เอาจริงๆพุดดิ้งกับแกงกะหรี่มันก็ไม่ได้เลวร้ายนะพวกมึง เพราะแกงกะหรี่มันปรุงได้สามรสคือเผ็ด เค็มหวาน หวาน พวกแกงกะหรี่ที่เขาว่าอร่อยต้องใส่พวกช๊อคโกแลต โยเกิร์ต แอปเปิ้ล กล้วย ผลไม้ต่างๆอ่ะ พุดดิ้งก็เป็นของหวานๆอย่างนึง ไม่เลวร้ายนะมึง แต่ส่วนตัวกูชอบแกงกะหรี่แบบเผ็ดเค็ม มีกลิ่นเนื้อมากกว่า เคยทำแบบที่เขาว่าทำให้เข้มข้น หวานมาก กูไม่ชอบ กูชอบเผ็ดๆ 555
ตอนที่แล้วกุว่าหนักแล้วนะ มาตอนนี้แม่ง.... พุดดิ้งกับแกงกะหรี่ จินตนาการบรรเจิดเบอร์แรงมาก...
>>493 กูว่าใส่พวกผลไม้ปั่นลงไปนี่ไม่น่าแปลกนะ เคยได้ยินเพื่อนบอกเหมือนกันว่าอร่อย แต่พุดดิ้งนี่มันไม่ละลายลงในแกงอย่างที่นางคิดป่ะวะ
น่าจะอยู่ในสภาพเหมือนเต้าหู้ไข่ แล้วยังมีรสคาราเมลอีก ถ้านางจะใช้ก้อนแกงเผ็ดจัดนี่รสคงตีกันขั้นสุด ส่วนลูกมิราเคิลกูจะไม่พูดถึงเพราะแม่งสุดจะจินตนาการจริงๆ 55555 สรุปแล้วคิดว่าอาหารที่นางทำอร่อยสุดน่าจะเป็นยามินาเบะ แม่งต้องไอเดียบรรเจิดจนคนกินท้องเสียกันหมดแน่ๆ
กูสงสัยว่าทำไมโม่งฟิคกาวนี่คือความรู้เรื่องขนมประกอบฉากดีจังเลยวะ มีชื่อขนม ชื่ออาหารบนโต๊ะ พร้อมรูปประกอบ ในขณะที่กูเห็นชื่อก็มึนละ นี่คือจริงๆแล้วพวกมึงก็เป็นสายแดกแบบท่านเรย์กะใช่มั้ย*ชี้หน้า* บอกมา!!!
เผลอกดปุ่มส่งเมื่อกี้ โทษที มือไวไปหน่อย
>>478 วรั้ยยยยยยย กูคิดถึงฟิคนี้โครต รอมึงมาต่อน้าาาาาาาาา กูอิ่มเอิบมากที่ได้สูดกาว หลังจากไปเมาแกงกะหรี่ใส่พุดดิ้งของท่านเรย์กะเมื่อกี้มา
กูก๊าวท่อนโค้งให้ แหม เหมือนโค้งขอเต้นรำเลยนะคะ อยากให้มีซีนโค้งขอเต้นรำในออฟฟิศเชียลจัง ถถถถถถถถถถถถถถถถ ฝันกูจะเป็นจริงมั้ย
>>493 พุดดิ้งมันไม่ละลายอะมึง มีรสไข่กับคาราเมล รสจะตีกับเครื่องแกงเอานะมึงงงงงงง แต่ถ้าอยากรู้รสชาติจริงๆต้องลองทำกินเองดูนะ
อะไรคือพอได้ยินว่าจะใส่พุดดิ้งแล้วในหัวพานนึกไปถึง....ลองใส่เจลาตินในแกงกะหรี่ให้มันดูเป็นวุ้นดีไหมนะ???(เดี๋ยวววว!) แกงกะหรี่ที่เคยทำนี่เคยใส่สาลี่กับแอปเปิ้ลด้วยนะ หวานกำลังดีอร่อยมากเลย แต่พวกเครื่องเทศนี่ใช้ผิดชนิดนิดเดียวรสชาติกับความหอมก็ไปกันคนละทางเลยนะ ขืนให้เรย์กะทำแบบต้นตำรับที่ต้องเอาเครื่องเทศมายำกับเองแบบนั้นมีหวังได้ตายกันยกครัวแหง
>>496 จริงๆพุดดิ้งก็มีหลายเนื้อนะ มันอยู่ที่ใส่เจลาตินแค่ไหนด้วยอะ พุดดิ้งที่ออกครีมมี่จัดๆเนื้อเนียนนิ่มเลยก็มีนะ ตอนอ่านกูก็นึกถึงแบบนั้น คือไม่ใช่แบบที่มาเป็นก้อนๆอันนั้นจะแนวสำเร็จรูปหน่อย หรือพวกแบบคัสตาร์ดพุดดิ้งที่ใส่ไข่งี้มันเลยจะมีความแข็งเป็นชิ้นนิดนึง แต่พวกใส่ครีมสดใส่นมแล้วในส่วนผสมไม่มีไข่คือเหลวประมาณนึงนะ แบบถ้าไม่แช่เย็นในอุณหภูมิที่กำหนดนี่ละลายกลายเป็นน้ำๆ..... แต่ถึงยังงั้นก็ไม่ควรเอาพุดดิ้งมาใส่แกงกระหรี่อยู่ดีมั้ยฟระะะะ ท่านเรย์กะ!!!!!
จะให้นางทำอาหารออกมาเป็นผู้เป็นคนได้ คือต้องให้นางเลิกนิสัยใส่ห่าเหวอะไรก็ตามที่นึกออกก่อนว่ะ ต้องบังคับทำตามสูตรเป๊ะๆเลย ไม่งั้นก็ออกมาพิลึกพิลั่น เป็นอาหารจากนรกแบบนี้อยู่ร่ำไป กูปวดเฮดเลยที่นางนึกเอาลูกมิราเคิลใส่ นึกไปถึงขั้นนั้นได้ไงฟร้าาาาาาาาาาาา
ปล.เน็ตดีแท็คโดนแบนถ้วนหน้าอีกแล้วแจ้ รำคาญโทรลชิบหาย การกระทำสั่วๆของแม่งทำคนอื่นเขาติดร่างแห เดือดร้อนกันไปทั่วอีกละ
ถ้าจัดมีทติ้งนี่ต้องจัดที่ใกล้โรงบาล มีห้องน้ำเยอะ มีอาหาร ขนมให้กิน กูขอเสนอ จามจุรีสแควร์ว่ะ โรงบาลห่างแค่ถนนคั่น ยังไงก็ล้างท้องทัน
>>509 มีทติ้งทีต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นหมู่คณะ โหดสัดแค่ไหนถามใจเธอดู...
แต่กูแอบมโนว์ว่าท่านเรย์กะได้ทำเป็นมังกะ อนิเม มีคาแรคเตอร์ช้อปคาเฟ่ เมนูที่เสิร์ฟคงเป็น แกงกระหรี่มิราเคิลพุดดิ้งของเรย์กะจัง ลาเต้อาร์ทกระต่าย (เสิร์ฟโดยเอ็นโจคอสเพลย์) แกล้มกับคุกกี้น้องแกะ ของหวานมีฟองดองต์ช็อกโกล่าของวาคาบะ ที่รองแก้วเป็นลาย 12 นักษัตร ได้แบบนี้คงบันเทิงดีแท้ 55555
>>509 นี่มีตติ้งหรืองานทดสอบยาพิษ ทำไมมันดูเสี่ยงตายจังวะ 0_0!!
>>511 กูเกรงว่าทั้งร้านน่าจะขายได้แค่ลาเต้กับฟองดองชอคโกแลตว่ะ ถถถถถถถถถถถถถถถถถถ
เซ็ตแกงกะหรี่มิราเคิลสูตรท่านเรย์กะนี่อยู่ในระดับโหดหิน มีของหวานในเซ็ตเป็นชอคโกแลตไร้รสกับเค้กชอคโกแลตใส่เหล้าลิเควียร์นานาชนิดให้เลือก ท้าทายผู้กล้า ถ้าทานหมดไม่ต้องจ่ายตังไรเงี้ย
อ่านตอนล่าสุดแล้วกูปวดหัวเลย
เรย์กะ นี่ไม่ได้จำเลยสินะ เพิ่งผ่านไปแค่ตอนเดียวเองนะ ทำไมความจำแย่แบบนี้ โดนเทศน์ขนาดนั้นเลยนะ แกงกะหรี่ใส่พุดดิ้ง...กรี๊ด คิดได้ไง ในฐานะคนทำอาหาร ขอสาปแช่งเธอให้ท้องเสียไปสามวัน เอาให้ท้องเสียจนพุงลดเลย55555555555
ทำไมกูมีความรู้สึกว่าทุกคนจะอ้วนขึ้นจากการอ่านท่านเรย์กะวะ...
กูเริ่มอยากลองทำอาหารแบบเรย์กะว่ะ อยากลองว่าไอ้ที่เรย์กะบอกมันน่ากิน อร่อยจะเป็นไง อาจจะเข้าใจความรู้สึกท่านพี่5555
...ท่านคาบุรากิวีแกน ลืมตัวเองเป็นวีแกนอีกแล้วนะ แดกทาโกะยากิหน้าตาเฉย
ไปอ่านมาล่ะ สปอยล์ดิบตอนใหม่
.
.
.
.
.
.
ตกลงหลังจากเกริ่นเรื่องไปเที่ยวร้านแผงลอยหาดอกไม้กันมาหลายตอน คาบุแม่งก็ไปกับวาคาบะจังจริงๆ เหมือนเดทกันสองคนโคตรหวานแหวว ส่วนท่านเรย์กะกูก็ไปมา ขึ้นรถไฟหนีไปเที่ยวบริโภคคนเดียวเสร็จสรรพ ไม่เจอกับใครเลย ท่านฮิโยโกะแม่งล่อกูซะหลังเดาะ โคตรกระอักเลือด นี่ว่าจะไม่คาดหวังแล้วก็เผลอหวังอีเวนต์ทุกครั้ง อยากวิงวอนท่านฮิโยโกะได้โปรดอย่าทิ้งนางไว้บนคาน โฮววววววว
ดิบ 282 ดำน้ำละ
.
.
.
.
.
คาบุรากิแม่งไปสวีทกะวาคาบะแล้วมารายงาน ที่เมืองที่เรย์กะเคยคิดจะไป (สรุปมันชื่อเมืองอะไรน่ะ ดำน้ำกูเกิลมันแปล morning glory......)
อุตส่าห์ลุ้นว่าจะมีลากเอ็นโจกะเรย์กะไปเป็นดับเบิ้ลเดท โถววววว บ้าเอ้ยยยยยยย
ตอนใหม่ กูได้แต่กระพริบตาปริบๆ
.
.
.
.
.
ผู้ใหญ่บ้านคานทองนี่มันผู้ใหญ่บ้านคานทองจริงๆโว้ยยยยยยย
เอ็นโจจจจจจจจ นายทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย ไปหาข้อมูลที่เที่ยวมาแล้วไม่ใช่เหรออออออ ทำไมไม่ชวนเรย์กะไปวะะะะะะะ
แปบนะคือนี่กูงงว่าพวกมึงรู้ได้ไงว่าสปอยตอนใหม่วะ กูอ่านตอนแรกนี่ยังไม่สามารถจับใจความได้ว่าพูดถึงตอนไหน ดิบหรือฟิค หรืออะไรรร แบบไม่เกริ่นกูเลยเอ๋อแด๊กไปเลย ถถถถ นี่แอบเสียใจแฮะ ปกติคนที่มาบอกข่าวว่าดิบตอนใหม่มาจะเป็นกูเอง 555 ที่จะชอบมาบอกแค่ว่ามาแล้วแต่ไม่มีบรรยายอะไรเพิ่ม เพราะปกติกูเปิดเจอก็แจ้งข่าวเลยงี้ วันนี้มีคนเร็วกว่ากูวววว แต่ก็นะวันนี้งานเข้าเบาๆไม่ได้เปิดเลย
ช่วงนี้ดิบอัพบ่อยจังแฮะ นี่จะคาดหวัง รวมเล่มของเรื่องนี้ได้บ้างมั้ยอ่ะ
KY กูสงสัยว่าบ้านคิโชวอิน ปล่อยคุณหนูเรย์กะ ไปไหนมาไหนคนเดียวได้หรอวะ
เห็นนางไปเที่ยวคนเดียวบ่อยมาก ไหนจะขึ้นรถไฟฟ้าไปหาวาคาบะคนเดียวอีก
.
.
.
.
.
.
ยิ่งตอนไปกับคาบุ เหมือนจะไปกันแค่ 2 คน
ถ้ามีผู้ติดตาม ไม่เอาไปรายงานทางบ้างหมดเรอะ
>>534 กูกำลังจะพิมพ์เลยยยย โคตรสงสัยมาพักใหญ่ละ ตั้งแต่เวลานางออกไปซื้อสแตมป์แล้วอะ ที่โดนทักว่าท้องนั่นแหละ 555 แต่แบบพอกล้อมแกล้มว่าในเมือง อาจจะแอบดอดไปหรือมีคนแอบตามดูแลรึเปล่างี้ แต่นี่นางเล่นข้ามจังหวัด ทำไมที่บ้านยอมหว่าแอบงง หรือจะมีบอร์ดี้การ์ดลับ!!!??
มันไม่ใช่แค่ตามตัวได้มั้ยไงในความรู้สึกกู คือแบบปูเรื่องมาแต่ละครอบครัวใน pivoine นี่รวยจนแบบช็อคงี้ คืออาจจะไม่ถึงขั้นแบบ Top 10 ของโลก อืมมมแต่จะว่าไปจากที่บรรยายมาให้ความรู้สึกยังกะตระกูลคาบุรากิอาจจะติด Top 10 อยู่เหมือนกัน แต่นอกนั้นต่อให้ไม่สูงขนาดนี้ แต่ Top 100 คงติดกันสบายๆ ขนาดในโลกจริงก็มีญี่ปุ่นติดมาอยู่เหมือนกัน แล้วรวยขนาดนั้นคิดว่าข้อมูลเป็นความลับหรอ ก็ไม่เลยนะ พวกจับตัวเรียกค่าไถ่นี่ถ้าเล็งไว้ซักอย่างจับอุ้มไปทีเดียวคือรวยเละ ยิ่งมีเอกลักษณ์เว่อร์แบบเรย์กะงี้ แล้วคือแค่วิ่งในหมู่บ้านยังจ้างโค้ชบ๊องมาให้เป็นบอดี้การ์ดในตัว แต่นี่ปล่อยข้ามจังหวัดดดด คือรู้สึกมันขัดๆกันยังไงไม่รู้อะ
จากดิบล่าสุด
.
.
.
.
.
.
.
นอกจากเรื่องคาบุใช้เรย์กะยังกะไดอารี่ออนไลน์ส่วนตัว กูยังรู้สึกว่าอะไรที่เป็นวาคาบะนี่คาบุพยายามครอบงำแปลกๆ มีแบบสุดท้ายแล้วทาคามิจิก็เห็นด้วยกับชั้น คืออาเร๊ะ นี่แกรไปเดทหรือไปดีเบทกับวะมีความงง มันหลายทีแล้วด้วยที่ย้ำถึงคาบุก็ยึดเรื่องสถานะของตัวเองอยู่เหมือนกัน คือเหมือนพยายามเปลี่ยนวาคาบะให้เห็นด้วยกับตัวเองเอย จะจับแต่งตัวเอย นั่นนี่นู่นดูแบบนี่สนมั้ยเนี่ยว่าที่จริงเค้าคิดเค้ารู้สึกยังไง ขนาดบอกปฏิเสธอะไรก็ยังดูหัวดื้อไม่ค่อยยอมตาม มาแนวแบบครั้งนี้ไม่ได้ ครั้งต่อไปจะทำให้ได้ กูรู้สึกแบบ เอ๊ะะะะ อะไรของเมิ๊งงง~ ในขณะที่กับเรย์กะที่สถานะใกล้เคียงกันดูจะยอมฟังและเปิดรับมากกว่า ในตอนนี้เรย์กะยังมีแปลกใจเลยว่าเอ๊ะดูยืดหยุ่นอยู่เหมือนกัน ฟีลเดียวกับตอนซุปเปอร์มาเก็ตอีกละ วาคาบะจะทำอีนี่แย้ง พอเรย์กะคิดเห็นทางเดียวกันดันบอกจะลองดู คือแบบบบบนะ ไม่ใช่แค่เรย์กะ กับเอ็นโจเองก็ด้วยที่คาบุจะยอมเปิดรับหน่อยงี้ ยังไงก็รู้สึกว่าแบ่งแยกอยู่ดีแง่ะ นี่กูไม่ได้อคติเลยจริงๆนะ คือมันมาเป็นระยะแล้วเห็นทุกทีก็ตงิดๆทุกที
>>538 หรือว่าอาจจะมีบอดี้การ์ด/นินจาคอยสะกดรอยตามเรย์กะอยู่ห่างๆ โดยที่เรย์กะไม่เคยรู้ตัวมาโดยตลอด
ตกดึกบอดี้การ์ดก็ต้องกลับมานั่งพิมพ์รายงานไดอารี่ชีวิตประจำวันของคุณหนูคิโชวอิน
"วันนี้ตอนเช้าคุณหนูวิ่งจ็อกกิ้งไปได้สามกิโลเมตร หลังเลิกเรียนพิเศษ คุณหนูไปเดินเที่ยวเล่นในเมือง โดนสามัญชนทักว่าท้อง5เดือน ไปกินราเมงที่ร้านข้างทางและซื้อขนมหลอกเด็กในร้านสะดวกซื้อแล้วไปนั่งกินในสวนสาธารณะ กลับถึงคฤหาสถ์โดยสวัสดิภาพในเวลาสิบเจ็ดนาฬิกา"
ส่งรายงานให้ท่านพี่ทุกคืน 55555555555555
>>540 มิน่าท่านพี่แม่งรู้เรื่องของน้องทุกเรื่อง 55555
แต่จริงๆ กูว่าญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงนะ เครื่องแบบซุยรันก็โคตรสะดุดตา ถ้าจะลักพาตัวจริงๆ ก็ไม่น่าเอาสาวๆ อย่างเรย์กะหรอก เป็นเด็กๆ แบบยูกิโนะน่าจะง่ายกว่า ส่วนที่ต้องหาบอดี้การ์ดมาคุมตอนวิ่งน่าจะกลัวนางเป็นลมเป็นแล้งไประหว่างทางมากกว่าว่ะ 5555
>>540 กูรู้สึกว่าเป็นไปได้อย่างมาก กูรู้สึกว่าท่านแม่เมื่อก่อนชอบดูถูกคนอื่น แต่เดี๋ยวนี้กูรู้สึกท่านแม่ปล่อยวางมาก อาจจะสนใจคนใหญ่คนโต แต่ไม่หลุดด่าสามัญชนเลยว่ะ หรือเพราะรายงานชีวิตประจำวันของลูกสาวมีต่ความสามัย ด่าอะไรเข้าลูกตัวเองหมด เกิดภาวะปลงกันหมด ฮ่าๆๆๆ
พวกงานฝีมือ ตั้งใจเรียนลูกคุณหนูก็ไม่ค่อยทำกันนะ แต่เรย์กะดื้อจนแม่ยอม แม่อ่อนใจ
>>538 ไม่รู้สิ แล้วแต่คนมั้ง แต่เคยร่วมงานกับคนที่รวยมากๆคนนึง(ระดับพันล้าน) ก็เห็นชอบออกไปไหนมาไหนคนเดียวเป็นประจำนะ ดึกๆนึกอยากออกไปขับรถเล่นเองก็ไป ไม่มีบอดี้การ์ดมาติดตามตัว ไปไหนมาไหนก็มีแค่เลขากับคนขับรถ ลูกๆเขาก็ไปโรงเรียนกันตามปกติ เรียนนานาชาติ มีรถรับส่งถึงที่ ไปเรียนพิเศษคอร์สแพงๆ เสาร์อาทิตย์ก็เที่ยวกับเพื่อนเป็นวัยรุ่นเดินสยามแดกบิงชูถ่ายรูปลงโซเชียลทั่วไปอะไรแบบนี้
ถ้าไม่ดัง ไม่ทำตัวตกเป็นเป้า ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับใคร ก็ไม่จำเป็นต้องจ้างบอดี้การ์ดอะ ขนาดไฮโซรวยๆเชื้อสายผู้ดีเก่าของไทยบางคนออกงานลงข่าวหน้าสังคมเป็นว่าเล่น ก็ยังเห็นพกแค่ผู้จัดการคนเดียวเอาไว้ถ่ายรูปอัพลง IG ไม่มีบอดี้การ์ดติดตาม
กรณีเรย์กะคงเหมือนลูกเขามั้ง ดูเป็นวัยรุ่นทั่วไป ลุคคุณหนูๆพวกสามัญชนก็มีได้ ขึ้นอยู่กับการแต่งตัว บางคนไม่ได้เป็นไฮโซอะไร แต่แต่งตัวกับทำผมหน่อยก็ดูเป็นคุณหนูละ คนที่เดินสวนกันทุกวันนี้คงไม่มีใครรู้หรอกว่าบ้านรวย ถ้าไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวหรือตั้งใจจะสืบข้อมูล
>>539 กูว่าที่จริงไม่แปลกนะถ้าบางอย่างดูดาร์กๆนิดนึง ที่จริงต้องบอกดูเรียลมากกว่า คือเรื่องนี้โชโจก็จริงนะแต่ก็แบบมีความดาร์กทางธุรกิจแฝงอะ ตั้งแต่เปิดเรื่องมา ตั้งแต่เรย์กะเด็กๆละ เช่นแบบ
- ท่านพี่ อันนี้คงไม่ต้องบรรยายและไร้คำจะบรรยายถึงระดับความดาร์กฮี สิ่งยืนยันคือท่านอิมาริยังพูดว่าเป็นผู้ชายที่หัวใจเป็นสีดำสนิท ดาร์กคิงของแต๊แน่นอน
- ท่านอิมาริ คาสโนว่าดูล่องลอยเอื่อยเฉื่อย แต่ตอนเจอเรย์กะนี่ฮีม.ต้นป่ะ อายุ 13 เรย์กะ 6 ขวบ ซื้อของให้เด็ก 6 ขวบยังคิดถึงประเด็นที่ไม่ใช่ของแพงแต่เรย์กะก็ยังยิ้มจริงใจมีความสุข แสดงว่าตรรกะฮีนี่มาแนวเงินแลกความสุข ผู้หญิงปลื้มของแพฃงอะไนแบบนั้นตั้งกะ 13 ละ
- ริรินะ กับบทวิเคราะห์ว่าด้วยการแต่งงานทางธุรกิจที่ก็มองขาดหมด ท่านเรย์กะนี่สิ... ตกลงใครพี่ใครน้องกันแน่เนี่ย
- ซากุระจัง นี่ก็ไม่แบ๊วนาจาาาา
- บ้านเอ็นโจ นี่ก็ลึกลับดำมืด และมืดแบบดูมีปมดาร์กเก็บกดด้วย
อะไรประมาณนี้ คือตีมเรื่องมันก็ธุรกิจอะนะ ยังมีความเรียลแบบแง่มุม ทัศนคติของพวกธุรกิจพวกทุนนิยมอะไรแบบนี้ก็แฝงอยู่ คือก็เรียลแหละ มีความเป็นโลกแห่งความจริงนิดนึง คาบุจะมีความดาร์ก(หรือเรียล...?)แบบแนวทุนนิยมมั่งก็ไม่แปลกนะ ที่จริงกูกลับคิดว่าในเรื่องท่ามกลางความใสแบ๊วฟรุ้งฟริ๊งแบบทุ่งดอกไม้และสายรุ้งของท่านเรย์กะที่แบบหนึ่งในโมเม้นเครียดสุดชีวิตคือทำตุ๊กตามาหัวเบี้ยวเงี้ย โทนเรื่องส่วนอื่นและคนอื่นคงมีความเทาๆปนแหละ กูว่าน่าจะทุกตัวละครนะคงต้องรอค่อยๆมีเฉลยมา ถ้าสีขาวจริงๆในหมู่ชนชั้นสูงฐานะอลังการนี่คงเรย์กะคนเดียว แบบถ้าไม่ใช่มิติมังงะแต่เป็นโอโคเมะเกม เรย์กะนี่บั๊กชัดๆ 55555
ที่จริงเรื่องในโรงเรียนตอนอ่านบางทีกูก็นึกถึงพวกอนิเมะเครียดๆปมปัญหาวัยรุ่นของญี่ปุ่นเหมือนกันนะ แต่อาจารย์เขียนมาให้ไม่หนักมากและพอจะดูใสๆอยู่ได้
เช่นตอนโมชิดะที่โดนแกล้งโดนแบน เข้าห้องพยาบาลบ่อยขึ้นๆ เครียดจัด โทรมลงเรื่อยๆ คือนึกถึงพวกอนิเมะที่จะชอบมีเรื่องแนวนี้ แบบตัวละครจืดจางที่โดนรุมกลั่นแกล้งจนมืดมน
-คุณอาคิมินี่ก็มาแนวนี้อยู่นะ สาวอ้วนๆหน้าตาธรรมดาที่เหมือนไม่เข้าพวกกับสังคมไหนๆแถมในครอบครัวก็ยังโดนพี่ชายตั้งแง่บั่นทอนกำลังใจ
-จริงๆริรินะก็ด้วยนะ แบบเด็กมีปัญหานิสัยเสียตั้งแต่อายุน้อยๆ เข้าโรงเรียนมาก็ก่อเรื่องมากมาย สุดท้ายต้องมารู้ว่าเบื้องหลังมีพี่สาวที่เกลียดขี้หน้ามาตลอด มาดสูงส่ง ที่บ้านก็สูงส่งกว่าตัวเอง แต่กลับมาคอยก้มหัวขอโทษคนอื่นอยู่ตลอด คือแบบบ โฮวววววว ท่านเรย์ก่าาาาา ซาบซึ้ง เท่มากเลยค่ะะะ
คือกูมองแล้วในบางมุมนี่มันเหมือนมังงะซ้อนๆกันเลยอะ 555 มีเรื่องราวย่อยๆที่ซ้อนมา แต่เรื่องจบไม่เหมือนมังงะสไตล์เดิมๆที่ควรเป็น เพราะบั๊กเรย์กะ ถถถถ นี่อีกหน่อยอาจจะมีตามเก็บลูกสมุนจากอีเว้นต์กลิ่นอายมังงะมากมายจนได้สาวกตามมาเป็นขบวน เป็นสาวกผู้ภักดี จากนั้นก็ต้อนเข้ามาเป็นลูกบ้านในหมู่บ้านคานทองทั้งหมด มีผู้ใหญ่บ้านเรย์กะขึ้นครองโลก 555555
KY นะ พอดีเพิ่งเข้าไปอ่านบอร์ดฝรั่งแล้วเจอคอมเม้นต์น่าสนใจเกี่ยวกับโรงเรียนนึงในญี่ปุ่นที่มีความคล้ายเซ็ตติ้งของซุยรัน กูตกใจที่มีอะไรแบบนี้อยู่จริงๆ กฎมีคล้ายหลายอันด้วยนะ หรือนี่เป็น inspiration ซุยรันของฮิโยโกะซังเนี่ย ขาดก็แค่ลุคภายนอกที่ต้องมีความอลังแนวโบสถ์ฝรั่งเหมือนตามอนิเมะ อันนี้ภายนอกกูเองยังมโนเป็นหน้าตาแบบ Eton อยู่ 555
http://blahknow.blogspot.co.uk/2012/05/horikoshi-gakuen-high-school-of-famous.html?m=1
คืนนี้ไม่มีกาวหน่อยหรอ มันถอนนะ ซูดดดดดดดด
>>546 จริง เราคิดว่าเรื่องที่แทรกอยู่ในนี้มันดาร์กหน่อยๆอยู่นะ แต่พอมองผ่านเรย์กะ ความดาร์กอย่างเดียวเหลือเพียงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ถถถถ เป็นบั๊กที่แผ่ความรั่วความฮาให้คนรอบข้าง ความตึงเครียดหายไปครึ่งหนึ่ง อย่างมากคนอ่านก็ได้แต่เครียดว่าจะลงเอยกับคานหรือเปล่า... กังวลกับสกิลหักธงต่างๆนานา ท่านเรย์กะเครียดอะไรก็ผมขาวบ้างอะไรบ้าง ทั้งฮาทั้งสงสารจนลืมเครียด หวังว่าอนุโลมที่โผล่มาจะช่วยให้ดวงเรย์กะดีขึ้นบ้างนะ...
>>547 อังกฤษเราอาจจะไม่เข้มแข็งมากนะ เลยไม่รู้ว่าอะไรที่เหมือน นักเรียนหน้าตาดีหรอ หรือค่าเทอมที่เห็นแล้วแพงจนสะดุ้ง อ่านกฎแล้วเหมือนแยกชายหญิงห่างกันสุดๆ ห้ามมีแฟนด้วย ไม่งั้นถูกไล่ออก โคตรโหด แต่ท่านเรย์กะน่าจะชอบนะ ทั้งโรงเรียนมาอยู่บนคานไปพร้อมๆกัน 55555
>>549 งั้นแปลเพิ่มให้นะ อยากได้คนมาร่วมอึ้งไปด้วยกันว่าเฮ้ยยย ไอที่แบบนี้มีอยู่จริงด้วย 55555
คร่าวๆก็คือ โรงเรียน Horikoshi Gakuen เป็นหนึ่งในโรงเรียนมีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เขตนาคาโนะในโตเกียว คนที่จะเข้าเรียนได้ต้องเป็นลูกหลายของครอบครัวที่มีความสามารถจะจ่ายค่าเทอมของโรงเรียนไหวหรือฉลาดพอที่จะได้รับทุน หรืออีกกรณีคือเป็นไอดอล(พออ่านๆไปไอดอลมีสถานะใกล้เคียง pivoine มากกกในสายตากู 555)
มีโปรแกรมพิเศษของพวกดาราศิลปินเรียนกว่า TRAIT แนวๆมีการปรับตารางเรียนและยืดหยุ่นเรื่องเวลาเรียนแบบเอื้อให้พวกดารานักร้องสามารถเรียนจบได้
เข้าจุดพีคละ กฎของโรงเรียนนนนน 555
1. ห้ามการเจาะหู ใส่ตุ้มหู และการแต่งหน้า(โอ้วแม่เจ้า ดาราหน้าสด 5555)
2. ห้ามเดท ห้ามชายหญิงคบกัน ผู้ชายผู้หญิงจะมีทางเข้าโรงเรียนคนละเส้นทางกัน ถ้าตรวจพบว่าคบกันอยู่จะบังคับเลิก ถ้าไม่เลิกก็ไล่ออก เวลาอยู่ในแคมปัสชายหญิงห้ามคุยกันง่ายๆ แบบถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆงี้ ถ้าเห็นอยู่ด้วยกันบ่อยๆก็มากพอให้ครูเก็บเป็นประเด็น
3. ipod boombox กับอุปกรณ์อื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนการสอนและชมรมห้ามใช้ จำกัดการใช้มือถือให้ใช้ได้เฉพาะเวลาเท่านั้น
4. โรงเรียนจะเต็มไปด้วยกล้อง cctv เพื่อปกป้องความปลอดภัยให้นักเรียนที่ร่ำรวยและพวกดาราไอดอล
5. นักเรียนไม่อนุญาตให้กินขนมในโรงแรียน และห้ามซื้อขนมระหว่างทางกลับบ้านด้วย ฝ่าฝืนถูกกักบริเวณ....(โถวววว ท่านเรย์ก่าาาา 555 แต่ในเรื่อง pivoine มีอภิสิทธิ์ในด้านนี้ กูเดาว่ากันพวกแอนตี้แฟนหรือคนไม่หวังดีวางยาหรืออะไรแบบนี้มั้ง)
6. ค่าเทอมสำหรับนร.ในคอร์ส TRAIT (ของพวกดาราศิลปิน) จะแพงมาก โรงเรียนโอริโคชิจะปรับให้เข้ากับตารางงานของเด็ก และมีการปกป้องความเป็นส่วนตัวของศิลปิน ทำให้นร.คอร์สนี้ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ แต่ขณะเดียวกันคนที่จะเข้าเรียนคอร์สนี้ได้ก็ต้องเป็นดาราศิลปินจริงๆ (ประมาณว่ามีเงินแล้วอยากเรียนชิลแต่ไม่ใช่ดาราคือก็อดไปนะจ๊ะ)
7. ถ้านร.ของ TRAIT ต้องการย้อมสีผมในช่วงเวลาหนึ่งจะต้องกรอกแบบฟอร์ม ระบุระยะเวลาที่จะน้อมสี หลังจากนั้นต้องย้อมกลับเป็นสีดำ (คือทั่วไปก็ห้ามย้อมผมนั่นเอง แบบซุยรัน)
8. กฎข้อใหม่ที่เริ่มวันที่ 15 มค. 2010 คือศิลปินจะถูกดูแลสอดส่องจากครูในฐานะของบอดี้การ์ด ถึงแม้ตัวนร.จะนำบอดี้การ์ดส่วนตัของตัวเองมาด้วยแล้วก็ตาม นักเรียนทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับนักกีฬา ดารา ศิลปิน ในขณะที่เป็นช่วงพักเบรกหรือนอกโรงเรียน ถ้าถูกจับได้จะถูกปรับ กักบริเวณ หรือไล่ออก (อ่าวววว งี้คือถ้าเรียนด้วยกันนี่บังเอิญเจอหรือไปคอนเสิร์ตไปงานมีตดาราที่เรียนรร.ด้วยกันนี่ความซวยมาเยือน 555 ถ้าชอบอะไรแนวดาราศิลปิน ชอบตามกรี๊ดตามขอลายเซ็นนี่คือห้ามมาเรียนที่นี่นะเนี่ย)
9. ศิลปิน ไอดอลจะมาถึงที่โรงเรียนด้วยรถยนต์(ปกติเด็กญี่ปุ่นต่อให้รวยก็จะไม่มารถยนต์เท่าไหร่อะ ประเทศนี้กลัวการทำอะไรแตกแยกจากคนอื่นมากกก เพราะแอนตี้กันทีหนัก ยกเว้นรวยชิบหายวายวอดหรือมีชื่อเสียงมากจริงๆถึงนั่งรถไปเรียน) และบอดี้การ์ดจะต้องรออยู่นอกห้องเรียน ศิลปินจะต้องได้รับการดูแลจากบอดี์การ์ดแม้แต่เวลาพัก เด็กนักเรียนทั่วไปไม่สามารถอยู่ในคลาสเดียวกับศิลปินได้ และไม่สามารถพูดคุยหรือเป็นเพื่อนกับศิลปินได้เพราะบอดี้การ์ดจะอนุญาตให้พูดคุยเฉพาะเพื่อนร่วมชั้น(ดาราเหมือนกัน)และบุคคลที่ร่วมงานกับตัวศิลปินเท่านั้น ศิลปินไม่ควรพูดคุยกับบุคคลที่ไม่ใช่ศิลปินด้วยกัน ถ้าฝ่าฝืนกฎจะถูกไล่ออกจากโรงเรียน (มีระดับความต่างในการสั่งอยู่เหมือนกัน ใช้ว่าไม่สามารถกับเด็กทั่วไป ส่วนดาราใช้ไม่ควร แหม่ 555)
Horikoshi Gakuen แบ่งเป็น 4 คลาส
1. มหาลัย - สำหรับเด็กมหาลัย
2. กีฬา - สำหรับพวกนักกีฬา(น่าจะต้องดังหรือประสบความสำเร็จพอควรด้วย)
3. คลาสสำหรับศิลปิน / คลาส TRAIT สำหรับนักร้องนักแสดงและไอดอล
4. ทุน - สำหรับพวกเด็กทุน
ค่าเรียน
- ค่าตรวจสอบ(ไม่รู้ตรวจร่างกายหรือพวกค่าธรรมเนียมตรวจเอกสาร) 30,000 เยน
- ค่าแรกเข้า 450,000 เยน
- ค่าเรียน(อันนี้น่าจะแนวค่าทำนุบำรุงโรงเรียนและอุปกรณ์) 546,000 เยน
- ค่าเทอมต่อปี 996,000 เยน
- ค่าเทอมปีแรก 1,296,000 เยน (ไม่รู้ว่าแยกจ่ายมาจากค่าเทอมปกติอีกหรือว่ายังไง... ราคาบับบบ)
จบละ นอกนั้นก็พวกชื่อคนดังที่เรียนจบ ไปหาส่องๆเอาได้ข้างล่างที่เป็นลิสต์ยาวๆ ลิสต์ล่างลงไปอีกคือที่กำลังเรียนอยู่ยังไม่จบ
ต่อจาก >>467-469 ฟิคคู่หูทะลุมิติ
..............…….....
ฉันเริ่มกินผักเป็นมื้อหลักมากขึ้น ในหนังสือบอกว่าถ้ากินพวกไข่ต้มไข่ลวกจะทำให้อิ่มง่ายด้วยล่ะค่ะ หลีกเลี่ยงทานอาหารประเภทแป้งและขนมหวาน... กินพวกโปรตีนที่ย่อยง่าย
คาบุรากิซื้อดัมเบลให้ฉัน เอาแบบเบาที่สุดเท่าที่จะมีขายแล้ว เบากว่านี้ก็ของเด็กเล่นแล้วค่ะ แต่ฉันก็รู้สึกเหนื่อยๆหนักๆอยู่ดี ต้องยก 20 ครั้งสลับกันไปจนกว่าจะครบ 60 ครั้งในแต่ละข้าง ยกขึ้น-ลง ซ้าย-ชวา ไหนยังต้องเหวี่ยงแขน และวิ่งเหยาะอยู่กับที่ 40 นาทีตามที่ในหนังสือบอกอีก ฉันหมดแรงเขียนการบ้านแล้วนะ...
ในห้องสโมสรฉันก็ได้แต่จิบชาอย่างหดหู่ พยายามไม่มองขนมอะไรก็ตามที่มาเสิร์ฟ คาบุรากินั่งจิบชาเป็นเพื่อน ไม่แตะต้องขนมอะไรเหมือนกัน เอ็นโจได้แต่มองเราอยากสงสัย
ฉันแอบได้ยินเอ็นโจถามคาบุรากิในเวลาต่อมาว่า “กินอาหารฝีมือคุณคิโชวอินกันมาหรอเลยไม่อยากอาหาร” นายไปรู้ฝีมือการทำอาหารฉันมาตอนไหนคะ! ตอนนี้มันกินได้บ้างแล้วนะคะ!!!
ถึงคาบุรากิจะยืนกรานไม่บอก แต่หลังฉันไม่ยอมกินขนมมาสักพัก เอ็นโจก็เดินมาหาฉัน แล้วพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “พยายามเข้านะครับ” นายรู้แล้วหรอ! หุบปากให้สนิท ห้ามบอกใครเชียวนะ!!! ถ้าเรื่องนี้กระจายออกไป ต่อให้นายเป็นจอมมาร ฉันก็ไม่เอาไว้หรอกนะคะ ช่วงนี้ฉันยิ่งโมโหหิวขนมอยู่ด้วย
มื้อเย็นฉันถูกเปลี่ยนไปเป็นซุปค่ะ กินน้ำเยอะๆจะได้อิ่มไวๆ แล้วกินอย่างอื่นต่อไม่ได้มาก ยังดีที่แต่ละร้านที่คาบุรากิเลือกมาทำซุปรสชาติอร่อยทีเดียว แต่ฉันก็คิดถึงขนมจังเลยค่ะ...
ไม่นานนักฉันก็ได้ยินเพื่อนๆคุยกันว่าเจอเรื่องน่าแปลกเกี่ยวคาบุรากิ แล้วก็ถกเถียงกันอย่างจริงจัง
“จริงๆนะคะ ฉันเห็นท่านคาบุรากินั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับลดน้ำหนักและการควบคุมอาหารเกือบห้าสิบเล่มในห้องสมุด ก่อนจะจดๆชื่อหนังสือไปด้วยล่ะค่ะ!”
“พี่ชายฉันที่อยู่ที่ร้านหนังสือเดียวกันนั้นบอกว่าเห็นเขาซื้อหนังสือไดเอทไปเล่มหนึ่งด้วยค่ะ”
“เอ๋?! จริงหรอคะเนี้ย”
ฉันได้แต่อึ้งอย่างพูดอะไรไม่ออก จักรพรรดิแห่งซุยรันเริ่มมีข่าวลือเรื่องการลดน้ำหนักไปแล้วหรอคะ ขอโทษนะคาบุรากิ...
แต่ด้วยพลังตามืดตามัวของแฟนๆ บทสนทนาก็กลายเป็นประมาณว่า “จักรพรรดิเนี้ยทำอะไรก็ทุ่มเทสุดๆไปเลยนะคะ น่าชื่นชมจริงๆ” ความลำเอียงนี่มันสุดยอดไปเลยนะคะ...
หลังผ่านมาเกือบอาทิตย์ ฉันก็ได้แต่คร่ำครวญหาขนม คาบุรากิก็พาฉันไปกินแพนเค้กกล้วยหอมล่ะค่ะ เป็นแพนเค้กที่ทำจากกล้วยหอมและไข่ ไม่มีแป้ง เลยสามารถกินได้อย่างสบายใจ เขาลองหาขนมที่กินแล้วไม่อ้วนมาให้กินวันละอย่าง เลยบรรเทาความอยากขนมไปได้บ้าง นายดูแลคนดีเหมือนกันนะคะ เดี๋ยวฉันตอบแทนเป็นอาหารทำเองให้นะ
ชุดนักเรียนฉันไม่คับเหมือนแต่ก่อนแล้วด้วยค่ะ! ไม่ต้องติดกระดุมด้วยความกังวลว่ามันจะหลุดไหม ดีจังเลยนะ ความพยายามอันยากลำบากดูจะเห็นผลทันตาเลยนะคะ
เมื่อใกล้วันชมดอกซากุระ คาบุรากิต้องกลับไปเตรียมตัวอะไรที่บ้าน เลยไม่ได้เจอกันช่วงเย็นเหมือนปกติ แต่เขาก็ส่งเมลล์มาตลอด ติดเพื่อนมากไปแล้วนะคะ
ท่านอิมาริพาฉันไปเลือกซื้อชุดกิโมโนค่ะ มาซื้อของกับผู้หญิงน่าเบื่อแล้วก็วุ่นวายแท้ๆ แต่ท่านอิมาริกลับดูแลเอาใจใส่อย่างดี แนะนำว่าชุดนี้เหมาะนะ นี่น่ารักจังเลย ทำเอาจิตใจสาวน้อยฉันสั่นไหวไปชั่วครู่เลยค่ะ
ในที่สุดก็ถึงวันเอาชีวิตไปเสี่ยงอีกครั้งในงานสังสรรค์ชมดอกซากุระ ตั้งแต่วันนั้น ชายชุดดำก็ไม่มาดักหน้าโรงเรียนอีกเลย เห็นคาบุรากิกับท่านพี่บอกว่าเขาจัดการแล้ว ฉันไม่รู้ว่าท่านพ่อท่านแม่คิดจะโกหกบ้านคาบุรากิหรือเปล่าว่าฉันไม่มาด้วยสาเหตุอะไร
ฉันมางานเลี้ยงพร้อมกับคาบุรากิ นับตั้งแต่ฉันหนีออกจากบ้านมา ฉันไม่เคยเจอท่านทั้งคู่อีกเลย ทำให้ฉันหัวใจเย็นเหยียบอย่างหวาดหวั่น เมื่อรถจอดแล้วก็รู้สึกกลัวที่จะก้าวออกมาอย่างบอกไม่ถูก
คาบุรากิจับมือฉันไว้ แม้จะรู้สึกอบอุ่น แต่ตัวก็สั่นขึ้นมา ฉันจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาจริงๆงั้นหรอคะ ถ้าฉันเกิดทะเลาะรุนแรงอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ หรือปล่อยโฮร้องไห้ขึ้นมา คราวนี้จะปิดข่าวแค่ไหนก็ไม่น่าจะไหว อาจจะกระทบกับแผนการทั้งหมดของท่านพี่เลยก็ได้...
“ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนเลย” คาบุรากิบอก “ไม่ต้องสนใจแผนการอะไรก็ตามของพี่ชายเธอหรอก คนอย่างหมอนั่นมีทางออกอื่นเป็นร้อยๆอย่าง”
คาบุรากิหันไปบอกคนขับให้พาฉันกลับห้อง และจะปิดประตูให้ แต่ฉันก็ขัดเขาเอาไว้ก่อน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงฉันก็จะทำให้ได้”
“แน่ใจนะ...”
“ค่ะ!”
ฉันพยายามสวมวิญญาณนักแสดงรางวัลตุ๊กตาทองคำ กล่อมตัวเองให้เข้มแข็ง และเดินเข้างานไปพร้อมกับคาบุรากิ กลายเป็นจุดรวมสายตาของทุกคนในงานไปในทันที
ท่านประธานคาบุรากิกับมาดามคาบุรากิคุยอยู่กับท่านพ่อท่านแม่ฉันอย่างยิ้มแย้ม พอเห็นฉันเดินเข้ามาพร้อมกับคาบุรากิ ทั้ง 4 คนก็เรียกให้เข้าไปหา
“กำลังจะถามอยู่เลยว่าคุณเรย์กะอยู่ไหน ที่แท้ก็มาพร้อมมาซายะเองหรอคะเนี้ย! มาซายะบอกว่าจะตามมาเองทีหลัง จริงๆแล้วก็ไปรับคุณเรย์กะอยู่สินะคะ”
“อ่า” คาบุรากิพูด... นายตอบแม่นายได้ขอไปทีมากเลยนะ
“ขอบคุณมากเลยนะคะที่ชวนมาในวันนี้” ฉันตอบรับ
“แหม ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ยังไงอีกไม่นานก็ได้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
ฉันชะงัก อือ ก็เป็นคู่หมั้นกับคาบุรากิอยู่ล่ะนะคะ...
ท่านพ่อท่านแม่ทำตาวิบวับเป็นประกายข้างๆ ไม่ดีเลยค่ะ เข้าแผนสองคนนั้นอยู่แน่ๆ ท่านพี่คิดจะทำอะไรนะคะ ตอนนี้ฉันได้เชื่อเขา... อย่างน้อยคาบุรากิไม่ได้คัดค้านแผนนี้หัวชนฝาเหมือนก่อนหน้านั้น แสดงว่าคงมีเหตุผลอะไรบางอย่างอยู่ แต่ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น นายอาจจะต้องแต่งงานกับฉันนะ แล้วก็เดินสู่เส้นธุรกิจสีดำ ดิ่งสู่โลกมืดไปด้วยกัน
ฉันระแวงแม่คาบุรากิเล็กน้อย ในมังงะแม่เขาถึงจะพยายามจับคู่ลูกชายตัวเองกับเรย์กะก็เถอะค่ะ แต่ท้ายที่สุดพอยอมรับความรักของวาคาบะจังแล้ว ก็ทิ้งเรย์กะอย่างไม่เหลือเยื่อใย ตัดขาดไม่เกี่ยวข้องหรือสนใจอีกเลย ดูเด็ดขาดโหดเหี้ยมเอามากๆเลยค่ะ...
“วันนี้ได้ยินว่าคุณเรย์กะมาด้วย ผมและภรรยาตั้งหน้าตั้งตานอกันทั้งคู่เลยนะ”
ท่านประธานคาบุรากิพูดด้วยรอยยิ้มแบบขรึมๆ ยังวิเศษเหมือนกับโลกก่อนไม่มีผิดเลยค่ะ อยากมีคุณพ่อดูดีและเท่แบบนี้จังเลยนะ คาบุรากิภายนอกพอคล้ายๆ แต่พอรู้จัก มองแบบนั้นไม่ค่อยออกเลยค่ะ...
พอคุยกันเป็นพิธีแล้ว คาบุรากิต้องไปทักทายแขกและทำหน้าที่ของลูกชายคนเดียวของตระกูลล่ะนะคะ เขาขอพ่อแม่ตัวเองว่าจะพาฉันไปด้วย แต่เรื่องบางอย่างก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้นะ... ฉันไม่อยากให้ปัญหาของฉันทำให้คาบุรากิเดือดร้อนในการทำหน้าที่ เลยตัดสินใจขอตัวมาชมซากุระรอไปก่อน ฉันอยู่คนเดียวได้ค่ะ ไม่ต้องห่วง...
ท่านพ่อท่านแม่ยังยืนอยู่อย่างที่คิด...
