวซะหน่อย ไม่ได้คาดหวังอะไรเป็นพิเศษด้วย แค่ทำไปงั้นๆเท่านั้นเองนะ!
ท่านคาบุรากิแนะนำอย่างจริงจังให้ฉันนึกถึงเอ็นโจขณะทำพิธีกรรม จะบ้าหรอ! บอกแล้วไงว่าหมอนั่นไม่ใช่สาเหตุที่ฉันอยากกลับไปโลกเดิมซะหน่อย!!! ให้ตายเถอะ เพราะงั้นแท้ๆ ฉันเลยลบภาพเอ็นโจออกไปจากหัวไม่ได้เลย
ทันทีที่ฉันหลับตาก็รู้สึกวูบแรงๆ ก่อนจะเห็นภาพเอ็นโจกล้ำกลืนฝืนทน แต่ก็มาเกลี้ยกล่อมการทะเลาะระหว่างเธอกับท่านคาบุรากิจากโลกเธอ สายตาที่เคยน่ากลัวราวกับจอมมารกลายเป็นแววตาที่เจ็บปวดแต่พร้อมเสียสละ คำพูดที่เคยด่าฉันอย่างเจ็บแสบเสมอเปลี่ยนเป็นคำพูดที่อ่อนโยนแฝงความเป็นห่วงแม้จะต้องทนเจ็บเอง
ฉันเห็นภาพนั้นแล้วก็พูดอย่างหงุดหงิด “อย่ามาทำตัวอ่อนแอนะเอ็นโจ!” แล้วเข้าไปต่อยเต็มแรง
หะ?! ทะ...ทำไมมัดที่ต่อยไปไม่ทะลุเหมือนทุกทีล่ะ!?!
ฉันมองอีกฝ่ายที่กำลังจุกกับการต่อย แล้วก็ขยับมือมองตัวเอง
ฉันกลับมาโลกเดิมแล้วงั้นหรอ?!
ฉันไม่ได้ยิ้มหรอกนะ ไม่ได้ดีใจที่ได้เจอเอ็นโจด้วย! ทำไมกล้ามเนื้อหน้ามันบังคับทำให้ลักษณะปากคล้ายรอยยิ้มแบบนี้ล่ะ
“คุณคิโชวอิน” เอ็นโจเรียกชื่อฉันอย่างอึ้งๆ แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก ฉันเพิ่งต่อยนายมานะ! ทำไมไม่ด่าฉันล่ะ!!! ทำไมไม่ต่อว่าด้วยคำพูดเจ็บแสบแบบที่เคยทำหะ!!!
แต่ก่อนที่ฉันจะหาคำพูดตอบโต้ทำร้ายจิตใจใส่เขา โลกทั้งใบก็วูบหายไปอีกครั้ง ไม่นานภาพตรงหน้าก็กลายเป็นเทียนและหินรูปร่างแปลกๆซึ่งจัดล้อมรอบฉันไว้เป็นวงกลม ฉันทะลุมิติกลับมาโลกนี้อีกแล้วงั้นหรอ...
ทาคามิจิเห็นฉันก็พยายามปลอบ ฉันไม่ได้ร้องไห้นะ! แสงจากเทียนมันร้อนเกินไปจนแสบตาต่างหากล่ะ...
เมื่อกี้ฉันเพิ่งเจอเอ็นโจจากโลกเดิมจริงๆใช่ไหมนะ...
(วันที่ฝนตก แต่นกยังขี้ใส่...)
พิธีกรรมทำได้แค่ครั้งเดียว ไม่รู้ทำไม... แต่ถึงฉันจะทำสำเร็จ ก็ยังกลับโลกนั้นแบบถาวรไม่ได้อยู่ดี
วันนี้ฝนตกแท้ๆ แต่ก็เกิดโศกนาฏกรรมต่อเสื้อคลุมที่ฉันใส่...นกพวกนี้ถึงขั้นลุยฝนมาปล่อยระเบิดใส่ฉันถึงในอาคารเลยงั้นหรอ ทำไมกันล่ะ มันทั้งเปียกทั้ง... ฮืออออออออ
แต่ดีแล้วล่ะที่ไม่โดนผม ไม่งั้นฉันคงต้องตัดผมล่ะมั้ง และถ้าตัดทุกครั้งที่โดนการโจมตีจากนก วันหนึ่งต้องไม่เหลือผมอีกแล้วแน่ๆ... ฉันต้องหัวล้านงั้นหรอ... อาจจะใส่วิกกลบเกลื่อนได้มั้ง แต่ถ้าลมพัดแรงแล้ววิกปลิวนี่ไม่ตลกเลยนะ! เมื่อเดือนก่อนฉันยังช็อกไม่หายกับขนคิ้วที่หายไปอยู่เลย...
ตอนกลับบ้าน ฉันเห็นท่านคาบุรากิเดินอยู่กับเอ็นโจ แล้วกะจะไปกระแซท่านคาบุรากิซะหน่อย แต่อยู่ๆท่านคาบุรากิก็ชะงักไป แล้วพุ่งตรงไปที่ถนนทั้งๆที่รถยังวิ่งไม่หยุด
ฉันที่ยืนอยู่ตรงทางผ่านพอดีก็กระโดดเข้ารั้งตัวไว้ คิดจะทำอะไรบ้าอะไรน่ะ!
ท่านคาบุรากิหันมาเห็นฉันก็ชะงักอีกรอบ ก่อนจะบอกให้ฉันปล่อย เพื่อที่เขากระโจนใส่รถ นายพูดบ้าอะไรออกมานั่นน่ะ!!!
เขาพยายามดิ้นออกจากฉัน แต่เหมือนไม่อยากทำร้ายฉันนัก ไม่นานเอ็นโจก็วิ่งใกล้เข้ามาแล้ว เขาก็บอกฉันว่า “คนที่ฉันรักอยู่อีกโลกหนึ่ง เพราะงั้นปล่อยฉันไปเถอะ”
ฉันชะงักกับคำพูดของเขาไปเสี้ยววินาที แต่ก็เพียงพอให้เขาดิ้นหลุด พุ่งไปกลางถนน และถูกรถชน...
ท่านคาบุรากิถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล ฉันไปเยี่ยมเขาในเวลาต่อมา ถึงเขาจะไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ฉันก็รู้สึกผิดนิดหน่อย เขาอาจจะเครียดกับการทะลุมิติมาโลกอื่นจนเป็นบ้าไปแล้วก็ได้... ฉันไม่ควรปล่อยเขาไปในตอนนั้นเลย
ทำไมประโยคที่ว่า “คนที่ฉันรักอยู่อีกโลกหนึ่ง” ของเขาถึงวนเวียนอยู่ในหัวแบบนี้ ทำไมฉันถึงคิดถึงแต่เอ็นโจโลกเก่ากันนะ...
(ขี้เกียจคิดชื่อวันแล้วล่ะ)
ท่านคาบุรากิฟื้นขึ้นมา และเล่าให้ฟังว่าไปโลกนั้นเจอเธอมาแล้ว ก่อนที่อยู่ๆจะกลับมา ฉันก็เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง
แสดงว่าการถูกรถชนก็อาจทำให้สามารถทะลุมิติได้สินะ...
ท่านคาบุรากิเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดก็ทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหันมาฉันและบอกว่า “ไปให้รถชนกันเถอะ!” ห๊าาาาาาาาาา?! เดี๋ยวก่อนนะคะ อย่าเพิ่งทำอะไรที่พลาดแล้วถึงตายอย่างนั้นสิคะ!!! มาทำหน้าจริงจังด้วยท่าทางเชื่อมั่นแบบนั้นไม่ได้ช่วยให้ฉันกล้าลองหรอกนะ!
เมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขาก็ยังมาชวนฉันไปทำอะไรอย่างนั้นอยู่ดี พอฉันไม่ยอมทำตาม ท่านคาบุรากิก็ตัดสินใจจะลองก่อน แล้ววิ่งออกไปที่ถนน ฉันกับทาคามิจิวิ่งตามอย่างแตกตื่น ฉันรีบหยิบมือถือมาเตรียมไว้เผื่อต้องโทรหาโรงพยาบาลเรียกรถฉุกเฉิน
แต่รถเมื่อเห็นท่านคาบุรากิวิ่งมาก็เบรกหยุดได้ทัน เขาทำหน้าไม่พอใจเดินกลับมา ทำคนขับรถเขาเดือดร้อนแล้วยังจะปล่อยรังสีหงุดหงิดของจักรพรรดิใส่อีกหรอ...
หลังจากนั้นมาท่านคาบุรากิก็แอบซุ่มอยู่ตามถนน และวิ่งออกไปตอนที่เห็นรถวิ่งเร็ว สุดท้ายครอบครัวคาบุรากิก็พาเขาไปหาจิตแพทย์ คาดเดาไปว่าเขาอกหักอีกครั้ง ทำใจไม่ได้และคิดจะฆ่าตัวตาย... แต่ว่าหลังจากท่านคาบุรากิทำแบบนั้น ดูเหมือนรถบนถนนจะขับขี่ปลอดภัยกันมากขึ้น ไม่เร่งความเร็วเหมือนที่ผ่านมา เป็นวิธีการจัดการปัญหาการจราจรที่ดีอย่างคาดไม่ถึงเลยนะ...
ฉันถูกทั้งครอบครัวและคนรอบข้างลากตัวไปหาท่านคาบุรากิ คิดว่าฉันจะปลอบอะไรเขาได้ ฉันควรทำไงงั้นหรอคะ อ้อนๆใส่เขาทั้งๆที่เอ็นโจไม่เห็นมันไม่มีประโยชน์เท่าไหร่...ไม่สิ! สงสัยฉันตกใจจนเขียนผิดๆถูกๆ ฉันหมายถึงจะทำอะไรแบบนั้นตอนนี้ก็ดูไม่เหมาะสมล่ะนะ
ท่านคาบุรากิทำหน้านิ่งเคร่งขรึมขณะที่มองฉันมาหา แล้วเขาก็ถามฉันว่าอยากกลับโลกเก่าไหม ฉันเลยถามกลับไปว่าเขาล่ะคิดยังไง
เขาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเป็นครั้งแรกว่าเธอร้องไห้จนหลับไปตอนที่พูดถึงว่าดอปเปอร์แกงเกอร์ของเขาช่วยเธอเอาไว้ และคนที่ฟื้นมาไม่ใช่คนเดิม เขาบอกว่าเมื่อมาคิดอย่างจริงจังอีกที บางทีควรจะปล่อยให้พวกเธอสองคนอยู่โลกเดิมด้วยกัน
ท่านคาบุรากิเองก็เศร้าซึมเหมือนกันตอนที่แรงปรารถนาที่อยากเจอทาคามิจิดูไม่มากพอที่จะข้ามมิติไปได้ ไม่เหมือนฉันที่รักเอ็นโจมากพอที่จะทำอย่างนั้นได้ เดี๋ยวค่ะ!!! เดี๋ยวๆๆๆๆๆ พูดอะไรน่ะ! ฉันไม่ได้รักหมอนั่นซะหน่อยนะ! ต้องเป็นความแค้นแบบศัตรูแน่ๆเลยค่ะที่ทำให้ข้ามมิติไปต่อยหมอนั่นได้! อย่าคิดไปเองมั่วๆสิ!!!
ถ้าอยากให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน ก็พาเขากลับมาทั้งคู่สิ! แค่สลับโลกให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ได้แล้วไม่ใช่หรือไงกัน!!! ฉันไม่ยอมอยู่โลกนี้ แล้วฝันเห็นเอ็นโจทำหน้าเศร้าจนน่าสมเพชแบบนั้นหรอกนะ! แล้วตอนที่ฉันนึกถึงเอ็นโจฉันไม่ได้ทำสีหน้าหดหู่อย่างที่ท่านคาบุรากิบอกหรอกนะ นั่นมันสีหน้าแห่งความสะใจต่างหาก!!!
ถ้าเธอกลับมาแล้วได้อ่านบันทึกนี้ อย่าเข้าใจผิดเด็ดขาดนะว่าฉันชอบเอ็นโจ! แล้วก็ห้ามเชื่อคำพูดของทาคามิจิด้วยนะ!
ฉันจะกลับไปให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!
แต่ที่ฉันพูดอย่างนั้นไม่ได้หมายความว่าฉันจะกระโดดให้รถชนกับนายซะหน่อยคาบุรากิ๊!!!
-------------- (จบตอน 42) -------------
ป.ล. อธิบายเพิ่มเติม คาบุรากิถูกรถชนกลับมาโลกเดิม พอรู้ตัวก็กระโดดไปให้รถชนอีกรอบเพื่อกลับไปหาเรย์กะ ที่เรย์กะเห็นตอนฟื้นขึ้นมาครั้งแรกเป็นคาบุรากิจากโลกคิมิจริงๆ ไม่ได้เป็นความฝันนะคะ 555 แต่คาบุรากิไม่รู้ว่าเรย์กะตื่นมารอบหนึ่งแล้ว
ป.ล.2 เราอาจจะเขียนแปลกๆนะตอนนี้ ฮืออออ ต้องเป็นเพราะงานที่ยังไม่ได้ทำหลอกหลอนเราอยู่แน่ๆ...
โม่งทะลุมิติมาแล้ววววว อ๊าสยยยยยยยย ซึนเดเระจังเลยค่ะที่รัก!
คาบุรากิแม่งบ้าบอทุกร่างจริงๆ555555555555
>>601-603 กรี้ดดดดดดด ฟินตัวแตก เรย์กะคิมิยังซึนตลอด ในขณะที่คนรอบข้างรู้หมดแล้ว 5555 ทุกการกระทำนึกถึงเอ็นโจตลอดอ่ะ น่ารักกกกกก ตอนเรย์กะคิมิกลับโลกเดิมแล้วเจอเอ็นโจคิมินี่อ่านแล้วสะเทือนใจ เจอกัน ก่อนจะจากกันอีกครั้ง...
ว่าแต่มาซายะคิมิดอลนี่อ่านแล้วฮามากอ่ะ อะไรคือไปทำหน้าไปพอใจใส่เพราะรถเบรกทัน ทั้งขำทั้งเอ็นดู แถมไปๆมาๆดูสนิทตบมุกกับเรย์กะคิมิสนุกสนานมาก 5555 แอบเชียร์เล็กน้อยได้ไหม นี่ขนาดโม่งฟิคเขียนเรือเอ็นโจให้ ยังเผลอไปเชียร์เรือมาซายะเลย เรายังเป็นเรือเอ็นโจนะ ยังเรือเอ็นโจจริง
ป.ล. ถึงเราเรือเอ็นโจก็เถอะ แต่ไม่ต้องรู้สึกผิดการเขียนเรือมาซายะหรอกกกก เนื้อเรื่องหลักเรื่องนี้เราเชียร์มาซายะสุดใจ แม้อาจจะไปเชียร์วาคาบะเป็นครั้งคราวก็เถอะ
แอบซึ้งตรงที่คาบุกลับโลกเดิมได้แล้ว แต่ก็ยังกระโดดโดนรถชนเพื่อกลับหาเรย์กะ ทำไมน่ารักแบบนี้~~~ อยากได้~~ เรย์กะยอมรับความรู้สึกตัวเองซักทีเถอะ หาคนที่จะมารักเธอขนาดนี้อีกไม่ได้แล้วนะ
เห็นโม่งทะลุมิติรู้สึกผิดที่เขียนเรือคาบุรากิ ก็เลยเอาฟิคคาบุรากิมาช่วยเสริม(หรือทำลายก็ไม่รู้)
>>>/webnovel/3451/494-495 คาสโนว่าคาบุรากิ
----------------------------
สองวันมานี้ ทาคามิจิดูเหมือนกำลังหลบหน้าฉันอยู่ยังไงก็ไม่รู้
พอจะปรึกษาชูสุเกะ เจ้าหมอนี่ก็เอาแต่เซื่องซึมเหงาหงอยจนหมดมู้ดที่จะปรึกษา
ปวดใจมากเลยเหรอ ที่ไม่ได้คอสเพลย์เป็นตัวละครใน Kimi darling ขนาดนั้นน่ะ
ชูสุเกะดูท่าจะเลียนแบบบุคลิกของ “เซ็นโจ ยูสุเกะ” ที่เป็นเพื่อนพระเอกในเรื่อง หมอนี่มีบุคลิกดูเย็นชาเหมือนไม่แยแสอะไรและเหมือนจะแอบหลงรักทาคาสึจิอยู่ เวลานางเอกหรือพระเอกเดือดร้อนก็มักจะปรากฎตัวขึ้นมาเพื่อช่วยเสมอ ทาคาสึจิเป็นคนที่ได้เห็นด้านอ่อนโยนและเร่าร้อนของเขา
เซ็นโจเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของเรื่อง อยู่แทบทุกผลโหวตถ้ามีการจัดลำดับตัวละคร เป็นตัวละครที่สาวๆโหวตกันว่าอยากแต่งงานด้วยมากเป็นอันดับหนึ่ง
แต่ว่าด้านอ่อนโยนน่ะ ยังไงคาสุรากิก็กินขาดอยู่แล้ว
เพราะทุกคนเข้าหาคาสุรากิแบบไม่จริงใจน่ะสิ ก็เลยต้องปกปิดความอ่อนโยนและอ่อนแอเอาไว้ด้วยการทำตัวเสเพลไม่ต้องการให้ใครมาเข้าใจ จนมาพบความร่าเริงสดใสของทาคาสึจิที่ช่วยหลอมละลายเกราะป้องกันตัวเองของคาสุรากิได้ ครอบครัวที่ไม่อบอุ่นของคาสุรากิก็กลับมาพูดคุยกันดีๆได้อีกหน
ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม นี่ล่ะ ถึงจะสมเป็นความรักของพระเอกกับนางเอก
แม้ใครจะโหวตให้เซ็นโจ หรือตัวละครอื่นๆมากมายขนาดไหน แต่ฉันเข้าข้างนายเสมอนะ คาสุรากิ
บ้าเอ้ย ฉันมาอ่านเรื่องนี้ช้าเกินไป ไม่อย่างนั้นฉันจะกระหน่ำส่งคะแนนไปโหวตให้คาสุรากิขึ้นที่หนึ่งให้จงได้ แต่เสียดายที่เขาออกรวมเล่มจบมานานแล้ว คาสุรากิก็เลยได้ผลโหวตในนิตยสารแค่ที่สาม ทั้งทีเป็นพระเอกแท้ๆ
แต่ได้ข่าวว่ากำลังจะสร้างเป็นซีรีส์ทางทีวีนี่นะ รอดูเอาตอนนั้นก็ได้
ฉันเช็คข่าวในเว็บบอร์ดของเรื่องนี้ โด่งดังถึงกับมีแฟนไซต์ที่แฟนๆทำกันขึ้นมาเอง ภาพแบนเนอร์สวยงามเป็นโลโก้ของเรื่อง มีประกาศข้างๆว่ากำลังจะทำซีรีส์เร็วๆนี้ โปรดติดตาม ผู้ที่เป็นแฟนคลับก็ตื่นเต้นกันใหญ่ กระทู้พูดคุยทายกันเล่นๆว่าดาราคนไหนเหมาะกับบทอะไรก็ไหลเร็วเหมือนน้ำป่า เป็นกระทู้ฮอต ทำเอาต้องอ่านถึงสองวันกว่าจะอ่านหมด
หรือว่าฉันควรจะไปสมัครเป็นนักแสดงดีนะ ก็ออกจะเข้าใจคาสุรากิมากขนาดนี้แท้ๆ ต้องตีบทแตกชัวร์ๆ
แต่ว่า ถ้าฉันเป็นนักแสดงแล้ว ปริมาณสาวๆที่จะมากรี๊ดฉันก็ต้องมีเยอะตามไปด้วยน่ะสิ ทาคามิจิต้องไม่พอใจเรื่องนี้แน่ๆ งั้นไม่เอาดีกว่า
ฉันกลับมาคิดทบทวนปัญหาตรงหน้า ด้วยว่าทำไมทาคามิจิถึงได้หลบหน้าฉัน หรือว่าจะเป็นเพราะ…
เขินสินะ
ทาคามิจิขี้อายยิ่งกว่าที่ฉันคิดแฮะ เหมือนทาคาสึจิใน Kimi Darling เลย ถูกคาสุรากิจีบเข้าหน่อยก็อายม้วน หน้าแดง หลบหน้าหลบตา
งั้นพรุ่งนี้ ซื้อดอกกุหลาบไปให้ดีกว่า จะจีบสาวทั้งที มันต้องเช้าถึงเย็นถึง เขาจะได้เห็นว่าเราจริงใจ
.
.
.
วันรุ่งขึ้น กุหลาบแดงช่อใหญ่ที่สั่งไว้ก็ส่งมาถึง ฉันเสยผมเปิดหน้าผาก ใส่สร้อยห้อยไม้กางเขนเสริมลุคแบดบอย มองตัวเองในกระจกแล้วก็อดปลาบปลื้มใจไม่ได้ ดูดีสุดๆ
ทาคามิจิจะมาถึงโรงเรียนตอนเจ็ดโมงเช้า ที่จริงจะไปรับที่บ้านก็ได้นะ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่เซอร์ไพรส์เรื่องดอกกุหลาบนี่สิ
พอลงจากรถ ฉันถือดอกกุหลาบไปด้วยท่าทางที่ศึกษามาเป็นอย่างดีว่าแบบไหนถึงจะเท่ ได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาจากทั่วสารทิศก็เป็นสิ่งยืนยันว่านี่ล่ะถูกต้อง เหมาะสม
และฉันก็เจอทาคามิจิ...เดินมากับเจ้าประธานนักเรียนนั่น
อะไรกัน
ยิ่งทาคามิจิหลบตา ฉันก็นึกโกรธขึ้นมา
คิโชวอินเดินมาพอดี เห็นหายไปไม่เข้าสโมสรมาสามวัน คงจะกลัวชูสุเกะสินะ ฉันเข้าใจความรู้สึกนั้นดี ฉันเองก็กลัวเหมือนกัน
แต่พอเห็นคิโชวอิน ฉันก็ปิ๊งไอเดียหนึ่งขึ้นมา
เอาสิ ฉันไม่แคร์หรอกนะทาคามิจิ
กฎข้อที่สามของแบดบอย ควรทำให้เขาเห็นว่าเราไม่ยี่หระอะไรหากเขามากับชายอื่น แบดบอยต้องพร้อมจะมีใหม่ได้เสมอ
ฉันเดินตรงเข้าไปหาคิโชวอิน ยื่นดอกกุหลาบให้ และพูดด้วยท่าทางที่ฝึกซ้อมมาเตรียมใช้กับทาคามิจิ
“อรุณสวัสดิ์ คิโชวอิน” ฉันพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำให้ชวนหลงใหล “วันนี้เธอก็ยังงดงามอย่างเคยเลยนะ ราวกับดอกกุหลาบที่บานในยามเช้า เมื่อต้องแสงแดดอันอบอุ่นก็เปล่งประกายระยิบระยับจากน้ำค้าง”
คิโชวอินอ้าปากค้าง มองฉันอย่างตกตะลึง ฉันก็เลยพูดต่อ
“ดูสิ แสงแดดจากภายนอกที่สาดส่องเข้ามาก็ราวกับจะย้ำว่าคำพูดของฉันเป็นจริง” ฉันเกี่ยวผมหลอดของคิโชวอินขึ้นมา ยัยนี่เดินถอยกรูดไปด้านหลัง อย่าหนีสิ ฉันจับไม่ถนัด “เส้นผมของเธอช่างนุ่มละมุน เหมือนกับ….”
เหมือนกับอะไรดีหว่า
ผู้หญิงชอบให้ชมว่าคล้ายสิ่งที่ตัวเองชอบสินะ แล้วคิโชวอินก็ชอบขนม ดีล่ะ…
“เหมือนกับขนมปังโคโรเน่เลยล่ะ”
บรรยากาศรอบตัวเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าขัดจังหวะฉันสักคน ดีมาก เจ้าพวกรู้กาลเทศะ
“ดูการม้วนเกลียวนี่สิ ช่างสมบูรณ์แบบราวกับหอยเจดีย์ในทะเล เอียงข้างยี่สิบองศาพอดีไม่มีขาดเกิน ช่างทำผมมืออาชีพมากเลยนะ ที่จะทำผมขับความงามของเธ...โอ๊ย!!!”
ดอกกุหลาบที่ฉันเอาให้คิโชวอินไป ถูกทิ่มเข้ามาที่หน้าฉัน กิ่งเล็กๆของดอกไม้ประดับแหย่เข้าไปในจมูกจนต้องจามออกมา อะไรของยัยนี่น่ะเฮ้ย!! อุตส่าห์ชมกันขนาดนี้ยังมาทำร้ายกันได้งั้นเรอะ!!!
ทาคามิจิรีบเดินมาหาฉันทันที ไถ่ถามว่าเป็นอะไรบ้างไหมยกใหญ่ ส่วนเจ้าประธานนักเรียนไปไล่นักเรียนคนอื่นๆให้เข้าห้อง
โอ๊ะ แผนยั่วให้หึงหวงประสบความสำเร็จ ยอดไปเลยคิโชวอิน
.
.
.
พอเข้ามาจิบชาในสโมสร ฉันเปิดมือถือเช็คเว็บบอร์ด ตอนนี้คนกำลังคุยกันเรื่องตัวร้ายของ Kimi Darling กันอยู่พอดี
ในเรื่องมีตัวร้ายที่ชื่อ “ชิโจอิน เรร่า” คอยออกมารังควานความรักระหว่างพระเอกกับนางเอกให้เข้าใจผิดกันหลายรอบ ทำให้เรื่องมีอุปสรรคตามที่ควรจะเป็น
ชิโจอินเป็นลูกคุณหนูไฮโซทำผมม้วนลอนเหมือนเจ้าหญิง หลงรักคาสุรากิอยู่ มีโอกาสได้ควงคู่กับคาสุรากิเพียงหนึ่งครั้งเพราะความเพลย์บอย ก็เก็บเอาไปฝันละเมอว่าคาสุรากิรักเธอ จึงยอมไม่ได้ที่ทาคาสึจิจะมาแย่งคนรักของเธอไป ใช้อิทธิพลทางบ้านบีบบังคับให้คาสุรากิแต่งงานกับเธอให้จงได้
ตามความเห็นของฉัน ยัยนี่มีอาการทางจิตแน่ๆ ทำไมไม่มีคนพาไปรักษาตั้งแต่เนิ่นๆนะ
ในบอร์ดก็เถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายเกี่ยวกับชิโจอิน บางคนก็ว่าเธอเลวยันเงา บางคนก็วิเคราะห์ว่าเธอเป็นเด็กขาดความอบอุ่น แต่เสียงส่วนใหญ่ไปในทางเกลียด เป็นตัวร้ายที่ขึ้นชาร์ต “ตัวละครที่ถูกเกลียดมากที่สุด” มาสิบสามปีซ้อน นับตั้งแต่เรื่องนี้ตีพิมพ์
ฉันชักเห็นใจชิโจอินที่ถูกรุมเกลียดขนาดนี้ แต่เธอทำเรื่องเลวร้ายไปมากก็ยากเกินจะให้อภัยได้อยู่นะ
แต่เอ๊ะ...ชิโจอินเนี่ย ดูคล้ายๆคิโชวอินอยู่พอสมควรเลยนะ
ทั้งเรื่องชิโจอินก็ทำผมหลอดแบบนั้นเดินไปเดินมา หัวเราะโฮะโฮะโฮะ แล้วก็วิ่งไปหาคาสุรากิ
หรือว่า คิโชวอินจะเห็นชิโจอินเป็นไอดอล อยากเลียนแบบเหมือนกับชูสุเกะที่เลียนแบบเซ็นโจ ต้องใช่แน่ๆ
ว่าแต่เลียนแบบตัวร้ายที่คนเกลียดมากที่สุดเนี่ยนะ สมองยังดีอยู่รึเปล่า หรือเธอจะเป็นมาโซ อยากได้รับความเกลียดชัง ชีวิตเดิมๆมันจืดชืดไร้รสชาติเกินไปสินะ
เอ๋....หรือว่า
คิโชวอินจะแอบหลงรักฉันอยู่!!!
