ภาคหลังเรียนจบ ต่อ >>>/webnovel/3689/680-681
------------
อะ อะ อะ
อะไรกันล่ะนั่น!!!!!
อยู่ๆก็มาเรียกชื่อกันแบบนั้นน่ะ ไม่ได้อนุญาตสักหน่อย เสียมารยาท!
ทำเอาหลุดเสียงอุทานประหลาดๆออกไปอีกต่างหาก น่าขายหน้าจริง
แล้วก็... อย่ามองแบบนั้นซิคะ!!!
เห็นรอยยิ้มและแววตาแปลกๆแบบนั้นของเอ็นโจ บวกกับบรรยากาศที่อยู่ๆก็เปลี่ยนไปตามดนตรี ทำให้ฉันต้องรีบหันหน้าหนีไปอีกทาง ไม่รู้ทำไมใจที่ควรจะสงบลงดันยังเต้นโครมครามยิ่งกว่าเดิม
ต้องเป็นเพราะดื่มไวน์เยอะเกินไปแน่ๆเลยล่ะค่า!
รู้สึกหน้าร้อนไปหมดจนอยากจะหาที่มุดหนี ตอนนี้รถก็จอดแล้ว เปิดประตูแล้วหนีออกไปดีมั้ยนะ?
"คุณคิโชวอินหน้าแดงเชียว ไม่สบายรึเปล่า?"
"...เปล่าค่า!"
เอ็นโจพ่นเสียงหัวเราะออกมา แกล้งกันแบบนี้ตลกมากนักใช่มั๊ยน่ะห๊ะ!!?
"นั่นซินะ วันนั้นคุณคิโชวอินได้ตุ๊กตาไปเต็มถุงเลยนี่"
"....ค่ะ"
"สนุกมากเลยเนอะ?"
"....อ่า ...ค่ะ...."
อ๊าาา เลิกพูดถึงเรื่องวันนั้นเถอะน่า!
"พอเอาตุ๊กตาแกะกับตุ๊กตากระต่ายที่ได้มาวางไว้ที่เตียงนอน คนทำความสะอาดห้องแตกตื่นกันใหญ่เลยล่ะ"
"อุ... อย่างงั้นเหรอคะ"
อุ๊ปส์ เกือบหลุดหัวเราะออกไปแล้ว
อุฮุฮุฮุ งั้นเหรอๆ พวกสาวใช้คงแตกตื่นกันหมดซินะ คุณชายของบ้านดันมีรสนิยมเป็นตุ๊กตาที่ดูผู้ญิ้งผู้หญิงแบบนั้น แล้ววางไว้ที่เตียงด้วยเนี่ยนะ คงดูไม่จืดเลยล่ะ
ถึงจะช้าไปหน่อย แต่นี่ซิค่อยสมกับเป็นการเอาคืนจากตอนทาโกะยากิน่ะ
"โดนท่านแม่เรียกตัวทันทีที่ทราบด้วยเนี่ยซิ"
"เห~"
ขนาดมาดามก็ยังเป็นห่วงเลยเหรอเนี่ย ต่อให้หน้าทนขนาดไหน แต่โดนที่บ้านหวาดระแวงแบบนั้น ก็คงเหงื่อตกบ้างล่ะ อุฮุฮุ สมน้ำหน้าแล้วล่ะ
"... แต่พอบอกว่าเป็นตุ๊กตาคู่ที่คุณคิโชวอินมอบให้ ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อล่ะนะ~"
"เห๊ะ..."
... ทำไมตอบแบบนั้นไปล่ะค้าาาาา!?
ถึงมันจะเป็นตุ๊กตาคู่จริงๆก็เถอะ แต่ตอบแบบนั้นมันชวนให้เข้าใจผิดไม่ใช่รึไงกันน่ะ!? เจตนาแค่การกลั่นแกล้งเท่านั้นเองนะคะ!!
