Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฤดูใบไม้ผลิอันฟรุ้งฟริ้งของเรย์กะจัง♡ ~โดขิโดขิ หัวใจของเธอเป็นของฉันนะ! ♡♡ กาวยกกำลัง10! ♡♡ (,,,ゝ∀・,,,)ノシ *:・゚✧*:・゚✧

Last posted

Total of 1000 posts

378 Nameless Fanboi Posted ID:mbQUy67H9

สองทุ่มเป็นเวลาเด็กดี เลยมาแจกกาวฟรุ้งฟริ้งตามชื่อกระทู้
เอ็นโจเลี้ยงต้อย >>>/webnovel/3689/174-175
------------------------

งานกีฬาสีผ่านไปแบบไม่มีอะไรตื่นเต้นนัก มาซายะโลกนี้ก็ไม่ได้เร่าร้อนกับการแข่งขี่ม้าส่งเมือง แต่ก็ยังลงกีฬาวิ่งผลัดเหมือนเดิม แล้วก็คว้าชัยชนะไปได้อย่างงดงาม ไม่มีใครกังขาในความสามารถ ส่วนผมลงกีฬาปาบอลเหมือนเดิม เพราะอยากเห็นเรย์กะใกล้ๆ ตอนทำหน้ามุ่งมั่นเอาจริงเอาจังมันน่ารักชะมัด

“ไม่ยอมแพ้คุณชูสุเกะหรอกนะ” เรย์กะกำหมัด ท่าทางแบบนี้ก็น่ารักจนอยากคว้ามากอดแน่นๆแบบมันเขี้ยว

“อื๋อ จะมาชนะผมน่ะมันเร็วไปร้อยปีนะ” ผมหัวเราะ ขยี้หัวเธอเบาๆ ผมม้วนลอนนั้นชี้โด่เด่ไปมาจนเจ้าตัวโวยวายว่าผมเสียทรงหมดแล้ว

การแข่งปาบอล ห้องผมชนะ แต่ก็ต้องไปง้อร่วมสัปดาห์เธอถึงจะหายงอน แพ้หลุดรุ่ยเห็นๆ

ตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงการสอบ ผมนั่งติวให้เรย์กะอย่างเคย สอบปลายภาคหนนี้ เจ้าตัวมุ่งมั่นจะกลับขึ้นไปที่สิบให้ได้ หลังจากอันดับตกมาสองครั้ง สอบปลายภาคครั้งที่แล้วผมช่วยติวก็เลยมีชื่อขึ้นบอร์ดได้ แต่ก็อยู่ลำดับที่สามสิบ เรียกได้ว่าเฉียดฉิวไปนิดเดียว เรย์กะดูไม่ค่อยพอใจกับผลสอบนี้เลย

“เคร่งเครียดไปก็ไม่ทำให้จำได้หรอก” ผมเอาดินสอกดจิ้มหว่างคิ้วของเธอ “ทำใจให้สบายๆดีกว่า”

“ก็...ฉันอยากทำอะไรเพื่อท่านพ่อบ้างนี่คะ” เรย์กะตอบอุบอิบ “หมู่นี้ท่านพ่อดูเคร่งเครียดมาก ฉันคิดว่าถ้าสอบได้ลำดับสูงๆ ท่านพ่ออาจจะดีใจ แล้วก็มีความสุขขึ้นมาบ้าง”

“หืม”

“อย่าใส่ใจเลยค่ะ แค่ความคิดเพ้อๆของฉันเองนั่นล่ะ” เธอก้มหน้าลงมองหนังสือ “มีนักเรียนจากข้างนอกเก่งๆตั้งเยอะ ที่สิบกับฉันเนี่ยคงไม่ไหวหรอก”

“ต้องไหวสิ” ผมวางมือลงบนหัวเธอ “ลืมไปแล้วเหรอว่าใครเป็นอาจารย์ให้น่ะ”

เรย์กะเงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มให้ รู้สึกอยากชวนทำอะไรที่ไม่ใช่การติวหนังสือสุดๆไปเลยล่ะ

ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า หยิบหนังสือออกมาอีกสองสามเล่มเพื่อสอน เธอดูฮึดฮัดมุ่งมั่นดีที่จะคว้าตำแหน่ง ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรไปก่อกวนสมาธิ

เรานั่งติวเรื่องสมการและฟิสิกส์ที่ดูซับซ้อนน่าปวดหัวจนเย็นย่ำ พอได้เวลาที่ต้องไปแล้วก็พากันเก็บข้าวของใส่กระเป๋า ขณะที่กำลังยัดชีทการบ้านใส่แฟ้ม แต่เรย์กะกลับโน้มตัวลงมาหา จูบเข้าที่แก้มอย่างแผ่วเบาเหมือนผีเสื้อขยับปีก