คิดเองก็ตกใจเองกับสมมติฐานนี้ มันอาจจะเป็นไปได้นะ
ระยะนี้ เธอก็หัวเราะโฮะโฮะโฮะ ตามชิโจอินในมังงะด้วยนี่นา แถมยังชอบเข้ามาป้วนเปี้ยนใกล้ชิดกับฉันด้วย
ไม่ผิดแน่ เธอคิดจะคอสเพลย์ชิโจอิน เรร่า เพื่อจะบอกความในใจให้ฉันรู้ใช่มั้ย
ฉันรู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันที
คิโชวอินเปิดประตูเข้ามาในห้องสโมสร พอเห็นฉันนั่งอยู่ก็หลบตาแล้วเดินเลี่ยงไปทางอื่น
ฉันตัดสินใจได้ในที่สุด ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินตรงไปหาคิโชวอิน
“นี่ ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”
คิโชวอินกระพริบตาปริบๆ มองฉันเหมือนจะเว้าวอน
“ฉันรู้นะ ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่อยากบอกว่าตัดใจซะเถอะ” ฉันวางมือลงบนบ่าคิโชวอินแล้วตบปุๆ “ฉันเข้าใจว่าตัวเองเลิศเลอเพอร์เฟคขนาดนี้ ไม่แปลกที่เธอจะหลงรักฉันในที่สุดน่ะนะ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะยังไงฉันก็ยังรักทาคามิจิอยู่”
กฎข้อที่สี่ของแบดบอย จงอย่าเสียใจเมื่อต้องปฏิเสธผู้หญิงที่มาหลงรักตนเอง
“หา” คิโชวอินอ้าปากค้าง แววตาสั่นระริกเหมือนจะร้องไห้
“ไม่ต้องเศร้าใจไปหรอก เธอเองก็ยังสาวยังแส้ ตัดใจแล้วมองหารักใหม่จะดีกว่า”
คิโชวอินกระพริบตาปริบๆ พูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปเลยล่ะสิ
ฉันเองก็ทำใจลำบากที่จะพูดตัดรอนให้เจ็บน้อยที่สุด แต่เจ็บสั้นดีกว่าปวดนาน ทิ้งไว้มันก็จะเรื้อรัง คาราคาซังไม่ไปไหน ควรพูดให้เข้าใจชัดๆกันไปเลย
“หวังว่าเธอคงเข้าใจนะ”
ฉันพยักหน้าแล้วขยิบตาให้ตามสเต็ปของเพลย์บอยที่ดี ตบไหล่คิโชวอินอีกหนึ่งครั้งก่อนจะลุกไปหาชูสุเกะที่มีสีหน้ายิ้มระรื่นขึ้นมา
เลิกคอสเพลย์เป็นเซ็นโจแล้วสินะ ค่อยยังชั่วหน่อย
-------------------------------
จบแล้ว ไม่มีต่อ หมดมุกแล้วด้วย 5555555555555555555555555
ขอถามเป็นความรู้นะครับ สมมุติผมจะเขียนฟิคต่อจากใครที่เขาลงท้ายว่า นึกไม่ออกหรือเชิญต่อได้เลยเนี่ยผมต้องทำอะไรบ้างมั้ยก่อนจะลงฟิค
(ยังไม่ได้เขียนถามก่อน)
>>613 ที่ต้องทำก็คือแต่ง แล้วมาลง แค่เท่านั้นล่ะ หรือถ้าไม่มั่นใจ โพสต์จองที่ไว้ก่อนก็ได้ เช่นฟิค A มีใครมาต่อมั้ย ไม่มีขอต่อนะ แล้วก็ลง
>>612 เข้าใจอะไรของแก๊!!!! ทำไมตีความออกทะเลไปได้ขนาดนั้นเลยหา คาบุรากี้!!!! ถถถถถถถถถถถถถถ
ถ้านึกมุขไม่ออก ไม่ลองเขียนคาบุรากิไปเป็นไอดอลดูล่ะ ไหนๆจะเพ้อเจ้อขนาดนี้ ต้องเอาให้สุดๆไปเลย
บากะรากิยังไงก็บากะรากิหยั่งงั้นงั้นเหรอออ ขอคาบุรากิแบบคูลๆจักรพรรดิ 1 ที่ มีไหมคะ เรื่องไหนเรื่องไหนไอนี่ก็บ้าได้ตลอดเลยวุ้ย
>>601-603 ฟกอ่รก้สววงเ รู้สึกดีต่อใจทั้งสองคู่เลย เรย์กะคิมิก็รักเอ็นโจคิมิเป็นจริงจังมาก ดูไม่เคยนึกถึงคนอื่นเลยแม้แต่วินาทีเดียว แรงปรารถนาทางพิธีกรรมไสยศาสตร์เป็นตัวยืนยันมากๆ อะไรๆก็นึกถึงเอ็นโจ ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยากเห็นที่สุดหรือแรงปรารถนาที่จะกลับโลกเดิม แม้จะซึนไม่กล้ายอมรับก็เถอะ อ่านแล้วกร๊าวใจมากกกกกกก แต่ชอบโมเม้นต์ที่คุยกับคาบุรากิคิมินะ อยู่ด้วยกันแล้วฮาชิบหาย โอ้ยยย คาบุคิมิแม่งพูดเรื่องแปลกๆออกมาหน้าตาเฉยด้วยท่าทางเคร่งขรึมและจริงจัง 555555555 คือเป็นแบบนี้อยู่แล้ว พอสนิทถึงจะสังเกต หรือเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมนั่นน่ะ
คาบุรากิโลกนิยายก็ดีงาม ทั้งเรย์กะคิมิและคาบุคิมิลงความเห็นว่าสองคนนั้นทำตัวแบบเป็นแฟนกันแล้ว คาบุอยากกลับโลกเดิมตั้งแต่ต้น แต่พอรู้ว่าเรย์กะไม่ได้มาด้วยก็ยอมถูกรถชนกลับไปหา นึกถึงที่คาบุพูดกับเรย์กะว่า ฉันจะไม่อยู่ในโลกที่ไม่มีเธอ อร้ายยยยยยย คือมันดีมาก แม้เรย์กะจะหักธงในเวลาต่อมาก็เถอะ...
>>619 ฟิคคู่หูก็คูลอยู่นะ ถ้ามองแค่ภายนอกไม่ฟังเนื้อหา 5555555 ทำหน้าเคร่งขรึมตลอดๆ
เมื่อวานกำลังเอ็นดูสงสารเอ็นโจกับฟิคเอ็นโจ side story ทำเอาเรือคาบุรากิอย่างกูสั่นครอนในตัวเอง โอ๋ๆนะเอ็นโจจจจจจ มองโลกในแง่ดีไว้ เรย์กะบอกว่านายเป็นแค่คนเห็นหน้า เพราะหึงไม่อยากแนะนำนายให้ใครรู้จักไงงงง ตื่นเช้ามานี่โคตรลั่น 55555555 คาบุแต่ละฟิคนี่บากะรากิเหลือเกิน ฟิคคู่หูอ่านแล้วกร๊าวใจกับความซึนของเรย์กะคิมิ น่ารักชะมัด ก่อนจะกลายเป็นแท็กคอมโมดี้เมื่อเรย์กะคิมิไปตบมุกกับคาบุคิมิ ถถถถถถถถ ถ้าเรย์กะคิมิกลับโลกเดิมไม่ได้ ขอคู่นี้ได้ไหมคะโม่งฟิค คู่หูคู่ฮา //ทำตาวิบวับ
ฟิคคาบุคาสโนว่านี่อันตรายต่อตนเองและคนรอบข้างสุดๆ เกลียดความคิดไปเองของหมอนี่ 5555555 คำชมคาสโนว่าอะไรนั่นน่ะ ควรเริ่มสงสารคาบุ วาคาบะ หรือเรย์กะก่อนดีเนี้ยยยยย
กราบโม่งฟิคทุกคนที่ทำให้ชีวิตกูสดใส รักโม่งแปลที่กลับมาช่วยบันดาลกาวให้แก่เหล่าโม่งๆ
กูแฮปปี้สุดๆ ขอบคุณมากโม่งทุกคน เอ็นโจside story กร๊าวใจมาก ฟิคคู่หูก็สมกับการรอคอย ลุ้น ส่วนคาสโนวาบากิไม่รู้จะให้คำนิยามอะไรดี ฮามาก55555
>>610 คาสโนว่าคาบุรากิ เพิ่งเห็นว่าใส่ลิงค์ผิดว่ะ ขอโทษ
ที่ถูกต้องเป็นอันนี้ >>>/webnovel/3805/494-495
>>624 กะ ก็ บ้านวาคาบะอาจจะทำขาย ก็เลยรู้จักก็ได้นะ //อูยยยย แสบสีข้างจัง 55555555555555
ทำไมอ่านตอนใหม่แล้วเหมือนเรือท่านอิมาริแล่นมาเนียนๆ โม่งเรือหัวหน้าหมู่บ้านคาสโนว่าอยู่ไหน รีบมาทำคะแนนเร็ว
อิมาริโมเมนต์กับท่านพี่เยอะกว่าเรย์กะอีก แถมชอบหายไปซักพักตลอด สายผลิตเลยจิ้นไม่ค่อยออกกันมั้ง พอจิ้นไม่ออกก็เขียนไม่ออก แต่ถ้าจะเอาโมเมนต์อิมาริท่านพี่ กูว่าสายผลิตแถวนี้น่าจะเอาไปเขียนได้ตรึม
>>631 ค่ำคืนวาเลนไทน์ปริศนายังว่างอยู่น้า~~
แอบจิ้นว่าคืนวาเลนไทน์แต่ละคนทำอะไรกันบ้าง
ท่านพี่ : เดทปริศนา
ท่านอิมาริ : สับรางให้วุ่น ดีไม่ดีอาจเฉียดโดนแทงอีกรอบ
เอ็นโจ : เอาช็อกโกแลตวาเลนไทน์ที่ได้มาทั้งหมดไปขอแลกกับของยูกิโนะ
คาบุรากิ : ซึมจ๋อย
อาริมะ : บริหารคลังช็อกโกแลตของตัวเอง
อุเมวากะ : หมากินช็อกโกแลตไม่ได้ คงไปฉลองกับเบียทันด้วยอย่างอื่น
ค่ำคืนของอุเมวากะกะเบียทัน น่าจะเป็นดินเนอร์ใต้แสงเทียนสุดโรแมนติก อะไรอย่างงี้ http://imgur.com/JTxG8cv
จะกลายเป็นอัลบั้ม เลิฟๆเบียทริชx5
อยากอ่านฟิคมุราสะมาต่อเดี๋ยวนี้เลยยยยย
ไปเจอมาว่ะ นี่มันท่านเรย์กะชัดๆ เอ็นโจไปจ้างวาดคอมมิชชั่นแน่ๆ 555555555555555555
https://www.facebook.com/Rosuuri/photos/a.444451815642321.1073741830.444118679008968/1332594476828046/?type=3&theater
พวกมึงนี่.....
ถ้าจะเอาผมม้วนแน่นขนาดนั้น สงสัยต้องเอาภาพจากกุหลาบแวร์ซายมาแปะอย่างเดียวแล้วล่ะ ถถถถถถถถถถ
หือ วันนี้กระทู้ไม่เดินเลยเหรอ นึกว่าโดนคำสาปจอมมารอีกแล้ว 555
*คำเตือน* เม้นมีเนื้อหาวาย
อันที่จริงโดยส่วนตัวแล้วอยากชิปคู่แรร์เอ็นโจ ชูสุเกะxท่านพี่มาก...สองคนนี้ปะฉะดะกันน่าจะแซ่บไม่เบา ต่อหน้าจิบน้ำชา พูดภาษาดอกไม้ เหมือน AU วัยทำงานงี้ แล้วมาต่อรองกันเรื่องธุรกิจ วางแผนดักกันไปดักกันมา หลอกให้อีกคนทำสัญญาที่ตัวเองได้ประโยชน์ดีกว่า พื้นหลังหลังมีเสียงชิ้งๆๆฟันดาบ หรือจะสามพี บวกท่านอิมาริก็ยังได้...ฟฟฟฟ
หรืออันที่จริงไม่วายก็อยากเห็น เอ็นโจกับท่านพี่ปะทะกันอยู่ดี
ต่อรองเรื่องแต่งงานกับท่านเรย์กะงี้ ท่านพี่ไม่ยอม แต่เอ็นโจเข้าทางพ่อแม่
อยากอ่านนนนนน
>>657 เอ็นโจกับท่านพี่เขียนยากตรงมันฉลาดเจ้าเล่ห์กันทั้งคู่นี่ล่ะ คนประเภทเดียวกัน รู้ทาง รู้ทันกัน ไม่มีใครยอมใคร ถ้าอีกฝั่งเป็นมาซายะหรืออิมาริ ยังพอมีทางลงให้ได้บ้าง เช่น "อื๋อ มาซายะ" หรือฉากแบล็คเมล์อิมาริ ถถถถถ
แต่คู่แบบนี้กูชอบนะ เอาไว้ห้ำหั่นกันแม่งมันส์หยด แนวๆรักต้องฆ่าอะไรประมาณนี้ ซึ่งเขียนยากเหลือเกิน พวกแกไปลดความฉลาดกันลงหน่อยสิ
กูเคยต่อฟิคเวียนในกระทู้นี้นะ ฉากท่านพี่ เอ็นโจ ยูกิโนะ ไปกินข้าวด้วยกันนี่ล่ะ ฉากนั้นเขียนยากมากกกก ไม่มีเรย์กะกูตาย ต่อไม่ออก จอมมารสามคนอยู่ในฉากเดียวกันโครตยาก 555555555555
>>660 แค่เอ็นโจกับยูกิโนะอยู่ด้วยกันสองคนยังนึกไม่ออกเลยนะว่าพี่น้องคู่นี้จะคุยอะไรกัน น้องคงไม่แบ๊วๆ "วันนี้การบ้านเลขยากจังฮะ ท่านพี่~" แบบนี้ล่ะมั้ง ตอนอยู่กันสองคนอาจจะคราบเทวดาน้อยหลุด "เฮ้ ชูสุเกะ ตกลงก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว ฮะ? อะไรนะ? (ตบกบาลพี่ชาย) นายนี่มันไม่ไหวเลยน้า พรุ่งนี้ฉันจะไปที่ห้องสโมสรให้ก็ได้ สำนึกบุญคุณด้วยล่ะ" พูดพลางเคี้ยวบุหรี่ของเล่นไป...
>>660 เออใช่555555 คือ ฟิลเตอร์ท่านเรย์กะที่มีความสามารถพิเศษ
- ลดรังสีจอมมารจากท่านพี่และน้องยูกิโนะได้ 99.99%
- เพิ่มรังสีจอมมารชูสุเกะได้เต็ม MAX
- สามารถเปลี่ยนคาแรกเตอร์พระเอกโชโจ ขรึมๆ จักรพรรดิอย่างคาบุรากิ เป็น ไซซายะ ><
และคุณสมบัติพิเศษสุดๆ!!!! นั่นก็คือ
- เปลี่ยนแท็กนิยาย LOVE เป็น FOOD&COMEDY
#หัวเราะทั้งน้ำตา
>>663 กรี๊ดดดด ม่ายด้ายยยย น้องยูกิโนะจะไม่เถื่อนแบบนั้น
น้องต้องเป็นแนว "เอ๋~ คุณพี่เรย์กะแวะเอาขนมมาให้ที่เปอติต์อีกแล้ว คุณพี่เรย์กะนี่ใจดีมากๆเลยนะครับ ท่านพี่"ว่าแล้วน้องก็ฉีกยิ้มไร้เดียงสา
แต่แท้จริงแล้วถ้ามองด้วยสายตาท่านเอ็นโจคนพี่จะเห็นเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ย พร้อมกับถอดข้อความออกมาได้ว่า "หึ ชูสุเกะ ยังไม่เคยได้ขนมที่คุณพี่เรย์กะเอามาให้โดยเฉพาะเลยสิ เอ๊ะ จริงๆรู้จักกันมาเป็นสิบปีก็ไม่เคยได้เรียกชื่อเล่นด้วยเนอะ*เรียกคุณพี่เรย์กะย้ำอีกรอบ*"
เมื่อไหร่มู้จะกลับมาคึกคักน้อ tt
>>669 ทีแรกกูก็ว่าจะไม่ให้รู้หรอก แต่ระดับเอ็นโจกูว่าต้องรู้ เลยให้ไปได้ยินด้วยตัวเองแม่ง เพิ่มระดับความสะเทือนใจอย่างฮาร์ดคอร์ ถถถถถถถถถถถถถถ
>>663 เถื่อนสัส หรือชูสุเกะมาเกิดเป็นยูกิโนะ กูควรเขียนแนวนี้ดี ใช้ทั้งพระเดชทั้งพระคุณกระตุ้นน้องชายไม่เอาไหน มาซายะไปเห็นยูกิโนะเรียบร้อยผิดจากเวอร์ชั่นที่เคยเห็นยิ่งขนลุก
Ky ถ้าเป็นโชโจทั่วๆไป ป่านนี้เขาคงฉายแววพระเอกนางเอกกันหมด ไม่ก็ก่อฮาเร็มแล้ว แต่เรื่องนี้... พระเอกคือท่านพี่ ตัวเอกคือท่านเรย์กะ ตัวตบมุขมาซายะ จอมมารสร้างสีสันตระกูลเอ็นโจ อืม นอกนั้นตัวประกอบกิตติมศักดิ์สินะ มองดูเลขตอนแล้วทำหน้าเพลีย กูเห็นแค่คานที่แน่นขึ้นเรื่อยๆของพี่น้องตระกูลคิโชวอินว่ะ 555
อดีตฟิคเวียนที่ไม่มีคนช่วยกูเวียนเลย โธ่ ;_;
>>>/webnovel/3689/771-772/
____________________
เช้าวันถัดมา ฉันตื่นขึ้นมาอย่างแจ่มใส
เมื่อคืนฝันอะไรบ้างก็จำไม่ได้แล้ว แต่ก็คงเป็นฝันปกติทั่วไป ไม่ได้สลักสำคัญเพียงเพราะว่ามีคนมาบอกฝันดีก่อนนอนอะไรแแบบนั้นหรอกน่ะ...
ฉันเข้างานตามปกติ เรื่องของฝากเยี่ยมไข้ยูกิโนะก็วานคุณซาซาจิมะให้ช่วยจัดจองให้แล้ว
พอช่วงพักกลางวัน ก็ไปชวนท่านไอระกินข้าวด้วยกัน ส่วนท่านพี่ยังคงติดประชุมอยู่ กว่าจะเสร็จก็คงช่วงบ่ายโน้นแน่ะ เหนื่อยหน่อยนะคะ~
เพราะว่าเมื่อวานจัดอาหารอิตาลีมื้อหนักไม่น้อย วันนี้เราเลยเลือกเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปที่ไม่ห่างจากออฟฟิศนัก ฉันสั่งเป็นเซ็ตอาหารกลางวันเมนูฤดูใบไม้ร่วง ข้าวธัญพืชกับปลาซันมะย่างเกลือ ส่วนท่านไอระสั่งสลัดฟักทองกับโคโรเกะฟักทองหน้าตาน่าทาน
โดยปกติแล้ว ฉันมักจะทานอาหารกลางวันกับท่านพี่ หรือบางทีก็มีท่านอิมาริด้วย ส่วนวันไหนที่ทั้งสองติดธุระ ฉันก็ต้องนั่งทานข้าวคนเดียวเปล่าเปลี่ยวอุรา เคยพยายามจะชวนพวกเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆแล้วนะ แต่ก็โดนปฏิเสธ หรือบางทีที่ได้ร่วมโต๊ะกัน บรรยากาศในโต๊ะก็เงียบและกดดันสุดๆไปเลยล่ะค่ะ...
แต่พอคิดว่านับแต่นี้ฉันก็จะได้นั่งร่วมโต๊ะอาหารมื้อกลางวันกับท่านไอระตลอดแล้ว ก็ชุ่มชื่นใจ ปลื้มสุดๆเลยล่ะค่ะ~ ฮิฮิ
"เรย์กะจังได้ข่าวเรื่องงานเลี้ยง Pivoine รึยังน่ะ?"
"งานเลี้ยงวันฮาโลวีนซินะคะ ได้รับการ์ดเชิญจากท่านโยโกะแล้วล่ะค่ะ แต่ยังไม่ได้ตอบกลับเลย ท่านไอระจะไปร่วมงานรึเปล่าคะ?"
เมื่อเช้าตอนที่ตรวจสอบเอกสาร ก็มีซองจดหมายติดตราโรงเรียนซุยรันส่งมา ภายในเป็นการ์ดเชิญเข้าร่วมงานที่ท่านโยโกะอดีตประธาน Pivoine ผู้นิยมการจัดงานเลี้ยง เป็นหัวเรี่ยวหัวต่อจัดงานเลี้ยงที่เชิญบรรดาศิษยานุศิษย์สมาชิก Pivoine ตั้งแต่อดีตยันปัจจุบันมาร่วมงานกันในค่ำคืนวันฮาโลวีนปลายเดือนนี้
"อืม ก็คิดๆอยู่น่ะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงมียูริเอะไปเป็นเพื่อน แต่ตอนนี้กว่าจะถึงวันงาน ยูริเอะก็บินกลับไปก่อนแล้ว ไม่อยากไปคนเดียวเลยน่ะซิ... ก็...เลยคิดว่าจะลองถามเรย์กะจังดู..."
"ถ้าท่านไอระไป ฉันก็จะไปด้วยนะคะ!"
"จริงเหรอ ขอบใจนะเรย์กะจัง~! ... คุณทาคาเทรุกับคุณโมโมโนเซะก็คงไปด้วยซินะ"
"ถ้าเป็นท่านอิมาริล่ะก็ คงไม่พลาดแน่นอนล่ะค่ะ"
"ฮ่ะๆๆ นั่นซินะ"
ธีมของงานเลี้ยงเป็นงานเลี้ยงหน้ากากล่ะ น่าสนใจไม่น้อยเลยนะ~
ถ้าพูดถึงงานเลี้ยงหน้ากาก ก็นึกถึงเรื่องราวในภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่องที่เคยผ่านตา ผู้ร่วมงานทุกคนที่สวมหน้ากากปกปิดใบหน้าและตัวตนจนแยกไม่ได้ว่าใครเป็นใคร แต่เปิดเผยธาตุแท้เสน่ห์ของตัวเองออกมา ชายหนุ่มหญิงสาวที่พูดคุยกันได้อย่างถูกคอ สานสัมพันธ์อันดีโดยไม่ยึดติดที่รูปลักษณ์ภายนอก
ใช่แล้ว เป็นรักแท้ไงล่ะ!
แหมๆๆ แค่คิดก็โรแมนติกแล้วล่ะค่ะ บางทีฉันอาจจะได้เจออะไรแบบนั้นในงานก็ได้น้า~
"ว่าแต่ เดี๋ยวเย็นนี้ชูสุเกะจะมารับเรย์กะจังซินะ~"
"...เอ๋"
อยู่ๆชื่อของเอ็นโจก็โผล่เข้ามาแทรกตอนที่ฉันกำลังฝันหวานถึงงานเลี้ยงสุดโรแมนติก ไม่โทษท่านไอระหรอกนะคะ แต่เอ็นโจนี่เป็นมารผจญจริงๆเล้ย
"เมื่อคืนชูสุเกะคุงโทรมาบอกน่ะ ว่าส่งเรย์กะจังถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว แล้วก็เย็นวันนี้จะมารับเรย์กะจังไปเยี่ยมยูกิโนะคุงที่โรงพยาบาลใช่มั้ยล่ะ"
"อ่า ใช่ค่ะ..."
ต้องโทรรายงานอะไรขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ สนิทกันจริงๆน้า
... อ๊ะ หรือว่านี่เป็นแผนการของเอ็นโจที่จะได้ติดต่อกับท่านไอระ?
แต่ไหนแต่ไรมาตานี่เคยทำอะไรแบบนี้ซะที่ไหนกันล่ะ เมื่อวานก็ทำหน้าตาชื่นมื่นใหญ่เลยนี่ว่าอาจจะได้ร่วมงานด้วยกันกับท่านไอระที่มาศึกษางานที่คิโชวอินกรุ๊ป ถ้าเมื่อคืนไม่ได้เป็นคนไปส่งฉันที่บ้านก็คงไม่มีเหตุให้โทรคุยกันยามดึกใช่มั้ยล่ะ แล้วที่ตกลงเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าวันนี้จะมารับฉันที่ออฟฟิศ ก็เพราะว่าจะได้มาเจอกับท่านไอระ!?
... หึ อย่างงี้นี่เอง ปริศนาไขกระจ่างแล้ว!
คิดจะใช้ฉันเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์อย่างนั้นซินะ หน็อยแน่ ฝันไปซะเถอะ! ฉันไม่ยกท่านไอระให้นายหรอกย่ะ! เอ็นโจ!
ตะเกียบบิปลาซันมะย่างเกลือจนขาดเป็นสองท่อน ฉันคีบเนื้อปลาเข้าปากเคี้ยวกร้วมๆอย่างไม่รับรู้รสชาติเท่าไหร่นัก
เพราะกินช้า รสชาติเลยจืดจางลงไปหมดแล้วหรือไงกันนะ?...
+++++
กลับมาทำงานต่อได้ไม่นานนัก เพื่อนร่วมงานก็มาเรียกฉันที่ห้อง "ท่านเรย์กะคะ ท่านประธานเรียกพบค่ะ"
ฉันขึ้นลิฟท์ไปไม่กี่ชั้นก็ถึงชั้นของท่านประธาน เดินไปที่หน้าห้อง คุณเลขาก็กุลีกุจอเคาะและเปิดประตูห้องให้อย่างเช่นเคย
ภายในห้องห้อมล้อมด้วยกระจกบานโตมองเห็นโตเกียวในมุมสูงกว้าง 180 องศา เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งอย่างเรียบหรูโมเดิร์นตามสไตล์ของท่านพี่ ที่โซฟารับรองแขกมีท่านพี่นั่งรออยู่ พร้อมๆกับท่านไอระ และ... เอ็นโจ
ห๊ะ ไหงมาอยู่ที่นี่ตอนนี้ล่ะ?
เอ็นโจหันมาทางฉันก็ลุกขึ้นแล้วส่งยิ้มกว้างทักทาย
"สวัสดีครับ คุณเรย์กะ"
"สวัสดีค่ะ...ท่านเอ็นโจ..."
"พอดีผมมาติดต่อธุรกิจกับท่านประธานคิโชวอินนิดหน่อยน่ะครับ"
"อ้อ ค่ะ..."
ฉันรีบเดินไปนั่งลงข้างท่านไอระที่นั่งอยู่ข้างท่านพี่อีกทีนึง เอ็นโจก็เอาของฝากมาให้ฉัน มีอีกหนึ่งกล่องอยู่กับท่านพี่แล้ว คงจะมอบให้แล้วก่อนหน้านี้
ฉันรับมาก่อนจะขออนุญาตเปิดดู เป็นเซ็ตน้ำชามาร์โคโปโลจากแบรนด์เก่าแก่และชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของฝรั่งเศส ที่ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสีจัดวางอย่างสวยงามในกล่อง
"ขอบคุณมากเลยค่ะ"
"คุณเรย์กะชอบ ผมก็ยินดีครับ"
เอ็นโจยิ้มกว้างอีกครั้ง โดนเรียกชื่อแบบนี้รู้สึกแปลกๆจริงๆเลยแฮะ ถึงจะรู้ว่าเพราะว่ามีคิโชวอินอยู่สองคนในห้องก็เถอะนะ ได้ยินท่านพี่กระแอมไอเบาๆ ฉันจึงละสายตาออกมา
"อะไรกันไม่มีของฉันบ้างเหรอชูสุเกะ" ท่านไอระพูดขึ้น
"... อ่า เตรียมมาแต่สำหรับเจ้าบ้านน่ะ ถ้าไอระสนใจไว้คราวหน้าจะเอามาฝากแล้วกันนะ"
"ฮ่ะๆๆ ล้อเล่นน่ะ ก็พูดไปอย่างงั้นแหละ~"
...อุ "คราวหน้า"อย่างงั้นเหรอ!? นั่นไงล่ะ! ปล่อยผ่านไม่ได้เลยนะเนี่ย
หน็อยแน่ ทำเป็นนัดแนะว่าคราวหน้าจะมาอีกเชียวนะ! ชิ ใครจะยอมกันล่ะ!
"ถ้าท่านไอระไม่รังเกียจ แบ่งกันกับฉันก็ได้นะคะ~ ทานคนเดียวคงไม่หมดอยู่แล้ว หรือว่าเรามาจัดเป็นเมนูน้ำชายามบ่ายด้วยกันสองคนดีมั้ยคะ ไว้สรรหาของหวานมาทานร่วมกัน... อ๊ะ ท่านพี่ด้วยนะคะ~"
"ได้ซิ เรย์กะ"
"วิเศษเลย!"
