Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับนิทรรศการเรืออับปางใต้ท้องทะเลลึก ครั้งที่ 9

Last posted

Total of 1000 posts

772 Nameless Fanboi Posted ID:+nQkI6q.u

ต่อจาก >>657-658 ฟิคคู่หูทะลุมิติ
อาจจะเบลอๆไปบ้างนะคะ ยาวมากเลย ถ้านั่งตรวจคำผิดคงไม่ได้นอนกันพอดี 5555
ขอโทษนะคะที่ลงดึกไปหน่อย...
..............…….....
(มุมมองเอ็นโจ)

ในที่สุดทุกคนก็ได้รู้ว่าคิโชวอินเปลี่ยนไปขนาดนั้น เพราะเสียความทรงจำบางส่วน

แม้ทุกคนดูเหมือนจะเข้าอกเข้าใจยอมรับกันรวดเร็ว แต่ผมกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล อะไรทำให้คิโชวอินเปลี่ยนไปขนาดนั้น ตามหลักแล้วการเสียความทรงจำ ลักษณะ ท่าทาง ทัศนคติ และการกระทำก็ไม่ได้ต่างจากเดิมมาก หรือถ้าต่างก็อาจจะเหมือนตอนสมัยเด็ก แต่เท่าที่ผมสังเกตมาตั้งแต่ประถม ไม่มีช่วงไหนของคิโชวอินที่เป็นแบบนี้เลย

สมัยก่อนคิโชวอินเป็นศูนย์กลางของห้อง ทุกคนต้องคอยตามใจทุกอย่าง ใครขัดหูขัดตาก็ใช้อำนาจ Pivioine ข่มขู่ลงโทษทุกคนไปทั่ว จึงมีแต่คนต่างกลัวที่จะอยู่ห้องเดียวกับเธอทั้งนั้น

แต่ตอนนี้แม้คิโชวอินจะยังเป็นศูนย์กลางของห้องอยู่เหมือนเดิม แต่กลับกลายเป็นว่าทุกคนต้องการเอาอกเอาใจแทน พยายามให้อีกฝ่ายหันมามอง หันมายิ้มให้ ได้พูดคุยกัน มีผู้คนมากมายอิจฉาคนที่ได้อยู่ห้องเดียวกับคิโชวอิน บรรยากาศในห้องสดใส อบอุ่นปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

มาซายะตั้งแต่คุยคิโชวอินหน้าห้องน้ำครั้งนั้น เขานั่งๆอยู่ก็ยิ้มออกมาเหมือนคนบ้า พูดจาอะไรแปลกๆกว่าเดิม บางทีเขาก็อยู่ในร้านขายต้นไม้เป็นชั่วโมง แล้วจดบันทึกเรื่องลักษณะใบไม้ที่แตกต่างกันทั้งๆที่เป็นพืชชนิดเดียวกัน บางทีก็นั่งศึกษาเรื่องสีผมของคนอย่างละเอียด มีครั้งหนึ่งเขาเอาสีส้มหลายเฉดสีมาวางเรียงแล้วถามผมว่าสีผมคนเรามีครบทุกสีแบบนี้ไหม

เมื่อตารางรายชื่อว่าใครจะลงแข่งอะไรมาถึง มาซายะบอกว่าจะไม่ลงแข่งขี่ม้าส่งเมือง ทุกคนต่างตื่นตกใจกันใหญ่ ไม่รู้ทำไมเขาถึงหยุดลงกีฬานี้ไปอย่างไร้สาเหตุ ในเมื่อเขาลงเสมอทุกปี ผมลองถามๆเขาดู เขาก็เผยออกมาว่าเคยประกาศแล้วว่าจะไม่ลงกีฬาชนิดนี้อีก และเมื่อผมถามว่าประกาศที่ไหนเมื่อไหร่ เขาก็เงียบไม่ยอมตอบ

วันต่อมาหลังข่าวเรื่องจักรพรรดิแห่งซุยรันไม่ลงกีฬานี้แล้วดังไปทั่วโรงเรียน ผมก็เห็นคิโชวอินมาแอบคุยกับมาซายะ เมื่อแอบฟังใกล้ๆ ก็ได้ยินคิโชวอินคุยกับมาซายะประมาณว่า “ไม่เห็นจำเป็นต้องรักษาสัญญาขนาดนั้นเลยนี่คะ โลกนี้ลงแข่งได้อยู่นะคะ”

ที่นายไม่ลง เพราะตกลงอะไรกับคิโชวอินงั้นหรอ... แต่อาจจะมีหนี้หรืออะไรค้างกันแค่ครั้งเดียวมั้ง

งานเทศกาลกีฬามาถึง มาซายะลงวิ่งแข่งแทน และชนะอย่างง่ายดายอย่างเห็นได้ชัด แต่ที่ผมสงสัยมากกว่าคือทำไมคิโชวอินถึงลงแข่งยืมของ แต่ว่าเทียบกับสิ่งที่ผ่านๆมา...ผมไม่ควรสงสัยอะไรอีกแล้วล่ะมั้ง

คิโชวอินได้โจทย์มาก็ชะงัก ทำท่าทางเคร่งเครียด และมองไปรอบๆอย่างร้อนรน ดูเหมือนว่าคงได้โจทย์ที่ยากทีเดียวมั้งนะ