ผมกระพริบตาปริบๆแบบงุนงง ส่วนเรย์กะแย้มรอยยิ้มที่ดูซุกซนเหมือนปีศาจน้อยๆ

“ค่าตอบแทนที่ติวให้ยังไงล่ะคะ”

“เอ๋ แค่นี้เองเหรอ” ผมหรี่ตา “ไม่เห็นจะคุ้มตรงไหน”

“อย่าโลภสิคะ” เธอยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะปาก ชวนให้นึกถึงจูบในวันนั้น “ไม่เคยได้ยินเหรอคะ ว่าโลภมากลาภหายน่ะ”

“ทำงานมันก็ต้องได้ค่าตอบแทนที่คุ้มค่าสิ” ผมหัวเราะ “หรือเรย์กะคิดว่าจ่ายแค่นี้แล้วก็จบกันไปนะ งั้นเหรอ”

พอผมลุกขึ้นยืน เธอก็ถอยหลังไปหลายก้าว อะไรกัน เมื่อกี้ยังทำเป็นเก่งอยู่เลยนี่นา

“ยะ ยังไม่เห็นผลลัพธ์ซักหน่อย อาจจะไม่ได้ที่สิบก็ได้” เธอพูดอุบอิบในลำคอ

“งั้น มาดูกันมั้ย...” ระยะแค่นั้น เดินไม่กี่ก้าวก็ถึง ผมคว้าเธอเข้ามาในอ้อมแขน เรย์กะจนมุมได้อย่างง่ายดาย “...ว่าการสอนของผมจะพาเรย์กะไปถึงตำแหน่งไหน”

ริมฝีปากผมคลอเคลียอยู่ข้างใบหู งับเบาๆพอให้เจ้าตัวสะดุ้ง เรย์กะขืนตัวออกห่างจนสุดแขน แต่เมื่อถูกกอดอยู่อย่างนี้ การขัดขืนเล็กๆน้อยๆนี่ก็แทบจะไม่มีผลอะไร

“นี่มันที่โรงเรียนนะ”

“ถ้าเป็นที่อื่นจะโอเคงั้นเหรอ”

“ที่ไหนก็ไม่โอเคทั้งนั้นล่ะ” แก้มขาวๆนั่นขึ้นสีแดงก่ำ เห็นแล้วอดหัวเราะไม่ได้ เธอเลยบิดหูผมเข้าให้ทั้งสองข้างจนต้องร้องโอ๊ย

“ใจร้ายชะมัดเลย” ผมแกล้งทำเป็นโอดครวญ “ทำงานหนัก ค่าตอบแทนไม่คุ้ม แล้วยังโดนทุบตี นี่มันแรงงานทาสชัดๆ”

“ไม่พอใจก็ออกไปหาใหม่ซะสิ” เธอเชิดหน้าขึ้น “รัฐบาลคิโชวอินปกครองด้วยระบอบเรย์กะธิปไตย นั่นคือเรย์กะเป็นใหญ่เท่านั้น”

“งั้นขอรัฐประหาร” ผมก้มลงไป จูบลงบนริมฝีปากนั้น เรย์กะดูขัดขืนเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี

ใช้เวลาอยู่อีกครู่ใหญ่ๆกว่าจะผละออก เธอและผมหอบหายใจน้อยๆเหมือนเพิ่งไปออกแรงวิ่งกันมา หน้าเรย์กะที่แดงอยู่แล้วก็ยิ่งแดงหนักขึ้น

“เท่านี้ก็น่าจะล้มล้างรัฐบาลเก่าได้นะ” เสียงกระซิบของผมแนบชิดปากริมฝีปากเธอ “ตอนนี้รัฐบาลเอ็นโจได้เข้ายึดอำนาจแทนที่รัฐบาลคิโชวอินแล้ว หากรัฐบาลคิโชวอินไม่พอใจ...”