ฉันกะจะรีบหนี แต่ท่านแม่ก็เรียกฉันไว้
“ช่างน่ายินดีจริงๆ” ท่านแม่พูด “ในที่สุดก็เข้าใจแล้วสินะคะ การหมั้นและฐานะของเราสำคัญแค่ไหน ได้ยินว่าคุณเรย์กะไม่ได้ทำตัวผิดปกติเลยที่ซุยรัน รักษาอำนาจของตัวเองเอาไว้อย่างดีสินะคะ”
“เรายินดีให้ลูกกลับมาที่บ้านอีกครั้งนะ” ท่านพ่อพูด
เหตุการณ์แบบนี้ฉันกับท่านพี่คาดเดาอยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้น ฉันพยายามยิ้มให้ทั้งๆที่หัวใจสั่นสะท้าน
“หนูคงไม่กลับไปเป็นเครื่องมือของท่านพ่อท่านแม่หรอกค่ะ”
ฉันพูดพลางทำสายตาให้แข็งกร้าว
“พูดอะไรกันคะคุณเรย์กะ รู้ไหมว่าเราเป็นห่วงแค่ไหน”
“ห่วงงั้นหรอคะ?” ฉันยิ้มนิ่งๆ แม้หัวใจเริ่มสั่นไหวหวาดกลัว “หมายถึงห่วงชื่อเสียงตระกูลผลประโยชน์ตัวเองน่ะหรอคะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อยนะ”
“ถ้าเป็นห่วงจริง ทำไมถึงส่งคนมาตามหาตอนที่จำเป็นต้องใช้ตัวหนูแล้ว” ฉันหันไปหาท่านพ่อและมองท่านแม่สลับกันไป “เคยรู้ไหมคะว่าหลังจากออกจากบ้านหนูไปอยู่ที่ไหน ใช้ชีวิตยังไง วันนั้นทั้งมืดทั้งฝนตก และหนูไม่ได้พกเงินไปเลยสักเยน แต่ก็ไม่มีใครออกตามตัว หรือคิดว่าดีแล้วสินะที่ลูกผู้สร้างปัญหาหายไปซะได้”
ท่านพ่อไม่ตอบ ท่านแม่เม้มปาก
“จะยังไงก็รักษาอำนาจในซุยรันอยู่ดีไม่ใช่หรือไงคะ”
“รักษาอำนาจในซุยรันงั้นหรอ นั่นเป็นแค่สิ่งที่ท่านแม่สนใจสินะคะ ตราบใดที่ภาพลักษณ์ออกมาไม่เสื่อมเสีย เบื้องหลังจะเป็นยังไงก็ช่าง” ฉันพูดอย่างเย็นชาอย่างไม่รู้ตัว
“ถ้างั้นเบื้องหลังที่พูดมานักหนานั่นคืออะไรล่ะ”
ท่านพ่อถาม ฉันไม่ตอบ
“จะยังไงก็ตาม เราเป็นห่วงลูกจริงๆ ไม่ได้มองเป็นเครื่องมือที่ลูกกล่าวอ้างหรอกนะ คิดหรอว่าพอไม่มีลูก แล้วเราจะทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ตระกูลคาบุรากิตกลงทำสัญญากับเราไว้มากมายอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีการหมั้น อีกฝ่ายก็ดิ้นไม่หลุดหรอกนะ ถ้าเรื่องทุจริตแดงออกมา”
ฉันได้แต่ตกตะลึง
“ทำไมต้องทำแบบนั้นคะ...”
หัวใจฉันหล่นวูบ มันไม่มีแบบนี้ในมังงะนี่น่า อย่าบอกนะคะว่าเพราะฉันเตือนเรื่องการล้มละลายพวกเขา แทนที่จะปรับปรุงตัว กลับหันไปฉวยโอกาสดึงตระกูลคาบุรากิมาร่วมกระทำผิดด้วยเพื่อความปลอดภัยอีกชั้น แบบนี้ก็เหมือนการขี่หลังเสือที่ไร้หนทางจะหลีกหนีออกมาได้
เพราะฉัน...คาบุรากิถึงได้...
“อย่ามาทำตัวเป็นคนอ่อนแอแบบนั้นนะเรย์กะ คนที่ทำเพื่อความรักก็เป็นคนโง่ที่ตกเป็นทาสอีกฝ่ายเท่านั้นเอง”
ฉันพูดอะไรไม่ออก หัวใจเจ็บปวดจนเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ทำไม... ถึงได้คิดแบบนั้นกัน ทำไมฉันต้องมาอยู่ในเหตุการณ์ตอนนี้ ต้องอยู่ในสภาวะที่ไม่อยากให้เกิดเรื่องที่ร้ายๆกับพวกเขา แต่ก็ไม่อาจห้ามได้ ไม่สามารถหยุดเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นได้อีก แม้แต่ตัวฉันเองก็ยากที่จะรอดพ้น...
“คาบุรากิคุงเป็นคนที่หาที่พักให้หนูเองค่ะ” ฉันพูดขึ้น “เขาเป็นคนที่รู้เรื่องการออกจากบ้านและการทุจริตทั้งหมด”
ท่านพ่อท่านแม่ช็อก ฉันยิ้มนิ่งๆให้
“ช่วยหยุดสิ่งที่ทำด้วยในตอนที่ทำได้ด้วยนะคะ ถ้าจำไม่ผิดคาบุรากิบอกว่ายังไม่ได้เริ่มทุจริตในสัญญานั้นเลย แต่ว่าคงจะเริ่มทำในขั้นต่อไปใช่ไหมล่ะคะ แน่นอนว่าเมื่อเริ่มทำเมื่อไหร่ คาบุรากิพร้อมจะออกมาเปิดโปงทันที”
คิดไปคิดมาคาบุรากิเคยพูดถึงเรื่องนี้ครั้งหนึ่งกับท่านพี่ ตอนนั้นฉันฟังแล้วงงๆเลยไม่ได้ใส่ใจ แต่หลักๆก็น่าจะประมาณนี้ล่ะมั้งคะ ฉันไม่รู้ว่ามีสัญญาอะไรทำไว้บ้าง เลยพูดเท่าที่นึกออกตอนนี้
“ลูกยอมขายครอบครัวให้ความรักที่ไม่มีทางเป็นจริงงั้นหรอ” ท่านพ่อพูดอย่างเย็นชา
“ไม่นึกเลยนะคะว่าวันหนึ่งลูกจะโง่งมในความรักไร้สาระแบบนั้น” ท่านแม่พูด ท่าทางรังเกียจในสิ่งที่ฉันเป็น “ความรักก็ควรจะครอบครอง ไม่ใช่ยินยอมทุกอย่างเพื่ออีกฝ่าย ช่างน่าสมเพชจริงๆ”
หัวใจฉันกระตุก น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก่อนหน้านั้นเกือบจะออกมา ฉันหลับตาครู่หนึ่ง พยายามหยุดตัวเองไว้ ถ้าร้องไห้ออกมาตรงนี้ล่ะก็เรื่องที่ปกปิดมาทั้งหมดต้องพังแน่ๆ...
บรรยากาศกดดันขึ้นเรื่อยๆ ฉันไม่รู้ควรทำยังไงต่อไปอีกแล้ว...
“สวัสดีครับ”
ฉันสะดุ้ง หันไปมองคนที่อยู่ๆก็เดินมาทัก เอ็นโจยิ้มให้เราทั้งสามคน ท่านแม่กับท่านพ่อก็ดูตกใจเหมือนกัน
แต่ด้วยหน้ากากสังคมชั้นสูง ท่านพ่อท่านแม่ก็หันไปตอบรับทักทายอย่างปกติได้รวดเร็ว ฉันฉวยโอกาสใช้เวลาตรงนั้นในการสงบสติสงบใจพักหนึ่ง
"คุณคิโชวอิน เห็นเมลล์จากมาซายะหรือเปล่าครับ"
เอ็นโจถามขึ้น ฉันลังเลนิดหน่อยเพราะไม่ได้ฟังบทสนทนาที่คุยกันก่อนหน้านั้น
“ยังเลยค่ะ” ฉันบอกพลางหยิบมือถือขึ้นมา เอ๋? คาบุรากิไม่ได้ส่งอะไรมาให้นี่
"เห็นแล้วสินะครับ" เอ็นโจพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ของฉัน “ขอตัวเรย์กะสักแปบหนึ่งนะครับ”
พวกท่านอนุญาตด้วยท่าทางใจดีอ่อนโยน แต่ในใจคิดอะไรอยู่ก็ไม่มีทางรู้ ตามหลักแล้วยังไงฉันก็ต้องกลับบ้านไปเจอท่านพ่อท่านแม่อยู่ดี พวกเขาคงปฏิเสธไม่ได้ ไม่งั้นคงน่าสงสัยน่าดู และเรื่องที่ฉันไม่ได้อยู่กับพวกเขาอาจจะแดงออกมา…
ฉันเดินมากับเอ็นโจ เขาพามาตรงจุดที่สามารถเห็นชิดาเระซากุระอย่างชัดเจน ดูสวยสง่าจากทุกมุมจนน่าตกตะลึง แต่ฉันกลับกังวลไปอีกเรื่องหนึ่งแทน
เขาโกหกเรื่องเมลล์จากคาบุรากิทำไมนะ? ขณะที่ฉันกำลังสงสัย เขาก็หันมา เอาเครื่องดื่มให้ฉัน ไม่นานก็ถามขึ้น
"ว่าแต่ คุณคิโชวอินหนีออกจากบ้านหรอครับ"
ฉันสำลักน้ำแบบห้ามตัวเองไม่ทัน
เมื่อกี้นายได้ยินงั้นหรอ!!! ฉันพยายามทำตัวนิ่งๆ แต่ก็อดช็อกไม่ได้ ทำไงดีล่ะคะเนี้ย!!! คาบุรากิ... ตอนนี้นายอยู่ไหน จอมมารรู้เรื่องแล้วนะ... ฉันจะแอบส่งเมลล์ขอความช่วยเหลือยังไงดีล่ะคะ...
ที่พูดกันเมื่อกี้ก็เป็นจุดที่ไม่ค่อยมีคนนะ แถมก็ไม่ได้พูดดังมาก เอ็นโจได้ยินได้ยังไงคะ นายมีหูทิพย์หรอ? หรือเป็นพลังสแกนหาปัญหาแบบฉบับเพื่อนพระเอก น่ากลัวเกินไปแล้วนะ
"คุณทำแบบนั้นเพื่อมาซายะงั้นหรอ"
เอ็นโจถามต่อ แววตาของเขาเจ็บปวดอย่างไม่ปิดบังจนฉันชะงัก ไม่เคยเห็นเอ็นโจทำหน้าแบบนี้ในมังงะมาก่อนเลยค่ะ หรือว่า...เป็นเพราะสะเทือนใจในฐานะลำบากของฉันในตอนนี้ จะยังไงเขาก็อยู่ฝ่ายดีล่ะนะ
"เคยคิดไหมครับว่าหากวันหนึ่งได้ความทรงจำกลับคืนมา มาซายะอาจจะไม่ได้ชอบคุณแบบนี้”
“เอ๋?”
"หากวันหนึ่งเป็นอย่างนั้นจริง ยิ่งคุณหนีออกจากบ้าน ยิ่งไม่ทำให้ลำบากกว่าเดิมหรอครับ คุณอาจจะเดือดร้อนได้”
ฉันกระพริบตาปริบๆ
"มันเกิดไปแล้วนี่คะ ฉันย้อนกลับไปคิดก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา"
ฉันคาดไม่ถึงจริงๆค่ะ เอ็นโจเป็นห่วงแม้กระทั่งตัวตนของเรย์กะในโลก KimiDolce เลยหรอคะ ค่อยสมกับเป็นเอ็นโจผู้อ่อนโยนตามในมังงะหน่อย นี่แหละมังงะที่ฉันจะซื้อมาอ่าน ไม่ใช่เอ็นโจเวอร์ชั่นจอมมารที่เห็นทีไรต้องพยายามหนีออกห่างให้มากที่สุด
เอ็นโจขมวดคิ้วเหมือนไม่พอใจในคำตอบฉันเท่าไหร่ แต่ก็ค้านไม่ได้ ไงล่ะ ฉันพูดได้ถูกต้องใช่ไหมล้า~
“ไม่นึกเลยนะคะว่าท่านเอ็นโจจะเป็นห่วงฉันด้วย”
ฉันยิ้มให้ ถึงจะเป็นจอมมาร แต่ก็มีความดีอยู่สินะคะ
“คุณชอบทำอะไรไม่คิดแบบนี้ตลอดเลยนะครับ...”
อะไรกันคะ ให้ฉันยอมให้ท่านพ่อท่านแม่จับฉันเป็นเครื่องมือแล้วทำร้ายเพื่อนนายหรือไง แต่จะว่าไป บางทีเอ็นโจอาจจะหมายถึงเรย์กะใน KimiDolce ด้วยก็ได้ รายนั้นทำอะไรไม่คิดจริงๆนั่นแหละค่ะ...
เรื่องนี้ทำให้ฉันรู้สึกหดหู่ขึ้นมา คนที่โลกนู้นจะเป็นยังไงบ้างนะที่ต้องเจอเรย์กะแบบนั้น...
“และก็นะ...คุณไม่ควรบอกแบบนั้นกับพ่อแม่ของคุณนะครับ”
“ให้ฉันทนฟังเฉยๆหรือไงคะ” ฉันถามอย่างแข็งกร้าวขึ้น
“เผยข้อมูลแบบนั้น ตอนนี้ถ้าพวกเขาจะทำอะไรเกี่ยวกับตระกูลคาบุรากิก็เริ่มรู้ตัวมากขึ้นแล้วล่ะนะครับ”
หะ?
“อันที่จริง หากคุณเห็นเรื่องการทุจริตแบบนั้น ไม่ควรจะเถียงไปตรงๆ ควรค่อยๆกล่อมๆว่ามีข้อเสียอะไรบ้าง ศึกษาธุรกิจให้ดี แล้วแทรกป้องกันไปทีละเรื่อง ทางที่ดีควรคิดเสนอวิธีที่สุจริตแล้วได้กำไรได้ผลประโยชน์มากกว่า พวกเขาจะค่อยๆเลิกทำเรื่องทุจริตทีละน้อยเองนะครับ”
ฉันมองเอ็นโจอย่างพูดอะไรไม่ออก
“แต่ออกมาจากบ้านขนาดนี้แล้ว... น่าเสียดายนะครับ น่าจะเนียนเป็นฝ่ายเดียวกันแล้วเอาข้อมูลมาให้มากที่สุดมากกว่า ถึงยังไงซะนับแต่นี้อย่าเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายนั้นอีกเลยนะครับ”
ทำไมสิ่งที่เอ็นโจพูดมันคล้ายกับท่านพี่ขนาดนี้คะ...
ฉันนึกถึงที่คาบุรากิเคยพูด เอ็นโจกับท่านพี่เป็นคนประเภทเดียวกันงั้นหรอ...
เป็นไปไม่ได้หรอกคะ! ฉันคงเครียดมากไปหน่อยเลยเผลอเชื่อมโยงอะไรมั่วๆ จอมมารเอ็นโจจะไปเหมือนท่านพี่ผู้แสนดีของฉันได้ยังไงกันคะ!!! เอ็นโจคงคิดแบบเจ้าเล่ห์ ทำให้ทุกอย่างอยู่ในกำมือตัวเอง ส่วนท่านพี่แค่คิดแบบคนฉลาดเท่านั้นเองค่ะ ต่อให้ภายนอกคล้ายๆ แต่ในใจคงไม่เหมือนกันหรอกนะคะ!!!
ไม่นานนักฉันก็เห็นคาบุรากิเดินมาจากอีกฝั่งหนึ่ง ทักทายเอ็นโจ แล้วแอบกระซิบถามฉันว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหม” เพราะต้องการปิดบังเรื่องของฉัน
คาบุรากิ ตอนนี้เอ็นโจรู้หมดแล้วล่ะค่ะ...
เอ็นโจยิ้มให้คาบุรากิและฉัน ก่อนจะบอกว่าคงต้องไปแล้ว ไว้เจอที่โรงเรียนนะ ปล่อยฉันไว้กับคาบุรากิสองคน
ให้เวลาฉันสารภาพบาปสินะคะ...ฉันทำใจสักพักก่อนจะเริ่มพูด
“ฉันมีเรื่องอยากบอกน่ะค่ะ...”
-------------- (จบตอน 34) --------------
>>559 เอ็นโจนี่มันโคลนนิ่งท่านพี่ชัดๆ กระบวนการคิดเหมือนกันเปี๊ยบ ควรจับสองคนนี้ตรวจ DNA เผื่อเป็นพี่น้องที่พลัดพรากจากกัน ตอนเอ็นโจเกิด พยาบาลวางสลับเตียงกับเรย์กะรึเปล่า 555555555555555555 เรย์กะก็ติดฟิลเตอร์เกี่ยวกับท่านพี่ตลอด ยังไม่เห็นความเหมือนของสองคนนี้อีก
โอ๊ย เห็นนายทำหน้าทำตาเจ็บปวดแล้วอยากเข้าไปกอดปลอบจังเลย โอ๋ๆๆๆๆๆ เราเข้าข้างนายเสมอนะชูสุเกะ
>>555 นี่แหละที่ทำให้รู้สึกว่าคล้ายๆซุยรันเลย แบบบรรยากาศในการแบ่งแยก แล้วก็ความเข้มในเรื่องแปลกๆ คือตอนอ่านห้ามกินขนมในซุยรันนี่สตั๊นมาก ด้วยความที่โรงเรียนมหาลัยในไทยหรือยูของฝรั่งไม่มีห้ามอะ กูก็งงว่าห้ามทำม๊ายยยย พอมาอ่านเจออันนี้ที่มีดาราเรียนด้วยคือเข้าใจนะ แต่กลับไปที่ซุยรันนี่ยังไม่เข้าใจอยุ่ดี ประโยชน์เดียวคือย้ำความต่างของ Pivoine กับการคงอยุ่ของซาลอนขึ้นไปอีก นอกนั้นคือเพื่อไรหว่า เทพีฟันสวย กันเด็กฟันผุรึไง ถถถ
ที่จริงยุคสมัยนี้ไม่น่ามีสถานที่เรียนไหนที่สนับสนุนให้แบ่งแยกเลยแฮะ เอาเถอะก็พอเข้าใจว่าเป็นพวกดารา แต่ที่จริงแยกโรงเรียนกันไปเลยดีกว่ามั้ยเนี่ย
ฟิคคู่หูค่างชิบหายยยยย มึงกลับมาาา ได้โปรดด กูต้องการอ่านต่อ กูคิดเหมือนเอ็นโจนะว่า เรย์กะไม่น่าบอกเลยว่าคาบุรากิรู้แล้ว พลาดมากๆ
เอ็นโจวนายเองก็หลงรักเรย์กะแล้วใช่ไหมมมมม
ฮาเร็มกรี้ดดดดด
>>556-559 สงสารเรย์กะนะ คือต้องมาเจอครอบครัวแบบนี้ พ่อแม่จะสนใจลูกเฉพาะมีผลประโยชน์แบบนี้อ่ะ เข้าใจเรย์กะโลกคิมิขึ้นมาว่าทำไมถึงกลายเป็นคนอย่างนั้น ดูขาดความรักแบบเด็กทั่วไป ถูกปลุกฝังผิดๆแต่เด็ก ส่วนเอ็นโจนี่อวาตารท่านพี่อย่างแท้จริง 5555555 ทำไมเหมือนขนาดนี้เรย์กะยังแก้ตัวให้อีกนะ เอ็นโจเหมือนพยายามทำใจจากเรย์กะ แต่ยังตัดใจไม่ได้ ฮือออออ คาบุรากิใช้ชีวิตติดเรย์กะตลอดจริงจัง ไปไหนไปด้วย พอต้องแยกจากกันก็เมลล์มาหา นี่มันพอๆกับเป็นแฟนกันแล้วนะ ถ้าไม่ใช่เพราะสกิลหักธงของเรย์กะน่าจะคบกันไปนานแล้ว
>>556-559 ถ้าเรย์กะเป็นบ้าขึ้นมากูไม่แปลกใจเลย ต้องทะลุมิติมาแล้วมาเจอทุกอย่างที่เป็นแบบนี้ ถ้าตัดคาบุออกไม่มีคาบุมาแต่เเรก นางก็ไม่มีใครเพราะงั้น หากนางบ้าขึ้นมานิแบบ เออ กูเข้าใจ แต่พอมีคาบุ เหมือนมาคอยดึงสตินางไม่ให้หลุดไป มาคอยอยู่เคียงข้าง สำหรับนางกูรู้สึกว่าไม่แปลกเลยที่นางจะชอบคาบุ เนื้อเรื่องปูให้คาบุสุดๆ เพราะ ต่อให้ตอนนี้นางจะสามารถเปลี่ยนความคิดของคนในซุยรัน เปลี่บนครอบครัวหรือใครต่อใคร มันก็ยังไม่ใช่อยู่ดีมันเหมือนเรย์กะหลอกตัวเอง อะไรหลายๆอย่างดูเฟค ดูไม่ใช่ของจริง ดูผลประโยชน์ไปหมด(ยกเว้น วาคาบะ อาริมะ อิมาริ และคาบุ)ทำเอากูรู้สึกหดหู่แม่งฟินกับคนอื่นไม่ออกถ้าไม่ใช่พวกที่ยกเว้น ต่อให้ฟินมันก็ฟินไม่สุดT^T(นี่กูอินจนอคติไปแล้วสินะกับคนอื่นๆไปเเล้วสินะ)
ปล. นี่กูลูกเรือเอ็นโจนะ ยังเอ็นโจนะ โฮฮฮฮTT(จริงๆ ร่างกุมันแตกหน่อไปทุกเรือ )
ปล2. กุเขียนอะไรก็ได้รู้ อ่านเองยังงง555555
ปล3. มึงทำกุค้างมาก มึงทำกูจิตตก ฮือออออออTT(กลับมาต่อเลยนะ มารับผิดชอบเลย)
อ่านอีกรอบกุกลัวคาบุสลับร่างทะลุมิติกลับโลกเก่าระหว่างงานมากมึง เป็นคาบุที่เย็นชาแล้วผลักเรย์กะไปตาย เหลือเรย์กะคนเดียวนี่ชิบหายเลยนะ พ่อแม่ก็อยู่ไม่ได้ คาบุก็หายไป ท่านพี่เองก็ร่อแร่ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายพอกัน
กูคิดแง่ร้ายสินะ กูรู้สึกว่าถ้าเป็นจริงเรย์กะต้องช๊อต สติหลุด ไม่รับรู้อะไรแล้วแน่ๆเลยว่ะ แต่มันจะโคตรพีค
เฝ้ารอ 188 ใจจดใจจ่อ แอร๊ยย
>>571 โฮกกกกกก คุณกระต่าย! คุณกระต่าย! คุณกระต่าย! จะมีหมาป่าล่ากระต่ายมั้ยคะ~
คุณกระต่ายโดขิโดขิด้วย แอร๊
แต่จะหยิบผมเขาให้อกหักนี่ระวัง จะคำสาปย้อนเข้าตัวด้วยนะคะ--- ไปหักธงเขาน่ะ
โดนอ่านใจด้วยอีก แหม อ่านง่ายเขียนบนในหน้า หรือแค่รู้ใจเขาทุกอย่างกันล่ะ~
ฉากแรกที่ท่านพี่กะเอ็นโจยิ้มให้กันนี่ทำกูนึกถึงฉากยิ้มให้กันแต่มีม่านพลังมาคุฟาดฟันกันในมิติอื่นในฟิคเลย มันไม่มีใช่มั้ย555555
โฮ้ยยยยย ท่านเรย์ก่าา มีหัวใจกระตุกด้วยยย [[ชุ่มชื้นหัวใจเหลือเกิน❤️]] ตอนล่าสุดนี่ดีจริงๆ เรือเอ็นโจเริ่มฟื้นคืนชีพแล้ว!
ฮุฮุฮุ กูกร๊าวใจกับตอนใหม่มาก ปกติท่านเรย์กะใจเต้นกับใครก็แค่แวบเดียวคือตอนที่มีโมเม้นท์อะไรมาทำให้ท่านเรย์กะกร๊าวใจ(เช่น คาบุรากิขี่ม้า) แต่พอเป็นเอ็นโจแล้วทำไมใจเต้นนานจังคะ (ขอจุดนะ เผื่อคนยังไม่ได้อ่านแปลไทย)
.
.
.
มโนจาก ตอนเอ็นโจเดินนำทาง ท่านเรย์กะยังพูดว่าตัวเองหวั่นไหวอยู่
แอ๊กกก คือตอนนี้กูเคยอ่านจากดำน้ำบุ๋งๆเองมาละ โดยรวมเลยยังไม่ตื่นเต้นมากเท่าไหร่ แต่ทำไมมมม ไปสะดุดกับคำพูดคุณแม่เอ็นโจ พอดีตอนดำน้ำมันก็ไม่ได้ขึ้นละเอียดมากมายอะนะเลยเพิ่งรู้ว่ามีประโยคนี้ด้วย คือตอนที่ถามว่าเรย์กะไปเรียนทำอาหารกับอาจารย์คนไหน แล้วพอบอกเรียนกับคุณอาคิมิ เลยสะดุดตรง "คุณอาคิมิยังเป็นนักเรียนอยู่สินะคะ" แบบเอ๊ะ จะสื่ออะไรหว่า แต่อ่านแล้วสะดุดค้างเหมือนมีรังสีความเย็นแปลกๆในประโยคคล้ายๆไม่ได้ยอมรับคุณอาคิมิเท่าไหร่ นี่บางทีเอ็นโจกับยูกิโนะคุงอาจจาไม่ได้อยู่ๆก็ดาร์กเองก็ได้นะ ขุ่นแม่เหมือนจะดาร์กแฝงอยุ่เหมือนกัน โฮกกกก บ้านนี้มันยังไงกันเนี่ย
ท่านพี่และเอ็นโจต่างก็ยิ้มแย้มให้กัน ทำไมประโยคนี้กูเห็นสายฟ้าแล่บแปร๊บๆวะ แถมเผลอใจเต้นใส่เอ็นโจที่แต่งตัวธรรมดาแต่หล่อคือไร ชุดสีขาวล้วนเหมือนกระต่าย ชมว่าอร่อยแถมออกตัวว่าไม่ได้ฝืนกินอีก ฮือ แม่จ๋า โอ๊ยหยุดใส่ฟิลเตอร์ไม่ได้!! T__T
ท่านแม่ก็เอาเรย์กะไปโม้เหมือนกันเหรอเนี่ย พอๆ กะทานูกิเลย555555555555555555555555
อะไรกันๆ แหมม ฮิโยโกะซามะเนี่ยที่ไม่ยอมให้เรย์กะเจอกับเอ็นโจในชุดไปรเวทนี่เพื่อการนี้รึเปล่านะ เพื่อให้เจอแล้วใจเต้น โดขิๆ ใช่มั้ยล่าาา ฟุๆๆๆๆ แถมยังโดนชมด้วยว่าคุณกระต่ายย คุณกระต่ายยยเดี๋ยวผมจะขย้ำคุณเดี๋ยวนี้แหละ!! ////7///// เอ็นโจนี่รู้ความคิดทุกอย่างของท่านเรย์กะเลยนะ บางทีนางอาจจะรู้ตอนที่ท่านเรย์กะแอบคิดว่าท่านเอ็นโจดูสมาร์ทฮาร์ท(?)แล้วเผลอใจเต้นก็ได้
>>575 มึงง กูก็คิดเหมือนมึงเลยย แบบ เอ๊ะ ถามไมวะ เพราะเป็นนักเรียนเลยผิดหวังงี้รึเปล่า จริงๆกูแอบกลัวคุณแม่มากกว่าทั่นพ่อที่ยังไม่เคยพบหน้าค่าตาอีกนะเนี่ย
กูอยากเห็นไอ้เครื่องทำความชื้นที่ให้ยูกิโนะคุงจัง มโนภาพไม่ออกจริงๆ
เรือเอ็นโจแม่งเหมือนพุ่งทยานขึ้นจากน้ำหลังจากที่จมไปเสียนาน
โฮ้ยยยยย โคตรดีกับใจ โดขิโดขิล่ะ! คุณกระต่ายโดขิโดขิล่ะ! มีหันหลังใส่ด้วย น่าร๊ากกกกก เอ็นโจตอนนี้ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นเหมือนท่านพี่ติดฟิลเตอร์เลย ตอนอยู่กับบ้านมีเด็กๆ ห้อมล้อม สบายๆ นี่มีเสน่ห์นะนาย~
"ไม่ได้ฝืนนะ" นี่แม้แต่กูก็แอบใจเต้น หวา นี่เอ็นโจกำลังทำคะแนนอยู่สินะ! อันตรายต่อหัวใจสาวน้อยจริงๆ
ยังไงก็ตาม ท่านเรย์กะเริ่มตั้งกำแพงป้องกันแล้ว สัญญาณเตือนภัยฉุกเฉินดังมาเลย แปลว่ามีอะไรหลังจากนี้ดาเมจก็จะส่งไปไม่ถึง ปัดไปแปะอยู่กับสถานะลูกบ้านคาสโนว่าหมดใช่มั้ย....
ปล.ท่านแม่มีเอาไปโม้ 5555 บ้าจริง ที่แท้ก็ติดขี้โม้กันทั้งบ้านเลยนี่นา! เหลือแค่ท่านพี่ที่ไม่รู้ว่าไง... แต่ท่านอิมาริไม่รู้ว่าฝีมือเรย์กะเป็นแบบนั้น ทั้งๆ ที่อยากได้ช็อคโกแลตทำมือของเรย์กะมาตั้งแต่ประถม แปลว่าท่านพี่ก็เล่าแบบกั๊กเหมือนกันนั่นแหละ!
ขอบคุณโม่งแปล กูตื่นเต้นนนน กูไม่ได้เป็นคนเดียวสินะ ฮุโฮะๆๆ ท่านเอ็นโจไฟท์ติ้ง!!!//โฮ!!!! แม่งโคตรก๊าว แลดูอบอุ่นสุดๆไปโลยยยย แอบมโนว่าคฤหาสน์สีขาวของท่านเอ็นโจมีเบื้องลึกเบื้องหลังเป็นองค์กรลับ ถถถถ กูไม่สามารถมองคุณนายเอ็นโจแบบปกติได้ ระแวงไปหมดแล้ว. แต่ใครแคร์ กูฟิน
>>581 เครื่องทำความชื้น กูมโนว่าหหน้าตาแบบนี้ http://www.yankodesign.com/2013/11/25/the-qua-effect/
ดีไซน์สวยๆ
ขำก็ตรงเอ็นโจถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกลับท่านอิมาริ ลูกบ้านคาสโนว่า
น่าสงสารมาก โฮวววววว
>>584 กูแอบคิดว่าอยู่ว่ารอยยิ้มนั่นอาจจะถูก encode ไว้ มีแต่พวกสายเลือดจอมมารด้วยกันที่จะถอดรหัสได้ 5555
กูอ่านผ่านฟิลเตอร์ซิสค่อนของท่านพี่อ่ะ เลยแอบคิดว่าที่ท่านพี่บอกจะไปส่งคุณอาคิมิจริงๆ คือหาข้ออ้างมาส่งเรย์กะถึงบ้านเอ็นโจ จะได้กำชับฝากฝัง เฮ่ ฝากน้องสาวฉันด้วยนะไอ้หนุ่ม อย่าบังอาจเชียวนะ ฮู้ย~ (=///=)
ห่วงกลปริศนา กูงงตั้งแต่ดำน้ำแระว่ามันเป็นยังไง เพราะกูไม่ค่อยได้เล่นของเล่นลับสมอง ประเทืองปัญญา
เลยไปหาดูน่าจะเป็นแบบนี้มั้ง
http://www.puzzledd.com/index.php?main_page=product_info&cPath=5&products_id=130&zenid=85722a44692d6cb6c2092fe140fa8a0d
>>586 มีหลายแบบนะ หน้าตาประมาณนี้ก็มี
https://www.zakka.net/zmall/mypage/uploads/4497/840-005.jpg
>>583 ได้เป็นว่าที่ผู้สืบทอดเลยนะ ถถถถ
>>586 อันนี้หน้าตาดูดีชะมัด กูเคยเล่นแต่แบบซื้อตามร้านขายของชำ คู่ละยี่สิบงี้ 55555 หน้าตาแบบ >>587 นี้เลย
>>585 เรย์กะยังสัมผัสพลังไม่ได้ซินะ กร๊ากก
.
ตอน188 นี่ในแฟนไซต์ยุ่นเขาวิเคราะห์
ว่าเป็นงานแต่งเชียวนะ! คฤหาสน์ทรงยุโรปสีขาวแทนโบสถ์ เรย์กะในเดรสสีขาว กับท่านพี่ที่พาเจ้าสาวเดินเข้าพิธีและฝากฝังกับเจ้าบ่าว~
แต่กูว่าไม่ใช่ นี่มันฉากท่านพี่ขนสัมภาระของน้องสาวลงมา แล้วฝากฝังพจมานกับชายใหญ่แห่งบ้านทรายทองชัดๆ 555555555
>>579 ท่านพี่ก็ต้องเอาไปโม้ว่าเรย์กะชอบทำนู้นนี้ให้ตลอดแน่ๆไม่งั้นจะโดนว่าเป็นซิสค่อนหรอก55555 เรย์กะเวลาอยู่บ้านต้องน่ารักมากๆแน่ไม่งั้นคนที่บ้านไม่หลงกันขนาดนี้ อยากอ่านตอนที่เป็นมุงมองของแม่บ้านกับพ่อบ้านจังต้องฮาแน่ๆ
ตอนนี้เรือเอ็นโจพุ่งขึ้นมาแล้ววววมันโดขิโดขิจริงๆ //คาบุมามันจะฮาแค่ไหนว่ะ
โอ๊ยยยยยยย ตอนนี้กูฟิน ฟินรัวๆ ฟินตัวแตก ตีตั๋วไปฟินแลนด์แพพ กูอยากสครีมยาวเต็มหน้ากระดาษ A4 โครตๆๆๆๆ กหดากยพำะนดาิดยำะไกพๆกหฟกฟหอกำพไกเอแเใดกกกฟห แง่บๆๆๆๆๆ โอ๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ฉากท่านพี่กับเอ็นโจยิ้มให้กัน กูก็คิดแบบคนอื่นว่ะ จอมมารสองคนที่เบื้องหน้าเป็นบรรยากาศวิ้งๆปล่อยออร่าสดใสเป็นประกาย แต่เบื้องหลังกลับฟาดฟันกันในอีกมิติที่คนทั่วไปเข้าไม่ถึง ฟ้าแลบแปลบปลาบ แล้วทำสัญญาสงบศึกกันชั่วคราว อยากอ่านพาร์ทท่านพี่ชิบเป๋ง คิดอะไรอยู่อยากรู้ 55555555
ท่านเรย์กะยอมรับว่าหวั่นไหว เลิกซึนชั่วคราว แถมหวั่นไหวนานด้วย กรี๊ดค่ะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด อะไรคะ อิมาริชมก็เคลิ้มไปกับเขา ยิงมาโดนใจเลยค่าาา แต่พอเอ็นโจชมนี่ตั้งป้อมส่งสัญญาณฉุกเฉินทันที อันตรายต่อหัวใจสินะ
เอ็นโจอัพเกรดสกิลการชมสาว ที่ผ่านมาเห็นชมแค่เหมาะมากเลยนะ ตอนนี้บอกน่ารักจัง แถมพูดว่าเหมือนกระต่าย ไปสมัครเข้าหมู่บ้านคาสโนว่าของอิมาริตอนไหนมาจ๊ะ ร้ายนะเรา หรือเพราะเห็นตัวอย่างจากอิมาริที่ชมว่าภูตกุหลาบเลยต้องอัพเกรดตัวเองบ้าง
ได้กินอาหารฝีมือเขา(??)แล้วก็ชม ตอนพูดว่าไม่ได้ฝืน เรย์กะทำหน้าทำตาคาดหวังอยู่แหงๆเลยว่ะถึงได้บอกออกมาแบบนั้น ตอนหันหลังให้เอ็นโจเพราะกลัวโดนอ่านใจกูสัมผัสได้ถึงความเขินแบบที่ไม่เคยเป็นว่ะ กูฟินแล้ว น้ำตาจะไหล ท่านเรย์กะโดขิโดขิแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยย
โม่งแปล กูชอบอิโมเต้นในตอนมาก ก๊อปมาแปะตรงนี้ได้ไหม ถถถ
แอบขำตอน187โคตรฟที่เรย์กะบอกว่า'คุณแม่ในชาติก่อนใช้ก้อนแกงกระหรี่2ชนิดผสมกันนี่นะ นี่แหละคงเป็นรสชาติแห่งความอร่อยแล้วฉันก็รู้น่ะว่าถ้าใส่ช็อคโกแลตหรือโยเกิร์ตคงทำให้รสชาตินุ่มนวลขึ้น' ทำเสร็จแล้วเอามาแบ่งท่านพี่ด้วยนะ..คงจะอร่อยแน่ๆ555555+ (มันนุ่มนวลตรงไหนว่ะะแกงกระหรี่+ช็อคโก+โยเกิร์ต)
>>594 http://www.duetdiary.com/ทำแกงกะหรี่-ญี่ปุ่น/
แปะลิงค์สูตร
ไม่เคยลองใส่โยเกิร์ต แต่แม่กูทำใส่ยาคูลท์ ก็อร่อยดีนะ
อยากอ่านตอนต่อไปใจจะขาดด
คาราบุกิตัวฮามาแระสินะ ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าคาราบุกินี่เพี้ยนๆพอๆกับเรยกะเลย (ต่อหน้าชาวบ้านดูดีมาก ต้องใกล้ชิดหน่อยจึงจะรู้ความจริง) ความจริงชอบคนแบบคาราบุกิมากเลย ตลกดี. แต่คิดแล้วเอนโจวน่าจะเหมาะกะเรยกะมากกว่า.
>>602 กูว่าคาบุกับเรย์กะคล้ายกันนะ ต่อหน้าคนอื่นนี่สร้างภาพมาก คนเลยมงเป็นจักรพรรดินี กับจักรพรรดิ แบบสร้างภาพโดยธรรมชาติอ่ะ ร่างกายเป็นไปเองเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอก ตอนแรกกูคิดว่าคาบุมันบ้าบวมตลอดเวลา แต่กูคิดผิด ตอนงานเลี้ยงเปิดหูเปิดตากูมากมึงที่คาบุรากิพูดอย่างเท่ เป็นการเป็นงาน กูว่าตอนเด็กนางอาจวางตัวไม่เป็น(ดูจากการจิกหัวใช้เรย์กะ ฮ่าๆๆ) แต่พอโตขึ้นก็รู้ว่าอะไรคือการวางตัว แต่คาบุก็ยังแสดงตัวตนจริงๆต่อหน้าเอ็นโจวกับเรย์กะเสมอ เพิ่มเติมคือวาคาบะจัง 5555
ชื่อห้องถัดไปกูขอรีเควสให้ใส่อีโมเต้นระบำด้วยมะ บูชาแท๊ก Love 5555
แต่ตอนล่าสุดนี่ทำให้นึกถึงเรื่อง Koudaike no Hitobito นะ
นางเอกเป็นคนพวกชอบคิดเพ้อเจ้อ จินตนาการอะไรไร้สาระเรื่อยเจื้อย
ส่วนพระเอกเป็นคนที่พลังพิเศษคืออ่านใจคนอื่นได้ เคยเจอแต่พวกสวมหน้ากากใส่ จนมาเจอนางเอกที่เพ้อเจ้อไร้สาระ ตลกดีก็เลยชอบ
จริงๆแล้วเอ็นโจก็มีพลังพิเศษเหมือนกันใช่มั้ยยヽ(´∀`。)ノ゚
ถ้าเอนโจวสกิลดีขนาดนี้ที่ผ่านมาเรยกะคิดไรนี่คงหลุดออกไปหมดแล้วสินะ. มิน่า เอนโจถึงตกหลุมนักเรยกะ จากความบ๊องบวมที่หลุดออกมานี่เอง(เหมือนพวกเราที่ตกหลุมรักนาง). แต่ชอบความใจกล้าท้าชนของคาราบุกิมากกว่าแฮะ ดูเป็นลูกผู้ชายดี. จีบให้เห็นกันจะๆ. ตรงจุดนี้น่าจะเข้าทางฝ่ายหญิงมากกว่า เพราะงั้นเอนโจวซามะ. เลิกลำไยซะที
สปอยดจากดิบ ไม่รู้ว่าวาคาบะจังหวั่นไหวคาราบุกิบ้างยัง. เห็นยอมไปเที่ยวกัน 2ต่อ 2
ในที่สุดตอนที่รอคอยก็มาถึง โคตรฟินตอนเอ็นโจอ่านใจเลยว่ะ คนอะไรจะคอยสังเกตขนาดนั้น แหมมมมม////// ฟินจนยากจะปรินท์คำว่า"ไม่ได้ฝืนนะ"ติดฝาบ้าน
>>611 Mousou Telepathyใช่มะ เรื่องนั้นกูก็อ่าน กูเป็นนางเอกกูก็รังเกียจว่ะ รู้ว่าเขาเอาตัวเองไปคิดสัปดนตลอดเวลา แม่ง555555555
หนึ่งในตอนที่กูรอคอยได้มาถึงแล้ว ฟินชิบหาย ฟินจนไม่รู้จะพูดยังไง ฟินตั้งแต่ต้นยันจบ ตั้งแต่ชมสาวกระต่ายไปยันไม่ได้ฝืน โว้ยยยยย เรย์กะหวั่นไหวอีกต่างหาก สังเกตสังกาขนาดรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่เลยสินะ หน้าเรย์กะมันแสดงออกชัดมากใช่มั้ยถึงได้พูดออกมา รู้ทันเขาไปหมดทุกเรื่องแบบนี้ ไม่สังเกต ไม่สตอล์กเกอร์จริงทำไม่ได้นะเนี่ย ถถถถถถถถถถถถถถถถถ ท่านพี่เจอคนประเภทเดียวกันแล้วจะคิดยังไงวะ อยากอ่านมุมมองท่านพี่เหมือนกันว่ะ หรือจะเห็นว่าเอ็นโจสุภาพ อ่อนน้อม ใสซื่อ??? เลยไว้วางใจฝากฝัง 555555555555555555555
ว่าไปแอบสงสัยเรื่องแม่เอ็นโจพูดถึงคุณอาคิมิว่ะ บอกว่ายังเป็นนักเรียนอยู่ คือมีความหมายแฝงอะไรป่ะ หรือจะคิดว่าคุณอาคิมิเก่งจนสอนคุณเรย์กะทำอาหารอร่อยขนาดนี้ได้ทั้งที่ยังเรียนทำอาหารอยู่ ท่าทางคุณอาคิมิจะฝีมือล้ำเลิศมากระดับเชฟมือโปร น่านับถือ บลา บลา ไม่รู้ดิ กูก็มโนไปเรื่อย
>>588 กาวในนั้นหอมชิบหาย กูก็ยื่นหน้าเข้าไปดมจนหาทางออกไม่เจออยู่บ่อยๆ ทางญี่ปุ่นเขาก็กาวแรงไม่แพ้เราเลยนะ เพียงแค่ไม่ได้แต่งฟิคก็เท่านั้นเอง 555555555555555
กูรู้สึกอยากอ่านมุมมองคนครัวบ้านคิโชวอินว่ะ จะรู้สึกยังไงวะ ทั้งเมนูประหลาดหลายแหล่ของคุณหนู แถมอยู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาหั่นผัก ทำมีดบาดมือตัวเองอีกตะหาก โถววววว จานชามจะกองขนาดไหนกันวะนะ
>>615 คุณเชฟอาจจะติดสตั๊นไปตอนเรย์กะพูดถึงแกงกะหรี่ใส่พุดดิ้งมิราเคิล พยายามเอาไปขบคิด ครุ่นคิด เป็นปริศนาธรรม ตีความนามธรรม อาหารแอบสแตรคนี่มันอะไร แต่กูอยากอ่านมุมมองท่านแม่มากกว่าว่ะ ลูกสาวฉันเกิดนึกอะไรขึ้นมาถึงมาทำอาหาร อยากรู้รีแอคชั่นตอนกินโยเกิร์ตโฮมเมดของท่านเรย์กะด้วย 555555555555555
>>616 อยากอ่านของท่านแม่เหมือนกัน คืออยากรู้มากว่าคิดยังไงตอนที่อาหารเรย์กะกำลังจะออกจากเขตกักกันไปสู่ปากท้องของสาธารณชน 55555 กูฮามากตอนรู้ว่าท่านอม่เองก็โม้ไว้เยอะ ตอนนั้นที่กดดันคุณอาคิมิซะมากมายนี่คงเป็นช่วงแตกตื่นร้อนตัวมากแน่ๆ ยิ่งมาดามเอ็นโจเป็นคนที่เคยรับฟังคำโม้ด้วยอีกตะหาก ท่านแม่นี่รู้สึกจะเป็นไทป์ประเภทโวยวายและกดดันกลบเกลื่อนสินะ~~ เหมือนตอนลากเรย์กะไปอดอาหารเป็นเพื่อนก็มีทำโกรธใส่ด้วย ดูๆไปนี่ชักจะฮากันทั้งบ้าน 555
อยากอ่านฟิคกาวววว โม่ง่ฟิคเรือเอ็นโจทั้งหลาย วันนี้เรือแล่นแล้ว มาแต่งต่อกันเถิดดดด
กำลังจะเขียนฟิคคาบุรากิ พออ่านตอนนี้แล้วมือสั่น อะไรกันน่ะ โมเม้นต์ที่เห็นมันคืออฟช.จริงๆใช่ไหม ไม่ใช่ฟิคกาวงั้นหรอ เรย์กะมีใจเต้นแล้ว เอ็นโจอ่านใจยิ้มแย้ม กร๊าวใจเหลือเกินนนนน
>>620 ถึงจะใกล้เคียงโมเม้นแค่ไหน แต่ปัจจุบัน ณ ตอนที่ 282 ท่านเรย์กะก็ยังคงโสดสตรองจ้าาา คานนางแข็งแกร่งเว่อร์สมเป็นจักรพรรดินีฟีนิกซ์ ถถถถถ ใต้เท้าชีคือมีซากธงทับกันสูงเป็นภูเขา นี่ถ้าซุยรันเปลี่ยนชื่อให้ความหมายเป็นแนวๆฤดูใบไม้ผลิชีวิตเด็กนร.อาจจะดีขึ้นนะ 555
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กูไม่ได้เข้านานมากนี่แม่งตามไม่ทันแล้ว เอ็นโจซามะสุดรักของกู(คนเดียวเท่านั้น)ยังอยู่ดีใช่ฤาไม่
อฟช เริ่มส่งอะไรdokidokiออกมารึยังงง //ไล่อ่าน
เออ ว่าแต่ตอนเรย์กะหาผมร่วงของเอ็นโจนี่กูแอบอยากให้มีผมติดอยู่ตรงบ่าตรงหลังมั่งจังแฮะ แล้วเรย์กะก็ต้องหยิบไปใช่มะ เกิดบอดี้ทัชใช่มะ เอ็นโจที่ไม่รู้ความนัยคงโคตรฟิน ถถถถถถ
>>626 เอ็นโจไซด์สตอรี่ต่อจากหิ่งห้อย, ภาคเรียนจบ, กาลครั้งหนึ่งในฝัน, เรย์กะที่สลับร่างกะเอ็นโจ, เรย์กะความจำเสื่อม, เจ้าหญิงเรย์กะก้ากับพ่อมดชูสุมอย!