มีคนหนึ่งวิ่งเข้าเส้นชัยไป ทำให้ผมรู้ว่าเราไม่ได้ยืมของ แต่เป็นยืมคนต่างหาก เป็นคนที่มีคุณสมบัติตรงกับที่จับสลากได้ ขณะที่ผมกำลังวิเคราะห์ว่าคิโชวอินจะได้โจทย์อะไร อีกฝ่ายก็ตรงมาหามาซายะ ไม่สนใจผมที่นั่งอยู่ข้างๆมาซายะเลยสักนิดเหมือนเคย

"ท่านคาบุรากิคะ มากับฉันหน่อยได้ไหมคะ"

เสียงฮือฮาดังไปทั่วสนาม ผมค่อนข้างแปลกใจที่คิโชวอินทำอะไรที่เสี่ยงกับการหน้าแตกทั้งสนามขนาดนี้ เมื่อกี้มาซายะเพิ่งปฏิเสธผู้หญิงที่มาขอไปสองคนนะ

จะยังไงคิโชวอินก็ยังคงชอบมาซายะงั้นหรอ ต่อให้ต้องถูกหักหน้าท่ามกลางผู้คนก็ยินยอม... ความรักทำให้เธอตาบอดจริงๆ ทำไมต้องไปชอบคนที่ไม่รักเธอด้วยนะ

ผมเตรียมลุกขึ้นเพื่อทำอะไรสักอย่าง แต่มาซายะก็เดินลงไปจับมือกับคิโชวอิน

ทั้งคู่วิ่งไปตามทางด้วยกัน เป็นภาพที่แปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก ผมรู้สึกไม่รับรู้ถึงเสียงแตกฮือของผู้คนที่ตกใจกับเหตุการณ์เบื้องหน้า

แม้จะแทบเรียกได้ว่าคล้ายปาฏิหาริย์ แต่มาซายะก็พาคิโชวอินเข้าที่สองได้ ทั้งๆที่ตามคนอื่นอยู่เยอะมาก และเมื่อกรรมการประกาศว่าของที่คิโชวอินต้องเอามาคือ “เพศตรงข้ามที่สนิทที่สุด” เสียงแห่งความสงสัย และแปลกใจก็ดังชัดไปทั่ว อันที่จริง คิโชวอินไม่แปลกที่จะคิดแบบนั้น แต่มาซายะกลับยิ้มให้คิโชวอินเมื่อรู้ว่าโจทย์คืออะไร

773 Nameless Fanboi Posted ID:+nQkI6q.u

หนึ่งอาทิตย์ก่อนสอบ แทนที่มาซายะจะตั้งใจอ่านหนังสือสอบแบบทุกที เขากลับพยายามค้นข้อมูลอะไรสักอย่าง ผมเข้าไปเจอโดยที่เจ้าตัวจะโกหกหรือหลีกเลี่ยงก็ไม่ได้ แต่เขาก็ไม่คิดจะหาข้อแก้ตัวอะไร และบอกว่าถ้าผมว่างจะมาช่วยกันทำก็ได้ นายกลายเป็นคนชิวๆสบายๆขนาดนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่...

ตอนแรกผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องไร้สาระที่ช่วงนี้เขาชอบหา แต่พอรู้ว่าเป็นเรื่องพี่ชายของคิโชวอิน ผมก็เลยมาตัดสินใจมาหาด้วยอีกคน

เมื่อค้นไปค้นมา เราก็เจอข้อมูลการโกงของตระกูลคิโชวอิน เป็นหลักฐานที่ผมต้องการมานานแล้วในการจัดการกับคิโชวอิน แต่มาซายะก็ห้ามผมไว้ พยายามทำทุกวิธีไม่ให้ผมได้ข้อมูลตัวจริงนั้นไป ในที่สุดเราก็ทะเลาะกันทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หลังสอบเสร็จ ในวันที่ประกาศคะแนนสอบ คิโชวอินได้ที่ 5 คะแนนพุ่งสูงแบบไม่น่าเชื่อ มาซายะเองก็เข้าไปทักทายพูดคุยกับคิโชวอินอย่างสนิทสนม และเดินกลับอาคารไปด้วยกัน ผมแอบเดินตามไปอย่างสงสัย

อะไรทำให้ทั้งสองคนนั้นเปลี่ยนไปขนาดนี้นะ

มาซายะทำหน้าเหมือนเด็กกำลังจะร้องไห้เมื่อพูดอะไรสักอย่าง คิโชวอินก็พูดปลอบเขา ผมเดินเข้าไปให้มากพอที่จะได้ยินว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน

“ฉันคิดว่าเราควรจะอย่าทำตัวสนิทกันในที่สาธารณะเลยดีกว่านะคะ”

"หะ พูดแบบนี้กับเพศตรงข้ามที่สนิทที่สุดของเธอได้ไง”

ผมชะงักกับบทสนทนาของทั้งคู่ พวกนายคุยอะไรกันนั่นน่ะ... คิโชวอินอธิบายเรื่องที่ว่าสิ่งที่มาซายะทำจะมีผลกระทบอะไรกับทาคามิจิบ้าง ทำให้ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมคิโชวอินถึงได้ให้คำแนะนำเรื่องพวกนี้

หรือว่าความจริงคิโชวอินไม่ได้รักมาซายะแล้วจริงๆ?

ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ก็เป็นเพื่อนกันเฉยๆไง” มาซายะถามพลางขมวดคิ้ว

นายนี่มันไม่เข้าใจอะไรเลยหรือไง...