ท่านพี่กับท่านไอระตอบรับอย่างยินดี แอบเหล่มองไปทางเอ็นโจก็ยังยิ้มนิ่งๆไม่แสดงปฏิกริยาอะไร แต่ในใจคงเสียดายแย่ล่ะซิที่ไม่ได้ร่วมวงกับท่านไอระน่ะ
โอะโฮะโฮะ ถึงจะเป็นคนเอาของฝากมาให้ แต่เสียใจด้วยนะ วงน้ำชายามบ่ายนี้อภิสิทธิ์พิเศษเฉพาะคนของคิโชวอินกรุ๊ปเท่านั้นล่ะ! ...อ๊ะ แต่ถ้าเป็นท่านอิมาริก็หยวนๆให้เป็นกรณีพิเศษนะคะ
"แต่เรื่องที่จะไปเยี่ยมยูกิโนะคุงกัน เรย์กะไม่เห็นบอกพี่เลยนะ" ท่านพี่พูดขึ้นและหันมายิ้มๆให้
"อุ... เมื่อเช้าท่านพี่ออกมาก่อนน้องเลยไม่มีโอกาสบอกเลยน่ะค่ะ"
"นั่นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ..."
"ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ไม่ได้มาขออนุญาตก่อน"
เอ็นโจพูดขึ้น ท่านพี่ชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางเอ็นโจ ยิ้มสบายๆอย่างทุกที
"ก็ไม่ต้องพิธีรีตองขนาดนั้นหรอกครับ แค่อันที่จริงรถบ้านเราเองก็มี ไม่น่าจะต้องรบกวนคุณเอ็นโจมารับมาส่งเลยน่ะนะ"
"คุณเรย์กะเป็นห่วงเป็นใยน้องชาย ผมก็ซาบซึ้งมากแล้วล่ะครับ ก็แค่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ก็เท่านั้นเอง ไม่รบกวนหรอกครับ"
เชอะ ทำเป็นพูดอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ที่จริงก็แค่อยากจะเจอท่านไอระเท่านั้นล่ะซิ ฉันรู้ทันหรอกน่า!
พวกเราพูดคุยกันอีกเพียงเล็กน้อย ก็เริ่มเข้าสู่เรื่องธุรกิจ เอ็นโจหยิบเอกสารมาตั้งบนโต๊ะ ท่านพี่หยิบแว่นตาขึ้นสวมปรับโหมดเป็นผู้บริหารท่าทางเคร่งเครียด ท่านไอระก็จดๆจ้องๆศึกษาอย่างขมักเขม้น บรรยากาศชักจะทะมึนแปลกๆ ฉันเลยปลีกตัวออกมาจากห้อง กลับไปทำงานต่อ
ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนจะเลิกงานก็ต้องขยันขันแข็งหน่อยล่ะนะ
อ๊ะ เรื่องของฝากเยี่ยมยูกิโนะคุงอีก คุณซาซาจิมะจัดการเรียบร้อยแล้วยังน้า
_________________
นอนรอต่อไปก่อนนะยูกิโนะคุง....
>>680 กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กูต่อค่ะ กูต่อ กูต่ออออออออออ //ยกมือจองที่
กูจะรีบเขียนมาเลยค่ะ ไม่ให้ยูกิโนะคุงต้องนอนรอบนเตียงนาน //มองเมินฟิคตัวเองไปชั่วคราว
เรย์ก่าาาาา ถึงกับกินข้าวไม่อร่อยเลยเหรออออออ เขาไม่ได้อยากเจอไอระ เขาอยากเจอเธอนั่นล่ะ 5555555555555 อย่าเข้าใจผิดเซร่
จอมมารปะทะจอมมารแบบเบาๆ แต่รู้สึกได้ถึงความเหน็บหนาวในบทสนทนา ต้องเข้ารหัสแปลความหมายหลายทอดพอสมควร และถึงไม่ได้นั่งทานด้วย แต่ได้นั่งมองก็สุขใจแล้วสินะ เอ็นโจ ฮุๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เออ นามสกุลของอิมาริคือ โมโมโซโนะ นะ ไม่ใช่โมโมโนเสะ
โม่งแปลมาแล้ว กูไม่ค่อยแปลกใจกับปฏิกิริยาของท่านเรย์กะละ มันเป็นสิ่งที่ชาวโม่งคาดการณ์ไว้ แต่กูนำคาญไก่โง่ฉหเลย /มองบน/ แต่อุด้งตอนดึกมันอ้วนนะท่านเรย์กะ
แปลไทยมาแล้ว
เอาช็อคโกแลตให้น้องจริงๆด้วยเนอะ นึกว่าจะมุบมิบไว้เองซะอีกนะเอ็นโจ ถถถถถถถถถถ หรือดีลกันไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว น้องเอาช็อคโกแลตไป ส่วนพี่เอาบรรยากาศการยื่นช็อคโกแลตให้ วินวินทั้งสองฝ่าย
กูขำหนังสือที่เหม็นกลิ่นคนถูกทิ้งชิบหาย โถ ไปว่าซะเสีย นั่นมันไฮเน่เชียวนะ แม้เนื้อหาจะเต็มไปด้วยเรื่องอกหักรักคุดก็เหอะ แต่ไฮเน่เชียวนะ
ซึรุฮานะนี่สวยสินะ มีหนุ่มตามจีบตรึม กูนึกว่าจะผิวแทนๆแต่งหน้าจัดๆสไตล์สาวแกลซะอีก ซึรุฮานะยังมีคนตามจีบแล้วหันมอง ท่านเรย์กะ...สูงส่งไปก็ไม่ดีเนอะ คนเขาไม่กล้าอาจเอื้อม
อีไก่โง่ก็เป็นผู้ภักดีจริงจริ๊งงงง นายมันก็เป็นได้แค่หมาเห็นปลากระป๋องนั่นล่ะ ได้แต่เฝ้า เห่าไม่ให้ใครแตะต้อง แต่ไม่มีสิทธิ์เปิดกิน ท่านเรย์กะเล่าเรื่องผีให้ฟังอีกสิ หรือไปแทะบ๊วยดองเดินผ่านหน้าก็ได้ เอาให้ขวัญกระเจิงไปเลย
ขอบคุณโม่งแปลมากๆ ทำให้เช้านี้ของกูสดใส รักมึงนะ
กูคงไม่ได้เป็นคนเดียวใช่มั้ยที่รู้สึกว่าพอท่านเรย์กะพูดถึงยุยโกะแล้วบรรยากาศมันดูแปลกๆ เหมือนกำลังเต้นอยู่ดีๆแล้วโดนปิดเพลงละไล่กลับบ้านอะมึง
ตอนนี้ที่รำพึงว่า วุ่นวายจัง ท่านเรย์กะน่าจะออกแนวรำคาญ แต่มันแบบมีอีกอารมณ์อะ ฮือ กูหาคำมาอธิบายไม่ได้ แงงง /หรือกูอ่านแบบติดฟิลเตอร์ไปคนเดียว
ขอบคุณโม่งแปลมาก
เอ้ออ แห้งแล้งเหลือเกิน ชีวิตรักท่านเรยกะ ใครกะได้ช่วยไปเรียกสติหน่อย! คุณเธอจะหักธงไปเพื่ออารายย. แต่เอ็นโจช่วยแสดงท่าทีให้ชัดกว่านี้อีกนิดก็จะดีมากนะ...
สปอยด
.
.
.
.
.
.
บ่นไปก็เท่านั้น. รู้อยู่ว่า 280 กว่าตอนก็ยังไม่มีไรชัดเจน 555
อ่านตอนท่านเรย์กะรำพึงถึงนักเรียนชายไร้ชื่อที่อาจจะมาแอบจีบนางอยู่ก็ได้นี่คิดถึงฟิคนักเรียนชายอับโชคที่โดนเอ็นโจสกัดเลยว่ะ ถถถถถถ
ว่าแต่อ่านแบบนี้แล้วเทียบสเกลเรื่องปัจจุบันได้เลยนะ ตอนที่ 196 เหลืออีกหนึ่งปีจะจบม.ปลาย ส่วนดิบล่าสุด 284
.
.
.
.
อยู่ที่อีกเทอมหนึ่งจะจบม.ปลาย เท่ากับว่า 90 ตอนต่อครึ่งปี นี่ยังอ่านกันไปได้ยาวๆ ไม่ต้องกลัวใกล้จบเลยนะเนี่ย คงมีอีเวนท์เข้าคิวรออีกเพียบ
>>689 กูเคยบอกในมู้ก่อนๆ จากการสังเกตของกูเองนะ ถ้าเป็นวันๆของท่านเรย์กะ จบท้ายตอนมันจะฮาๆเว้ย อย่างจัดท่านอนให้ริรินะ ไปเคาะห้องท่านพี่ให้ทำเซอร์บิรุส หรือรดน้ำต้นเลิฟฮาร์ท ส่วนเวลาเอ็นโจทำดาเมจมักมาไม่กี่บรรทัด แต่ยิงตรงเข้าเป้า(คนอ่าน) เช่นตอนให้ลาเต้กับหิ่งห้อย แล้วตัดฉับไปบทต่อไปให้ท่านเรย์กะหักธง
แต่พอมียุยโกะเข้ามาแทรก ปิดท้ายตอนจะดูเหงาๆบรรยากาศทึมๆเศร้าๆ หรือไม่ก็ตัดฉับเลย ได้ฟีลเต้นอยู่ดีๆแล้วโดนปิดเพลงไล่กลับบ้านแบบที่มึงบอกอ่ะ ไม่เชื่อไปลองสุ่มซักตอนมาเปรียบเทียบกับตอนที่ยุยโกะโผล่มาดูสิ คนละฟีลเลย
>>691 อีเวนท์ที่เหลือตามไทม์ไลน์คิมิดอลก็...
- ปาร์ตี้ซัมเมอร์ที่วาคาบะไป คาบุเป็นประธานแล้วจะแหกธรรมเนียมเชิญมาเรอะ
- งานหมั้นคาบุกับเรย์กะ อันนี้น่าจะอีเวนท์ใหญ่สุดในเรื่อง ถ้าไม่มีอะไรที่ใหญ่กว่านั้นตามมานะ แต่กูคิดว่ามีว่ะ
ส่วนอีเวนท์ที่กูรอ
- เอ็นโจเต้นรำกับเรย์กะ
- เอ็นโจเคลียร์ปมตัวเอง แล้วไปสารภาพรักกับเรย์กะ
- เรย์กะรู้ใจตัวเองในที่สุดว่าจะเลือกใคร
เอาแค่นี้แหล่ะ กูไม่โลภหรอก ไม่โลภจริงจริ๊งงงงง
>>693 ในงานซัมเม่อร์ปาร์ตี้ เรย์กะเหลียวมองคาบุรากิ เหลียวมองเอ็นโจ ละล้าละลังอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจหลับตาลงช้าๆ พอลืมตาขึ้นมาก็ยิ้มกว้างอย่างคนตัดสินใจได้ แล้วโผไปหาท่านพี่ที่ยื่นมือรอรับน้องอยู่แล้ว ท่านพี่จูงมือน้องไปท่ามกลางสายตาชื่นชมแกมริษยาของทั้งชายหญิง ท่านอิมาริโผเข้ามาแซว โดนศอกกระทุ้ง ท่านเรย์กะกลับไปทำนีดเดิลเฟลต์ดู DVD อย่างมีความสุขที่บ้านพลางโทรสั่งของ TV Direct ไปด้วย จบบริบูรณ์ //ล้องไห้
ถ้ากูใช้ฟิลเตอร์ยูริกุเผลอจิ้นคู่เรย์กะยุยโกะไปแล้ว ประมาณว่าไม่อยากให้เธอเข้าใจผิด
//ส่ายหัวรัวๆ
>>702 แบบที่มีเพื่อนโม่งเอาฟิคสั้นๆมาลงอ่ะ โคตรชอบบ
>ยุยโกะกำลังคิดว่าชูสุเกะคิดอะไรอยู่ ที่ทำแบบนั้นเพราะจะแกล้งสาวน้อยที่ดูแกล้งง่ายคนนั้นใช่ไหมล่ะ! ไม่ได้นะ! เวลาเดินผ่านหรือเห็นเรย์กะก็จะยิ้มบางๆให้เพราะอยากสร้างความสัมพันธ์แถมพยายามส่งจิตไปว่า -อย่าไปหลงกลชูสุเกะนะ สาวน้อย!-
ตายห่าน มือลั่น ไม่ได้ตั้งใจกดลง แงงงง
เมื่อเปิดประตูสู่โลกยูริ กูรอโม่งฟิคสักคนเปิดฟิควายท่านพี่กับท่านอิมาริอยู่//ยิ้ม//
ท่านพี่ที่ขี้เกียจกลับบ้านไปเจอช็อคโกแล็ตวาเลนไทน์ของท่านเรย์กะถ้าอยู่บริษัทพนักงานก็ไม่กล้ากลับเลยไปหาท่านอิมาริที่คอนโด เปิดประตูเจอท่านอิมาริกำลังคร่อมสาวรุ่นใหญ่มีสามี ท่านพี่เรียกชื่อนิ่งๆแล้วกอดอกพิงประตู มองท่านอิมาริที่หน้าจ๋อย~
กูเพิ่งอ่านแปลไทยตอนใหม่
สงสารเรย์กะจัง ขนาดซึรุฮานะยังมีคนตามจีบเยอะแยะเลยนะ เรย์กะควรพิจารณนาตัวเองใหม่ได้แล้วนะ!
แอบคิดในใจ ถ้าเซริกะจัง คิคุโนะจังมีคนมาจีบด้วย เรย์กะนี่น่าสงสารมากเลยนะ(หรือมีแต่เรย์กะไม่รู้55555555)
ศัพท์ใหม่วันนี้ "หล่อระทม" 5555 มันใช่เลย
ท่านพี่ก็ตอบแบบ หืม ไม่ได้ทพอะไรผิดนี่ ฉันก็มาคอนโดนี้แบบปกตินั่นแหละ นายทำตัวตามสบายเถอะ(?)
โม่งแปลน่ารักที่สุดด พอเห็นพูดเรื่องอุด้งแดง แอบคิดๆ ว่าโม่งแปลต้องมีภาพมาประกอบอธิบายให้เข้ากับเนื้อเรื่องแน่เลย แล้วก็มีจริงๆ // โม่งแปลสุดยอดดดดดด ปล. อยากกินอุด้งจอมพลังงงงง
ขอบคุณโม่งแปลเจ้าค่า ท่านเรย์กะบอกคาบุว่าฤดูใบไม้ผลิของนายยังอีกไกล แล้วของตัวเองละคะ! ทำอะไรสักอย่างสิ ไม่เอาเพ้ออย่างเดียวแล้วนะ...เข้าใจไหมมมมม~~
เหยยย กลับไปอ่านตอนที่ 26 ตอนที่ยังเรียกซากุระว่าฟูจิโอกะซัง ท่านเรย์กะระแวงผู้หญิงแบบซากุระและยุยโกะหนักมากอ่ะ บอกว่า
"...หลายครั้งในชาติที่แล้วฉันก็ถูกหักหลังจากผู้หญิงจำพวกนี้ไม่ใช่รึไง?"
ก่อนหน้านี้ก็พูดถึง คีย์เวิร์ด "เพื่อนสาวสมัยเด็กแสนน่ารัก" "ผู้ชายปกป้อง"
คือออออ เพราะว่าตอนนี้ไม่เด็กแล้วท่านเรย์กะเลยไม่พูดออกมาตรงๆแล้ว แต่ว่านี่มันตรงกับคุณยุยโกะมั้ยนะ
คาแรกเตอร์ เพื่อนสาวสมัยเด็กกับ"ชู"แล้วก็ดูอ่อนโยนบอบบางง่ะ
.
.
.
.
.
.
.
.
คือ เคยมีโม่งมาบบอกว่า เดี๋ยวเวลาเจอยุยโกะ เอ็นโจจะยิ่งไม่ออกหน้าทำอะไรเลยด้วย
นี่มันจะเป็นสาเหตุให้ต่อให้ท่านเรย์กะโดกิโดกิแล้วแต่ยังไม่ก้าวหน้าอะไรเลยรึเปล่านะ
ประสบการ์ณชาติที่แล้วยังฝังใจ อะไรแบบนั้น
ท่านเอ็นโจรีบๆเคลียร์ปมเถอะนะะะะ
>>725 ถ้าฮีทำวิธีที่มึงพูด ด่านต่อไปก็คือต้องหาวิธีจีบท่านเรย์กะให้ติดเหรอ.... กูปูเสื่อตุนขนมสักสิบลังรอแปปนะ
กูคิดว่า เอ็นโจคงจะไม่ทำอะไรให้ชัดเจนถ้ายังเคลียร์ปมตัวเองไม่ได้ ท่านเรย์กะก็นะ.. กูยังมองไม่ออกว่านางจะโดขิโดขิกับเอ็นโจหรือคาบุรากิได้ยังไง
กูคิดได้สองแบบ(เรือเอ็นโจ)คือ
1. เอ็นโจ เรย์กะ ช่วยกันทำให้คาบุรากิจีบวาคาบะติด ระหว่างนั้นก็ได้เรียนรู้นิสัยกันมากขึ้น แล้วก็ช่วยกันเคลียร์เรื่องต่างๆ ท่านเรย์กะอาจจะได้รับสกิลจอมมารจากเอ็นโจมาต่อกรกับยุยโกะแบบซึ่งๆหน้า เอ็นโจเตรียมหลักฐานแบบลับๆ (+ตระกูลคาบุรากิอีก มาซายะน่าจะมาช่วยเรย์กะ เพราะอยู่ในที่แจ้งโดนเล่นงานได้ง่ายกว่า)
2. ยังเป็นชีวิตประจำวันของท่านเรย์กะแบบนี้ แต่ท่านเรย์กะดันโดนลากให้มาช่วยจัดการฝั่งยุยโกะแบบงงๆ เหมือนคราวยูริเอะ พอเรื่องยุยโกะและอื่นๆเคลียร์ เอ็นโจก็เลยได้โอกาสชัดเจนสักที มีอิสระทำตามที่ตัวเองต้องการ
^ที่กูบอกว่าท่านเรย์กะซึมซับสกิลจอมมาร อ้างอิงมาจาก ตอนเรย์กะบอกลามาซายะที่รร.สอนพิเศษละนางยิ้มเลียนแบบเอ็นโจ คือขนาดใกล้กันไม่กี่วัน ท่านเรย์กะกูก็ติดนิสัยจอมมารมาล่ะ 555 /ต่อเรือ
>>726 แต่ถ้าครอบครัวยุยโกะไม่ได้โกงแบบเรย์กะล่ะมึง ถ้ามันไม่มีหลักฐานอะไรให้ยกเลิกสัญญาหมั้น ถ้ามันไม่มีอะไรให้จัดการ ประมาณว่าผู้ใหญ่อยากจับคู่ให้เฉยๆ ทำไมหรอ
แบบนี้ ท่านเอ็นโจคิดจะทำอะไรบ้างมั้ย
ถ้าจะประกาศว่ารักท่านเรย์กะก็ดันต้องจีบท่านเรย์กะติดก่อนซึ่งก็กลับไปวนลูปที่ว่าถ้าท่านเอ็นโจยังไม่เคลียร์ปํญหาท่านเรย์กะไม่น่าจะรับรัก
กรี๊ดดด ทำไมกูถึงขึ้นเรือที่มันน่าปวดใจขนาดนี้
ฝ่ายหญิงก็หักมันทุกธงที่ปักมา
ฝ่ายชายก็ยิ้มขื่นๆ ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ เหมือนจะปักธงแต่ปักลงไปแค่ 1 เซนพร้อมโดนถอน แถมยังมีปัญหาดำมืดปริศนาอยู่เบื้องหลัง
*กัดผ้าเช็ดหน้าแล้วเผากาวแล่นเรือต่อไป*
>>726 กูว่าเรย์กะรู้สึกดีๆกับเอ็นโจนานแล้วนะ แต่พยายามหนีความรู้สึกตัวเองมากกว่าเลยต้องปฏิเสธแบบเอาเป็นเอาตาย หลังยุยโกะโผล่มาเนี่ย นางแปลกไปกับเรื่องของเอ็นโจแบบเห็นได้ชัดมากนะ หมดอาลัยตายอยากบ้างล่ะ ปล่อยไปไม่ได้บ้างล่ะ ไม้แขวนดีเลยเผลอใจเต้นบ้างล่ะ ก่อนหน้านั้นเอ็นโจจะทำอะไรให้ไปก็เหมือนทำใส่ฝาผนังหรือก้อนหินเลย ไม่มีปฏิกริยาตอบรับ ไม่หือไม่อือ แต่งตัวยังไงยังไม่ใส่ใจด้วยซ้ำ กูว่านางมีใจว่ะ แต่พยายามหนีอยู่
ไม่รู้ว่าดิบเนี่ยนางลืมความรู้สึกพวกนี้ไปยังนะ (ไม่ต้องสปอย) กูก็หวังว่านางยังจะจำได้อยู่นะ ฮาๆๆๆ มารอดูกันไป
>>727 กูก็ไม่รู้ววววววว ทุกอย่างอยู่ในกำมืออ.ฮิโยโกะหมด กูก็แค่เดาเฉยๆจากไทม์ไลน์คิมิดอล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกูก็ยังเชื่อมั่นในตัวอ.ฮิโยโกะว่าแม่งต้องมีอะไรเซอร์ไพรส์แน่ๆ อาจจะเฉลยมาว่าเอ็นโจเป็นเกย์ แอบรักมาซายะอยู่ แกล้งมาจีบเรย์กะเพื่อให้มาซายะสนใจตัวเองบ้าง นายน่ะเอาแต่ไปวิ่งตามคนอื่น มองข้ามคนที่อยู่ข้างๆแบบผม อะไรทำนองนี้ล่ะมั้ง ถถถถถถถถถถถถถถถถ
มีเมนต์นึงที่แมวดุ้นบอกว่า "เรย์กะแค่หวังรอให้ผู้ชายเข้ามาจีบตัวเองมั่ง จะไม่เป้นผู้หญิงที่ไล่ตามตื้อผู้ชาย ฝันว่าใครสักคนกล้ารับบทพระเอกเข้ามายืนตรงหน้ามาบอกรักกับเธอก่อนแค่นั้น เธอต้องการคนที่แสดงความรักอย่างกล้าหาญไม่ใช่ทำตัวลับๆล่อๆ แค่คนที่มาพูดว่า เรย์กะผมชอบคุณ ผมรักคุณ เรามาเป็นแฟนกันได้ไหม พระเอกเรื่องนี้ก็เกิดแล้ว" ซึ่งกูว่าใช่อ่ะ พระเอกเรื่องนี้ขอให้มุ่งมั่นรักจริงเปิดเผยจริง กล้าฝ่าด่านคิคุโนะเซริกะมาได้ก็พอ (ส่วนท่านพี่กับทานุกิไว้เป็นอุปสรรคทีหลัง) ที่เหลือเรย์กะก็พร้อมจะหลงล่ะนะ แต่คงต้องมีตังค์พอเลี้ยงคุณเธอ...
>>728 ปล่อยไปไม่ได้นี่ตอนเรียกคาบุรากิคุงนางก็ทักนะมึง เหมือนก็ยังไม่ใช่ประเด็นอะไรมากมายขนาดนั้น หรือเรื่องชมว่าดูดี ไปๆมาๆนางก็ชมโฉมผู้ชายบ่อยมากนะยูววว ไม่นับโทโมเอะ แต่แบบตัวสำรองก็เคยชม และชมบ่อยสุดก็คืออีคาบุอยู่ดี เพราะปูมาว่าหล่อเหลือหลาย หล่อระทมที่สุดในเรื่องอะนะ 5555
กูว่ายังไม่มีอะไรชี้ชัดเลยอะว่านางชอบเอ็นโจ จริงๆก็ไม่ได้มีระบุชี้ชัดแหละว่ารู้สึกอะไรกับใคร ดูจากความเพ้อเบอร์นี้กูเทคะแนนเต็มๆไปที่ไม่ได้รู้จักความรักมากมาย และเหมือนจะสนนะแต่มีความมโนแจ่มแรงเว่อร์วัง ก็ดูเป็นเด็กสาวที่ยังไม่ออกมาสู่โลกความจริงอยู่ดี อย่างเรย์กะคงตามหาพระเอกในจินตนาการที่เป็นอย่างไอดอลหล่อเริ่ดหรือนักกีฬาดาวรุ่งอะไรเทือกนั้นอยู่ ตราบใดที่ในมโนชีไม่มีอะไรใกล้เคียงชีวิตจริงอย่างเช่นสเปคเริ่มเป็นนักธุรกิจ เป็นซีอีโอ นั่นคือคงยังไม่ชอบมนุษย์ปุถุชนที่มีชีวิตจริงๆอยู่ดี มันยังไม่ใช่จุดนั้นอะ ยังเพ้อแรงๆอยู่เลยอ่านะ 5555 ถ้าไม่ลดสเปคในมโนลงมาเป็นคนที่มีเลือดเนื้อจับต้องได้ แท็ก love นี่อีกยาวววว
แต่จริงๆกูก็ไม่มีปัญหานะกับประเด็นนี้ ตัวละครแต่ละคนตอนนี้คาแรคเตอร์รู้สึกยังพัฒนาไม่สุดเลยอะ คือแบบต้องมีจุดติ ข้อบกพร่องแรงๆที่เห็นแล้วไม่รู้สึกอยากเชียร์กันทุกคน คิดว่ายังไปต่อได้อีกยาวกว่าสถานการณ์จะหล่อหลอมแต่ละคนให้เริ่มมีมาดพอไปวัดไปวา พอจะดูเข้าทีให้เป็นพระเอกกับเค้าได้บ้าง ตอนนี้แบบนะ ไม่หวายยยยว่ะ อยากจะเชียร์ให้มีแคนดิเดทลึกลับเพิ่มมาก็ดูโอกาสริบหรี่หนัก แต่ถ้าพระเอกคือตัวละครที่เคยออกมาแล้ว มีบทแล้ว ก็เหลือแค่รอมันโต และต้องโตอย่างเข้าทีกันด้วยนะถึงจะเริ่มกระดึบๆเข้าสู่แท็กเลิฟ
>>727 ถ้าทำอะไรยุยโกะไม่ได้ ก็ส่งท่านอิมาริไปจีบยุยโกะเลยค่ะเอ็นโจ(?)
