“อย่ามาทำตัวเป็นคนอ่อนแอแบบนั้นนะเรย์กะ คนที่ทำเพื่อความรักก็เป็นคนโง่ที่ตกเป็นทาสอีกฝ่ายเท่านั้นเอง”
ฉันพูดอะไรไม่ออก หัวใจเจ็บปวดจนเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ทำไม... ถึงได้คิดแบบนั้นกัน ทำไมฉันต้องมาอยู่ในเหตุการณ์ตอนนี้ ต้องอยู่ในสภาวะที่ไม่อยากให้เกิดเรื่องที่ร้ายๆกับพวกเขา แต่ก็ไม่อาจห้ามได้ ไม่สามารถหยุดเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นได้อีก แม้แต่ตัวฉันเองก็ยากที่จะรอดพ้น...
“คาบุรากิคุงเป็นคนที่หาที่พักให้หนูเองค่ะ” ฉันพูดขึ้น “เขาเป็นคนที่รู้เรื่องการออกจากบ้านและการทุจริตทั้งหมด”
ท่านพ่อท่านแม่ช็อก ฉันยิ้มนิ่งๆให้
“ช่วยหยุดสิ่งที่ทำด้วยในตอนที่ทำได้ด้วยนะคะ ถ้าจำไม่ผิดคาบุรากิบอกว่ายังไม่ได้เริ่มทุจริตในสัญญานั้นเลย แต่ว่าคงจะเริ่มทำในขั้นต่อไปใช่ไหมล่ะคะ แน่นอนว่าเมื่อเริ่มทำเมื่อไหร่ คาบุรากิพร้อมจะออกมาเปิดโปงทันที”
คิดไปคิดมาคาบุรากิเคยพูดถึงเรื่องนี้ครั้งหนึ่งกับท่านพี่ ตอนนั้นฉันฟังแล้วงงๆเลยไม่ได้ใส่ใจ แต่หลักๆก็น่าจะประมาณนี้ล่ะมั้งคะ ฉันไม่รู้ว่ามีสัญญาอะไรทำไว้บ้าง เลยพูดเท่าที่นึกออกตอนนี้
“ลูกยอมขายครอบครัวให้ความรักที่ไม่มีทางเป็นจริงงั้นหรอ” ท่านพ่อพูดอย่างเย็นชา
“ไม่นึกเลยนะคะว่าวันหนึ่งลูกจะโง่งมในความรักไร้สาระแบบนั้น” ท่านแม่พูด ท่าทางรังเกียจในสิ่งที่ฉันเป็น “ความรักก็ควรจะครอบครอง ไม่ใช่ยินยอมทุกอย่างเพื่ออีกฝ่าย ช่างน่าสมเพชจริงๆ”
หัวใจฉันกระตุก น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก่อนหน้านั้นเกือบจะออกมา ฉันหลับตาครู่หนึ่ง พยายามหยุดตัวเองไว้ ถ้าร้องไห้ออกมาตรงนี้ล่ะก็เรื่องที่ปกปิดมาทั้งหมดต้องพังแน่ๆ...
บรรยากาศกดดันขึ้นเรื่อยๆ ฉันไม่รู้ควรทำยังไงต่อไปอีกแล้ว...