“แต่ว่า... ปกติถ้าผู้หญิงเห็นผู้ชายที่ชอบไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนก็รู้สึกไม่ดีล่ะนะคะ ถ้าท่านคาบุรากิเห็นวาคาบะจังอยู่กับนายตัวสะ...คุณมิซึซากิก็รู้สึกไม่ดีใช่ไหมล่ะคะ”

“แน่สิ หมอนั่นมาจีบทาคามิจินี่”

นายรู้แล้วหรอว่ามิซึซากิชอบทาคามิจิ ไม่น่าเชื่อจริงๆ

“แต่ในมุมมองของวาคาบะจัง ก็คิดว่าฉันมาจีบท่านคาบุรากิอยู่นะคะ เพราะงั้นวาคาบะจังน่าจะรู้สึกแบบเดียวกันก็ได้ค่ะ” คิโชวอินอธิบาย

มาซายะทำสีหน้าแปลกๆออกมา และถาม “แล้วเธอจีบฉันหรือไง”

“ไม่ใช่แน่นอนค่ะ”

“ถ้างั้นก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ไม่มีอะไรให้กังวล”

“แต่วาคาบะจังไม่รู้เรื่องนี้นะคะ”

มาซายะไม่ตอบอะไร อยู่ๆเขาก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมา แต่แฝงแววเศร้าๆอย่างบอกไม่ถูกไว้ ฉันมองเขาอย่างสงสัย

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”

“หะ? อ๋อ ไม่ ฉันไม่เป็นอะไร”

“จะว่าไปท่านเอ็นโจไม่อยู่ด้วยหรอคะ”

“ฉันทะเลาะกับหมอนั่นนิดหน่อยน่ะ”

“เอ๋ !”

คิโชวอินตกใจจนมาดคุณหนูหลุด ผมเกือบหลุดขำออกไปเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น

“หรือว่าเป็นเพราะฉันหรือเปล่าคะ...”

เสียงของคิโชวอินดูรู้สึกผิดจนผมรับรู้ได้ถึงความห่วงใย

“ไม่ใช่หรอก” มาซายะตอบแบบไม่สบตา ก่อนจะหันไปหาอะไรสักอย่างมาจากในกระเป๋า แล้วยัดซองสีน้ำตาลใส่มือฉัน “ถือว่าเป็นรางวัลที่คะแนนสอบสูงขึ้นแล้วกัน”

นั่นมันข้อมูลที่หากันนี่นา...

คิโชวอินยิ้มสดใสขึ้นมา มองข้อมูลในมืออย่างปลาบปลื้ม และหยิบมือถือขึ้นมา คงน่าจะส่งเมลล์ให้มาซายะ

ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาจนไม่คิดที่จะหลบไปที่อื่น คิโชวอินที่หันมาเจอผมพอดีก็ดูตื่นตกใจ ท่าทางอยากรีบหนีออกห่างจากผมให้เร็วที่สุด แต่แล้วก็หันกลับมาด้วยสีหน้าเหมือนพร้อมตาย

“ท่านเอ็นโจ ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมคะ”

ผมไม่ตอบ และเผลอจองมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะกดสายตาให้น่ากลัวมากยิ่งขึ้น และเดินเข้าไปใกล้คิโชวอิน เธอถอยหลังหนี

“สะใจที่ลบล้างสิ่งที่ผมเคยพูดได้งั้นหรอ”

ครั้งที่แล้วผมบอกว่ามาซายะคงรังเกียจและไม่มีทางชอบคนอย่างเธอ แต่ตอนนี้ มาซายะดูเหมือนจะเข้าหาคิโชวอินมากขึ้น แม้ไม่แน่ใจว่าเป็นความรักไหม แต่จะยังไงก็ไม่ได้รังเกียจอีกต่อไปแล้วแน่ๆ

“เปล่าหรอกค่ะ ฉันไม่ต้องการพูดเรื่องนั้น”

คิโชวอินพูด ท่าทางตัวสั่นๆ แต่ก็ฝืนพูดต่อออกมา

“ท่านเอ็นโจทะเลาะกับท่านคาบุรากิเพราะฉันหรือเปล่าคะ”

“คุณมั่นใจว่าคุณมีค่าพอที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนั้นงั้นหรอ”

สุดท้ายสิ่งที่คิโชวอินต้องการรู้ ต้องการคุยกับผมก็เป็นเรื่องของมาซายะอยู่ดีสินะ...

“ฉันก็หวังว่าตัวเองจะไม่มีค่าพอที่ทำให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเหมือนกันค่ะ”

ตอนนี้รอยยิ้มของผมเย็นยะเยือก

774 Nameless Fanboi Posted ID:+nQkI6q.u

“คุณทำอะไรกับมาซายะ”

ผมถาม และเดินเข้าไปใกล้อีก คิโชวอินถอยหลังหนีจนติดผนัง

“ฉันไม่ได้ทำอะไรค่ะ แต่เข้าใจค่ะว่าสิ่งที่ฉันเคยทำมันเลวร้ายมากๆ ไม่แปลกที่ท่านเอ็นโจจะระแวงฉัน” คิโชวอินพูด “ฉันเองก็รับตัวเองในตอนนั้นไม่ได้เหมือนกันค่ะ...”