จริงๆเคยแอบคิดนะว่าเรื่องประเด็นโกงของท่านพ่อในการ์ตูนอาจจะเป็นการป้ายสีใส่ร้ายของตระกูลคาบุรากิก็ได้ มีอำนาจพอจะทำอะไรแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ
แต่พอคิดว่าถ้าสมมติในนิยายเอาความคิดนี้มาใช้ จะกะยุยโกะหรือตัวร้ายคนไหนๆ กูก็คงไม่โอเครรรรร
>>732 อ่า ตอนคาบุนางไม่ได้พูดว่าปล่อยไปไม่ได้นะ แค่ "คาบุรากิ คุง?" เฉยๆ(ตอนที่ 167) แต่กับเอ็นโจคิดในใจว่าปล่อยไปไม่ได้หรอก(ตอนที่ 191)
แต่ก็อย่างว่านั่นล่ะ อะไรๆมันก็ยังไม่แน่นอนหรอก ถึงกูจะเรือเอ็นโจ แต่ก็ไม่ได้คิดเร่งรัดอะไรให้เอ็นโจไปทำอะไรแรงๆหรอก เดี๋ยวอ.จะเฉลยก็ทำเองแหล่ะ ระหว่างนี้กูก็ดมกาว เผากัญชาไปก่อน 55555555555555
อ่านของตอนล่าสุดวันนี้กูชอบ "หล่อระทม" มากสุดละ คิดว่าอีกหน่อยคงมีคนใช้เยอะด้วย 555 เห็นข้างบนๆก็เริ่มมีคนอินกันหลายคน คือโม่งแปลลล มีงเลือกคำมาฮามาก 55555
>>733 เออ กูก็เคยคิดประเด็นนี้เหมือนกัน ในเมื่อดองกันไม่ได้ก็กำจัดไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามไปเลย มาดามคาบุรากิก็ไม่ได้แยแสเรย์กะอะไรมากนักหรอก ไม่มีเรย์กะนางก็เอาสาวบ้านอื่นมาเป็นสะใภ้ได้ อย่างตอนไมฮามะหรืองานเลี้ยงน้ำชาแบบนี้ เชิญคนมาหลายๆแบบเพื่อหาคนที่เหมาะสมที่สุดกับลูกชายน่ะ ก็เป็นเรื่องปกติของการจับคู่นะ
>>732 คิดว่าสเปคเรย์กะอาจจะเป็นคนดูอาร์ตนะ ติสท์แตกหน่อยๆ คือแบบดูอย่างตอนรุ่นพี่ประธานเปิดตัวมาพร้อมเพลง O Fortuna มาเป็นเพลงแบคกราวด์ แล้วลุงของมาโอะจังตอนหันไปเจอก็บรรยายอะไรซักอย่างเกี่ยวกับชายเป่าขลุ่ยซัมติง มีความติสท์มากกก หมายถึงตัวเรย์กะเองอะนะ 55555
แล้วดูจากตอนคาบุรากิเล่นเปียโนแล้วชีถึงกับเคลิ้มไป เลยคิดว่าสเปคนางดูเกี่ยวข้องกับแนวติสท์ๆหน่อย ผู้ชายอารมณ์ศิลปิน คิดว่าถ้าคาบุหันมาเอาดีด้านเปียโน ติสท์แตกหันหลังให้วงการธุรกิจแล้วผันตัวเองไปเป็น pianist มือฉมังผู้อกหักชอกช้ำระกำรัก แล้วกลั่นความรู้สึก(ทุกข์ระทม)ออกมาเป็นการถ่ายทอดผ่านเสียงดนตรี เป็นหนุ่มที่มีภาพลักษณ์หล่อระทมงี้ อาจจะเริ่มโดขิโดขิได้มั่ง ถถถถถถ
แต่กูคิดมาตลอดว่าสเปคหนุ่มของนางดูมาสายอาร์ตๆศิลปิน ยิ่งตอนเพ้อถึงไอดอลนี่ยิ่ง เหยยย เริ่มเข้าที ใครอยากเข้าวินเป็นพระเอกนี่จงมุ่งเข้าเส้นทางสานฝันเดอะสตาร์ กลายเป็นไอดอลแห่งวงการบันเทิงน่าจะมีหวังนะ 55
>>739 ดิเทมันติดที่ทรงเอฟโฟร่ด้วยหนิ ที่เคยบ่นถึงอยู่ว่าหนุ่มนักดนตรีมักป๊อบ ยกเว้นถ้ามาพร้อมหัวแอฟโฟร่... 5555 อีกอย่างคิดว่าชอบดนตรีเพราะพูดถึงแต่ดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ ถึงขั้นเอาคนไปเปรียบกับดนตรีให้แต่ละคนมีเพลงเฉพาะตัวอีก ขาดก็แต่เพลงของนางเองอะว่าจะเป็นเพลงอะไร ที่ไม่เคยกล่าวถึง แล้วโชแปงนี่มาบ่อยมากกก แบบฟินท่านพี่ตอนเล่นเปียโนก็เป็นเพลงโชแปง ดูนางชอบโชแปง(เรย์กะหรืออ.ฮิโยโกะก็ไม่รู้แหละ)
>>732 ที่บอกปล่อยไปไม่ได้กับวาคาบะมีแค่สองครั้งเอง ครั้งแรกคือได้ยินว่าถูกรถคาบุชน ครั้งที่สองคือเรียกเอ็นโจคุงนี่ล่ะ ส่วนตอนเรียกคาบุรากิคุง นางแค่ทวนคำเฉยๆ แล้ววาคาบะก็เล่าเอง ไม่ได้ถามซ้ำแบบตอนเรียกเอ็นโจ
แต่ก็นะ มันก็ยืนยันไม่ได้แบบที่มึงว่านั่นล่ะ แค่กูคิดว่าปฏิกริยานางแปลกไปจากเดิมน่ะ เพราะนั่นมันเป็นเอ็นโจที่นางพยายามหนี ไม่สนใจ ทำอะไรให้ก็ไม่แยแส ส่วนผู้ชายอื่นนางก็ชมดีๆเพราะไม่มีอะไรติดลบกับเขาไง รุ่นพี่โทโมเอะ นายตัวสำรอง ท่านอาฮารุโตะ บลาบลา
เรื่องคาบุ ในเรื่องปูมาว่าหล่อสุด ป็อบสุด ชีวิตนางทั้งชีวิตก็ผูกติดอยู่กับคาบุก็เลยต้องสนใจ ต้องสังเกต แล้วก็ยอมรับและรู้ว่ามันหล่อ เคลิ้มไปกับโมเมนต์โชโจที่ไอ้หน้าหล่อนี่ทำ ส่วนเอ็นโจที่นางดีดกระเด็นไปไกล เจอหน้าก็แหวะ หยะแหยง หาโมเมนต์ดีๆแทบไม่ได้ หล่อแค่ไหนไม่มีผลกับนางเลย แต่ผ่านมาเกือบร้อยเก้าสิบตอน เพิ่งมาโดขิโดขิหมายความว่าอย่างไรก็ไม่รู้สิ
>>747 โดขิตอนเด็กๆก็มีตอนขี่ม้านะ กับตอนช่วงเจอหน้าแรกๆ แต่มากสุดคือเปียโนที่ออกอาการใกล้เคียงเมายาแบบโทโมเอะ แต่รวมๆจะทั้งเอ็นโจทั้งคาบุกูก็รู้สึกเหมือนกันว่านางไม่มีอาการอะไรเป็นพิเศษ กับเอ็นโจก็ไม่ได้มีที่รู้สึกว่ากร๊าวขนาดนั้นอะ ถ้าเทียบกันคือยังจะกร๊าวกับอิมาริมากกว่าซะอีก แถมรุ่นพี่โทโมเอะนี่เจอหน้าก็ปิ๊งเลยนะมึง เป็นอะไรที่แบบมีความหนูน้อยมากสำหรับกู 5555 รักแรกพบเงี้ย แค่หนังหน้าก็ปิ๊งแล้วก่อนจะรู้จักกันซะอีก คือขนาดกูเป็นเรือคาบุยังเห็นด้วยกับ >>732 เลยเรื่องว่าเรย์กะยังไม่มีอาการอะไรกับใครเป็นพิเศษ อย่างพูดถึงช็อคโกแลตวาเลนไทน์ว่ายุยโกะก็น่าจะรู้ อ่านแล้วยังรู้สึกถึงอารมณ์หงุดหงิดรำคาญๆมากกว่าอีก เหมือนที่เคยมีคนพูดว่าถ้าในรถเป็นยุยโกะ ก็เหมือนเอ็นโจเอาปัญหามาแปะให้อีกละ ยิ่งพอไก่โง่มาโวยวายขนาดนั้นถ้ากูเป็นเรย์กะก็ยิ่งรำคาญขึ้นอะ คือแบบคือไรรรร เจ้าตัวลอยลำ ชั้นไม่เกี่ยวอะไรทำไมกลายเป็นหนังหน้าไฟ แถมก็ขยันหาปัญหามาโปะๆไว้ตลอดโดยสุดท้ายไม่ออกหน้ามาจัดการอะไรเลย ดูๆไปก็ไม่ต่างจากคาบุเท่าไหร่เลยอะ ไอคู่หูนี่มันเหมาะอยู่ด้วยกันแล้วจริงๆ
คือกูเรือคาบุแต่ก็เชียร์ด้วยแนวโน้มความน่าจะเป็นพระเอกจากการปูเรื่องมากกว่านิสัยมันนะ 5555 นิสัยนี่อ่านแล้วยังเห็นด้วยว่ายังไม่มีใครเหมาะอะ ยิ่งกับเรย์กะที่กังวลเรื่องบ้านและขี้กลัว คงยิ่งรู้สึกแบบแต่ละนี่แม่งงงง ปัญหาเดินได้ชัดๆ ไม่รู้ต่อไปจะนิสัยดีกว่านี้มั้ย เพราะอ่านแบบไม่ฟิลเตอร์นี่นิสัยแย่กันทั้งคู่จริง
>>749 โน้ววววววว โดขิโดขิที่ว่ากูไม่ได้หมายถึงคาบุ กูหมายถึงเอ็นโจ
กูรู้ว่าเรย์กะใจเต้นกับคาบุตอนเล่นดนตรีและขี่ม้า ตอนยิ้มให้ม้านางยังโดขิโดขิเลย พูดถึงเอ็นโจแค่ขี่ม้ามองมาทางนี้ จบ Orz
แต่พอเป็นเอ็นโจที่นางหนี นางแหวะ นางหยะแหยง ทำอะไรก็ไม่สนใจ สายตานางจับจ้องแต่คาบุ แต่มาโดขิโดขิใส่เอ็นโจเนี่ยนะ คือนางจะเฉยๆหรือจะอี๋ แหวะ ไปตลอดรอดฝั่งกูก็เข้าใจนางอยู่ เพราะคนที่เรายี้ เราหยะแหยง เราจะไปใจเต้นตึกตัก หวั่นไหวด้วยเหรอ กูถึงว่ามันมีอะไรแปลกไปไง
โซนบ่นที่ไม่เกี่ยวกับเรื่อง
เน็ตดีแท็คแม่งโดนแบนอีกละ พิมพ์ๆจะกดส่งแล้วขึ้น IP โดนแบนพอดี ฮ่วย กูเลยต้องเดินหาสัญญาณไวไฟดีแทคในห้างเพื่อตอบกระทู้นี้ ดูทุ่มเทชิบหาย 55555555555555555
>>751 นางไม่ได้ขนาดยี้ หยะแหยง อี๋อะไรขนาดนั้นมั้ยหว่า แค่ระแวงจะโดนหลอกไปใช้งานหรือทำสัญญาหนี้แล้วมาทวงคืนอะไรทีหลังเองนะ ส่วนใหญ่คือระแวงกลัวจะมีอะไรแอบแฝงอะ ไม่ได้ยี้นะเว่ย เอ๊ะนี่จู่ๆก็พูดจาเข้าข้างเอ็นโจมาก 5555 แต่ในความรู้สึกคือเชียร์คาบุจริงๆนะ! แต่มันก็มีโมเม้นแบบ จะใครก็เอามาเห๊อะะะะ อยู่เป็นบางทีเหมือนกัน ถถถถ แต่คิดว่าไม่ขนาดรังเกียจหยะแหยงอะไร ปกติที่มีรีแอคชั่นไม่โอเคคือเฉพาะสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการโดนหลอกใช้อะ หรือเอามาเป็นเครื่องมืออะไรซักอย่างตลอด ถ้าสุานการณ์ไม่ได้เอนไปทางมีประเด็นให้โดนหลอกใช้งานได้คือนางก็ปกติดีนะ ไม่ยี้อะไรมากมายถ้าไม่มีสาเหตุอะ
ตัวละครนิสัยไม่ดีแต่มันก็เรียลดีนะ
ถ้ามีตัวละครแบบนิสัยดีเพอร์เฟคมาเข้าหาเรย์กะล่ะก็ กูคงระแวงว่าคงมีวัตถุประสงค์แอบแฝง (หรือไม่ก็มีแฟนแล้ว อย่างโทโมเอะหรือคุณอาของมาโอะ...)
แต่ยังไงจุดเด่นของเรื่องนี้มันไม่ได้อยู่ที่ความรักอยู่แล้วนี่ (แท็กเลิฟนั่นแค่หลับตาจิ้มได้มา ถถถถถ)
กูว่าสำหรับนางสองคู่หูไม่เชิงแหวะอะไรหรอก น่าจะอารมณ์เหมือนวาคาบะคือไม่อยากยุ่ง ไม่อยากหาเรื่องวุ่นวายมากกว่า ที่กูเห็นๆอยู่คือนางหาเรื่องแขวะสองคู่หูไปเรื่อย ชมว่าสองคนนี้หล่อ แต่ก็วกกลับไปแขวะอยู่ดี กูมึนข้อมูล มาเต็มที่เชียว กูย้อนกลับไปดูตอนล่าสุดเห็นอุด้งแดงเวลานี้ ... แม่งหิวจริงว่ะ กูไม่แปลกใจแล้วที่นางพ่ายแพ้ของกิน เลือดพ่อแรงแน่ๆ นักชิม อ้วน ขี้มโน ส่วนท่านพี่คงได้ส่วนดีๆของท่านพ่ออละท่านแม่ว่ะ 555
>>754 ก็ดูไม่สบอารมณ์ทั้งคู่นะที่จริง 555 คนนึงก็ชอบวางแผนหลอกใช้ จะชอบขี้หน้าก็แปลกละ แต่อีกคนก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน มาในมาดบทโศกในตอนล่าสุด คนอื่นเคลิ้มกับความหล่อระทมกัน นางยังรำคาญเลย 555
แหวะอันนี้อ่านแล้วไม่ได้รู้สึกรังเกียจ อี๋ๆอะไรขนาดนั้นด้วยอะ กูอ่านแล้วนึกถึงเวลาเจอคนหน้าตาดีที่เก๊กหล่อหรือทำตัวหล่อ ต่อให้หล่อธรรมชาติก็ร้องแหวะในใจอยู่ดีนะ แบบหมั่นไส้ 555 ยิ่งถ้ามาดถูกต้องตามตำราคนดูดีมากๆยิ่งชวนแหวะมากขึ้น
ขอ ky นิดเถอะ กับคำว่าหล่อระทมเนี่ย โม่งแปล มึงคิดได้ยังไงวะ 5555 แบบจี๊ดใจกูมากอ่ะ! อ่านแล้วขำก๊ากเลย ยืนยันคำเดิมนะว่ามึงช่างสรรหาคำมาแปลจริงๆ 55555
>>760 งี้ถ้าจะผอมคือต้องกินซุปต้นหอมโรยเส้นอุด้งแทนกินอุ้งด้งโรยต้นหอมสินะ... 55555
>>756 รู้สึกเหมือนกันว่าเรย์กะเหมือนพ่อมาก ขนาดความง๊องแง๊งติงต๊องในบางขณะยังเหมือนเลยอะ ไอเรื่องขี้อวดก็ใช่ย่อยนะ ตั้งแต่ไปโม้ฝีมือทำอาหารตัวเองกับคนในชมรมละ มีความมั่นมาก 555 เรย์กะเหมือนพ่อ ท่านพี่ค่อนข้างเหมือนแม่ อย่างน้อยไม่รั่วเท่าทานุกิอะ ไม่รู้ญี่ปุ่นมีความเชื่อแบบลูกสาวเหมือนพ่อจะดี ลูกชายก็ต้องเหมือนแม่ แบบนี้ป่าว แต่ครอบครัวนี้ตรงตามตำรามากอะ
>>762 ท่านพี่ก็แอบรั่วอยู่นะ อย่างกินน้ำหลังกินข้าวต้มฝีมือเรย์กะจนท้องอืดอยากอาเจียน เผลอไปเจอเรย์กะนั่งนับเงินในห้องแล้วเอามาขวัญผวาเอง หรือทุบหัวอิมาริต่อหน้าเรย์กะ กูฮาคำด่าชิบหาย 555555555555555555555 ท่านแม่เองก็รั่วไม่แพ้ใครในบ้านอ่ะ อย่างคิดว่าลูกสาวละเมอโกนคิ้วตัวเอง คือคิดว่าเรย์กะจะทำอย่างนั้นได้จริงๆสินะ แถมลูกสาวอ้วนก็ปล่อยให้อ้วนแล้วค่อยพาไปเข้าคอร์สไดเอทเพราะไม่อยากไปคนเดียวอีก เอาฝีมือทำอาหารเรย์กะไปโม้กับมาดามเอ็นโจจนบ้านนั้นเขาตั้งความหวังกันทั้งบ้านด้วยสิ 5555555555555555555555
>>763 กูเคยคิดว่าเวลาสองพ่อลูกรั่วจัดๆนี่ท่านแม่คงเอามือทาบอก ท่านพี่ face palm อยู่เงียบๆ แต่พออ่านไปเจอตอนท่านแม่ว่าเรย์กะร้องโหยหวนเหมือนสัตว์ป่านี่กูสตั๊นท์แทน 5555 ยิ่งตอนขนคิ้วนี่โอ้ยยย พังค่ะพัง ท่านแม่ก็ไม่ต่างเลย ท่านพี่ก็รั่วตามๆกันไป รั่วทั้งบ้านจริงงงง กูชอบสุดตอนเรย์กะเอาไอตัวมันเผา(หรือมันอะไรซักอย่าง)ไปอวดท่านพี่ แล้วบ่นที่ท่านพี่ไม่เข้าใจความเสน่ห์ของมัน ตอนท่านพี่ตอบว่าพี่คงไม่มีวันนั้นนี่พีคคคคค 55555555 แต่เรย์กะก็ยังติดฟิลเตอร์ท่านพี่ไสยๆและอ่อนโยนอยู่ดี
เออพูดถึงใครเคยเห็นไอมาสคอตนี้บ้างอะ อยากเห็นหน้าตามาประกอบการมโน เคยลองเสิชหาก็ไม่เจออะ เจอมีคนวาดถึงในแฟนอาร์ตรวมตัวละครนิดนึง ที่อาโออิอุ้มอยู่ ซึ่งหน้าตามันก็แบบ...แปลกๆ คือแบบเอิ่มมันหน้างี้จริงหรอ ข้องใจมาก(ว่าน่ารักตรงไหน) 5555
สงสัยอย่างนะว่าเรย์กะมีอะไรที่ถนัดบ้างเนี่ย (ยกเว้นถนัดกิน..) เป็นคุณหนูควรจะมีความสามารถสักอย่างบ้างซิ อย่างซากุระก็เคยแสดงไวโอลินโชว์งี้ ทำอาหาร-ขนมก็เป็น
เรย์กะนี่เปียโนก็เล่นเพลงเหยียบหางแมว จัดดอกไม้ก็โดนตำหนิ เย็บปักก็ต้องให้ท่านพี่ช่วย วาดรูปก็ไม่ได้ ทำอาหารก็พิสดาร
ที่ยังมีหน้ามีตาทุกวันนี้ นี่เพราะมีท่านพ่อช่างอวด ท่านแม่ช่างโม้ชัดๆ 55555555
>>769 เคยอ่านที่มีคนมาเล่าเรื่องชีวิตตอนไปอยู่ญี่ปุ่นอะว่ามารยาทอะไรเยอะๆยิบย่อย แล้วเหมือนเค้าตั้งข้อสังเกตว่าเรย์กะน่าจะเก่งเข้าสังคม EQ สูง กับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคน อ่านมาจนถึงตอนนี้ดูก็เก่งด้านนี้อยู่เหมือนกันนะ เข้ากับคนได้ทุกแนวทุกระดับเลยอะ จะแก๊งเด็กที่ดูกุ๊ยอันธพาล จะคนประหลาดๆแบบดิเทยังส่งซีดีเพลงมาให้ คนหงิมๆแบบโมชิดะกับอาคิมิซังก็ยังเข้าได้นะ หนอนหนังสือแบบซาราระก็ยังคิดเรื่องคุยมาได้ คือดูความหลากหลายแล้วกูอึ้งนิดนึง คิดว่ากูเองและคนทั่วไปทำแบบนี้ไม่ได้อะ ไหนจะริรินะจอมซึน ซากุระคุณหนูสองบุคลิกแถมปากร้าย อาโออิก็ดูเซื่องๆหน่อย โค้ชบ้าพลังก็ยังจะดูเข้ากันได้เลยอะ แบบเฮ้ยยยย ทุกแบบทุกวัยทุกประเภท ทุกระดับประทับใจจริงๆ
แถมเรื่องเป็นคุณหนูในบางโมเม้นก็ดูน่าประทับใจอยู่นะ อย่างตอนทักเรื่องขนมมีแรงบันดาลใจจากดอกอะไรซักอย่างตอนช่วยแก้หน้าวาคาบะอะ แล้วดันถูกอีก แบบทุกคนประทับใจ อาจารย์ยังปลื้มงี้ คือความสามารถก็มีอยู่นะ แต่เป็นแบบแปลกๆนิดนึง 5555 บางเรื่องที่ถนัดนี่ก็ถนัดมากลงลึกไปเลย แต่เป็นแบบที่ต่างจากคนปกติทั่วไปหน่อย
>>773 ถ้าเข้าสังคมเก่งเป็นความสามารถพิเศษนี่เอาจริงว่าเหมาะกับตำแหน่งจักรพรรดินีเหมือนกันนะ ดูแบบผู้หญิงควรจะเก่งอะไรแบบนี้ ยิ่งเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่นี่แต่งเข้าที่ไหนไปก็มีเรื่องต้องเข้าสังคม กับคนจะเป็นมาดามตระกูลดีคือเรื่องพวกนี้จำเป็นมากอยู่นะ ตายแล้ววววว นอกจากคุณสมบัติแม่ศรีเรือนที่ไม่มีอันไหนผ่านซักข้อ ไปๆมาๆยังช่วยฝึกท่านพี่จนเป็นแม่ศรีเรือนที่เพียบพร้อมมากกว่าซะอีกจากความพยายามเอาชีวิตนอดและช่วยน้อง ทำอาหารได้กูไม่ว่าแต่พอเย็บปักเริ่ดนี่เริ่มแบบ ท่านพี่ววววววว ม่ายยยยยยย แต่พอมีความสามารถเข้าสังคมมานี่เข้าทีไม่หยอกนะ เหมาะเป็นมาดามคอยช่วยงานสามีด้านคอนเนคชั่นสุดๆ ใครก็ได้มารับนางไปที~~~~
>>767 มาสคอตนั่นน่าจะคิดเอาเองมั้ง? ช่วงต้นเรื่องพวกของ,ขนม,แบรนด์อะไรต่างๆดูฮิโยโกะซังจะเลี่ยงใช้ชื่อหรือของที่มีจริง
ไม่เหมือนหลังๆนี้ที่จัดเต็มแบบเดาได้ว่าเป็นของแบรนด์อะไรบ้าง ไม่ก็บอกชื่อแบรนด์ออกมาเลย
แต่ตอนอ่านมาสคอตเผือกนี่ กูนึกถึงหน้าตาแบบอีมาสคอตหัวไชเท้านี่อะ http://imgur.com/sIDwaZX 55555
>>776 ชีวิตโคตรเสี่ยงอันตราย ...
เอ้า ต่อฟิค >>680-681
ไม่ได้เขียนฟิคนี้นาน คิดถึงจัง 55555555555
------------------------------------------------------------
ใกล้เวลาเลิกงาน ฉันเตรียมเก็บของใส่กระเป๋าสะพาย พอควานมือลงไปก็เจอตลับแป้งและกระเป๋าเครื่องสำอางแบบเซ็ตเล็กนอนนิ่งอยู่ในนั้น นึกชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หยิบพวกมันออกมาวางบนโต๊ะ
ฉันส่องกระจก ดูเหมือนว่าระหว่างวัน แป้งที่ตบมาเมื่อเช้าจะเลือนๆไปบ้างนิดหน่อย แถมรู้สึกหน้ามัน ฉันก็เลยซับความมันบนใบหน้า ตบๆแป้งพัฟใหม่อีกหน สีปากก็เลือนลงด้วยก็ต้องทาปากใหม่ แต่ตากับคิ้วยังโอเคอยู่ ไม่ต้องไปยุ่งอะไรมาก แต่แต่งแค่นี้ก็กินเวลาโขอยู่
ปกติฉันไม่มานั่งทำอะไรแบบนี้หรอกนะคะ เลิกงานแล้วก็กลับบ้าน ไปทานเค้กที่ท่านพ่อซื้อมาฝาก ดูทีวีอาบน้ำแล้วก็เข้านอน ถ้ามีนัดหรือไปงานเลี้ยงก็ไปร้านเสริมสวยให้ช่างมืออาชีพจัดการให้ ไม่มาแต่งหน้าก่อนกลับบ้านแบบสาวออฟฟิศทั่วไปอย่างนี้
แต่วันนี้พิเศษกว่าทุกวันคือต้องไปเยี่ยมยูกิโนะคุงที่โรงพยาบาลนี่คะ ก็ต้องดูดีเอาไว้ก่อน ไม่ได้แต่งไปให้ใครดูหรอกนะ
ตะกร้าของเยี่ยมที่คุณซาซาจิมะจัดมาให้เป็นเซ็ตน้ำผลไม้วิตามินซีสูงบรรจุมาในขวดแก้วน่ารักๆ และผลไม้สดน่าทาน หวังว่าคงจะไม่สิ้นคิดเกินไปนะคะ
มองนาฬิกา เลยเวลาเลิกงานมาโขแล้ว ท่านพี่ ท่านไอระ เอ็นโจ ยังคุยงานกันไม่เสร็จอีกเหรอ ขยันขันแข็งกันดีเหลือเกินน้า
ฉันที่อยู่ว่างๆก็มาสำรวจตัวเองอย่างกังวลเล็กๆ แล้วที่แต่งไปเมื่อกี้นี้มันเข้มเกินไปรึเปล่า สีปากจัดเกินไปมั้ยนะ ถ้าเอ็นโจยังไม่ลงมา แต่งใหม่จะดีมั้ยนะ แต่ก็กินเวลาชะมัด
ตอนนี้ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนกหงส์หยกที่วันๆเอาแต่ส่องกระจกแล้วแต่งตัวยังไงก็ไม่รู้สิคะ
ท่านไอระเปิดประตูห้องทำงานฉันเข้ามา กำลังจะเอ่ยทัก เอ็นโจก็เดินตามท่านไอระเข้ามาด้วยรอยยิ้มสบายๆ
ฉันชะงักในทันที มือยังถือลิปสติกค้างไว้
“รบกวนเวลาแต่งหน้าอยู่รึเปล่าจ๊ะ” ท่านไอระเลิกคิ้ว
“ไม่ค่ะ ไม่เลย” ฉันรีบปิดฝาลิปสติกแล้วยัดลงกระเป๋า
“รู้สึกจะลิปคนละสีกับเมื่อตอนเที่ยงสินะ สีนี้ก็สวยเหมาะกับเรย์กะจังมากเลยล่ะจ๊ะ” ท่านไอระขยิบตาให้แล้วก็หันไปมองเอ็นโจ “สีชมพูหวานๆแบบนี้ดูน่ากินมากเลย เห็นแล้วนึกถึงมาการองกุหลาบ ว่ามั้ยชูสุเกะ”
เอ็นโจอมยิ้มแล้วก็พยักหน้า เอ๊ะ!! พยักหน้านี่หมายความว่ายังไงกันคะ
“เอ่อ ท่านไอระจะไปเยี่ยมยูกิโนะคุงด้วยกันสินะคะ”
“เปล่าจ้า ฉันมาส่ง แล้วก็จะกลับไปคุยงานกับคุณทาคาเทรุต่อน่ะ” ท่านไอระหัวเราะแล้วตบไหล่เอ็นโจเบาๆ “ไปล่ะ ให้ท่านประธานรอนานจะไม่ดี ชูสุเกะก็อย่าพาเรย์กะจังไปเถลไถลข้างทางล่ะ ไม่งั้นล่ะก็ เจอดีแน่”
“ไปได้แล้วน่า ไอระ”
“พอหมดประโยชน์ก็ไล่กันทันทีเลยนะ” ท่านไอระหัวเราะแล้วหันมาทางฉัน “ถ้าถูกชูสุเกะรังแกล่ะก็ โทรหาฉันได้เลยนะเรย์กะจัง แล้วฉันจะจัดการให้เอง”
ท่านอัศวินจะปกป้องฉันจากเงื้อมมือปีศาจเหรอคะ ว้าย ดีใจจังเลยค่ะ
เอ็นโจต่อปากต่อคำกับท่านไอระอีกหลายประโยค ท่านไอระก็เป็นฝ่ายจากไป แหมสนิทกันดีจังเลยนะคะ น่าหมั่นไส้ชะมัด
แต่พอท่านไอระไปแล้ว ก็เหลือฉันกับเอ็นโจอยู่ในห้องทำงานสองต่อสอง ความเงียบก็เข้าปกคลุมทันที
อะ เอาไงต่อไปดีล่ะคะเนี่ย
“ปะ ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวยูกิโนะคุงจะรอนาน”
“นั่นสิ ไปกันเถอะ” เอ็นโจหิ้วตะกร้าของเยี่ยมขึ้นมาถือ อีกมือยื่นมาหาฉัน “เชิญครับ คุณผู้หญิง”
ฉันชะงักไปเล็กน้อย คว้ากระเป๋าสะพายพาดบ่า มองเมินมือที่ยื่นมาหานั่น ก้าวฉับๆไปที่ประตู ได้ยินเสียงหัวเราะดังแว่วๆมาก็นึกอยากหันกลับไปเสยปลายคางอีตานี่อย่างไรชอบกล
รถของตระกูลเอ็นโจจอดรออยู่แล้วตรงประตูทางออกหลัก คนขับเปิดประตูและก้มหัวให้ฉันอย่างนอบน้อม เอ็นโจส่งตะกร้าของเยี่ยมให้คนขับรับไปแล้วก้าวขึ้นมานั่งข้างๆฉันที่เบาะหลัง
รถเคลื่อนตัวออกจากบริษัทไม่ทันไร เสียงมือถือของเอ็นโจก็ดังขึ้น ฉันไม่ตั้งใจจะฟังแต่ก็ได้ยินบทสนทนาอย่าง “อือ” “กำลังจะไป” “รู้แล้ว” หรืออะไรทำนองนั้น ใครโทรมาน่ะ
เหมือนรู้ความคิดฉัน เพราะเอ็นโจหันมายิ้มให้แล้วก็บอก
“ยูกิโนะบอกว่าอยากทานเค้กให้ซื้อเข้าไปหน่อย” เอ๋ เทวดาน้อยอยากทานเค้กเหรอคะ รู้งี้ของเยี่ยมเอาเป็นเค้กก็ดีหรอกค่ะ
ร้านเค้กที่เอ็นโจจอดแวะซื้อเป็นร้านเล็กๆน่ารักที่ฉันกับท่านไอระเคยมาทานด้วยกันสมัยเรียน มีลูกค้าสาวๆมาใช้บริการค่อนข้างหนาตาเพราะเป็นเวลาเลิกเรียนและเลิกงาน สาวๆในร้านหันมองเอ็นโจกันใหญ่ เอ็นโจไม่ได้สนใจสายตาสาวๆพวกนั้นแต่หันมายิ้มกับฉัน
“คุณเรย์กะ ทานอะไรดี”
“ยูกิโนะคุงอยากทานอะไรก็เอาตามนั้นเถอะค่ะ”
“อือฮึ มาการองกุหลาบก็น่าทาน”
เอ๊ะ!! แล้วนายจะหันมามองฉันทำไมล่ะคะ มองเค้กในตู้ไปสิค้าาาาาา!!!!