“สวัสดีครับ”
ฉันสะดุ้ง หันไปมองคนที่อยู่ๆก็เดินมาทัก เอ็นโจยิ้มให้เราทั้งสามคน ท่านแม่กับท่านพ่อก็ดูตกใจเหมือนกัน
แต่ด้วยหน้ากากสังคมชั้นสูง ท่านพ่อท่านแม่ก็หันไปตอบรับทักทายอย่างปกติได้รวดเร็ว ฉันฉวยโอกาสใช้เวลาตรงนั้นในการสงบสติสงบใจพักหนึ่ง
"คุณคิโชวอิน เห็นเมลล์จากมาซายะหรือเปล่าครับ"
เอ็นโจถามขึ้น ฉันลังเลนิดหน่อยเพราะไม่ได้ฟังบทสนทนาที่คุยกันก่อนหน้านั้น
“ยังเลยค่ะ” ฉันบอกพลางหยิบมือถือขึ้นมา เอ๋? คาบุรากิไม่ได้ส่งอะไรมาให้นี่
"เห็นแล้วสินะครับ" เอ็นโจพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ของฉัน “ขอตัวเรย์กะสักแปบหนึ่งนะครับ”
พวกท่านอนุญาตด้วยท่าทางใจดีอ่อนโยน แต่ในใจคิดอะไรอยู่ก็ไม่มีทางรู้ ตามหลักแล้วยังไงฉันก็ต้องกลับบ้านไปเจอท่านพ่อท่านแม่อยู่ดี พวกเขาคงปฏิเสธไม่ได้ ไม่งั้นคงน่าสงสัยน่าดู และเรื่องที่ฉันไม่ได้อยู่กับพวกเขาอาจจะแดงออกมา…
ฉันเดินมากับเอ็นโจ เขาพามาตรงจุดที่สามารถเห็นชิดาเระซากุระอย่างชัดเจน ดูสวยสง่าจากทุกมุมจนน่าตกตะลึง แต่ฉันกลับกังวลไปอีกเรื่องหนึ่งแทน
เขาโกหกเรื่องเมลล์จากคาบุรากิทำไมนะ? ขณะที่ฉันกำลังสงสัย เขาก็หันมา เอาเครื่องดื่มให้ฉัน ไม่นานก็ถามขึ้น
"ว่าแต่ คุณคิโชวอินหนีออกจากบ้านหรอครับ"
ฉันสำลักน้ำแบบห้ามตัวเองไม่ทัน
เมื่อกี้นายได้ยินงั้นหรอ!!! ฉันพยายามทำตัวนิ่งๆ แต่ก็อดช็อกไม่ได้ ทำไงดีล่ะคะเนี้ย!!! คาบุรากิ... ตอนนี้นายอยู่ไหน จอมมารรู้เรื่องแล้วนะ... ฉันจะแอบส่งเมลล์ขอความช่วยเหลือยังไงดีล่ะคะ...
ที่พูดกันเมื่อกี้ก็เป็นจุดที่ไม่ค่อยมีคนนะ แถมก็ไม่ได้พูดดังมาก เอ็นโจได้ยินได้ยังไงคะ นายมีหูทิพย์หรอ? หรือเป็นพลังสแกนหาปัญหาแบบฉบับเพื่อนพระเอก น่ากลัวเกินไปแล้วนะ
"คุณทำแบบนั้นเพื่อมาซายะงั้นหรอ"
เอ็นโจถามต่อ แววตาของเขาเจ็บปวดอย่างไม่ปิดบังจนฉันชะงัก ไม่เคยเห็นเอ็นโจทำหน้าแบบนี้ในมังงะมาก่อนเลยค่ะ หรือว่า...เป็นเพราะสะเทือนใจในฐานะลำบากของฉันในตอนนี้ จะยังไงเขาก็อยู่ฝ่ายดีล่ะนะ
"เคยคิดไหมครับว่าหากวันหนึ่งได้ความทรงจำกลับคืนมา มาซายะอาจจะไม่ได้ชอบคุณแบบนี้”
“เอ๋?”
"หากวันหนึ่งเป็นอย่างนั้นจริง ยิ่งคุณหนีออกจากบ้าน ยิ่งไม่ทำให้ลำบากกว่าเดิมหรอครับ คุณอาจจะเดือดร้อนได้”
ฉันกระพริบตาปริบๆ
"มันเกิดไปแล้วนี่คะ ฉันย้อนกลับไปคิดก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา"
ฉันคาดไม่ถึงจริงๆค่ะ เอ็นโจเป็นห่วงแม้กระทั่งตัวตนของเรย์กะในโลก KimiDolce เลยหรอคะ ค่อยสมกับเป็นเอ็นโจผู้อ่อนโยนตามในมังงะหน่อย นี่แหละมังงะที่ฉันจะซื้อมาอ่าน ไม่ใช่เอ็นโจเวอร์ชั่นจอมมารที่เห็นทีไรต้องพยายามหนีออกห่างให้มากที่สุด