ท่านประธานคาบุรากิกับมาดามคาบุรากิคุยอยู่กับท่านพ่อท่านแม่ฉันอย่างยิ้มแย้ม พอเห็นฉันเดินเข้ามาพร้อมกับคาบุรากิ ทั้ง 4 คนก็เรียกให้เข้าไปหา
“กำลังจะถามอยู่เลยว่าคุณเรย์กะอยู่ไหน ที่แท้ก็มาพร้อมมาซายะเองหรอคะเนี้ย! มาซายะบอกว่าจะตามมาเองทีหลัง จริงๆแล้วก็ไปรับคุณเรย์กะอยู่สินะคะ”
“อ่า” คาบุรากิพูด... นายตอบแม่นายได้ขอไปทีมากเลยนะ
“ขอบคุณมากเลยนะคะที่ชวนมาในวันนี้” ฉันตอบรับ
“แหม ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ยังไงอีกไม่นานก็ได้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
ฉันชะงัก อือ ก็เป็นคู่หมั้นกับคาบุรากิอยู่ล่ะนะคะ...
ท่านพ่อท่านแม่ทำตาวิบวับเป็นประกายข้างๆ ไม่ดีเลยค่ะ เข้าแผนสองคนนั้นอยู่แน่ๆ ท่านพี่คิดจะทำอะไรนะคะ ตอนนี้ฉันได้เชื่อเขา... อย่างน้อยคาบุรากิไม่ได้คัดค้านแผนนี้หัวชนฝาเหมือนก่อนหน้านั้น แสดงว่าคงมีเหตุผลอะไรบางอย่างอยู่ แต่ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น นายอาจจะต้องแต่งงานกับฉันนะ แล้วก็เดินสู่เส้นธุรกิจสีดำ ดิ่งสู่โลกมืดไปด้วยกัน
ฉันระแวงแม่คาบุรากิเล็กน้อย ในมังงะแม่เขาถึงจะพยายามจับคู่ลูกชายตัวเองกับเรย์กะก็เถอะค่ะ แต่ท้ายที่สุดพอยอมรับความรักของวาคาบะจังแล้ว ก็ทิ้งเรย์กะอย่างไม่เหลือเยื่อใย ตัดขาดไม่เกี่ยวข้องหรือสนใจอีกเลย ดูเด็ดขาดโหดเหี้ยมเอามากๆเลยค่ะ...
“วันนี้ได้ยินว่าคุณเรย์กะมาด้วย ผมและภรรยาตั้งหน้าตั้งตานอกันทั้งคู่เลยนะ”
ท่านประธานคาบุรากิพูดด้วยรอยยิ้มแบบขรึมๆ ยังวิเศษเหมือนกับโลกก่อนไม่มีผิดเลยค่ะ อยากมีคุณพ่อดูดีและเท่แบบนี้จังเลยนะ คาบุรากิภายนอกพอคล้ายๆ แต่พอรู้จัก มองแบบนั้นไม่ค่อยออกเลยค่ะ...
พอคุยกันเป็นพิธีแล้ว คาบุรากิต้องไปทักทายแขกและทำหน้าที่ของลูกชายคนเดียวของตระกูลล่ะนะคะ เขาขอพ่อแม่ตัวเองว่าจะพาฉันไปด้วย แต่เรื่องบางอย่างก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้นะ... ฉันไม่อยากให้ปัญหาของฉันทำให้คาบุรากิเดือดร้อนในการทำหน้าที่ เลยตัดสินใจขอตัวมาชมซากุระรอไปก่อน ฉันอยู่คนเดียวได้ค่ะ ไม่ต้องห่วง...
ท่านพ่อท่านแม่ยังยืนอยู่อย่างที่คิด...