หว่านแหมาก ต้องซัมม่อนติดสักอันแล้วล่ะ 55555
>>627 เรย์กะกำลังจะเอื้อมมือจะไปหยิบเส้นผม เอ็นโจก็รู้สึกถึงการคุกคาม เลยหันกลับหลังไปตามสัญชาติญาณ(?)และคว้ามือของเรย์กะไว้ วร้ายยยย
เพิ่งเห็นว่าโม่ง FA ไปลงภาพ Fan Art ท่านเรย์กะไว้ที่ pixiv ด้วย น่ารักอ่า >/////<
http://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=medium&illust_id=62276807
>>627
>>628 กาลครั้งหนึ่งในฝัน - เขียนอยู่ เขียนยากชิบหายที่จะไม่ให้เรย์กะหักธงตัวเอง ถถถถถถถถถถถ
มโนเอ็นโจต่อจากหิ่งห้อย - เขียนอยู่ นี่ก็เขียนยาก เลยหันไปเขียนยูกิโนะมาเกิดเป็นชูสุเกะต่อพลางๆ
ถ้าพรุ่งนี้ไม่ติดงานหรืองานเข้ากระทันหัน กูจะเอาลงให้ แต่จะฟิคไหนก็ไม่รู้ คิดซะว่าเหมือนกดสุ่มกาชาละกันนะ ฮรี่ๆๆๆๆๆๆๆๆ
>>629 โม่งที่วาด FA มะหมาสินะ ชูสุมอยแม่งน่ารักโว้ยยยยยยยยยยย มาให้กอดที กูรักลายเส้นมึง
ถ้ามึงยังอยู่แถวนี้ ก็วาดฉากชมน้องต่ายจนโดขิโดขิด้วยสิ //เป่าหู ฟู่ ฟู่
>>629 ลายเส้นมุ้งมิ้งมากอ่ะ ฉากเรย์กะคนลาเต้แล้วกระอักเลือดนี่ทั้งขำทั้งสงสาร 55555 ภาพสองที่เอาเรย์กะหัวกระต่ายใส่ถ้วยนี่คือเตรียมกินใช่ไหม ว้ายยยยยยยยย
>>632 เราชอบมโนเอ็นโจมากอ่ะ เป็นฟิคแรกๆที่ตามอ่าน ตอนนั้นถึงเราเป็นเรือคาบุรากิก็เริ่มหวั่นไหว ใช้วิชาแยกร่างไปอยู่เรือเอ็นโจไปด้วย เก็บรายละเอียดดีมาก อ่านแล้วรู้สึกว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆแน่ๆ
>>628 กรี้ดดดด แค่นั้นก็ยังดี กูชอบบบ กูขอต่อนิดหน่อย
"หืมม จะทำอะไรน่ะครับ คุณคิโชวอิน" เอ็นโจถามพลางเยื้อนยิ้ม แต่ยังคงจับมือของฉันไว้ไม่ปล่อย
"อะ เอ่อ ปล่าวค่ะพอดีเห็นมีอะไรติดที่หลังเสื้อน่ะค่ะ เลยจะหยิบออกให้" หวา ไม่ไหวจริงๆด้วยค่ะ คนอะไรความรู้สึกเร็วขนาดนั้น คนอย่างท่านเอ็นโจ ไม่ควรจะไปมีเรื่องด้วยเด็ดขาด ถึงจะทำหน้ายิ้มแย้มแบบนั้น แต่ความรู้สึกที่เหมือนหมาป่าจ้องเหยื่อ ทำให้รู้สึกขนลุกยังไงก็ไม่รู้
" เห งั้นหรอ ขอบคุณมากนะ คุณคิโชวอิน ไว้ผมจะระวังให้มากกว่านี้ ว่าแต่ แผลที่มือคุณคิโชวอินหายแล้วหรอ" เอ็นโจว่าพลางเหลือบมองไปที่มือของฉัน สัมผัสแผ่วเบาลูบปลายนิ้วทำให้ใจของฉันเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ความร้อนเห่อลามไปที่ใบหน้าและใบหู
" หมายถึงแผลมีดบาดล่ะก็ หายนานแล้วล่ะค่ะ " ฉันรีบดึงมือออกจากที่สัมผัสอันตรายต่อหัวใจสาวน้อย"ขอบคุณท่านเอ็นโจมากนะคะ ที่อุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใย"
เอ็นโจลดมือที่ค้างไว้ลงข้างลำตัวช้าๆ พลางยิ้มให้กับฉัน
" งั้นหรอ แบบนั้นก็ค่อยโล่งใจหน่อย.......ว่าแต่ว่า เวลาคุณคิโชวอินหน้าแดงแบบนี้....ก็น่ารักดีนะครับ..."
กรี๊ดดด มะ เมื่อกี้นี้มันอะไรกันน่ะคะ สมองฉันไม่มีเวลาประมวลผลอะไรมาก ยูกิโนะก็ออกมาตามแล้วจูงมือฉันเดินเข้าไปในงาน
ทิ้งเอ็นโจคนพี่ ที่ยิ้มกว้างไว้เบื้องหลัง....
จบแระ อะไรของกูว่ะ
กูอยากเห็นเอ็นโจรุกอ่ะ เข้าใจ้
ต่อจาก >>556-559 ฟิคคู่หูทะลุมิติ
ในฐานะเหยียบสองเรือ จะโมเม้นต์เอ็นโจหรือคาบุรากิก็ตื่นเต้นได้ (ถึงอาจจะเรือคาบุเป็นหลักก็ตาม) แต่อ่านอฟช.ตอนนี้แล้วเกือบเขียนฟิคไม่ไหว 5555 ดาเมจเอ็นโจนี่กร๊าวใจจริงๆ โชคดีที่มีประกาศว่าคาบุรากิมาถึงแล้วตอนจบเลยพอปลุกพลังแห่งเรือคาบุออกมาได้อยู่บ้าง (มั้งนะ...)
..............…….....
หลังสารภาพความจริงว่าบอกอะไรกับท่านพ่อท่านแม่ไปบ้าง คาบุรากิก็พูด อย่าไปคิดมากเลย แต่เธอปากพล่อยชะมัด สรุปนายปลอบหรือด่าซ้ำเติมคะ!
แต่พอบอกว่าเอ็นโจรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว คาบุรากิก็ทำอาหารที่ถืออยู่เกือบร่วง เดี๋ยวนะ เรื่องที่ฉันบอกกับท่านพ่อท่านแม่ยังไม่น่าจะช็อกเท่าจอมมารรู้เรื่องงั้นหรอ...
คาบุรากิบอกรีบกลับกันเถอะ แล้วลากฉันกลับห้อง และท่าทางรีบกลับห้องตัวเอง แต่ยังมีหันมาย้ำว่าอย่าเครียดจนลืมออกกกำลังกายนะ พุงยุบไปนิดหนึ่งแล้ว ขอพักวันหนึ่งไม่ได้หรอคะ
คงเพราะเจอเรื่องมาหนักเกินไป วันนี้ฉันก็ฝันอีกครั้ง...
หลังจากวาคาบะจังตกบันไดเพราะเรย์กะปัดขนมจนอีกฝ่ายเสียการทรงตัว ถึงจะบาดเจ็บหนัก แต่ก็ฟื้นตัวรวดเร็ว เรย์กะปฏิเสธที่จะออกค่ารักษาด้วยท่าทางสะใจ แต่วาคาบะจังไม่ได้ว่าอะไร
ทานุกิเมื่อรู้เรื่องก็แอบชดเชยค่าเสียหายให้วาคาบะจัง แต่เมื่อเรย์กะรู้เรื่อง ก็ทะเลาะกับทานุกิอย่างโมโห เจ็บใจที่เขาไปช่วยเหลือคนที่ตัวเองมองว่าเป็นศัตรู ท่านพี่ออกมาช่วย แต่ก็โดนเรย์กะโกรธใส่ไปอีกคน
ถึงอย่างไรก็ตามวาคาบะจังบอกทุกคนที่สงสัยว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่อุบัติเหตุ ปกป้องเรย์กะอย่างเต็มที่ แม้อีกฝ่ายจะทำร้ายกันขนาดนี้ก็ตาม
ฉันได้แต่มองเหตุการณ์อย่างเจ็บปวดใจ วาคาบะจังทำแบบนี้ก็เพราะฉัน แต่มันยิ่งทำให้เรย์กะรังแกวาคาบะได้ง่ายมากยิ่งขึ้น...
คาบุรากิที่โลกนั้น พูดเรื่องนี้กับเรย์กะอย่างเย็นชา ต่อว่ารุนแรง แต่เรย์กะกลับไม่สะทกสะท้านและกระแซคาบุรากิต่อไป...
จะว่าไปถ้าเรย์กะเคยโดนคำด่าระดับเอ็นโจโลกคิมิมาก่อน แค่คาบุรากิคงไม่น่ากลัวเท่าไหร่ล่ะนะ
มีวันหนึ่งที่คาบุรากิคุยเรื่องวรรณกรรมกับผู้หญิงจากชมรมวรรณศิลป์คนหนึ่ง พอเรย์กะรู้เรื่องอิจฉาตาร้อน ไปกลั่นแกล้งจนอีกฝ่ายมาโรงเรียนไม่ได้ในวันต่อมา นักเรียนในซุยรันบางกลุ่มเริ่มลุกฮือ คิดอยากต่อต้าน แต่เรย์กะก็ใช้อำนาจตระกูลเล่นงานกลับ
นายตัวสำรองมาห้ามเรย์กะเอาไว้ แต่ก็โดนตอกกลับอย่างเจ็บแสบ ถึงอย่างไรก็ตามนายตัวสำรองยอมก้มหัวให้คนชมรมวรรณศิลป์ หัวหน้าห้องที่อยู่ชมรมนั้นก็ช่วยเกลี้ยกล่อมอีกคนอย่างสุดความสามารถ แต่งเรื่องให้เรย์กะดูผิดน้อยลง
อิวามุโระคุงเสียสละบอกทุกคนว่าจริงๆแล้วเขาเป็นคนทำร้ายคนคนนั้นเอง แต่เรย์กะต้องการปกป้องเขาเลยทำแบบนั้น
ริรินะเดินไปด่าเรย์กะตรงๆ ถึงจะโดนต่อว่ากลับมา ก็เถียงต่อไปได้ แต่ก็โดนโต้กลับจนริรินะพูดไม่ออกในที่สุด ฉันที่ได้ฟังอยู่ตรงนี้ก็รู้สึกสะเทือนใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้... ถึงริรินะจะโดนขนาดนั้นก็กระจายกำลังเพื่อนๆในกลุ่มให้เตรียมตัวรับมือในกรณีที่เกิดการปะทะ ช่วยเหลือเรย์กะอีกคน
เอ็นโจวิ่งเต้นช่วยสร้างข่าวลือใหม่ และประนีประนอมเรื่องราวทั้งหมด จนกลุ่มคนที่จะลุกฮือก็เริ่มซาลง
ท่านพี่ไปหาผู้หญิงที่เรย์กะแกล้งด้วยตัวเอง ขอโทษอย่างจริงใจจนอีกฝ่ายใจอ่อนไม่เอาความ
ฉันมองภาพแต่ละคนคอยช่วยเหลือฉันอย่างสุดความสามารถก็น้ำตาไหลออกมา ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับฉันด้วยนะคะ ทำไมเรย์กะถึงต้องทะลุมิติไปโลกเก่าของฉัน แล้วพังทุกอย่างที่ฉันสร้างมา...
เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกก็ร้องไห้เงียบๆอยู่คนเดียวสักพัก ถึงแม้อยากลุกไปหาคาบุรากิที่อยู่ห้องข้างๆ แต่ก็อ่อนแรงเกินกว่าจะทำแบบนั้นอีก อาจเพราะช่วงหลังลดอาหารกับออกกำลังกายหนักไปล่ะมั้งคะ... ฝันร้ายที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนค่อยๆกรีดหัวใจฉันทีละนิด ยิ่งฉันผูกพันหรือทำสิ่งดีๆกับพวกเขามากเท่าไหร่ ตอนที่เรย์กะทำร้ายพวกเขา ฉันก็ได้แต่ปวดใจยิ่งกว่าเดิม
ในที่สุดหลังต้องตื่นอย่างทรมานยาวนาน ฉันก็หลับไปอีกครั้ง
โลกทั้งใบว่างเปล่ากลายเป็นสีขาวที่ปราศจากแต่งแต้มใดๆ ฉันมองไปรอบๆก็ชะงักเมื่อเห็นวาคาบะจังยืนยิ้มอยู่
“ไม่ต้องห่วงไปนะคะคุณคิโชวอิน ฉันเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ฉันจะช่วยเองค่ะ!”
“เอ๋?”
“คุณคิโชวอินเองก็สู้ๆนะคะ มาพยายามไปด้วยกันเถอะค่ะ!”
ฉันสะดุ้งตื่นมาอีกครั้ง กะพริบตาปริบๆอย่างงงๆ เมื่อกี้คือภาพหลอน เป็นแค่ความฝัน หรือวาคาบะจังทะลุมิติมาบอกฉันกันแน่น่ะ
แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร ฉันก็รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ
วันต่อมาฉันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คาบุรากิฟังขณะกินคอนซอมเม่ไปด้วย แม้จะเป็นซุปใสจนเห็นก้นชาม แต่ยังรักษารสชาติเข้มข้นได้อย่างดีเลยนะคะ
คาบุรากิเหมือนพยายามปลอบๆฉันด้วยการตบไหล่ แบบเดียวกับตอนปลอบฉันอกหักไม่มีผิด ฉันเลยบอกความในใจออกมาว่าหัดปลอบวิธีอื่นซะบ้างสิ ทำแบบนี้มันเจ็บนะ หมอนั่นก็นิ่งไป แล้วอยู่ๆก็เข้ามากอดฉัน ทำเอาตั้งตัวไม่ทันสุดๆ แต่ก็ผลักๆเขาออกไป ไม่ต้องมาหน้ามุ่ยเลยนะคะ ไม่มีความละเอียดอ่อนซะเลย
“จะว่าไปไม่เห็นมาหาฉันเลยนะเมื่อวาน เธอเริ่มชินกับมันแล้วหรอ”
นั่นเป็นสิ่งที่นายควรถามหรอ!!!
“พอดีเหนื่อยจากการลดน้ำหนักมั้งคะ...”
“อ้อ” คาบุรากิรับคำ “ให้ฉันไปนอนด้วยไหม จะได้เรียกได้”
“ไม่ค่ะ! จะบ้าหรอคะ!!!”
“ทำไมล่ะ?”
ฉันจนปัญหาจะอธิบายจริงๆค่ะ... ให้ตายเถอะ นายไม่เข้าใจหรือไงว่าผู้หญิงกับผู้ชายนอนด้วยกัน...หมายถึงต่อให้แค่นอนห้องเดียวกัน มันก็ไม่เหมาะสมนะคะ ฉันยังพยายามหลอกตัวเองว่าไม่เคยนอนห้องเดียวกับเขาเมื่อครั้งที่แล้วอยู่เลย...
“ว่าแต่ ท่าทางไม่เดือดร้อนกับฝันครั้งนี้เลยนะคะ” ฉันหน้ามุ่ยบ้างด้วยคน
“มีคนคอยช่วยเธออยู่เยอะแยะไม่ใช่หรอ” คาบุรากิบอก “เท่าที่ฟังมา ทาคามิจิอาจจะรู้สถานการณ์แล้วด้วย อะไรฝั่งนู้นอาจจะดีกว่าเดิมก็ได้”
“แต่ว่าเรย์กะทำร้ายทุกคนขนาดนั้น...”
“ทุกคนกำลังพยายามเพื่อเธออยู่นะ พยายามช่วยให้เธอมีความสุข อย่ามาเศร้าเองในโลกนี้สิ”
“แต่ว่า...”
“กังวลก็ไม่ได้อะไรใช่ไหมล่ะ เราทำอะไรกับมันไม่ได้อยู่ดี ทุกคนทำขนาดนั้นต้องมีอะไรดีขึ้นแน่ๆ” คาบุรากิบอกด้วยท่าทางมั่นใจคล้ายเวลาเด็กน้อยพูดว่าโตขึ้นผมจะเป็นฮีโร่! “ถ้าไม่อยากให้ความพยายามพวกเขาสูญเปล่า อย่างน้อยก็ต้องมีความสุขในโลกนี้ให้ได้นะ”
ฉันอยากจะค้านยังไงไม่รู้ แต่พอเห็นสีหน้าแววตาใสซื่อของคาบุรากิก็ชะงักใจอ่อนยวบ หมอนั่นทำหน้าแบบนั้นเป็นด้วยหรอ
คาบุรากิบอกว่าตอนเย็นท่านพี่กับเอ็นโจจะมาที่นี่ ฉันเกือบทำจานซุปแตก แต่ว่าฉันไปบอกสิ่งที่ไม่ควรกับท่านพ่อท่านแม่มาล่ะนะคะ... เอ็นโจเองก็รู้เรื่องฉันหนีออกจากบ้านแล้ว ก็ควรเคลียร์เรื่องทั้งหมดให้เร็วที่สุด...
ถึงจะบอกแบบนั้น เอ็นโจกลับมาตั้งแต่บ่าย ฉันที่กำลังเล่นเกมทายชื่ออาหารกับคาบุรากิอยู่ก็ชะงักอย่างคาดไม่ถึงสุดๆ แต่ว่าการที่เอ็นโจมาเที่ยวห้องเพื่อนสนิทไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกนะคะ...
เอ็นโจเลือกที่นั่งใกล้ๆฉัน ทำให้ฉันสะดุ้งลุกขึ้นหนี และบอกว่าจะไปหาเครื่องดื่มในครัวมาให้เพื่อกลบเกลื่อน
พอวางถ้วยที่ชงเสร็จให้ทั้งคู่ คาบุรากิก็ขมวดคิ้ว “นี่มันอะไรน่ะ”
“ช็อกโกแลตไงคะ”
“ไม่ชงชาหรืออะไรงั้นหรอ...”
อย่าบ่นน่า กินๆไปเถอะ
คาบุรากิจิบอย่างระแวง ก่อนจะทำหน้าตาแข็งค้าง เอ็นโจสำลักน้ำ
“นี่มันอะไรครับ...”
“ก็ช็อกโกแลตไงคะ”
“รสเผ็ดนี่มันอะไรน่ะ” คาบุรากิถาม “แยกพริกกับน้ำตาลไม่ออกเรอะ แล้วซ่าๆนี่คือเธอเผลอทำขวดโซดาตกใส่หรือไง”
หยาบคาย! นี่มันรสชาติแห่งความแตกต่างค่ะ
“ช็อกโกแลตที่เผ็ดๆก็มีนี่คะ อย่างกูแวร์ตูร์งี้ ฉันเลยลองประยุกต์เป็นเครื่องดื่มดู”
ช็อกโกแลตดั้งเดิม บางครั้งก็เติมพริกกับพวกเครื่องเทศลงไปนะคะ รสชาติเผ็ดซ่านิดๆมีเอกลักษณ์จะตายไป! ไม่เข้าใจจิตวิญญาณแห่งโกโก้บ้างหรือไงคะ อย่างซอสโมเล่เองถึงจะทำจากโกโก้แต่ก็มีรสเผ็ดนะคะ ฉันแค่จำลองรสชาติเผ็ดมีเสน่ห์ด้วยการใส่พริกป่นและพริกไทยไปอย่างละนิดเองค่ะ และเติมโซดาเข้าไปด้วย ความซ่าต้องขับรสชาติออกมาได้แตกต่างแน่ๆเลยค่ะ
คาบุรากิทำหน้าเหมือนฉันมันเกินเยียวยาแล้ว และบอกว่าจะไปหาอย่างอื่นมากินล้างท้อง อะไรกันคะ! เว่อร์ไปแล้วค่ะ รสชาติไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นซะหน่อย!!!
พอคาบุรากิเดินเข้าครัวไป ก็เหลือฉันกับเอ็นโจแค่สองคน
รอยยิ้มสุภาพบุรุษกึ่งจอมมารของหมอนั่นดูฝืนหน่อยๆ แต่ก็ยอมจิบต่อไปเรื่อยๆ ดีมาก! นายเข้าใจรสชาติที่ฉันพยายามจะสื่อใช่ไหมคะ
ฉันคิดอะไรเรื่อยเปื่อยสักพัก แต่คาบุรากิก็ไม่มาสักที เขาโอเคใช่ไหม... คงไม่ได้วิ่งเข้าห้องน้ำท้องเสีย หรือช็อกเป็นลมเพราะช็อกโกแลตฉันเมื่อกี้ใช่ไหมคะ... จะว่าไป หมอนั่นดูหวั่นไหวกับอาหารทำมือด้วยแหะ
ขณะที่ฉันช่างใจว่าควรลุกไปตามหาดีไหม ก็นึกอะไรออกขึ้นมา
“ท่านเอ็นโจ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
“อะไรหรอครับ”
“ท่านเอ็นโจชอบฉันช่วงก่อนความจำเสื่อมหรอคะ”
เอ็นโจสำลักช็อกโกแลตจนมันหกใส่เสื้อเขา
“นี่ถามจริงๆหรอครับ...” เขาถามด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ก่อนจะพูดต่อ “คุณกำลังถามว่าผมชอบคุณไหมงั้นหรอครับ”
ฉันชะงัก ลืมไปเลยค่ะว่าต่อให้ฉันเป็นคนละคนกับเรย์กะในโลกนี้ แต่เอ็นโจยังไงก็มองเป็นคนเดียวกันนะคะ อยากรู้มากเกินไปจนเผลอถามไปซะได้... แต่เริ่มมาขนาดนี้แล้วก็เอาให้สุดนะคะ
“ไม่ใช่ฉันตอนนี้สิคะ ฉันตอนก่อนเสียความทรงจำ ตัวฉันก่อนหน้านั้นน่ะค่ะ”
“ยังไงก็หมายถึงคุณอยู่ดีไม่ใช่หรอครับ...”
“ท่านเอ็นโจพูดอยู่เลยนี่คะว่าหากฉันได้ความทรงจำกลับมา คาบุรากิคุงอาจจะไม่ได้ชอบฉันแบบตอนนี้ หมายความว่าท่านเอ็นโจก็แยกแยะตัวฉันแบบนั้นเหมือนกันนะคะ”
“...หมายถึงนิสัยล่ะนะครับ”
“แล้วสรุปว่าชอบไหมคะ”
เอ็นโจมองฉันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้มหน้าเช็ดคราบช็อกโกแลตที่เปื้อนและพูด “ไม่มีใครชอบคนแบบนั้นหรอกครับ”
“งั้นหรอคะ” ฉันตอบรับยิ้มๆ หน้าแดงไม่กล้าสบตาขนาดนั้น เอ็นโจชอบเรย์กะในโลกKimiDolce จริงๆด้วยสินะคะ มิน่าล่ะในงานสัมภาษณ์คนเขียนเรื่อง KimiDolce พอคนถามว่าเอ็นโจจริงๆชอบวาคาบะจังไหม ก็ตอบยืนยันว่าไม่ใช่ แต่พอถามว่าแล้วเอ็นโจชอบใครในเรื่องไหม คนเขียนก็ยิ้มๆมีเล่ห์นัย และบอกว่า “จริงๆก็แอบใบ้ในเรื่องชัดเจนแล้วน้า~”
เรานักอ่านดูในเรื่องแล้วเอ็นโจแทบไม่มีเสี้ยวแห่งความโรแมนติคกับผู้หญิงคนไหนในเรื่องเลย เลยคาดว่าเอ็นโจคงไม่สนใจใคร บางคนก็วิเคราะห์ว่าเอ็นโจแอบชอบคาบุรากิ...
เมื่อคิดดูดีๆแล้ว ทุกครั้งที่เรย์กะทำตัวไม่ดี หรือเสียใจจากคาบุรากิ เขาก็ชอบปรากฏตัวมาต่อว่าเสมอ แต่ละคำพูดมีแต่เรื่องเตือนสติทั้งนั้น มีฉากหนึ่งตอนที่เรย์กะหนีมาร้องไห้คนเดียวหลังถูกคาบุรากิโมโหใส่ เอ็นโจก็โผล่มาบอกว่า “พอซะทีเถอะ เลิกรักคนที่เขาไม่มีวันรักเราได้แล้ว” ตอนนั้นคนเขียนไม่วาดสีหน้าเอ็นโจให้ดูด้วยค่ะ เราก็คิดกันว่าคงเย็นชาเหมือนทุกครั้ง เป็นไปได้หรือเปล่านะคะว่าจริงๆเอ็นโจตอนนั้นก็มองเรย์กะเศร้าๆอยู่เหมือนกัน สิ่งที่พูด อาจจะไม่ได้พูดกับเรย์กะ แต่พูดอยู่กับตัวเองก็ได้นะคะ...
ฉันตื่นเต้นมากเลยค่ะ นี่เป็นเรื่องใหม่สุดๆเลยนะคะ นอกจากคู่พระนางอันหวานแหววแล้ว ยังแทรกความรักหลายแบบเลยนะคะ นายตัวสำรองที่รักแค่ไหนก็ได้แต่พ่ายแพ้ไปอย่างหวุดหวิด แต่ความรักของเอ็นโจยากที่จะเป็นจริงเอามากๆเลยค่ะ เรย์กะไม่เคยสนใจใครนอกจากคาบุรากิล่ะนะคะ คงเจ็บปวดกันน่าดูทีเดียว
แล้วฉันทะลุมิติมาแบบนี้ คงทำให้เนื้อเรื่องผิดเพี้ยนไป ไม่มีทางรู้เลยว่าฉันกับคาบุรากิจะกลับไปโลกเดิมยังไง เรย์กะคนที่เอ็นโจชอบอาจจะไม่มีวันกลับมาที่โลกนี้อีกแล้ว...
แต่ว่าขนาดเรย์กะโลกKimiDolce ยังมีคนชอบเลย ทั้งเอ็นโจทั้งประธานชมรมฟุตบอล ทำไมฉันถึงยังห่อเหี่ยวนั่งเศร้าอยู่บนคานอันสูงส่งคะ... น่าเศร้าเกินไปแล้ว ฉันเป็นมิตรกว่าเรย์กะKimiDolce อีกนะ ไม่เกี่ยงหรอกค่ะว่าจะชนชั้นเดียวกันหรือสามัญชน ฮืออออ ฤดูใบไม้ผลิของฉันช่างน่าเศร้า
หนุ่มๆจีบฉันได้นะ ฉันไม่น่ากลัวหรอกนะคะ…
คาบุรากิกลับมาพร้อมยาแก้ท้องเสียเผื่อเอ็นโจ
บางทีฉันอาจจะเริ่มจากการฝึกทำอาหารก่อนดีกว่านะคะ...
-------------- (จบตอน 35) --------------
ป.ล. คอนซอมเม่ (Consomme) เป็นซุปใสของฝรั่งเศส ต้องใช้เวลาเคี่ยวน้ำซุปอย่างพิถีพิถัน และหมั่นตักไขมันออก (หรืออาจกรองด้วยผ้าขาว) เพื่อให้ได้ซุปใสจริงๆ และขณะเดียวกันก็คงรสชาติเข้มข้นไว้ด้วย ใช้เนื้อหรือไก่หรือปลากับผักต่างๆ เครึ่องปรุงแต่ละอย่างจะต้องสอดคล้องกัน ถึงมองจะดูง่าย แต่ทำยากมากๆๆๆๆๆที่จะดึงรสชาติออกมาให้ถึงที่สุด (เรย์กะไม่ควรทำอย่างยิ่ง)
ป.ล.2 กูแวร์ตูร์ (Couverture) เป็นชนิดที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวคือจะเป็นมัน ปกติแล้วจะใช้เฉพาะในร้านที่ทำขนมหวานเท่านั้น ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในรูปของส่วนที่เคลือบอยู่ภายนอกผลไม้หรือหุ้มไส้ช็อกโกแลตอยู่ มีรสเผ็ด
ป.ล.3 ซอสโมเล่ (Mole Sauce) ซอสแบบแม็กซิกัน มีวัตถุดิบหลักในการทำซอส คือ ผงโกโก้และพริก รวมถึงเครื่องเทศอื่นๆ (อาจมีเติมวัตถุดิบอื่น เช่น งา ถั่ว เมล็ดสน แล้วแต่สูตร)
ป.ล.4 จริงๆตอนเขียนเรื่องนี้แรกๆ เริ่มคิดว่าอยากลองเขียนให้ตัวละครทุกคนทยอยทะลุมิติกันมาให้ครบทั้งเซ็ต ฉากที่คาบุรากิกับเรย์กะช่วยกันรวบรวมคนทะลุมิติน่าจะสนุกดี แต่ชื่อเรื่องมันคู่หูทะลุมิติ ไม่ใช่แบบยกแก๊งค์ทะลุมิติ กลัวผิดคอนเซ็ป เลยตัดใจให้มีคนทะลุมิติแค่เรย์กะกับมาซายะในฟิคนี้... ส่วนวาคาบะจังอยู่ในภาวะอยู่ระหว่างมิติ แล้วก็กลับไปโลกเดิมอีกครั้ง หัวกระแทกไม่แรงพอจะข้ามมิติค่ะ 5555
>>641 ภาวะระหว่างมิติ...ลึกซึ้งเว่อออ555555555555
วาคาบะจังสั่งสอนเรย์กะkimidolceเลยยยย ว่าแต่กูก็สงสัยนะ ทำไมเรย์กะที่เป็นมิตรขนาดนี้ถึงไม่มีคนแอบชอบเลย ขนาดยูริเอะที่ดูเป็นเจ้าหญิงอ่อนโยน ใจดีกับทุกคนยังมีคนมาชอบเยอะ ริรินะที่ปากร้าย เอาแต่ใจก็ยังมีคนมาชอบ เรย์กะนี่น่าสงสารไปนะ55555554
>>637 อาาาาา กูฟิน ขอบคุณสำหรับกาวค่ะ
อยากให้ออฟฟิศเชียลทำแบบนี้บ้าง รุกให้เต็มตัวหน่อยสิเฟ้ย อีตาคนนี้ชอบรุกไปครึ่งนึงแล้วถอยตลอด ฮรึ่ย แอบขัดใจเบาๆ //ดึงเหนียงชูสุมอย
>>640 กูสงสารเอ็นโจชิบเป๋ง ทั้งเรื่องรักคนที่เขาไม่รัก และเรื่องแดกอาหารฝีมือที่แท้จริงของเรย์กะ ไอ้เรื่องแรกตัดใจให้เวลาเยียวยาได้ แต่เรื่องที่สองน่าจะถึงแก่ชีวิต นายไม่รักชีวิตตัวเองแล้วเหรอ เอ็นโจ ทำไมต้องฆ่าตัวตายด้วยวิธีนั้นด้วย //โดนบังคับให้กินแกงกะหรี่ที่มีส่วนผสมเป็นปริศนา
อยากจะบอกว่ากูก็อ่านฟิคทะลุมิตินะ อาจจะไม่ค่อยเมนท์ (เมนท์ตอนที่เอ็นโจออก เห็นความลำเอียงนี้มั้ย 55555555) แต่ก็อ่านทุกตอนนะจ๊ะ มึงขยันมากที่ลงทุกวัน นับถือความขยันสุดๆ คาบุในมุมมองมึงก็น่ารักดี ซึ่งกูเขียนคาบุรากิไม่ได้ว่ะ เขียนได้แค่ผิวๆไม่ลงลึก มันเป็นความรู้สึกที่แบบ...ไม่เข้าใจจริงๆว่าคิดอะไรของมันอยู่กันแน่ แต่มึงเข้าใจคาบุรากิได้ดีมาก กูชอบ 55555555555555
>>639-641 ทุกคนโลกนู้นดูช่วยเหลืออบอุ่นมากเลยอ่ะ วาคาบะก็รู้เรื่องแล้ว เรย์กะฝั่งนู้นจะกลับใจใช่ไหมๆๆๆๆ
คาบุเนียนทั้งขอมานอนห้องเดียวกันทั้งกอด ไม่รู้ว่าซื่อจริงๆหรือเปล่า5555 แต่สองคนนี้ทำอะไรด้วยกันเป็นเรื่องปกติแล้วใช่ไหม ทั้งกินข้าวด้วยกันทั้งเล่นเกมด้วยกัน พูดคุยกัน
เรย์กะถามได้อินดี้มาก แทบจะสำลักน้ำตามเอ็นโจ ทำไมไม่ใช้ความกล้านี้ไปถามคาบุบ้างนะ ถ้าถามหมอนั่นตรงๆคาบุต้องยอมรับเลยแน่นอนไม่อ้อมค้อม อ่านแล้วรู้สึกต้องไว้อาลัยต่อกระเพาะเอ็นโจเล็กน้อย คาบุถึงกลับต้องเอายามาเผื่อ เรย์กะคิดอะไรรรรร แค่เครื่องดื่มก็ทำได้หรอ ถถถถ
เอ็นโจ : อ่านใจสาวได้แต่มัวรีรอ
คาราบุกิ : ไม่เคยเข้าใจจิตใจสาวแต่รุกหนัก
อิสองคนนี้ มาหารกันคงจะพอดีสินะ ปาดเหงื่อ
โอ้ยยยย ฟิคทะลุมิติสนุกขึ้นทุกวัน วาคาบะจังเชื่อมต่อโลกแล้วใช่ไห จะเริ่มเปิดคอสทุ่งลิลลี่ที่แท้จริงในโลกฝั่งน้นใช่ไหม ถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถ
เอ็นโจววิ่งเต้นช่วยลดข่าวเสียหายด้วยอ่ะ น่าสงสารมาก คงเจ็บน่าดูวันนึงเรย์กะเปลี่ยนไป ส่วนคาบุในการ์ตูนไม่บ้าบอมเหมือนคาบุที่พวกเราตามกัน กูไม่เชียร์นะ นอกนั้นกูเชียร์หมด เอ็นโจวทุกมิติ วาคาบะทุกมิติ นายตัวสำรองทุกมิติ 555
189 คาบุรากิแม่ง 55555555
พี่น้องเอ็นโจก็รังแกกันใหญ่อาดูรรร
ตอนที่ดูหนังสือด้วยกันนั่นน่าจะเป็นมาดามเอ็นโจรึเปล่าน่ะ??
ขอบคุณสำหรับโปรโมชั่นสงกรานต์ค่ะโม่งแปล จะกลับมาเมื่อไหร่อะ แงงงง
ตอนใหม่มาแล้ว! โม่งแปล ขอบคุณมากเลยย!!
แต่ทำไมอ่านแล้วหดหู่ชอบกล. คาราบุกิชอบวาคาบะจังมากๆเอาซะเลย. หมดอารมณมาจิ้นกับเรยกะ ส่วนเอ็นโจก็มียุยโกะมาคอยแสดงความเป็นเจ้าของ.. อ่านแล้วเห็นคานมารำไร
สปอยดดิบ
มิน่าดิบ 280 กว่าตอนยังคานอยู่
โม่งแปล ตอนล่าสุด
บรรทัดที่ยูกิโนะชวนเรย์กะดูหนังสือ แล้วมาดามขอตัวนี่ น่าจะมาดามเอ็นโจรึเปล่า ไม่ใช่มาดามคาบุรากิ
อ่าส์ เรือแล่นได้ตอนนึง...แต่พออ่านตอนนี้แล้ว อืมมมมม
กูตกใจมากตอนเห็นประโยค "คาบุรากิได้ลูกแฝดอีกแล้ว" เฮ้ย!! อ้อ เกมนี่เอง 555555555
คาบุรากิพออยู่กับเอ็นโจกับท่านเรย์กะนี่ปล่อยตัวมาก มาดจักรพรรดิหลุด 555555 แถมเล่นกากอีก นายนี่มันเด็กน้อยชะมัดยาดเลยยคาบุรากิคุง! แต่พอห่างจากพี่น้องเอ็นโจกับท่านเรย์กะก็เก๊กเท่เลยนะยะ
ชอบการที่พี่น้องเอ็นโจรวมหัวกันแกล้งคาบุรากิ ฮ่าๆๆๆ คาบุรากิดูน่าเอ็นดู บางทีนางก็ดูเด็กน้อยในหลายๆความหมายนะ เอาเป็นว่าแก้ห่วงปริศนาให้เสร็จละกันนะ
ดูพวกเด็กๆ คาบุ เอ็นโจจะชอบของเล่นที่เรย์กะเอามา สำหรับพวกคุณหนูมันดูแปลกใหม่ป่ะวะจากที่ดูรีแอ็คชั่นตอนเห็นห่วงปริศนาครั้งแรก สนุกไปอี๊กกกก
รู้สึกหม่นๆตอนท้ายตรงยุยโกะ อะไรยะ ยิ้มบางๆแล้วแจ้นไปหาผู้ชายเนี่ยนะ มารยาทน่ะมารยาท ปกติอย่างน้อยเขาต้องทักทายกันบ้างไม่ใช่หรอเพราะยังไงก็ไม่ใช่คนที่พึ่งเคยเจอครั้งแรกนี่ แถมปกติลูกคุณหนูผู้ดีพอเห็นคนที่มีฐานะสูงๆยังไงก็ต้องทักทายเป็นมารยาทหน่อยไปใช่หรอวะ ไม่ใช่ "ฉันไม่อยากจะมาเสวนากับหล่อนหรอกนะยะ" //ยิ้มอ่อน ขอโทษ กูอินนนน กูเรือเอ็นโจ ฮือออออออ
>>651 เรือฮาเร็มขอมาแก้ต่างงงง คาบุรากิกับวาคาบะที่จริงเราว่าสาเหตุที่ชอบหรือการมีโมเม้นร่วมกันยังไม่มีอะไรดูแน่นหนาเลยนะ ถ้าชอบเพราะจักรยานมีสติ๊กเกอร์แปลกๆดูตลกดีล่ะก็... ท่านเรย์กะนี่ยังกะคาเฟ่มาเอง 55 ยกกำลัง 4 เลยด้วยแบบรั่วทั้งครอบครัว อย่างตอนยูริเอะยังดูเป็นรักซึมลึกเลย วาคาบะจังนี่ค่อนข้างเร็วเกินไป คนเราคงไม่เปลี่ยนสไตล์ความรู้สึกที่ชอบหรือผูกพันธ์ได้ง่ายๆป่าว เอ็นโจถึงจะมียุยโกะเกาะติดหนึบแต่ก็ยังไม่เคยมีบอกซะหน่อยนะว่าชอบยุยโกะ ไม่งั้นจากว่าที่คงกลายเป็นตัวจริงไปลั้นนน ที่บ้านก็ชงอยู่ด้วยนี่นา เจ้าตัวเค้าไม่สนน่ะ ปกติที่คอยคาบข่าวมาบอกก็มีแต่ไอไก่โง่งี่เง่าด้วย เล่นใหญ่ประหนึ่งโดนขอมา อาจจาแอบมียุยโกะชักใยตามแบบซากุระจังสไตล์ก็ได้นะ มโนเต็มที่ 555
.
.
.
.
.
.
.
.
ในดิบหลังๆเรย์กะก็สนิทกับคาบุรากิมากด้วย กับพอมีคนมาตั้งข้อสังเกตว่าคาบุรากิดูไม่ได้เปิดรับความเห็นวาคาบะเท่าไหร่ในบางครั้ง กูไปอ่านใหม่เริ่มรู้สึกเอ๊ะตาม คือถ้าชอบมากๆปกติก็คงเห็นดีเห็นงามกันไปหมดมั้ยนะ เอ็นโจหลังๆก็มีโมเม้นกับเรย์กะเยอะออกนะ มีเปิดใจพูดถึงปมปัญหาทางบ้านด้วยนะะะ ซึ่งกับยุยโกะก็คงไม่มั้ง ไม่งั้นไม่เห็นต้องหนีมาอยุ่ที่รร. ถ้าเห็นยุยโกะเป็นโอเอซิสล่ะก็คงไปคุยไปหาแทนแล้วล่ะพอเครียดๆ แถมหลายทีเวลาจะต้องไปหายุยโกะหรือมีประเด็นอะไรเกี่ยวกับที่บ้านตามตัว ก็ดูฝืนใจอีกตะหาก ตบมือข้างเดียวไม่ดังนะเฮ้ยยยยย ยังไงเราก็ยังมีความหวัง!!! เอ้าฮึบบบบบ จ้วงพายอย่างหนักแน่นจนกล้ามขึ้น เรือแต่ละลำนี่พายไปค่อยไปเลยจริงๆ ถถถ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าต้องจมนะ!!!!
เอ๊ะแต่คิดๆไป ไม่ใช่ว่าฮิโยโกะซังจะเล่นมุกเดียวกับเมะบางเรื่องที่ชอบทำนะ ประมาณว่ามีคู่มาให้จิ้นกันมากมายตั้งแต่เปิดเรื่อง ไปๆมาๆสุดท้ายพระเอก/นางเอกที่คู่กับตัวละครหลักคือม้ามืดโผล่มาจากไหนไม่รู้ อารมณ์แบบตัวประกอบแวบๆที่นึกว่าเป็นแค่เอ็กซตร้าเดินผ่านฉาก ปรากฎได้ลงเอยด้วยกันจ้าาาา กูจะเงิบแด๊กมากอะ ถถถถถถถถ ดิบใกล้ 300 ตอนแต่พระเอกจะเปิดตัวทางการตอนที่ 400 อะไรงี้ 5555
อ่านตอนใหม่เรย์กะอย่างห้าว มีการบอกคาบุ (ในใจ) ให้ร้องเพลงด้วยสิเฮ้ยย!!
คือแบบขำอ่ะ แล้วอุดมการณ์ความนอบน้อมของนางไปไหน เสียงหัวเราะโฮะๆนั่นก็ด้วย
>>655 สปอยเกี่ยวกับยุยโกะนิดหน่อย
.
.
.
.
.
.
เดี๋ยวต่อไปนางยุยโกะเนี่ยจะมารยาททรามกับเรย์กะได้หนักข้อกว่านี้อีกมึง ที่จริงบทนางก็ไม่ได้เยอะอะไรนักหรอก โผล่มาแต่ละทีคือแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของชู ส่งสายตาทิ่มแทงจิกกัดเรย์กะตลอด แต่ทำตัวหวานๆใส่ผู้ชาย อย่างไมฮามะหรือซากุระที่เคยเห็นเรย์กะเป็นศัตรูคู่แข่งความรักในตอนแรกๆ ก็ยังดูเปิดเผยจริงใจกว่านางอีก
ไม่มีใครจะสครีมประโยคตัดคนที่ปวดใจน้อยสุดเป็นเพื่อนกุหน่อยหรา กุกรี๊ดมากเลยนะฟฟฟฟฟฟฟฟ//ฟินสัสๆ
>>665 กูก็กรี๊ดประโยคนั้น เอ็นโจจจจจ เพื่อเรย์กะแล้วถึงกับยอมทำร้ายเพื่อนได้หน้าตาเฉยเลยเหรออออ ถ้าทำเรย์กะต้องปวดใจมากแน่ๆเลยหันไปรังแกมาซายะแทน โครตลำเอียง ถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถ
ตอนเล่นเกมกันสี่คนโครตน่ารัก สามคนนั้นรวมหัวกันโกงคาบุรากิแบบไม่ได้นัดหมายป่ะวะ มาซายะซวยตลอดเลย
แปะภาพบอร์ดเกมที่เล่นกัน The Game of Life https://imgur.com/a/ctzYn
แทนที่จะทอยเต๋าแบบ Monopoly เป็นหมุนสล็อตแทนซินะ น่าเล่นจัง ถถถถ
กูเพิ่งอ่านดิบล่าสุด
.
.
.
.
.
.
คือกูก็ชอบนะที่เรย์กะเป็นแบบนี้ ดูสโลไลฟ์สไตล์ของนางดี แต่กูสงสารนางจริงๆ
ทำไมถึงได้โดดเดี่ยวขนาดนั้น ต้องทำอะไรคนเดียวตลอดทั้งๆที่เป็นที่ปรึกษาความรักให้คนอื่นมากมาย
กูสะเทือนไตตรงที่นางถึงขั้นนั่งรถไฟข้ามเมืองไปเที่ยวคนเดียว ไปซื้อขนมคนเดียว
ถ้ากับผช ไม่ได้ก็เปิดรูทยูริเลยสิเรย์กะเอ้ย ชวนเพื่อนผู้หญิงของหล่อนไปเลยสิ กูว่าอย่างวาคาบะ อาคิมิ
หรือเพื่อนมันเผาคงไม่รังเกียจหรอกมั้ย ถ้าจะไปเที่ยวแบบสามัญชนอ่ะ
คู่อื่นเขาก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว ขนาดท่านพี่เองก็ยังมีอิมาริ// แค่ก ๆ
กูคงต้องรอถึงตอนที่ 400 ใช่ป่ะวะ ที่น้องชายอิมาริจะกลับมาสอยนางลงจากคานสักที//เจ็บปวด
>>667 ใจมากว่ะ เกมส์นี้เปรียบเสมือนเปิดโลกใบใหม่ของเด็กชายคาบุรากิ
>>668 กูปวดใจกับดิบมากอะ
.
.
.
.
ยิ่งก่อนหน้านั้นมีอีไก่โง่คาบข่าวมาบอกว่าเอ็นโจพายุยโกะไปเดทอีก หรือว่าไปกะยุยโกะวะะะะะ อุตส่าห์หาข้อมูลมาแต่ดันทิ้งให้เขาไปคนเดียว แม่งงงงงง มันน่านัก
หรือว่าๆ ถ้าไปกับยุยโกะจริง ที่ไปกะยุยโกะอาจจะเพราะแบบ "ชู ช่วงนี้ดูวุ่นๆกะเมืองดอกผักบุ้งนี่จังนะ พาไปหน่อยสิ" แล้วก็เลยต้องพาไปตามระเบียบ เฮ้อออออ
>>668 เออกูลืม จะว่าไป
.
.
.
.
.
.
นอกจากน้องชายท่านอิมาริแล้ว ยังมีม้ามืดอีกคนนึง ซึ่งไม่ควรมองข้าม
นั่นก็คือซาโตมิคุง หลายคนอาจลืมไปแล้วว่านางเป็นใคร นางคือเพื่อนของอาคิซาวะคุง
ที่เคยอยู่ห้องเดียวกับเรย์กะ จับเรย์กะแต่งตัวเป็นพ่อบ้านแกะอ่ะ ติดหูให้ด้วย กรี้ดดด
ว่าถึงเรื่องนิสัย กูว่าเป็นเอ็นโจฉบับสามัญชนเลย นางเองก็คอยจับตาดูเรย์กะซามะอยู่เหมือนกัน
ถึงตอนนี้จะยังไม่มีบทบาท แต่ตอนต่อๆไปมีแน่ จำชื่อคนๆนี้ไว้เลย
ถ้าไม่ได้พวกตัวหลัก หรือน้องชายอิมาริ กูก้อเชียร์คนนี้แหละ มาสอยเรย์กะทีเถอะ สาธุ
อะต่อ ภาคหลังเรียนจบ ความเดิมตอนที่แล้ว >>>/webnovel/3689/477-478/
------------
ภายในห้องโดยสารนั้นเงียบสนิท
นั่งข้างหน้าแบบนี้รู้สึกไม่เคยชินเอาซะเลย ปกติมีคุณซากามิ คนขับรถของที่บ้านคอยขับรับส่ง ฉันเลยนั่งเบาะหลังตลอด นานๆทีถึงจะได้นั่งคู่กับท่านพี่ตอนไปเที่ยวด้วยกันบ้าง แต่นั่นมันก็นานมาแล้วอะนะ
ครั้งก่อนที่เอ็นโจเคยติดรถกลับบ้าน ก็นั่งเบาะหลังกันและยังมีคุณซากามิอยู่ด้วย แต่คราวนี้ต้องมานั่งคู่กันแค่สองต่อสองแบบนี้ ทำตัวไม่ถูกเลยแฮะ...
ความรู้สึกแปลกๆนี้ต้องเป็นเพราะเมื่อกี้ดื่มไวน์มากไปหน่อยแน่ๆ
แต่ว่าขับไปอีกไม่ไกลนักก็จะถึงสถานีรถไฟแล้ว เดี๋ยวก็ได้ลงแล้วล่ะนะ อดทนไว้ๆ
เพราะมืดแล้ว การจราจรเลยไม่ได้หนาแน่น รถยนต์ขับแล่นผ่านไปตามเส้นทางเรื่อยๆ ตรงแยกข้างหน้าขับตรงไปหน่อยก็ถึงสถานีแล้ว~
แต่รถกลับขับเลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง
"เอ๋ นี่จะขับไปไหนน่ะคะ?"
"หือ? แล้วคุณคิโชวอินจะไปที่ไหนล่ะ?"
"สถานีรถไฟค่ะ!"
"สถานีรถไฟ? ไปทำไมน่ะครับ?"
เอ็นโจเลิกคิ้วขึ้นท่าทางงงๆ ที่งงน่ะทางนี้ต่างหากล่ะ!
"ก็กลับบ้านน่ะซิคะ ก่อนหน้านี้ก็ตกลงกับท่านไอระว่าขากลับจะพาฉันไปส่งที่สถานีรถไฟเพื่อนั่งรถไฟกลับน่ะค่ะ"
"เห ไอระไม่ได้บอกกับผมแบบนั้นนี่นา ... คุณคิโชวอินนั่งรถไฟด้วยเหรอเนี่ย ปกติพวกศิษย์ซุยรันไม่ขึ้นรถสาธารณะกันนี่นะ นั่งบ่อยเหรอครับ?"
"อ่า ก็นิดหน่อยน่ะค่ะ... ไม่ซิ! อย่าเปลี่ยนเรื่องซิคะ ยูเทิร์นก่อนเถอะค่ะ"
เกือบเผลอเออออตามด้วยแล้ว เอ็นโจหัวเราะเล็กน้อย แต่ก็ยังคงขับตรงไปข้างหน้าไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนเส้นทาง
"ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมขับไปส่งที่บ้านเอง ยังไงก็รับปากไอระมาแล้วว่าจะส่งถึงที่... ก็หมายถึงที่บ้านนั่นล่ะนะ"
"แต่ว่า..."
"ให้ผมไปส่งเถอะครับ ดึกแล้วกลับคนเดียวมันอันตรายนะ"
นั่งอยู่ในนี้มันก็อันตรายในหลายๆความหมายเหมือนกันนะ... หวังว่าจะไม่โดนตาปิศาจนี่ทวงหนี้ก้อนโตอีกครั้งนะ....