ผมมองคิโชวอิน แม้จะยิ้ม แต่ดวงตาไม่สามารถยิ้มตามไปด้วยได้เลย

“ต่อให้คุณไม่ได้โกหก แต่ความผิดที่คุณเคยทำมาก็ไม่หมายความว่าจะถูกลบล้างได้” ผมพูดอย่างสงบนิ่ง แม้ในใจรู้สึกหงุดหงิดจนอยากทำลายทุกอย่างทิ้ง “อีกอย่างต่อให้ตอนนี้คุณอาจจะรู้สึกผิดจริง แต่วันหนึ่งเมื่อความทรงจำของคุณกลับมา คุณก็อาจจะกลับไปเป็นเช่นเดิม”

“ถ้าเป็นแบบนั้น บางทีฉันอาจจะกลับไปทำตัวแย่ๆกับท่านคาบุรากิก็ได้ เพราะฉะนั้น...ท่านเอ็นโจ ได้โปรด คืนดีกับท่านคาบุรากิได้ไหมคะ... ฉันรู้ดีว่าไม่สิทธิ์ก้าวก่าย แต่ว่าตราบใดที่ฉันยังเป็นตัวฉันในตอนนี้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”

ผมไม่ตอบอะไร ในใจรู้สึกจุกอย่างบอกไม่ถูก

ไม่ว่าจะก่อนเสียความทรงจำหรือหลังเสียความทรงจำ ก็ยังคงรักมาซายะไม่เปลี่ยนแปลงงั้นหรอ... เพียงแค่ตอนก่อนเสียความทรงจำ คิโชวอินจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองคนที่รัก แต่ในตอนนี้เหมือนยอมเสียสละทุกอย่างขอให้คนที่รักมีความสุข

“ท่านคาบุรากิเสียใจจริงๆนะคะที่ทะเลาะกับท่านเอ็นโจ” คิโชวอินพูดต่อไป “ถ้าเป็นเรื่องของฉันล่ะก็ แทนที่จะแตกแยกกันเอง มาร่วมกันคิดอะไรแก้ปัญหาหรือสู้กับฉันแบบนั้นไม่ดีกว่าหรอคะ...”

ผมพยายามคงรอยยิ้มเย็นชาไว้ แต่รอยยิ้มก็กระตุกนิดหน่อย ไม่รู้อะไรเลยสินะคิโชวอิน...

“ไม่รู้เลยสินะว่ามาซายะ...”

“กำลังทำอะไรกันน่ะ!”

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ผมหันไปมอง มาซายะงั้นหรอ ทำไมนายถึงได้กลับมาที่นี่???

เขายืนคั่นกลาง บังคิโชวอินเอาไว้เหมือนกำลังปกป้อง แล้วเผชิญหน้ากับผม

“ฉันเคยบอกแล้วว่าคิโชวอินไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว นายไม่ควรมาข่มขู่เธอแบบนี้อีก” มาซายะพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง

ผมหยุดยิ้ม และพูด “นายก็รู้เรื่องของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง นายเองก็เห็นกับตา ตอนที่นายหาข้อมูลนั่น ทำไมยังปกป้องผู้หญิงคนนั้นอยู่”

“เพราะมันไม่เกี่ยวกับตัวคิโชวอินน่ะสิ” เขาพูดอย่างหนักแน่น

ทำไมถึงต้องปกป้องคิโชวอินขนาดนั้นนะ... เมื่อไหร่กันที่ทั้งคิโชวอินและมาซายะเปลี่ยนไปขนาดนี้

ผมถอนหายใจ ก่อนจะพูดว่า “นายพูดก็ถูกล่ะนะ แต่ว่าต่อให้คุณคิโชวอินไม่ผิด ถึงยังไงคนอื่นๆก็ผิดอยู่ดี เพราะงั้นคงปล่อยไปเฉยๆไม่ได้หรอกนะ”

ผมยิ้มโหดเหี้ยมอย่างอดไม่ได้ น่าหงุดหงิดชะมัดเลยจริงๆ
“ถ้าอยากให้ฉันปล่อยเรื่องนี้ไป ก็มีเงื่อนไขอยู่อย่างหนึ่ง”

“ก็ได้” คาบุรากิตอบ “มีอะไรว่ามา”

ผมหันมามองคิโชวอินแวบหนึ่ง ตอนนี้ถ้ามาซายะติดหนี้ผม อะไรก็อาจจะง่ายสำหรับผมล่ะนะ

“ขอเก็บเอาไว้ก่อนแล้วกัน ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้”

ผมเดินจากไป หัวใจตอนนี้เต้นแรงกับสิ่งที่เริ่มไม่สามารถเข้าใจได้ เช่นเดียวกับที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคิโชวอินซึ่งเปลี่ยนไปทุกอย่าง ความรู้สึกที่มีต่อมาซายะก็ยังไม่ต่างจากเดิมอยู่ดี...

ต่อมาไม่นาน ผมก็นึกวิธีอะไรดีๆได้ เลยบอกให้มาซายะมาหา หมอนั่นทำหน้าเมื่อรู้ตัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น เลยบอกว่าขอส่งเมลล์แปบหนึ่ง ทำหน้าเหมือนกำลังสั่งเสียก่อนตาย ผมแอบเห็นว่าเป็นเมลล์ของคิโชวอิน ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม

พอจัดการเคลียร์กับมาซายะเสร็จ สายข่าวของผมก็บอกมาว่าคิโชวอินเอาตัวไปขวางรับกาแฟร้อนแทนทาคามิจิ วันต่อมาสายข่าวอีกคนก็บอกว่าคิโชวอินจัดการกับคนที่มาขีดเขียนรองเท้าของทาคามิจิได้อย่างดี ด้วยความเท่และนิสัยน่ารักในปัจจุบัน ตอนนี้แฟนคลับสาวๆของคิโชวอินแทบจะมากกว่ามาซายะอยู่แล้ว...