ผมเกลี่ยนิ้วลงบนริมฝีปากเธอแล้วก็เอามาแตะปากตัวเอง

“...ก็มายึดอำนาจคืนได้ทุกเมื่อ”

เรย์กะถลึงตามใส่ ทุบผมเข้าให้ที่ไหล่อีกทีแล้วคว้ากระเป๋าขึ้น เดินลิ่วๆออกไปจากห้อง พอผมหัวเราะเธอก็รีบวิ่งไปเลย

น่ารักจริงๆเลยน้า

379 Nameless Fanboi Posted ID:mbQUy67H9

อาการปวดแปลบในหัวเกิดขึ้นอีกหนแบบไม่รู้เวล่ำเวลา ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทนักเรียน เปิดฝาขวดยาแบบมือสั่นๆเล็กน้อย คราวนี้ไม่ปวดมากเท่าไหร่ แค่เม็ดเดียวก็น่าจะพอ

ผมวางกระปุกยาลงบนโต๊ะ ทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ หลับตาลง พิงพนักแบบเหนื่อยๆ

ปวดแค่นี้ผมทนไหวอยู่ เดี๋ยวนั่งอีกสักครู่ให้อาการดีขึ้นค่อยเดินไปที่ลานจอดรถแล้วก็กลับบ้าน วันนี้คงไม่ถึงกับต้องยกเลิกครูสอนพิเศษเพราะอาการปวดหัวแบบครั้งที่แล้ว

“ชูสุเกะ”

ผมสะดุ้งเฮือก เผลอลุกพรวดทั้งที่เอนตัวนั่งอยู่ ขวดพลาสติกสีขาวที่วางอยู่หมิ่นๆโต๊ะเมื่อได้รับการกระทบกระแทกก็ร่วงลงไป ผมจะคว้าไว้แต่ไม่ทัน ขวดนั้นหล่นลงบนพื้น กลิ้งไปหยุดแทบเท้าของคนที่เพิ่งเดินเข้ามา

“มาซายะ”

เขาไม่ตอบอะไรผม แต่ก้มลงเก็บขวดยา อ่านข้อความบนนั้นแล้วก็เงยหน้าขึ้น

“นี่มันอะไร”

“ลูกอมไงล่ะ มาซายะอยากทานซักเม็ดมั้ย” ผมหัวเราะกลบเกลื่อน ฉวยขวดยามาจากมือของเขาแล้วรีบเก็บใส่กระเป๋า

“ไม่ตลก” เขาถลึงตาใส่ผม “ยานั่นฉันรู้จักนะ ชูสุเกะ”

“มาซายะมีธุระอะไรกับผมเหรอ แล้วมาที่นี่ได้ยังไง” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง แม้ในใจจะสงสัย ห้องติวนี่น่าจะเป็นที่ลับๆของผมกับเรย์กะนี่นา แถมบริเวณนี้แทบไม่มีใครผ่านไปผ่านมาด้วย

“ฉันเจอคิโชวอินตรงทางเดินเมื่อกี้ พอถามหานาย เธอก็บอกให้มาดูที่นี่” มาซายะพ่นลมหายใจ “นายปิดมือถือ ฉันไม่รู้จะไปตามตัวที่ไหน”

“อ้อ โทษที” เวลาติวหนังสือให้เรย์กะ ผมมักปิดมือถือเพื่อป้องกันการรบกวนเสมอ “แล้ว...มีธุระอะไรล่ะ”

“เรื่องนั้นช่างมันก่อน” มาซายะกอดอก หรี่ตามองผม “นายกินยานั่นมานานเท่าไหร่แล้ว”

“ก็ไม่นานนักหรอก”

“ไปหาหมอรึยัง”

“หมอเป็นคนจ่ายยาให้ผมเอง”

“ไม่ได้กินเกินขนาดที่หมอสั่งใช่มั้ย”

“อือ”

“อย่าโกหกฉัน ชูสุเกะ” มาซายะหรี่ตาลง หักข้อนิ้วตัวเองส่งเสียงดังกร๊อบเป็นการเตือน “ฉันให้โอกาสนายพูดความจริงอีกครั้ง ไม่งั้นล่ะก็…”

ผมถอนหายใจ ตัดสินใจพูดความจริงที่ยากลำบาก

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ปวดหัวนิดๆหน่อยๆก็เลยต้องทานยาแค่นั้นล่ะ”

“ปวดหัวนิดหน่อย ทำไมต้องใช้ยาแรงขนาดนี้”

“ก็ไม่ได้ทานติดๆกันอะไรขนาดนั้นหรอก เพียงแต่เวลาปวดมันปวดมากจนยาทั่วไปเอาไม่อยู่ก็เท่านั้น”

มาซายะวางมือลงบนหน้าผากผม อีกมือทาบหน้าผากตัวเอง “ตัวก็ไม่ร้อนนี่”

“ผมไม่ได้เป็นไข้ซักหน่อย”

“แล้วตกลงเป็นอะไร ไมเกรน มะเร็ง เนื้องอก เส้นเลือดในสมองแตก หรืออย่างอื่น”

“ไม่รู้สิ ยังหาสาเหตุไม่เจอ” ผมยักไหล่ “แต่จิตแพทย์บอกว่าผมเป็นโรคเครียด ผมว่าผมก็ไม่ได้เครียดอะไรซักหน่อยนะ”

