ตอนแรกกูก็ว่าจะแค่แต่งฟิคท่านเรย์กะแบบง่ายๆ แต่อ่านดูอีกทีแล้ว อ่าว นี่กูเขียนนิยายเรื่องใหม่โดยมีฉากหลังเป็นท่านเรย์กะนี่หว่า...โอย กูอาย แต่งฟิคแท้ๆ แต่เหมือนกูเอาผักชีมาโรยหน้าตัวเอง อายชิบหาย ...เป็นฟิคแท้ๆ แต่ความเกี่ยวข้องกับตัวหลักมีนิดเดียว เอาวะ! //กดโพสต์แล้วปิดไฟนอน
_____________________________________________________________________________
ผมมีความทรงจำจากชาติก่อนอยู่ครับ…ผมตงิดใจเรื่องนี้ครั้งแรกสุดเมื่อท่านพ่อพาผมและน้องชายฝาแฝดไปลงทะเบียนเข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนที่มีชื่อว่า ‘ซุยรัน’ ตอนแรกผมก็ได้แต่คิดในใจว่า ‘ชื่อมันคุ้นๆจัง’ แต่ผมก็แน่ใจทันทีเมื่อได้พบเธอคนนั้น…
ทั้งใบหน้าอันงดงามประดุจตุ๊กตา ทั้งทรงผมม้วนๆดั่งโคโร…เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์! แบบนั้น…ไม่ผิดแน่…คิโชวอิน เรย์กะ เธอคือนางเอกของนิยายเรื่อง ‘นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ!
’ ที่ผมเป็นแฟนคลับนี่หน่า!?
อีกทั้งพอเงี่ยหูฟังพวกผู้หญิงคุยกัน ทั้งชื่อของ เอ็นโจ ชูซุเกะหรือคาบุรากิ มาซายะ ทั้งซุยรัน ทั้งPetit Pivoine ทั้งหมดมันคือสิ่งที่อยู่ในนิยายเรื่องนั้นนี่!?
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปม่ายยด้ายยย!!...ผมเป็นลมและไข้กินไป 3 วันเลยทีเดียวหลังจากรู้ความจริงข้อนั้น เอาล่ะ…ตอนนี้ผมค่อนข้างแน่ใจทีเดียวว่าอยู่ในนิยายเรื่องนั้น…หมายถึงในนิยายจริงๆนะ ไม่ใช่ Shojo manga ที่นิยายใช้เป็นฐาน
และมันช่างน่าเสียดาย…ผมติดตามเรื่องนี้ได้ถึงแค่ตอนที่ 192 เพราะคนที่เรียกกันว่าโม่งแปลเขาประกาศหยุดแปลแล้ว แต่ไปๆมาๆ เขาแค่หยุดพักรักษาร่างกาย 2-3 อาทิตย์ ผมดีใจมากไปหน่อยเลยขับรถจักรยานยนต์ออกไปซื้อของมากินฉลองแล้วลืมใส่หมวกกันน็อค…ความทรงจำผมก็โดนตัดไปแค่นั้น…
แต่ผมก็ต้องยอมรับความจริงว่า ผมไม่ใช่ตัวละครที่ปรากฏในนิยาย…ไม่ใช่ซักตัว ชื่อของผมคือ ‘ไทโย มุราสะ’ เป็นตัวประกอบที่ไม่ถูกกล่าวถึงใดๆ เพราะผมก็ไม่รู้จักตัวละครตัวนี้เลย…ชีวิตก่อนเป็นโม่งในบอร์ดแล้วชีวิตนี้เป็นตัวประกอบในนิยาย…
ช่างมันเถอะ! จะยังไงก็แล้วแต่ ผมเป็นตัวประกอบที่ไม่มีส่วนสำคัญในเรื่องแบบนี้…ก็ไม่เป็นปัญหานี่นา แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ เรื่อยๆเอื่อยๆก็พอแล้ว แต่โชคดีจริง ตระกูลไทโยนั้นยิ่งใหญ่พอที่จะดันผมเข้าเป็นPetit Pivoine ด้วย…สบายล่ะชีวิตวัยเรียน…