ผมไม่ได้คิดอะไรต่อจากนั้นมากนัก ตอนนี้ยูกิโนะคุงอาการกำเริบบ่อย จนต้องตัดสินใจรีบพาไปโรงพยาบาล คนขับรถเหยียบคันเร่งมิด กลัวอาการจะหนักเมื่อไปไม่ทัน

ผมเห็นใครสักคนเดินข้ามถนนมาพอดี ตอนนี้ยากที่จะเบรกได้ทัน หัวใจของผมหล่นวูบ แต่ตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาผลักผู้ชายที่เดินข้ามถนนอยู่ไปที่ปลอดภัย และตัวเองก็ยอมโดนรถชนแทน

คิโชวอินงั้นหรอ?!

ผมเอื้อมตัวไปแย่งพวงมาลัยจากคนขับที่กำลังช็อก หักหลบไม่ให้ชนคิโชวอิน โชคดีที่หลบได้ทันเวลา แต่คิโชวอินก็สลบเป็นลมไปแล้ว... ผมอาสาพาไปโรงพยาบาล คนที่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเป็นพี่ชายของเธออุ้มเธอขึ้นรถมา

ตอนคิโชวอินฟื้นขึ้นมา แล้วรู้ว่าที่คนขับเร่งความเพราะต้องการพายูกิโนะเข้าโรงพยาบาล เธอตกใจจนอุทานอย่างเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด ทำไมเธอถึงทำเหมือนรู้จักน้องผมเลยนะ... พอผมถามไป คิโชวอินก็ทำท่าทางมีพิรุธ

ยูกิโนะเข้ามาขอโทษคิโชวอินด้วยตัวเอง สายตาคิโชวอินอ่อนโยนอ่อนหวานขึ้นมาทันที แล้วคุยกับยูกิโนะด้วยสีหน้ามีความสุข

ทีกับผมนี่ไม่เคยทำแบบนั้นเลยนะ...

775 Nameless Fanboi Posted ID:+nQkI6q.u

ไม่นานก็ถึงวันงานเทศกาล ห้องของผมทำร้านคาเฟ่ ผมเลยอาสาเป็นบาริสต้าด้วยแผนการบางอย่างในใจ

พอเห็นคิโชวอินโผล่มาในร้าน ผมก็หยุดทำกาแฟให้คนอื่น และยกถ้วยกาแฟที่มีลาเต้อาร์ตรูปกระต่ายวางให้อีกฝ่าย และบอกว่า "ยูกิโนะฝากมาขอโทษในวันนั้นน่ะครับ"

คิโชวอินตอนแรกเหมือนหวาดกลัว แต่พอถึงยูกิโนะก็ยิ้มออกมา

"ฝากนี่ให้ยูกิโนะคุงด้วยได้ไหมคะ เรื่องนั้นฉันเองก็มีส่วนผิด” คิโชวอินหยิบเทียนแฮนด์เมดออกมาให้

"ด้วยความยินดีครับ" ผมพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นอีกเล็กน้อย ให้ทุกคนในที่นั่นได้ยิน เสียงฮือฮารอบร้านตามที่คาด

"ท่านเอ็นโจทำลาเต้พิเศษให้ท่านเรย์กะงั้นหรอ! ทั้งๆที่ไม่มีบัตรคิวนี่นะ”

“แล้วท่านเรย์กะเองก็ให้เทียนทำมือกลับด้วย!”

“หรือว่าจะเป็นของแทนใจงั้นหรอคะ!?”

“เอ๋ หรือว่าที่ท่านเรย์กะเลิกยุ่งกับท่านคาบุรากิ เป็นเพราะคบอยู่กับท่านเอ็นโจงั้นหรอคะ! ! !”

“มิน่าล่ะ หลังๆท่านคาบุรากิเองก็มาสนิทกับท่านเรย์กะ เพราะเป็นแฟนของเพื่อนสนิทนี่เอง!”

ผมเห็นคิโชวอินทำท่าเหมือนสำลักลาเต้ที่กำลังดื่มอยู่ และพยายามคัดค้านข่าวลือที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเท่าไหร่ เธอหันมามองผม ผมก็ยิ้มตอบกลับไป

แต่อยู่ๆเสียงทั้งหมดก็เงียบไป ทุกคนกลับจับจ้องไปที่ที่เดียว

“คิโชวอิน เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”

มาซายะปรากฏตัวและพุ่งไปหาคิโชวอินแบบไม่สนใจคนอื่น เขาสำรวจคิโชวอินสักพัก ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับผมอีกครั้ง

“คิดจะทำอะไรน่ะชูสุเกะ”

“ก็ไม่มีอะไรนี่”

ผมตอบรับยิ้มๆ คนในร้านเงียบกริบมองมาซายะกับผมสลับกันไป

“ถ้านายคิดจะทำอะไรคิโชวอินล่ะก็ ต่อให้นายเป็นเพื่อนฉัน ฉันก็ไม่ปล่อยไว้หรอกนะ”

“งั้นหรอ มาซายะ”

เอ็นโจยิ้มรับ แต่รู้สึกได้ว่ารอยยิ้มของตัวเองคงน่ากลัวไม่น้อย เพราะมาซายะเองก็ดูหวาดๆขึ้นมา แต่ก็ยังไม่คิดจะเปลี่ยนคำพูด เหมือนรู้ว่าสู้ไม่ได้ก็ยังพยายามจะสู้

ขณะที่ทุกคนในร้านกำลังตึงเครียดกับสถานการณ์ ไม่มีใครกล้าทำเสียงอะไรเลย ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ก็มีเสียงถาดหล่นดังสนั่นไปทั่วร้าน