ฉันกะจะรีบหนี แต่ท่านแม่ก็เรียกฉันไว้
“ช่างน่ายินดีจริงๆ” ท่านแม่พูด “ในที่สุดก็เข้าใจแล้วสินะคะ การหมั้นและฐานะของเราสำคัญแค่ไหน ได้ยินว่าคุณเรย์กะไม่ได้ทำตัวผิดปกติเลยที่ซุยรัน รักษาอำนาจของตัวเองเอาไว้อย่างดีสินะคะ”
“เรายินดีให้ลูกกลับมาที่บ้านอีกครั้งนะ” ท่านพ่อพูด
เหตุการณ์แบบนี้ฉันกับท่านพี่คาดเดาอยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้น ฉันพยายามยิ้มให้ทั้งๆที่หัวใจสั่นสะท้าน
“หนูคงไม่กลับไปเป็นเครื่องมือของท่านพ่อท่านแม่หรอกค่ะ”
ฉันพูดพลางทำสายตาให้แข็งกร้าว
“พูดอะไรกันคะคุณเรย์กะ รู้ไหมว่าเราเป็นห่วงแค่ไหน”
“ห่วงงั้นหรอคะ?” ฉันยิ้มนิ่งๆ แม้หัวใจเริ่มสั่นไหวหวาดกลัว “หมายถึงห่วงชื่อเสียงตระกูลผลประโยชน์ตัวเองน่ะหรอคะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อยนะ”
“ถ้าเป็นห่วงจริง ทำไมถึงส่งคนมาตามหาตอนที่จำเป็นต้องใช้ตัวหนูแล้ว” ฉันหันไปหาท่านพ่อและมองท่านแม่สลับกันไป “เคยรู้ไหมคะว่าหลังจากออกจากบ้านหนูไปอยู่ที่ไหน ใช้ชีวิตยังไง วันนั้นทั้งมืดทั้งฝนตก และหนูไม่ได้พกเงินไปเลยสักเยน แต่ก็ไม่มีใครออกตามตัว หรือคิดว่าดีแล้วสินะที่ลูกผู้สร้างปัญหาหายไปซะได้”
ท่านพ่อไม่ตอบ ท่านแม่เม้มปาก
“จะยังไงก็รักษาอำนาจในซุยรันอยู่ดีไม่ใช่หรือไงคะ”
“รักษาอำนาจในซุยรันงั้นหรอ นั่นเป็นแค่สิ่งที่ท่านแม่สนใจสินะคะ ตราบใดที่ภาพลักษณ์ออกมาไม่เสื่อมเสีย เบื้องหลังจะเป็นยังไงก็ช่าง” ฉันพูดอย่างเย็นชาอย่างไม่รู้ตัว
“ถ้างั้นเบื้องหลังที่พูดมานักหนานั่นคืออะไรล่ะ”
ท่านพ่อถาม ฉันไม่ตอบ
“จะยังไงก็ตาม เราเป็นห่วงลูกจริงๆ ไม่ได้มองเป็นเครื่องมือที่ลูกกล่าวอ้างหรอกนะ คิดหรอว่าพอไม่มีลูก แล้วเราจะทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ตระกูลคาบุรากิตกลงทำสัญญากับเราไว้มากมายอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีการหมั้น อีกฝ่ายก็ดิ้นไม่หลุดหรอกนะ ถ้าเรื่องทุจริตแดงออกมา”
ฉันได้แต่ตกตะลึง
“ทำไมต้องทำแบบนั้นคะ...”
หัวใจฉันหล่นวูบ มันไม่มีแบบนี้ในมังงะนี่น่า อย่าบอกนะคะว่าเพราะฉันเตือนเรื่องการล้มละลายพวกเขา แทนที่จะปรับปรุงตัว กลับหันไปฉวยโอกาสดึงตระกูลคาบุรากิมาร่วมกระทำผิดด้วยเพื่อความปลอดภัยอีกชั้น แบบนี้ก็เหมือนการขี่หลังเสือที่ไร้หนทางจะหลีกหนีออกมาได้
เพราะฉัน...คาบุรากิถึงได้...