ฉันถลึงตาใส่แล้วหันไปเลือกเค้ก เอ็นโจก็ก้มลงมากระซิบใกล้ๆ ให้ข้อมูลว่ายูกิโนะชอบทานอะไรหรือไม่ชอบอะไรบ้าง มันก็ดีอยู่หรอกค่ะที่ได้รู้ความชอบของเทวดาน้อย แต่นายอย่ามาทำเสียงแบบนั้นใกล้หูฉันจะได้มั้ยคะ นี่มันที่สาธารณะน้าาาา!!!
กว่าจะเลือกเสร็จ ฉันก็หน้าเห่อร้อนไปหมด แถมยังรู้สึกถึงสายตาทิ่มแทงด้วยความริษยาจากเหล่าสาวๆในร้าน เอ็นโจยิ้มอย่างเคยตอนจ่ายเงิน แล้วจูงมือฉันออกนอกร้านทันทีที่หมดธุระ
อะไรกันยะ!! ยังไม่ได้อนุญาตให้จับมือเลยนะ!!!
“เด็กคนนั้นต้องดีใจแน่ๆที่คุณเรย์กะเลือกเค้กให้”
“ถ้ายูกิโนะคุงชอบฉันก็ดีใจค่ะ”
“นี่ก็ได้เวลามื้อค่ำแล้ว คุณเรย์กะอยากทานอะไรก่อนมั้ย” เอ็นโจมองนาฬิกา ฉันเองก็เริ่มรู้สึกหิวนิดหน่อยเหมือนกัน กำลังจะอ้าปากพูดเรื่องมื้อค่ำ แต่ก็ชะงักเมื่อนึกขึ้นได้
ถ้าตอบตกลง ก็เหมือนกับจะไปดินเนอร์สองต่อสองกับเอ็นโจเลยน่ะสิ
“เอ่อ เอาไว้ทีหลังเถอะค่ะ ไปหายูกิโนะคุงก่อนดีกว่านะคะ เดี๋ยวจะหมดเวลาเยี่ยม” ฉันตัดใจเรื่องมื้อค่ำ เดี๋ยวแอบทานข้าวปั้นที่ซื้อมาซุกไว้ในตู้เย็นในห้องก็แล้วกัน เอ็นโจก็พยักหน้ายิ้มๆ
รถแล่นเข้ามาจอดที่โรงพยาบาล ไปถึงก็มีคนของบ้านเอ็นโจมายืนรอต้อนรับอยู่แล้ว เปิดประตูให้และถือของทั้งหมดที่เอามา
โรงพยาบาลนี่หรูหราเหมือนโรงแรมห้าดาวเลยล่ะค่ะ แต่จะให้หรูยังไงก็โรงพยาบาลอยู่ดีแหล่ะเนอะ ถ้ายูกิโนะคุงเจอสภาพแวดล้อมแบบนี้คงไม่รู้สึกหดหู่เท่าไหร่ล่ะมั้งคะ
เอ็นโจเดินนำฉันลิ่วๆไปที่ลิฟท์ พนักงานในลิฟท์เห็นหน้าเอ็นโจก็กดชั้นให้ทันทีแบบไม่ต้องถาม ท่าทางจะมาบ่อยจนพนักงานจำหน้าได้แล้ว แต่แบบนี้ไม่ดีเลยค่ะ ถ้ามาบ่อยก็แปลว่ายูกิโนะคุงป่วยบ่อย น่าเป็นห่วงสุดๆไปเลยล่ะค่ะ
“ทางนี้ คุณเรย์กะ” เอ็นโจเดินไปหยุดที่ห้องหนึ่งห่างไกลจากลิฟท์พอสมควร เปิดประตูให้ฉันเข้าไปข้างใน “ยูกิโนะ ใครมาแน่ะ”
ยูกิโนะคุงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ในมือถือจอยสติ๊กเอาไว้อยู่ พอหันมาเห็นฉันก็ยิ้มกว้าง วางจอยลงแล้วทำท่าจะลุกมาหา “คุณพี่เรย์กะ”
“ไม่ต้องจ๊ะ ไม่ต้องลุก” ฉันรีบยกมือห้ามเอาไว้ เดินเข้าไปใกล้ๆเทวดาน้อย
เอ็นโจบอกว่าจะไปคุยกับหมอที่ดูแลอาการของยูกิโนะสักครู่ ให้ฉันกับยูกิโนะคุงอยู่กันสองคนไปก่อน ดีค่ะดี ไปนานๆเลยนะคะ ฉันจะได้คุยกับเทวดาน้อยเยอะๆ
“ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้างจ๊ะ” ฉันรีบถามทันที
“เอ๋ ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ” ยูกิโนะคุงหัวเราะ “แค่เกิดหายใจไม่ออกขึ้นมานิดหน่อยเอง พ่นยาก็หาย แต่ท่านแม่น่ะสิยืนยันว่าต้องมาโรงพยาบาลให้ได้ แล้วก็วุ่นวายกันทั้งบ้านเลย”
หายใจไม่ออกเนี่ยนะ!! มันไม่ใช่แค่นะจ๊ะ ยูกิโนะคุง!!!
พอเห็นฉันหน้าเสีย ยูกิโนะคุงก็ยิ้มแฉ่ง จับมือฉันไปบีบเบาๆ
“ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรแล้วครับ อยู่โรงพยาบาลก็ไม่เหงาหรอกนะ ตอนบ่ายท่านพี่มาซายะยังมาเยี่ยมเลย เอาเกมเพิ่งออกใหม่มาฝากด้วยล่ะ”
คาบุรากิน่ะเหรอ ใส่ใจยูกิโนะคุงดีจังเลยนะ
“เกมอะไรเหรอจ๊ะ”
“เกมผจญภัยเอาตัวรอดในโรงพยาบาลร้างที่เต็มไปด้วยผีน่ะครับ” ยูกิโนะคุงจับจอยขึ้นมา กดยกเลิกปุ่ม Pause
จอทีวีใหญ่ยักษ์ปรากฎภาพภายในโรงพยาบาลร้างมืดครึ้มที่เต็มไปด้วยฝุ่น คราบเลอะ กระเบื้องแตกๆ และตะไคร่บ่งบอกว่าปิดทำการมานาน เกมสมัยนี้ชักจะทำได้เหมือนจริงเกินไปแล้วนะคะ แล้วเสียงประกอบก็เป็นดนตรีเศร้าๆที่ฟังดูหลอนและวังเวงอีก
ยะ ยูกิโนคูงงงง ไหงเล่นเกมนี้ในที่แบบนี้ล่ะคะ
นั่งดูยูกิโนะคุงเล่นเกมไปด้วยใจระทึก ไม่กล้ามองจอมาก แต่ยูกิโนะคุงดูสนุกก็โอเคแล้วล่ะมั้งคะ
เสียงประตูเปิดแง้มๆทำให้ฉันสะดุ้งสุดตัว คุณพยาบาลสาวหน้าตาจิ้มลิ้มโผล่หน้าเข้ามา เรียกคุณชายน้อยตระกูลเอ็นโจไปเจาะเลือดอีกหน ยูกิโนะคุงพอได้ยินก็ทำหน้าเบื่อๆแล้วหันมายิ้มให้
“คุณพี่เรย์กะเล่นแทนหน่อยนะครับ ปุ่มนี้กระโดดกับวิ่ง ปุ่มนี้เดิน ปุ่มนี้ค้นหา เปิดประตูหรือหลบ กดดูไอเท็มหรือเปลี่ยนมุมกล้องแบบนี้นะครับ” ยูกิโนะคุงอธิบายคร่าวๆ ทำให้ฉันดูหนึ่งรอบแล้วก็วางจอยใส่มือฉัน “เดี๋ยวกลับมานะครับ”
ดะ เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไปสิคะ!!
ฉันจับจอยอย่างเงอะงะ มือสั่นเทา จะกดเดินก็ยังไม่กล้า แถมมุมมองเกมก็เป็นแบบบุคคลที่หนึ่งอีก ยิ่งเหมือนได้เข้าไปเดินในที่แบบนั้นเองไม่ใช่รึไงคะ เสียงดนตรีก็บิลด์อารมณ์กันเกินไปแล้ว หัวใจฉันเต้นถี่แทบจะหลุดออกมานอกอกด้วยความระทึก
กดดูไอเท็มที่ติดตัว มีแค่ไฟฉาย ขวดน้ำกับเอกสารเก่าๆ ขวดน้ำต้องเป็นน้ำมนต์แน่ๆเลยค่ะ นับว่ารอบคอบถ้าจะมาล่าท้าผีก็ต้องพกเครื่องรางมาให้อุ่นใจกันหน่อย
แต่พอกดดูคำอธิบายก็พบว่าเป็นน้ำดื่มธรรมด๊า ธรรมดา ไม่ใช่น้ำมนต์ไล่ผีอะไรซักนิด
ปัดโธ่!! นายมาทำอะไรในที่แบบนี้กันเนี่ย
แถมเอกสารเก่าๆแต่ละแผ่นที่เก็บได้ก็อ่านแล้วจิตตกชะมัดเลยค่ะ เกี่ยวกับการทดลองมนุษย์ในโรงพยาบาลบ้างล่ะ หรือเจ็บป่วยมานานก็เลยสาปแช่งให้คนอื่นป่วยตายเหมือนตัวเองบ้างล่ะ มีแต่เนื้อหาที่ดูโรคจิตวิปริตทั้งนั้น คาบุรากิ!! ไหงเอาเกมแบบนี้มาให้เทวดาน้อยเล่นล่ะ ห๊า!!!
น่ากลัว น่ากลัวสุดๆ จะร้องไห้แล้วนะ ยูกิโนะคุง เอ็นโจ ใครก็ได้ กลับมาซักทีเถอะ
จอยในมือฉันสั่น หรือเป็นที่มือฉันสั่นเองก็ไม่ทราบได้ แต่พอจอยสั่นอย่างนี้ต้องมีอะไรโผล่มาแหงๆค่ะ แล้วก็มีจริงๆด้วย
ในจอปรากฎภาพของวิญญาณของพยาบาลสาวโปร่งใสดักรออยู่ที่หัวมุม ฉันยังไม่ทันเดินเฉียดเข้าไปใกล้ วิญญาณก็ทะลุมาหาด้วยความรวดเร็ว เห็นหน้าเละๆที่เบ้าตากลวงโบ๋เต็มไปด้วยคราบเลือดเหมือนคราบน้ำตาซูมเข้าใกล้ๆจอ กรีดเสียงร้องแหลมสูงโหยหวน
ฉันเองก็กรีดร้องด้วยเหมือนกัน โยนจอยทิ้งแล้วยกมือขึ้นปิดตา
ไม่เอาแล้ว!! ไม่เอาแล้ว!! ไม่เอาแล้ว!! จะกลับบ้าน เค้าอยากกลับบ้าน!!!!
“คุณเรย์กะ คุณเรย์กะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้หู เขย่าฉันเบาๆ
“กลัวแล้วค่ะ กลัวแล้ว อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย ผีก็อยู่ส่วนผีสิคะ” ฉันห่อไหล่ตัวเองแน่น ปากละล่ำละลักฟังแทบไม่เป็นคำพูด หลับตาปี๋ไม่กล้ามองอะไร
“นี่ผมเอง”
ฉันเอามือที่ปิดหน้าปิดตาออก เห็นเอ็นโจมองมาอย่างเป็นห่วง...เอ็นโจจริงๆนะ ไม่ใช่ผีแน่นะ
ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไร เอ็นโจก็ดึงฉันเข้าไปกอด ลูบหัวลูบหลังเบาๆ
“ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว” เสียงทุ้มต่ำข้างหูฉันคอยปลอบโยน ดนตรีประกอบเศร้าๆหลอนๆจากเกมนั่นก็หายไป เอ็นโจคงปิดทีวีไปแล้ว พอไม่มีเสียงกดดันประสาท และรู้สึกถึงความอบอุ่นอ่อนโยน หัวใจฉันก็ค่อยๆสงบลงและเริ่มกลับมาเต้นตามจังหวะตามปกติ
แต่เพราะความเงียบ ทำให้ได้ยินเสียงบางอย่างได้ชัด ฉันที่แนบชิดกับเอ็นโจอยู่แบบนี้อยู่ใกล้กันมาก ใกล้ จนรู้สึกถึงเสียงหัวใจ
ทะ ทำยังไงดีคะ หัวใจฉันตอนนี้มันกลับไปเต้นในจังหวะที่เหมือนตอนเล่นเกมของยูกิโนะคุงอีกแล้วล่ะค่ะ
“คุณชูสุเกะ มาแล้วเห….” เสียงเปิดประตูดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงผู้หญิงที่ฉันจำได้ว่าเป็นเสียงของมาดามเอ็นโจ พอหันไปตามเสียงนั้นก็เห็นมาดามเอ็นโจยืนเอามือปิดปากอยู่ “อุ๊ยตาย”
อ๊ากกกกก!! อย่าเข้าใจผิดนะคะมาดาม มันเป็นเรื่องสุดวิสัยค่า ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่จริงๆนะคะ!!!
ยูกิโนะคุงยืนอยู่ข้างหลังมาดามเอ็นโจก็หัวเราะออกมาด้วย
“ตามสบายเลยนะจ๊ะ เดี๋ยวแม่จะไปนั่งดื่มชารอกับยูกิจังที่ล็อบบี้ก่อนนะ”
“เสร็จเมื่อไหร่ค่อยมาเรียกนะครับ ท่านพี่”
เสร็จ!? เสร็จอะไรค้าาาา!? อย่าเข้าใจผิดแล้วพูดสองแง่สองง่ามแบบนั้นสิ ยูกิโนะคูงงงง
เอ็นโจเอาแต่หัวเราะ เฮ้ นายก็ช่วยพูดอะไรหน่อยเซ่!! อย่าให้แม่นายกับน้องนายมาเข้าใจอะไรผิดๆแบบนี้ แล้วนายจะยืนกอดฉันอีกนานมั้ยห๊า ปล่อยซักทีสิ!!!
สุดท้ายเอ็นโจก็ยอมปล่อยมือออก เดินไปตามมาดามเอ็นโจและยูกิโนะคุงให้กลับมาที่ห้อง สองคนนั้นทำหน้ายิ้มๆ ฉันก็ยิ่งรู้สึกอยากละลายหายไปในอากาศเดี๋ยวนั้นเลยล่ะค่ะ
อย่าเข้าใจผิดนะคะ มันไม่มีอะไรจริงๆน้า อุแง้
ฉันคร่ำครวญอยู่ในใจ แต่บอกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ เอ็นโจก็ไม่ช่วยอะไรเอาแต่ยิ้ม โอ๊ย!!หงุดหงิดชะมัด รู้แบบนี้น่าจะตั้งใจอ่านเอกสารที่มีคำสาปแช่งในเกมก็ดีหรอก จะได้เอามาใช้ตอนนี้เลย
ยูกิโนะคุงเข้ามาขอโทษฉันเรื่องที่ฝากให้เล่นเกมผีแทนตัวเองจนฉันเกือบร้องไห้
“ขอโทษครับ ผมกลัวคุณพี่เรย์กะจะเหงาที่ต้องอยู่คนเดียว ก็เลยให้เล่นเกมฆ่าเวลา”
โถ เทวดาน้อย กลัวฉันอยู่คนเดียวแล้วจะเหงาสินะคะ คราวหน้าเอาเกมน่ารักๆมาฝากดีกว่า อย่าไปเล่นเกมที่มีเนื้อหารุนแรงแบบนี้เลยนะจ๊ะ
มาดามเอ็นโจให้คนแกะอาหารใส่จานมาวางบนโต๊ะ จูงมือฉันไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่อีกห้อง แบ่งเป็นสัดส่วนจากห้องของคนป่วย อันนี้คงสำหรับคนมาเฝ้าไข้ แต่บนโต๊ะอาหารมีชุดรับประทานอาหารจัดไว้สองชุด ของเอ็นโจกับมาดามสินะคะ
“ได้ยินจากคุณชูสุเกะว่าจะพาคุณเรย์กะมาเยี่ยมยูกิจังแล้วยังไม่ได้ทานมื้อค่ำ ก็เลยรีบให้คนไปซื้ออาหารมาทันที เป็นร้านประจำของบ้านเราเอง ไม่ทราบว่าจะถูกปากคุณเรย์กะรึเปล่านะคะ”
“ต้องขอบคุณมากนะคะ แต่เกรงใจจังเลยค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ ตามสบายเลยนะคะ” มาดามเอ็นโจลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวขอกลับไปเอาของที่บ้านก่อนนะคะ คุณชูสุเกะดูแลคุณเรย์กะด้วยนะ”
เอ็นโจพยักหน้า มาดามเอ็นโจก็เปิดประตูออกไป ส่วนยูกิโนะคุงโผล่มาแค่หัวกับคอแต่ไม่เข้ามาในห้อง ฉันชวนยูกิโนะคุงทานอาหารแต่ยูกิโนะคุงส่ายหน้าบอกว่าทานมื้อเย็นไปแล้ว
“ท่านพี่ เค้กที่ฝากซื้อล่ะ”
“อยู่บนโต๊ะข้างเตียงไง”
“ขอบคุณครับ” พูดจบก็ปิดประตูทันที เหลือฉันกับเอ็นโจอยู่ในห้องสองต่อสอง
เอ็นโจนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม จับช้อนส้อมขึ้นมาแล้วเริ่มต้นลงมือรับประทานอาหาร ท่าทางจะหิวมากจริงๆ มิน่า ถึงได้ชวนทานมื้อค่ำ
แต่ฉันเองก็หิวเหมือนกัน เพราะงั้น จะทานละนะคะ
ประตูเปิดออกอีกหน ยูกิโนะคุงหิ้วถุงเค้กและลากเสาน้ำเกลือเข้ามาในห้อง นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆฉัน “ทานคนเดียวไม่อร่อยเลยล่ะครับ มาทานกับคุณพี่เรย์กะดีกว่า”
แหม เทวดาน้อย น่ารักจริงๆเลยค่ะ
ยูกิโนะคุงเล่าเรื่องตอนอยู่ที่โรงพยาบาลให้ฟัง ถ้าไม่เล่นเกมก็ทำนีดเดิลเฟลท์ไปเรื่อย แล้วก็เอาผลงานนีดเดิลเฟลท์เป็นหมีขาวขนาดเท่าฝ่ามือให้ดู หวา ฝีมือดีจนฉันไม่เห็นฝุ่นเลยล่ะค่ะ
“อ๊ะ จริงสิ คุณพี่เรย์กะได้จดหมายจาก Pivoine รึเปล่าครับ”
“เรื่องงานเลี้ยงวันฮาโลวีนสินะ” ฉันพยักหน้า “ยังไม่รู้เลยจ๊ะว่าจะว่างไปรึเปล่า อาจจะมีประชุมก็ได้”
“เอ๋ คุณพี่เรย์กะจะไม่มาเหรอครับ” ยูกิโนะคุงทำตาโตอย่างตกใจ
“ยูกิโนะ คุณเรย์กะเขาโตแล้วก็มีธุระบ้างสิ”
“ใครจะไปเหมือนท่านพี่ล่ะครับ ทำแต่งาน ไม่กลับบ้านกลับช่อง” ยูกิโนะคุงทำปากยื่น แหม น่ารักจังเลยค่ะ งอนพี่ชายงั้นเหรอ เอ็นโจนี่แย่จริงๆทิ้งน้องน่ารักขนาดนี้ไว้ที่บ้าน “ผมอุตส่าห์หวังว่าจะได้เต้นรำกับคุณพี่เรย์กะซักหน่อย แบบตอนเรียนยังไงล่ะครับ”
“แหม ต้องดูก่อนนะจ๊ะ” ฉันตอบแบบไว้ตัวนิดหน่อย ไม่ให้เห็นอาการว่าหนูอยากไปจะแย่แล้วค่าาา ได้เต้นรำกับเทวดาน้อยท่ามกลางภูตผีทั้งหลาย ยูกิโนะคูงงง ใช้ลำแสงโฮลี่ปกป้องพี่ด้วยนะจ๊ะ “ถ้าไปก็ยังไม่รู้เลยว่าจะแต่งเป็นอะไรดี”
“ผมว่าจะแต่งเป็นโจรสลัดล่ะครับ” ยูกิโนะคุงดูสนุกสนาน อ้าว นึกว่าจะแต่งเป็นเทวดาหรือบาทหลวงซะอีกนะคะ แต่โจรสลัดที่ดูดิบเถื่อนเนี่ย จะไหวกับภาพพจน์ของเทวดาน้อยรึเปล่านั่น “ท่านพี่คงไม่ต้องคิดเพราะคงไม่ไปงานนี้อยู่แล้วล่ะเนอะ”
เอ็นโจทำเพียงแค่ยิ้ม ไม่ตอบอะไร น่าหมั่นไส้ชะมัดเลยล่ะค่ะ
แต่เอ็นโจจะไม่มางั้นเหรอ ดีเลย ถ้านายมาคงขับให้งานนี้น่าสะพรึงกลัวกว่าที่ควรเป็นแน่ๆ และงานฮาโลวีนนี้ฉันก็อุ่นใจ มีท่านอัศวินและเทวดาน้อยคอยปกป้องฉันจากเงื้อมมือปีศาจ ฉันควรจะแต่งเป็นนางฟ้าสินะคะ ให้สมภาพลักษณ์อ่อนแอบอบบางเพราะถูกปกป้องน่ะ
แหม นางฟ้าเพียงหนึ่งเดียวในงานเลี้ยงของเหล่าภูตผี จะเป็นที่ต้องตาของปีศาจรึเปล่าคะเนี่ย
----------------------------------------------
ส่งต่อแจ้ 555555555555555555555
ดีงามเหมาะแก่การเยียวยาหัวใจเหลือเกิน โฮฮฮฮฮฮฮ 3q มากนะ
แต่ประโยคสุดท้ายของคุณเธอนี่คงเส้นคงวามาก 5555555555555 ทักษะการมโนน่ะนะ~
>>790-793 อะไรคือนางฟ้าเพียงหนึ่งเดียวในงานแล้วจะเป็นที่ต้องตาของปีศาจ ถถถถถถถถถถถถ ความมโนไม่เปลี่ยนแปลงจริมๆ
ยูกิโนะคูงงงง ชอบเล่นเกมแบบนี้ด้วยเหรออออ ไหนเขียนจดหมายไปอ้อนเรย์กะว่ากลัวไง ถถถถถถถถถ
ดีต่อใจมากค่ะ คิดถึงฟิคเวียนนี้สุดๆ รักคนมาต่อนะคะ
>>798 ไปดูมา หน้าตาไฮโซมาก เรย์กะคงใช้แบรนด์นี้ล่ะมั้ง กูก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแบรนด์เท่าไหร่ //หันมอง revlon ในมือ แพงสุดที่กูซื้อคือ MAC นี่ล่ะ ชาแนล ysl อะไรนี่ไม่หวังเลย
>>790-793 กรี๊ดดดดดด ดีงามมมม นี่เนียนเรียกคุณเรย์กะแล้วซินะ มาการงกุหลาบ อยากทานก็ทานเลยค่าา //แค่กๆ
ยูกิโนะคุงน่ารักก มีมาเนียนบีบๆมืออีก ที่ให้เรย์กะเล่นเกมนี่จงใจรึเปล่านะ...
แต่งเป็นนางฟ้า... กูนึกถึงป้านางฟ้าในเรื่องซินเดอเรลล่าของดิสนีย์เป็นอย่างแรกเลยว่ะ ขอโทษค่ะ 5555555
>>802 มาลิฟิเซนต์นี่โคตรเหมาะ 5555
ตอนแรกจะบอกว่าถ้ามีประกวดในงานน่าจะชนะเลย แต่คิดอีกทีคาบุรากิน่าจะแต่งจัดเต็มราวกับถ่ายฮอลลีวูดมากกว่าใครเพื่อน 55555
จะว่าไปในฟิค ตอนกอดปลอบกันนี่ ลิปสติกสีชมพูของเรย์กะน่าจะเลอะเสื้อเอ็นโจมั้ยนะ ให้ยูกิโนะทักว่าท่านพี่กินเลอะเทอะ แต่
เอ ดูอีกทีไม่ได้เลอะซอสนี่นา ฟหดเดหหฟฟ
อยากเห็นปฏิกิริยาของทั้งคู่จัง ใครก็ได้แต่งต่อทีย์ //_\\
แต่กูว่านางคงชอบแนวนางฟ้าน่ารักๆสวยๆมากกว่าล่ะมั้ง
กูว่านางแต่งนางฟ้าไปงาน แล้วก็พบว่ามีสาวๆที่คิดคล้ายๆกันอยู่เพียบ นางฟ้าเดินให้ว่อนงาน กลายเป็นเขินเลย ประมาณว่าเจอคนใส่เสื้อเหมือนกันตอนออกจากบ้านน่ะ
>>806 ถ้าพูดถึงเกอแลง กูนึกถึงตัวนี้ว่ะ สีชมพูหวานด้วย
http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=120866
Fic 196.4
บทสนทนากลุ่มนักเรียนหญิงซุยรันนิรนาม
"นี่มันเรื่องใหญ่นะคะ"
"เอ๋ อะไรกันคะ จู่ๆ ก็พูดออกมาแบบนั้น"
"ก็เรื่องของวันนี้น่ะค่ะ ท่านเรย์กะให้กำจัดข่าวลือ"
"แหม ก็เป็นครั้งแรกของท่านเรย์กะที่ให้ช็อคโกแลตกับคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวนี่คะ ต้องเขินอยู่แล้ว"
"แต่ว่า ไม่สังเกตกันบ้างหรือคะ วันนี้น่ะ"
"สังเกตอะไรหรือคะ"
"ก็ท่านคาราบุกิ"
"ท่านคาราบุกิ? ทำไมหรือคะ"
"...หลังจากท่านเรย์กะให้ช็อคโกแลตกับท่านเอ็นโจ แล้วสีหน้าท่านคาราบุกิก็ดูไม่ค่อยสดใส"
"!!"
"!!"
"!!"
"นี่มัน..."
"คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือคะ เรื่องบังเอิญจะเกิดขึ้นง่ายขนาดนั้นเลยหรือคะ กับคนที่จิตใจเข้มแข็งเช่นท่าคาราบุกิผู้นั้น กลับกลายมาเป็นแบบนี้หลังจากท่านเรย์กะเอาช็อคโกแลให้ท่านเอ็นใจ"
"จะว่าไปแล้ว...ท่านคาราบุกิก็ดูเศร้าจริงๆ สินะคะวันนี้ แต่เพราะความงดงามบดบังอารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริงของท่าน ทำให้พวกเรามองข้ามไป"
"แล้วท่านเรย์กะยังบอกให้กำจัดข่าวลือนั่นอีก ไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วหรือคะ"
"เอ๋"
"ก็อาจจะไม่อยากให้ท่านคาราบุกิที่กำลังใจสลายต้องเสียใจมากไปกว่านี้"
"ถ้าจะว่าไปแล้วมันก็"
"ท่านเรย์กะจริงจังถึงขั้นนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สังเกตเห็นท่านคาราบุกิหรอกค่ะ"
"อะ ท่านเอ็นโจเองก็คอยปฏิเสธข่าวลือด้วย หรือว่าเป็นห่วงความรู้สึกของท่านคาราบุกิ"
"หรือว่า...ในที่สุดมิตรภาพที่มีมาช้านานกำลังจะเข้าสู่จุดแตกหักกันแล้วคะ!?"