แต่ว่า…พอคิดจะทำแบบนั้นผมก็รู้สึกว่าเหมือนชีวิตจะขาดสีสันไปเสียหน่อย นับวันผมก็คิดเรื่องนี้หนักขึ้นไปเรื่อยๆ แม้กระทั่งการดื่มด่ำบรรยากาศในสโมสรก็ทำได้ยากขึ้นไปทุกที…
“โอยมุราสะ หมู่นี้จะทำหน้าเครียดๆเกินไปแล้วนะ”
นี่คือมุราตะ น้องชายฝาแฝดของผมเอง โดยรวมแล้วหน้าตาเหมือนผมทุกประการเลย ทั้งผมหยักศกสีดำและดวงตาสีเทากับรสนิยมที่ชอบของสีโทนดำเหมือนกันแม้กระทั่งเสียงที่แค่เล่นดัดเสียงนิดหน่อยก็กลายเป็นเสียงของอีกคนละ..เหมือนกันเกินไปแล้วนะเฮ้ย
แต่สิ่งเดียวที่เป็นข้อแตกต่างคือ มุราตะเป็นพวกพูดจาไม่เกรงใจใครๆ เอาตัวเองเป็นที่ตั้งเสมอ เป็นพวกเถรตรงคล้ายๆกับคาบุรากิ...แต่เหมือนอาการด้านวาจาจะหนักกว่า ซึ่งต่างจากมุราสะที่เป็นคนสุภาพ ใจดี
มุราสะค่อนข้างจะเป็นที่รักในขณะที่มุราตะมักจะถูกเมินไม่ก็เกลียดไปด้วยนิสัยเถรตรงแบบนั้น ในความทรงจำของมุราสะนั้น ครั้งหนึ่งมุราตะไปพูดให้ท่านแม่ว่า “พักนี้ท่านแม่อ้วนขึ้นนะ…เหมือนหมูเลย” ทั้งๆที่ท่านแม่กำลังตั้งท้องน้องสาวแกอยู่นะเฮ้ย!?
“มีเรื่องให้คิดเยอะน่ะ”
“หา? จะคิดอะไรเยอะแยะฟะมุราสะ หัดปล่อยวางแล้วทำตัวสบายๆบ้างสิ”มุราตะพูดพลางเอานิ้วก้อยแคะหู…ถ้าผมไม่ต้องแบกภาพลักษณ์ดีๆของมุราสะ ผมคงเป็นแบบแกไปแล้วล่ะมุราตะ
ผมนั่งจิบชาไปเรื่อยๆระหว่างที่สายตามองไปยังเหล่าตัวละครหลักของนิยาย ท่านเรย์กะเป็นท่านเรย์กะในนิยายอย่างแท้จริง ท่าทางหวาดๆยามมองบากะรากิหรือจอมมาร กับทักษะการสวาปามขนม…มีแต่ท่านเรย์กะเท่านั้นแหละที่ทำได้!
“โอยมุราสะ เห็นนายจ้องไปหายัยนั่นมาตั้งนานละนะ ถ้าอยากเป็นเพื่อนก็เข้าไปคุยสิ”
“ฉันยังไม่อยากมีเพื่อนต่างเพศตอนนี้นะแต่ว่า…เธอคนนั้น.…ช่างน่าสนใจ”
“จริงด้วย! ผมม้วนๆน่าตลกชะมัด ยังกะโคโรเน่เลย ”
“เคยกินของแบบนั้นด้วยเหรอมุราตะ”
“แหงสิ แอบไปกินบ่อยๆที่ร้านของพวกสามัญชนแถวบ้านพวกเราอะ”
“ไม่แปลกใจว่าทำไมท่านพ่อถึงเกลียดนายนักมุราตะ…แต่อย่างที่นายว่า เธอคนนั้นน่าสนใจเพราะโคโร…ทรงผมดั่งราชินีโรโคโค่ตัวน้อยๆ มันสะดุดตาเสียจริง มองไกลๆนึกว่าตุ๊กตาขนาด เท่าคนจริง เลย…”
“พูดเป็นตาแก่ไปได้”
“แต่อีกอย่างนะมุราตะ โคโร…ราชินีโรโคโค่น่ะ..เป็นถึงทายาทของตระกูลคิโชวอินเลยนะ บางทีก็ระวังๆปากหน่อยเวลาพูด”
“จะคิโชวอินหรือคถาคต ถ้าฉันอยากจะเรียกอะไรยังไงฉันก็จะเรียก…”
“ตรงเกินไปนะมุราตะ…”
“ฉันไม่ใช่พวกเลื้อยเป็นงูเหมือนนายซักหน่อยมุราสะ”