“ขอโทษค่ะ” ทาคามิจิที่เพิ่งออกมาจากหลังร้านพูดขณะรีบนั่งลงเก็บคุกกี้ที่ตกและเตรียมทำความสะอาด คนในห้องก็เบนความสนใจไปที่วาคาบะจังทันที

“คุณทาคามิจินี่เก่งด้านเรียกร้องความสนใจจังเลยนะคะ”

ใครสักคนในนั้นพูด เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น

“อุ้ย ขอโทษค่ะ”

มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งเดินไปเหยียบมือทาคามิจิ

“ไม่ระวังเลยนะคะเนี้ย คุณทาคามิจิ”

“นั่นสินะคะ” คิโชวอินพูดขึ้น “ไม่ระวังเลยจริงๆ”

ทุกคนกลับไปเงียบกริบเหมือนเดิม คิโชวอินส่งยิ้ม พร้อมหันไปมองคนที่เหยียบมือทาคามิจิ

“ยังกล้าว่าคนอื่นว่าไม่ระวังอีกงั้นหรอคะ”

“เอ๊ะ...ท่านเรย์กะ” ผู้หญิงคนนั้นหน้าซีด

ผมมองเหตุการณ์นั้นอย่างตกตะลึง แม้จะเคยได้ยินมาก่อนก็เถอะว่าเธอเคยปกป้องทาคามิจิ แต่ไม่คิดว่าจะทำในรูปแบบอย่างนี้ ตอนนี้เธอดูงามสง่าราวกับจักรพรรดินีที่ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผู้คนด้วยความยุติธรรม สายตาที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส ก็สะท้อนถึงความเย็นชา ใครก็ตามที่ได้เห็นคงเขาอ่อนจนไม่กล้าแม้แต่จะพูดขัด

“ทาคามิจิ ไม่เป็นไรใช่ไหม ไปห้องพยาบาลกันเถอะ”

มาซายะมาดูทาคามิจิอย่างอ่อนโยน ผมเห็นคิโชวอินมองทั้งสองคนนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า เหมือนเสียใจจนไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว

เวลาต่อมาผมก็ออกจากร้านทันทีที่รู้จากสายข่าวใครกำลังมา ยังไงก็คงต้องหนีสักพักล่ะมั้ง

ผมแอบไปดูที่ร้านของห้องคิโชวอิน อีกฝ่ายมานั่งเศร้าๆเฝ้าร้านอย่างที่คิด พอผมเห็นคนที่ต้องการหลบเดินผ่านออกไปแล้ว ก็เข้าไปทักทายคิโชวอิน อีกฝ่ายไม่ได้หวาดกลัวผม ดูเหมือนว่าการเห็นมาซายะกับทาคามิจิหวานแหววกันจะบั่นท่อนกำลังใจของเธอมากทีเดียว

พอได้คุยจริงๆ คิโชวอินเป็นคนที่ตลกจนน่าแหย่เล่นเอามากๆ ทำให้ผมที่เคร่งเครียดกับว่าที่คู่หมั้นเมื่อกี้ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา คิโชวอินถามนู้นนี้ผมอย่างสนใจแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แม้บางคำถามจะดูคล้ายๆมาซายะตอนรัวๆก็เถอะ

ตอนผลสอบรอบสองออก ผมแอบเห็นคิโชวอินทำหน้าตกใจแบบเหลือเชื่อ ก็รู้สึกฮาก๊ากในใจ พอผมทักว่านั่นไม่ใช่ผลสอบปีเรา คิโชวอินก็พยายามกลบเกลื่อนไปเรื่อย น่ารักจังเลยนะ

แต่เมื่อคิโชวอินเห็นมาซายะพูดอย่างสนิทสนมกับทาคามิจิ คิโชวอินก็เดินออกไปเลย ทั้งๆที่จะยังไม่ได้ดูคะแนนด้วยซ้ำ สายตานั้นเจ็บปวดมากจริงๆ ถึงอยากเข้าไปปลอบ ผมก็ได้แค่มองเท่านั้น

776 Nameless Fanboi Posted ID:+nQkI6q.u

วันวาเลนไทน์มาถึงอย่างรวดเร็ว เป็นวันที่น่าเบื่อสำหรับพวกผม จนอยากจะหยุดเรียน ผมเห็นคิโชวอินถือช็อกโกแลตเดินไปมาทั้งวัน ในที่สุดก็ให้มาซายะ ผมไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่นัก แต่ว่ามาซายะก็ยอมกิน ทั้งๆปกติหมอนั่นไม่ยอมกินขนมทำมือแท้ๆ

ผมแอบเห็นการ์ดแนบอยู่ในนั้น พอมาซายะไม่เห็น ผมก็แอบหยิบมาดู มันเขียนไว้ว่า “ถึงนายอาจจะไม่เคยเห็นฉันอยู่สายตา แต่ฉันก็แอบชอบนายมาตลอดนะ”

หัวใจของผมกระตุกวูบอีกครั้ง ข้อความในนั้นถูกย้ำซ้ำๆในหัว

มาซายะทำความสะอาดกล่อง และกระดาษห่ออย่างดี ก่อนจะวางไว้ข้างเตียงในห้องนอน

“นายชอบคิโชวอินงั้นหรอ”

ผมลองถามดู มาซายะสะดุ้งและหน้าแดง ตอบรับในลำคอเหมือนไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ

คงสู้ไม่ได้...