"นะ นี่มันเรื่องใหญ่จริงๆ ด้วยค่ะ"
ขอบคุณโม่งแปล ตอนล่าสุดดูตื่นเต้นตามฉิบหาย ถ้าเอ็นโจไม่ห้าม เกิดคาบุกับท่านโยโกะปะทะกันตรงๆใครจะชนะวะ แต่ที่แน่ๆมาดามคาบุต้องไม่พอใจวาคาบะแหงๆเลย ดันทำสองตระกูลผิดใจกัน//มโน
Fic 196.6
บทสนทนาของกลุ่มนักเรียนหญิงซุยรันนิรนาม 2
"ได้ยินเรื่องจากท่านที่อยู่ในสโมสร pivoine หรือยังคะ"
"เรื่องอะไรหรือคะ"
"เรื่องใหญ่เลยนะคะ ก็เหตุการณ์ในวันก่อนน่ะค่ะ"
"หรือว่า...จะเกิดอะไรขึ้นกับท่านเหล่านั้นงั้นหรือคะ!?"
"ได้ยินว่าตอนที่ท่านเรย์กะเหลือบมองท่านคาราบุกิ ท่านๆ ที่อยู่ด้วยกันรู้สึกถึงความขุ่นเคืองในแววตาของท่านเรย์กะเลยล่ะค่ะ ขนาดที่น้องชายของท่านเอ็นโจยังทักขึ้นมาเลย"
"จริงหรือคะ! แต่ก็สมเป็นท่านเรย์กะนะคะที่กล้าส่งสายตาแบบนั้นให้กับท่านคาราบุกิได้"
"แล้วท่านคาราบุกิไม่มีปฏิกิริยาอะไรหรือคะ"
"ก็อ่านหนังสือเงียบๆ น่ะค่ะ แต่บรรยากาศในห้องตอนนั้นที่ได้ยินมาจากท่านที่อยู่ที่สโมสรบอกว่าจู่ๆ ก็หนาวเหมือนอยู่ขั้วโลกเหนือในชั่วพริบตาเลยค่ะ"
"งั้นหรือคะ...แต่ว่าท่านทั้งสองมีเรื่องทะเลาะอะไรกันหรือคะ"
"ก็ไม่มีใครพูดอะไรหรอกนะคะ แต่ทุกคนก็ทราบกันดีเรื่องที่ท่านเรย์กะมอบช็อคโกแลตให้ท่านเอ็นโจดีอยู่แล้วสินะคะ"
"เรื่องนั้น...แต่คนที่น่าจะโกรธไม่ใช่ว่าเป็นท่านคาราบุกิหรอกหรือคะ"
"เพราะมันควรจะเป็นแบบนั้นแหละค่ะ แต่ปฏิกิริยาที่ออกมาสลับกัน"
"น่าแปลกจริงๆ ด้วยนะคะ"
"ไม่หรอกคะ ความจริงแล้วเรื่องนี้ก็ปรึกษากับท่านคนนั้นที่อยู่ในสโมสรแล้ว มีความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง...แต่ดิฉันเองก็ยังรู้สึกไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ยังไงก็ตาม พอคิดตามแล้วก็รู้สึกว่าเป็นไปได้มาก ไม่สิ เป็นแบบนั้นแน่ๆ เลยล่ะค่ะ"
"เรื่องอะไรงั้นหรือคะ"
"...คิดว่ามีคนกล้าลองใจท่านคาราบุกิหรือเปล่าคะ"
"เอ๋!? ไม่จริงน่ะ"
"ต่อให้เป็นท่านยูริเอะก็เถอะ ดิฉันเองก็คิดว่าคงไม่ทำอะไรแบบนั้นกับท่านคาราบุกิเป็นแน่ ไม่สิ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนั้นสินะคะ"
"หรือว่าที่ท่านเรย์กะให้ช็อคโกแลตท่านเอ็นใจ...ท่านเรย์กะที่จริงแล้วต้องการแบบนั้นหรือคะ"
"เพราะว่าพวกเราใกล้จบการศึกษาแล้วยังไงคะ"
"ถึงจะไม่ใกล้ขนาดนั้นก็เถอะ...แต่ถ้าเทียบความสัมพันธ์ของพวกท่านทั้งสามที่มีมานับสิบปีแล้ว เวลาก็เหลือไม่มากจริงๆ ด้วยนะคะ"
"เพราะว่าท่าทีของท่านคาราบุกิไม่ชัดเจนน่ะสิคะ แล้วช่วงนี้ยังมีเรื่องของเด็กนอกคอกนั่นด้วย"
"แต่ท่านเรย์กะเองก็ใจกล้าไม่น้อยเลยนะคะ นั่นน่ะ...ท่านคาราบุกิเชียวนะคะ"
"เพราะว่าเป็นท่านเรย์กะต่างหากล่ะค่ะถึงกล้าทำแบบนั้น ดิฉันนึกไม่ออกแล้วนะคะว่าจะมีใครที่มีความกล้าและคุณสมบัติที่จะทำแบบนี้อีก"
"สมกับที่เป็นท่านเรย์กะเลยนะคะ ผิดกับคนอื่นจริงๆ"
"ก็เป็นคนที่พวกเราชื่นชมนี่คะ"
"แต่น่าเสียดายนะคะที่ท่านคาราบุกิยังไม่มีท่าทีอะไร"
"ไม่หรอกค่ะ อย่างน้อยท่านคาราบุกิก็แสดงอารมณ์ที่ละเอียดอ่อนออกมาบ้างแล้ว"
"นั่นสินะคะ จะว่าไปที่แท้ท่านเอ็นโจก็ช่วยท่านเรย์กะลองใจท่านคาราบุกินี่เอง แบบนี้ตัวจริงก็...ท่านคาราบุกิสินะคะ"
"ก็คงอย่างงั้นแหละค่ะ"
>>810 กูมโนต่อให้นะ
"ช้าก่อนค่ะ เราอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าจะเป็นเช่นนั้นเลยนะคะ"
"เอ๋ แต่การที่ท่านคาบุรากิเซื่องซึมไปเพราะได้ยินว่าท่านเรย์กะมอบช็อกโกแลตให้ท่านเอ็นโจนี่ก็พอจะบอกอะไรได้แล้วนะคะ"
"ดิฉันคิดว่าความจริงมันซับซ้อนยิ่งกว่าที่ตาเห็นล่ะค่ะ นี่อาจจะเป็นแผนของท่านเอ็นโจก็ได้"
"เอ๋!!"
"ยังไงกันรึคะ"
"ลองคิดดูนะคะ ปีก่อนๆหน้านี้ ท่านเอ็นโจก็ไม่เคยไปดักรอท่านเรย์กะเพื่อช็อกโกแลตแม้แต่ครั้งเดียว แต่ปีนี้มันแปลกออกไป ทุกท่านคงทราบสินะคะว่าท่านคาบุรากิกำลังติดใจผู้หญิงสามัญชนคนนั้น"
"อ๋อ คุณทาคามิจิสินะคะ"
"ใช่ค่ะ ก่อนหน้านั้นก็มีท่านยูริเอะอยู่เคียงข้างท่านคาบุรากิมาตลอด ทุกคนก็ทราบกันดีว่าพวกเราไม่สามารถเอาชนะท่านยูริเอะได้ นี่ก็อาจจะรวมไปถึงท่านเอ็นโจด้วยเช่นกัน"
"เอ๋!!!!"
"ดิฉันคิดว่าดอกไม้ต้องห้ามคงเบ่งบานอยู่ภายในใจของท่านเอ็นโจอย่างเงียบๆ คงพยายามหักห้ามใจอย่างถึงที่สุดที่จะไม่รักเพื่อนสนิทของตนเพราะรู้ว่าต้องผิดหวัง"
"เอ๋!!!!!!!"
"อะไรกันคะ!!!"
"แต่พอคุณทาคามิจิที่ไม่มีอะไรเทียบท่านยูริเอะได้ ก้าวเข้ามาในชีวิตท่านคาบุรากิ เพราะอย่างนี้ ท่านเอ็นโจคงจะเกิดความคิดที่ว่าจะยอมยกท่านคาบุรากิให้ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด"
"เอ๋!!!!!!!!!!!"
"หากแต่ท่านคาบุรากิก็ยังคงมองข้ามท่านเอ็นโจที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอมา ท่านเอ็นโจจึงไปดึงท่านเรย์กะเข้ามาพัวพัน หวังเพื่อจะทำให้ท่านคาบุรากิหึงหวงตนเองกระมังคะ"
"ก็มีเค้าลางของความเป็นไปได้นะคะ"
"โธ่ ท่านเอ็นโจช่างน่าสงสารเหลือเกิน"
"บางที ท่านคาบุรากิในตอนนี้อาจฉุกคิดถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองที่มีต่อท่านเอ็นโจได้แล้วกระมังคะ พอได้ยินว่าท่านเรย์กะและท่านเอ็นโจเริ่มมีจิตใจสัมพันธ์ต่อกันก็เซื่องซึมไปเลย"
"โถ น่าสงสารเสียจริงค่ะ ทั้งคู่เลย ดิฉันจะร้องไห้"
"เหตุใดจึงอาภัพเยี่ยงนี้ล่ะคะ ทั้งคู่ก็มีจิตใจที่ตรงกันแท้ๆ ไม่หันหน้าเข้ามาคุยกันเล่าคะ"
"ทั้งคู่อาจเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้รักชอบตนเองตอบกลับมา จึงไม่เผยความในใจเพราะกลัวการสูญเสียกระมังคะ"
"ก็เป็นรักต้องห้ามนี่นา"
"รักต้องห้ามนี่มันช่างน่าเศร้าเหลือเกินค่ะ"
"นั่นสินะคะ ทำได้แค่มอง แต่ไม่อาจเผยความในใจ"
"ช่างสูงส่งและงดงามเหลือเกินค่ะ"
"เรามาเอาใจช่วยให้ท่านทั้งสองได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันเถิดค่ะ"
"นั่นสินะคะ คนนอกอย่างเราก็ได้แต่สวดภาวนาให้ทุกอย่างจบลงด้วยดีก็เท่านั้นเอง"
วาคาบะโดขิๆกับคาราบุริแล้ว!
เรือวาคะคาบุแล่นฉิวววววว...
อ่าว ท่านเรยกะอยู่ด้วยรึ
ขอบคุณโม่งแปลจ้า
ว้าวววว แปลไทยล่าสุดโครตโชโจ ท่านเรย์กะพอกลายเป็นตัวประกอบเนี่ย โมเมนต์โชโจมาตรึม วาคาบะมีหน้าแดงด้วยเว้ยยยยยย ฮิ้ววววววว ดีใจด้วยนะคาบุรากิ
เอ็นโจสุดยอดคนกลาง อารมณ์ร้อนๆทั้งสองฝ่ายก็ไกล่เกลี่ยให้ดีได้ ยอดเยี่ยมมากนาย เดี๋ยวแต่งฟิควายๆให้นายกับมาซายะเป็นการตอบแทนเลย //โกหกจ้า ถถถถถ
ขอบคุณของขวัญวันแรงงานค่ะโม่งแปล~ ขยันขันแข็งจังเลย
เป็นตอนที่โคตรลุ้นเลยว่าจะลงยังไง นึกภาพความเกรี้ยวกราดของคาบุรากิออกเลย ดีจริงที่เอ็นโจช่วยเคลียร์ให้
วาคาบะโดขิๆ!? นึกว่าจะเป็นพวกเอ๋อๆตายด้านซะแล้ว ลืมไปว่าเป็นนางเอกมังงะ 5555 แต่แบบนี้จะยิ่งเป็นชนวนให้การแกล้งแรงขึ้นก็ได้นา คาบุรากิ...
คำผิด สัญชาติญาณ > สัญชาตญาณ
ตอนใหม่่่ ขอบคุณโม่งแปลน้า
คาบุรากิเดือดแล้ว เดือดปุดๆ ท่านโยโกะก็เป็นหม้อเดือดปุดๆอีกหม้อ เอ็นโจเป็นอะไรดี55555 เป็นผ้าเย็นค่อยๆลูบทั้งสองหม้อ
ที่น่าทึ่งคือ พอท่านเรย์กะเป็นตัวประกอบเท่านั้นแหละ นี่มันสถานการณ์โชโจวมังงะชัดๆ!!
>>820 เออ กูก็ลุ้น รู้สึกเป็นตอนที่แรงพอสมควรในเรื่อง ทั้งคาบุปะทะท่านโยโกะ ทำเอากูลุ้นตามเลย เอ็นโจมาไกล่เกลี่ยให้นี่โครตโล่งใจตามทุกคน
แต่กูก็อยากเห็นเอ็นโจโกรธบ้างนะ อยากรู้จะเป็นยังไง จะกดดันแค่ไหน จากในมังงะก็บอกว่าเวลาเอ็นโจโกรธน่ะน่ากลัวกว่าจักรพรรดิด้วย สถานการณ์ไหนน้อ ที่เอ็นโจจะโกรธน่ะ อยากเห็นชิบหาย
ขอบคุณโม่งแปลสำหรับของขวัญวันแรงงานจ้า รักมึง ดูแลสุขภาพด้วยนะ
>>822 เอ็นโจโกรธ น่าจะยิ้มนิ่งๆเหมือนเดิมเพิ่มเติมด้วยรังสีอำมหิตหนาแน่นที่เย็นเยียบ สังหารคู่กรณีด้วยคำพูดอย่างเลือดเย็น...
เออ จุดนี้น่าจะต่างจากท่านพี่มั้ยนะ ท่านพี่โกรธก็ลงไม้ลงมือลับๆ ด่าให้ไปเกิดเป็นสาหร่ายงี้...(หรือเพราัอีกฝ่ายคืออิมาริ? ถถถ) แต่นึกภาพเอ็นโจสภาพหลุดแบบนั้นไม่ค่อยออกเลยแฮะ 5555
จู่ๆความรู้สึกดำมืดกับคาบุรากิก็โผล่ขึ้นมา เฮ้ๆๆ นายทำแบบนั้นวาคาบะจังก็ยิ่งแย่นะเฟ้ย นี่นายกำลังพยายามสร้างศัตรูให้วาคาบะจังอยู่นะ!! เจ้าบ้าเอ้ยย
>>823 กูว่าเพราะอีกฝ่ายเป็นอิมาริว่ะ ท่านพี่ถึงกล้าลงไม้ลงมือ(แล้วอิมาริแม่งเสือกยอมให้ซ้อมด้วยนะ) แต่ถ้าเป็นคนนอกคงมาแนวๆเดียวกับที่มึงว่านั่นล่ะมั้ง ทั้งท่านพี่ ทั้งเอ็นโจคงแผ่รังสีอำมหิตดำมืด เชือดเฉือนอีกฝ่ายด้วยวาจาชนิดมึงควรไปฆ่าตัวตายซะดีกว่าจะอยู่บนโลกนี้นะ
แปลไทยล่าสุดนี้ ซีเรียสโครตๆ กูอยากจะตั๊นหน้าบากะรากิแล้วบอกว่าต้นเหตุมันก็มาจากนายล่ะเฟ้ยยย!!
เอ้อ เสนอชื่อกระทู้หน้ากันได้แล้วนา อย่าลืมว่าต้องเป็นนามมงคลนะ
อ่านตอนนี้แล้วแบบเหย ใครเคยจะมีฟิคท่านโยโกะ คาบุรากิวะ เคมีก็โอเคอยู่นะ แต่งได้55555 รู้สึกเครียดตอนอ่านไปด้วยเลย มี tension สูงโคตรๆ แต่พอเอ็นโจโผล่มานี่แบบ "มาซายะเป็น---...เห็นแก่หน้าผมเถอะ..." แล้วท่านโยโกะก็อ่อนตามอย่างง่ายดาย เอสคอร์ทออกนอกห้องอีกต่างหาก (ไม่อยากใช้คำว่าพาเลย มันดูเฉยๆ escort นี่ให้ความรู้สึกแบบ ยิ้มอ่อนโยน ถ้าไม่โค้งผายมือให้เดินนำก็ยกแขนให้ควงแล้วเดินไปส่งที่ห้อง โค้งพร้อมกับจุมพิตที่มือลา my lady อะไรทำนองนั้น แบบบรรยากาศกลายเป็นสีชมพูแล้วมีกลีบกุหลาบโปรยปรายเป็นฉากหลัง ก่อนเอ็นโจจะยิ้มขื่นๆแล้วหมุนตัวกลับชั้นม.5ไปโดยมีท่านโยโกะหน้าแดงนิดๆมองตามไป ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดแค่มโนไปเอง เอ็นโจคงไม่ได้ทำสองอันสุดท้ายแน่นอน...รึเปล่า แต่ฟีลที่เรารู้สึกคือแบบนี้555555 อันที่จริงมันก็น่าจะแค่นำออกไปอย่างสุภาพเฉยๆแหล่ะ)
ท่านเรย์กะคะ!! ได้ยินสัญญาณเตือนตรวจจับว่าที่่หัวหน้าหมู่บ้านคาสโนว่าต่อจากท่านอิมาริมั้ยคะ
ส่วนคาบุรากิกับวาคาบะจัง...สมแล้วกับแท็กเลิฟ ดูโชโจมากๆ ถ้าเป็นเรื่องทั่วไปนี่แทบจะเอามือทาบอก กรี๊ดไปกับโมเม้นนี้ของพระเอกกับนางเอก แต่พอท่านเรย์กะเคยบรรยายว่าคาบุรากิไม่สนใจคนอื่นจนทำนางเอกเดือดร้อนขนาดนี้ แล้วยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกก็เลย ฮึ่มมม (จริงๆคาบุไม่รู้ก็ไม่ผิดอะนะ เรื่องปกติของพระเอก นางเอกต้องโดนไปซักพักก่อนแล้วถึงจะโผล่มาได้ )
ส่วนเอ็นโจนี่คือแปลว่าก็น่าจะรู้เรื่องวาคาบะถูกแกล้งอยู่แล้วงี้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรป่ะ เหมือนตอนเรื่องผู้หญิงที่มาอยู่ที่ห้องเยอะๆ แถมไม่มีการเล่าให้มาซายะฟังด้วย สรุปว่าหมอนี่เป็นคนช่วยให้สองคนนี้รักกันได้ตามคิมิดอลจริงป่ะเนี่ย ดูประมาณว่า ไม่ใช่เรื่องตัวเองก็เลยไม่อยากยุ่งเท่าไหร่ (ซึ่งจะว่านิสัยแย่มั้ย ก็แย่แหล่ะมั้ง แต่ถ้าเป็นเรา เราก็อาจจะเลือกไม่ช่วยเหมือนกัน นอกจากจะช่วยไม่ได้แล้ววาคาบะยังอาจจะโดนหมั่นไส้เพิ่มจากแฟนคลับเอ็นโจ//ว่าไปนั่น ตอนแรกเขียนจะเจาะเรือว่าจอมมารนิสัยไม่ดีขนาดนี้จะให้กับ่านเรย์กะได้ยังไง แต่ไปๆมาๆก็...อดเข้าข้างไม่ด้ายย)
คนรอบข้างท่านหัวหน้าหมู่บ้านต่างก็อินเลิฟกันทั้งนั้น คาบุรากิก็ทำคะแนนได้ซักที วาคาบะจัง(?)เริ่มโดกิโดกิแล้ว แต่ท่านเอ็นโจกับท่านเรย์กะต่างก็ยังโดดเดี่ยวเหมือนเดิม รีบๆทำคะแนนซักทีสิค้าาาา
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับกองเรือรบสยบคาน ประจัญบานพิชิตใจเธอ! [ศึกรักที่ 13]
อ่านตอนใหม่แล้ว นี่ตกลงคาบุเพิ่งรู้จริงๆสินะ ไหนว่าเป็นสตอกเกอร์ไง ทีตอนยูริเอะยังใช้ให้เรย์กะเป็นสปายให้ ทำไมทีวาคาบะไม่เห็นสนใจอะไรเลย หรือว่ายังไม่รู้ใจตัวเอง(ไม่น่าใช่นะ) จะบอกแอบๆทำให้ผู้ชายไม่เห็น แต่ถ้าเราชอบใครซักคนเราจะคอยมองตามเขาป่ะ แล้วมันจะไม่รู้เลยหรอว่าโดนแกล้งอยู่น่ะ มันต้องผิดสังเกตบ้างแหละ
แล้วตอนนี้ก็แค่โวยวาย หาตัวการไม่ได้ บอกว่าจะปกป้อง แต่คือยิ่งทำแบบนี้ไม่รู้ตัวหรอว่าไม่ทำให้ดีขึ้นแถมยังแย่ลงอีกนะ กูสงสารวาคาบะจริงๆ เอาจริงๆ คาบุไม่รู้ตัวหรอว่าวาคาบะโดนแกล้งเพราะอะไร เป็นคนฉลาดแท้ๆ ปกติก็ต้องหาสาเหตุของปัญหา แล้วก็แก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ปลายเหตุแบบนี้
ส่วนเรย์กะนั้นนน ...เป็นตัวประกอบที่ส่งเสียงแค่ประโยคเดียว สู้ๆนะคุณตัวประกอบ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฤดูใบไม้ผลิของท่านเรย์กะที่ถึงชาตินี้จะไม่มาแต่ชาติหน้าก็ไม่แน่!!! ฤดูกาลที่13
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับท่านเรยกะตัวประกอบโชโจ!!! ฤดูกาลที่13
>>834 นอกจากแค่โวยวายหาตัวคนทำแถมไม่สืบต่อ ตอนก่อนที่อยู่ในซาลอนก็ยังนั่งชิลๆจิบชาอ่านหนังสือ เรย์กะยังว่าเลยว่าไหนบอกเป็นประธานเพื่อช่วยจัดการปัญหาให้วาคาบะไง นี่สรุปแกทำอะไรไปบ้างงงงง ทำไมนิสัยแบบนี้แว๊ แล้วดูไม่พยายามตามสืบเสาะอะไรจริงจังเลย ปกติออกจะสตอล์กเกอร์ตัวจริง แถมตอนในมังงะก็ยังตามสืบเรื่องทุจริตบริษัทใหญ่อย่างคิโชวอินได้ เรื่องผู้หญิงตีกันแค่นี้ขี้ประติ๋วมากเหอะ แล้วโผล่ไปเดินด้วยนี่ตั้งใจจะช่วยหรือแค่รู้สึกแบบ อ๊ะ มีโอกาสและข้ออ้างให้เจอกันบ่อยๆละ ดีจุงงงงง รู้สึกถึงความไม่จริงใจและทุ่มเทในการช่วยเลย ต้นเหตุก็มาจากมึงแท้ๆเลยอีคาบุ
เอ็นโจก็มาแนวเหมือนรู้แต่ไม่ช่วยและไม่เอาไปบอกใครเลยอีกละ ต้องแบบปัญหาเป็นเรื่องใหญ่ลุกลามและเกิดต่อหน้าถึงจะออกหน้าช่วยไกล่เกลี่ย แต่ช่วยไกล่เกลี่ยมันก็แค่ทำให้เรื่องซาๆจบๆไปเป็นครั้งคราว ไม่ได้ช่วยแก้อะไรเลยอยู่ดีมั้ยยยย ผู้ชายเรื่องนี้นี่ดีงามกันจริงๆ
ตัวประกอบเรย์กะ สู้ๆนะะะะ ไปตามหาพระเอกตัวจริงของเธอมาให้ด้ายยย~ แต่ก่อนหน้าคือต้องตามหาแท็ก love ที่หายไปคืนมาก่อน
โหวต >>836 ดูทิ่มแทงดี 5555
อยู่กูก็คิดได้!
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ: ภารกิจรักฉบับไม่ลับ ผม(คานซัง)จะพิชิตใจเรย์กะจังให้ได้เลย ภารกิจครั้งที่13
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : อลวนรักยัยนักหักธงตัวร้ายกับนายเนื้อคู่ปริศนาตัวดี
>>834 กูว่าฮีรู้นะว่าวาคาบะโดนแกล้ง ตอนเสนอตัวรับตำแหน่งยังพูดเลยว่ามีคนไม่ชอบวาคาบะอยู่มาก แต่ยังจับไม่ได้คาหน้งคาเขาและไม่รู้ว่าโดนยังไง พอมาเจอเองก็เดือดตามนั้นนั่นล่ะ หรือไม่ก็โง่มาก ทื่อมาก ไม่ละเอียดอ่อนกับเรื่องพวกนี้มาก คิดว่าความรู้สึกของเราสองคนรักกันก็แฮปปี้ฟอร์เอเวอร์ทูเกตเตอร์แล้ว คนอื่นไม่เกี่ยว ไม่สน ไม่แคร์ แต่จะนิยามว่าคาบุเป็นสตอล์กเกอร์เพราะแค่ไปดักรอกลับบ้านหรือไปโรงเรียนพร้อมกันกูว่าไม่ใช่ว่ะ สตอล์กเกอร์ตัวจริงนั้น....//ผายมือไปยังคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ติดตามเป้าหมายไม่ให้รู้ตัว สอดส่องทุกเรื่องไม่ให้พลาด รู้จนแทบไปสิงร่างเขาได้ก็คงทำ
>>846 สตอล์กเกอร์นี่น่าจะหมายถึงตั้งแต่ยูริเอะแล้วด้วยอะ เรย์กะเองยังมีหลอนกับระดับความจิตของเด็กน้อยในตอนนั้น 555 ที่รู้ว่าวาคาบะโดนแกล้งนี่ก็ตอนเรย์กะเดินไปบอกเองโต้งๆอีกตะหาก มีความแบบอะไรของมึงเนี่ยนิดนึง ถ้าเรย์กะไม่บอกคือไม่รู้ นี่ชอบเค้าประสาอะไรฟระ แถมขนาดรู้แล้วก็ไม่พยายามทำอะไร แบบต่อให้ไม่รู้ว่าใครทำ เรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะสืบยาก หรือทำยังไง โดนแกล้งอะไรบ้าง สนใจหน่อยก็รู้ได้ละ มีความรู้สึกเซ็งกับนางมาก ทำหน้าเหม็นเบื่อ /เบะปากใส่ ไม่ได้เรื่องเลย
น่าจะรู้แค่ว่ามีคนไม่ชอบวาคาบะ แต่เรื่องแกล้งกันไม่รู้
คิดว่าสังคมคาบุไม่น่าจะเคยสัมผัสเรื่องการกลั่นแกล้งกันไรพวกนี้หรอก ขนาดแค่เรย์กะองค์ลงใส่ซึรุฮานะยังทำหน้าตารังเกียจจะตาย ตัวเองตอนยูริเอะก็ไม่เห็นมีอะไร(ก็แหงซิ!) เลยไม่คาดคิดว่าวาคาบะจะถึงขั้นโดนแกล้งขนาดนี้
(ทึ่มทื่อแบบพระเอกละครไทยชะมัด)
>>847 ก็นั่นแล้ ที่กูบอกว่าจะนิยามฮีว่าเป็นสตอล์กเกอร์ เห็นทีจะไม่ใช่ว่ะ อย่างคาบุมันก็เป็นได้แค่เด็กน้อยที่คอยไปตื๊อๆให้เขารำคาญแบบแมงวันแมงหวี่เท่านั้นล่ะ แต่ความเป็นสตอล์กเกอร์ยังห่างไกลหลายขุม
คาบุมันเอาตัวเองเป็นที่ตั้งเกินไป ตอนยูริเอะก็ไม่ได้พยายามเข้าใจเขาหรอก ต้องให้ถูกโกรธก่อนถึงจะใช้เรย์กะไปสืบ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าโกรธทำไม คือฮีไม่ได้คิดว่าตัวเองผิดด้วยซ้ำ พอมาวาคาบะก็ซ้ำรอยเดิมเข้าไปอีก ไม่ได้คิดว่าต้นเหตุมาจากตัวเองด้วยซ้ำ
กรณีเรย์กะต้องไปปะฉะดะกับซึรุฮานะก็เหมือนกัน แค่กูไม่สนว่าอีนี่จะมาวอแวอะไรรอบๆ กูก็อยู่ของกูแบบนี้ ลอยตัวเหนือปัญหาจย้าาา ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุแม้แต่นิดเดียว ต้องให้เรย์กะไปตบเกรียนถึงที่ถึงจะมีสำนึกขึ้นมานิดนึง แต่ก็ไม่ได้คิดว่าผิดอะไรมากมายอยู่ดี
อ่านแล้วรู้สึกผู้ชายเรื่องนี้นอกจากท่านพี่แล้วพึ่งพาไรไม่ได้ ไปเถอะสาวๆลงเรือยูริกัน...