คิดว่าเว้าวอนต่อไปก็คงโดนปฏิเสธอีกแหงๆ เลยต้องจำใจนั่งต่อไป ภายในรถก็กลับมาเงียบสนิทอีกครั้ง
วันนี้มันอะไรกันนักหนานะ รู้สึกปฏิเสธอะไรใครไม่ได้สักอย่างเลย เฮ้อ~
เอ็นโจก็คงจะรู้สึกอึดอัดไม่ต่างกัน เลยเอื้อมมือเปิดเพลงในรถเบาๆ เสียงเปียโนบรรเลงเพลงคลาสสิค เพลง Je te Veux ของ Satie ทำนองนุ่มนวลชวนเคลิบเคลิ้ม ช่วยปัดเป่าบรรยากาศเงียบสนิทในรถออกไป
ฉันนั่งมองทางไปเรื่อยเปื่อย พอเบื่อก็เลยแอบสังเกตภายในรถสักหน่อย ก็เป็นรถหรูหลังคาเปิดประทุนได้จากเยอรมันนี ภายในกว้างขวางตกแต่งในโทนสีขาวสลับกับดำ ดีไซน์สวยไม่ได้ต่างกับรถของท่านพี่นักล่ะนะ ยกเว้นก็แต่คอนโซลข้างหน้ารถที่มีพวกตุ๊กตาน่ารักดูขัดกับเจ้าของรถวางประดับอยู่
"อ้อ นั่น...เรียกว่าอะไรนะ นีดเดิลเฟลท์รึเปล่า? ยูกิโนะทำน่ะครับ"
"เอ๋!? ฝีมือยูกิโนะคุงเหรอคะ?"
ตุ๊กตาพวกนั้นขนาดพอดีมือ หน้าตาน่ารักและดูมืออาชีพสุดๆ!
นี่มันดูดีกว่าที่ฉันเคยทำซะด้วยซ้ำ
อุ แพ้ยูกิโนะคุงซะแล้ว...
"เห็นว่าเวลาเบื่อๆจากเล่นเกมหรืออ่านหนังสือ บางทีก็มานั่งทำเล่นบ้าง ตัวไหนทำพลาดก็โยนมาให้ผมน่ะ"
"ดูยังไงก็ไม่ใช่ทำพลาดเลยนะคะ น่ารักขนาดนี้ ...แหม ทำให้พี่ชายซินะ ยูกิโนะคุงเนี่ยน่ารักแล้วก็อ่อนโยนไม่เปลี่ยนเลยน้า~"
"...นั่นซินะ"
เอ็นโจหัวเราะน้ำเสียงแปลกๆ บนใบหน้าที่จ้องไปที่ถนนก็มีรอยยิ้มปริศนา
ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกบรรยากาศมันชักจะกลับมาทะแม่งๆชอบกลอีกครั้งแล้วแฮะ
แอร์ก็เบอร์เดิมนี่นา ทำไมหนาวจัง....
"ถ้าคุณคิโชวอินชอบ จะเอาไปก็ได้นะครับ ยูกิโนะก็คงจะยินดีมากแน่ๆ"
"เอ๋ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ"
"ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะครับ"
"ไม่ได้หรอกค่ะ นี่น่ะต้องเป็นของที่ยูกิโนะคุงใส่ความรักและความตั้งใจลงไปเพื่อมอบให้ท่านเอ็นโจเชียวนะคะ!"
"ถึงจะพูดอย่างงั้นก็เถอะ... แต่กับน้องชายด้วยกันเนี่ยมันก็น่าขนลุกแปลกๆนะ..."
เอ็นโจหัวเราะ
ชิ เป็นคนที่ไม่ละเอียดอ่อนเอาซะเลย
ไม่เหมือนกับท่านพี่ที่พอได้รับของแฮนด์เมดจากฉันก็จะยิ้มพร้อมบอกว่าจะทะนุถนอมเป็นอย่างดีเชียวนะ
"อันที่จริงเอาไปก็ไม่รู้ว่าจะตั้งที่ไหนดีน่ะค่ะ ตอนนี้ที่ห้องฉันก็มีตุ๊กตาเต็มไปหมดแล้ว ล่าสุดก็ที่ไปได้มาจากงานโรงเรียนซุยรั-- อ๊ะ..."
ฉันรีบเอามือทั้งสองข้างตะครุบปิดปากตัวเองไว้ในทันที
พอพูดถึงงานโรงเรียนแล้ว ภาพเหตุการณ์ในช่วงท้ายของวันนั้นที่ลานจอดรถก็ปรากฏขึ้นมาในหัวอีกครั้ง
ความรู้สึกของสัมผัสบางเบาที่ริมฝีปากในวันนั้นก็เริ่มย้อนกลับมา
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!
อย่านึกถึงมันน้าาาาาาาา!
รู้สึกเลือดสูบฉีดขึ้นบนใบหน้าจนร้อนผ่าว ใจเต้นแรงจนคิดว่าอาจจะหลุดระเบิดออกมาได้แล้ว
อ๊าๆๆ บ้าเอ้ย อยากจะเปิดประตูรถแล้วกระโจนออกไปแล้ว ทั้งที่ทำลืมๆไปได้แล้วแท้ๆ ทำไมต้องมานึกถึงตอนนี้ด้วยล่ะ!?
จะไปพูดถึงงานโรงเรียนนั้นทำไมกันเล่าตัวฉัน ต่อนี้ไปนี่มันคำต้องห้ามเลยนะ!
ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ!
รถยนต์ติดที่แยกไฟแดงเข้าพอดี
คิดว่าการที่อยู่ๆก็เงียบไปของฉันคงจะต้องทำให้เอ็นโจสงสัยแหงๆ ทำไงดีเนี่ย เข้าหน้าไม่ติดเลยแฮะ แต่ต้องทำปกติเข้าไว้นะ
เอ้า สูดหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ สงบสติเข้าไว้
ฉันหันไปทางเอ็นโจเพื่อจะพูดคุยต่อให้เป็นปกติ ก็เห็นเอ็นโจเอาแขนทั้งสองวางเท้าไว้แล้วฝุบหน้ากับพวงมาลัยจนมองไม่เห็นสีหน้า
เอ๋? เป็นอะไรน่ะ ไม่สบายรึเปล่า?
"ท่านเอ็นโจ...?"
เอ็นโจสะดุ้งเล็กน้อย สักพักหนึ่งก็ค่อยๆหันหน้ามาทางฉัน ทั้งๆที่หัวยังพิงกับพวงมาลัยอยู่นั่นล่ะ และส่งยิ้มให้
"ครับ? คุณ...เรย์กะ"
"อุเฮะ!!?"
คงจะเป็นเพราะไฟท้ายจากรถคันข้างหน้า หรือไม่ก็ไฟจากสัญญาณไฟแดงที่สาดเข้ามาแน่ๆ ใบหน้าของเอ็นโจจึงแดงแจ๋ขนาดนั้นน่ะ
Je te Veux ไม่รู้ว่าจบไปตั้งแต่ตอนไหน เสียงไวโอลินดูโอกับเปียโน ท่วงทำนองหวานจับใจอย่าง Salut d'Amour ของ Elgar ก็เริ่มต้นบรรเลงขึ้นมา
___________
* Je te Veux ของ Eric Satie
https://youtu.be/edn8OS0Aymg (ชอบเวอร์ชั่นฮารุฮิมูฟวี่นี้มาก โฮว)
** Salut d'Amour ของ Edward Elgar
https://youtu.be/4kZT9ZsCO7Y
อุฮิ ♡ヾ( 〃ω〃)ッ
มาสั้นๆ ร้อนชะมัดแต่งไม่ค่อยออกเลย... ไม่ถนัดบทสนทนาเยอะๆด้วย ถถถ
พาร์ทหน้าน่าจะจบส่วนที่คิดไว้จริงๆละ
>>639-641 ตอนนี้น้ำตาแทบไหลมีความอินกับทุกคนในโลกเก่า ทำไมน่ารักกันทุกเลยคะะะ
วาคาบะจังกับภาวะระหว่างมิติ ตอนหน้าท่านเรย์กะฝันล่ะวาคาบะจังมานั่งปรับทุกข์ ปลูกลินลี่กันในฝันทุกวันๆ
เอาล่ะ ใครก็ได้ ส่งเอ็นโจไปโลกนู้นที เราต้องการคนตบสติเรย์กะโลกนู้นนน
ม้ามืดในเรื่องก็ s ชมรมฟุตบอ---//โดนดอกโบตั๋นปักคอ
โอ่ยยย กูเขินมากก กูเขินตอนที่เอ็นโจฝุบหน้าไปกับพวงมาลัยมากว้อยย /////////
เดี๋ยวๆ ทำไมว่ายุยโกะมารยาทไม่ดีล่ะเฮ้ย คือเรย์กะจะขึ้นรถ ยุยโกะลง ยิ้มให้ก็ถือเป็นการทักทายละนะ และถ้าว่ายุยโกะว่าหยิ่งไม่ยอมพูดทัก แล้วทำไมเรย์กะไม่พูดทักก่อนละ ของแบบนี้มันก็ผิดกันทั้งฝ่ายน้า ไม่มีอะไรกำหนดว่าใครจำเป็นต้องทักก่อนซักหน่อย(จริงๆคนอายุน้อยกว่าควรทักก่อน แต่ไม่รู้อายุไง) ใจเย็นๆนะมึง กูไม่เคยอ่านดิบ แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งด่ายุยโกะ นางยังไม่ทำอะไรเลย
ได้ข่าวว่าในมู้ก่อนๆมีคนสปอยความทรามของนางมาแล้วนะ แรกๆมาเหมือนจะดีแต่สุดท้ายก็เป็นแค่เปลือกไว้หลอกตาชาวบ้านนั่นแหละ
>>686 คือแบบบ เจอหน้านี่ยิ้มบางๆไม่ทัก แถมเหล่มองมา ยังไงก็ไม่สุภาพนะ นี่ครั้งที่ 2 แล้วด้วยอะสำหรับแปลไทย นอกจากนั้นนนนน ญาติกันป่ะ มางานวันเกิดยูคิโนะคุงป่ะ มาทีคือดึกแบบงานเลิก เด็กๆต้องเข้านอนแล้ว คืออัลไลลล จะว่ายุ่งไม่ว่าง ไม่ว่างคือมาวันอื่นหรือส่งอะไรให้แทนก็ได้นะ มาเมื่องานเลิกนี่คือเหมือนไม่ได้สนใจจะอวยพร จะโผล่มาร่วมงาน แต่แว่มาจุดประสงค์อื่นมากกว่าอะ เช่นมาตกพี่ชายงี้
ส่วนถ้าในดิบ
.
.
.
.
.
.
นางก็จะเจอแล้วทรามใส่ไม่ทักไม่หือไม่อือไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆค่ะะะ คือแทบทุกทีที่เจอก็จะแนวเหล่มอง ยิ่มโมนาลิซ่าใส่ แล้วเมิน มันก็เออะว่ะกูว่า คือโดนไปทีสองทีกูเป็นเรย์กะกูก็ไม่อยากยุ่งกับยัยนี่แล้วล่ะ ไม่ทักก็ไม่แปลกอ่านะยกเว้นมาโซ ชอบพุ่งเข้าไปทำตัวเองโดนฉีกหน้างี้ sm มากอะ
>>688 10 แต้มให้กริฟฟินดอร์ เอาจริงๆก็คิดแบบมึงนั่นแหละ แต่ที่อย่างที่คห.686พูดมันก็ถูกแต่ว่าแบบยังไงดี คือถ้ากูโดนพฤติกรรมเหล่มองแล้วยิ้มอ่อนแบบนั้นใส่ตั้ง2รอบกูก็รู้แล้วแหละว่านางไม่อยากยุ่งกับกู ไม่เป็นมิตรกับกู แรกๆมันคงรู้สึกมึนๆอึนๆหละ ดูจากท่านเรย์กะแล้วก็อาจจะประมาณนั้นบรรทัดสุดท้ายแปลล่าสุดมันดูเงียบเหงาแปลกๆไงไม่รู้
>>686 ลืมพิมพ์เลย กดส่งไปซะก่อน อีกอย่างคือการมองๆแล้วยิ้มๆนี่สำหรับในไทยอาจจะทักนะ แต่กับหลายประเทศไม่ใช่อะ คืออ่านไปนี่ต้องมโนภาพชาวญี่ปุ่งไปด้วยนิดนึง คือญี่ปุ่นถ้าทักกัน โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูงที่ถือความมีอารยะหน่อยงี้ ยังไงก็ต้องก้มหัวไม่มากก็น้อยอะ ยิ้มเฉยๆนี่ไม่ใช่นาจาาาา ความหมายออกไปทางคลุมเครือ... สมัยเรียนมหาลัยจะมีคอร์สนักเรียนแลกเปลี่ยนกับมหาลัยที่โคกันในญี่ปุ่น เคยมีเพื่อนญี่ปุ่นหลายคนเลยถามว่าทำไมคนไทยมองเค้าแล้วชอบยิ้มๆ เค้ารู้สึกไม่ดีว่ามีอะไรรึเปล่า ยิ้มทำไมงี้ คือจะกังวลว่าเค้าทำอะไรแปลกๆรึเปล่า หรือการแต่งตัวมีปัญหา หรือหลุดกิริยาเด๋อๆอะไรไป คือเค้าไม่ได้รู้สึกว่าทักทายอะ คือถ้ายิ้มทักก็จะบรรยายว่ายิ้มทักทายไปเลยมากกว่านะ คือตามปกติคงมีก้มหัวด้วยมากน้อยแล้วแต่ความสนิทและอายุ ที่จริงไม่แค่ญี่ปุ่น ฝรั่งหลายประเทศเกิดมองแล้วยิ้มนี่ความหมายก็ไม่ค่อยดีนะ แบบยิ้มอะไร ยิ้มเย้ยๆ ยิ้มเยาะ ยิ้มมีนัยยะแฝงหรืออะไรประมาณนั้น ถ้าทักอาจจะต้องยิ้มแล้วผงกหัวมั้ย หรือบางที่ก็ยกมือขึ้นด้วยนิดนึงงี้ คือวัฒนธรรมคนละแบบกันไปความหมายมันไม่เหมือนกันอะ อย่างเค้าชมไทยเรื่องเป็นมิตร ยิ้มง่าย แบบ the land of smile คือมีหมายเหตุว่าในประเทศเราเอง เพราะเค้ารู้วัฒนธรรมอยู่แล้วว่าที่นี่เป็นแบบนี้นะ แต่ลองไปแจกยิ้มสยามยังต่างแดน อันนี้บางทีจะโดนมองกลับแบบยิ้มทำไม บางทีเค้าก็จะก้มมองตัวเองต่อด้วย อาจจารุ้สคกแบบเฮ่ย มีคนยิ้มมาให้ ซิปรูดรึยังนะ หรือเสื้อเลอะรึเปล่าแบบนี้ ไม่ใช่ทักทายอะ
กุขำเม้นนึงในเว็บแมวดุ้นว่ะ
'หรือเรย์กะคือชื่อของหมีสายพันธุ์หนึ่ง'
ท่านเรย์กะแม่งมีสะดุ้งอะ 55555555555555555
>>696 ไม่ๆ แต่พวกมึงเข้าข้างเรย์กะกันรึป่าวอ่ะ แบบอย่างที่บอกว่าไม่มีอะไรกำหนดว่าใครควรทักก่อน ทำไมเรย์กะไม่เคยทักก่อนเลยอ่ะ คือฝั่งนู้นเจอเขายังยิ้ม เรย์กะทำอะไร มองเฉยๆน่ะหรอ พวกเรามองฝั่งเรย์กะก็ไม่รู้สึกอะไร แต่มองฝั่งยุยโกะยิ่งแบบอ่าว นี่ชั้นลงจากรถ ยิ้มให้ อาจจะกำลังจะอ้าปากพูด เรย์กะมองเฉย ไม่ยิ้มตอบ(จากไม่บรรยาย) กำลังจากอ้าปากทัก เรย์กะขึ้นรถไปแล้ว ไรงี้อ่า อย่าเพิ่งด่ากูนะ กูแค่มองอีกมุมอ่า อันนี้ไม่พูดถึงเรื่องมากี่โมงนะ
อันนี้เล่าให้ฟัง คือสมมติกูเจอคนรู้จัก ฝั่งนู้นมองมา กูมองกลับ แต่ไม่มีใครทักใคร ตกลงฝั่งนู้นผิดที่ไม่ทักกูก่อนหรอ มันก็ผิดทั้งคู่แหละ
กู >>697 เองนะ
เมื่อกี้ไปอ่านใหม่ "เมื่อสังเกตเห็นฉัน คุณยุยโกะก็ยิ้มแย้มบางๆ แล้วเดินไปหาพวกเอ็นโจ
รถที่ฉันนั่งอยู่แล่นออกไป"
แทนที่จะ คุณยุยโกะก็ยิ้มแย้มบางๆ ฉันรีบก้มหัวทักทาย แล้วถ้ายุยโกะไม่ก้มหัวกลับ หรือหันหน้าหนีก็ว่าไป นี่ฝั่งยุยโกะยิ้มมา เรย์กะมองเฉยอ่ะ ถึงจะบอกยิ้มมาแล้วเดินไป แต่ช่วงตอนยิ้มมาเรย์กะก็ควรก้มหัวทักทายหรือป่าว
คือจริงๆถ้าจะด่ายุยโกะก็ควรเป็นถ้าเรย์กะทักทายไป แต่ยุยโกะไม่ตอบกลับไง อันนี้มันไม่ใช่ (พูดถึงแปลไทยไม่ใช่ดิบนะะ ยังไม่เคยอ่านดิบ)
>>697 กูก็ไม่รู้อ่ะ แต่จากที่เรย์กะบรรยายคือนางขึ้นรถแล้วนี่ ปิดประตูแล้วกำลังจะออก ยุยโกะลงรถมาเหลือบมาเห็นนางพอดีเลยยิ้มบางๆให้ โอเคว่าเรย์กะก็ผิดด้วยถ้านั่งเฉยๆไม่หือ ไม่อืออะไร แต่รถมันกำลังจะออกแล้ว ยุยโกะก็หันหน้าหนีไปแล้ว ทุกอย่างคงเกิดขึ้นเร็วพอสมควรจนไม่ได้ก้มหัวกลับมั้ง
ทำไมกูได้กลิ่นมาม่าลอยมาแต่ไกลเลยวะ
>>697 สำหรับกูนะ นั่นเพราะยัยเจ๊นั่น เหลือบ มองเรย์กะหลายครั้งแล้วน่ะสิ คือก่อนอื่นเวลาเจอกันมันก็มีแบบเออเราควรทักกัน กับเราไม่ควรทัก/ไม่จำเป็นต้องทัก เช่นเวลาเจอถ้าต่างฝ่ายต่างสบตากันมันก็จะนำไปสู่การแนะนำตัว แต่นี่เปิดมาเจอกันครั้งแรกที่งานโรงเรียน ในโมเม้นที่แบบเรย์กะกับยูกิโนะคุยกันอยุ่ เอ็นโจก็ยืนอยุ่ในวงสนทนา คือมันเป็นสถานะที่คนกลุ่มนึงกำลังคุยกันอยุ่อะ จู่ๆก็มา ชู~~~ เสร็จไม่ทักทายใคร ไม่ขอโทษที่ขัดจังหวะ ไม่เกริ่นแนะนำตัว คือสถานการณ์นี้เจอกันครั้งแรกแล้วนางเดินผ่าเข้ามากลางวงเอง ปกติคนควรขอโทษที่เสียมารยาทและเป็นฝ่ายแนะนำตัวเองต้องคือนางมั้ยอ่า คงไม่แบบเค้าคุยกันอยุ่ ยัยนี่โผล่เข้ามา แล้วเรย์กะก็ยังต้องไปเริ่ม "ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันคิโชวอิน เรย์กะค่ะ" ก่อนมันก็ไม่ใช่อะ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่เห็นมีท่าทีอยากรู้จักใคร ทั้งที่เป็นคนบุกเข้ามาอ่านะ คือนอกจากไม่เกริ่นขอโทษ ไม่แนะนำตัวเอง นี่โผล่มาถึงก็คุยกับผู้อย่างเดียว ไม่ได้สนใจคนอื่นในวง(ที่เค้าคุยกันอยู่เดิมแต่หล่อนแทรกร่างเข้ามา) แถมก่อนไปยัง"เหลือบมอง" คอมโบกับยิ่มบางๆ คือมันคงไม่ใช่ยิ้มทักทาย หรือจะยิ้มขอโทษ? ยิ่งไม่ใช่อะ คือยืนกันเป็นตอไม้หัวโด่เด่กันมายันเจ้าหล่อนคุยจบ ประโยคเดียวก็ไม่มีทักใคร ไม่ทักแม้แต่ยูกิโนะคุง พีคสุดคือตอนสุดท้ายที่ทุกคนในวงร่ำลากันตามมารยาทอันดีงาม นางก็ยืนเงียบ ก่อนจะเหลือบมองยิ้มๆแล้วควงแขนผู้ชายน่ะแหละ ให้ความรู้สึกแบบบบ อะ-ไร-ของ-เมิ๊งงงงงง!!!!?? คือตั้งแต่ต้นที่แทรกตัวผ่ากลางวง ไปยันจบเรื่องที่ทุกคนลากัน นอกจากเอ็นโจคือมึงไม่พูดกับใครเลยค่ะ นิสัยแบบนี้มันก็ไม่น่ารักนะ มันแย่เลยแหละ ยิ่งในฐานะชนชั้นสูงที่ก็อยู่ระดับเดียวกัน คืออาร๊ายยยย เหตุการณ์แบบนี้เกิดในไทยว่ารู้สึกแย่แล้ว ญี่ปุ่นที่เคร่งมารยาทโดยเฉพาะอะไรแบบจะมาก็ทักทาย จะไปก็ร่ำลา ยัยนี่คืออัลไล หยาบคายสุดพลังงงงงง
คือเรื่องทักไม่ทัก กับการมองแล้วยิ้มๆของนางมันคนละบริบทกับคนอื่นเพราะเจอกี่ทีก็มองอ่อนยิ้มอ่อน ครั้งเดียวไม่เป็นไร ไม่สิ ก็เป็นอะแต่เรายังพยายามให้อภัย 2 ครั้งเริ่มไม่ใช่ละ ยิ่งต่อไปในดิบก็มีมาอีกเป็นจำนวน n ครั้ง มันไม่จ้ายยยยอะ นี่คือกว่าเรื่องจะจบยัยนี่คงเหล่มองเรย์กะจนตาเขไปแล้วล่ะมั้ง และใบ้กินด้วย ไม่เคยทักก่อนนนน คนอัลไล
.
.
.
.
.
.
เอ๊ะเมื่อกี้ถือว่าสปอยมั้ยนะ แอบหลุดไปนิสนุง แต่ในดิบก็จะมีตอนที่เรย์กะทักก่อนแล้วคุยกลับสามคำก็เดดแอร์ใส่ กูรับไม่ด้ายยย ที่สำคัญคือไม่เคยทักเรย์กะก่อนด้วยนะ
เพิ่มจากข้างบน เหตุการณ์อยู่ในตอนถัดจากน้องแว่น KGB นะ จำเลขตอนไม่ได้ละ แต่จำได้ว่าพอน้องแว่นจบตอนด้วยประโยคแนวๆเอ็นโจมีข่าวลือแปลกๆอยู่ด้วย ตอนต่อไปยัยนี่ก็โผล่มาทันที
>>701 ส่วนตอนยุยโกะเปิดตัว สถานการณ์นั้นคนที่ควรจะแนะนำตัวยุยโกะให้เรย์กะคือเอ็นโจค่ะ เรื่องปกติมากๆในชนชั้นสูงที่เวลาคนอื่นที่เพื่อนของเราไม่รู้จักมา คนที่รู้จักทั้งสองคนเป็นคนแนะนำตัวให้ เป็นเรื่องพื้นฐานที่ใครๆก็รู้นะ ตรงนี้ยุยโกะก้ไม่ผิด คนผิดก็เอ็นโจนั่นแหละที่ไม่แนะนำอะไรให้เรย์กะเลย จริงๆจะพูดว่าตอนนั้นเอ็นโจเสียมารยาทใส่เรย์กะก็ได้ด้วย ถามว่ายุยโกะควรจะแนะนำตัวกับเรย์กะมั้ย อันนี้จริงๆก็ควร แต่ที่ควรที่สุดคือเอ็นโจต้องแนะนำตัวยุยโกะกับเรย์กะ แล้วแนะนำเรย์กะให้ยุยโกะ แต่เอ็นโจไม่ทำไง
>>704 อันนี้ก็ใช่ด้วยนะว่าเอ็นโจก็ผิด แต่คือปกติการที่คนรู้จัก 2 ฝ่ายเป็นคนแนะนำส่วนนึงคือการให้เกียรติคนในวงสนทนา อย่างถ้าเค้าไม่แนะนำให้ ถามว่าก็ยืนเฉยๆต่อไปหรือแนะนำตัวเองก็ได้ มันคือแนะนำตัวเองกันก็ได้นะ แค่ถ้าให้บรรยากาศเป็นไปแบบราบลื่นที่สุดคือคนกลางแนะนำ แต่ไม่ได้ถึงขนาดคนกลางไม่แนะนำก็ยืนกันต่อไป บวกกับเรื่องจังหวะด้วย ว่าถ้าเหตุการณ์นี้ตามปกติจังหวะแนะนำตัวกันต้องเป็นหลังประโยคขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะรึเปล่า คือจะยังไงแต่แบบนี่ก็ไม่ขอโทษเลยอะ จะใครแนะนำใครหรือจะแนะนำกันเอง สำหรับเราไม่มีอะไรเสียมารยาทเท่าโผล่เข้ามาแล้วไม่ขอโทษ และไม่ลา คือมันก็มีบางกรณีที่คนกลางไม่ได้อยากแนะนำให้รู้จักกัน และในวงสนทนาคนมาใหม่อาจจะไม่ได้ร่วมกับใครมาก แต่อย่างน้อยแบกวงก็ควรกล่าวลากันตามมารยาททั่วไป นี่ก็อืมมมม นอกจากไม่อึดอัดยังเป็นฝ่ายคุมกระแสสนทนาหลัก แถมยังไม่ลาใครอีกตะหาก แล้วยูกิโนะคุงที่รู้จักกันอยู่แล้วแต่ไม่ทักไม่คุยด้วยซักกะคำอันนี้คงโทษเอ็นโจไม่ได้ด้วยนะ คือก็ไม่ใช่คนมารยาทตามมาตรฐานที่พึงเป็นแน่ๆอะ ยังไม่รวมประเด็นว่านี่คือญาติกันอีกตะหาก
เหมือนกูกำลังเรียนมารยาทการทักายของญี่ปุ่น ชอบๆ เอาอีก
>>705 ที่เรียก"ชู" ระหว่างที่เอ็นโจยืนอยู่เฉยๆ สำหรับเด็กกูถือว่สไม่เสียมารยาทมากนะ (อย่างที่บอก สำหรับเด็ก) 1 เอ็นโจยืนเฉยๆ ไม่ได้คุยกับเรย์กะหรือยูกิโนะคุงอยู่ 2 อยู่ที่โรงเรียน ถึงจะเป็นโรงเรียนชนชั้นสูง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยง กูว่าเรื่องมารยาทไม่จำเป็นต้องเคร่งมาก
จริงๆ ถ้ามีการขอโทษก่อนก็ถือว่ามารยาทดี แต่เดินมาเรียกชูเลย ก็ไม่ถือว่าเสียมารยาท
เอาง่ายๆ จากมุมมองยุยโกะอาจจะเห็น เรย์กะกับยูกิโนะคุงคุยกันสนุกสนาน เอ็นโจยืนยิ้มๆข้างหลัง ไม่ได้มีส่วนร่วมในบทสนทนา เห็นอยู่ว่าแค่ยิ้ม ไม่ได้อ้าปากพูดสักคำ ก็อาจจะแค่มายืนเฝ้ายูกิโนะคุงเฉยๆ หรือตอนนั้น อาจจะเห็นแค่เอ็นโจยืนคนเดียว(กรณีอาจจะมองไม่เห็นยูกิโนะคุง) คือแบบ เข้าใจมั้ยอ่ะว่าเอ็นโจยืนยิ้มเฉยๆ ไม่ได้คุยกันสามคน ยุยโกะเข้ามาคุยกับเอ็นโจเลยก็ได้ ไม่จำเป็นต้องขอโทษเรย์กะเพราะเรย์กะก็ไม่ได้คุยกับเอ็นโจอยู่
กูเขียนงงมั้ย ส่วนเรื่องไม่ทักยูกิโนะคุง เอาจริงๆคนอายุน้อยกว่าต้องทักคนแก่กว่าก่อนนะ ยูกิโนะต่างหากที่ต้องทักยุยโกะก่อนอ่ะ
เพิ่มของ 705 ข้างบนด้วยว่าอาการตอนลาก็พีคอยู่นะตรงเหลือบมองแล้วยิ้ม คือแบบว่าถ้ายิ้มเป็นมิตรคงไม่ต้องเหลือบมั้ยอะ ก็มองกันตรงๆยิ่งสบตาหน้าตรงยิ่งดูจริงใจ ยิ้มให้สวยๆคือจบละ แต่นี่เหลือบมองแล้วยิ้ม แล้วไม่ร่ำลาอะไรใครแถมควงผู้ชายไปต่อได้อีก เหลือบมองนี่เราว่าไม่เฉพาะญี่ปุ่นด้วยนะ จะที่ไหนก็ให้ความรู้สึกไม่โอเคทั้งนั้นอะ ยิ่งที่ญี่ปุ่นคุยหรือสื่อสารหรือใดๆก็ตามที่มีบุคคลที่ 2 อยู่คือเราไม่ได้กำลังยืนคุยโทรศัพท์หันเข้าหาเสางี้ ไม่หันหน้าไปทางคู่สนทนาก็ไม่สุภาพแล้วอะ ใช้เวิร์บเหลือบตาได้คือหน้านางไม่ได้หันไปทางเรย์กะอยู่ละด้วย
>>707 คือยืนฟังบทสนทนาอยู่ด้วยได้นี่ลักษณะมันก็เป็นกลุ่มสนทนาอยู่แล้วอะ ต่อให้ไม่ได้คุยอยู่ด้วย และไม่ได้ยืนกันเป็นสามเหลี่ยมเบอร์มิงดาสามมุม ไปยืนข้างยูกิโนะงี้ แต่อย่างที่บอกว่าในการสื่อสารใดๆที่มีฝ่ายตรงข้ามญี่ปุ่นจะหันหน้าไปหาอีกฝ่ายอยู่แล้ว ต่อให้ยืนฟังก็จะฟังแบบตั้งใจ คือยืนรู้ว่าฟังอะ หันไปทางอีกฝ่าย ยิ้มๆประกอบอะไรก็ว่าไป คือไม่สารถแลดูยืนโดดเดี่ยวแยกตัวออกมา หรือคุยกัน 2 คนเอ็นโจยืนหันหลังให้คือไม่ใช่แน่อะ จะอยู่โพสิชั่นไหนก็จะต้องหันหน้าไปทางเรย์กะ ต่อให้ไม่ได้ยืนขนานตาประสานตา ดูรวมๆก็ต้องหันทางนั้น ลักษณะแบบอยุ่ในวงอะ ที่เสียมารยาทไม่ใช่เพราะเรียกชูที่เป็นชื่อเล่นขึ้นมานะ คือไม่ใช่ประเด็นว่าต้องเรียกชื่อแบบสุภาพ แต่คือประเด็นแบบแทรกตัวกลางวงที่คนอื่นคุย แล้วมันไม่ใช่ไม่ขอโทษก็ได้ ขอโทษก็ดีไป มันคือตามมารยาทต้องขอโทษ ไม่ขอโทษก็ได้ไม่เป็นไรแต่คือมารยาทไม่ดีนั่นแหละ ไม่ต้องสังคมไฮโซหรือไม่นะ คือยังไงญี่ปุ่นก็ถือเรื่องมารยาทและการให้เกียรติกันมากอยู่แล้วอะ ยิ่งในกรณีที่ร่วมในวงสนทนา ต่อให้ไม่ได้เป็นฝ่ายคุยอยู่ แต่คือถ้าไม่ได้คุยในวงก็ขอตัวแยกไปแล้วไง การยืนอยุ่คือเท่ากับว่านี่คือมีส่วนร่วมในวงสนทนาแล้วแหละ ปกติมันก็ต้องมีคนพูดกับคนฟังอะนะ ไม่ใช่แบบหันหน้าเข้าหากันแล้วทุกคนพูดงี้ เพราะงั้นการที่ยืนอยุ่แล้วไม่พูดอะไรแต่ยืนฟัง มันก็ไม่แปลกมั้ยอะ แถมก่อนหน้านี้ก็ยังคุยกันอยุ่ด้วย คือถ้าสมมติตั้งวงคุยกันแล้วใครซักคนเมาท์แหลก ผ่านไปคนนั้นอยู่ในบทบาทฟังคนอื่นเล่าบ้าง เท่ากับทันทีที่เค้าหยุดพูดคือเค้าออกจากวงหรอ มันก็ไม่ใช่นะ เพราะงั้นในจุดนี้เอ็นโจคืออยู่ในวงสนทนาเดียวกัน ตัวอย่างคนที่ออกจากวงไปคือแบบคาบุรากิตะหากอะ ส่วนเรื่องอายุแบบอาวุโสน้อยทักอาวุโสมาก ถ้าเดินเจอกันอะไรแบบนี้ก็ใช่อะ แต่ถ้าฝ่ายเด็กกว่ายืนคุยอยู่แล้วผู้ใหญ่เป็นฝ่ายเข้ามาในวงก่อน คนเริ่มก็คนที่เข้ามาแหละ ในที่นี้คือทักทายทั่วไปนะไม่ใช่ทักทายตามอาวุโส
เช่นแบบยุยโกะเดินเข้ามา อ้าวยูกิโนะคุงก็อยู่ด้วยเหรอ -นี่ก็ประโยคทักทายในการเจอกันละ ส่วนผู้อาวุโสน้อยอย่างยูกิโยนะคือเป็นฝ่ายทักทายทางการ อย่างอรุณสวัสดิ์ฮะยุยโกะซัง อะไรแบบนี้ คือฝ่ายเดินเข้ามาประโยคทักที่ไม่อิงอาวุโสแต่เป็นการเกริ่นพูดทั่วไปนี่ตรึมมมม เดินมาไม่ต้องทักทายอะไรเลยก็คุยได้ จะโผล่มา สนุกมั้ยยูกิโนะ งานโรงเรียนเป็นไงบ้างจ๊ะยูกิโนะคุง สารพัดอะ บางบริบทก็เป็นแบบที่ญาติผู้ใหญ่จะเริ่มสนทนาด้วยก่อนที่ฝ่ายอาวุโสน้อยทักทายทางการกลับด้วยซ้ำ ลักษณะมันคืออาวุโสกว่า โผล่มาคุยโต้งๆได้เลย อาวุโสน้อยทักทายกลับคือเช่นคำทักทายตามช่วงเวลา+โค้งตัวให้ ก่อนจะตอบบทสนทนาอีกฝ่ายอะไรแบบนี้
โอ่ยยิ่งพิมพ์กูยิ่งรู้สึกยังกะตัวเองเป็นแม่สามีจิตทรามคอยตามรังความศรีสะใภ้ก็ไม่ปาน 555555 เอาเถอะ คือสามารถมองกันได้หลายแบบอะ ยิ่งหลายคนยังไม่อ่านดิบอะไรงี้ก็ก็เข้าใจ ถึงแม้กูจะรู้สึกแย่กับนางตั้งแต่อ่านดิบถึงตอนปจบ.นี้แล้วก็ตาม ถถถถถ คือรอดูเนื้อเรื่องกันต่อไปแหละ กูชักเริ่มรู้สึกเหมือนเป็นเจ๊เบียบคลาสมารยาทที่พอแก่ตัวลงก็ผันตัวเป็นแม่สามีจอมจู้จี้แบบว่ามีไฝขนชี้ขึ้นมุมปากอะไรแบบนั้น 5555
ขอ ky หน่อย
เว็บแมวดุ้นนี่คือเว็บ nekopost ใช่ปะ ทำไมถึงเรียกเว็บแทบดุ้นวะ5555 เคยเห็นเรียกในหลายๆบอร์ดเลย
>>709 คือเอางี้นะ กูเคยอยู่สถานะการณ์เดียวกับแบบนั้นเลย เอาตรงๆคือกูเป็นลูกคุณหนูนิดหน่อย เพื่อนกูก็ลูกคุณหนู ตอนนั้นยืนคุยกันสองคน แต่กูไม่ได้สนิทกับเพื่อนมาก เลยแค่ยืนฟังข้างๆ แล้วพี่ชายกูเดินเข้ามาเรียกกู แบบสถานการณ์ตอนนั้นทุกคนจะหยุดหันไปมองพี่ชายกู แต่ยังไงกูก็ไม่มองว่าพี่ชายกูไม่มีมารยาทเพราะไม่ได้มาขัดบทสนทนา กูไม่ได้กำลังพูดอยู่อ่ะ กูอยู่นอกบทสนทนา แค่ฟังๆเฉยๆ พอเก็ทมั้ย โอเคถ้าอยู่กับผู้ใหญ่อาจจะโดนว่า แต่ในฐานะที่เป็นคนอายุพอๆกัน มันไม่ใช่เรื่องซีเรียสมากถึงขนาดต้องว่ากันขนาดนั้นแถมยังเด็กอยู่ด้วยไง
เรื่องไม่ทักยูกิโนะคุงก็แล้วแต่คนคิดอ่ะ คนที่เข้ามาใหม่ไม่จำเป็นต้องเป็นคนทักทายเสมอด้วย อีกอย่างถ้าผู้อาวุโสกว่าไม่ทักเรา ถ้ามารยาทดีจริงคนอาวุโสน้อยกว่าต้องทักก่อน เน้นว่าต้อง อันนี้มารยาทพื้นฐานเลย
จริงๆก็ไม่อยากเถียงกันเรื่องแบบนี้ เรื่องมารยาทมันไม่ตายตัว แต่จะว่ายุยโกะมารยาทแย่ คนอื่นในเรื่องก็มารยาทไม่ดีเหมือนกันนะ แต่ทำไมคนโดนว่าคือยุยโกะคนเดียว ถึงได้บอกว่าสงสารยุยโกะเพราะบางคนก็มีอคติไปแล้วไง
>>713 บอกได้แค่อ่านดิบต่อไปจ๊ะ ไม่งั้นก็รอแปลไทยถึงน่ะแหละนะ แต่ทั้งนี้คือพี่ชายตอนออกจากวงไปคงไม่ได้ทำอะไรเสียมารยาทใช่มั้ยล่ะ ไม่ได้แบบเหลือบมองใครซักคนด้วยหางตาแล้วยิ้มคลุมเครือแบบโมนาลิซ่าใส่งี้ คือมารยาทมีหลายบริบทอะใช่แหละ และการตัดสินว่ามารยาทโอมั้ยก็ดูจากหลายอย่างและกิริยาทั้งหมดที่แสดงออกในตอนนั้นด้วย อีกอย่างคือคนที่เข้ามาทักเป็นพี่ชายในตอนคุยกับเพื่อนๆ แต่นี่คือเพื่อนคนรุ่นเดียวกัน และเป็นสถานะที่แบบถามว่าเจอกันตามปกติจะทักกันมั้ย คือมันต้องทักอะ อารมณ์เหมือนคอนแทคทางธุรกิจส่วนนึง อย่างเจอในงานยังทักกันเลยนะเลยยิ่งรู้สึกอื่มมมม จะว่างานทางการแต่เวลาในงานเด็กก็อยู่ส่วนเด็กอยู่ละ ไม่มีผู้ใหญ่มาร่วมฟังบทสนทนา แต่ก็ทักกัน แต่อันนี้ไม่ทักและเหลือบใส่งี้ แล้วสำหรับกูเบสิคสุดว่ามารยาทแย่หรือเปล่าถ้าเอาแบบไม่สนใจอะไรเลยนะ คือการที่เข้าไปในวงสนทนาใดๆแล้วทำให้การสนทนานั้นตายไปเลย แล้วเดดแบบมาคุ ทะมึน กระอักกระอ่วน นั่นแหละคือเสียมารยาทละ ถ้าไม่เสียทำไมถึงจบไปแบบทะมึนๆกระอักกระอ่วนล่ะจริงมั้ย อีกอย่างกูไม่อคติกับยุยโกะนะ เพราะเอาเข้าจริงนี่คืออยู่เรือคาบุ ถถถถถถถ ไม่ได้รู้สึกว่านี่คือคู่แข่ง แอร๊ยยยยย~ อะไรแบบนั้น คือจริงๆใครก็ได้แหละให้เรย์กะไม่ขึ้นคานพอ แต่เชียร์สุดคือคาบุ เอ็นโจกับอาริมะนี่พอๆกันในเกจเลเวลกูนะ เพราะงั้นไม่อคติแน่นอน มองไปกลางๆเลยเนี่ยแหละว่ายัยนี่ไม่โอเคอะ
อีกอย่างคือการทักและร่ำลาของญี่ปุ่นนี่สำคัญมากจริงๆนะ เป็นเรื่องบ่งชี้ภาพลักษณ์ได้เลยไรงี้ อย่างถ้าในเรื่องจะเจอเรย์กะตำหนิคาบุในใจบ่อยมากที่ไม่ทักทายสาวๆกลับ คือคนไทยอาจจารุ้สึกแบบ ทักทายเพื่อออ แก๊งชะนีกรูเข้ามานี่น่านำคาญนะอะไรแบบนั้น แต่ของญี่ปุ่นจะยังไงก็ควรทักทายบ้าง แกนๆหรือพูดขอไปทีก็ยังดีกว่า ที่ตอนหลังพอเริ่มโตขึ้นคาบุมีทักทายบ้าง เรย์กะก็ยังคิดในใจว่าโตขึ้นบ้างแล้วเหมือนกันนะเนี่ย คือสำคัญจริงๆ อย่างเรย์กะที่ Gokigenyou~ ใส่ทุกคนที่เจอแม้กระทั้งคนธรรมดา นักเรียนทั่วๆไปที่มาทักเงี้ย บอกได้เลยว่าภาพลักษณ์นางในสายตาคนอื่นนี่พุ่งปรี๊ดดดดด คือนอกจากมารยาทดีแล้วยังดูเป็นผู้หญิงแบ๊วๆไนซ์ๆอีกด้วย ซึ่งญี่ปุ่นจะชอบกันมาก คือถ้าไม่มีข่าวลือแนวขู่อุ้มฆ่าของเซริกะ เรย์กะคือจะป๊อบมากกกก
ปอลิง gokigenyou นี่ใช้ทั้งทักทายและร่ำลา อย่างเรย์กะนี่ใช้ตลอด อ่านไปจะสังเกตเจอได้ไม่ยากว่าพูดทุกครั้งกับทุกคนจริงๆเวลาสนทนาอะไรกับใคร เป็นประเภทที่คนญี่ปุ่นจะรู้สึกแบบ น่ารักจังน้า~ ได้ไม่ยากอะ
>>716 ถึงได้บอกคนผิดจริงๆตอนนั้นคือเอ็นโจ ถ้าเอ็นโจแนะนำตัวยุยโกะ เรย์กะ มันก็จบแล้ว แต่เอ็นโจไม่ทำ หันไปคุยกับยุยโกะอย่างเดียว แต่คนถูกว่าเป็นยุยโกะเลยงงไง
เข้าใจที่คนไม่ชอบยุยโกะกันเพราะผู้หญิงสไตล์แบบนี้ คนส่วนใหญ่ไม่ชอบเท่าไหร่ ไม่ได้อยากจะให้มาชอบด้วย ไม่ได้เป็นญาติอะไรกับยุยโกะสักหน่อย แค่อยากแชร์อีกมุมที่คนไม่ค่อยมองกันเท่านั้นเอง
>>718 ก็มันเอ็นโจแค่เสียมารยาทที่ไม่แนะนำอะ แต่ยุยโกะมีแอคติ้งต่อ แล้วไอยิ้มคลุมเครือล่องลอยนางจะมาอีกบ่อยมาก คือไม่ทักนี่ไม่อะไรเลยนะ แต่เหลือบมองแล้วยิ้มปุ๊บคือไม่โอละ คือถ้าให้พูดก็เหมือนเอ็นโจเสียมารยาท ไม่ให้เกียรติทั้งเรย์กะและยุยโกะ(แต่คือลุคเอ็นโจเอาจริงก็สุภาพบุรุษแต่เปลือกอยู่แล้วไงเลยยังค่อนข้างเฉย ที่จริงทำงี้คนเสียหน้าสุดคือยุยโกะด้วย แต่นางก็ไม่แคร์อ่านะ) แต่ยุยโกะคือเหมือนดูถูกเรย์กะ แนวมองหยันๆงี้ กูเลยไม่โอเคกับนางมากกว่าน่ะ
นี่ไปๆมาๆคุยกันอยู่สองคน ถถถถถ
กูซุ่มอ่านอยู่นะ 555
>>720 จริง กลายเป็นมาคุยกันเรื่องมารยาทซะงั้น
สำหรับกู เหลือบมองมาแล้วยิ้ม กูไม่คิดอะไรไง เหตุผลของการกระทำมันเยอะมาก จะตีในแง่ลบอย่างเดียวก็ไม่ใช่ ดูถูกนี่คิดไม่ถึงเลย ยุยโกะอาจจะถูกสอนมาให้ยิ้มแค่บางๆ คือถ้ากูเป็นเรย์กะก็คงก้มหัว หรือบอกลายุยโกะด้วยซ้ำ แต่เรย์กะไม่ทำ กูก็คิดว่าเรื่องมารยาทในนี้อาจจะไม่เคร่งมาก เพราะจริงๆถึงอีกฝ่ายจะไม่สนใจ ไม่ทักทายอะไรเรา แต่หน้าที่ของเราคือรักษาภาพลักษณ์ให้ดีที่สุด บอกลาเองให้คนเห็นว่ามารยาทเราดีอะไรแบบนี้ อย่างที่บอกว่ากูเป็นลูกคุณหนูนิดหน่อย เพราะฉะนั้นภาพลักษณ์เราสำคัญสุด อีกฝ่ายจะไม่มารยาทมา แต่ยังไงเราก็ต้องมีมารยาทกลับ แต่อันนี้หมายถึงเป็นกูจะทำงี้นะ ไม่ได้บอกว่าเรย์กะไม่มีมารยาทอะไรนะ(แก้ตัวก่อน55555)
กูว่ายุยโกะเป็นตัวร้ายหลักอะแหละ แต่ไปๆมาๆน่าจะโดนเรย์กะเก็บเข้าฮาเร็มไปอีกคน
รีวิวเรื่องนี้หน่อยครับเพื่อนโม่ง สนใจ
>>722 ไม่น้าาาา เรย์กะไม่ผิดนะของตอนที่เจอในงานโรงเรียน เพราะถ้าจะลาคือเรียกแบบสรรพนามค่อนข้างไม่สุภาพอะ แล้วมันแปลกๆด้วยแหละ ส่วนใหญ่ต้องใช้ชื่อ ไม่งั้นถ้าบอกลานี่คงแบบ ลาก่อนค่ะคุณ..... คือนิรนาม 5555 ถ้าจะลาก่อนนะคะคุณ คือด้วยความที่สรรพนามไม่ค่อยเยอะ และเรย์กะแทนตัวว่า Watashi สรรพนามฝ่ายตรงข้ามที่ใช้คู่กันคือ Anata ซึ่งถ้าใช้อันนี้ในประโยค ลาก่อนค่ะคุณ คือฟีลลิ่งเยี่ยงบอกลาสามีขึ้นมาทันที 5555 ม่ายยยย กำแพงภาษาล่ะมั้ง แต่แค่คิดก็ผวาแล้วล่ะ เพราะงั้นในตอนนั้นนี่บอกลาเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้จริงๆนะ
ส่วนตอนงานเลี้ยงนี่ไม่รู้แฮะ แต่จากบรรยายคิดว่ายิ้มแวบเดียวแล้วหันไปในตอนที่เรย์กะกำลังอยู่ในแอคชั่นขึ้นรถอยู่ จะเด้งมาทักหรืออะไรคงยากแล้วล่ะ มันจะเป็นฟีลวูบเดียวแล้วผ่านไปมากกว่าอ่ะ เอ๊ะนี่กูไม่ได้เข้าข้างเรย์กะใช่มั้ยวะ 555 ก็คิดว่าไม่นะ
เพิ่มท่าทางในดิบ
.
.
.
.
.
.
.