จะว่าไปแล้ว หลายวันก่อน ตอนที่ฉันนอนอ่านหนังสือเล่นอยู่ในห้องนอน จู่ๆท่านแม่ที่ถือโทรศัพท์มือถือไว้ในมือก็บุกเข้ามาข้างในห้อง แล้วสำรวจตุ๊กตาในห้องของฉันใหญ่ จนกระทั่งมองเห็นว่าฉันนอนกอดตุ๊กตาแกะอยู่ ท่านแม่ก็หัวเราะออกมาอย่างสำราญกับโทรศัพท์ ก่อนจะเดินนวยนาดออกไปจากห้อง...
อย่าบอกนะ ว่าปลายสายคือมาดามเอ็นโจน่ะ!?
ท่านแม่ก็รู้แล้วอย่างงั้นซินะ ... อย่างงี้ข่าวลือไม่แพร่สะพัดไปหมดแล้วงั้นเหรอ?
อุกรี๊ดดดดดด ไม่น้าาาาาาา
เสียงเอ็นโจหัวเราะในลำคอ สัญญาณไฟก็เปลี่ยนสีพอดี รถจึงเคลื่อนตัวขับออกไปอีกครั้ง
ฉันยังคงนั่งเกร็งหันหน้าไปข้างทาง ไม่กล้าหันกลับมองคนขับรถอีกเลย
เมื่อไหร่จะถึงบ้านสักทีนะ อยากลงใจจะขาดอยู่แล้ว... รู้อย่างงี้น่าจะยอมรอที่นู่นแล้วโทรเรียกคุณซากามิให้มารับ หรือไม่ก็ดื้อดึงขอลงที่สถานีรถไฟให้ได้ซะก็ดีหรอก อยู่ในนี้มันอันตรายจริงๆนั่นแหละ... แง้
.
.
.
อีกไม่นานก็จะถึงบ้านแล้ว
โทรศัพท์เอ็นโจก็สั่นขึ้นมา เขารับสายพูด "ครับ" ๆไม่กี่ครั้งก็วางสายไป ไม่ได้อยากจะเสียมารยาทหรอกนะ แต่แอบได้ยินเสียงรถพยาบาลดังแว่วมาจากปลายสายน่ะ
รู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเลยแฮะ
ฉันกลั้นใจหันหน้ากลับไปทางเอ็นโจ เขามีสีหน้าอย่างปกติทุกที พอสังเกตเห็นว่าฉันจ้องหน้าเขาก็ยิ้มให้
"อ่า คุณหมอประจำตระกูลโทรมารายงานน่ะครับ ว่ายูกิโนะคุงอาการหอบกลับมากำเริบอีกแล้วน่ะ"
"เอ๋! ยูกิโนะคุงน่ะเหรอ!?"
ภาพยูกิโนะคุงที่หายใจหอบอย่างทรมานด้วยใบหน้าขาวซีดที่เคยเห็นตอนสมัยเรียนก็ปรากฏขึ้นมา ผ่านมาหลายปีแล้วก็ไม่หายอย่างงั้นเหรอ
"อาการเป็นยังไงบ้างเหรอคะ?"
"ไม่ได้หนักมากหรอกครับ ก็อย่างทุกทีนั่นแหละ อาการยังทรงตัวไม่ได้ร้ายแรง แค่เข้าโรงพยาบาลเผื่อไว้ก่อนน่ะ"
"เข้าโรงพยาบาล..."
ถึงจะบอกว่าไม่ร้ายแรงก็เถอะ แต่ยูกิโนะคุงต้องเข้าโรงพยาบาลอีกแล้วเหรอเนี่ย น่าสงสารจัง
ฉันน่ะจนถึงขนาดนี้แล้วก็ยังไม่เคยถึงขั้นต้องไปนอนในโรงพยาบาลเลยนะ
ไม่ว่าจะยังไงก็ฟังดูเป็นเรื่องใหญ่โตอยู่ดี แถมที่ได้ยินเสียงจากปลายสายก็ถึงขั้นต้องขึ้นรถพยาบาลเลยนี่นา...