“คำว่าไม่ได้เครียด หมายถึงบางสิ่งที่นายกำลังพยายามทำอยู่รึเปล่า” มาซายะกอดอก จ้องผมแบบพิจารณา “มีอะไรก็เล่าให้ฉันฟังสิ”

380 Nameless Fanboi Posted ID:mbQUy67H9

นิ่งกันไปครู่หนึ่ง ผมก็ส่ายหน้า

“ไม่มีอะไรจริงๆ มาซายะ”

“เกี่ยวกับคิโชวอินใช่มั้ย”

เมื่อผมเงียบ เขาก็พ่นลมออกจมูก ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายใจ

“ถ้ามันหนักหนานักก็เลิกทำซะ เข้าไปยุ่งในเรื่องที่เกินตัวมันจะกลับมารัดคอนายซะเปล่าๆ”

หมายความว่ายังไงกันนะ

“ไม่มีอะไรหรอกน่า แค่คาใจอะไรบางอย่างเลยจะลองตรวจสอบเองก่อน” ผมบอกปัดด้วยรอยยิ้ม คราวนี้มาซายะดูเป็นกังวล น้ำเสียงก็อ่อนลงมาก

“ฉันช่วยเอามั้ย”

“เอาไว้ถ้าตึงมือจริงๆ จะขอให้ช่วยก็แล้วกันนะ” ผมหัวเราะ “ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ไม่ต้องกังวลไปหรอก”

มาซายะทำสีหน้าแปลกๆตอนที่ผมวางมือลงบนไหล่เขา ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแล้วก็ไม่พูดออกมา

“ว่าแต่ที่รีบมาหาผมนี่มีเรื่องอะไร หรือว่าจะถูกคุณทาคามิจิสลัดรักมาล่ะ” มาซายะถลึงตามองทันทีที่ได้ยินคำเย้าแหย่นั่น “อยากให้ช่วยดามใจงั้นเหรอ เห็นผมเป็นตัวสำรองเวลาอกหักนี่มันน่าน้อยใจจังน้า”

“ไม่ใช่เฟ้ย!!” เขาชูกำปั้นขึ้น ผมเลยถอยหลังไปหลายก้าว หัวเราะให้กับท่าทางแบบนั้น “อย่าพูดอะไรน่าขนลุกแบบนั้นสิวะ ไอ้บ้านี่!!”

“ล้อเล่นน่า ว่าแต่มีเรื่องอะไรล่ะ”

“หมู่นี้ยูริเอะดูแปลกๆไป” เขาถอนหายใจออกมา “เมื่อกี้ฉันเพิ่งวางสายจากยูริเอะ รู้สึกเหมือนกำลังถูกบอกปัดเลย”

“เธอยุ่งกับการเรียนอยู่ล่ะมั้ง”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีน่ะสิ” มาซายะยิ้มขื่นๆ “ฉันกลัวว่ามันจะไม่ใช่ปัญหานั้น”

เริ่มแล้วสินะ

จากความทรงจำของผม ช่วงเวลาที่มาซายะอกหักจะอยู่หลังงานโรงเรียน แต่ก่อนหน้านั้นมาซายะยังไม่ได้ระแคะระคายอะไรจนกระทั่งได้เห็นท่าทางของยูริเอะในงาน และยูริเอะกับไอระก็เรียนที่ญี่ปุ่น ไม่ได้อยู่อังกฤษแบบตอนนี้ด้วย

ตอนนี้ทุกอย่างดูผิดเพี้ยนไปจากเดิมหมด

“ปีใหม่ เราไปบินหายูริเอะก็แล้วกัน อีกไม่กี่เดือนเอง” ผมวางมือลงบนบ่าเขา ตบเบาๆให้กำลังใจ “อย่าเพิ่งคิดมาก มันอาจไม่มีอะไรก็ได้”

มาซายะพยักหน้า เดินมากับผมเงียบๆไปที่ลานจอดรถ นี่ก็เป็นข้อแตกต่างอีกอย่าง

ถ้าเป็นมาซายะในโลกเดิม เขาคงโทรไปสั่งให้คนจองตั๋วแล้วก็ลากผมไปอังกฤษเดี๋ยวนั้นแล้ว

ผมควรต้องไปดูสภาพน้ำตกเคเก็นหรือผาโทจิมโบไว้ล่วงหน้าก่อนมั้ยนะ

------------------------
ระหว่างคาบุรากิกับเอ็นโจ กูพยายามไม่ให้วายสุดฤทธิ์ แม้ใจจะเผลอคิดไปบ้างก็ตาม

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.