ยุยโกะก็จะมาแนวล่องลอย โฉบๆยังงี้อีกหลายที ถึง เกือบทุกทีแหละ มันคือก็ไม่ได้สนใจกันด้วยส่วนนึง อีกส่วนคือเป็นคนกันตัวเองแบบเข้าถึงยาก คือไม่ชัวว่าในแปลมีอธิบายไปยังแต่มันจะมีระบุเลยอะว่าทำตัวเข้าถึงยาก เน้นว่าทำตัว 55 คือแบบจงใจสน้างบุคลิกนี้ขึ้นมาอะ ก็พอๆกับจงใจเมินแหละสำหรับเรา แล้วทำไมต้องเมินเรย์กะตล๊อดดดด แต่ดูเฟรนลี่แบบห้อมล้อมด้วยผู้ชายแทบทุกทีที่อยุ่ในงานเลี้ยง สรุปเข้าถึงยากหรือไม่ยากฟระ
>>728 สำหรับกู อาจจะด้วยความที่กูชอบรักษาภาพลักษณ์มารยาทดีมาก แค่ก้มหัวลาก็พอแล้วถ้าติดกำแพงภาษานะ แต่ไม่รู้จริงๆว่าญี่ปุ่นไม่มีแต่คำว่า"ลาก่อนค่ะ" เฉยๆแบบไม่ใส่สรรพนามหรือชื่อลงไปหรอ
ถึงอย่างนั้น ไม่ได้บอกว่าเรย์กะผิดหรืออะไร แค่จะบอกว่าในเรื่องนี้เขาไม่เคร่งเรื่องมารยาทกันหรอกมั้ง คือถ้าเคร่งเรย์กะก็ควรลา(คหสต)ถึงจะเรียกว่ามารยาทดี ดังนั้นที่ยุยโกะทำก็ไม่ได้เรียกว่าเสียมารยาทอะไรแบบนี้เฉยๆค่ะ
นี่คือการโต้วาทีงั้นหรือนี่ นานๆจะมีสาระจริงจังในมู้นี้เนอะ
>>729 จริงๆก็มีแหละ ถ้าเรย์กะปกติก็ใช้ Gokigenyou ตลอด แต่มันจะเป็นเลเวลที่ไม่ทางการ อายุพอกันหน่อย แต่ในกรณีที่เจอหน้ากันแล้วแม้แต่คำเดียวก็ไม่ทักมา คือจะใช้ก็แปลกๆ แล้วเอาเข้าจริงจะใช้ทางการจัดแบบไม่ต้องมีสรรพนามรับไปเลยก็แปลกอยู่ดี ก็แบบไม่เคยคุยกันเลยนี่นะ จะเฟรนด์ลี่แค่ไหนก็คงถล่มตัวเองลงไปขนาดนั้นไม่ไหวอะ ยังไงก็คิโชวอิน อ่อนมากไปคือก็ไม่ดีอยู่ดีแหละ เรย์กะขนาดดูขี้กลัวขนาดนี้ก็ยังไม่เคยถ่อมตัวจนเกินเลยนะ เป็นเลเวลคำพูดที่กำลังโอเคกับสถานะอยู่ตลอด คือถ้าทักและลาได้แบบไม่แปร่งๆกับบริบทนางคงทำแล้วล่ะเพราะปกติเรย์กะพูดตลอดจริงๆแม้แต่กับไมฮามะหรือกระทั่งซึรุฮานะ คือแบ๊วแค่ไหนถามใจเธอดู 555 ซึรุฮานะนี่ที่จริงไม่ต้องก็ได้แล้วล่ะ มีประเด็นกันขนาดนั้น คือกระทั่งคู่อริยังทักและลาตลอดนี่ไนซ์เว่อร์วังมากแล้วนะ ที่ประทับใจสุดคือแม้กระทั่งฉากเอาพัดไปนาบหน้าซะขนาดนั้นแล้ว เจ้าตัวเองก็มโนภาพตัวเองสะบัดกระโปรงเชิดหยิ่งเต็มที่ แต่ก่อนไปก็ยังอุตส่าห์ลา Gokigenyou ใส่ คืออ่านเจอแล้วลั่นมาก สุภาพอ่อนน้อมเข้าเส้นเลือดสมกับชื่อเรื่องสุดๆอะ เพราะงั้นกรณียุยโกะที่ไม่ทักหรือลามันเพราะตอนนั้นจะทักก็แปลกๆนี่แหละ เหมือนพูดแทรกตอนเอ็นโจกับยุยโกะคุยกัน ตอนลาก็ยากพอกันกับคนที่ไม่เคยกระทั่งทัก จะเริ่มที่ลานี่แหม่งได้อีก คือสถานการณ์ยากมาก แต่ต่อไปพอทักได้ก็ทักแล้วล่ะ จากนั้นก็นะ สงสารน้องแกะกันเลย
พอเกริ่นถึงซึรุฮานะกับการทักทายแล้วอยากเมาท์ทันที 555 คือรู้สึกเหมือนซึรุฮานะคือตัวแทนเรย์กะคิมิดอลที่อิจฉาและอยากเป็นอย่างยูริเอะ คือในปัจจุบันยูริเอะรู้สึกจืดจางเบาๆ อย่างเวลาทักทายอะไรนี่ซึรุฮานะจะเหมือนทำตามเรย์กะมาก มีเป็นบางทีที่เรย์กะบอกลาไป แล้วเหมือนนางชะงักไปเสี้ยวนึง คือเวลาฮิโยโกะซังเขียนบรรยายบทสนทนาที่ชะงักจะมาเป็น .... แบบนั้น ซึรุฮานะจะมีโมเม้นแนวๆเรย์กะลา gokigenyou แล้วนางก็ ".......Gokigenyou" มาเป็นระยะ เหมือนแบบเพิ่งนึกได้ตอนอีกฝ่ายพูดว่าเออชั้นก็ควรบอกลางี้ รู้สึกตลกดีเหมือนกัน ไม่ไนซ์เท่าแต่อยากเป็นเหมือน พยายามก๊อปๆบุคลิกแต่ก็ยังมีหลุดประจำอะไรแบบนั้น แต่พอเห็นแฟนอาร์ตที่เป็นภาพรวมตัวละครแล้วสงสารนางเบาๆที่ลุคมาแนวแกลแบบอีกนิดก็จะเป็นยามัมบะละ เห็นแล้วเงิบ ถถถถถถถ
กูไม่ได้คิดไปเองชิมิ ว่าทู้นี้มีสาระ กว่าทู้ที่ผ่านๆมา ตั้งแต่วิเคราะห์นิสัย อาหาร ขนม ของ
จริงๆตอนแรกกูก็คิดเหมืองโม่งบนๆนะว่าทุกคนติดฟิลเตอร์ท่านเรย์กะรึเปล่าเลยมองยุยโกะเป็นตัวร้าย (เหมือนที่มองท่านพี่เป็นคนดี...//โดนลากเข้าห้อง อ้าว ไม่ใช่ท่านอิมาริเข้าไม่ได้เหรอค...แค่กๆ*โดนรัดคอตาย*) คือท่านเรย์กะเองก็ขี้กลัวส่วนนึงด้วยงี้ ยิ่งยุยโกะเป็นคนที่ไม่เคยเจอมาก่อนในมังงะ(ป่าววะ) ยิ่งระแวงไว้ก่อน แต่พออ่านทุกเม้นของเพื่อนโม่ง กูก็สรุปได้ว่า กูต้องรออ่านต่อไป เพราะทุกคนมองไม่เหมือนกัน55555
>>717 เพราะอะไรไม่รู้กูรู้สึกจึกๆๆมากกับคำว่าท่านเรย์กะจะป๊อปมากของมึง...*เหม่อมองเรือคานที่แล่นนำทุกเรือไปไกล*
>>731 กรี๊ดดด ทุ่งดอกลิลลี่ นี่มันโมเม้น ซึรุฮานะxท่านเรย์กะ โม่งฟิคคะ...กาวเรือซึรุฮานะที่แต่งไว้อย่าลืมนะคะ เราจะนอนรอ5555
เน็ต Dtac อ่านอยู่ข้างนอกแล้วปวดใจมาก อยากเข้าร่วงสนทนาแต่โดนแบน โว๊ะ!
กูเห็นด้วยนะว่าถ้าจะด่ายุยโกะว่ามารยาทไม่ดีด้วยเรื่องแค่นี้ยังน้อยไป คือด่าเรื่องอื่นได้ไง เรื่องปั่นหัวไก่โง่ เรื่องยูกิโนะไม่ชอบนาง ฯลฯ แต่ทุกอย่างเราก็อ่านผ่านฟิลเตอร์เรย์กะ ซึ่งเป็นคนที่เราชอบมาก พอรู้สึกว่านางมีคู่แข่ง จะเกลียดยุยโกะก็ไม่แปลก กูก็ลุยไปอ่านดิบมา ก็ไม่ได้รู้สึกว่ายุยโกะเสียมารยาทเป็นพิเศษนะ แค่รู้สึกว่านางออกมาทีบรรยากาศเรื่องจะเปลี่ยนไปเลย เหมือนที่แปลไทยออกมา 2 รอบ โทนเรื่องเปลี่ยนตรงที่นางออกมาจริงๆ มีโม่งบอกว่าตอนท้ายล่าสุดดูเหงาๆ กูก็รู้สึกคล้ายๆ กัน เลยคิดว่าแล้วแต่การตีความของแต่ละคนมั้งตรงนี้
ที่สำคัญก็คือท่านเรย์กะเองก็ไม่ได้รู้สึกเป็นมิตรกะนางเท่าไหร่ปะวะ ปรกตินางออกจะเรื่อยๆ เฉื่อยๆ ใครมาหาเรื่องก็ยังทื่อใส่เขา แต่พอคุณยุยโกะนี่นางโพล่งมาเองเลยว่า "อย่างฉันชนะไม่ได้แน่นอน" มันก็น่าคิดอยู่นะ
>>735 กูว่าที่ 731 จะสื่อคือต้องมองในมุมญี่ปุ่นด้วยมั้ง ญี่ปุ่นนี่มารยาทกับความอ่อนน้อมถ่อมตกแยกกันยากอยู่เหมือนกันกูว่า คือต่างวัฒนธรรมและกูก็ไม่ได้แบบไปอยู่ญี่ปุ่นนานมากมายอะไร แต่เท่าที่อยู่คือสุภาพ มารยาท ถ่อมตน เป็นแนวเดียวกันน่ะ คือคนสามารถเกลียดมีงได้ง่ายๆด้วยเหตุผลแนวๆคนอะไรไม่รู้จักถ่อมตนเอาซะเลย กูโดนมานิดนึง คือแค่รู้สึกว่าอะไรที่มั่นใจก็แสดงออกไปเลย แต่เค้ามองว่ามันนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ตามมาตรฐานในบริษัทอย่างน้อยที่กูไปฝึกงานมา 3 ที่ แบบนี้หมดเลยอะ คือฝรั่งชอบแนวนึง ญี่ปุ่นเป็นอีกแนวแบบสิ้นเชิง อ่านเรื่องญี่ปุ่นคงต้องมองด้วยแนวคิดแบบญี่ปุ่นน่ะ
เรารู้สึกเหมือนได้เปิดโลก ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีวัฒนธรรมงั้นด้วย คือนึกว่ายุยโกะยิ้มนี่คือทักทายแบบคนไทย 55555 (แค่อาจจะดูจิกดูร้ายไปหน่อย มั้งๆๆๆ) จริงๆเราก็ไม่ชอบยุยโกะ เพราะยูกิโนะไม่ชอบ (พลังแห่งโชตะค่อนล้วนๆ แค่กๆๆๆ) แต่ถ้ามองแบบปราศจากอคติเลย เราก็ไม่รู้เหมือนกันแหะ คือวิเคราะห์ฝั่งนู้นด้วยวัฒนธรรมไทยไม่ได้สินะ... แต่ก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันหดหู่ซึมเศร้าทุกครั้งที่ยุยโกะโผล่มาล่ะนะ อาจเพราะเรามองตามมุมมองเรย์กะด้วย... เขียนๆฟิคอยู่ พอเขียนฉากยุยโกะเสร็จ แอบมาอ่านในนี้แล้วอึ้ง ควรเปลี่ยนบทไหมเนี้ย 5555
>>737 กูมีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นนะ(แต่คุยกันด้วยภาษาอังกฤษ) และแบบกูเป็นคนมีมารยาทมากกก(เช่นตอนก้มหัวทักทาย การพูดจา อะไรทำนองนี้) ก็ไม่เคยมีใครบอกว่ากูอ่อนน้อมไป แต่ตอนที่กูมั่นใจมากเกินไป นั่นแหละโดนว่าว่าให้ถ่อมตนหน่อย พอเข้าใจมั้ยอ่ะ กูเข้าใจว่าแนวเดียวกัน แต่มารยาทด้านการทักทายยังไงก็รู้สึกรวมกับการอ่อนน้อมแล้วมันแปลกๆ
เอ้อ เพิ่มเติมนิด กูไม่คิดว่าการที่เรย์กะจะทักซึรุฮานะหรือไมฮามะก่อนว่าเป็นความสุภาพ แบ๊วๆ ใสๆ นะ กูมองว่าเป็นการแสดงความเหนือกว่าแบบสบายๆ มากกว่า แทนที่จะเชิดเริ่ดคอแข็งก็ปรายตายิ้มทักไปซะ จะได้แสดงให้เห็นว่าฉันไม่ได้เห็นเธอเป็นศัตรูเลยนะจ้ะ เพราะเธอมันคนละชั้นกับฉันไงล่ะ เพราะงั้นฉันจะทักทายเธอเหมือนคนอื่นๆ ให้รู้ว่าเธอมันไม่ได้สำคัญอะไรเป็นพิเศษพอที่ฉันจะเชิดใส่ไงล่ะ แต่นี่เป็นการตีความของกู คนอื่นจะยังไงไม่รู้เหมือนกัน
>>739 อ่อนน้อมไปกูก็ไม่เคยโดนนะ 55555 แต่คือในเนื่องเรย์กะคุมนร.หญิงทั้งหมดนะอย่าลืม ต่อให้ดูอ่อนน้อมมีมารยาทดีงาม แต่ภาวะผู้นำยีงต้องมีอะกูว่า แล้วเรย์กะมีซึรุฮานะอยู่ด้วยนะ ถ้าชักอ่อนเกินไปนี่กูว่าชักไม่สวยละ ยันตอนปัจจุบันหรือที่คุยกับวาคาบะเรย์กะก็ดูพยายามบาลานซ์ในหลายๆเรื่องเดื่อรักษาจุดยืนอยู่นะ เพราะงั้นถ้าอ่อนน้อมถ่อมตนเกินไปสำหรับคนที่สถานะแบบเรย์กะนี่มีปัญหาแน่นอน พวกคนที่เป็นแนวผู้นำทั้งหมดน่ะแหละ
*เดื่อรักษาจุดยืน พิมพ์ไปเดินไปทำไปผิดได้ขนาดนี้ ถถถถ
ลืมพิมอีกว่าแก้เป็นเพื่อ เอาเถอะกูเชื่อว่าคงอ่านกันออก ร้องห้ายยย
>>740 เรื่องอ่อนน้อมถ่อมตนของญี่ปุ่นนี่เยอะมากกกมึง คือถ้าจะเล่ากูว่าสามารถรวมเป็นพ็อคเก็ตบุ๊คไม่ก็ดราม่าบุ๊คได้เลย แฝงอยู่เยอะมากและบางทีก็ซีเรียสกว่าที่คิด บางทีก็จุกจิกด้วยอะ แต่ตอนฝึกงานนี่เพื่อนมาจากจีนบอกว่าที่จีนก็มีคล้ายๆกันนะ แบบทำอะไรบางทีก็ต้องพูดให้ดูว่างานเรามันงั้นๆไม่เห็นมีดี จุดติมากมายอะไรพวกนี้ ซึ่งสำหรับกูแบบโห ยากมากกกก คืองานตัวเองกูรู้สึกว่าถ้ารู้ว่ามีข้อติกูก็แก้มาก่อนส่งแล้วล่ะ... แต่ก็นั่นแหละ มันมีแนวๆแพทเทิร์นที่จะยังไงก็ต้องพูดอะไรพวกนี้อยู่ด้วย แบบก็รู้สึกลำบากเหมือนกันนะ เพื่อนฝรั่งนี่มีทั้งชอบ ชื่นชมมากกก กับบางคนดูคัลเจอร์ช็อคหนักกว่ากูอีก ถถถถ ก็ปรับกันไป เอาจริงหลายอย่างต่างจากไทยเยอะมากอยู่เหมือนกันอะ อย่างที่มึงพูดเรื่องอ้อนน้อมกับทักทาย เชื่อมั้ยกูเจอมาม่าอืดๆชามใหญ่กับองศาการโค้งตัว และสีหน้าที่แสดงตอนทักทาย แบบโอ๊ยยยย จะมองว่าละเอียดละออก็ได้อยู่ มองว่าจุกจิกก็ยังได้เหมือนกันอะ คำพูดแล้วการแสเงท่าทางนี่แทบจะมีสารานุกรมแยกเลเวลความทางการและระดับความสุภาพได้เลยนะ แบบกับใครต้องแค่ไหน หรืออย่างที่คนญี่ปุ่นพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ทั้งที่การศึกษาดี ส่วนนึงเพราะระดับความสุภาพเนี่ยแหละ พอไม่มั่นใจหรือเจอที่มันต่างจากวัฒนธรรมตัวเค้าเองมากๆก็จะไม่พูดไปเลยดีกว่าใช้ผิดระดับ ตอนรู้นี่กูช็อค.... แบบฝรั่งไม่ซีเรียสอะ แต่การเปลี่ยนความเคยชินบางทีก็ยากแหละ แต่เวลาสอบข้อเขียนคะแนนสูงกันมากกกกก คือพอเป็นการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจะกลัวการทำอะไรผิดระดับที่ควรเป็นมากๆ สุดๆไปเลย
เออแล้วอย่างท่านเรย์กะกับปณิธานว่าจะเป็นคนที่อ่อนน้อมดีงามกับทุกคนทุกระดับ หาข้อติมารยาทนางแทบไม่เจอ คืออ่านแล้วอาจจะดูเหมือนชีวิตวันๆของลูกคุณหนู แต่ในสายตากูคือนางต้องเป็นอัจฉริยะด้าน EQ ยากชิบกูบอกเลย แต่ละคนแต่ละสถานะมีการแสดงออกที่แบบต่างมาก รายละเอียดเยอะมาก ถ้าอยู่กับคนทุกชนชั้นทุกประเภททุกอายุแล้วเข้ากันได้กับทุกคน คือนางอัจฉริยะจริงๆนะแบบไม่เอาฮา ท่านพี่เก่งมากๆ คนรอบตัวมีแต่พวกฉลาดแรงเก่งโหด เรย์กะที่ดูเฉยๆนี่ทักษะการเข้าสังคมอัพมาเต็มหลอดอะ EQ พุ่งปรี้ดติดเพดานอะไรทำนองนั้น
กลับมาแล้วตกใจ ทำไมมีสาระกันจัง กูไม่เข้าผิดห้องใช่มั้ย อากาศร้อนไปใช่มั้ย...
หยอกๆ อยากคุยด้วย แต่ไร้ความรุ้เรื่องมารยาท วัฒนธรรมพวกนี้มาก 5555
กูแค่รู้สึกว่า หลายคนอินเกินอะ กูคิดว่าทุกคนนี่เอ็นดูท่านเรย์กะมากๆอยู่ กูก็เป็น แต่เราไม่สามารถjudgeทุกอย่างผ่านสายตาคนๆเดียวได้นะ อย่างแปลไทยตอนล่าสุดก็อธิบายแค่พอยุยโกะเห็นฉันก็ยิ้มแย้มบางๆแล้วเดินไปหาพวกเอ็นโจ ก็ดูเฟรนด์ลี่ในระดับหนึ่งนี่? ถ้ากูเจอคนที่เคยเห็นหน้ากันแค่ครั้งเดียว กูยังไม่รู้เลยว่าจะยิ้มให้ไหม
ขออีกอย่าง มีหลายรอบละที่เวลาด่ายุยโกะแล้วหลุดสปอยล์ตอนที่ยังไม่แปลมาบ่อยมากๆ แบบไม่ได้เว้นจุดไว้อะ มีหลายคนที่ไม่ได้เอนจอยกับการรู้เนื้อเรื่องล่วงหน้านะ
อีกอย่างคือ เรื่องยุยโกะเนี่ยมันเอามาวิเคราะห์นิสัยยากมากๆ เพราะคนที่ด่ามากๆส่วนใหญ่อ่านดิบมาก่อน อย่างกูที่ไม่อ่านดิบกูก็วิเคราะห์แค่ตอนที่โผล่ออกมา มันเป็นประเด็นที่โผล่มาทีก็จะมีคนด่าหนักๆ แล้วก็มีคนปราม แล้วก็มีคนมาแย้งด้วยเหตุการณ์ในอนาคตที่คนอื่นบางส่วนยังไม่รู้ด้วย ก็วนอยู่แค่นี้อะ
>>727 นางเอกของเรื่องหลุดเข้าไปในโลกการ์ตูนที่ชอบอ่าน แต่ดันได้เป็นตัวร้ายที่จบไม่สวย เลยพยายามแก้ไขสิ่งต่างๆเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยค่ะ
ไหนๆเกมือนเล่าปสก.ทำงานฝึกงานมาขนาดนี้ละ กูขอเสริมอะไรแปลกๆที่บอกเรื่องความเครียดเรื่องเลเวลความสุภาพและมารยาทเวลาขอโทษพวกนี้ คือถ้ามึงไปเดินตามสถานีรถไฟ บางทีจะได้เจอป้ายเตือนแปลกๆ คือไม่ใช่ของแรร์หรอกกูเจอหลายทีตามหลายเมืองละ เขียนไม่เหมือนกันด้วย แต่จะเป็นภาษาอังกฤษแปลกๆที่อ่านแล้วอมยิ้ม คืออย่างพื้นเปียก ป้ายสากลตามหลักนานาชาติคือ Caution wet floor แล้วมีรูปคนลื่นล้ม นอกนั้นถ้าเพิ่มคำคือแล้วแต่ที่ละ แต่สัญลักษณ์สากลจะเป็นแบบนี้เพื่อให้เข้าใจง่าย และคำน้อยแบบกวาดตาผ่านๆป้ายเหลือง+caution คนเริ่มชะลอละ เป็นการสื่อสารที่ได้ประสิทธิภาพ
แต่ของญี่ปุ่นจะเจออะไรแนวๆ Apologize for trouble, please be caution, wet floor อะไรแนวนี้ คือมีประมาณ 4 บรรทัด แล้วแทนที่กว่าตามาเจอบอกระวังก็ได้รู้ตัว นี่ไม่จ่ะ พี่ขอโทษก่อนเลย แบบกว่ากูจะอ่านประโยคแรกจบและกวาดตาไปเจอคำว่าระวัง กูลื่นแล้วจ้าาาาาาา คือมาเล่านี่ใครๆก็ฮา แต่ตอนเจอกับตัวคือน้ำตาจะไหลกับความสุภาพของเค้า คือป้ายสากลมันมีขายสำเร็จรูปก็ซื้อมาตั้งๆไปเหอะ คือเค้าคิดมาแล้วว่าได้ผลดีอะ กูเข้าใจนะว่ารู้สึกผิดมากอยากขอโทษแต่ช่วยเอาไปห้อยไว้ต่อท้ายดีกว่ามั้ยวะ ถ้าไปเที่ยวลองมองหาอะ เจอได้ไม่ยากเท่าไหร่กับป้ายเตือนหรือประกาศที่สุภ๊าพสุภาพเป็นพิเศษ และยาวเป็นพิเศษแบบเค้าจะเตือนอะไรก็ไม่รู้ แต่ก็อ่านคำขอโทษจบนี่ประสบเหตุพอดีแล้วจ้ะ
ยาวมาก 5555 แชร์กันขำๆนะเรื่องมีมารยาทที่บางทีก็ป่วงๆของญี่ปุ่น คือบางอย่างไม่เข้าใจจนกว่าจะไปสัมผัสเองจริงๆ แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่สัมผัสมาแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ 555 นี่แหละวัฒนธรรม ที่แน่ๆคือถ้าอ่านเรื่องราวของชาติอื่นแล้วเอาแนวคิดเราเองไปจับ ส่วนใหญ่จะคลาดเคลื่อนเหมือนกันน่ะ
>>748 อันนี้ตอบแค่เรื่องยิ้มกับวัฒนธรรมละกัน กูว่าส่วนนึงที่มีคนลากนู่นนี่ในดิบมาอิงมากมายเพื่อจะบอกว่าเข้าใจผิดก็เพราะไม่รู้จะอธิบายยังไงว่าตีความไม่เหมือนอ่ะ ไม่ใช่อ่านแล้วตีความนะ กูหมายถึงรอยยิ้มเนี่ยแหละ ในฐานะคนไทยคือเจอกันยิ้มให้นี่เป็นมิตรดี แต่ที่ต่างประเทศไม่ใช่ เอาเป็นอย่างน้อยที่ญี่ปุ่นเนี่ยไม่ใช่ โดยเฉพาะเจอกันครั้งแรกยิ่งไม่ใช่หนักข้อเข้าไปใหญ่เลยแหละ คนที่เจอมึงครั้งแรกแล้วยิ้มให้คือแคชเชียร์หรือคนขายของที่มึงสถานะเป็นลูกค้าเค้าน่ะ แต่ถ้าไม่ใช่นี่ไม่เกี่ยวละ เพราะปกติจะไม่แสดงความสนิทสนมกันมากเกินไปแบบเว้นระยะกันสูง จู่ๆมายิ่มมาทำสนิทในบางมุมก็ไม่สุภาพนะ แนวๆเค้าอาจจะไม่ได้อยากสนิทด้วย คือญี่ปุ่นนี่ทำตัวคุ้นเคยใกล้ชิดกันมากๆคือไม่โอเคอะ ค่อนข้างอึดอัด เพราะงั้นเจอหน้าเดินสวนอะไรแบบนี้ไม่ยิ้มนะ คนไม่รุ้จักกันเจอกันครั้งแรกยิ้มให้นี่อะไรก็ตามที่ไม่ใช่ผูกมิตรละ ถ้าผูกมิตรอยากเป็นเพื่อนคือเค้าไปแนะนำตัวอย่างสุภาดมากกว่า จะเป็นการสร้างความรู้สึกดีและสร้างความคุ้นเคยไรงี้
จะมีใครหาว่ากูอินเกินไปด้วยมั้ยเนี่ยเริ่มกลัว 555 คือเล่ามานี่อยากสื่อแค่ว่าถ้าไม่ใช่เรื่องราวของวัฒนธรรมเรา พออ่านแล้วมองด้วยมุมมองเราเองบางทีมันไม่ใช่อะ พวกหนังหรือนิยายอะไรพวกนี้คือถ้ารู้แบคกราวเค้ามามันก็สนุกและเข้าใจมากขึ้นนะ กูคิดว่างี้นะ ถ้าทำใครรำคาญที่มาเล่าอะไรยาวๆไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องก็ขอโทษเผื่อไว้เลย ณ ที่นี่นะจ้ะะะ
>>727 เป็นเรื่องที่เด็กผู้หญิงคนนึงจำเรื่องราวของชาติก่อนได้ค่ะ แล้วดันเกิดใหม่เป็นตัวละครตัวนึงในการ์ตูนสาวน้อยที่ดังมากๆในชาติก่อน ซึ่งคนที่นางมาเกิดเป็นก็คือตัวร้ายผมโรโคโค่(หัวสว่าน)ของเรื่องที่ชื่อว่า
<คิโชวอิน เรย์กะ> แล้วก็จุดจบไม่ดีซักเท่าไหร่น่ะค่ะ ท่านเรย์กะก็เลยตั้งใจว่าจะไม่เป็นตัวร้ายแล้วก็พยายามให้มากที่สุดเพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขค่ะ
เราชอบนะที่วิเคราะห์กันจริงจังแบบนี้ รู้สึกเข้าใจอะไรมากขึ้นดี
เอ่ออ. ขอวกกลับเข้าเรื่องเพ้อๆเบาๆกาวๆต่อนะ
ขอให้คาบุรากิรู้สึกตัวโดยเร็วเถิ้ดดด. ว่าอยู่กะเรยกะแล้วสบายใจ เป็นตัวของตัวเอง.
ขอให้เอ็นโจทำอะไรซักอย่างที่ชัดเจนกะเรยกะซะทีเถิ้ดดด
รึว่า.. ฮิโยโกะซามะจะ.. ยังโสดอยู่. แกเรยเขียนเรื่องนี้มาระบายความรู้สึกวังเวงผ่านทางเรยกะ. T T
โว๊ะ เน็ตดีแทคโดนแบน กูอยู่ข้างนอกทั้งวันเลย อยากร่วมวงเม้ามอยกับพวกมึงมากแต่ทำไม่ได้ แถมกูไร้ความรู้เรื่องวัฒนธรรมกับมารยาทมากๆเลยนั่งอ่านเงียบๆเอา อ่านคอมเมนต์พวกมึงแล้วเปิดโลกทัศน์ดี กูชอบ ดีเบทกันเยอะๆเลยนะ รู้สึกดีเวลาเห็นคนวิเคราะห์กันเยอะๆ
>>734 เขียนเสร็จแล้ว แต่ส่วนที่เอาลงได้มันจะสั้นมาก เพราะงั้น ร้องเพลงรอไปจนกว่าซึรุฮานะจะมีบทนะจ๊ะ
>>753 กูชอบอ่านนะเรื่องพวกนี้ สนุกดี เหมือนได้เปิดมุมมองใหม่ ได้รู้เรื่องของบ้านเขาเมืองเขาว่ามีวัฒนธรรมแบบนี้ ลักษณะแบบนี้ ก็ช่วยให้เข้าใจและสนุกมากขึ้นนะ
>>756 คาบุรากิอยู่ด้วยกันกับเอ็นโจก็สบายใจ เป็นตัวของตัวเองเหมือนกันทั้งคู่นะ 55555555555555 //เอากาวสีม่วงหน่อยมั้ย
Ky นะคะ ต่อจาก >>639-641 ฟิคคู่หูทะลุมิติ
วันนี้เป็นเขียนเรื่องราวโลกนู้นผ่านมุมมองเรย์กะ KimiDolce นะคะ
..............…….....
(มุมมองเรย์กะโลก KimiDolce)
((((--เรย์กะในโลกคิมิเขียนถึงเรย์กะในโลกปัจจุบัน--))))
(หน้าแรกในสมุด)
ถึงตัวฉันอีกโลกหนึ่ง ฉันอยากบอกให้เธอรู้ ในกรณีที่หากมีความเป็นไปได้ใดๆก็ตามที่เราต่างคนต่างกลับโลกเดิมได้
เธอมันกดตัวเองลงต่ำชะมัดเลย ทำไมต้องไปยุ่งเกี่ยวกับสามัญชนพวกนั้น ยอมก้มหัวให้คนอื่นเหยียบย่ำด้วย แต่ไม่ต้องห่วง ฉันล้างภาพตกต่ำของเธอให้แล้ว ตอนนี้ฉันได้แสดงให้พวกเขาเห็นว่าควรปฏิบัติยังไงกับฉันกันแน่ คนอ่อนแอที่ยึดมั่นในความดีไร้สาระอย่างเธอคงไม่มีวันเข้าใจสินะ
(หลายวันต่อมา)
ทุกคนช่างน่าขำสิ้นดี พยายามทำให้ฉันกลับเป็นเหมือนเดิม หึ คิดจะเอาฉันเป็นเบี้ยล่างเหมือนเดิมล่ะสิ น่าตลกชะมัดที่เห็นเอ็นโจในรูปแบบที่อ่อนแอขนาดนั้น แค่พูดเจ็บๆไม่กี่คำก็ได้แต่ยิ้มฝืนๆแล้ว สู้เอ็นโจโลกเก่าฉันก็ไม่ได้ ใช้ไม่ได้จริงๆ คนที่นี่อ่อนแออ่อนไหวขนาดนั้นได้ไง
ทาคามิจิมองฉันอย่างชื่นชมเทิดทูนบูชา สนุกๆจริงๆที่ได้หักหน้าผู้หญิงคนนั้นทุกครั้งที่พยายามเข้าใกล้ มิซึซากิก็อ่อนปวกเปียกน่าดู โลกนี้มีแต่คนน่าเบื่อทั้งนั้นเลยหรือเปล่า
มีแต่ท่านคาบุรากิสินะที่รักษาความเข้มแข็งสุขุมเยือกเย็นเอาไว้ได้ ช่างสง่างามเหมาะสมกับฉันจริงๆ
(หลายวันถัดมา)
ทุกคนช่างโง่เง่าจริงๆ
ทำไมยังพยายามทั้งๆที่โดนฉันต่อว่าไปขนาดนั้นแล้วนะ ทำไมยังมาช่วยเหลือฉัน ทั้งๆที่ฉันทำร้ายจิตใจไปมากมาย ทำไมถึงยอมเดือดร้อนรับผิดแทนฉันกัน
โดยเฉพาะสามัญชนทาคามิจิคนนั้นแม้จะถูกฉันผลักตกบันได แต่ก็ยืนยันกับทุกคนว่าเป็นแค่อุบัติเหตุ เถียงกับใครก็ตามที่เห็นเหตุการณ์ว่าพวกเขาตาฝาดไปเอง
มิซึซากิยอมก้มหัวให้คนชมรมวรรณศิลป์ที่ฉันไปกลั่นแกล้ง เพราะมีคนในนั้นบังเอิญมาคุยกับท่านคาบุรากิ หัวหน้าห้องที่อยู่ชมรมนั้นก็ช่วยเกลี้ยกล่อมอีกคนอย่างสุดความสามารถ แต่งเรื่องอะไรไม่รู้ขึ้นมาให้ความผิดของฉันดูน้อยลง ฉันไปรู้จักนายตอนไหนน่ะหัวหน้าห้อง
อิวามุโระจากชมรมยูโดบอกทุกคนว่าเขาเป็นคนทำร้ายคนที่ความจริงฉันเองต่างหากที่เป็นคนทำ
ฉันพยายามโวยวาย นี่มันเป็นสิ่งที่ฉันทำนะ! อย่ามาแย่งความดีความชอบไปสิ!!! แต่ทุกคนต่างลนลานกลบเกลื่อนให้ฉัน โดยเฉพาะเอ็นโจ หมอนั่นพูดและสร้างข่าวเท็จ เปลี่ยนเรื่องราวไปหมด
ญาติฉันที่เด็กกว่าชื่อริรินะก็เดินมาด่าฉันตรงๆ เลือกใช้คำโต้เถียงได้เก่งทีเดียว แต่ฉันก็ไม่แพ้เด็กมือสมัครเล่นหรอกนะ ถึงอย่างนั้นทำไมริรินะถึงได้เตรียมกำลังรับมือช่วยเหลือฉันกรณีที่เกิดการปะทะอยู่ดี
เป็นคนดีกันจนน่าตลกชะมัด
เธอไปทำอะไรมา ทำให้พวกนั้นยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอขนาดนี้ได้
(ผ่านไปวันสองวัน)
ท่านพี่ทรยศคนนั้นเข้ามาปลอบ โดยอ้างว่าฉันทำหน้าเศร้าสำนึกผิด ไม่ใช่นะ! ฉันรู้สึกแย่ที่ถูกแย่งความดีความชอบต่างหาก!!! ท่านพ่อท่านแม่ที่เป็นคนดีจนอ่อนแอ ทำตัวน่าคลื่นไส้ เอาอะไรอร่อยๆมาให้กิน คิดว่าจะฉันจะรู้สึกดีขึ้นกับขนมปังปิ้งชุ่มเนยราดนมข้นหวานงั้นหรอ ต่อให้มันกรอบพอดีคำ รสชาติมีเสน่ห์จนน่าตกใจก็เถอะ ที่ฉันยิ้มนี่เพราะฉันทำบึ้งมาทั้งวันแล้วเมื่อยหน้าต่างหาก ไม่เกี่ยวกับขนมที่ให้มาหรอกนะ
ฉันเดินไปหาผู้หญิงชมรมวรรณศิลป์แล้วบอกขอโทษ ฉันแค่พูดไปงั้นแหละ ไม่ได้คิดจะอะไรจริงจัง ที่ก้มหัวตอนนั้นก็ไม่ได้คิดจะขอโทษด้วย ฉันแค่อยู่ๆก็อยากมองพื้นพอดี ฉันแค่จะบอกว่าทั้งหมดเกี่ยวกับฉันเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับคนอื่น ฉันทำเองนะ! อิวามุระทำไมต้องถูกคนรังเกียจแทนด้วยล่ะ ฉันยอมไม่ได้ นั่นมันตำแหน่งของฉันนะ!!!
มิซึซากิ นายเป็นประธานนักเรียนนะ มีอย่างที่ไหนมาช่วยเหลือ Pivioine ผิดธรรมเนียมมากๆ หยุดไปขอโทษคนอื่นแทนฉันได้แล้วนะ! ทาคามิจิเป็นแค่สามัญชนแท้ๆ อย่ามาคิดว่าตัวเองสำคัญไปนะ ไม่ต้องมาช่วยฉันเลย ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือของเธอนะ แล้วที่บอกให้ฉันค่อยๆปรับตัวกับโลกนี้ สู้ๆนะ คืออะไรหะ? ฉันไม่ปรับตัวให้เข้ากับโลกหรอกนะ คนทั้งโลกต้องปรับตัวให้เข้ากับฉันสิ!!!
หัวหน้าห้อง นายเป็นประธานชมรมนะ นายจะทะเลาะและเกลี้ยกล่อมคนในชมรมเพื่อฉันไม่ได้นะ! ต้องปลุกปั่นแล้วหันมาเป็นศัตรูกับฉันสิ ทำตัวน่าเบื่อชะมัด
เอ็นโจ นายมากลบข่าวลือทำไมมมมม กว่าฉันจะสร้างผลงานได้ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ตามหลักนายต้องเข้ามาด่าฉันสิ ต่อว่าแรงๆอ่ะ ทำไมไม่เห็นทำแบบโลกก่อนเลย
มีแต่คนคิดอยากให้ความทรงจำฉันกลับคืนมา สิ่งที่ฉันเป็นมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยหรือไง...
(สองสามวันต่อมา)
ท่านคาบุรากิรักเธอแล้วแท้ๆ ทำไมถึงโง่งมขนาดนี้ได้นะ ได้ยินว่าเธอปฏิเสธการหมั้นทุกครั้งที่มีโอกาสเลยงั้นหรอ ท่านคาบุรากิผู้ไม่เคยให้อะไรใคร มอบทั้งกลอนรักให้ ทั้งไซรัปที่เขาตั้งใจหามาอย่างทุ่มเทชิมทุกร้าน ทั้ง...อะไรน่ะ หนังสือกดจุด?
อย่างไรก็เถอะ ทั้งๆที่ท่านคาบุรากิแวะมาทักแวะมาคุยด้วยบ่อยขนาดนั้นแท้ๆ ทำไมเธอยังไม่ตอบรับ บนโลกนี้จะมีใครที่ดีเลิศไปมากกว่าท่านคาบุรากิอีก
เธอชอบเอ็นโจหรือไง? พูดไปแล้วน่าขนลุกแหะ หมอนั่นชอบมาคุยบ่อยๆเหมือนกัน ตรงนี้ก็คล้ายเอ็นโจโลกก่อนอยู่ แต่เอ็นโจโลกนี้คุยอะไรอ่อนโยนชะมัด ฉันไม่ชิน น่าขนลุกนะ! ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนสนิทท่านคาบุรากิ ฉันไม่แม้แต่อยากจะชายตามองหรอกนะ เท่าที่ลองไปถามๆมา เอ็นโจโลกนี้ให้อะไรเธอเยอะเลยนี่ ทั้งคุกกี้ บิสกิต ซาลาเปา กรงไม้สานใส่หิ่งห้อย ลาเต้อาร์ตลายกระต่าย และก็ไซรัป หืม จ่ายราคาหารครึ่งกับท่านคาบุรากิหรอ
เอ็นโจโลกเก่าไม่เคยให้อะไรฉันเลยนี่นา... เขาเป็นคนเดียวในโลกนั้นที่บอกให้ฉันหยุดรังแกคนอื่นซะที ในโลกที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรือขัดใจฉัน ที่พูดถึงไม่ได้คิดถึงหมอนั่นหรอกนะ!
(วันที่เท่าไหร่ไม่รู้) (หน้านี้ถูกขีดฆ่าทิ้ง แต่ยังพออ่านได้อยู่)
ฉันเกลียดเธอชะมัด ทำไมเธอถึงมีครอบครัวที่อบอุ่นขนาดนี้ ทำไมทุกคนใจดีกับฉันด้วย ถ้าวันหนึ่งฉันต้องจากไป มันจะโหดร้ายแค่ไหนกันนะ...
มีแต่คนเอานู้นเอานี่มาให้ฉัน หวังว่าฉันจำอะไรได้ และกลับมาเป็นเหมือนเดิมซะที
คนที่นี่ต้องการแต่เธอสินะ... ฉันมันก็แค่คนที่ไม่มีใครต้องการ...
ความโหวงเหวงในใจฉันตอนนี้มันคืออะไรนะ...
(วันใดวันหนึ่ง)
เอ็นโจอ่อนแอคนนั้นพาน้องชายมาที่สโมสร ขณะที่ฉันกำลังคุยกับท่านคาบุรากิ
ทันทีได้เห็น ฉันก็ชะงัก ปล่อยมือจากท่านคาบุรากิ แล้วจ้องมองน้องชายเอ็นโจอย่างตกตะลึง
อืออออ เด็กน้อยคนนั้นน่ารักชะมัดเลย ราวกับเทวดาตัวน้อยเลยนะ แค่เห็นก็อดเคลิบเคลิ้มไม่ได้ นี่เป็นสาเหตุที่เธอปฏิเสธการหมั้นของท่านคาบุรากิสินะ! ฉันเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว แต่คิดจะกินเด็กที่อายุห่างกันแบบนี้เลยหรอ
จริงๆก็ไม่เลวนะ
(วันไหนสักวัน)
เอ็นโจผู้อ่อนแอยิ้มขื่นๆนั่งโลกมืดในสโมสร น้องชายเขาก็ดูกลุ้มใจ อะไรกันคะ ใครเป็นสาเหตุที่ทำให้ยูกิโนะคุงต้องเศร้ากัน! ฉันบุกไปถามเอ็นโจ พอเค้นคำตอบมาก็ได้ว่าเป็นเรื่องว่าที่คู่หมั้นนั่น
เอ็นโจโลกก่อนก็ไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน ฉันล่ะสะใจทุกครั้งที่เขาต้องเจ็บปวดและกังวลกับปัญหาที่ไม่มีวันแก้ได้ ถึงยังไงต่อให้ปัญหามากแค่ไหนก็ชอบเรียกฉันไปต่อว่าด้วยคำพูดคล้ายๆเดิมอยู่ดี ช่างไม่สร้างสรรค์คำด่าเลยนะ แต่ก็แอบคิดถึงหน่อยๆนะ... เอ็นโจโลกนี้น่าเบื่อชะมัด ไม่คิดจะด่าฉันเลยหรือไง ฉันกระแซท่านคาบุรากิขนาดนี้แท้ๆ
แต่นะ ว่าที่คู่หมั้นของหมอนั่นทำให้ยูกิโนะคุงต้องเจ็บปวดงั้นหรอ
ไม่ชอบก็ปฏิเสธไปสิ!!! ผู้ใหญ่หมั้นกันก็จริง แต่ไม่เห็นจำเป็นต้องทำตามเลยนี่ ไปโวยวายนิดๆหน่อยๆก็น่าจะแก้ปัญหาได้แล้วนะ แย่ชะมัด มานั่งหดหู่แบบนี้แล้วจะได้อะไรขึ้นมา
ฉันลากคาบุรากิไปช่วยแก้ปัญหา ไม่ต้องมาหน้าเคร่งขรึมแล้ว! นายไม่เห็นหรอว่าปัญหาเพื่อนสนิทนายทำร้ายจิตใจยูกิโนะคุงน่ะ แล้วไม่ต้องทำหน้าอึ้งตอนฉันอธิบายด้วยสิ!!!
ไม่นานนักฉันก็เจอว่าที่หมั้นนั่นตามแผนการอะไรสักอย่างที่คิดๆกันมา ผู้หญิงคนนั้นพูดบ้าอะไรฉันไม่เข้าใจซะอย่าง เหมือนเป็นคำด่าที่ซับซ้อนล้ำลึกอะไรไม่รู้ จะด่าใครก็ไม่ดูก่อนว่าคนนั้นรู้เรื่องที่พูดมากแค่ไหนนะ อ่อนหัดจริงๆ ด่าไปเถอะ ฉันฟังไม่รู้เรื่องก็ไม่เจ็บหรอกนะ โฮะโฮะโฮะ
เฮ้ๆ คาบุรากิ นายตระกูลใหญ่ไม่ใช่หรอ ทำไมช่วยเพื่อนนายไม่ได้ซะทีล่ะ!!!
(วันนี้ในที่สุดก็มาถึง)
ฉันไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนด้วยความพยายามของทุกคน เรื่องปัญหาว่าที่คู่หมั้นของเอ็นโจก็หายไปซะที ช่วงนี้หมอนั่นทำหน้าตาแฮปปี้จนฉันหมั่นไส้ อย่ามามีความสุขออกนอกหน้านะ เอ็นโจโลกเดิมฉันได้แต่ทำหน้าอมทุกข์แท้ๆ!
เอาเถอะ ยูกิโนะคุงดูร่าเริงสดใสก็ดีแล้วล่ะ เป็นเทวดาน้อยที่น่ารักเหลือเกิน รอยยิ้มสว่างไสวทำใจละลายตลอดเลยนะ
ท่านคาบุรากิขอบคุณความทุ่มเทของฉันด้วย ฉันนี่ตกใจจนกระโดดถอยหลังสามที คาดว่าตัวเองคงหูฝาด เอ็นโจนายขำอะไรห๊าาาา!
ทาคามิจิทำเค้กมาให้ฉันอีกแล้ว ฉันขี้เกียจปัดทิ้งล่ะ จะรับไว้ก็ได้
แล้วที่ฉันให้ยืมชุดพละครั้งก่อนน่ะ เพราะสงสารในความน่าสมเพชของเธอนะ อย่าได้ใจไปล่ะทาคามิจิ!
(วันไหนแล้วนะ)
เธอมีความแค้นอะไรกับเหล่านกหรือเปล่า ทำไมมันพยายามเล็งฉันตลอดเลยล่ะ ขอสาปแช่งมันนนนนน ทำร้ายชุดตัวโปรดฉันได้ไง ฮือออออ คนบนโลกนี้มีเป็นล้าน ทำไมต้องเป็นฉันด้วย มีคนทั้งโรงเรียนให้เลือก แต่ทำไมเป็นฉันกันล่ะ
เพื่อนๆเธอรุมเข้ามาปลอบ เข้ามาช่วยเปลี่ยนเสื้อและทำความสะอาดให้ ฉันที่ช็อกค้างไปแล้วก็ได้แต่เข้าอาคารและคิดว่าจะไม่ออกไปแล้วถ้าไม่มีร่ม นี่มันครั้งที่สองแล้วนะ...
ทำไมฉันมีร่มแล้ว ยังมีขี้นกดักอยู่บนพื้นอีกล่ะ...
เธอมีชุดสำรองเยอะขนาดนี้ เพราะเจอเรื่องแบบนี้บ่อยๆใช่ไหม...
(วันช่วงสอบ ทำไมต้องมีด้วย)
ฉันสอบได้ห่วยแตกต่ำย่ำแย่มาก จริงๆก็เป็นงี้มานานแล้วล่ะนะ แต่มันสะดุดตาทุกคนเข้า เพราะเธอดันเก่งเกินไป! พอฉันได้ที่ปกติของฉันก็มีแต่คนตื่นตกใจ ก็ไม่ถึงกับที่สุดท้ายซะหน่อยนะ...
ท่านพี่คนนั้นก็แวะมาติวให้ฉันบ่อยๆ เอ็นโจเองก็ช่วยที่โรงเรียนด้วย ทาคามิจิกับมิซึซากิก็แวบๆมาสอนมาให้กำลังใจ ทาคามิจิเขียนโน้ตย่อสรุปเนื้อหาอะไรไว้ให้ด้วย พอฉันโดนยุมากๆ ก็ลองตั้งใจเรียนดู ไม่น่าเสียหายอะไร สามคนนั้นก็มารุมสอนฉันตลอด น่ารำคาญนะ น่าเบื่อจริงๆเลย กระตือรือร้นไม่เข้าท่า
ต่อมาเอ็นโจลากท่านคาบุรากิมาร่วมติวด้วย ฉันกลัวไม่มีสมาธิกันพอดี แต่ว่าพอเขาสอนอย่างจริงจัง ฉันก็พลอยจริงจังไปด้วยล่ะนะ สุดท้ายกลายเป็นคนอันดับ 1-4 ของซุยรันสอนฉันอย่างขยันขันแข็งทุกวัน
ปาฏิหาริย์มีจริง ฉันผู้มักได้รองท็อปจากท้าย ตอนนี้กระโดดมาถึงอันดับ 50 กว่าๆได้ น่าชื่นใจจังค่ะ แต่ยังมีคนมองแปลกๆอยู่ ใครจะไปทำคะแนนถึงขั้นติดบอร์ดได้ขนาดนั้นกันล่ะ...เธอทำผลงานเก่าไว้ดีเกินไปแล้วนะ!