>>849 ถึงได้เคยมีคนบอกว่าที่คาบุเข้าใจว่าตัวเองชอบเค้า ที่จริงอาจจะไม่ใช่รึเปล่า แบบถ้าชอบมันจะต้องใส่ใจ แคร์ความรู้สึก คือต้องสนอยู่แล้วว่าเค้าจะคิดยังไง อันนี้โอมั้ย แบบนี้จะไม่โอรึเปล่า สนใจชีวิตความเป็นอยู่เค้าว่ายังสบายดีปกติทุกประการ ถ้าชอบมีแต่จะกังวลๆคิดอะไรล่วงหน้าไปเยอะด้วยซ้ำ และส่วนใหญ่มักกังวลอะไรทางลบ มันคือกลไกสมองและเรื่องระบบประสาทเลย อะไรที่เรารู้สึกสำคัญมากๆจะชอบจินตนาการความเป็นไปได้ทางลบ เพราะมันคือการป้องกันตัว แบบป้องกันทุกความเป็นไปได้ที่อาจเกิด ขนาดความทรงจำยังจำเรื่องไม่ดีแม่นกว่าเลย เพราะจำเป็นกับการเอาชีวิตรอดมากกว่า แบบเบสิคสมองเลยอะ ไอแบบไม่คิดเลย ไม่กังวล คิดว่าทุกอย่างโอเคแน่นวล ไม่ได้สนใจความรู้สึกอีกฝ่ายเท่าไหร่ จะตอนยูริเอะจะวาคาบะก็ไม่ต่าง มาแนวชั้นจะทำยังงั้นยังงี้ ชั้นอยากไปส่ง คือเอาตัวเองเป็นหลักแล้วพยายามไปควบคุมอีกฝ่ายให้ไปตามความต้องการของตัวเอง ดูยังไงก็แบบ เอ๊ะ ใช่หรา ชอบของมันนี่ความหมายเป็นยังไงฟระ อีกฝ่ายต้องได้ดั่งใจเรอะ
จะว่าเป็นคนไม่ใส่ใจอะไรคนอื่นเลยก็ไม่ใช่นะ ทีตอนจะเป็นประธาน pivoine ยังคิดเผื่อไปได้ว่าเรย์กะจะไม่พอใจรึเปล่า เผื่อเรย์กะจะเล็งเอาไว้อยู่ แล้วทำไมสถานการณ์อื่นโดยเฉพาะกับคนที่ชอบถึงไม่มีคิดเผื่ออะไรเลยวะ ดูแบบค่อนข้างไปทางครอบงำ ลากๆๆจับยัดใส่รถ คือไม่ใช่ตุ๊กตานะเว่ย แล้วตอนยูริเอะกับวาคาบะก็แนวลากไปยัดใส่รถทั้งคู่ คืออัลไลลลล แล้วแบบไม่ฟังเสียงไม่ฟังความเห็นอีกฝ่าย
กับตอนยูริเอะไม่ใช่ไม่มีปัญหานะ คือไม่ได้โดนแกล้งก็จริงแต่ก็มีเรื่องคนมารบกวน ก็ไล่ตะเพิดกระจุยกระจายหมด ยังดูแบบมีรีแอคชั่นอะไรนิดนึง นี่คือเงียบกริบเป็นเป่าสาก นิ่งสนิทททท กูอ่านแล้วจับสังเกตเรื่องคาบุวาคาบะมากเพราะกูตงิดใจตั้งแต่ในมังงะคิมิดอลที่เคยพูดถึงละด้วย ที่สุดท้ายเหมือนความรู้สึกต่อวาคาบะคือยังเทียบยูริเอะไม่ได้ ยิ่งพอไม่มีตัวร้ายมากระตุ้นยิ่งนิ่งเข้าไปอีก จนแบบในมังงะที่ชอบเพราะคอยปกป้องจนชินด้วยรึเปล่าฟระ เพราะคนชอบกันจริงๆจะไปพูดอะไรแบบตอนร่ำลายูริเอะได้ไงอะ แถมพูดต่อหน้าอีก คือผงะมากสำหรับกู จนมีคนบอกว่าเอ๊ะ คาบุมันเข้าใจจริงๆใช่มั้ยว่าชอบคืออะไร เท่านั้นแหละจ้าาาา รู้สึกกระตุกเฮ้ยทันที
>>850 ท่านพี่ อิส เดอะ เบสต์~~~~ ตลอดกาลลล
มีใครรู้สึกเหมือนกูมั้ยว่าพอยุยโกะออกทีไรมันก็มีเรื่องทำให้ความสัมพันธ์ตัวละครเปลี่ยนไปทุกที.. แบบจะว่าไงดี เรื่องเข้มข้นขึ้นปะ?
>>848 ตอนซึรุฮานะจากที่อ่านนี่เดาว่ารังเกียจเพราะเอาอำนาจทางบ้านมาข่มขู่ว่ะ เพราะคนอื่นในโรงเรียนมีปัญหาอะไรกันคือไม่เห็นคาบุจะมายุ่งอะไรเลยนะ แบบถ้าเรย์กะไปข่มด้วยตัวของตัวเองก็อาจจะไม่อะไร แต่พอเอาที่บ้านมาขู่ และพูดแบบจะเดือดร้อนไปถึงที่บ้านซึรุฮานะด้วย อันนี้เริ่มดูใช้อิทธิพลทางไม่ดีละ ถึงที่จริงเวลาเค้าเกรงใจคนใน pivoine กัน ควมถึงตัวคาบุเองด้วย ส่วนนึงจะกก.ทางบ้านด้วยก็เหอะ แต่ก็ไม่ได้มีเอามาใช้กันโต้งๆอะ เด็กทะเลาะกันแต่จะให้เดือดร้อนไปถึงพ่อแม่ครอบครัว คาบุที่มาแนวทื่อๆตรงๆคงไม่ชอบอันนี้มากกว่า คงไม่รู้ด้วยว่าอย่างเรย์กะก็ขู่ไปงั้นแหละะะะ
>>851 อ่านแล้วเพ่งเล็งประเด็นเดียวกับกูเลยอะ ตรงฉากบอกลายูริเอะ ความสัมพันธ์สามคนนี้ในมังงะมีความโชโจมากกก คือชอบมีอะไรคลุมเครือให้นางเอกบ้านๆรู้สึกไม่มั่นคงกับพระเอกไฮโซ และคนทีาพระเอกเคยชอบ ประเด็นปวดตับอมตะมากกก อ่านแล้วก็สงสัยเหมือนกันว่าสุดท้ายก็คือชอบยูริเอะใช่มั้ย แค่ว่าเค้าไม่เอา แต่ถ้ายูริเอะเลือกจะกลับมานี่โผไปหาทันทีเลยรึเปล่าเนี่ย พูดมาซะขนาดนั้น
>>855 เสริมว่าในนิยายตอนนี้เรื่องยูริเอะดูจะจบแบบจบสนิทไปมากกว่าในมังงะด้วยอะ ที่ในมังงะเป็นฉากเฮิร์ทระเบิดอารมณ์ แล้ววาคาบะไปปลอบ จากนั้นก็เริ่มสนใจวาคาบะ แต่สุดท้ายก็ยังมีไอฉากบอกลานั่น... รู้สึกเหมือนมันไม่ใช่การจบปัญหายูริเอะสลัดรักที่จบจริงๆ มันยืดเยื้อ
แต่ในนิยายคือดูจบจริงๆ และจบที่เรย์กะอกหักโชว์ แถมยังทำใจยอมรับแล้วร่วมอวยพร โชว์ความแข็งแกร่งมากต่อให้เป็นเรื่องที่คาบุเข้าใจไปเอง 555 มันดูแบบคนอื่นเค้าก็ผ่านมันไปได้ คนอื่นก็เจอเรื่องแบบนี้ แล้วมันดูจบปัญหามากกว่า แถมประโยคในตอนบอกลายูริเอะก็พูดไปละในตอนเต้นรำ แถมความรู้สึกอัดแน่น พิเศษจนแค่เธอขอก็จะไปทันที มันไม่มีประโยคนั้นละ แบบดูจบจริงๆ
กูชอบคนสไตล์เอ็นโจนะ คือ รู้แต่ไม่สนใจจะยุ่ง อารมณ์แบบถ้าไม่ใช่เรื่องคนที่ตัวเองแคร์ถ้าช่วยผิวๆก็ได้ แต่ให้โดดลงไปกลางวงแบบฮีโร่นี่ไม่เอา เรย์กะกับเอ็นโจก็พอกันในจุดนี้ล่ะ ช่วยเงียบๆบางครั้งอ่ะ อย่าไกล่เกลี่ยนี่กูก็ถือเป็นการช่วยอย่างนึงนะ ถ้าไม่ไกล่เกลี่ยนี่โรงเรียนแตกแน่มึง 555 จริงเอ็นโจน่าจะไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นเท่าไหร่ แค่เสือกเรื่องคนอื่นเฉยๆ น่าจะมีแคาคาบุกับเรย์กะมั้งที่น่าจะยุ่งสุด ไม่งั้นยุยโกะคงไม่พยายามมาแสดงจุดยืนหรอก
>>851 ชอบก็คือชอบ แต่ก็เป็นไปในลักษณะเอาตัวเองเป็นที่ตั้งอยู่ดีน่ะ ก็มาแนวพระเอกโชโจบ้านรวย มีอำนาจ
เคยชินกับการออกคำสั่งและพยายามควบคุมนางเอกหัวอ่อนให้คล้อยตามนั่นล่ะกูว่า ไม่ได้มองว่าเขาเท่าเทียมกับตัวเองหรือมีหัวจิตหัวใจอะไร
เรื่องยูริเอะ นางเป็นคนดังน่ะ คนมาจีบคือเรื่องใหญ่พอสมควร ฮีรู้ข่าวก็บึ่งไปอาละวาดทันที แต่วาคาบะทุกคนปิดข่าว วาคาบะก็ไม่เล่าอะไร ฮีไม่รู้อะไรเลย ทั้งทึ่มและโง่สุดๆ
ส่วนเรย์กะ...กูมองว่ามันมีหลายปัจจัยว่ะ เรย์กะอยู่ในฐานะเท่าเทียมกับฮี ไม่ใช่พวกที่จะบังคับคอนโทรลได้ คิดว่าเรย์กะอาจจะอยากได้ตำแหน่งแล้วไปแย่งมา ถ้ามีปัญหาตามมาอีกมันจะยุ่งยากเข้าไปใหญ่ ก็ถามซะให้แน่ใจว่าถ้าจะเอาตำแหน่งไปจะมีปัญหามั้ย เหมือนที่ถามทุกคนในสโมสรนั่นล่ะว่าเป็นผมนี่ติดขัดอะไรงั้นเหรอ มาแนว กุจะเอา ใครข้องใจหรือมีปัญหาก็เชิญออกมาเคลียร์ได้
>>857 จริงๆเรื่องวาคาบะกับเรื่องคาบุทะเลาะกับโยโกะซังก็เรื่องเดียวๆกันอยู่นะ คือแบบมันเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องไปที่คาบุอะ ถ้าเคยรู้มาก่อนหน้านี้อาจจะไปวี๊ดทะลุปรอท จริตแตกแบบในเรื่องจนมาคุกับโยโกะซัง คือเหมือนมันมีทางป้องกันหรือแก้ได้แต่บอกไป ไม่ได้ต้องออกหน้าอะไรเองเลยอะ แค่เล่าเงี้ย คู่นี้ชอบทำปัญหาคาราคาซังพอกันจริงๆ
แต่เอาจริงเรื่องนิสัยนี่มีปัญหากันหมดจริงว่ะ คาบุในมังงะกูให้เลยเน้นๆตัวโตๆ ว่าลังเล กับดูความรู้สึกมันไม่หนักแน่นมั่นคง คาบุปจบ.กับเอ็นโจปจบ.ก็นิสัยมีปัญหาเห็นชัดๆกันอยู่
นี่เหมือนอ่านมาหลายๆคนเริ่มโดนกล่อมด้วยประเด็นผู้ชายในเรื่องนิสัยแย่ โฮวววววว จะมีใครเหมาะกับเรย์กะม่างงงง ;A;
ถ้าสมมติว่า เรย์กะเป็นประธาน Pivoine แล้วเจอเหตุการณ์ในตอนแปลล่าสุดนี่ เรย์กะจะทำยังไงวะ...
>>858 คนมารบกวนนี่กูหมายถึงพวกผู้หญิงนะ ที่คอยไล่ไปหมดเป็นระยะ ตวาดใส่ก็เคย คือต้องรู้อยู่แล้วมั้ยอะว่าตัวเองป๊อบขนาดนี้ ขยับไปทางไหนผู้หญิงต้องมีมายุ่ง กับยูริเอะยังเจอแก๊งชะนีมาป้วนเปี้ยนเลยแล้ววาคาบะจะไม่โดนได้ไง
ส่วนถ้าเรย์กะฐานะเท่ากัน แล้วยูริเอะนี่ไม่เท่ากันหรอมึง รู้จักกันแต่เด็กคือทางบ้านคงใกล้ชิดกันอีกตะหาก แบบมันก็ไม่ใช่ประเด็นเรื่องสถานะล้วนๆอะ อาจจะปนบุคลิกหรืออะไรก็ตามแต่ แต่ก็แบบไม่ค่อยให้เกียรติยูริเอะเลยอยู่ดี อย่างน้อยฟังกันบ้างนี่แบบลากยัดเข้ารถไม่ต่างจากเคสวาคาบะ ส่วนถามว่ามีใครขัดข้องมั้ยตอนเลือกนี่ต้องถามอยู่แล้วอะ เพราะจริงๆมันต้องโหวตเลือกกัน อย่างเรย์กะคือเป็นแคนดิเดทที่โยโกะซังจะเสนอชื่อ แบบเป็นคนที่เลือกมาแนะนำให้เฉยๆ มันต้องโหวตด้วยสมาชิกอยู่ดี แต่คาบุนี่มาแบบมึงไม่โหวตเลยจ้าาาา ก็เลยถามไปแบบนั้น บังคับกรายๆอยู่ดี
เพิ่งกลับเข้ามาอีกรอบหลัง ถึงได้รู้ว่าโม่งแปลกลับมาแปลต่อแล้ว ดีใจจริงๆว่ะ มีไรอยากบอกโม่งแปลสักหน่อยด้วย เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้โพสต์ไรเลย ไม่ค่อยว่างน่ะ
ถึงโม่งแปล
กูดีใจนะที่มึงกลับมาแปลให้อ่านต่อ ภาษามึงดีอ่านสนุกจริงๆ มีเสน่ห์มาก กูทำงานแปลหาเลี้ยงชีพ แต่ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่น อ่านแล้วยังคิดเลยว่าภาษาตัวเองจะดี อ่านแล้วได้อารมณ์เท่าของมึงหรือเปล่า ถ้าต้องมาแปลเรื่องแนวเดียวกัน เข้าใจว่ะเรื่องที่ไม่สบายใจกับการแปลแบบไม่มี lc อยากบอกว่าทำตามที่สบายใจเถอะนะ (แต่แปลให้กูอ่านต่อจนจบได้จะเป็นพระคุณมาก ฮ่าๆๆ) ขอบคุณมากๆเลยที่สละเวลาและความเหนื่อยยากมาแปลให้อ่าน
>>863 ก็เรย์กะฐานะเท่ากัน ในความหมายของกูคือ คนที่มีอะไรเท่าเทียม เทียบเคียงกันได้ เหมือนเอ็นโจน่ะ เป็นคนที่มันให้การยอมรับ นอกนั้นไม่อยู่ในสายตาเลยมั้ง
แต่กับคนที่คาบุมันชอบ มันจะตีค่าเขาเป็นรองตัวเองตลอด ตั้งแต่ยูริเอะแล้ว ออกแนว ฉันคิดว่าดีก็คือดี เธอทำตามฉันซะห้ามมีปากมีเสียง แล้วเรื่องสาวมากรี๊ดๆมัน มันก็รู้ แต่ก็แล้วไงใครแคร์ กูไม่สน อยากกรี๊ดก็กรี๊ดไป ไม่มีความสำคัญไม่มีค่าให้ใส่ใจ ครบสูตรพระเอกโชโจมังงะเลยนะ หล่อ รวย ป็อบสุดในโรงเรียน ซื่อบื้อ ไม่เห็นหัวใคร คลั่งรักนางเอก เอ็นโจก็ครบสูตรเพื่อนพระเอกเหมือนกัน
ถ้าเรย์กะคบกับสองคนนี้ไม่คนใดก็คนหนึ่งนี่ต้องอึดอัดแน่ๆ คบกับคาบุก็คงรำคาญความเอาแต่ใจ คบกับเอ็นโจก็โดนรู้ทันตลอด แต่ก็ไม่แน่อาจจะสวีทหวานก็ได้55555555
>>867 ถึงได้บอกสงสัยว่านี่มันชอบจริงๆรึป่าวไง ถ้าพูดอีกอย่างคือคาบุมันเข้าใจคำว่าชอบว่ารักจริงๆรึป่าวว่าต้องเป็นความรู้สึกแบบไหน เพราะไอแนวจับเค้ามาอยู่ข้างๆแต่สมองไม่ต้องมา ปากเสียงไม่ต้องมี คือมันแทบจะพอๆกับไปหาตุ๊กตาแปะหน้าไปก็พอ ไม่ได้สนอะไรที่เป็นตัวตนอีกฝ่ายเลยอะ แค่ไม่ฟังนี่ก็จะรู้จักกันดีขึ้นได้ยังไง คือในโชโจมังงะมันได้ไง แต่ความเป็นจริงคือแบบไม่มีทางงงงง และในนิยายก็เหมือนเล่นประเด็นหลายเรื่องที่ชี้ไปที่จุดอ่อนความเป็นมังงะ ที่ชีวิตจริงมีหลายๆอย่างไม่ตรง และมันดูเรียลขึ้น คือเหมือนตอนนี้ที่เรย์กะอยู่ก็โลกเรียลๆที่ไม่โชโจอะ กูเลยเพ่งเล็งประเด็นคาบุวาคาบะอยู่ดี ว่าแบบถ้าไม่เปลี่ยนท่าทีและทัศนคติต่อกันซักวัน ยังไงก็ไม่รู้สึกว่านี่คือชอบ หรือไม่ก็คงต้องมีคนอื่นที่โผล่มาเป็นตัวเปรียบเทียบเรื่องความใส่ใจหน่อยถึงจะรู้ตัวว่ามันใช่ความชอบหรือไม่ใช่กันแน่ ยังไม่นับรวมประเด็นว่าถ้าสองคนนี้ต้องคู่กันเพราะเป็นปมสืบเนื่องมาจากมังงะว่าลงเอยเข้าคู่ แต่มังงะก็มีประเด็นยูริเอะตามที่บอก ที่ดูชอบวาคาบะไม่เท่ายูริเอะ คือก็เหมือนถ้าเซตติ้งคงที่จบแบบเดิม ผลลัพธ์คือความรู้สึกต่อวาคาบะน้อยกว่ายูริเอะ แต่ตอนนี้ก็อะไรสารพัดมันเปลี่ยนหมดแล้วอะ เหมือนถ้าเป็นบัตเตอร์ฟลายเอฟเฟค นี่มันคงมีเรื่องรอให้เอฟเฟคโคตรเยอะ มันไม่น่าเป็นแบบเดิมละ และที่จริงแบบเดิมก็ดูไม่ใช่บทสรุปแฮปปี้ด้วยในสายตากู แบบดูหน่วงไงไม่รู้
ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายคนขึ้นคานอาจจะคาบุก็ได้นะ 5555 ถ้าแบบไม่รู้จักความชอบความรัก และไม่เข้าใจอะไรใครเท่าไหร่แบบนี้ คานรอมึงอยู่เลยถ้าเป็นเรื่องชีวิตจริงหน่อย ถ้าแต่งก็แต่งทางธุรกิจมากกว่า แต่ทั้งนี้ในเรื่องคือมีจุดเปลี่ยนจากมังงะเยอะจนกูไม่คิดว่าคาบุกับวาคาบะจะเป็นคู่จบแบบเดิมอะ
>>863 กูว่าคาบุน่าจะชอบจริงอยู่นะ โครงเรื่องเดิมคือวาคาบะปลอบใจรึเปล่านะกูไม่แน่ใจ แต่ในนิยายเจอกันตอนรถชนซึ่งเรย์กะแปลกใจแสดงว่าไม่น่าอยู่ในมังงะ บางทีคาบุคงสนใจในตัววาคาบะจริงแล้วค่อยๆชอบมั้ง ส่วนเรื่องนิสัยเผด็จการนี่ จากการเลี้ยงดูมากกว่า ไอ้พวกมาตรฐานสูงนี่จากการใช้ชีวิตอ่ะ เนื้อเรื่องน่าจะค่อยๆปูให้ปรับจูนกัน จริงๆจะให้คาบุลดมาตรฐานตัวเองฝ่ายเดียวคงไม่ได้ น่าจะต้องปรับกันหมด ถ้าเอาความคิดวาคาบะมากับชนชั้นสูงคงโดนดูถูกเหมือนกัน
>>870 ในเรื่องมันก็ไม่ได้บอกนะว่าคาบุมันรักวาคาบะน้อยกว่ายูริเอะ ไอ้เรื่องที่วาคาบะคิดว่าเขายังรักยูริเอะอยู่ กูมองว่าเป็นปมให้แก้ความเข้าใจผิดตามการ์ตูนโชโจนั่นล่ะ ถ้าแก้ปมนี้ได้ ความสัมพันธ์ก็แน่นแฟ้นมากขึ้น ตามสูตรโชโจ
แต่ความรักคาบุในมังงะเนี่ย เอาตามมาตรฐานโชโจก็...ยูริเอะคือความผูกพัน เป็นสายใยที่ตัดไม่ขาด ส่วนวาคาบะคือความรัก พอมาเป็นนิยายก็ไม่รู้จะเปลี่ยนไปทางไหน บอกยาก ถ้าคาบุมันยังไม่เลิกนิสัยเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง มันได้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านคานทองสาขาสองแน่ๆ
ผู้ชายที่นิสัยดีๆและยังว่างมีอยู่นะเฮ้ย อาริมะไง แต่บท.... บทน้อยไปไหน... //พายเรืออย่างเงียบงัน
เออ อีกอย่างนะ กูว่าอย่าเพิ่งไปตีความเลยว่ามันจะไม่รักไม่ชอบวาคาบะ คือ วาคาบะเข้าไปอยู่ในสายตามันได้ ก็ต้องมีอะไรดึงดูดให้มันสนใจนั่นล่ะ วาคาบะนางก็น่ารักนะ คนอ่านอย่างเราๆยังชอบเลย แล้วคาบุที่ได้ใกล้ชิดกว่า เห็นมากกว่าคนอ่านจะไม่ชอบเหรอ
รักมันก็มีหลายรูปแบบว่ะ ไม่ได้มีมาตรฐานเดียวซักหน่อย ไอ้เรื่องรักเขาชอบเขาก็ใส่ใจเทคแคร์ กูก็เห็นคาบุมันทำอยู่นะ อย่างอยากดูมายากลก็ไปฝึกมาให้ดู ไม่ชอบเขาจะลงทุนขนาดนั้นเหรอ มันอาจจะโง่ ไม่รู้ว่าเขาถูกแกล้ง เพราะไม่มีใครไปบอกฮี แต่พอฮีรู้ก็พยายามแก้ไขปัญหาในแบบของฮีที่ดูเหมือนคิดน้อยไปหน่อยน่ะ คงเป็นที่นิสัยที่ต้องค่อยๆปรับจูนกันไป
>>873 มันมีตอนบอกลายูริเอะอะ ที่มีอะไรแบบถ้ามีอะไรขอแค่บอกมา ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนฉันจะไปอยู่ข้างๆทันที อะไรแบบนั้น จำประโยคเป๊ะๆไม่ได้แต่จำได้ว่าเนื้อหาในประโยคอ่านแล้วกูค้าง แถมมีต่อที่เป็นบรรยายความคิดวาคาบะในมังงะด้วยว่ากังวลๆ แล้วก็มีคิดว่าสุดท้ายแล้วเค้าก็ยังชอบคุณยูริเอะอยู่สินะ คือกูรับไม่ได้อย่างแรงงงง แบบถ้าสองคนนี้จะลงเอยกันในฟีลหน่วงขนาดนี้ วาคาบะไปหาคนอื่นเหอะ กูเกลียดพวกโลเล หรือไอแบบตัวอยู่ตรงนี้ แต่ยังมีแบ่งใจไปตรงอื่น ตบกระเด็น คือไม่อยากให้คู่นี้ลงเอยกันเพราะในมังงะสำหรับกูไม่ได้มองว่าจบแฮปปี้เลยอะ คือถ้าไม่รู้สึกอะไรกับยูริเอะ ในมังงะที่คาบุมาดนิ่งๆเย็นชา คงไม่ต้องพูดอะไรเลี่ยนๆแบบนั้นออกไปมั้ง จะร่ำลาก็ไม่จำเป็นต้องเลเวลนี้อะ คือตอนนี้จากนิยายกูอยากให้คาบุเนี่ยแหละสืบทอดทายาทอสูร เป็นหัวหน้าหมู่บ้านแทนเรย์กะ แล้ววาคาบะคือจบกับคนอื่นเหอะะะ ดูอนาคตไม่โอเค ยังคิดว่าจริงๆบทสรุปที่ควรเป็นของวาคาบะทั้งทางฐานะสังคม บุคลิก ความสนิท เหมือนน่าจะเป็นตัวสำรองมากกว่าอีกนะ คือรวยแต่ไม่ไฮโซเก่าแก่ ผู้ดีมากขนาดเป็น pivoine ยังดูจูนกันง่ายกว่าเลย ส่วนเรย์กะเป็นบัค... คงต้องหาเส้นทางชีวิตเอง สู้นะตัวประกอบ!!!!