มาซายะถามผมว่าควรจะจีบผู้หญิงยังไง ผมเลยแนะนำเท่าที่นึกออกในสภาวะเจ็บปวดแบบนี้ และบอกเสริมไปว่าต้องจีบให้ติด ให้มั่นใจก่อนว่าอีกฝ่ายชอบ แล้วค่อยสารภาพรัก แบบนี้จะยืนยาวกว่า มาซายะก็พยักหน้าอย่างตั้งใจ

ว่าแต่นายตัดใจจากทาคามิจิแล้วหรอ... พอถามเรื่องนี้ไป เจ้าตัวก็ยิ้มฝืนๆกลับมา ซึ่งไม่ช่วยอธิบายอะไรเลย

วันต่อมาเกือบหมดช่วงพักเที่ยง ผมเห็นมาซายะนั่งซึมในสโมสร พอไปทัก หมอนั่นก็เอาแต่พูดว่า “อย่ารู้จักฉันไปมากกว่านี้เลย...” พูดซ้ำๆราวกับโดนคำสาป

เกิดอะไรขึ้นน่ะ...

สายข่าวผมรายงานมาว่าคิโชวอินถูกประธานฟุตบอลสารภาพรักมา มาซายะก็ไปลากคิโชวอินออกมา พร้อมส่งสายตาเย็นชาแบบจักรพรรดิให้ทุกคนในที่นั้น

มาซายะนั่งจุ่มอยู่ตรงนั้นไม่ยอมไปเรียน สุดท้ายตอนเลิกเรียนจึงดักเจอคิโชวอิน แล้วเล่าที่เกิดขึ้นให้ฟัง ก่อนจะเดินไปที่สโมสรด้วยกัน ผมปล่อยให้คิโชวอินไปคุยกับมาซายะ และยินฟังอยู่ข้างๆ

“ท่านคาบุรากิคะ”

“เมื่อกี้ฉันล้อเล่นค่ะ”

“ล้อเล่น...?”

“ก็ท่านคาบุรากิล้อเล่นมาก่อนนี่คะ ไม่ได้ถามจริงๆใช่ไหมล่ะคะเรื่องขอเป็นแฟนน่ะค่ะ”

หะ?! นายขอเป็นแฟนมาแล้วงั้นหรอ!!!

คาบุรากิตอบงึมงำในลำคอ

"ถ้าเมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดล้อเล่นก็ตกลงเป็นแฟนใช่ไหม"

"อ้า..."

"ฉันเลวร้ายขนาดนั้นเลยสินะ..."

มาซายะทำหน้าเหมือนเด็กน้อยใกล้ร้องไห้ ผมเห็นภาพน่าสะเทือนใจแทนมาซายะที่คิโชวอินปลอบว่าเขาไม่ได้แย่ขนาดนั้น ถ้าเขามาขอ เธอก็ตกลงเหมือนกัน เพราะงั้นเลยให้กำลังใจในการจีบทาคามิจิ...

นายควรจะบอกคิโชวอินไปได้แล้วนะว่าไม่ได้ชอบทาคามิจิแล้ว...

มาซายะดูอารมณ์ดีขึ้น พอคิโชวอินกลับบ้านไปแล้ว เขาก็เดินไปข่มขู่สมาชิกชมรมฟุตบอลด้วยสายตาจักรพรรดิ และเตะประธานชมรมเข้าโกลพร้อมบอล... นายทำอะไรเห็นชัดไปแล้วนะ ควรเก็บเงียบไม่ให้คนอื่นรู้ง่ายๆสิ...

วันต่อมาผมเห็นมาซายะไปเห็นเนียนๆใกล้ๆกับคิโชวอินแล้วรู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก เลยพายูกิโนะมาที่สโมสร น้องชายของผมก็ให้ความร่วมมืออย่างดี และคิโชวอินก็ไม่สนใจมาซายะอีกต่อไป แต่ก็ไม่ได้สนใจผมอยู่แล้วล่ะนะ...

ผมนั่งลงข้างคิโชวอิน อีกฝ่ายสะดุ้งแล้วพยายามถอยหนีจนติดมาซายะ ใจร้ายจังนะ...ผมไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นซะหน่อย

ผมได้แต่ฟังมาซายะคุยเรื่องขนมกับคิโชวอิน มองยังไงสองคนนั้นก็น่าจะชอบกันแล้วจริงๆ...

แต่ว่าคิโชวอินที่มาซายะชอบ คือ ตอนเสียความทรงจำนี่นา...

แล้วถ้าความทรงจำของคิโชวอินกลับมา นายคงไม่ได้ชอบแบบนี้แล้วใช่ไหม...

เมื่อถึงตอนนั้น คิโชวอินจะเป็นยังไงนะ...

