จากปัญหากันถกเถียงกรณีของ ยุยโกะซัง กูค่อนข้างเห็นด้วยนะเว่ยว่าพวกเราเข้าข้างท่านเรย์กะมากเกินไป แต่ละประเทศก็มีวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนกันล่ะนะ ประเทศไทยมันสยามเมืองยิ้ม จนการยิ้มถือเป็นมารยาทการทักทายอย่างหนึ่ง
ในมุมมองของคนไทยนั้น กูลองถามป๋า ป๋ากูก็แฟนคลับเรื่องนี้่ ทีมเรือเอ็นโจนะจ๊าาา จากมุมมองป๊า การทักทายโดยการแค่ยิ้มให้ถือว่าไม่เสียมารยาท ถ้ายิ่งทักทายพูดคุยยิ่งไนซ์เข้าไปอีก แต่จะให้ทักบ่อยตลอดทุกครั้งที่เจอหน้ามันก็เกินไปอีกทั้งอาจจะร้างความรำคาญให้อีกด้วย.... กูแอบค้านในใจนิดหน่อย เด็จพ่อคะ!! เขาทักบ่อยมันดีไม่ใช่เหร้อ!! สงสัยคงจะเป็นกรณีที่ทักบ่อยในวันเดียวกันมั้ง....
ยังไงๆก็ต้องติดตามดูตอนต่อๆไป อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจ ดีไม่ดี ยุยโกะอาจจะมาถูกสอยมาเป็นพรรคพวกท่านเรย์กะ และอาจจะมาร่วมชงท่านเรย์กะกับเอ็นโจก็ได้ใครจะไปรู้ววววว
แต่กูหมั่นไส้เอ็นโจชะมัด!!! ขอทำร้ายหน่อยเถอะ!!!
แรงบันดาลใจ >> https://www.youtube.com/watch?v=End21AxJraM
คิดชื่อฟิคกาวไม่ออก..... ถถถถถ #ระวังปวดตับ...
น่าจะ 3 ตอนจบ มั้งนะ ถถถถถถถถ
-----
' ผมจะเป่าลมหายใจแห่งชีวิต ลงสู่ริมฝีปากที่มิอาจเอื้อนเอ่ย '
' คืนนี้คุณจะ [ฟื้นคืน] กลับขึ้นมา [ที่รัก]'
' ดั่งสภาพที่ไม่ต่างจากวันวานเลย '
-----
ณ โบสถ์ขาวงดงามบริสุทธิ์ที่ซึ่งถูกออกแบบและสร้างออกมามาอย่างวิจิตรบรรจงทั้งภายนอกและภายในที่ซึ่งใครก็ตามที่ได้ยลล้วนแต่ต้องชื่นชมออกมาอย่างอดมิได้ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่โบสถ์แห่งนี้ถูกใช้งาน ทั่วสถานที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สดสีขาวสวยมากมายหลากชนิดดูสดใส แต่ต่อให้สิ่งรอบข้างถูกจัดแต่งให้ดูสวยงามเพียงใด ทุกคนที่มาร่วมงานล้วนแต่ไม่มีกะจิตกะใจจะชื่นชมพวกมันสักนิด
จุดประสงค์ที่ตกแต่งสถานที่ให้สวยสดงดงามมีเพียงแค่อย่างเดียว
นั่นคือการกลบบรรเทาความเศร้าโศกอาลัย ให้ผู้ตายได้จากไปอย่างสงบ.....
ภาพหญิงสาวที่แม้วัยจะล่วงเลยถึงเลข 4 แต่ก็ยังคงความสวยสง่าไว้ไม่เสื่อมครากำลังเกาะอยู่ที่ขอบโลงไม้ฉลุลายสีขาวบริสุทธิ์ขอบทองโดยมีชายสองคนคอยประคองไว้อยู่ ภายในนั้นมีร่างของหญิงสาวในชุดเดรสขาวสะอาดหน้าตาน่ารักสะสวยละม้ายคล้ายเธอกำลังหลับไหลอยู่ท่ามกลางเหล่าผกาขาว แต่ต่อให้เรียกชื่อหรือปลุกสักเท่าไหร่ เธอก็จะไม่มีทางตื่นขึ้นมา..... ทั้งสามวางกุหลาบขาวพิสุทธิ์ไว้ข้างร่างหญิงสาวแสดงความอาลัย
"เรย์กะ ฮึก เรย์กะลูกแม่"
"หลับให้สบายนะลูกพ่อ"
"น้องจะอยู่ในใจของพวกเราไปตลอดกาล"
แม้คืนวันจะผันผ่านไปสักเท่าไหร่ คุณหญิงบ้านคิโชวอินก็ยังคงทำใจไม่ได้ต่อการสูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รัก [คิโชวอิน เรย์กะ] ถ้าไม่มีบุตรชายและสามีของเธอคอยประคองพยุงไว้ ร่างทั้งร่างก็พร้อมจะทรุดลงไปทุกเมื่อ
เธอเอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดผมที่ปรกหน้าของลูกสาวออกเพื่อให้เห็นใบหน้าสวยน่ารักได้ชัดเจนถนัดตา เพราะนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ที่จะได้เห็นใบหน้าลูกสาวของตน ใจทั้งใจสั่นสะท้านพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อต้องรับรู้ถึงความจริงที่ตอกย้ำ เธอร้องไห้ออกมาอย่างไร้เสียงและยังคงหลอกตัวเองอยู่ทุกวันคืนว่าลูกสาวไม่ได้จากไปไหน ยังคงอยู่กับเธอและครอบครัวเสมอ แต่ยิ่งหลอกตัวเองเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น
ไม่มีอีกเเล้ว....
ลูกสาวผู้น่ารักที่ต่อให้เติบโตเป็นสาวสะพรั่ง แต่ก็ยังคงทำตัวเป็นเด็กคอยออดอ้อน สามี ลูกชายและเธอเสมอ เจ้าหญิงน้อยกลางใจทุกคนในบ้านนั้น
ไม่มีอีกต่อไปแล้ว....
ร่างของเธอจวนเจียนจะเป็นลมล้มลงไปจนทุกคนส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกอกตกใจ โชคดีที่ทั้งสามีและลูกชายเธอประคองไว้ได้ทันและพากลับไปนั่งที่ แขกเหรื่อเริ่มทยอยกันนำดอกไม้ไปร่วมไว้อาลัย เธอนั่งมองและเริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้ง.... เหล่าบรรดาคุณหญิงที่มาร่วมงานต่างพากันเข้าไปปลอบหวังให้ความเศร้าและเจ็บปวดจากการสูญเสียทุเลาลง
ไม่ใช่เพียงแค่คนในครอบครัวและญาติพี่น้องวงศ์ตระกูลเท่านั้นที่เศร้าโศกเสียใจ เหล่าเพื่อนฝูง รุ่นพี่ รุ่นน้องและครอบครัวของพวกเขาเองก็อาลัยต่อการด่วนจากไปอย่างกระทันหันของหญิงสาวผู้เป็นดั่งตำนานของซุยรันคนนี้
ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่เพื่อมาเจอหน้าและอำลา....กันเป็นครั้งสุดท้าย