>>877 บทพูดฉากนั้นคือ "ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น โทรหาชั้นทันทีเลยนะ ชั้นจะไปช่วยเธอในทันทีไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนก็ตาม"
แต่ฉากลายูริเอะในมังงะมันก็ไม่ใช่ตอนจบของเรื่องนี่ กูว่าน่าจะกลางเรื่องด้วยซ้ำ เรียกว่าเป็นฉากพีคความเข้าใจผิดของนางเอกให้ผิดใจกัน เพื่อปรับจูนความคิดกันทั้งสองฝ่าย สร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นมากว่า
>>877 กูมองว่าเป็นปมที่หยอดทิ้งไว้ว่ะ เกิดคนเขียนมุกตันก็หยิบตรงนี้มาเล่นต่อได้ ยืดเรื่องได้ และไอ้ปมที่หยอดๆมาแล้วคนเขียนไม่หยิบมาใช้ก็มีอยู่เยอะแยะไป ไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องนี้นะ
กูว่าในมังงะคิมิดอลหลังจากบอกลายูริเอะ นางก็ไม่ได้เข้ามามีบทบาทอะไรอีกนะ ตามมังงะโชโจทั่วไป คือไปแล้วไปลับ โผล่มาตอนท้ายๆกำลังจะแต่งงานอะไรแบบนี้
กูยังสนับสนุนคาบุกับวาคาบะนะ คนนึงล้น คนนึงเกิน ลูกออกมาคงพิลึก 555
>>883 มันไม่มีบอกมั้งว่าอยู่ตรงไหน แต่ดูจากเป็นตอนยูริเอะจะปล่อยตัวเองเป็นอิสระจากทางบ้าน คือจะไปทำงานเมืองนอก อย่างน้อยก็ยาวไปยันจบมหาลัยแล้วอะ อาจจะทำงานก่อนแล้วรึเปล่าด้วยก็ไม่รู้ แต่ขั้นต่ำคือจบมหาลัยชัวร์ๆ ไม่น่าจะเรียกกลางเรื่องเท่าไหร่นะ รู้สึกค่อนไปทางท้ายๆเลยยังไงไม่รู้
>>888 อันนี้ไม่ใช่ฉากจบป่าว ฉากจบคงไม่ซูมตัวร้าย แล้วเหมือนอีเว้นท์นางร้ายอาละวาดยันโดนจัดการนี่จบตั้งแต่ในช่วงม.ปลายแล้วนะ เพราะตอนคาบุไปหาหลักฐานก็เป็นเด็กม.ปลาย กระบวนการศาลสั่งห้องล้มละลายคงไม่นานขนาดนั้น คิดว่าในมังงะเรย์กะหมดบทตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ
>>885 อันนี้ก็ไม่ได้มีตรงไหนเล่าถึงว่ะว่าจะมีบทอีกมั้ย แต่เอาแค่ที่มีบรรยายคือกูไม่โอเคกับคู่วาคาบะคาบุอะ แล้วยิ่งมีเรื่องมาดามยอมรับและต้องปรับตัว ชีวิตจริงรู้สึกมันยากมากเหอะ คนอื่นในสังคมและเรื่องปลีกย่อย มีความหน่วงมากแบบมันดูไกลกันเกิน รู้สึกเหนื่อยเลยหันไปเชียร์ตัวสำรองวาคาบะแทน
แล้วกูจะเปิดแอปมังงะเพื่อหาคิมิดอลมาเปิดพิสูจน์ทำไมวะเนี่ยยยย /ทึ้งหัว
ฉากจบในคิมิดอลนี่เป็นไง กูจำได้แค่คิโชวอินล้มละลาย
>>889 เพิ่มว่ามันมีตอนคาบุกับเรย์กะคุยกันถึงขนมวันไวท์เดย์ที่เรย์กะได้มาจากรุ่นพี่โทโมเอะกับคาซึมิอะ ที่เอารสพีชไล่มารให้คาบุไป คือขนาดไมฮามะยืนอยู่ด้วยยังตามไม่ทัน แล้วแบบเหมือนไม่รู้จักว่าขนมชื่อนี้คืออะไร คือขนาดไมฮามะก็รวยพอเข้ายูริมิยะได้ยังมีแกปทางสังคม ถ้าวาคาบะจะขนาดไหน
>>890 มีพูดถึงเรื่องคาบุกับวาคาบะเข้ามหาลัยด้วยนะ หลังผ่านมรสุมช่วงม.ปลาย เหมือนเป็นช่วงเล่าอะไรเนิบๆและที่บ้านคาบุเริ่มยอมรับ เลยไม่รู้ว่าอารมณ์ side story ส่งท้ายเปล่า แต่คือไม่ได้จบม.ปลายอะ แล้วยูริเอะไม่ใช่วางแผนนะ เป็นแบบไปส่งที่สนามบินแล้วพูด คือนางต้องจะไปละ ต้องเรียนจบแล้วอะ
แต่สุดท้าย กูว่าในการ์ตูนมันก็คงจริงจัง ตัวละครสมจริงอะไรขนาดนั้นหรอกนะ กูว่ามันก็โชโจมังงะใสๆป๊อปปี้เลิฟแบบเด็กๆมอต้นมอปลายอ่านอะ อะไรก็หยิบจับเข้ามาได้ แบบโอรัง มีเครียดพอเป็นพิธี 55555
(นิยายนี้ก็ด้วย บางทีคนเขียนอาจจะไม่จริงจังเท่าที่วิเคราะห์กันอยู่ก็ได้ ประเด็นต้นเรื่องก็ตั้ง 5ปีที่แล้ว อาจจะลืมๆไปแล้วก็ได้ว่าเคยเขียนว่าไรบ้าง 5555555)
>>893 เรื่องคาบุวาคาบะเข้ามหาลัย กูว่าคงเป็นบทแถมท้ายว่ะ ตามสเต็ปความรักในรั้วโรงเรียน แบบ...เลิฟๆแล้ว อุปสรรคหายไปแล้ว หวานชื่นสวีทกันแล้ว แต่ปมทุกอย่างมันก็ขมวดเข้าหากันในตอนจะจบม.ปลายนี่ล่ะ แล้วนิยายก็คงเดินปมไปตามนั้นเหมือนกัน
แต่ยูริเอะเรียนจบแล้วจะไปเมืองนอก กูว่านางวางแผนอนาคตตัวเองมานานแล้วนะ แค่ไม่มีบอกให้เห็นเป็นกิจลักษณะเฉยๆ ไม่งั้นทางบ้านนางไม่คัดค้าน แต่คาบุพาไปส่งสนามบินเนี่ย กูไม่แน่ใจว่ายูริเอะไปเองหรือคาบุไปช่วยไว้นะ ขี้เกียจไปเปิดดู
>>896 จำได้ว่าคาบุพาวาคาบะไปส่งที่สนามบินด้วย และรู้สึกว่าคาบุเองก็ช่วยพูดกับทางบ้านเหมือนกัน แต่ประเด็นก็คือไปส่งพร้อมวาคาบะและพูดต่อหน้าวาคาบะเนี่ยแหละ แบบเอ๊อะทันที
>>895 เรื่องนี้กูว่าคนเขียนมีซ่อนประเด็นเยอะนะ แค่เล่าเรื่องด้วยตัวเดินเรื่องที่เอื่อยยย เฉื่อยยยย ชิลลลล แต่แบบมีประเด็นและรายละเอียดเยอะมากกกก ดูเขียนแบบตั้งใจใส่รายละเอียดสุดๆ ค่อยๆโยงกัน จริงๆแลดูเป็นพวกชอบทำอะไรซับซ้อนอยู่เหมือนกัน 555 เพราะนิยายจะใส่รายละเอียดเยอะโคตรๆแล้วถักทอให้มันเชื่อมกัน เหมือนนอกจาก POV ของตัวเดินเรื่อง ก็มีเหตุการณ์มากมายเกิดอยู่รอบตัวเหมือนชีวิตจริง คือเขียนโคตรยากเลย ไม่เหมือนเรื่องปกติที่ก็โฟกัสแค่ตัวเดินเรื่อง เพราะคนเขียนจินตนาการสร้างอีกจักรวาลขึ้นมาละเอียดยิบไม่ไหว ไทม์ไลน์ต้องเป๊ะอีกตะหาก คือใส่มาขนาดนี้คงไม่ใช่ปล่อยผ่านๆอะ แค่ว่าจะมีจับจุดไหนมาโชว์ในมุมมองหลักในตอนไหนบ้างแค่นั้น แต่จากเรื่องที่เดินผ่านๆมาหลายจุดมันก็ดูเกี่ยวเนื่องกันไปหมดนะต่อให้เป็นจุดยิบย่อยของตอนนี้ ในอีกหลายๆตอนถัดไปอาจจาดึงประเด็นออกมา คือเป็นเรื่องที่เขียนมาอลังการมาก /คารวะมันสมองฮิโยโกะซัง 3 จอก
>>897 เอามายกตัวอย่างว่าเรื่องขนมยังมีประเด็นเลยไง คิดว่าเรื่องอื่นไม่มีหรอ แล้วขนมนั่นคือโทโมเอะ คาซึมิ เรย์กะ คาบุ ก็รู้จักกันหมด มันดูมีความเป็นช่องว่างเหมือนกันระหว่างซุยรันกับเด็กที่อื่น แบบสังคมมันต่างอะ ทีนี้ถ้ามันไม่เป็นประเด็น ไม่พยายามสื่อ ฮิโยโกะซังจำเป็นต้องใส่ฉากที่ไมฮามะร้องเอ๋ พูดถึงอะไรกัน เข้ามามั้ย คือไม่จำเป็นต้องมีบทพูดนี้เลย ข้ามไปเลยก็ได้ให้นางไร้บทไปช่วงนึง หรือพูดอย่างอื่น ถ้าใส่มาก็คือต้องการสื่อสารน่ะแหละ
เม้น 900 แล้ว ยังไม่ได้เปิดโหวตกันเลยนี่หว่า!!!!
>>829 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ: ปาร์ตี้ดินเนอร์(กัญชา)ด้วยฝีมือเสน่ห์ปลายจวักของท่านเรย์กะ ที่ทำอะไรก็อร่อยทุกอย่าง ชามที่13
>>832 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับกองเรือรบสยบคาน ประจัญบานพิชิตใจเธอ! [ศึกรักที่ 13]
>>835 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฤดูใบไม้ผลิของท่านเรย์กะที่ถึงชาตินี้จะไม่มาแต่ชาติหน้าก็ไม่แน่!!! ฤดูกาลที่13
>>836 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับท่านเรยกะตัวประกอบโชโจ!!! ฤดูกาลที่13
ปิดโหวต 980
>>899 กูว่าไมฮามะนางเอ๋ เพราะไม่รู้ว่าสองคนนี้ไปให้ของกันตอนไหนน่ะ เกิดอะไรขึ้นลับหลังที่นางไม่รู้ ส่วนเรื่องขนมเนี่ย กูว่าคนในซุยรันก็ไม่ได้รู้จักกันทั้งหมดหรอกนะ อย่างตอนขนมญี่ปุ่นที่เรย์กะพูดตอนช่วยวาคาบะ กูว่าก็มีคนไม่รู้นั่นล่ะ ไม่งั้นก็มีคนพูดก่อนหน้าเรย์กะไปนานแล้ว
>>900 มันเป็นประโยคแบบไม่รู้จักขนมอะ กูก็จำเป๊ะไม่ได้และเปิดหาคงยากกกกส์ด้วย มีความต้องไปงม แต่เป็นแบบที่อ่านแล้วรู้เลยว่ายัยนี่ไม่รู้ว่าพูดถึงอะไร คือแบบเป็นขนมหรืออะไรยังไม่รู้เลยประมาณนั้น แล้วไมฮามะมีบทแบบนี้อยู่อีกที่นึงที่กูจำไม่ได้ละตรงไหนและเรื่องอะไร แต่แบบปล่อยไก่กับเรื่องความไฮโซเนี่ยแหละ(แอบสงสาร 555)
คือเหมือนจะเขียนเล่าว่าไมฮามะค่อนข้างดูไม่ไฮโซจริง ยังมีอะไรที่พยายามทำอยู่เยอะแต่ก็มีพลาดเยอะ กูว่าเป็นวิธีบอกเล่าบุคลิกลักษณะตัวละครของฮิโยโกะซังอะ ใครอยู่โพสิชั่นไหน ถนัดอะไร คือจะเล่าผ่านเหตุการณ์ที่เกิดทั่วๆไป ประโยคสนทนาไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ต้องมีอะไรแบบที่นิยายหรือเมะบางทีชอบทำ ไอแบบมาถึงเพราะชั้นเก่งด้านนี้ๆๆๆ อันนี้คือความถนัดเฉพาะของชั้น ชั้นหน้าตาดี ฉลาด อะไรเทือกนั้นซึ่งพูดออกมาเองหรืออยู่ในมุมมองความคิดตัวเองนี่โคตรจะจูนิเบียวชิบหายเลยจ้ะ 555 แบบนี้คือสมจริงกว่าอะ อย่างแบบอ่านไปนี่ก็รู้เลยว่าเรย์กะถนัดดนตรี ศิลปะหน่อย แล้วเป๊ะประวัติศาสตร์มากถึงขนาดยกประโยคมาพูดเป็นวลีๆได้เลย พวกอะไรที่ดูเป็นวรรณกรรมก็พอกัน อย่างตอนเล่นมุกเต้นรำใส่ซาราระเงี้ย มาเป็นบทพูดเลยจ้าาาา คือโหดมากนะ และไม่เคยมีอะไรที่ออกวิทย์ออกคณิตโผล่มาในหัว คือรู้ได้ว่าถนัดทางสายศิลป์ ออกวิทย์ออ่อนคณิตตั้งแต่ยังไม่ต้องรอให้มีฉากติวเตอร์ที่บ้านมาทักว่าอ่อนคณิตอะ
ท่านพี่ก็จะมีมาดแบบเก่งจิตวิทยา ไหวพริบดีมากจนจับจุดอะไรได้เร็วแม้แต่วาดรูปหรืองานฝีมือ แสดงละครเก่งมากด้วยเพราะบ่นน้องในหัวตรึมแต่ต่อหน้านี่อ่อนโยนมุ้งมิ้ง ก็ไม่ต้องมีประโยคบรรยายว่าเป็นคนยังไงออกมาเลยอะ รู้ได้จากเรื่องราวที่เดิน ไมฮามะนี่ก็โดนทำร้ายแบบไม่ต้องมีประโยคบอกเล่าเป๊ะๆตรึมเลย ก็จะดูออกมากิ๊กก๊อกหน่อย ดูเป็นตัวร้ายกี๊ๆตั้งแต่ก่อนเรย์กะเรียกปลาซิวปลาสร้อยแล้วอะ แบบโพสิชั่นคือไม่ใช่ไฮโซตัวจริง
กูไปดูมาให้แล้วนะ ถ้าไม่ผิดน่าจะตอน 109
>>903 ไอตรงขนมญี่ปุ่นแล้วคนอื่นไม่รู้เนี่ยแหละ พอเรย์กะรู้ขึ้นมาเลยดูโห คุณหนูตัวจริงไปเลยไง อย่างน้อยหลายมุมดูจะไม่คุณหนูเท่าไหร่ แต่มันมีหลายจุดอยู่ที่แสดงชัดว่าเรย์กะนี่ไฮโซนะ แบบละเอียดอ่อนและต้องรู้จักอะไรพวกนี้ดีถึงรู้ว่าไม่ใช่สึบากิ มันก็เป็นเรื่องแบบบ่มเพาะจากความคุ้นเคยและความรู้ส่วนตัวงี้ เป็นฉากที่ใส่มาให้เห็นจุดยืนเรย์กะเลยอะ เพราะเจ้าตัวมองตัวเองสามัญชนสุดๆตลอดอยู่ละ แต่ที่จริงคือถึงจะรั่ว แต่ก็รั่วแบบคุณหนู มีอะไรที่คูณหนูเข้าเส้นเลือดอยู่ในตัวเยอะเหมือนกัน
ขนมไวท์เดย์อันนั้นคนอื่นในซุยรันไม่รู้จักก็คงมี เพราะซุยรันไม่ใช่เด็กระดับเดียวกันหมดอยู่แล้วอะ แต่แบบในชั้นที่ใกล้กันหน่อยคือรู้จักไอขนมนี้กัน มันเหมือนบทบรรยายความไฮโซแอบแฝงมากกว่า เรย์กะนี่ทั้งแสดงตัวเป็นสามัญชนผ่านของกิน แล้วเวลามีบทแสดงตัวเป็นไฮโซก็ผ่านของกิน คือสมกับแท็กฟู้ดละ
แต่ๆๆๆ กูว่ามันคงจะ "หา? XXXX" ซึ่งให้อารมณ์แบบ หา ยัยนี่ให้ขนมทั่นคาบุวันไวท์เดย์หรอกเรอะ?! มากกว่านะ
>>908 อันนี้แหละ แต๊งกู้ววว มึงเมพมาก 555
>>909 เออนึกออกแล้ววววว อีกอันคือตอนพูดชื่อร้านช็อคโกแลต หรืออะไรซักอย่างเกี่ยวกับช็อคโกแลต นางก็แบบ หา พูดถึงอะไร มันคืออะไรแบบอันนี้แหละ คือไม่รู้จักอะ ที่ไปซื้อมานั่นคงไปหาข้อมูลมาแล้ว คือตอนให้มีโมเม้นฟีลอวด มันยิ่งดูแบบ หล่อนยังไม่ช่ายยยย พยายามต่อไป~
พอมาซ้ำด้วยขนมนี่อีกรอบคือประเด็นแนวเดิม เดจาวูเดิม มันก็ย้ำอยู่ดีว่าไม่รู้จักอะ ยังต้องทำการบ้านอีกเยอะ
>>910 มันมีบทพูดแบบ
@@@@@@@@
"พูดถึงไวท์เดย์ Guimauve นั่นอร่อยดีนี่ เป็นของลิมิตใช่ไหม"
"หา ? Guimauve ?"
เฮอะ ดันพูดอะไรไม่เข้าเรื่องออกมาได้
คุณไมฮามะทำหน้าประหลาดถามว่า "ท่านมาซายะ Guimauve นี่มันอะไรกันคะ" นี่หล่อน อย่าจุ้นให้มากนักจะได้ไหมยะ
"ฉันได้ Guimauve รสพีชาจากคิโชวอินตอนไวท์เดย์"
"จากคุณเรย์กะ !?"
@@@@@@@
กูว่าชัดแล้วนะว่าไม่รู้ว่ามันคืออะไร แล้วสุดท้ายคือความสนใจมาจับที่เป็นของจากเรย์กะไปละ แต่ถามว่ารู้รึยังว่าขนมอะไรหน้าตายังไงเป็นแนวไหน คิดว่าแบลงค์อยู่ดีในตอนนั้น
กูว่าไฮโซตัวจริงคือท่านฮิโยโกะนี่แหละ ขนม ของกิน แบรนด์เครื่องใช้ รสนิยมทางศิลปะอะไรก็ดูรู้ลึกรู้จริงไปทุกสิ่งอัน ตัวจริงอาจไว้ผมหลอดและพกพัดฝรั่งสีไวน์แดงก็เป็นได้
อ้อ ตอนก่อนๆ ที่มีคนตั้งฉายท่านเรย์กะว่า dolly girl เลยไปเสิร์ชภาพดูด้วยคีย์เวิร์ด ドーリーガール นี่มันสไตล์คุณหนูเลยนี่นา มีคนไว้ผมหลอดๆ ของจริงด้วย ถ้าท่านเรย์กะแต่งแบบนี้ไปยืนแทะปลาหมึกอยู่ที่ร้านแผงลอย กูว่าก็สะดุดตาอยู่ว่ะ
Guimauve น่าจะเป็นภาษาฝรั่งเศสนะ เอาเป็นว่าเรียกมันว่ามาร์ชเมลโล่ก็พอละกัน เสียหมด ฟฟฟฟ
>>918 ตอนแทะปลาหมึกทำน้ำจิ้มเลอะชุดแล้วจะร้องไห้นี่ก็พีคนะ คือแบบถ้ายังมีเนื้อในเป็นสามัญชนคนบ้านๆแบบที่นางคิดว่าตัวเองเป็น ก็เช็ดๆ หรือเดินหาห้องน้ำล้างไปได้ละ เอาอะไรบังๆไว้ก่อนก็พอ แต่มาแบบทำอะไรไม่ถูก สติแตก จะร้องไห้ คือนางได้ย่างเท้าเข้าไปเป็นคุณหนูเกินครึ่งตัวแล้ววว มีแต่ทัศนคติต่อคนอื่นกับความชอบด้านอาหารที่ยังเหลืออยู่
ลองเสิชตามแล้วโอ้ คุณหนูมากจริง แถมมีผมม้วนเป็นหลอดจริงงง แต่ไม่หลอดแรงขนาดเทียบกับมารี อังตัวเนตต์ได้นะ อันนี้รู้สึกดูเป็นยุคโมเดิร์นหน่อย ของแท้นี่ต้องโรโคโค่ 5555
>>919 ลาก่อนน้องกีอะไรซักอย่างที่กูก็ไม่สามารถอ่านจริงๆ ถ้ามีพูดถึงอีกเรียกมาร์ชเมลโลไวท์เดย์น่าจะพอเข้าใจ 5555
เอาจริงๆพวกชื่อขนมกับชื่อแบรนด์ทั้งหลายแหล่ในเรื่องนี่เป็นปัญหากับกูมากเพราะกูเป็นคนชอบออกเสียงในใจ ยกตัวอย่างเช่นpivoineเนี่ย เวลากูอ่านกูก็จะรู้แบบเอ้อ..คำนี้คืออันนี้ แต่กูไม่ออกเสียง(เพราะอ่านไม่ออก555) แล้วเวลากูจะเล่าท่านเรย์กะให้เพื่อนฟังมันจะได้มาหวีดกันกูก็ไม่รู้จะเรียกยังไง พอเปิดคำให้เพื่อนอ่านนางก็บอกว่าอ่านว่า พีโวน ป่ะวะ กูเลยอ่านว่าพีโวนมาตลอดแล้วตอนนี้ก็ยังไม่ได้หาคำอ่านที่ถูกจริงๆเลย...... แต่เวลาเข้าโม่งก็เลยเรียกตามว่ากลุ่มโบตั๋นเอาอ่ะ5555555 กูต้องไปหาคำอ่านที่ถูกซะละ
>>922 เหมือนกันนนน แต่อย่าง pivoine นี่พยายามหาคำอ่านมาหลายทีละ แต่ไม่เจอซักที กูอ่านเองว่า พีวองเน่ พยายามอ่านให้ใกล้เคียง peony เพราะเดาว่าน่าจะเสียงคล้ายกันบ้าง(มั้ง) จนทุกวันนี้ยังหาคำอ่านไม่ได้ 5555 ล่าสุดไปเจอแฮนด์ครีมล็อกซิทานกลิ่นโบตั๋น ที่หลอดเขียน pivoine คือบ้าขนาดไปถามพนักงานว่านี่กลิ่นอะไร นางตอบพีโอนี คือแบบ ไม่ช่ายยยย เอาแบบฝรั่งเศสสิ ก็ยังยืนยันว่าอ่านพีโอนีอยู่ดี นั่นมันภาษาอังกฤษมั้ยอะ ก็ยังไม่รู้คำอ่านต่อไป~
>>922 มึงพูดจนกูสงสัยขึ้นมาเลยว่ะ มันมีเวบชื่อ forvo ไว้ให้ฟังเสียง pronunciation จากเจ้าของภาษาได้ กูลองไปกดฟังดู pivoine มันออกเสียงคล้ายๆ ปิแวร์ป่ะ ใครหูดีๆ ลองไปช่วยกันฟัง
https://th.forvo.com/word/pivoine/
ถามว่าเรื่องเรียนขยันแบบนี้มั้ย ก็ไม่... แต่ความรู้จิปาถะกูเพิ่มขึ้นมากจริงๆ จากการอ่านเรื่องนี้ โดยเฉพาะของกิน...
ปิ-ฟัว-เนอ(ะ) เสียงne ตัวสุดท้ายออกเสียงเบาๆหน่อย ไม่แน่ใจเหมือนกันนะฝรั่งเศสกูกาก เรียนไปแบบไม่ตั้งใจเรียน55555555555555
นำมาสู่ความข้องใจ ว่าญี่ปุ่นออกเสียงแนวนี้ได้หรอเนี่ยยยย ตัว v กับ r คือคนไทยยังออกเสียงไม่ค่อยได้เลยอะ ญี่ปุ่นหนักกว่าอีกนะปกติ แล้ว pivoine นี่เสียงแอดวานซ์มาก
ตัวสะกด P ฝรั่งเศสออก "เป"
ตัวสะกด v ตัวกัดปากเสียงออกไรฟัน "เว" แบบมี ฟ ประสมนิดนึง แบบ "เวฟ์ะ" (ไม่รู้จะเขียนยังไงวุ้ย)
สระ -oine มันออกเสียง "-วน(เนอะ - ออกเสียงกึ่งนึง)"
Pivoine ก็ออก ปิ-วฟ์วน(เนอะ)
Pivoine ที่ท่านฮิโยโกะเขียนก็ออกเสียงยากกเอาการอ่ะ เขียนมา ピヴォワーヌ ถ้าถอดเสียงแบบเทียบคำต่อคำน่าจะได้ประมาณ Pi-Vuo-Va-N(u) ออกเสียงยากชิกหาย
คาตาคานะของ Pivoine > ピヴォワーヌ
Guimauve > ギモーヴ
ใช้กูเกิลฟังแล้วอย่างกะคนละคำกัน 5555555
พีโว้~~วาหนุ กูค้างตั้งแต่โว้ 5555555
ว่าไป กูก็นับถือโม่งแปลนะ ที่สามารถหาคำถอดเสียงคาตาคานะออกมาให้มันถูกต้องได้เนี่ย ....
กูคิดถึงโม่งฟิคกาลครั้งหนึ่งในฝันจัง
>>947 เราไม่มีความรู้เรื่องภาษาญี่ปุ่นเลยงงๆกับเรื่องนี้ แต่ฟังดูสุดยอดไปเลย 5555 แต่ที่โม่งแปลรู้เรื่องรอบด้านสรรหาข้อมูลได้ขนาดนั้นนี่ก็เทพมากๆ อนุโลมบ้าง มุกจากในไบเบิ้ลบ้าง ไหนจะสารพัดชื่ออาหาร ต่อให้เป็นภาษาไทย ถ้าไม่มีคนอธิบายก็อึ้ง รักโม่งแปลจริงๆ รู้สึกโชคดีที่มีโม่งแปลมาแปลเรื่องนี้ให้ //กราบรัวๆ
กูขำที่พวกมึงพยายามเลียนเสียง พีโว้~~ วา~~~ หนุ มากกกกก 555 อ่านแล้วกูลั่น แต่พอมางี้รู้สึกโม่งแปลเจ๋งไปเลยแฮะ /พุ่งตัวเข้าไปกอดขา มึงอยู่กับพวกกูไปนานๆนะ อย่างเพิ่งทิ้งพวกเราาาา ดูแนวโน้มแล้วอ่านเองนี่อาจตายได้ ดำน้ำกูคงตายอยู่ในกอสาหร่าย พีโว้~~~~
>>952 อุณาโลมป่าวมึง... 5555555
มู้จะเตผ้มแล้ว รีบสรุปรีบสร้างใหม่ดีกว่ามั้ง
กูกำลังคิดว่ากำลังออกเสียงหรือกลายเป็นปลาเสือวะ พ่นน้ำลายจนเลอะ 555+
ลองเอาให้กูเกิลอ่านแล้วเหมือนคนละคำจริงๆว่ะ55555
พิ่-โว้~-[อ้า]-หนุ
กิ-โม๊~~-หว(ฟ) ุ
โอย กูไม่สามารถจริงๆนั่นแหละ555555 ยิ่งพบเจอคำท่านเรย์กะยิ่งนับถือโม่งแปลมากขึ้น เป็นกูนี่สาหร่ายพันคอตายเป็นร้อยเป็นพันศพ
คลาสเรียนภาษากันเหรอวะคืนนี้ ถถถถถถถถถถถถถถ
Pivoine กูออกเสียงในใจกูเองเป็น ปิ - โวย - เน ตลอดเลยว่ะ ฟังคล้ายๆปินอยยังไม่รู้ดิ
ตอนนี้นอกจากหล่อระทมแล้วกูคงหลอนคำว่า พีโว้~ เพิ่มไปอีกคำ 55555 ถ้าไปได้ยินที่อื่นข้างนอกนี้รู้เลยว่าอ่านเรื่องนี้
เออแล้วงี้เวลาคนญี่ปุ่นคุยกันก็แบบ สมาชิกพีโว้อาหนุ เอิ่มมมม ไม่เท่อย่างแรง!!!! ชื่อน่าเกลียดอะไรเยี่ยงนี้กันนนน
คำว่า Pivoine ไร้ความศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป พวกมึงทำอะไรกันเนี่ย 5555555555555555555555
ถ้าอ่านตามที่กูอ่านๆมาแบบไม่พึ่งอะไรเลยกูจะอ่านว่า พิ-โวย-เน่
แต่ตอนนี้กูอ่านแบบนั้นไม่ไหวแล้วว่ะ พวกมึงดูตั้งใจเกิ๊น 55555555+
ถึงกะเปิดตำราการทับศัพท์ฝรั่งเศส http://www.royin.go.th/wp-content/uploads/2015/03/2346_2556.pdf
แต่ยังไง Pivoine ก็พ่ายแพ้กะการพยายามทับศัพท์ให้ได้คำหน้าตาดูดีๆว่ะ 55555555
Pivoine [ /pi.vwan ] ปิ-ววน
Guimauve [ /gi.mov/ ] กีโมฟว์ (ถ้าในตำราข้างต้นจะเป็น กุยโมฟว์ แต่ยึดตาม phonetic น่าจะถุกต้องกว่า)
นี่อ่านพิวอยมาตลอด😂😂😂
กระทู้หน้า https://fanboi.ch/webnovel/3856/
แต่ญี่ปุ่นออกเสียง V เป็น B นี่นา Pivoine ถ้าอ่านเป็น พี - โบ - ว้า - หนุ รู้สึกพังไปกันใหญ่......
ลองค้น youtube อยากจะหาเสียงคนจริงๆพูดคำนี้ ไม่ใช่เสียงAIแบบสิริของกูเกิล แต่ไม่มีเลยว่ะ 55555
กูไล่ๆอ่านตั้งแต่ประเด็นคาบุ จู่ๆเปลี่ยนเป็นประเด็นไมฮามะ ขนม แล้วก็การออกเสียง ได้ไงวะ 55555555
ตอนแรกกูอ่าน pivoine เป็นไพวองเน่ อ่าว กำนี่กูอ่านผิดมาตลอดเรอะ(เศร้าใจ) แต่ดีที่ได้อ่านถูกล่ะ จริงๆในเรื่องนี่มีชื่อขนม อาหารฝรั่งเยอะมากกกกกก หลายคำมากที่กูไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอ่านดีเลยได้แต่ข้ามๆไป
นี่ยังไม่หมดมู้อีกเหรอ ถถถ
มาๆๆ เดี๋ยวกุช่วยปั่นเอง
ไหน โม่งคนไหนจะปิดท้ายมู้นี้อย่างสวยงาม???
ยังไม่ปิดกระทู้กันอีกเหรอวะ ถถถถถถถถถถ
มา กูช่วย
อีกสองเมนท์
พี~ โว ~ว้า~~ หนุ~~ ~
ซือโก้ยยยยยยยยย~~ ทาโนชิหวาาาาาาาา~~
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.