เอ็นโจบอกรางวัลในการตั้งใจเรียนดีจะให้ฉันไปเที่ยวกับท่านคาบุรากิทั้งวันล่ะ นี่นายขายเพื่อนกันขนาดนี้เลยเรอะ
ฉันเห็นท่านคาบุรากิที่ทำหน้าจำยอมแล้วสงสาร เปลี่ยนเป็นไปเที่ยวกัน 5 คนดีกว่านะ ฉันเลี้ยงเอง ตอบแทนที่ช่วยเหลือกันมา โฮะโฮะโฮะ
แค่ครั้งนี้เท่านั้นล่ะนะ อย่าได้ใจกันไปล่ะ!
(วันเที่ยวล่ะ)
เราตกลงสถานที่เที่ยวมาพักหนึ่ง ก็ตกลงกันได้ว่าจะไปสวนสนุก ดูเป็นอะไรที่เป็นรอยต่อระหว่างชนชั้นได้ ฉันพามาพวกเขาสวนสนุกสร้างพิเศษ ราคาเข้าสูงแบบที่สามัญชนอย่างทาคามิจิต้องไม่เคยมาแน่ๆ ดูความแตกต่างระหว่างฉันกับเธอไว้นะ โฮะโฮะโฮะ
ทาคามิจิกับมิซึซากิเดินข้างกันหวานแหววตลอดเลยนะ ก็เป็นแฟนกันแล้วนี่น่า ท่านคาบุรากิชอบจ้องเขม็งไปคู่นั้นทุกครั้งที่สองคนนั้นไม่ได้มอง ยังชอบทาคามิจิอยู่สินะ...
เวลามีเครื่องเล่นที่นั่งเป็นคู่ ฉันรู้สึกเหมือนโดนทิ้งยังไงไม่รู้ ไม่สิ! ไม่มีใครคู่ควรกับความสูงส่งของฉันต่างหากล่ะ! ทาคามิจิไม่ต้องทำเป็นสงสารฉัน แล้วมานั่งด้วยหรอกนะ! ที่ฉันยอมเพราะเธอตื้อจนน่ารำคาญ อย่ามาเข้าใจผิดล่ะ!!!
ฉันเห็นเอ็นโจยิ้มร่าเริงตลอดวันเลยค่ะ หมั่นไส้หมอนั่นจริงๆ
เอ็นโจโลกเก่าฉันจะเป็นยังไงบ้างแล้วนะ... ฉันไม่เคยเห็นเขายิ้มสดใสมาก่อนเลยนะคะ มีแต่รอยยิ้มหลอกลวงฉาบหน้า ข้างในเป็นแค่ลูกแมวน้อยที่ไม่มีทางสู้ฉันได้เท่านั้นเอง
แต่ว่าเขาอาจจะมีความสุขแล้วก็ได้ ถ้าเป็นเธอคงทำให้คนรอบข้างมีความสุขได้เสมอนี่นา อย่างฉันถ้าไม่กลับไปโลกเก่าอาจจะดีกับเขามากกว่าล่ะมั้ง
น้ำที่หยดใส่สมุดนี่ไม่ใช่น้ำตาของฉันหรอกนะ ใครจะไปร้องไห้กับเรื่องแบบนี้กันล่ะ!
ไม่ใช่จริงๆนะ...
-------------- (จบตอน 36) --------------
ป.ล. ตอนที่วาคาบะออกมาเชื่อม ยังไม่แสดงในตอนนี้ชัดเจนนะคะ จะมาตอนมุมมองเรย์กะ KimiDolce รอบหน้า
ป.ล.2 กำลังคิดอยู่เลยค่ะว่าพรุ่งนี้จะเขียนมุมมองเรย์กะ KimiDolce ต่อ หรือเขียนเรื่องหลักต่อดี ถ้าตัดสินไม่ถูกอาจจะโยนหัวก้อย 5555
ป.ล.3 มันไม่เว้นให้ตามจำนวนที่เราทำไว้แหะ....
ว้ายยยยย พอมาเจอทุกคนเป็นแบบนี้เลยออกลายซึนเดเระขึ้นมาทันทีเลย!!
ท่านเรย์ก่าาาาา โอ้ยย สงสารรร ฮืออออ ว่าแต่ไม่มีพูดถึงอุเมวากะคุงเลยหรอคะ จริงๆอยากดูปฏิกิริยาตอนเจอ "เรย์ทัน ทำไมวันนี้ไม่มาเรียนพิเศษเลยล่ะ อาทันเหงามากๆเลยนะ" อะไรแบบนี้
>>759 >>760 >>761 ดีงามมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ขอบคุณมึงมากกกกๆๆ แบบนี้สิถึงจะเป็นเรย์กะคิมิดอล รู้สึกจะมีนิสัยซึนเดเระด้วยสินะะ ไม่ว่าเป็นเรย์กะไหนก็หลงยูกิโนะงั้นหรอ นี่มันลาสบอสชัดๆ ว่าแต่เรย์กะในฝั่งนี้ตอนแรกๆก็ดูร้าย แต่ทำไมตอนหลังกลายเป็นนักตบมุขสุดกระตือรือร้นจังเลยคะะ เพราะสภาพเเวดล้อมทำให้ตัวตนลึกๆของเรย์กะค่อยๆแสดงออกมางั้นหรอ ดูจะน้อยใจด้วยเพราะลึกๆก็รู้สินะว่าทั้งหมดของโลกนี้ถึงจะเป็นอีกตัวตนนึงของตัวเองแต่ก็ไม่ใช่ของตัวเองอยู่ดี
เขียนภาคฝั่งเรย์กะคิมิต่อเถอะะ
ว่าแต่ซึรุฮานะฝั่งท่านเรย์กะเจอโหมดจักรพรรดินีที่เปิดตาที่สามจะเป็นไบ้างเเล้วนะ5555
>>761 ซึนชิบ //มองด้วยความเอ็นดู
สรุปคือ กระแซะคาบุรากิบ่อยๆเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเอ็นโจเหรอ 55555555555555555 เอาไปแข่งซึนกับริรินะใครจะชนะเนี่ย
เอ็นโจคิมิดอล ข้ามโลกมาเลยค่ะ กลายเป็นคู่ฝาแฝดผมดำ-ผมทอง ให้สองจอมมารจับแต่งเข้าตระกูลเอ็นโจ ยื่นข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้แบบก๊อดฟาเธอร์เลยค่ะ
ภาคหลังเรียนจบ ต่อ >>>/webnovel/3689/680-681
------------
อะ อะ อะ
อะไรกันล่ะนั่น!!!!!
อยู่ๆก็มาเรียกชื่อกันแบบนั้นน่ะ ไม่ได้อนุญาตสักหน่อย เสียมารยาท!
ทำเอาหลุดเสียงอุทานประหลาดๆออกไปอีกต่างหาก น่าขายหน้าจริง
แล้วก็... อย่ามองแบบนั้นซิคะ!!!
เห็นรอยยิ้มและแววตาแปลกๆแบบนั้นของเอ็นโจ บวกกับบรรยากาศที่อยู่ๆก็เปลี่ยนไปตามดนตรี ทำให้ฉันต้องรีบหันหน้าหนีไปอีกทาง ไม่รู้ทำไมใจที่ควรจะสงบลงดันยังเต้นโครมครามยิ่งกว่าเดิม
ต้องเป็นเพราะดื่มไวน์เยอะเกินไปแน่ๆเลยล่ะค่า!
รู้สึกหน้าร้อนไปหมดจนอยากจะหาที่มุดหนี ตอนนี้รถก็จอดแล้ว เปิดประตูแล้วหนีออกไปดีมั้ยนะ?
"คุณคิโชวอินหน้าแดงเชียว ไม่สบายรึเปล่า?"
"...เปล่าค่า!"
เอ็นโจพ่นเสียงหัวเราะออกมา แกล้งกันแบบนี้ตลกมากนักใช่มั๊ยน่ะห๊ะ!!?
"นั่นซินะ วันนั้นคุณคิโชวอินได้ตุ๊กตาไปเต็มถุงเลยนี่"
"....ค่ะ"
"สนุกมากเลยเนอะ?"
"....อ่า ...ค่ะ...."
อ๊าาา เลิกพูดถึงเรื่องวันนั้นเถอะน่า!
"พอเอาตุ๊กตาแกะกับตุ๊กตากระต่ายที่ได้มาวางไว้ที่เตียงนอน คนทำความสะอาดห้องแตกตื่นกันใหญ่เลยล่ะ"
"อุ... อย่างงั้นเหรอคะ"
อุ๊ปส์ เกือบหลุดหัวเราะออกไปแล้ว
อุฮุฮุฮุ งั้นเหรอๆ พวกสาวใช้คงแตกตื่นกันหมดซินะ คุณชายของบ้านดันมีรสนิยมเป็นตุ๊กตาที่ดูผู้ญิ้งผู้หญิงแบบนั้น แล้ววางไว้ที่เตียงด้วยเนี่ยนะ คงดูไม่จืดเลยล่ะ
ถึงจะช้าไปหน่อย แต่นี่ซิค่อยสมกับเป็นการเอาคืนจากตอนทาโกะยากิน่ะ
"โดนท่านแม่เรียกตัวทันทีที่ทราบด้วยเนี่ยซิ"
"เห~"
ขนาดมาดามก็ยังเป็นห่วงเลยเหรอเนี่ย ต่อให้หน้าทนขนาดไหน แต่โดนที่บ้านหวาดระแวงแบบนั้น ก็คงเหงื่อตกบ้างล่ะ อุฮุฮุ สมน้ำหน้าแล้วล่ะ
"... แต่พอบอกว่าเป็นตุ๊กตาคู่ที่คุณคิโชวอินมอบให้ ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อล่ะนะ~"
"เห๊ะ..."
... ทำไมตอบแบบนั้นไปล่ะค้าาาาา!?
ถึงมันจะเป็นตุ๊กตาคู่จริงๆก็เถอะ แต่ตอบแบบนั้นมันชวนให้เข้าใจผิดไม่ใช่รึไงกันน่ะ!? เจตนาแค่การกลั่นแกล้งเท่านั้นเองนะคะ!!
จะว่าไปแล้ว หลายวันก่อน ตอนที่ฉันนอนอ่านหนังสือเล่นอยู่ในห้องนอน จู่ๆท่านแม่ที่ถือโทรศัพท์มือถือไว้ในมือก็บุกเข้ามาข้างในห้อง แล้วสำรวจตุ๊กตาในห้องของฉันใหญ่ จนกระทั่งมองเห็นว่าฉันนอนกอดตุ๊กตาแกะอยู่ ท่านแม่ก็หัวเราะออกมาอย่างสำราญกับโทรศัพท์ ก่อนจะเดินนวยนาดออกไปจากห้อง...
อย่าบอกนะ ว่าปลายสายคือมาดามเอ็นโจน่ะ!?
ท่านแม่ก็รู้แล้วอย่างงั้นซินะ ... อย่างงี้ข่าวลือไม่แพร่สะพัดไปหมดแล้วงั้นเหรอ?
อุกรี๊ดดดดดด ไม่น้าาาาาาา
เสียงเอ็นโจหัวเราะในลำคอ สัญญาณไฟก็เปลี่ยนสีพอดี รถจึงเคลื่อนตัวขับออกไปอีกครั้ง
ฉันยังคงนั่งเกร็งหันหน้าไปข้างทาง ไม่กล้าหันกลับมองคนขับรถอีกเลย
เมื่อไหร่จะถึงบ้านสักทีนะ อยากลงใจจะขาดอยู่แล้ว... รู้อย่างงี้น่าจะยอมรอที่นู่นแล้วโทรเรียกคุณซากามิให้มารับ หรือไม่ก็ดื้อดึงขอลงที่สถานีรถไฟให้ได้ซะก็ดีหรอก อยู่ในนี้มันอันตรายจริงๆนั่นแหละ... แง้
.
.
.
อีกไม่นานก็จะถึงบ้านแล้ว
โทรศัพท์เอ็นโจก็สั่นขึ้นมา เขารับสายพูด "ครับ" ๆไม่กี่ครั้งก็วางสายไป ไม่ได้อยากจะเสียมารยาทหรอกนะ แต่แอบได้ยินเสียงรถพยาบาลดังแว่วมาจากปลายสายน่ะ
รู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเลยแฮะ
ฉันกลั้นใจหันหน้ากลับไปทางเอ็นโจ เขามีสีหน้าอย่างปกติทุกที พอสังเกตเห็นว่าฉันจ้องหน้าเขาก็ยิ้มให้
"อ่า คุณหมอประจำตระกูลโทรมารายงานน่ะครับ ว่ายูกิโนะคุงอาการหอบกลับมากำเริบอีกแล้วน่ะ"
"เอ๋! ยูกิโนะคุงน่ะเหรอ!?"
ภาพยูกิโนะคุงที่หายใจหอบอย่างทรมานด้วยใบหน้าขาวซีดที่เคยเห็นตอนสมัยเรียนก็ปรากฏขึ้นมา ผ่านมาหลายปีแล้วก็ไม่หายอย่างงั้นเหรอ
"อาการเป็นยังไงบ้างเหรอคะ?"
"ไม่ได้หนักมากหรอกครับ ก็อย่างทุกทีนั่นแหละ อาการยังทรงตัวไม่ได้ร้ายแรง แค่เข้าโรงพยาบาลเผื่อไว้ก่อนน่ะ"
"เข้าโรงพยาบาล..."
ถึงจะบอกว่าไม่ร้ายแรงก็เถอะ แต่ยูกิโนะคุงต้องเข้าโรงพยาบาลอีกแล้วเหรอเนี่ย น่าสงสารจัง
ฉันน่ะจนถึงขนาดนี้แล้วก็ยังไม่เคยถึงขั้นต้องไปนอนในโรงพยาบาลเลยนะ
ไม่ว่าจะยังไงก็ฟังดูเป็นเรื่องใหญ่โตอยู่ดี แถมที่ได้ยินเสียงจากปลายสายก็ถึงขั้นต้องขึ้นรถพยาบาลเลยนี่นา...
อะ
"ถ้างั้นท่านเอ็นโจส่งฉันลงแถวนี้เถอะค่ะ เดี๋ยวฉันเรียกที่บ้านออกมารับเอง"
"เอ๋? อะไรกันอยู่ๆก็?"
"ท่านเอ็นโจรีบไปที่โรงพยาบาลดีกว่าค่ะ ตอนนี้ยูกิโนะคุงคงจะทรมานอยู่แน่ๆเลย!"
"หือ ไม่เป็นไรหรอกครับที่โรงพยาบาลก็มีแพทย์คอยดูแลอยู่แล้วล่ะ ผมไปก็รักษาไม่เป็นหรอกน่า"
ดูทำตัวเข้าซิ น้องชายตัวเองเข้าโรงพยาบาลแล้วยังทำตัวนิ่งเฉยแบบนี้อีก ใจจืดใจดำจริงๆ!
"คุณคิโชวอินใจเย็นๆก่อนนะครับ ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงนักหรอก ยูกิโนะก็เข้าออกโรงพยาบาลอย่างงี้เป็นประจำอยู่แล้ว"
เอ็นโจเอื้อมมือมาตบแปะๆหลังมือฉันเบาๆ
"ถึงจะพูดอย่างงั้นก็เถอะ แต่ว่าถ้าไม่มีใครเป็นห่วงยูกิโนะคุงเลย ยูกิโนะคุงคงต้องเสียใจมากแน่ๆ..."
"ผมก็ไม่ได้ไม่เป็นห่วงหรอกนะครับ... ขอบคุณนะครับคุณคิโชวอิน ใจดีกับยูกิโนะเสมอเลยนะ"
"ฉันก็แค่เอ็นดูยูกิโนะเหมือนกับเป็นน้องชายตัวเองเท่านั้นล่ะค่ะ"
"ยูกิโนะได้ยินคงดีใจมากแน่ๆ ... ส่วนเรื่องที่ว่าให้ส่งตรงนี้นี่ ขอปฏิเสธนะครับ บอกแล้วไงว่าจะไปส่งถึงที่บ้านน่ะ เดี๋ยวส่งคุณคิโชวอินเสร็จแล้ว ผมค่อยแวะไปโรงพยาบาลก็ไม่สายหรอกนะ"
"อ่า ค่ะ..."
ถ้าว่าอย่างงั้นก็ยอมตกลงก็ได้ นี่ก็ใกล้จะถึงบ้านคิโชวอินแล้วล่ะนะ
เมื่อตะกี้ฉันออกจะร้อนใจไปสักนิด แต่พอสงบลงมาแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองตื่นตูมมากไปหน่อยจริงๆนั่นแหละ
นอกจากนั้นแล้ว
มือฉันไปวางอยู่บนเกียร์ตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะค้าาาา!?
มือของเอ็นโจวางทาบทับมือบนฉันที่จับเกียร์ไว้ราวกับเป็นหมอนรองมืออย่างงั้นล่ะ ฉันพยายามดึงมือออกมา แต่มือใหญ่ๆนั่นดันกระชับแน่นกว่าเดิม
"ทะ ท่านเอ็นโจ!?"
"จริงสิ" เอ็นโจพูดขัดขึ้นมาอย่างไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาว "ถ้าคุณคิโชวอินเป็นห่วงยูกิโนะขนาดนั้น ทำไมไม่ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลล่ะครับ"
"เอ๋... ได้อย่างงั้นเหรอคะ?"
"ทำไมจะไม่ล่ะครับ"
เอ็นโจหัวเราะ
ไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้เลยแฮะ ปกติแล้วโรงพยาบาลกับฉันเป็นเหมือนเส้นขนานกันเลยนี่นา
"ถ้าเป็นพรุ่งนี้คงจะได้ซินะคะ"
"ครับ ปกติก็จะอยู่เฝ้าอาการสักวันสองวันเองน่ะครับ"
นั่นซินะ ถ้ารู้ข่าวและเข้าเยี่ยมได้ก็ควรจะไปล่ะนะ ถึงบ้านแล้วคงต้องตระเตรียมของเยี่ยมไข้เป็นการด่วนแล้วล่ะ ถ้าให้กระเช้าผลไม้จะดูน่าเบื่อเกินไปมั้ยนะ?
อะ แต่ก่อนอื่นนะ ปล่อยมือสักทีซิคะะะะ
.
รถเอ็นโจขับเข้าภายในคฤหาสน์บ้านคิโชวอินในที่สุด ช่างเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานซะจริง ลงท้ายเอ็นโจก็ยอมปล่อยมือฉันให้เป็นอิสระ พวกชอบฉวยโอกาสนี่แย่ที่สุดเลย อย่าได้หวังเลยว่าฉันจะยอมกลับมานั่งแบบนี้อีกน่ะ!
"ขอบคุณมากนะคะท่านเอ็นโจที่มาส่ง"
"ด้วยความยินดีครับ~"
ฉันปลดเข็มขัดนิรภัยออกและเปิดประตูรถ เอ็นโจก็พูดขึ้นมา
"พรุ่งนี้หลังเลิกงาน ผมไปรับที่ออฟฟิตนะครับ"
... หา?
"ไปเยี่ยมยูกิโนะกันไง"
"เอ๋ ไม่เป็นไรค่ะ! ฉันไปเองได้ ไม่รบกวนท่านเอ็นโจดีกว่าค่ะ"
"ไม่รบกวนหรอกครับ ถึงยังไงผมก็ต้องผ่านทางตึกของคุณคิโชวอินอยู่แล้วล่ะ ไปพร้อมกันเถอะนะ"
อึก อันตราย อันตราย
อย่าทำหน้าเว้าวอนแบบนั้นซิไม่ได้เข้ากับนายสักนิด นี่มันการล่อลวงของปิศาจชัดๆ
แต่ขอโทษนะ ฉันประกาศไว้ในใจแล้วไงล่ะ ว่าอย่าหวังเลยว่าฉันจะยอมกลับมานั่งด้วยแบบนี้อีกน่ะ!
"...อืม นับเป็นการชดใช้หนี้ที่คืนนี้ผมขับรถมาส่งคุณคิโชวอินที่บ้านแล้วกันนะ~"
... ปิศาจชัดๆเลยค่าาา!!!
ไม่ว่าจะยังไงการรับมือกับเอ็นโจนี่ก็เป็นเรื่องยากจริงๆ ลงท้ายก็ได้แต่เออออไปตามนั้น ฮือ พอตกลงกันได้แล้ว ก็ควรจะรีบเผ่นแล้วล่ะ ก่อนที่เลขมิเตอร์ของจำนวนหนี้จะขึ้นมากไปกว่านี้
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะท่านเอ็นโจ"
ฉันขยับตัวก้าวขาลงจากรถได้ข้างหนึ่ง เอ็นโจก็คว้ามือของฉันไว้
"คุณคิโชวอิน"
อะไรอีกล่ะค้าาาา!!!
ฉันหันไปถลึงตาใส่ อีกฝ่ายก็หัวเราะเบาะๆ
"ฝันดีนะครับ"
ห๊ะ
"...อะ เอ่อ เช่นกันค่ะ..."
เอ็นโจส่งยิ้มกว้าง นัยน์ตาเปล่งประกายวิบวับให้ก่อนจะค่อยๆปล่อยมือของฉัน ฉันจึงรีบกระโจนออกจากตัวรถแล้วปิดประตูใส่ทันที ก่อนที่รถของเอ็นโจจะขับเคลื่อนจากไป
อุ เพิ่งจะเคยคนอื่นมาพูดว่า "ฝันดี" อะไรแบบนี้นี่ล่ะค่ะ
รู้สึกใบหน้าเห่อร้อน ใจก็เต้นแรงขึ้นมาอีกครั้งแล้ว...
ความรู้สึกนี้ต้องเป็นเพราะดื่มไวน์มากเกินไปแน่
ต้องเป็นอย่างงั้นแน่ๆ
_______________________
จอบอจบ เย่ะ ส่งไม้ให้คนต่อไป
ฟินมากกกก แต่เดี๋ยวก่อนนะมึงงงง นี่ไม่ใช่วิ่งผลัดน้าาาา
อยากอ่านฟิค เอ็นโจไซด์สตอรี่ต่อจากหิ่งห้อยง่ะ*อ่านซ้ำวนไป*
ฮืออออ พอกลับมาอ่านกาวเอ็นโจ >> 759-761 จากตอนแรกก้าวขาตามโม่งฟิคคู่หูทะลุมิติไปเรือคาบุ ว่ายน้ำกลับมาแทบไม่ทันนนน ชอบตอนที่แล้วที่ท่านเอ็นโจหน้าแดงแล้วไปซบกับพวงมาลัย กรี๊สสสสสส อยากให้มีในอฟช.บ้างอะไรบ้าง
สรุปเรย์กะคิมินี่ชอบเอ็นโจสินะ...แต่แค่บูชาท่านคาบุรากินิดนึง(น่าจะเหมือนตอนท่านคาบุรากิสตอล์กท่านยูริเอะแน่ๆ5555)
เอ็นโจคิมิก็อย่าพึ่งตัดใจนะ ฮื่อออ ตอนที่แล้วช่างเจ็บปวด
สวัสดีปีใหม่ไทย สุขสันต์วันสงกรานต์จ้าาาาาา ขอบคุณโม่งแปลที่คอยแปลให้อ่านและเหล่าโม่งฟิคที่ผลิตกาวออกมาให้เสพอย่างสม่ำเสมอ
>>765 โอ้ยยย กูอยากเห็น เรย์กะช๊อคน้ำลายฟูมปากแน่ๆ แงแงแงแง
ทะลุมิติวันนี้ เอ็นโจวทำคะแนนรัวๆ โฮฮฮฮ ถ้าเรย์กะกลับ เอ็นโจวนกตลอดกาลใช่ไหม หรือเอ็รโจวสองโลกจะรวมในเป็นหนึ่งคะ 555555555555555
เรย์กะ kimi ตอนแรๆร้ายจรง แต่ร้ายแบบความคิดไม่ได้ร้ายตามนะ เหมือนเธอจะโดนล้างสมองให้เข้าใจสิ่งผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิด หลังๆคนดีด้วยมากๆ ต่อมซึนแตกแบบริรินะสินะ....
ร่างกายเรย์กะนี่แพ้ขนมสินะ เรย์กะคิมิยังทนไม่ได้ แถมกับดักขี้นกตลกมาก 5555
ส่วนโรคโชตะค่อน่...เป็นกันทางวิญญาณสินะ
กูออกไปซื้อข้าวนอกบ้าน โดนสาดเต็มๆ จ้า คิดๆ ดูแล้วสงกรานต์นี่คงเป็นเทศกาลที่เป็นศัตรูกับท่านเรย์กะชิบหายเลย ผมหลอดโดนน้ำเข้าไปคงลอนคลายเปียกๆ ลู่ๆ เป็นผีแทะบ๊วยอีก ถถถถ แต่นางคงติดใจข้าวเหนียวมะม่วงแน่นอน
ถึงโม่งเกอิชา อย่าหายไปนานนะ เรารอเรือท่านอิมาริอยู่(ทั้งๆที่เรื่องนี้ไม่ใช่เรือเจ้าพ่อคาสโนว่าก็ตามที)
วันนี้เที่ยวกันหมดสินะ ทู้ไม่เดินเลย
>>771 วรั้ยยยยยยยยยยย มึงทำดีค่ะ กูรักมึง กูรักมึง กูรักมึง ต่อสิคะ เดี๋ยวกูเอากาวกูมาแลก
โฮ้ยยยยย กูชอบที่มึงต่อมากๆ เอ็นโจเขินจนซบพวงมาลัยรถ ดีต่อใจกูเหลือเกินนนนนนนน
ฉากจับมือก่อนลงจากรถ กูนึกว่าจะดึงมือมาจูบแบบในหนัง แต่ไม่เป็นไร แค่นี้กูก็ฟิน //สูดกาว
>>781 ยังอยู่แถวๆนี้ล่ะ แต่พิมพ์เรื่องอื่นอยู่
ดิบตอนใหม่มาละะะ
ใครก็ได้สปอยดิบตอนใหม่ให้ข้าที เอื้ออออ
โอ๊ยยยยยยย กรี๊ดดดดด ฟหด่ฟสสหสกาก
นี่มันดิบหรือฟิค กูชักแยกไม่ออก
>>792 ใช่มะมึงงงงงงง แม่งอบอวลกลิ่นฟิคมาก ว๊ากกกกกกกกกก ในที่สุดโมเมนท์เรือเอ็นโจก็กลับม้าาาาาาา //น้ำตาพุ่ง เท่าที่กูดำมานะ
.
.
.
.
.
ท่านเรย์กะไปเจอเอ็นโจในร้านกาแฟ นั่งคุยกันงุ้งงิ้ง เอ็นโจมีนั่งจ้องเรย์กะกินเค้กด้วยยยย ว้ายยเขิลลลลล///////
ถ้ากูดำมาไม่ผิดนะ ชอบตรงที่เอ็นโจบอกประมาณว่า"คุณคิโชวอินใจดีแบบนี้ซักวันก็กลัวจะโดนคนหลอกเอา ผมล่ะเป็นห่วง" อะไรแบบนี้อ้าาา อีเหี๊ยะะะะะ //จิกหมอนขาดดด มีโมเมนท์อีกนิดหน่อย รอคนอ่านญป.ได้มาสปอยล์ต่อออ
แล้วก็ๆตอนท้ายคาบุรากิโทรมาหาเอ็นโจ พอบอกว่าอยู่กับเรย์กะก็รีบบึ่งมาทันทีเลย เอ๊ะยังไงๆ
สปอยดิบ
.
.
.
.
.
.
เรย์กะไปกินกาแฟกับขนมหลังเลิกเรียนพิเศษที่ร้านกาแฟที่เคยมากับคาบุรากิ แล้วบังเอิญเจอเอ็นโจก็เลยไปนั่งด้วยกัน บรรยากาศมีความคล้ายตอนนั่งคุยกันในซาลอนนิสนึง 555 เอ็นโจก็แปลกใจว่าทำไมเรย์กะรู้จักน้านนี้ เลยบอกไปว่าคาบุรากิพามาพร้อมกับบ่นเรื่องเมลยาวเหยียดที่ชอบเขียนมาเล่าสัพเพเหระ เอ็นโจก็บอกว่านั่นมันเหมือนไดอารี่มากกว่า 5555 เรย์กะเลยถามที่ข้องใจมานานว่าคาบุรากิส่งเมลไปหาเอ็นโจด้วยมั้ย สรุปว่าก็ส่งไปแบบสั้นๆแต่เอ็นโจไม่ค่อยตอบสนองแบบรู้สึกยุ่งยาก เดาว่าฮีคงรำคาญ ถถถถ เรย์กะเลยแบบอ่อเพราะแบบนี้เองสินะความยุ่งยากเลยมาลงที่ชั้นแทน แนวว่าเป็นภาระที่ผลักมาจากของเอ็นโจ 555 แล้วเอ็นโจก็ถามแบบเรย์กะอ่านเมลอย่างละเอียดแล้วตอบกลับทุกครั้งเลยหรอ บางทีดูเป็นคนดีมากๆแบบนี้ก็กลัวโดนผู้ชายไม่ดีมาหลอกเหมือนกันนะอะไรแบบนั้น กลิ่นกาวแรง มีหลุดความลับเอ็นโจมานิดหน่อยตอนที่เรย์กะสงสัยเรื่องว่าคาบุทำไมไม่ค่อยไปปรึกษาเอ็นโจ เอ็นโจก็บอกว่าเพราะตัวเองอยู่ในสถานะที่ให้คำปรึกษาใครเรื่องความรักไม่ได้ ซึ่งเรย์กะก็สงสัยว่าเป็นเรื่องยุยโกะ แต่เอ็นโจไม่ได้พูดขยายความต่อ มีทำท่าเอานิ้วชี้มาจุ๊ปากว่าเป็นความลับด้วยยยยย เรย์กะกูค้างเลยเหมือนโดนสปอย แบบโปรยให้อยากรู้แล้วจากไป 5555 จากนั้นก็คุยเรื่องซัมเมอร์ของยูกิโนะที่ส่งโปสการ์ดมาเล่า จนโทรศัพท์เอ็นโจดัง พอรับก็คุยๆไปว่ากินกาแฟอยุ่ข้างนอก เหมือนอีกฝั่งก็ถามว่าคนเดียวหรอประมาณนี้ เอ็นโจก็บอกอยุ่กับคิโชวอิน ไม่ได้นัดกันบังเอิญเจอเฉยๆ พอวางสายก็หันมาขอโทษเรย์กะว่ามาซายะกำลังจะตามมา เรย์กะดูมีความเอือมเบาๆ 55555 สำหรับกูคืออารมณ์แบบนั่งนินทาทีไรแปบๆเจ้าตัวต้องโผล่มาตล๊อดดดด
โอ๊ย อ่านดิบมาไม่ไหวแล้ว กูยิ้มจนแก้มจะฉีกตายอยู่แล้วเนี่ย นี่เมาฟิคอยู่รึเปล่าฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ โคตรมุ้งมิ้งชิบ
เออเพิ่มเติมแบบรวมๆ
.
.
.
.
.
.
.
เรย์กะชักจะนินทาคาบุรากิบ่อยไปแร้นนนน หลังๆนี่มีติดๆกัน 3 ตอนในระยะที่ไม่ห่างมาก ทำเอาใจกูสั่นระรัวประหนึ่งดูหนังผีว่าจะมีวันไหนจุดใต้ตำตอเหมือนเมาท์ทานุกิในตอนที่เป็นมุมมองท่านพี่แล้วท่านพี่บอกว่าพ่อเรายืนอยู่ข้างหลังนะ 55555 กูกำลังรอฉากนี้เลยยยย มันคงโป๊ะมากแหงๆ เรย์กะยัยคนขี้เมาท์!!!!
ขอบคุณสำหรับของขวัญวันสงกรานต์ค่ะ ฮิโยโกะซามะ
โฮกกกกกกกกก
.
.
.
.
.
กูกรี๊ดมาก ไม่รู้ดำน้ำด้วยกูเกิ้ลถูกมั้ย
ตรงที่บอกว่า ครั้งก่อนก็ได้นั่งดื่มชาด้วยกันในซาลอน เรยกะก็เออคิดเหมือนกัน เอ็นโจก็ว่า (กูเกิ้ลแปลมาว่า) "it's fate."
ฟาาก่เ่ากสสหาห่ห่ก่ดสหฟ กูเมากาวจนอ่านเบลอไปรึเปล่า อะไรๆๆ พรหมลิขิตบันดาลชักพา??
คนอ่านยุ่นออกมาขยายทีซิว่าจริงๆพูดว่าไรรรร ฟฟฟฟฟฟ
Ky แปบนะ วันนี้เราต้องรีบนอน
ต่อจาก >>759-761 ฟิคคู่หูทะลุมิติ
จริงๆถ้าลงเนื้อหาหลักก่อน เรย์กะคิมิจะมีเนื้อหาไปไกลกว่านี้ แต่ถ้าลงเรย์กะคิมิก่อนก็จะต่อเนื่องกับตอนที่แล้ว
ผลจากการโยนหัวก้อยนะคะ 5555 แต่พรุ่งนี้จะลงตอนหลักตามปกติแล้วค่ะ รีบกลับเรือคาบุก่อนจะกลับตัวไม่ทัน ตอนนี้เราเริ่มถูกเรือเอ็นโจมอมเมา 55555
..............…….....
(มุมมองเรย์กะโลก KimiDolce)
((((--เรย์กะในโลกคิมิเขียนถึงเรย์กะในโลกปัจจุบัน--))))
(สักวันหนึ่งแหละ)
ไม่เคยรู้เลยว่าญาติฉันที่ชื่อริรินะจะคิดคำด่าเก่งแบบนี้ ไปคุยด้วยสนุกดี โลกนู้นฉันไม่เคยคุยกันจริงๆจังๆเลยนะ
จะว่าไป เธอเคยหลวมตัวไปสมัครนิตยสารรวมรูปหมามาหรือเปล่าน่ะ ไม่สิ หมาที่ชื่อเบียทันคุยกับฉันได้ด้วย นี่มันอะไรอ่ะ หมาถามฉันว่าทำไมไม่มาเรียนพิเศษล่ะ หะ? แถมยังส่งรูปถ่ายตัวเองมาด้วย ฉันควรทำไง ต้องส่งรูปกลับไปไหม
เธอเป็นที่รู้จักในหมู่สุนัขในฐานะชื่อเรย์กะทันหรอ ว่าแต่เพราะงี้หรือเปล่าเลยโดนเหล่านกลอบโจมตี... หมากับนกไม่ถูกกันหรือเปล่านะ... นี่เป็นเรื่องปกติในโลกนี้ใช่ไหม
ยูกิโนะคุงมาขอให้ฉันช่วยสอนอะไรสักอย่างเกี่ยวกับการเย็บปัก ฉันเพิ่งได้รู้ว่าตัวเองเป็นประธานชมรมเองล่ะนะ แต่ถ้ายูกิโนะคุงอยากรู้ พี่จะไปถามที่ชมรมให้นะจ๊ะ
คนในชมรมเย็บปักนี่ไม่รักตัวกลัวตายบ้างหรือไง มาคุยกับฉันได้สบายๆ เอาเถอะ ไหนๆก็ไหนๆ สอนฉันทำผ้าพันคอได้หรือเปล่า แล้วขนมนั่นฉันไม่ได้ถือมาฝากหรอกนะ แค่มึนๆแล้วหยิบติดมา แล้วขี้เกียจถือกลับเท่านั้นเอง
แต่สงสัยเหมือนกัน ทำไมเธอไม่ไปชมรมชงชา จัดดอกไม้ล่ะ ไม่ก็ชมรมทำอาหารก็ได้ เห็นว่าเธอเองก็ชอบทำอาหารนี่น่า มันดูดีกว่าชมรมเย็บปักอีกนะ
ทำไมพอฉันพูดเรื่องนี้กับที่บ้าน ทุกคนรีบห้ามฉันใหญ่เลย กลัวทำอาหารแล้วฉันเป็นอันตรายหรอ? ฉันไม่ใช่เด็กอมมือทำมีดบาดนิ้วตัวเองซะหน่อย! ฉันเดินเข้าครัวไปพิสูจน์ ทำอาหารให้พวกเขากิน ไม่รู้ทำไมเดินออกมา ถึงมีทีมแพทย์ประจำตระกูลมานั่งเรียงกันอยู่ ฉันไม่ได้ทำตัวเองบาดเจ็บง่ายขนาดนั้นหรอกนะ เว่อร์กันไปแล้ว!
พอทุกคนลองกินอาหารที่ฉันทำ ท่านแม่ถึงกับซับน้ำตา พึมพำว่าแบบนี้ก็หมดห่วงแล้วสินะ ท่านพ่ออุทานว่าไม่น่าเชื่อออกมา ส่วนท่านพี่ยังสะดุ้ง
ปฏิกิริยาอะไรนั่นน่ะ...
(วันนั้นวันไหน)
ฉันฝันว่าเห็นตัวฉันอีกคนช่วยเหลือทาคามิจิ คุยกับท่านคาบุรากิอย่างสนิทสนม ค่อยๆเปลี่ยนทุกอย่างทีละนิด จนกลายเป็นที่รักของทุกคน มีแต่คนเข้าหา ไปที่ไหนก็มีแต่รอยยิ้ม
นั่นเธอใช่ไหม...
คนในโลกนั้นเองก็อยากให้เธออยู่ด้วยตลอดไปงั้นหรอ นั่นสินะ...คงไม่แปลก
(วันบ้าอะไรเนี้ย)
ฉันบ่นว่าไม่ว่าโลกไหนคงไม่มีใครต้องการฉัน เผลอหลุดปากออกนิดเดียวเองนะ เพื่อนๆก็แตกตื่น บอกว่าไม่จริงอย่างนู้นอย่างนี้ นั่นไม่ได้มาจากใจฉันซะหน่อย แค่คิดถึงประโยคในนิยายที่เคยอ่านเท่านั้นเอง... อือ... ฉันพูดเองก็ได้
แต่นะ คนที่พวกเขารักและต้องการมาตลอดคือเธอนี่นา...ยิ่งมาปลอบก็ยิ่งทำเอาหัวใจฉันดำดิ่งลงเรื่อยๆ
ทาคามิจิบอกว่าพวกเขาเองก็ชอบฉันตอนนี้เหมือนกัน ไม่ต้องน้อยใจไป! ทุกคนชอบฉันทั้งคนก่อนและคนปัจจุบันเลยนะ พูดอย่างกับรู้ว่าฉันทะลุมิติมางั้นแหละ
เอ็นโจแวะมาคุยกับฉันที่ห้องสโมสร ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยน่ารำคาญ ไปไหนก็ไป ไป๊
จะว่าไป ทำไมในภาพที่ฉันเห็น แทบไม่มีเอ็นโจโลกเก่าเลยล่ะ โผล่มาต่อว่าแวบๆแล้วหายไป ตามหลักหมอนั่นต้องโผล่มาหาบ่อยๆไม่ใช่หรือไง อะไรน่ะ! อะไรกัน! ทำไมมีแต่คุยมุ้งมิ้งกับท่านคาบุรากิล่ะ ต้องมีเอ็นโจมาต่อว่าด้วยสิ ฉันรับไม่ได้!!! เออ...ฉันหมายถึงดีจริงๆที่สนิทสนมกับท่านคาบุรากิได้
บางทีอาจจะแค่ภาพหลอนก็ได้นะ คงเครียดๆจนเก็บไปฝันมั่วๆ... อากาศร้อนนี่น่ากลัวจัง ท่านพี่ซื้อไอติมมาฝาก ไม่ได้ดีใจหรอกนะ
โมเมนท์ตอนนี้ดีจริงๆอะ ชอบตอนที่
.
.
.
.
.
.
.
เอ็นโจเอานิ้วจุ๊ปากแล้วบอกความว่า"ความลับ" มโนอิมเมจไปด้วยแล้วกูจะเป็นลม แล้วก็ชอบตอนที่เอ็นโจบอกว่าเหมือนตอนที่เจอกันที่ซาลอนเลยเนอะ เป็นพรหมลิขิตรึเปล่านะ กูนี่ม้วนเป็นข้าวต้มมัดเลยสรัสสสส/// ฮืออออ
(วันที่ฉันช็อก)
ช่วงนี้พวกสามัญชนที่ฉันเคยไล่ไป ก็กลับมาหาฉันแล้ว อะไรน่ะ ฉันเคยด่าไปขนาดนั้นยังมาทำเป็นพูดคุยสนิทสนมงั้นหรอ ความจำสั้นกันชะมัด ถ้าด่าไปก็คงลืมกันอีก ปล่อยไปก็แล้วกัน และที่ฉันยิ้มให้นี่ไม่ได้คิดจะเป็นมิตรหรอกนะ นี่เป็นยิ้มเยาะเย้ยต่างหาก มองผิดเพี้ยนกันไปหมดเลยนะ
ฉันกำลังเดินชิวๆกลับจากห้องน้ำ ก่อนจะเห็นทาคามิจิหาเรื่องตายจะกระโดดลงจากบันได ฉันพุ่งตัวไปคว้าตัวอีกฝ่ายมาอย่างตกใจ จะบ้าหรอ! เป็นอะไรไป อย่าบอกนะว่าพอตกบันไดตอนนั้นแล้วก็เสพติดความรุนแรง?! หรือว่าผีเข้า!?!
เพราะดึงอีกฝ่ายมา ทำให้ฉันต้องล้มกระแทกพื้นเอง ทาคามิจิดูลนลาน ถามอย่างตกใจว่าฉันเป็นอะไรไหม ยังมีหน้ามาพูดอีกหรอ นั่นควรเป็นสิ่งที่ฉันจะถามเธอไหมล่ะ!
ท่านคาบุรากิที่ไม่รู้มาจากไหนก็เห็นฉากฉันนอนอยู่บนพื้น และทาคามิจิคร่อมฉันอยู่ เขาก็ทำหน้าแปลกๆและบอกว่านี่มันกลางโรงเรียนนะ พร้อมหันไปพูดกับทาคามิจิว่ามีแฟนแล้วไม่ควรทำแบบนี้ เดี๋ยวๆๆๆ เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว! มาทำหน้าเคร่งขรึมเจ็บปวดลึกซึ้งอะไรกัน!!!
ทาคามิจิพาฉันมาที่ห้องพยาบาล ฉันลองมองหายาลบความทรงจำอย่างมีความหวัง แต่เหมือนโลกนี้ยังไม่ก้าวหน้าถึงขั้นมียาแบบนั้นสินะ
ขณะที่ฉันหาๆยาอยู่ ทาคามิจิก็บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ที่กระโดดบันไดแค่จะไปติดต่อโลกฝั่งนู้น หะ? ฉันเค้นถามนิดหน่อย แล้วก็ได้คำตอบที่คาดไม่ถึง...
เธอเองก็รู้เรื่องของฉันเหมือนกันหรอ ไงล่ะ ฉันทรงอำนาจสง่างามสุดๆใช่ไหม!
ทาคามิจิอยากรีบไปบอกเธอว่าฉันเปลี่ยนไปแล้วไม่ต้องกังวล ฉันไม่เคยเปลี่ยนซะหน่อย! อย่ามามั่วนะ พอเห็นฉันคุยด้วยก็ได้ใจไปแล้วนะ
แต่สิ่งที่ทาคามิจิเห็นมา ไปไกลกว่าฉันมาก หัวกระแทกพื้นจะช่วยเร่งสัญญาณงั้นหรอ ไว้กลับบ้านลองไปทำดูดีไหมนะ ทำไมเท่าที่ฟังมีแต่เรื่องท่านคาบุรากิอีกแล้วล่ะ เดี๋ยวนะ? หะ! เป็นคู่หมั้น!!!
ฉันต้องดีใจสิ คงเพราะว่าคนที่อยู่ตำแหน่งนั้นไม่ใช่ฉันเองล่ะมั้ง เลยรู้สึกไม่ดี เอ็นโจโลกนั้นจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ... แล้วทำไมฉันต้องนึกถึงหมอนั่นขึ้นมาล่ะ!
พอฟังเรื่องครอบครัวฉันโลกนั้น ทำเอาฉันพูดอะไรไม่ออก... ความรู้สึกปนเปจนบรรยายอะไรไม่ถูก เธอปรับตัวได้ยังไงน่ะ...
ทาคามิจิถามฉันว่าทำไมถึงชอบท่านคาบุรากิ ก็เขาหล่อดีอ่ะ ดูเท่ด้วย สุขุมเยือกเย็น เวลายิ้มก็ยิ้มแบบขรึมๆ เวลาโกรธก็ดูโมโหร้ายดี อ้อ แล้วก็รวยและมีชาติตระกูลดีเหมาะสมกับฉันเอามากๆเลย
อีกฝ่ายฟังแล้วก็ยิ้มๆ บอกว่าโลกนี้จริงๆท่านคาบุรากิไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก เอ๋?
อย่าบอกนะว่า...ท่านคาบุรากิเองก็ทะลุมิติมาเหมือนกัน! ช่างเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตอะไรเช่นนี้ สมกับเป็นเนื้อคู่ของฉันเลยจริงๆ
ทำไมเมื่อกี้ฉันเผลอคิดว่าอยากให้เอ็นโจทะลุมิติมาด้วยกันแทนคะ! อะไรเนี้ย!!! อากาศคงร้อนมั้ง ฉันจะไปคิดถึงหมอนั่นทำไมกัน
เราไปหาท่านคาบุรากิด้วยกัน แล้วก่อตั้งแก๊งค์เฉพาะกิจ 3 คน ตามหาเส้นทางกลับโลกเดิม
ทาคามิจิเองก็คงอยากให้เธอกลับมา ท่านคาบุรากิก็ไม่แปลกที่จะอยากกลับไป
ทั้งคู่คุยเรื่องทฤษฎีมิติเวลาอะไรกันน่ะ ไม่รู้เรื่องเลย สิ่งที่ฉันเห็นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนทาคามิจิบอก เงื่อนไขกาลเวลาพวกนี้ ยิ่งฟังยิ่งงง ฉันได้แต่เหม่อมองท้องฟ้าเวลาสองคนนั้นคุยกัน
ทาคามิจิและท่านคาบุรากิให้ฉันทำอะไรแปลกๆหลายอย่างที่คิดว่าจะช่วยให้กลับโลกเดิมได้ ฉันทำบ้างไม่ทำบ้าง ทำส่งๆขอไปที ไม่ใช่เพราะฉันไม่อยากกลับโลกเดิมหรอกนะ! ฉันไม่ได้มีความรู้สึกอบอุ่นจนอยากอยู่โลกนี้ตลอดไปซะหน่อย! แต่เรื่องพวกนี้ทำไปก็เท่านั้นแหละ ไร้สาระชะมัด
ฉันจะอยากอยู่โลกนี้ไปทำไมล่ะ...
(สักวันหนึ่ง)
ฉันนั่งแปะใกล้ๆท่านคาบุรากิเหมือนทุกที และมองเอ็นโจแค่แวบเดียวเอง ท่านคาบุรากิก็ถามว่าเมื่อไหร่จะเลิกติดหนึบเขาเพื่อให้เอ็นโจด่าซะที โลกนี้เอ็นโจไม่ทำงั้นหรอกนะ ตรรกะอะไรกันน่ะ! ฉันไม่ได้อยากให้เอ็นโจด่าซะหน่อยนะคะ หมอนั่นด่าทีก็น่าเบื่อมากๆ เอาแต่ใช้คำเดิมๆ พูดเรื่องเดิมๆ ไม่มีอะไรให้ด่าแปลกใหม่เลย ขนาดฉันลองแกล้งแต่ละคนต่างๆกันไป เอ็นโจโลกเก่าก็ยังด่าคล้ายกันเลย ไม่สร้างสรรค์ซะนิด
สุดท้ายฉันก็ไปหายูกิโนะคุงที่ Petit ไปหาคนที่ฉันอยากจีบจริงๆดีกว่า ยูกิโนะคุงยังน่ารักเหมือนเดิมเลย เอาขนมมาให้ด้วย! ฉันบอกวิธีเย็บปักครั้งที่แล้วที่เขาถามไว้ และเอาผ้าพันคอลายกระต่ายกับตุ๊กตาหิมะที่ทำเองให้เขาด้วย ถึงไม่เหมาะกับหน้าร้อนเท่าไหร่ แต่ถ้าอยู่ในห้องแอร์หนาวๆก็ใส่ได้นะ ยูกิโนะคุงขอบคุณแล้วยืนยันว่าจะใส่แน่นอน! น่ารักจังเลย อือออ ที่นี่คือสวรรค์ใช่ไหม
ฉันเจอเด็กน้อยที่ชื่อมาโอะจังกับยูริคุงด้วยล่ะ ทั้งสองคนก็เข้ามาคุยกับฉันเหมือนกัน น่ารักเกินไปแล้ว ที่นี่คืออะไรกัน ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีสถานที่ที่ดีขนาดนี้ในซุยรันด้วย
วันนั้นขณะที่ฉันจะเดินไปขึ้นรถกลับบ้านก็เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนคุยอยู่กับทาคามิจิ ดูจะเป็นเด็กม.ต้นนะ
พอฉันแอบเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เด็กคนนั้นก็เหมือนสังเกตเห็นฉัน แล้วทักทาย “โคโรเน่ อยู่นี่เอง!”
