คุณทาคามิจิโค้งหัวแทบจรดพื้น เอ่ยออกมาเสียงเบา “ขอบคุณท่านคาบุรากิกับท่านเอ็นโจมากค่ะ”
“ไม่เป็นไร” มาซายะยิ้มออกมา คุณทาคามิจิที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเพียงครู่หนึ่งก็กลับไปก้มหน้าต่อ
ท่าทางคุณทาคามิจิจะประทับใจมาซายะเข้าให้แล้ว
นักเรียนคนอื่นๆเริ่มทยอยเข้ามาในห้อง ได้เวลาที่เราสองคนต้องไปแล้วจึงกล่าวคำอำลาเธอ เดินกลับห้องเรียนของตัวเอง มาซายะดูอารมณ์ดีขึ้นมาก
พักเที่ยง ผมและมาซายะทานข้าวอยู่ในที่ประจำของตัวเองแบบไม่ยี่หระต่อสายตาทั้งหลายที่มองมา บางที มาซายะก็มองไปทางคุณทาคามิจิที่นั่งทานอาหารอยู่คนเดียวที่มุมห้อง ดูท่าทางวันนี้จะยังไม่มีใครไปรังแกเธอ สีหน้าของคุณทาคามิจิเลยดูสดชื่นยิ่งกว่าทุกวัน
อีกหลายวันต่อมา ตอนที่เรากำลังจะเดินไปลานจอดรถเพื่อจะกลับบ้าน คุณทาคามิจิก็โผล่มาดักหน้าพวกผมไว้จากมุมหนึ่งที่ไม่เป็นจุดสนใจในโรงเรียน ก้มศีรษะ ชูห่อผ้าขึ้นเหนือหัวลงคล้ายกับการถวายบรรณาการ
มาซายะขำพรืดออกมาเลยทีเดียว
“อะไรล่ะนั่น”
“ตูเลอัลมอนด์ที่ฉันทำเองค่ะ” คุณทาคามิจิตอบโดยที่ยังก้มหัว ชูห่อผ้าอยู่แบบนั้น “อาจจะไม่หรูหรามาก แต่ฉันอยากมอบให้เพื่อขอบคุณที่ช่วยเหลือค่ะ”
“ถ้าคุณทาคามิจิทำต้องอร่อยแน่” ผมหัวเราะด้วย “มาซายะเองก็ชอบขนมฝีมือคุณทาคามิจิมากเลยนะ”
“เอ๋”
“ก็คัพเค้กที่เอามาฝากผมวันนั้นมีตั้งเยอะ แต่มาซายะแบ่งมาให้ผมชิ้นเดียวเองนี่นา ส่วนตัวเองก็ทานอยู่คนเดียวจนหมดกล่อง ไม่ชอบแล้วจะเรียกว่าอะไรกันน้า”
“เงียบเหอะน่า ชูสุเกะ”
คุณทาคามิจิอมยิ้มเล็กน้อย มาซายะที่กำลังว้ากใส่ผมพอหันไปเห็นก็ทำหน้ามุ่ย แต่คุณทาคามิจิไม่พูดอะไรสักคำ แกะห่อผ้าแล้วมอบขวดโหลขนาดเหมาะมือที่บรรจุตูเลชิ้นบางๆไว้เต็มเพียบ ยื่นให้พวกผม
“น่าทานจัง” ผมถามขึ้น “ทำยากรึเปล่าเอ่ย”
“มะ ไม่ค่อยยากหรอกค่ะ แต่ต้องสังเกตตอนอบอยู่เรื่อยๆเท่านั้นเอง ถ้าออกมาสีเข้มไปจะไม่หอมเนย แต่ถ้าสีอ่อนไปก็จะได้กลิ่นแป้ง แล้วอุณหภูมิที่พอเหมาะก็ช่วยให้สีขนมออกมาดูดี...” คุณทาคามิจิตอบแบบกระตือรือร้น ดูท่าทางเธอจะรักการทำขนมเสียจริง พอมีโอกาสได้พูดก็แจกแจงเสียละเอียดยิบถึงขั้นตอนการทำ
มาซายะกับผมเลยปล่อยให้เธออธิบายไป สายตาเขาปรากฎความอ่อนโยนระคนความเอ็นดูแบบไม่คิดจะปิดบัง แต่พอรู้ว่าผมมองเขาอยู่ก็กลับไปทำหน้าเฉยชาเหมือนเดิม
ผมได้แต่อมยิ้ม….ไม่ทันแล้วล่ะ มาซายะ
“นี่ก็เย็นแล้วด้วย มาซายะก็พาคุณทาคามิจิไปส่งบ้านซะสิ” มาซายะหันขวับมาทางผมทันทีที่ได้ยิน แต่ผมก็ทำแค่ยิ้มพร้อมกับอธิบาย “ให้ผู้หญิงกลับบ้านมืดๆค่ำๆคนเดียวไม่ดีหรอกนะ มันอันตราย”
“เอ๋” คุณทาคามิจิอ้าปากค้าง เหลือบมองมาซายะแบบกล้าๆกลัวๆ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
มาซายะถลึงตามอง ผมก็มองตอบ ยักคิ้วให้ด้วย
“อย่าเถลไถลแวะข้างทางล่ะ เดี๋ยวที่บ้านคุณทาคามิจิจะเป็นห่วง”
“ชูสุเกะ ไอ้บ้านี่” เขาตะโกนไล่หลัง ผมก็ได้แต่หัวเราะ โบกมือให้แล้วเดินจากมา
เหลียวกลับไปมอง มาซายะกับคุณทาคามิจิดูเก้ๆกังๆใส่กันทั้งคู่ แต่รู้สึกจะเป็นอาการเขินอายมากกว่าจะอึดอัด ผมมองภาพนั้นแบบมีความสุขนิดๆ
เป็นกามเทพนี่ก็สนุกดีเหมือนกัน
.
.
.
พอกลับมาถึงบ้าน อาจารย์ที่ท่านพ่อจัดหามาให้ตามคำร้องขอของผมก็มารออยู่แล้ว บทเรียนของวันนี้คือการตรวจสอบบัญชีทั้งหลายที่ซับซ้อนขึ้นมาจากพื้นฐานที่ได้เรียนไปเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
ท่านพ่อแม้จะยอมทำตามคำขอ แต่ก็บอกผมอยู่เสมอว่าเด็กวัยรุ่นอย่างผมควรออกไปวิ่งเล่น ไปเที่ยว ไปสนุกสนานกับเพื่อนมากกว่าจะมานั่งจมอยู่กับกองกระดาษและตัวเลขที่สับสนวุ่นวายเช่นนี้
ถ้าอายุของโลกเดิมรวมกับโลกนี้ ผมก็เกือบๆสี่สิบแล้ว
อันที่จริง ชีวิตในโลกเดิมของผมหยุดลงที่การเป็นเด็กมัธยมปลายที่ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสการทำงานจริงๆจังๆ โลกนี้ก็ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ ยังไม่สามารถทำใบขับขี่หรือเข้าพิธีบรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ ผมเลยคิดว่าได้เวลาเตรียมความพร้อมแล้วสร้างอนาคตของตัวเองสักที
และอีกอย่าง ผมจำเป็นต้องรู้เรื่องคิโชวอินกรุ๊ปให้ได้มากที่สุด เพื่อความสบายใจของตัวเอง ว่าบ้านเธอจะไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับอะไรที่ทุจริต
ผมเป็นห่วงว่าสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลนั่นจะทำให้เรย์กะเดือดร้อนไปด้วย