ผมคิดถึงประเด็นนี้จนนอนไม่หลับ จึงง่วงนิดหน่อยในตอนเช้า เลยเบลอๆจนไม่รู้ว่าสิ่งที่มาซายะพูดเป็นความจริงหรือภาพหลอนกันแน่ เขาอุทานอะไรบางอย่าง บ่นๆว่าต้องรีบแกะพิกัดจีพีเอสตามตัว และพึมพำว่าบ้านของทาคามิจิ รู้ตัวอีกทีเขาก็วิ่งออกไปแล้ว ผมคิดว่าเขาคงไปเข้าห้องเรียน แต่ปรากฏว่าช่วงบ่ายเขาโดดเรียน และเขาก็ไม่กลับบ้านเลย คนที่บ้านตามตัววุ่นวายกันหมด แต่ก็หาเขาไม่เจอ

777 Nameless Fanboi Posted ID:+nQkI6q.u

ถึงอย่างไรก็ตาม อยู่ๆเขาก็กลับมาพร้อมคิโชวอินที่หายไปพร้อมๆกัน ผมพยายามเค้นถามว่าเกิดอะไรขึ้น หมอนั่นก็ไม่ยอมบอกท่าเดียว ผมเลยบอกว่า “งั้นฉันบอกคิโชวอินนะว่านายชอบ” ก่อนจะวิ่งหนีไป หมอนั่นชะงักแล้วรีบวิ่งตาม

แค่คุยกับคิโชวอินนิดเดียว มาซายะก็รีบเข้ามาขัดทันที สุดท้ายคิโชวอินก็ต่อรองให้มาคุยในที่ที่เป็นส่วนตัวหน่อย ดูเหมือนว่าการที่นายออกจากบ้านเกี่ยวข้องกับคิโชวอินจริงๆด้วยนะ

“สรุปว่าเกิดอะไรขึ้นในสามวันที่ผ่านมากันแน่”

ผมพูด หันไปมองมาซายะ และดูท่าทางของคิโชวอิน ก่อนจะเดินไปยืนอยู่ข้างๆคิโชวอิน

“รู้ไหมว่ามาซายะ...”

“หยุดนะ ชูสุเกะ!!!”

“นายก็บอกมาซะทีสิ รู้ไหมว่าที่บ้านนายวุ่นวายแค่ไหนตอนอยู่ๆนายก็หายไป และไม่มีใครติดต่อได้”

“...”

จะยังไงมาซายะก็ดูไม่ยอมบอกออกมาจริงๆแหะ...

“เป็นความผิดของฉันเองค่ะ”

คิโชวอินพูดขึ้น

“หืม หมายความว่าไงครับคุณคิโชวอิน”

ผมหันไปหาคิโชวอินแทน

“อื้ม... มันเป็นความลับระหว่างฉันกับท่านคาบุรากิน่ะค่ะ”

ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น ผมก็ยิ้มเย็นออกมา

“เรื่องที่ว่าทำให้คุณพ่อคุณแม่ของมาซายะเดือดร้อนล่ะนะครับ”

ผมค่อยๆใช้สายตากดดันให้คิโชวอินคลายความลับออกมา แต่ก่อนที่จะเริ่มพูดกล่อมต่อ อยู่ๆมาซายะก็คว้ามือคิโชวอิน แล้วพาวิ่งหนีไป ทั้งผมทั้งคิโชวอินต่างตกตะลึงกับการแก้ปัญหาไม่คาดฝันของหมอนั่น

ผมหาทั้งคู่ยังไงก็ไม่เจอ จนกระทั่งมาซายะมารอผมอยู่ด้วยตัวเอง และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับทาคามิจิ

“ฉันพอเข้าใจแล้ว...” ผมยอมรับแบบยิ้มขื่นๆ “นายโอเคใช่ไหม”

“อื้ม...แต่ว่าอย่าบอกคิโชวอินเรื่องนั้นเลย”

“เห็นด้วยล่ะนะ...”

ถ้าคิโชวอินรู้คงช็อกน่าดู ต่อให้เป็นผมก็ไม่คิดจะพูดเรื่องนั้นออกมาหรอกนะ

“นี่มาซายะ เมื่อไหร่นายจะบอกไปตรงๆซะทีน่ะ จะปล่อยให้ความสัมพันธ์ซับซ้อนแบบนี้ทำไม”

ผมตัดสินใจบอกเขา

“นายสามารถว่าฉันเรื่องนั้นได้ด้วยหรอ”

“กรณีฉันมันไม่มีทางเลือกซะหน่อย...”

“อ้า...ก็นะ”

“จริงๆฉันก็เคยเนียนๆบอกไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่รู้ตัวเลยน่ะ”

“อ๋อ ตอนนั้นน่ะนะ...แต่ฉันว่ารีบบอกคุณคิโชวอินไปตรงๆเถอะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว...”

“ตอนนี้ฉันจีบยังไม่ติดเลย จะให้บอกรักก็เร็วไปนะ”

อ้า นั่นเป็นที่ผมพูดเองนี่นา... ขอโทษนะมาซายะ

“คุณคิโชวอินน่ะชอบนายมาตั้งนานแล้ว ต่อให้เสียความทรงจำก็ชอบนายไม่เปลี่ยนแปลงหรอกนะ แต่เพราะคิดว่านายยังชอบคุณทาคามิจิอยู่ก็เลยหลีกทางให้”

ทำไมรู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูกเลยนะ…

“คิโชวอินตอนเสียความทรงจำไม่ได้ชอบฉันหรอก...”

มาซายะพูดอย่างหดหู่ หมอนั่นใช้มาตรฐานอะไรในการดูน่ะ...

ผมอยากถามมาซายะว่าถ้าหากคิโชวอินได้ความทรงจำกลับมาเป็นคนเดิม นายจะยังชอบคิโชวอินอยู่หรือเปล่า แต่ผมกลัวคำตอบมากเกินกว่าที่จะกล้าถาม...

เย็นนั้นในสโมสร ผมเห็นคิโชวอินมานั่งข้างมาซายะ แล้วพูดคุยกันอย่างร่าเริง ผมไม่กล้าเข้าไปเลย

ผมได้แต่มองทั้งคู่อยู่ตรงนี้ล่ะนะ...

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.