หะ? โคโรเน่?! เธอมีชื่อหลายชื่อจังเลยนะ
ทาคามิจิดุเด็กคนนั้นให้เรียกฉันว่าคุณคิโชวอิน ก่อนหันมาขอโทษแทน เอ๊ะ นั่นคุณน้องชายของทาคามิจิหรอ ชื่อคันตะคุงสินะ
คันตะคุงเดินมาหาฉัน แล้วบ่นๆว่าช่วงนี้ไม่มาหาที่บ้านเลยนะ ก่อนจะอวดว่าคิดขนมสูตรใหม่ได้ ตอนนี้ใช้อยู่ที่ร้านด้วย! เด็กๆนี่น่าเอ็นดูจังเลย
พอคันตะคุงพูดเสร็จก็ยื่นกล่องอะไรให้ฉัน ขนมปังม้วนๆมีไส้ตรงกลางนี่มันอะไรกันน่ะ แต่ลองกิน ก็อร่อยดีนะ
หรือว่าสาเหตุจริงๆที่เธอไม่หมั้นกับท่านคาบุรากิ ไม่ใช่เพราะยูกิโนะ แต่เป็นคันตะคุง?! รักต่างชนชั้น!!! เพราะแบบนี้เธอถึงเปิดกว้าง เป็นเพื่อนได้หมดกับทุกชนชั้นงั้นหรอ
ท่านพ่อมองอะไรคะ ไม่แบ่งให้หรอก
(วันที่ฉันฝัน)
ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าที่นี่ไหน แต่ก็พอเดาว่าน่าจะเป็นความฝัน ช่วงสภาวะที่ว่างเปล่า ฉันเห็นภาพตัวเองทับซ้อนกัน ก่อนจะมองเธอร้องไห้จากสิ่งที่ฉันทำ...
เธออยู่ห้องติดกับท่านคาบุรากิงั้นหรอ? เอ๋?! อย่าบอกนะว่าตอนนี้เธอเป็นแฟนกับท่านคาบุรากิแล้ว คนรักแบบจริงๆ ไม่ใช่คู่หมั้นจากการบังคับ
แต่ท่านคาบุรากิที่ฉันเห็นคือคาบุรากิจากโลกนี้สินะ รู้สึกแปลกตาอย่างบอกไม่ถูก ไม่เคยเห็นท่านคาบุรากิกอดใครอย่างอ่อนโยนแบบนั้นมาก่อนเลยนะ แถมยังอุ้มอย่างทะนุถนอม และห่มผ้าให้ ก่อนจะหลับไปโดยกุมมือนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ
ไม่นานนักฉันก็เริ่มเข้าใจว่าเธอหนีออกจากบ้าน ทะเลาะกับท่านพ่อท่านแม่ ยืนยัดต่อต้านในสิ่งที่ฉันจะไม่มีวันทำ... งี่เง่าชะมัด ปัญหาครอบครัวพวกนั้น ฉันต้องเป็นคนกลับไปสู้เองสิ! อย่ามาทำแทนฉันแล้วนั่งซึมนะ!!! ว่าแต่ทำไมทาคามิจิไม่เห็นบอกฉันเรื่องนี้เลย...
ผ่านไปสักพัก ฉันก็เห็นภาพเหมือนเหตุการณ์ย้อนหลัง เอ็นโจมองเธอและคาบุรากิวิ่งไปด้วยกัน แววตานั้นเศร้าไม่ปิดบังแบบที่ฉันไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน
แต่ถ้าเอ็นโจจะชอบเธอก็คงไม่แปลกล่ะมั้งนะ... เธอเป็นที่รักของทุกคนนี่น่า ขนาดฉันทำเรื่องเลวร้ายแค่ไหน ก็มีคนมาคอยปกป้องอยู่ดี
ทำไมเอ็นโจถึงแอบมองเธอกับท่านคาบุรากิอย่างเจ็บปวดอยู่เสมอกันนะ ทั้งตอนที่พวกเธอคุยกัน อยู่ด้วยกัน เผชิญหน้าและต่อสู้กับเขา ฉันได้แต่มองแววตาเศร้าหมองของเขา ดูเขาค่อยๆถอยออกห่างไปเรื่อยๆ
ฉันเผลอพยายามแตะเขา แต่เพราะเราอยู่คนละมิติ จึงไม่สามารถเห็นหรือสัมผัสกันได้...ฉันแค่อยากทดลองเฉยๆ ไม่ได้คิดจะกอดปลอบหมอนั่นหรอกนะ!
ห้ามกลายเป็นคนอ่อนแอแบบนั้นนะเอ็นโจ! น่าขนลุกชะมัด หัดสู้ซะบ้างสิ!!!
บางทีอาจจะควรคิดที่จะกลับโลกเดิมอย่างจริงจังแล้วล่ะมั้ง...
-------------- (จบตอน 37) --------------
กรี้ดดดดดดด ทะลุมิติ เรย์กะคิมิ กับเอ็นโจวคิมิ เดนหน้ารัวๆว่ะ กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เรือเอ็นโจฟินมากกกกกก แต่เรือคาบุรากิก็มีความฟินแฝงอยู่เช่นกัน
.
.
.
.
.
.
ประโยคตอนเอ็นโจรับโทรศัพท์คาบุรากิ
"อื้อ. อื้อ. ตอนนี้เหรอ? ตอนนี้อยู่ข้างนอกดื่มกาแฟอยู่น่ะ. เปล่า, ไม่ได้อยู่เดียวหรอก. เอ, ใครน่ะเหรอ, คิโชวอินซัง. เปล่า, ไม่ได้สัญญา(yakusoku แต่แปลว่านัดน่านะดีกว่า)เอาไว้หรอก. เจอกันโดยบังเอิญที่ร้านน่ะ
กนกรำนำยกมกไ้เดดสก คืออะไรรรรรรรร!! อร๊ายยยยยย มีการถามด้วยว่าที่เจอกันนี่นัดกันมารึเปล่า \(//∇//)\
(แบบไม่ติดฟิลเตอร์: หรือจะแค่อิจฉาที่มาเที่ยวกันสองคนไม่ชวนฟระ555)
>>814 ถ้าเป็นโชโจเรื่องอื่นนางเอกคงจะ ว้าย เขิน โดขิๆไปนานละ ถถถ
สครีมอีกนิด
.
.
.
.
.
ตอนเอ็นโจพูดว่าไม่คิดว่าเรย์กะจะรู้จักร้านนี้ แล้วเรย์กะบอกว่าวันก่อนมากะคาบุ เอ็นโจก็ถามซ้ำ มองแปลกๆด้วยนะ~ กรี๊ด
ระหว่างเอ็นโจคุยโทรศัพท์ เรย์กะก็ดูตะขิดตะขวงว่าปลายจะเป็นยุยโกะเบาๆ บางทีตาไก่โง่ก็มีประโยชน์ตรงที่สร้างความสงสัยข้องใจให้เรย์กัเหมือนกันนะ
>>816
.
.
.
.
.
ไม่ๆมึงอย่าคิดงั้น พวกเราแล่นเรือมาถูกทางแล้ว!!
สไตล์ที่อ.แกเขียนคือ พอมีโมเม้นที่หลอกให้คิดว่าฤดูใบไม้ผลิจะมาเยือนท่านเรย์กะแล้วทีไร คานก็จะมาเยือนทุกรอบ โดยการใส่แฟนไม่ก็คนที่แอบชอบมา!! (โดนมาหลายรอบทั้ง อาคิซาว่า หัวหน้าห้อง ตาไก่โง่ โทโมเอะ อามาโอะที่ชอบพาไปกินข้าว ฯลฯ)
แต่กรณีเอ็นโจ คาบุคือเขียนให้เรย์กะเป็นคนหักธงเองซึ่งไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นพระเอกต้องเป็นหนึ่งในสองคนนี้แหละ!
ฟิคคู่หูมุมมองท่านเรย์กะคิมินี่ซึนน่ารักมากกก ตอนแรกไม่ค่อยปลื้มแต่ตอนนี้นางน่ารักมากจริงงงๆ ฮือ ดีงาม TwT รีบทะลุมิติกลับมานะ จอมมารคิมินี่ขมขื่นละเกิน55555555
>>804 - >>807 พอลองอ่านฟิคเรย์กะคิมิ มันทำให้รู้สึกตัวว่าจริงๆเรย์กะนิยายดูเพอร์เฟ็คมากอ่ะ หน้าตาดีดั่งตุ๊กตา วางตัวดี มีมารยาทสมเปนคุณหนู ยิ้มๆนิ่งๆ ดูน่าเกรงขามดั่งจักรพรรดินี เรียนก็เก่ง กิจกรรมก็ทำ สมัยเด็กๆอาจารย์ก้เคยชม(จากที่มาโอะจังเคยบอก) ชอบเย็บปัก ชอบทำอาหาร(แม้ว่าจะทำเละก้เถอะ แต่คนนอกไม่รุนี่นา) เปนคนรักครอบครัว รักเด็ก รักสัตว์? ชอบช่วยเหลือคน ไม่แบ่งแยกชนชั้น นี่ถ้าไม่ติดว่าสมุนของเรย์กะไปแอบข่มขู่ลับหลัง นางต้องเปนผู้หญิงที่ป๊อบมากแน่ๆอ่ะ ดีงามขนาดนี้ ทำไมไม่มีใครมาสารภาพรักนางบ้างเนี้ย
>>828 กูกำลังคิดอยู่ว่าจริงๆอาจจะมีคนชอบก็ได้นะ จากตอนน้องแว่นที่เคยพูดถึงเด็กผู้ชายในโรงเรียนที่ต่อหน้าทำเป็นกลัว แต่พอลับหลังก็ชอบพูดจาแนวแหย่ๆแซวๆถึง เด็กมัธยมจะชอบเป็นนั้นซะด้วยสิ แบบถ้าไม่ได้สนใจอะไรเลยก็ปล่อยเบลอๆไปละไม่มีต้องพูดถึงอะไร แต่คิดว่าอาจจะโดนกีดกัน ข่มขู่ ปกป้อง(ห้ามใครมายุ่ง)สุดพลังจากสาวๆสาวกท่านเรย์กะ ซึ่งกูว่าฝูงผู้หญิงม.ปลายสายคลั่งไอดอลไม่ลืมหูลืมตานี่มีความน่ากลัวมากกกก แบบหลายทีก็ดูมาสายยัน ทั้งตามเมะตามนิยายและโลกความจริง คิดว่าคงดูหลอนน่ะถ้าจะต้องแบบเดินไปสารภาพรักหรือแสดงออกว่าชอบต่อหน้าสายตาไฮยีน่าสาวทั้งขโยง และหลังจากนั้นก็กลายเป็นศัตรูกับผู้หญิงทั้งโรงเรียนด้วยข้อหาอะไรแนวๆยังไม่ดีพอ ทำองค์จักพรรดินีต้องแปดเปื้อนอะไรแบบนั้น สยอง~~
ท่านเรย์กะไม่ว่าจะในนิยายหรือคิมิดอลก็มีสกิลปักธงสาวๆสินะ แค่เรย์กะคิมิมีสกิลล้มเทพด้วย/แจ่วเรือแปป
เริ่มประกวดชื่อกระทู้หน้ากันได้แล้วนา
>>828 กูว่าคงมีคนชอบแหล่ะ แต่ไม่มีใครกล้าหาญไปบอกรักเพราะสาวๆที่รายล้อมนางอยู่ว่ะ เข้าถึงตัวยากมาก มีหนุ่มมาแซวนะ แต่โดนเซริกะกับคิคุโนะลากไปสั่งสอนทันควัน แถมเป็นข่าวแบบโรแมนซ์ๆ(แม้จะมโน) กับสองหน่อนั่น คือทั้งเอ็นโจทั้งคาบุมันเลิศ มันเพอร์เฟคสุดในโรงเรียนแล้ว จะเอาอะไรไปสู้ได้ ก็เลยมองอยู่ห่างๆมั้ง
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับรำวงล้อมชาบู TAG LOVE キタ――♪ o(゚∀゚o) (o゚∀゚o) (o゚∀゚)o キタ――♪ ภารกิจทำลายคานครั้งที่ 11 ฮุยเลฮุย!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ท่าเท้าคาง จ้องเรย์กะกินเค้ก แล้วถามว่า อร่อยมั้ย?
กับท่าเอานิ้วชี้จุ๊ปาก แล้วบอกความลับ! นี่ดาเมจแรงอิบอ๋าย ฟน่กดำพ ฟดิฟบนดอฟำบอ้นดำบฟ
ตกลงนี่เอ็นโจเป็นผู้สืบทอดผู้ใหญ่บ้านคาสโนว่าต่อจากอิมาริใช่มั้ย ตอบ!!!!!
>>834 เออ จริงๆกูมีจุดที่แอบสงสัยอยู่เบาๆ คือ ตอนคาบุมันคุยกับคุณอาคิมิเรื่องอาหารใช่ป่ะ แล้วเรย์กะก็คิดอยู่ในใจว่าหัดไปเรียนสกิลเอาใจสาวจากหมู่บ้านคาสโนว่าหน่อยไป๊ แล้วตอนวันเกิดยูกิโนะ คนจากหมู่บ้านคาสโนว่ากลายเป็นเอ็นโจซะเอง.........
นายมีพลังอ่านใจได้จริงๆใช่มั้ยเอ็นโจ 5555555555555555555 เขาคิดอะไร ก็ทำให้เขาทันทีไม่ต้องมีร้องขอ
ก่อนหน้านั้นนายยังชมแค่เหมาะมากเลยแล้วก็จบกันไป แถมไปพูดเรื่องไดเอทจนโดนเขม่นอีก สกิลชมติดลบมากกกกกกก ผู้หญิงห้ามพูดถึงเรื่องความอ้วนนายไม่รู้รึไง แต่พอมาปัจจุบัน สกิลอ้อยสาวพุ่งพรวดๆๆๆๆ ทำเรย์กะหวั่นไหวใจเต้นได้นี่แอบไปติวกับอิมาริแบบลับๆใช่มั้ย
>>835 กูเห็นด้วย ไปติวมาแล้วแน่ๆ 555555 เพราะว่าไปสืบมาแล้วว่าเรย์กะชอบแบบอิมาริ
ในงานเลี้ยงเรย์กะก็ดูชื่นชมอิมาริด้วย เอ็นโจอ่านสีหน้าเก่งจะตาย
.
.
.
.
.
.
ถ้ากูจำไม่ผิดมันจะมีตอนนึงที่เรย์กะ บอกคาบุรากิตรงๆเลยว่าให้ไปเรียนวิธีเทคสาวจากอิมาริ
เอ็นโจกูอยู่ด้วย ทำหน้าอึ้งๆไป ก็ไปเรียนมาแล้วใช่มั้ย นายน่ะ ถถถถถถถถ
>>836 กูนึกภาพอิมาริเปิดคอร์สติวแบบเร่งรัดให้ เขียนไวท์บอร์ดวิเคราะห์ลักษณะของเอ็นโจเลย แบบ...จุดเด่นของนายคือแบบนี้ๆๆๆๆๆ แล้วข้อด้อยของนายคือ อันนี้ๆๆๆๆๆๆๆ เวลาปฏิบัติตัวกับสาวน่ะต้องทำแบบนี้ๆๆๆๆๆๆ จับเรียนภาคทฤษฎีเสร็จ พาออกภาคปฏิบัติทันที ถ้าทำสาวระทวยได้คือสอบผ่าน ซึ่งเอ็นโจคงผ่านฉลุยในครั้งเดียว 55555555555555555555555
>>837 อืออ แต่กูก็แอบอยากให้เขาทำตัวคาสโนว่ากับเรย์กะคนเดียว
เอ็นโจแม่ง สุภาพบุรุษเกินไป หัดปฏิเสธอื่นบ้าง กูหวงงงให้เรย์กะ ฮืออ
.
.
.
.
.
.
.
>>836 พอดีตรงนี้มันมีประเด็น ขอพูดในฟิลเตอร์คาบุรากินิดนึง
หลังจากนั้น มีงานเลี้ยงซักอย่าง เรย์กะเจอกับเอ็นโจที่มาพร้อมยุยโกะ
เกิดเดทแอร์ล่ะทีนี้ นางก็ลนลานแบบทำไงดีว้า แล้วคาบุรากิก็ขี่ม้าขาวมาพานางออกจากวง (ตอนนี้โครตพระเอก)
พานางไปเดินเล่นในสวน ผ่านพุ่มดอกไฮเดรนเยียร์ (รึเปล่าวะ)
แล้วไปเจออิมาริกำลัง อี๋อ๋อกับสาว เรย์กะตกใจมาก คาบุรากิเลยพูดประมาณว่า
"เห็นแบบนี้แล้วยังจะให้ฉันไปเรียนกับอิมาริอีกหรอ?" /// อุ๊ยทำไมกูกร๊าววจะว้าาาาา จำคำของเรย์กะได้ด้วย
จากปัญหากันถกเถียงกรณีของ ยุยโกะซัง กูค่อนข้างเห็นด้วยนะเว่ยว่าพวกเราเข้าข้างท่านเรย์กะมากเกินไป แต่ละประเทศก็มีวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนกันล่ะนะ ประเทศไทยมันสยามเมืองยิ้ม จนการยิ้มถือเป็นมารยาทการทักทายอย่างหนึ่ง
ในมุมมองของคนไทยนั้น กูลองถามป๋า ป๋ากูก็แฟนคลับเรื่องนี้่ ทีมเรือเอ็นโจนะจ๊าาา จากมุมมองป๊า การทักทายโดยการแค่ยิ้มให้ถือว่าไม่เสียมารยาท ถ้ายิ่งทักทายพูดคุยยิ่งไนซ์เข้าไปอีก แต่จะให้ทักบ่อยตลอดทุกครั้งที่เจอหน้ามันก็เกินไปอีกทั้งอาจจะร้างความรำคาญให้อีกด้วย.... กูแอบค้านในใจนิดหน่อย เด็จพ่อคะ!! เขาทักบ่อยมันดีไม่ใช่เหร้อ!! สงสัยคงจะเป็นกรณีที่ทักบ่อยในวันเดียวกันมั้ง....
ยังไงๆก็ต้องติดตามดูตอนต่อๆไป อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจ ดีไม่ดี ยุยโกะอาจจะมาถูกสอยมาเป็นพรรคพวกท่านเรย์กะ และอาจจะมาร่วมชงท่านเรย์กะกับเอ็นโจก็ได้ใครจะไปรู้ววววว
แต่กูหมั่นไส้เอ็นโจชะมัด!!! ขอทำร้ายหน่อยเถอะ!!!
แรงบันดาลใจ >> https://www.youtube.com/watch?v=End21AxJraM
คิดชื่อฟิคกาวไม่ออก..... ถถถถถ #ระวังปวดตับ...
น่าจะ 3 ตอนจบ มั้งนะ ถถถถถถถถ
-----
' ผมจะเป่าลมหายใจแห่งชีวิต ลงสู่ริมฝีปากที่มิอาจเอื้อนเอ่ย '
' คืนนี้คุณจะ [ฟื้นคืน] กลับขึ้นมา [ที่รัก]'
' ดั่งสภาพที่ไม่ต่างจากวันวานเลย '
-----
ณ โบสถ์ขาวงดงามบริสุทธิ์ที่ซึ่งถูกออกแบบและสร้างออกมามาอย่างวิจิตรบรรจงทั้งภายนอกและภายในที่ซึ่งใครก็ตามที่ได้ยลล้วนแต่ต้องชื่นชมออกมาอย่างอดมิได้ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่โบสถ์แห่งนี้ถูกใช้งาน ทั่วสถานที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สดสีขาวสวยมากมายหลากชนิดดูสดใส แต่ต่อให้สิ่งรอบข้างถูกจัดแต่งให้ดูสวยงามเพียงใด ทุกคนที่มาร่วมงานล้วนแต่ไม่มีกะจิตกะใจจะชื่นชมพวกมันสักนิด
จุดประสงค์ที่ตกแต่งสถานที่ให้สวยสดงดงามมีเพียงแค่อย่างเดียว
นั่นคือการกลบบรรเทาความเศร้าโศกอาลัย ให้ผู้ตายได้จากไปอย่างสงบ.....
ภาพหญิงสาวที่แม้วัยจะล่วงเลยถึงเลข 4 แต่ก็ยังคงความสวยสง่าไว้ไม่เสื่อมครากำลังเกาะอยู่ที่ขอบโลงไม้ฉลุลายสีขาวบริสุทธิ์ขอบทองโดยมีชายสองคนคอยประคองไว้อยู่ ภายในนั้นมีร่างของหญิงสาวในชุดเดรสขาวสะอาดหน้าตาน่ารักสะสวยละม้ายคล้ายเธอกำลังหลับไหลอยู่ท่ามกลางเหล่าผกาขาว แต่ต่อให้เรียกชื่อหรือปลุกสักเท่าไหร่ เธอก็จะไม่มีทางตื่นขึ้นมา..... ทั้งสามวางกุหลาบขาวพิสุทธิ์ไว้ข้างร่างหญิงสาวแสดงความอาลัย
"เรย์กะ ฮึก เรย์กะลูกแม่"
"หลับให้สบายนะลูกพ่อ"
"น้องจะอยู่ในใจของพวกเราไปตลอดกาล"
แม้คืนวันจะผันผ่านไปสักเท่าไหร่ คุณหญิงบ้านคิโชวอินก็ยังคงทำใจไม่ได้ต่อการสูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รัก [คิโชวอิน เรย์กะ] ถ้าไม่มีบุตรชายและสามีของเธอคอยประคองพยุงไว้ ร่างทั้งร่างก็พร้อมจะทรุดลงไปทุกเมื่อ
เธอเอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดผมที่ปรกหน้าของลูกสาวออกเพื่อให้เห็นใบหน้าสวยน่ารักได้ชัดเจนถนัดตา เพราะนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ที่จะได้เห็นใบหน้าลูกสาวของตน ใจทั้งใจสั่นสะท้านพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อต้องรับรู้ถึงความจริงที่ตอกย้ำ เธอร้องไห้ออกมาอย่างไร้เสียงและยังคงหลอกตัวเองอยู่ทุกวันคืนว่าลูกสาวไม่ได้จากไปไหน ยังคงอยู่กับเธอและครอบครัวเสมอ แต่ยิ่งหลอกตัวเองเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น
ไม่มีอีกเเล้ว....
ลูกสาวผู้น่ารักที่ต่อให้เติบโตเป็นสาวสะพรั่ง แต่ก็ยังคงทำตัวเป็นเด็กคอยออดอ้อน สามี ลูกชายและเธอเสมอ เจ้าหญิงน้อยกลางใจทุกคนในบ้านนั้น
ไม่มีอีกต่อไปแล้ว....
ร่างของเธอจวนเจียนจะเป็นลมล้มลงไปจนทุกคนส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกอกตกใจ โชคดีที่ทั้งสามีและลูกชายเธอประคองไว้ได้ทันและพากลับไปนั่งที่ แขกเหรื่อเริ่มทยอยกันนำดอกไม้ไปร่วมไว้อาลัย เธอนั่งมองและเริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้ง.... เหล่าบรรดาคุณหญิงที่มาร่วมงานต่างพากันเข้าไปปลอบหวังให้ความเศร้าและเจ็บปวดจากการสูญเสียทุเลาลง
ไม่ใช่เพียงแค่คนในครอบครัวและญาติพี่น้องวงศ์ตระกูลเท่านั้นที่เศร้าโศกเสียใจ เหล่าเพื่อนฝูง รุ่นพี่ รุ่นน้องและครอบครัวของพวกเขาเองก็อาลัยต่อการด่วนจากไปอย่างกระทันหันของหญิงสาวผู้เป็นดั่งตำนานของซุยรันคนนี้
ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่เพื่อมาเจอหน้าและอำลา....กันเป็นครั้งสุดท้าย
เซริกะ คิคุโนะ และทุกคนในกลุ่มของเรย์กะ พวกเธอต้องการจะอำลาท่านเรย์กะของพวกเธอด้วยรอยยิ้มเท่านั้น ทันทีที่นำดอกไม้ไปไว้อาลัยและกลับมานั่งที่ น้ำตาก็พลั่งพรูออกมาอย่างฝืนทนกลั้นไว้ไม่อยู่
ซากุระนั้นก็ไม่ต่างกัน เธอฟุบหน้าลงกับอกของอาคิซาวะคนรักของเธอและปล่อยโฮออกมาไม่หยุด
ริรินะเองก็เซื่องซึมดูไม่เป็นตัวของตัวเองและร้องไห้ออกมาอย่างเงียบงัน
ช่างเป็นวันที่ทุกคนไม่อยากให้มันเกิดขึ้นจริงๆ บาทหลวงทำท่าจะกล่าวปิดโลงเพื่อทำพิธีฝังต่อไปเมื่อเห็นคาบุรากิ มาซายะ และ ทาคามิจิ วาคาบะ ซึ่งเป็น2คนสุดท้ายนำกุหลาบมาไว้อาลัยเสร็จ
มาซายะกับวาคาบะทำหน้าเครียดทันทีและหันกวาดตาคล้ายมองหาอะไรสักอย่าง แต่ก่อนที่จะได้กล่าวอะไรออกมานั้น ประตูโบสถ์ก็พลันเปิดออกพร้อมกับการปรากฎตัวของชายหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์ผู้หนึ่งที่ดูเหนื่อยหอบและร้อนรน ทันทีที่ได้เห็นชายคนนั้น มาซาะยะกับวาคาบะก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ ทุกสายตาจับจ้องไปยังผู้มาใหม่โดยพร้อมเพรียงกัน
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อปรับให้เข้าที่และเดินตรงเข้ามา ท่ามกลางเหล่าแขกเหรื่อที่สวมชุดไว้ทุกข์สีดำ เสื้อกาวน์สีขาวสะอาดพัดสะบัดดตามแรงลมที่เข้ามาและการก้าวเท้าของเจ้าตัว เขาโค้งขอโทษคุณหญิงและครอบครัวที่มาช้าเนื่องจากมีเคสบังคับกระทันหัน
"ไม่เป็นไรค่ะ" เธอยิ้มให้อย่างเข้าใจ คุณหญิงข้างๆจึงเอ่ยต่ออย่างเศร้าสร้อย
"ชูสุเกะ ลูกไปลาหนูเรย์กะซิจ๊ะ"
"ครับ"
เมื่อชูสุเกะหันกลับไปยังแท่นวางโลงที่มีร่างของหญิงสาวผู้เป็นที่รักของเขาอยู่ ในใจก็พลันหนักอึ้ง ทุกย่างก้าวล้วนก้าวออกไปได้อย่างยากลำบาก ยิ่งเขาเข้าใกล้มากเท่าไหร่ สายตาเขาก็พร่าเลือนขึ้นเท่านั้น
และแล้วแขกทุกคนก็ได้เห็นภาพตรงหน้าที่น่าปวดใจที่สุด
"เรย์กะ ขอโทษที่ผมมาช้าครับ" เอ็นโจ ชูสุเกะ แนบแก้มของตนกับฝ่ามือบางที่เย็นเฉียบและเริ่มไร้ความนุ่มนิ่มของหญิงสาวผู้เป็นที่รัก น้ำตาที่เอ่อล้นจนภาพพร่าเลือนเมื่อครู่นี้ได้ไหลรินลงมาและไล่ไปตามแขนที่ไร้ความรู้สึกของหญิงสาว
เป็นภาพที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเห็นใจและเจ็บปวดแทนยิ่งนัก เมื่อคนที่รักกันมากสองคน ตอนนี้เหลืออยู่เพียงแค่คนเดียว.....
"ไม่น่าเลยท่าน ทำไมโชคชะตาถึงกลั่นแกล้งกันเช่นนี้นะ"
"อีกแค่ปีเดียวเท่านั้นเอง....."
ชูสุเกะและเรย์กะนั้นเริ่มคบหาดูใจกันตอมม.6เทอมสุดท้าย และเริ่มหมั้นหมายกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งคู่ได้กลายเป็นคู่รักที่น่าอิจฉาของใครหลายๆคน คำว่ากิ่งทองใบหยกนั้น ช่างเหมาะสมเสียเสียยิ่งกว่าเหมาะสมจนสามารถยกให้คู่นี้เป็นตัวอย่างของคำนี้ได้ ทางฝ่ายผู้ใหญ่นั้นเองก็ตั้งใจว่าจะให้ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อเรียนจบ ชูสุเกะเหลือเพียงแค่อีกปีเดียวเท่านั้นก็จะสามารถจบหมอและสานต่อธุรกิจของครอบครัวตามใจหมาย
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าตัวว่าที่เจ้าสาวในอนาคตเองนั้น.....จะประสบอุบัติเหตุอันน่าโศกสลดไม่คาดฝัน รถของเธอนั้นหักเลี้ยวเสียหลักพุ่งลงจากสะพานข้ามแม่น้ำ อนิจจา.... ประตูไม่สามารถปลดล็อคออกได้ เธอจึงเสียชีวิตลงจากการขาดอากาศหายใจในที่สุด.....
ทันทีที่เขาได้รู้ ก็แทบจะเป็นบ้าเสียสติรีบเร่งรัดไปยังโรงพยาบาลพร้อมทั้งกล่าวใช้อำนาจทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อนเพื่อที่จะได้เข้าไปรักษาชีวิตเธอในห้องฉุกเฉินให้จงได้ รปภ.หรือแม้กระทั่งการ์ดก็เกือบจะรั้งไว้ไม่อยู่ถ้าไม่ทำให้สิ้นสติ
และแล้วเขาก็บ้าเสียสติอีกรอบเมื่อได้ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับการได้รับรู้ว่า 'เธอได้จากเขาไปแล้ว' การ์ดกับรปภ.ต้องมาช่วยกันและยื้อเขาเอาไว้อีกรอบเพื่อไม่ให้เขาขู่ตะคอกและกระชากเขย่าคอเสื้อหมอไปมากกว่านี้ เสียงร้องเจ็บปวดจวนเจียนจะขาดใจดังก้องไปทั่วหน้าห้องพักหมอเวรนั้น
ถึงแม้มันจะผ่านล่วงเลยและไม่สามารถฉุดรั้งเธอกลับมาได้แล้ว เขาได้ไปขอโทษที่ตัวเองไร้มารยาทกลับหมอคนนั้น แต่ในใจเขากลับไม่ได้รู้สึกผิดตาม ยิ่งเห็นหน้าหมอคนนั้นเท่าไหร่ ความแค้นเคืองเกลียดชังก็เริ่มกัดกินขึ้น เขาหายใจเข้าช้าๆปรับให้อารมณ์ความรู้สึกคงที่ เมื่อได้ลืมตาขึ้นก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนดั่งเช่นทุกครั้ง
"ถึงแม้ดอกไม้ทุกชนิดจะเหมาะกับเรย์กะก็จริง แต่...." ชูสุเกะได้แกะห่อกระดาษสีขาวที่ตัวเองโอบอุ้มมาด้วยอย่างเบามือ และแล้วก็ปรากฎดอกไม้สีชมพูอ่อนหวานช่อหนึ่ง ประจวบเหมาะราวกับจงใจ สายลมเย็นที่พัดพานำกลีบดอกไม้ชนิดเดียวกันที่ชายหนุ่มได้สั่งตั้งมาเตรียมไว้เข้ามาในโบสถ์ ทั่วทั้งห้องถูกแต่งแต้มไปด้วยสีชมพูอ่อนหวานและอบอวนไปด้วยกลิ่นหอม "ดอกอุราระที่เป็นดอกไม้ของเรย์กะ เหมาะสมกับเรยกะที่สุด" แขกในงานพากันซาบซึ้งน้ำตาไหลให้กับความรักของชายหนุ่มที่มีต่อหญิงสาว
เขาลูบแก้มของเธออย่างเเผ่วเบาและรักใคร่พร้อมทั้งโน้มตัวลงไปแตะหน้าผาก ครั้งสุดท้ายแล้ว ที่จะได้ทำแบบนี้
"ฝันดีครับ เจ้าหญิงของผม"
>>838
.
.
.
.
.
.
.
สำหรับในตอนนั้นกูชอบโมเม้นที่แบบเจออิมาริป้อสาวแบบเปรียบตัวเองเป็นนกตัวน้อยๆ เรย์กะกับคาบุรากิก็เงิบแดกแล้วต่างฝ่ายต่างหันมามองหน้ากัน 5555 กูรู้สึกกร๊าวใจมากกกก คืออย่างเวลาคุยกับใครแล้วถ้าหันหน้ามามองอีกฝ่ายพร้อมกันในโมเม้นเหวอๆมันรู้สึกแบบ เฮ้ย เราดูเข้ากันได้ ใจตรงกัน คิดอะไรคล้ายๆกันงี้ กับชอบตอนคาบุรากิจะบ่นๆถึงเรื่องเรียนแล้วเรย์กะเอามือสองข้างปิดหูหันหน้าหนี น่าร้ากกกกก จริงๆกูชอบท่านี้ของเรย์กะมากเป็นพิเศษเลยอะ มีตอนที่แสดงกับท่านพี่ก็ฟินเฟร่อ โมเอะ~~~
โลงศพที่บรรจุร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวผู้เป็นที่รักของใครหลายๆคน [คิโชวอิน เรย์กะ] ได้นำมาฝังไว้ที่สุสานประจำตระกูลที่ไม่ห่างจากโบสถ์เสียเท่าไหร่ เมื่อพิธีฝังศพเสร็จสิ้น แขกเหรื่อก็ได้เข้าไปพูดคุยให้กำลังใจกับครอบครัวคิโชวอิน อีกทั้งยังเข้ามาให้กำลังใจเขา
"ที่ๆแรกที่คนตายจะเดินทางไปถึงคือความทรงจำของทุกคน เรย์กะจะเสียใจมากนะถ้านายยังทำตัวไม่รักษาสุถภาพตัวเองแบบนี้" คาบุรากิ มาซายะ ตบบ่าปลอบใจเพื่อนเบาๆทั้งยังขู่ใช้เรย์กะเป็นข้ออ้างเพื่อเตือน
"ใช่ค่ะคุณเอ็นโจ คุณเรย์กะต้องไม่สบายใจมากแน่ๆ" เขาหัวเราะออกมาเล็กน้อยและกล่าวขอบคุณมาซายะกับวาคาบะที่เข้ามาให้กำลังใจเขา
"เรย์กะจะอยู่ในความทรงจำของพวกเราทุกคน [ตลอดไป]"
'ตลอดไป' ก้มหน้าลง กระเเสความคิดบางอย่างไหลผ่านแววตาของเขาแล้วจางหายไปอย่างรวดเร็ว เขาเงยหน้าส่งยิ้มให้กับทั้งคู่เหมือนทุกที
"อื้มใช่แล้วล่ะ 'ตลอดไป' "
-------
END EP.1
To Be ConTinUe
>>839 อ่าาาา แต่สำหรับญี่ปุ่นที่มีค่านิยมไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า แถมมีคำศัพท์อะไรอย่างรอยยิ้มสำนักงาน เจอหน้าครั้งแรกแล้วยิ้มให้นี่ออกจะแปลกๆเหมือนกัน แถมยิ้มให้แต่ไม่ทักนี่แปลกๆเข้าไปใหญ่เลยนะ คือก็ไม่รู้เรื่องต้องรอคนอื่นแนะนำตัวให้มั้ยหรือยังไงแบบก็ไม่ได้แม่นมารยาทมากอะ แต่ไปเรียนมาเทอมนึงเจอกันครั้งแรกพื้นฐานคือโค้งให้แล้วแนะนำตัว เพราะญี่ปุ่นจะเรียกกันด้วยนามสกุลแทนสรรพนามอะ เรียกคุณๆ เธอๆ คือนิดหน่อยไม่เป็นไร แบบคำสองคำอะไรแบบนั้น แต่ถ้าเยอะนี่ไม่สุภาพมากพอสมควร จะเรียกแทนอีกฝ่ายด้วยนามสกุลแทนสรรพนามไปเลยมากกว่าอะ ทั้งนี้ก็ดูกันต่อไป นี่อ่านจากดิบมาแล้วแหละแต่ไม่อยากสปอย แต่คิดว่าคนที่ไม่ชอบก็มีเหตุผลให้ไม่อยู่เหมือนกันล่ะนะ
ส่วนฟิค.... แต่อ่านเกริ่นๆมาก็ลาก่อนนน รู้สึกแบบพอเดามู้ดได้ 5555 ไม่อ่านดีก่านะ ตับเรามันอ่อนแอ
>>838 ไม่รู้แฮะ แต่กูว่าฮีก็น่าจะใช้สกิลคาสโนว่ากับเรย์กะคนเดียวนะ พวกรอบตัวเรย์กะก็บอกฮีไม่ทำแบบนี้กับใคร พวกแฟนคลับก็เหมือน FC ศิลปินที่ได้แต่มองห่างๆ ไม่รู้ตอนอยู่กับยุยโกะฮีทำตัวยังไง เพราะงั้นกูจะดมกาวว่าฮีเป็นคาสโนว่ากับเรย์กะคนเดียวต่อไปปปปปปปปปปปปป
>>839 โถ เอ็นโจ โดนทำร้ายอีกแล้วนะพ่อหนุ่ม น่าสงสารอะไรเช่นนี้ โดนทำร้ายในอฟช. แล้วก็มาโดนทำร้ายในฟิคต่อ กี่ฟิคแล้วเนี่ยที่นายถูกทำร้าย เอาโล่รางวัลคนอดทนประจำปีไปเลย มามะ //กอดปลอบชูสุมอย
>>841 กูเคยคิดนะว่าถ้าอิมาริเป็นคนไทยแล้วพูดแบบนี้เนี่ย ต้องโดนด่าว่าหน้าม่อบ้าง เสี่ยวแดกบ้างล่ะ คำชมแต่ละอย่างนี่ บางอันก็เลี่ยนจนน่าขนลุกเลยนะ ญี่ปุ่นเขาชมสาวกันแบบนี้ป่ะวะ เห็นคำชมอิมาริทีไรกูจั๊กจี้แทนทุกที 55555555555555555555
เออแอบเพิ่มเติมถึงฟิคมึงนะ(เอ๊ะไหนบอกไม่อ่าน 555 แค่สแกนตาผ่านๆด้วยความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้นแหละะะะ คือกูกลัวปวดตับ ถถถ) คือดอกกุหลาบอุราระนี่เรียกสีชมพูอ่อนหวานแล้วรู้สึกขัดแย้งยังไงแปลกๆ มันเป็นกุหลาบที่สีชมพูสดมากกกกกก แบบ brilliant pink เลยอะ คืออีกเฉดเดียวมีแค่เส้นคาบเกี่ยวบางๆ ก็จะกลายเป็นสีชมพูช็อคกิ้งพิงค์ละ สดมั่กกกกจนคนชอบกุหลาบสีนุ่มๆแบบกูคือตกใจ 5555 แต่เคยเห็นคนเอากุหลาบสีแนวๆนี้มาจัดเข้ากับห้องโทนเขียวมินท์ก็ไปได้อยู่เหมือนกัน คือแทบต้องอยู่กับเฉดสีตรงกันข้ามให้ช่วยข่มถึงมองแล้วสบายตาเลยอะ สดเบอร์นั้นกันเลย
>>847 หรือบางทีสาวๆอาจจาชอบเพราะความแตกต่างรึเปล่า คือผู้ชายญี่ปุ่นปกติจะออกนิ่งๆเท่ๆ คีพลุคไม่ค่อยแสดงออกมาก พอเจอยังกะหลุดมาจากมังงะคงฟิน 555 แต่พอนึกภาพแนวอิมาริแล้วนึกภาพบรรยากาศหลายๆอย่างของผู้ชายญี่ปุ่นแล้ว..... คีพคูลกันต่อไปเถอะ! มาถูกทางแล้วจีจี สำหรับกูรู้สึกว่าคาสโนว่าสไตล์ผู้ชายขี้อ่อยนี่เหมาะกับฝรั่งมากกว่าแฮะ คนญี่ปุ่นนิ่งๆก็ดีอยู่แล้วล่ะ ถึงบางทีจะวางมาดนิ่งและเท่แบบองศาแขนขาเป๊ะมากกก เห็นแล้วร้องอุทานเชี่ยยยยในใจ นี่กลับบ้านไปต้องแอบอ่านโชโจมังงะสินะ ไม่งั้นคงแอคท่าหนุ่มคูลที่ดูยังกะหลุดมาจากมังงะไม่ได้ ถถถถถถถถ
>>846 >>847 >>848 อ่อ เพราะหนุ่มๆมันดูเย็นชาๆ ไม่ค่อยแสดงออก สาวๆเลยใฝ่หาความหวาน มีหนุ่มๆมาเอาอกเอาใจแบบในโชโจมังงะกันรึเปล่าวะ ถถถถถถถถถถถถ ประมาณว่าอยากให้เกิดอีเวนท์แบบนี้กับตัวฉันบ้าง ในชีวิตจริงจะมีซักกี่คนที่เคยเจออีเวนท์โชโจอย่าง คาเบะด้ง หรือถูกคนหล่อเชยคางแล้วเอาหน้ามาใกล้ บลา บลา บลา ถ้าเจอแบบนี้อาจจะฟินล่ะมั้ง 55555555555555555
กูเคยเจอหนุ่มแบบอิมารินะ ก็หน้าตาดีพอควร เหนือสิ่งอื่นใดคือความกล้าในการที่จะพูดอะไรเลี่ยนๆออกมา ฮีก็หยอดไปทั่วนั่นล่ะ ไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจัง และกูใช่ว่าจะสวยอะไรก็ชมซะแบบ....เหวออออออ มึงกล้าพูดออกมาได้ยังไง คิดว่ากูจะฟินเหรอออออออ ขนลุกล่ะสิไม่ว่า 5555555555555 แต่ก็เป็นประสบการณ์ชีวิตอีกแบบ นึกทีไรฮาทุกทีที่เคยมีคนมาพูดอย่างนั้น
>>804-807 กรี้ดดดดดดด เรย์กะคิมิซึนได้น่ารักมากอ่ะ ฮาฉากเบียทัน คิดได้ไง 555555 แล้วอะไรคือพอเรย์กะจะทำอาหาร มีหมอมารอ มั่นใจว่าน่าจะมารอรักษาคนกิน ไม่ใช่คนทำ ถถถถถถ
เรย์กะคิมิดูรักโลกนี้มากอ่ะ คือไม่เคยได้รับความรักความใส่ใจแบบนี้มาก่อน คิดอยากอยู่โลกนี้ตลอดไป ดูชอบทุกอย่างในโลกนี้อ่ะ แต่พอเห็นว่าเอ็นโจคิมิเศร้าเท่านั้นแหละ อยากกลับโลกเดิมทันที คือยอมทิ้งความสุขทุกอย่างโลกนี้กลับไปหาเอ็นโจ กรี้ดดดดดดดด
คาบุคิมินี่แอบรั่วหรือเปล่าน่ะ เห็นฉากนั้นแล้วมโนไปไกล ให้ความรู้สึกพูดเรื่องรั่วๆแบบเคร่งขรึมนิ่งๆ หรือว่านั่นเรื่องปกติ 55555
ที่โม่งฟิคคู่หูบอกว่าไม่ล่มเรือเอ็นโจคือแบบนี้ใช่ไหม 5555 เรย์กะคิมิคู่เอ็นโจคิมิ ส่วนเรย์กะก็คู่คาบุไป คาบุก็น่ารักเหลือเกิน ตอนเรย์กะเพิ่งเจอฝันร้ายเกี่ยวกับเรย์กะคิมิ มีการจับมือเฝ้าจนหลับไปด้วยอ่ะะะะะะ ดูแลเทคแคร์อบอุ่นจังงงงง
กูว่าอย่างเอ็นโจคงไม่ไปเรียนตัวๆจากอิมาริหรอก น่าจะครูพักลักจำมา ถถถ
เรื่องหนุ่มในนิยายกะความจริงนี่ คุยกันแล้วก็ทำให้รู้สึกว่า เออ ตัวละครท่านเรย์กะนี่สมจริงแล้วล่ะ ถ้าอยู่ๆโดนพูดอะไรหวานๆงี้ใส่ กูก็คงขนลุกและปล่อยเบลอๆไปเหมือนกันนะ 555555555
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ :ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฟิคกาวมหาประลัยที่อ่านแล้วหัวใจโดขิโดขิกว่าอฟช. ♡♡ (,,,ゝ∀・,,,)ノシ *:・゚✧*:・゚✧♪♪♪♪ กาวถังที่11
ไม่มีใครสนใจเเต่งฟิคสงกรานต์บ้างหรอวะ555555555555
อ่าน 283 แล้วกรี๊ดหนักมาก จนต้องโยนงานทิ้ง แล้ววาดแฟนอาร์ต แอร๊ (//∇//(//∇//(//∇//)
ไปส่องในพิกซีฟเอาเองนะ เขิล โม่งแหกหมดแล้ว ถถถถ (*/∇\*)
คำถามมีสปอยนะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
พี่มู่มู่นี่มีเริ่มพูดถึงเล่มไหนอ่ะพวกมึงรู้ไหม
>>866 อันนี้ใช่มะ https://touch.pixiv.net/member_illust.php?mode=medium&illust_id=62403695
กูขออนุญาติแปะให้นะ เผื่อใครหาไม่เจอ มึงวาดน่ารักกกกกกกก
ทะลุมิติมาไหมวันนี้
ต่อจาก >>804-807 ฟิคคู่หูทะลุมิติ
กลับสู่เนื้อเรื่องหลัก อาจจะมึนนิดหน่อยนะคะ รู้สึกยังเมาๆกับเรือเอ็นโจอยู่เลย 555 ต้องนึกถึงภาพคาบุรากิน้อยเล่นของเล่นในงานวันเกิดยูกิโนะถึงจะเขียนต่อได้
..............…….....
หลังเอ็นโจกินยาแล้ว ก็ไปเปลี่ยนชุดที่เปื้อนอยู่ ให้คนเอาเสื้อมาให้ ฉันแอบได้ยินคาบุรากิพึมพำกับเอ็นโจว่า "ดีแล้วล่ะที่ทำหก ถ้าฝืนกินต่อ นายอาจไม่รอด..." เว่อร์ไปแล้วค่ะ!!!
คาบุรากิเริ่มเทศน์ฉันเรื่องทำอาหารอะไรพิลึก เขาเรียกว่าปรับสูตรนิดหน่อยเพื่อความแตกต่างค่ะ! แล้วนายไม่มีสิทธิว่าใครว่าพิลึกหรอกนะ!!!
ฉันว่าจะกลับห้องไปทำอะไรรอ ปล่อยให้เอ็นโจอยู่คาบุรากิไป จะว่าไปแล้วคาบุรากิอยู่กับฉันตลอดทั้งหลังเลิกเรียนและวันหยุดสุดสัปดาห์เลยนะคะ คิดๆดูแล้ว นายทิ้งเอ็นโจไว้คนเดียวตลอดเลยหรอ แต่เอ็นโจมียูกิโนะคุงอยู่นี่นา น่าอิจฉาจังที่มีเทวดาน้อยเป็นน้องชาย
พอตอนเย็น ฉันก็ไปห้องคาบุรากิอีกครั้ง แต่ทำไมเอ็นโจมาเปิดประตูให้คะ...
มองเข้าไป คาบุรากิกำลังพูดกับท่านพี่อย่างเคร่งเครียดจริงจัง
"จงใจงั้นหรอ! เห็นความรู้สึกคนอื่นเป็นอะไรกัน!!!" คาบุรากิตบโต๊ะ มองท่านพี่อย่างแข็งกร้าว อะไรน่ะ นายเล่นเกมแพ้หรอ
“เกิดอะไรขึ้นคะ" ฉันถาม คาบุรากิชะงักแล้วไม่ตอบอะไร
"เราคุยเรื่องที่งานชมซากุระน่ะ" ท่านพี่ตอบยิ้มๆ
"...เรื่องนั้นต้องขอโทษจริงๆนะคะที่เผลอบอกท่านพ่อท่านแม่ไป"
"ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องกังวลนะ" ท่านพี่พูดอย่างอ่อนโยน ทำให้หัวใจที่รู้สึกผิดของฉันอบอุ่นขึ้นมา
ขอบคุณนะคะท่านพี่ ทั้งๆที่น้องเป็นคนที่แย่แท้ๆ...
คาบุรากิมองท่านพี่อย่างไม่พอใจ แล้วลากฉันไปนั่งด้วย อะไรน่ะ
เอ็นโจยิ้มแย้มพูดเรื่องอะไรไม่รู้กับท่านพี่ ท่านพี่ยิ้มตอบ บรรยากาศภายนอกดูสดใส เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ทำไมยิ่งมอง ฉันยิ่งรู้สึกหนาวๆคะ...คงคิดไปเองล่ะมั้งคะ
เท่าที่ฟังๆ ท่านพี่มีแผนสำรองสำหรับเรื่องนี้ด้วยนะคะ รอบคอบสุดๆไปเลยค่ะ!
ท่านพ่อเปลี่ยนกลยุทธ์การโกงให้แนบเนียนขึ้น แต่ไม่คิดจะเปลี่ยนไปทำอย่างสุจริตเลยค่ะ...
คาบุรากิต้องไปต่อรองกับท่านพ่อด้วยค่ะ ทำเอาฉันช็อก
"ตอนคุยนายต้องทำเป็นเหมือนพร้อมจะโกงไปกับประธานคิโชวอินล่ะนะ" ท่านพี่บอก เป็นวิธีที่ฉลาดจังเลยนะคะ
"ทางที่ดี แสดงให้เห็นว่านายรู้ว่าเรย์กะไม่ชอบ แต่ก็ทำเป็นวางแผนจะให้ความร่วมมือ โดยไม่ให้เรย์กะรู้" เอ็นโจเสริม วิธีร้ายกาจเจ้าเล่ห์จอมมารชะมัดเลยค่ะ แล้วฉันอนุญาตให้นายเรียกฉันว่าเรย์กะตอนไหนคะ! เดี๋ยวก็ชงช็อกโกแลตให้กินอีกแก้วเลย!
ท่านพี่ยิ้มแล้วมองเอ็นโจ ก่อนจะพึมพำเบาๆว่า “หืม” เอ็นโจดูชะงักไปแต่กลับมายิ้มปกติได้ในเวลาไม่นาน
คาบุรากิขยับเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น แล้วงึมงำว่า “น่ากลัวชะมัดเลย” นายหมายถึงแผนการร้ายกาจของเอ็นโจใช่ไหมคะ
ท่านพี่ เอ็นโจ และคาบุรากิคุยอะไรกันก็ไม่รู้ ยิ่งฟังยิ่งงงๆ ท่านพี่ไม่เท่าไหร่ แต่อีกสองคนที่เหลือศึกษาเรื่องธุรกิจพวกนี้ไว้เยอะทีเดียวเลยค่ะ จะยังไงก็ต้องขึ้นเป็นสืบทอดตระกูลนี่เนอะ ฟังดูน่าลำบากจังเลยนะคะ
ฉันในโลกก่อนมีท่านพี่เป็นผู้สืบทอดอยู่แล้วเลยไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ในโลกนี้ท่านพี่หนีออกจากบ้านไปตั้งแต่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ เรย์กะจึงต้องถูกกดดันให้ต้องแต่งงานกับคาบุรากิให้ได้เพื่อรักษาอำนาจ กลายเป็นยุยงจากครอบครัวทำให้หน้ามืดตามัวมองมันเป็นสิ่งที่ต้องทำไป แถมคาบุรากิก็ดีพร้อมจริงๆนั่นแหละค่ะ จะมีสักกี่คนที่ไม่ชอบเขา หมายถึงคาบุรากิในมังงะนะคะ ไม่ใช่คนที่นั่งแหมะอยู่ข้างๆฉัน
ฉันนึกถึงที่ท่านแม่โลกก่อนเคยพูดตอนฉันเด็กๆว่าผู้หญิงไม่จำเป็นต้องตั้งใจเรียนให้เก่งขนาดนั้น ถ้าไม่นึกถึงว่าวันหนึ่งตระกูลคิโชวอินจะล่มจม เตรียมตัวสำหรับเป็นภรรยาที่ดีก็ดีกว่าล่ะนะคะ แต่สำหรับฉันที่เรียนไม่ได้แย่ มีฉายาเป็นเทพธิดา เป็นมิตรกับทุกคน ทำไมถึงไม่มีใครมาสารภาพรักกับฉันในโลกเดิมสักคนเลยคะ... หรือว่าจริงๆแล้ว ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงเรียนเก่ง?!
พอท่านพี่คุยกับเอ็นโจอย่างเคร่งเครียด และคาบุรากิทำแต่มองๆไม่พูดอะไร ฉันก็แอบกระซิบถามเขาดู
“ถามอะไรหน่อยสิคะ ปกติผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงเรียนเก่งหรอคะ”
“หะ? ฉันชอบเธอนะ”
คาบุรากิตอบอย่างจริงจัง งั้นหรอคะ บางทีเรียนเก่งอาจจะไม่ใช่ปัจจัยก็ได้ หรือว่าผู้หญิงเรียนดีคบเป็นเพื่อนได้ แต่มักจะไม่เลือกเป็นแฟน... ไม่สิ คาบุรากิก็ชอบวาคาบะจังนี่ แต่ให้คาบุรากิเป็นตัวแทนผู้ชายทั่วไปไม่ได้หรอกมั้งคะ... เขามักมีความคิดแปลกๆแตกต่างจากคนอื่นอยู่แล้ว... จะให้ฉันไปถามเอ็นโจก็คงไม่กล้าหรอกค่ะ ลองแอบถามท่านพี่ทีหลังแล้วกันนะคะ แต่จริงๆถ้าท่านอิมาริมาวันนี้ด้วยก็คงดีไม่น้อยเลยนะ น่าเสียดายที่บังเอิญติดงานด่วน ตั้งแต่ลูบหัวปลอบฉันคราวนั้นก็ไม่เจอกันอีกเลยนะคะ
คาบุรากิต้องรับการติวอย่างหนัก เพราะความเป็นคนตรงๆของเขาเปิดเผยความคิดมากเกินไป... แต่ว่าแค่ให้เขาทำหน้านิ่งๆเย็นชาปกติก็พอแล้วนี่นา ไม่เห็นจำเป็นต้องทำอะไรขนาดนั้นเลย จริงๆหมอนั่นก็วางตัวเป็นอยู่บ้างนะคะ ในรูปแบบของเขาเอง
ทุกคนตั้งใจช่วยเหลือกันเต็มที่แบบนี้ แต่ฉันกลับไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย... พอฉันตั้งใจจะชงอะไรให้ดื่มกันก็โดนคาบุรากิห้ามเอาไว้...
ดึกพอควรกว่าคาบุรากิเริ่มพอทำได้ เอ็นโจก็กลับบ้าน ส่วนท่านพี่มาส่งฉันที่ห้อง
“หลับให้สบายนะ ไม่ต้องกังวลเรื่องที่เกิดขึ้นหรอกนะ”
“แต่ถ้าน้องไม่บอกเรื่องนั้นไปล่ะก็...”
“นั่นไม่ใช่ความผิดของน้องหรอก” ท่านพี่ยิ้มอ่อนโยน “จริงๆให้พวกเขาคิดว่าเป็นคาบุรากิที่ช่วยน้อง ดีกว่ารู้ว่าพี่มาช่วยนะ การที่พวกเขาป้องกันแค่ฝั่งเดียวเต็มกำลังแบบนั้น ทำให้เกิดช่องว่างอย่างอื่นได้ง่ายทีเดียวล่ะ”
ฉันยืนฟังอึ้งๆ ท่านพี่หัวเราะเบาๆแล้วลูบหัว
“เรย์กะทำได้ดีมากๆเลยนะ ดีกว่าพี่ที่คิดจะทิ้งตระกูลไปหลายเท่า...”
เห็นท่านพี่เศร้าแบบนั้น ฉันก็เลยรีบปลอบ ถ้าไม่ได้ท่านพี่ล่ะก็ ฉันคงลำบากกว่านี้มากเลยล่ะนะคะ
ท่านพี่ก่อนจะออกจากห้องฉันไปก็หันมาถามเหมือนสงสัยคาใจ
“เรย์กะ ถ้ามาซายะกับชูสุเกะชอบน้องทั้งคู่ น้องจะเลือกใครงั้นหรอ”
ฉันชะงัก นั่นมันคำถามอะไรกันคะ!!! ไม่เลือกสักคนเลยได้ไหมคะ...
“เลือกมาซายะใช่ไหม”
ท่านพี่เค้นถาม เทียบกับเอ็นโจ ท่านพี่คงมองว่าฉันสนิทกับคาบุรากิมากกว่าสินะคะ แต่ว่ามีแค่สองตัวเลือกเองหรอคะ...
“ถ้าเลือกจริงๆอาจจะเป็นท่านอิมาริล่ะมั้งคะ”
เทียบกับจอมมารเอ็นโจ และคนแปลกๆแบบคาบุรากิ ท่านอิมาริเอาใจสาวได้ดีกว่าเยอะเลยนะคะ อยู่ด้วยน่าจะทำให้ใจเต้นแบบสาวน้อยได้ตลอด ต่างจากคาบุรากิที่ต้องคอยใจเต้นว่าเขาจะทำอะไรแปลกๆไหม หรือใจเต้นด้วยความกลัวกับเอ็นโจตอนที่ถูกเขาข่มขู่แล้วต้องหาทางหนีเอาตัวรอด...
“หืม”
รอยยิ้มท่านพี่ดูแปลกๆค่ะ แต่ก็บอกลาฉันอย่างอ่อนโยน สงสัยช่วงนี้ฉันคงเบลอมากเกินไปหน่อยล่ะมั้งคะเลยตาฝาดบ่อยๆ
พอท่านพี่ไปได้สักพัก คาบุรากิก็มาที่ห้องฉันค่ะ ก่อนจะบ่นว่าเป็นการฝึกที่โหดจริงๆ ปั้นสีหน้าบ่อยจนเมื่อยหน้า แถมเปลี่ยนแววตาให้เป็นตามนั้นก็ยากมากๆ
“ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าสองคนนั้นทำได้ยังไง”
สองคนนั้นก็อาจจะสงสัยอยู่ก็ได้นะคะว่าทำไมนายทำไม่ได้...
เราคุยอะไรเรื่อยเปื่อยกันสักพัก ก่อนคาบุรากิจะหยิบผมที่ร่วงจากไหล่ฉัน
“ผู้หญิงผมร่วงกันขนาดนี้เลยหรอ” เขาถามอย่างสนใจ
“นั่นก็ปกตินะคะ”
ฉันไม่บอกเด็ดขาดว่าตัวเองเป็นโรคขนร่วงเป็นกระจุก... แต่เพื่อนผู้หญิงฉันก็ประมาณนั้นล่ะมั้งคะ ใช่แล้วค่ะ! ฉันไม่ได้ร่วงผิดปกติหรอกนะ! จริงๆผู้ชายอาจจะเยอะพอๆกันก็ได้นะ แต่พอเป็นผมสั้นๆเลยมองรวมๆดูน้อยกว่า
“ไหนๆฉันจะเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวแวะไปทิ้งผมนี่ให้แล้วกัน”
“อย่านะคะ!”
ฉันร้องเสียงหลง รีบคว้าตัวเขาไว้ มีเคล็ดอยู่ว่าถ้าคนอื่นเก็บผมร่วงไปทิ้งจะทำให้อกหัก อย่าเพิ่งทำฉันอกหักตั้งแต่ยังไม่ทันจีบใครแบบนี้นะ!
“ทำไมล่ะ”
คาบุรากิถาม ฉันเลยอธิบายไป
“แล้วตอนนี้เธอชอบใครล่ะ ถึงกลัวอกหัก”
“อ้า...”
“ประธานนักเรียนนั่นหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ” ฉันตอบอย่างจริงจัง เมื่อไหร่นายจะเลิกเข้าใจผิดว่าฉันชอบนายตัวสำรองซะทีนะ... สเปคฉันไม่ใช่คนเป็นประธานนักเรียนซะหน่อยนะคะ!
“...อย่าบอกนะว่าคนที่เคยมาสารภาพรักเธอคนนั้น?”
ฉันนิ่งไป ลืมไปเลยค่ะ ฉันมีฤดูใบไม้ผลิรอคอยอยู่นี่คะ แค่ต้องล้างคำสาปที่พวกผู้ชายคิดว่าเข้าใกล้ฉันแล้วเกิดหายนะเท่านั้นเอง!
คาบุรากิจ้องฉันสักพักก่อนจะพูด “สรุปหมอนั่นหรอ”
“ก็นะคะ”
“งั้นฉันไปทิ้งแล้วกัน” คาบุรากิพูดเสร็จก็ลุกขึ้นวิ่งไปถังขยะ ฉันรีบตามไปทันที หยุดนะ! ทำบ้าอะไรกันคะ!!! อย่าทิ้งนะ!!!
แต่คงเร่งวิ่งไปหน่อยเลยสะดุดจนล้มลง เจ็บชะมัดเลยค่ะ...
“ไม่เป็นไรใช่ไหม” คาบุรากิชะงัก วิ่งกลับมาหา ถึงจะเจ็บก็เถอะ แต่ฉันก็พลิกวิกฤตเป็นโอกาส แอบหยิบผมตัวเองคืนมา ถึงอย่างนั้นคาบุรากิก็ไม่ได้สนใจผมที่ฉันขโมยกลับไปเท่าไหร่ ดีแล้วล่ะค่ะ
คาบุรากิหาอะไรมาประคบเย็นให้ เอายามาวางเรียงให้ว่าควรใช้อะไรที่ไหนยังไงบ้าง อยู่ด้วยกันอีกสักพักหนึ่งก่อนที่เขาจะกลับห้องไป ดูเหมือนเขาจะลืมเรื่องผมไปแล้ว ดีจริงๆนะคะ
แต่ทันทีที่ฉันหลับตา ความฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง และฉันรับรู้ได้ว่านี่เป็นภาพจากอีกโลกหนึ่ง โลกที่ฉันจากมา...
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เรย์กะจากโลกนี้ไปทำ หัวใจฉันก็หล่นวูบ ครั้งนี้จะเป็นเหตุการณ์แบบไหนอีกนะ...
วาคาบะจังหาเสื้อพละอย่างลนลาน เหมือนมีคนแกล้งราดน้ำใส่เสื้อที่เตรียมมาเปียกหมดทั้งชุด
คาบต่อไปเป็นคาบเรียนพละของวาคาบะจังแล้วสินะ...ฉันรู้สึกกังวลขึ้นมา วันนี้อาจจะมีสอบก็ได้ ถึงไม่มีสอบ การไปสายก็ขัดกับรางวัลนักเรียนดีเด่นที่วาคาบะจังต้องการอยู่ดี แต่จะใส่ทั้งเปียกๆก็ไม่ได้...
ฉันเริ่มระแวง ทำไมฉันถึงได้เห็นภาพนี้ อย่าบอกนะว่าเรย์กะจะโผล่มากลั่นแกล้งวาคาบะจังอีก...
เรย์กะปรากฎตัวจริงๆอย่างที่ฉันกลัว ในขณะที่ฉันเตรียมกรีดร้อง เรย์กะก็โยนชุดพละตัวเองใส่วาคาบะจังเต็มแรง หา?!
"เอาไปซะ เธอนี่น่าสมเพชชะมัดเลย"
"เอ๋?! คุณคิโชวอินก็มีเรียนนี่คะ ทำไม..."
เรย์กะไม่ตอบ แล้วเดินหนีออกจากห้องทั้งๆอย่างนั้น ฉันที่ช็อกอยู่ไม่ได้สังเกตว่าอีกฝ่ายทำหน้าแบบไหนกันแน่
ฉันเห็นเรย์กะโดดเรียนมาจิบชาที่สโมสรในเวลาต่อมา...
ครั้งนี้เมื่อฉันตื่นขึ้นมาก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆอย่างงงๆ
-------------- (จบตอน 38) --------------
ป.ล. ไม่เคยเห็นเรย์กะเรียนพละเลย ไม่รู้ในซุยรันมีหรือเปล่า แต่จำได้ว่าวาคาบะใส่ชุดพละ (ชุดนอกอาคาร?) ครั้งหนึ่งตอนถูกแกล้ง ถ้าไม่มีก็ถือว่าในฟิคนี้บังเอิญเกิดหลักสูตรใหม่ขึ้นมาพอดีแล้วกันนะคะ 555
มีชุดพละนะ แต่ผู้หญิงคงไม่จริงจังกัน
อ่านตอนนี้แล้ว ยืนทำท่าไว้อาลัยเลยค่ะ
มีคนตายแน่ๆ
ลาก่อน
ท่านอิมาริ
"หะ? ฉันชอบเธอนะ”
โอ๊ยยย ตรงกว่านี้ก็ไม้บรรทัดแล้วนะ ยังไม่รู้ตัวอีกหรออออออออ น้ำตาตกในแทนคาบุ ทำไมเรย์กะซื่อบื้อแบบนี้ ริรินะกับซากุระเอาเรย์กะไปสั่งสอนที!
R.I.P. ท่านอิมารินะคะ
>>881-883 แอบสงสัยที่คาบุพูดกับท่านพี่ว่าจงใจงั้นหรอ แล้วดูไม่พอใจมากๆ คือจริงๆแล้วท่านพี่วางแผนตั้งแต่แรกอยู่แล้วหรือเปล่าว่าจะให้เรย์กะบอกท่านพ่อว่าคาบุช่วย ไม่ก็ตัวเองช่วย ดีไม่ดีวางแผนไว้ทั้งสองทางแล้ว รู้สึกท่านพี่ร้ายกาจแบบจอมมารจริงๆอ่ะ แต่ความเป็นซิสค่อนยังโผล่มาให้เห็น โถถถถถ ท่านอิมาริผู้น่าสงสาร ไม่รอดแน่ ครั้งที่แล้วลูบหัวเรย์กะไป ปัจจุบันก็ไม่โผล่มาอีกเลย แต่ท่านพี่ดูชอบคาบุอยู่นะ เหมือนถ้าคนนี้เป็นน้องเขยก็ผ่าน คาบุดูจริงจังจริงใจ เป็นคนตรงๆไม่อ้อมค้อม น่าจะเป็นคนทุ่มเทให้เรย์กะจริงๆ ส่วนพอเป็นเอ็นโจเหมือนอีกฝ่ายคล้ายตัวเองมากเกินไปไม่ไว้ใจ 55555 แต่ถ้าเรย์กะคิมิกลับมาจริงๆ น้องเขยก็ต้องเป็นเอ็นโจอยู่ดีนะท่านพี่ อุปสรรคเอ็นโจนี่เยอะจริง คิดว่าตัวเองรักคนที่เขาไม่รัก แถมสาวยังอยู่คนละมิติ พี่ชายจอมมารก็ดูไม่ชอบอีก สู้ๆนะเอ็นโจ... แต่คงไม่มีใครเจอศึกหนักเท่าท่านอิมาริ โถถถถถ
คาบุพูดตรงแบบโคตรตรงว่าชอบแล้ว แต่เรย์กะยังมาคิดต่อเลยว่า หรือผู้หญิงเรียนดีคบเป็นเพื่อนได้ แต่มักไม่เลือกเป็นแฟน อะไรจะ Friendzone หนักแน่นขนาดนี้ แต่ชอบที่คาบุแอบไปหาเรย์กะต่อหลังท่านพี่กลับไปแล้ว คาบุหึงได้มุ้งมิ้งมาก ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ฉันก็อกหักไปซะะะ หยิบเส้นผมแล้ววิ่ง แต่พอเรย์กะบาดเจ็บก็รีบกลับมาหาทันทีอ่ะ รีบมาดูแลจนลืมไปเลยว่าหึงอยู่ ถึงจะบ้าบอแต่เทคแคร์ดีจริงๆนะคาบุ
ส่วนเรย์กะคิมิซึนจริงจัง ยอมสละเสื้อพละตัวเองให้วาคาบะจัง แล้วยอมโดดเรียน นึกถึงตอนที่แล้วแล้วสงสาร จริงๆนางไม่อยากกลับโลกเดิมเลย แต่เพราะเอ็นโจคิมิเศร้าเนี้ย เลยตัดสินใจจะทะลุมิติกลับมา ใจจริงอยากให้เอ็นโจคิมิทะลุมิติไปหาเรย์กะคิมิเองนะ 5555 แต่เรื่องปัญหาครอบครัว หรืออะไรที่เรย์กะคิมิเคยทำไว้ ก็ไม่อยากให้เรย์กะนิยายเราต้องมาลำบากแทน
ฟิคเรื่องอื่นไม่อัพบ้างเลยเหรออ
>>894 ความหมายละเอียดๆก็ตามลิงค์นี้อะ
https://fanboi.ch/webnovel/3543/921-926/
>>896 ไม่รู้รอฟิคกูอยู่มั้ย แต่กูยังเขียนไม่เสร็จง่ะ กูขอโทษ สูดดมของเก่าไปก่อนละกันนะ
มีใครต่อ เอ็นโจไซด์สตอรี่อีกมั้ย อยากอ่านละเกินนนน โมเม้นหลังจากหิ่งห้อยก็มีแล้วนะ ;__;
ไม่มีใครลองแต่งมุมมองวาคาบะบ้างเหรอ
R.I.P. ท่านอิมาริผู้น่าสงสาร...........
ฟิคทะลุมิติก็ฟินเรือคาบุสุดๆ แต่ก็คิดถึงฟิคเรือเอ็นโจเรื่องอื่นๆเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องเรย์กะสามัญชน
แล้วก็ฟิคงานกีฬาสีอยากรู้มากตกลงวิ่งยืมของเรย์กะไปกับใคร55555 ยังไม่จบใช่ปะถ้าจำไม่ผิด
KYหน่อยนะ อยากรู้ว่าโม่งอ่านนิยายเว็บจีนกันเยอะรึปล่าวกุจะได้ตั้งมู้คุย
ถ้าวันดีคืนดีเรย์กะบังเอิญเจอคนรู้จักในชาติก่อนของตัวเอง (นารุไม่นับ) หรือเจอร่างตัวเองในชาติก่อนนอนเป็นผักอยู่ไรงี้ เรื่องจะเป็นยังไงนะ...
ขอ ky แป้บบ อย่าลืมเรื่่องชื่อมู้หน้ากันนา เราสรุปชื่อกันยังนะ?
ใกล้ได้เวลาไปมู้ใหม่แล้วสินะ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฟิคกาวที่หายไป(ไหนกันหมดวะ)
ว....วันนี้ฟิกคู่หูมาไหมคะ....//นอนรอตาใส ><
>>926 เหมือนกูอะ เคยแต่งฟิคให้แฟนด้อมนึงแล้วโครตกินพลังงาน กินเวลาชีวิต สุดท้ายฟิคนั้นก็ดอง มากระทู้นี้กูเลยเป็นผู้เสพอย่างเดียว อภัยให้กูด้วย
แม้กูจะไม่อ่านฟิคทะลุมิติ กูไม่อ่านคู่ที่ไม่ใช่เมนหลักของกู ไม่ใช่อะไร กูไม่อยากเห็นเมนกูปวดใจ เสียใจ ผิดหวังในฟิคคู่อื่น ถ้าเขาจะปวดใจหรือผิดหวังก็ขอให้อยู่ในเรื่องที่เขาเป็นตัวเอกเอง ดูสองมาตรฐานชิบหาย ถถถถถถถถถ แต่ก็นับถือความขยันนะ ที่เขียนมาลงทุกวันเลย
ต่อจาก >>881-883 ฟิคคู่หูทะลุมิติ
..............…….....
ฉันเล่าความฝันที่เพิ่งเจอมาให้คาบุรากิฟัง เขาเองก็ฝันมาเหมือนกันค่ะ และบอกว่าคาบุรากิฝั่งนู้นไม่น่าเบื่อเหมือนที่เขารู้แรกๆ ท่าทางนิสัยเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม แต่แบบนี้คาบุรากิมังงะในอุดมคติจะกลายเป็นยังไงแล้วนะคะ...
วาคาบะจังทำสำเร็จสินะ ดีใจจังเลยค่ะ แบบนี้ก็อาจจะหมดห่วงเรื่องโลกเก่าไปได้บ้าง ถ้าไม่มีใครต้องทุกข์เพราะทำเพื่อฉันก็ดีแล้วล่ะค่ะ
ฉันที่ไปเรียนอย่างร่าเริงลั้ลลา วันนี้รู้สึกเหมือนทุกคนจับจ้องเป็นพิเศษยังไงไม่รู้ค่ะ และไม่มีผู้หญิงมาเกาะแกะคาบุรากิเหมือนปกติเลยนะคะ แต่หมอนั่นดูไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่เลยค่ะ
พอฉันเดินเข้ามาในห้อง เพื่อนๆฉันก็รุมถามกันใหญ่เลยค่ะว่าฉันเป็นคู่หมั้นคาบุรากิแล้วงั้นหรอ ห๊าาาาา?!
มันควรจะเป็นความลับไม่ใช่หรอ มันคือความลับใช่ไหมคะ…?! ท่านพ่อยังไม่ได้ประกาศเป็นทางการนี่คะ นี่แค่หมั้นเบื้องต้น ตามหลักจะประกาศทางการในงานชั้นสูงของตระกูลคาบุรากิไม่ใช่หรอคะ...
ฉันอยากถามว่าพวกเขารู้จากไหน แต่ก็มีแต่คนเดินมายินดีด้วยตลอดเวลาเลยค่ะ
คาบุรากิรู้เรื่องหรือยังนะ... เขายิ่งไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบข้างอยู่ด้วย
วันนี้วาคาบะจังในร่างนายตัวสำรองเดินมายินดีกับฉันเช่นกันค่ะ สาวๆที่เห็นร่างนายตัวสำรองเดินออกไปก็อุทานว่า “รักสามเส้างั้นหรอ” ฉันรู้สึกสะเทือนใจแทนคาบุรากิ หวังว่าเขาจะทำใจจากวาคาบะได้จริงๆนะ..
ฉันอยากแอบเมลล์ไปถามคาบุรากิ แต่เพื่อนๆฉันรุมจนไม่มีโอกาสเลยค่ะ
แต่ไม่นานนัก ประธานชมรมฟุตบอลก็มาที่ห้องฉัน และบอกขอคุยด้วย โดยมีฉากประกอบเป็นเหล่าสมาชิกชมรมฟุตบอลที่คอยห้ามเขาอยู่
สาวๆในห้องเริ่มพูดกัน
“เพิ่มมาอีกคน งั้นก็สี่เส้าสิ”
“แต่ถ้ารวมท่านเอ็นโจด้วยก็กลายเป็นห้าเส้านะ”
“สุดยอดสมกับเป็นท่านเรย์กะเลยนะคะ!”
เดี๋ยวๆๆๆ ฉันพูดอะไรไม่ออก... อย่าคิดกันไปขนาดนั้นสิคะ...
ฉันเดินออกมาหาประธานชมรมฟุตบอล ตอนนี้สมาชิกชมรมฟุตบอลกำลังขอความเมตตาจากฉันอย่าคุยกับเขาเลย... สมาชิกชมรมนี้ดูรักกันดีนะคะ
“ไม่เป็นไรทุกคน ฉันไม่กลัวคาบุรากิหรอก”
คนในชมรมดูกรีดร้องราวกับประธานชมรมพวกเขาหลุดคำพูดถึงตายออกมา
“คุณคิโชวอินถูกตระกูลคาบุรากิบังคับมาหรือเปล่าครับ”
คุณประธานชมรมฟุตบอลถามฉันอย่างจริงจัง ท่าทางเป็นห่วงฉันอย่างแท้จริง รู้สึกดีจังเลยนะคะเวลามีคนมารักมาใส่ใจเราแบบนี้
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ... เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเขาตกลงกันน่ะค่ะ”
“คุณคิโชวอินไม่ได้ยินยอมด้วยใช่ไหมครับ”
“ก็ไม่ได้ยินยอมหรอกค่ะ...”
ฉันไม่ได้พูดโกหกล่ะนะคะ จริงๆแล้วฉันหนีออกจากบ้านหลังรู้เรื่องนั้นด้วยซ้ำนี่นา... ไม่นึกเลยว่าข่าวจะมาถึงซุยรันเร็วแบบนี้ ท่านพ่อน่าจะดึงไว้ให้นานที่สุด ส่วนฝั่งตระกูลคาบุรากิ ตัวคาบุรากิเองก็พยายามช่วยไม่ให้ครอบครัวเขาประกาศเรื่องนี้เช่นกัน
“ผมจะช่วยเรื่องนี้เองครับ!” ประธานชมรมฟุตบอลพูด “ผมจะพยายามสุดความสามารถหยุดเรื่องนี้ให้ได้!!! ต่อให้อีกฝ่ายเป็นตระกูลคาบุรากิก็ตาม”
คำพูดจริงจังนั่นทำเอาฉันใจละลาย รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูกเลยนะคะ รักร้อนแรงแบบนี้ตั้งแต่เกิดมาไม่ว่าชาติไหนก็ไม่เคยเจอมาก่อนเลยค่ะ
“งั้นหรอ”
เสียงคุ้นเคยดังขึ้น ทำเอาสมาชิกชมรมฟุตบอลแตกฮือ ฉันเห็นคาบุรากิเดินมาด้วยสีหน้าเย็นชาราวกับจักรพรรดิในมังงะ เขาจ้องมองประธานชมรมฟุตบอล อีกฝ่ายดูหวาดๆไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆพาตัวเองมาเผชิญหน้ากับคาบุรากิ
“นายไม่ละอายใจบ้างหรือไงที่บังคับให้ผู้หญิงหมั้นด้วยทั้งๆไม่เต็มใจแบบนี้”
คนในชมรมฟุตบอลเริ่มพยายามมารั้งตัวประธานเอาไว้ แต่เขาก็ยังพูดต่อไป แม้สีหน้าของคาบุรากิตอนนี้จะน่ากลัวอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
“นายไม่มีทางข่มขู่ฉันได้หรอก” เขาพูด แม้จะถูกคนในชมรมพยายามปิดปากก็ตาม “อย่าคิดว่าฉันเป็นเหมือนผู้ชายคนอื่นที่ยอมถอยจากคุณคิโชวอินเพราะนายมาขู่นะ!”
“เอ๋? หมายความว่าไงกันคะ”
ฉันพูด พลางหันไปหาคาบุรากิ แต่เขาหลบสายตาฉันไปทั้งๆอย่างนั้น
“นายคิดว่าจะสู้ฉันได้จริงๆงั้นหรอ”
คาบุรากิถาม
“คุณคิโชวอินไม่ได้ชอบนาย เพราะงั้นฉันจะไม่ถอยเด็ดขาด!”
ประธานชมรมฟุตบอลพูดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่สมาชิกชมรมฟุตบอลจะลากเขาหนีออกไปได้สำเร็จ
คาบุรากิทำท่าเหมือนจะเดินตามไป แต่ฉันก็จับเสื้อเขาไว้อยู่ ทำเขาชะงัก
“หมายความว่าไงคะที่เขาบอกว่านายข่มขู่ผู้ชายที่เข้าหาฉัน” ฉันถาม “เขาแค่เข้าใจผิดใช่ไหมคะ”
คาบุรากิยังคงไม่ตอบ ฉันพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน
ที่พวกผู้ชายกลัวฉันไม่ใช่เพราะกลัวคำสาปงั้นหรอ...
“ทำแบบนี้ไปทำไมคะ”
“เธอไม่รู้จริงๆงั้นหรอ” คาบุรากิถาม “ฉันชอบเธอ ฉันไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมาเข้าใกล้เธอหรอกนะ”
หะ?! ห๊าาาาาาาาาาาาา!!!
ฉันมองเขาอย่างตกตะลึง ชอบแบบเพื่อนใช่ไหมคะ แบบไม่อยากให้เพื่อนไปมีเพื่อนคนอื่น???
“แต่ทำแบบนี้ก็ไม่ถูกนะคะ...”
คาบุรากิทำหน้ามุ่ยใส่ฉัน อย่าคิดว่าทำหน้าแบบนั้นแล้วฉันจะให้อภัยนะ!
“ฉันไม่ชอบนี่! ฉันทนไม่ได้ที่เห็นพวกนั้นมาจีบเธอ”
“คนที่ตัดสินได้ว่าจะชอบไม่ชอบใครคือฉันนะคะ! อย่ามาทำอะไรแบบนี้สิคะ!!!”
ฉันทะเลาะกับคาบุรากิรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจไปแล้วนะคะ! สุดท้ายแล้วต่างคนต่างเดินกลับห้องด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
เย็นวันนั้นคาบุรากิส่งเมลล์มาขอโทษ แต่ฉันก็ไม่ตอบอะไรไป เขาพยายามมาเคาะประตูห้องฉัน วางดอกกุหลาบเรียงเป็นคำว่าขอโทษ แต่ฉันก็ไม่ออกไป นายมันคนทำลายฤดูใบไม้ผลิของฉัน! อย่าคิดนะคะว่าตัวเองทำสิ่งที่ถูกตลอด ใครๆต้องยอมทำตามแบบนั้น ฉันไม่ใจอ่อนหรอกนะ ไม่ต้องมานั่งหน้าจ๋อยอยู่หน้าห้องเลยนะคะ ให้รู้สำนึกซะบ้างเถอะค่ะ นายทำร้ายประธานชมรมฟุตบอลจนถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล มาเรียนไม่ได้พักหนึ่งเลยนะ!
ตอนเช้า คาบุรากิก็มารอฉันไปโรงเรียนด้วยกันเหมือนทุกที แต่ฉันเดินหนีไปอีกทาง แล้วขึ้นรถไฟฟ้าไปโรงเรียน หมอนั่นก็ตามมา แต่ขึ้นไม่เป็นเลยยืนงงๆอยู่แถวนั้นแทน ฉันถือโอกาสพลางตัวหนีไปกับฝูงชน
วันนั้นฉันพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเจอคาบุรากิอย่างถึงที่สุด แต่กลับเจอเอ็นโจเข้าแทน เขาเอาตัวยืนขวางทางเดินเอาไว้
“ทะเลาะกับมาซายะงั้นหรอ”
ฉันไม่ตอบ เอ็นโจยิ้มเศร้าๆ ก่อนเดินเข้ามาใกล้
“เขาอาจจะหึงรุนแรงไปก็จริง แต่เขาก็รักคุณนะ และคุณเองก็รักเขาไม่ใช่หรือไง”
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”
“อะไรที่เป็นไปไม่ได้งั้นหรอ”
“ตระกูลฉันเป็นยังไง ท่านเอ็นโจเองก็รู้แล้ว ในสถานะอย่างฉันไม่เหมาะกับใครทั้งนั้นหรอกค่ะ”
“คุณรักมาซายะไหมล่ะ” เอ็นโจผู้ยิ้มแย้มเสมอ ลดรอยยิ้มลง
“ก็ไม่ได้ไม่ชอบหรอกนะคะ...”
ฉันตอบแบบกลางๆ คาบุรากิเป็นคนที่ฉันอยู่ด้วยแล้วมีความสุขจริงๆ ถึงจะปวดหัวกับความคิดล้ำโลกของเขาไปบ้าง แต่จะให้ถึงขั้นคนรักแบบที่เอ็นโจเข้าใจผิดก็อาจจะเป็นไปได้ยาก... อีกอย่างสิ่งที่เขาทำ จะให้ฉันให้อภัยง่ายๆนี่นะคะ
รอยยิ้มของเอ็นโจดูฝืนๆ เขาคงลำบากใจกับปัญหาเพื่อนสนิทอยู่ล่ะนะคะ... ถ้าคาบุรากิมาชอบฉัน มันจะมีปัญหาและอุปสรรคเยอะยิ่งกว่าตอนคาบุรากิชอบวาคาบะจังซะอีก
“หยุดทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว” เอ็นโจพูด น้ำเสียงเหมือนปลอบโยน “อย่าเศร้าแบบนั้นไปเลย... ถ้าคุณรักกับมาซายะจริงๆ ต่อให้มีอุปสรรคอะไร ผมจะช่วยคุณเอง”
เอ็นโจในตอนนี้ดูอ่อนโยนและอบอุ่นสมกับเป็นเอ็นโจในมังงะเลยนะคะ ถึงจะมีภาพจอมมารติดมาบ้างในความทรงจำ แต่ว่ายังไงเขาก็เป็นเพื่อนพระเอก คอยช่วยเหลือความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทเขากับผู้หญิงที่เพื่อนชอบเสมอ
อยู่ๆภาพตรงหน้าของฉันก็เลือนรางพร่ามัว ถึงไม่นานนักก็กลับมาชัดเจน แต่สิ่งที่เห็นกลับเปลี่ยนไป
ฉันมองไปรอบๆ ตอนนี้ฉันอยู่กลางเทียนและหินรูปร่างแปลกๆซึ่งจัดล้อมรอบฉันไว้เป็นวงกลม ก่อนจะสังเกตเห็นว่ามีอะไรแบบเดียวกันอยู่ข้างๆ และคนกลางวงนั้นคือคาบุรากิ
“ไม่ได้ผล” คาบุรากิพึมพำ “ทั้งๆที่ทำตามตำราทุกอย่างแล้ว... บางทีความปรารถนาฉันอาจจะไม่พอก็ได้”
ฉันเห็นวาคาบะจังปลอบคาบุรากิ
คาบุรากิทำท่าทางนิ่งเคร่งขรึม ดูมีออร่าบารมีและมีพลัง สมกับเป็นจักรพรรดิแห่งซุยรันในแบบที่ฉันไม่เห็นบ่อยนักจากคาบุรากิ เขาทำสีหน้าจริงจังแล้วพูด “สงสัยไสยศาสตร์อาจจะไม่ได้ผล ครั้งหน้าลองแบบวิทยาศาสตร์ดูดีกว่า”
หา? ไสยศาสตร์???
ขณะที่ฉันกำลังพยายามประมวลผลอยู่ วาคาบะจังก็เข้ามาหาและพูดกับฉันอย่างลำบากใจ
“คุณคิโชวอินไม่เป็นไรใช่ไหมคะ...” วาคาบะพูดอย่างอ่อนโยนเหมือนพร้อมจะให้กำลังใจ “ยังมีอีกหลายวิธีที่ยังไม่ได้ลอง ฉันรู้ว่าคุณคิโชวอินอยากกลับโลกเดิมเอามากๆ ฉันเองก็จะช่วยสุดความสามารถนะคะ!”
“เอ๋? ฉันอยากกลับโลกเดิม”
ฉันทวนคำพูดอย่างงงๆ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันนะคะ ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ แล้วพิธีกรรมบ้านี่คืออะไร
วาคาบะจังชะงัก ก่อนจะพึมพำด้วยท่าทางเห็นใจ “วันนี้ไม่ซึนแล้วงั้นหรอ อย่าบอกนะว่าเศร้ามากจริงๆ...”
คาบุรากิจ้องฉันอย่างสงสัย ท่าทางดูประเมินอย่างสง่างามทรงอำนาจแปลกตาจนฉันพอเดาเรื่องราวออก
“ถามอะไรหน่อยค่ะ” ฉันหันไปหาคาบุรากิ “เหลือนักษัตรตัวไหนที่ฉันยังไม่ได้เก็บงั้นหรอคะ”
“หะ? พูดถึงเรื่องอะไรน่ะ” คาบุรากิถาม
ฉันตกตะลึง คาบุรากิตรงหน้านี้ไม่มีทางเป็นคาบุรากิที่ฉันรู้จักได้...
ฉันทะลุมิติกลับมาโลกเดิมแล้วงั้นหรอ...
แล้วคาบุรากิในโลกนั้นล่ะ...คาบุรากิจะเป็นยังไงบ้าง...
ขณะที่ฉันกำลังจะอธิบายให้สองคนนั้นรู้ว่าฉันกลับมาแล้ว โลกทั้งใบก็วูบหายไปอีกครั้ง ภาพเบื้องหน้าเลือนรางอยู่พักหนึ่ง ก่อนสายตาฉันจะค่อยๆปรับชัด
ภาพตรงหน้าเป็นเอ็นโจกำลังกุมท้องอยู่ หะ?
“เป็นอะไรไปหรอคะ?”
เอ็นโจมองฉันด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ก่อนจะค่อยๆพูดว่า “อยู่ๆคุณก็เปลี่ยนไป ท่าทางโกรธน่าดู จากนั้นก็พูดกับผมว่า “อย่ามาทำตัวอ่อนแอนะเอ็นโจ!” แล้วก็ต่อยผม...”
“เอ๋!!!” ฉันอุทานเสียงหลง
อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้เป็นเรย์กะ KimiDolce !?!
ฉันพูดอะไรไม่ออกไปพักหนึ่ง...
-------------- (จบตอน 39) --------------
>>930 ทำไมมึงมาต่อชื่อให้กูได้อัปมงคลงี้!! งั้นไหนๆจะโหวตแล้วกูขอแก้เอง
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของฟิคกาวในห้องซาลอนปิดตาย [ตำนานผู้พิชิตคานทั้ง11]
(1คาบุ 2เอนโจ 3อาริมะ 4อุเมะกาวะ 5อิมาริ 5ยูกิโนะ 6ทาคากิ 7เอสฟุตบอล 8น้องชายวาคาบะ 9อิมาริ 10น้องชายอิมาริ 11วาคาบะ)
ตอนแรกนึกว่าจะแก้เป็น [ธงที่ถูกหักทั้ง11] แต่กูนับได้ไม่ครบ55555
(อาคิซาว่า หัวหน้าห้อง อิชิโนคุระ ซาโตมิ ตาไก่โง่ โทโมเอะ มินามิ)
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับมหกรรมเต้นวอลซ์ชาบู TAG LOVE キタ――♪ o(゚∀゚o) (o゚∀゚o) (o゚∀゚)o キタ――♪ ภารกิจทำลายคานครั้งที่ 11 ฮุยเลฮุย!
>>859
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ :ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฟิคกาวมหาประลัยที่อ่านแล้วหัวใจโดขิโดขิกว่าอฟช. ♡♡ (,,,ゝ∀・,,,)ノシ *:・゚✧*:・゚✧♪♪♪♪ กาวถังที่11
>>860
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฟิคกาวที่หายไป(ไหนกันหมดวะ)
>>923
(กูไม่ได้เป็นคนคิดชื่อแต่กูเสนอให้ใช้ เล่มที่ 11 ต่อท้าย)
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของฟิคกาวในห้องซาลอนปิดตาย [คานที่กำลังก่อตัวชั้นที่11]
>>930
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของฟิคกาวในห้องซาลอนปิดตาย [ตำนานผู้พิชิตคานทั้ง11]
>>941
โหวตจ่ะโหวตตตตตตต ตกหล่นตรงไหนเพิ่มได้เลยนะ
กูโหวต >>859
ทะลุมิติ กลับโลกแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย กรี้ดดดดดดดดดดดดดด
ติ่นแต้นๆๆๆๆ
เรย์กะคิมิต่อยเอ็นโจวเลยเรอะ ฮ่าๆๆๆ รีบไปหาเอ็นโจวโลกนั้นเร็วเข้าเขารอเธออยู่นะ กรี้ดดดดด
กูอ่านพลาดอ่านอีกที เรย์กะกลับโลกเดิมแล้วไปโลกคิมิอีกรอบนี่ว่า เรย์กะkimi ฮาร์ทคอร์มาก วิ่งเร่งด่วนไปต่อยเลย 555555
>>936-938 เฮ้ยตอนนี้มีความลุ้น ไอ้ไสยศาสตร์ไม่ธรรมดากับนายหนุ่มฮอตที่เปลี่ยนไป 55555 แรงจูงใจในการกลับของคาบุkimiยังน้อยไปสินะคะ สู้ของเรย์กะkimiไม่ได้ กลายเป็นเก็บ ev ต่อยท้องในตำนาน
คาบุเอ้ย สารภาพรักครั้งที่ 5 ก็ยังแป๊ก ใครๆๆๆใครที่มันบอกรอให้แน่ใจก่อนค่อยสารภาพรัก ไอ้คนคิดมันต้องอกหักรักคุดสาวไม่แล เพราะนางไม่รู้ว่าจีบ นี่ขนาดรุกไม่ถอยยังแห้ว ;_;
Kyแปป หลงไปอ่านกระทู้ห้องอื่นมา มีความรู้สึกว่าโม่งทั้งหลายคุยกันน่ากลัวมาก ทำลายความรู้สึกดีๆต่อนิยายที่กูชอบไปหลายเรื่อง รู้สึกชอบสังคมโม่งกระทู้นี้จัง สบายใจ ร่วมมือกันดี พร้อมพายเรือตีคาน จุ๊บโม่งทุกคน
กูโหวต >>859 บูชาแท็ก love เผื่อจะได้มีโมเมนต์เพิ่มเยอะๆ555555
>>957 อันนี้เห็นด้วยมากๆ ปกติกูเข้าโม่งมาแค่อ่านสปอยจีนในตำหนัก ไม่กล้าตามดราม่าใดๆก็ตามเพราะมันดูน่ากลัวกันมากอ่ะ แต่พอหลุดเข้ามาในนี้แล้วรู้สึกรักโม่งมู้ท่านเรย์กะมากๆ รักๆกันไว้ /กอดดด เรือไหนก็ได้ไม่ตีกันจนเกินเลย แถมมีฟิคมาเรื่อยๆอีก รักพวกมึงนะะะ /จับจูบหน้าผากคนละที
กูโหวต 859 ชอบตัวอีโมเต้นๆ ..... ว่าแต่ว่ากูคิดไปเองป่าววะว่าอีโมหน้าดูอ้วนอิ่มมากเลย กี๊สสสส จะไม่เป็นการแช่งท่านเรย์กะใช่มั้ย ถถถถ
รอโม่งแปลกลับมา
เดี๋ยวเนื้อเรื่องก็เริ่มเดิมแล้ววว
กูรออีเว้นท์วาเลนไทน์และอีเว้นท์งานชมซากุระอยู่นะ กรี๊ด
ปิดโหวตที่ 980 นะจ๊ะ ถึง980แล้วกูจะไปตั้ง ชอบอันไหนก็โหวนจ้าาา
>>936-938 คาบุรุกหนักจริงไรจริง เรย์กะยังคงดึงเข้าเฟรนโซนอย่างหนักแน่นเช่นเดิม น่าสงสารรรร แต่นายไปขัดขวางคนที่จะเข้ามาจีบเรย์กะขนาดนี้ไม่แปลกที่โดนโกรธ อ่านตอนนี้แล้วเชียร์ประธานชมรมฟุตบอลชะมัดเลย น่ารักกกกก
ตอนเอ็นโจมาหาเรย์กะดูเจ็บปวดมากอ่ะ เหมือนต้องสานสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทกับผู้หญิงที่ตัวเองชอบ เรย์กะคิมิถึงกับทนไม่ได้ทะลุมิติมาต่อยเลยทีเดียว เป็นรักที่ฮาร์ดคอร์จริงๆ5555
>>973 ขอเสริมอีกนิด รู้สึกกร๊าวใจมากจริงๆ เรย์กะคิมิรักโลกนู้นมากๆ มีอย่างเดียวที่ทำให้อยากกลับมาโลกคิมิคือเอ็นโจคิมิ แค่นั้นก็มีแรงจูงใจมากพอถึงขั้นกลับมาได้เลย ต้องรักมากแค่ไหนคิดดู เราเรือเอ็นโจนะ พออ่านฟิคคู่หูก็เริ่มย้ายของไปเรือคาบุเป็นครั้งคราว พอเจอมุมมองเรย์กะคิมิเข้าไปนี่กรี้ดมากอ่ะ สาวซึนกีบจอมมาร กรี้ดดดดดดด เขียนได้น่ารักทั้งสองคู่เลยจริงๆ
สังเกตหลายวันละกระทู้คึกคักแค่ตอนหลังพระอาทิตย์ตกงั้นเหรอ 55555
อ่อ ว่าจะถามหน่อยคิดว่ามู้นี้จะหมดประมาณกี่โมงวะ
สิ่งที่ทำให้โม่งจะคึกคักได้มีอยู่2อย่างคือ ตอนใหม่ออกกับลงฟิค
อีก 20เม้นท์ก็เต็มแล้ว หาเรื่องคุยซิ ถถถ
โม่งแปลเมื่อไหร่จะกลับมา การแปลของมึงจำเป็นต่อการดำรงชีพของกูมากนะ
หวังว่าพรุ่งนี้โม่งแปลจะอัพพพพ เยียวยาใจกูทียยย์ เหลืออีก15เม้นเนี่ยย5555
คานที่กำลังก่อตัวชั้นที่11 vs ตำนานผู้พิชิตคานทั้ง11
เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมาก ใครจะเป็นผู้ชนะ5555555
กระทู้ใหม่จ้าาาาา https://fanboi.ch/webnovel/3786/ แม้กระทั่งผู้กล้าทั้ง 11 ยังไม่สามารถพิชิตคานได้ *ซับน้ำตา*
ฟรุ้งฟริ้งโดขิโดขิ ได้อยู่แค่กระทู้เดียว แทบจะไม่มีฟิคที่โดขิสมชื่อกระทู้อีกต่างหาก โฮวววว ท่านเรย์ก่าาาาาา
มาช่วยปิดมู้ด้วยเพลงที่กูคิดว่าเหมาะกับฟิคทะลุมิติมาก https://www.youtube.com/watch?v=2AIEa-UeVPA
นั้นก็เพราะว่า.. เรย์กะเป็นนักหักธงไง
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.