นี่มันยิ่งกว่าที่เคยได้ยินข่าวลือมาเสียอีก นี่แค่ไม่ใช่จักรพรรดินีแล้ว พระนางบูเช็คเทียนผู้เหี้ยมโหดชัดๆ!
พอเผลออุทานเรียกว่า "พระนางบูเช็คเทียน!" ออกไประหว่างที่เดินเล่นในงานโรงเรียนแล้วโดนคิโชวอินกวักมือเรียก หลังจากนั้นตลอดงานก็โดนเทพฟูจินไรจินทั้งสองจ้องเขม็งมา ทำเอาเหงื่อแตกพลั่ก
แม้ผมจะปิดเงียบเรื่องในที่ประชุม แต่ก็ดูเหมือนจะมีข่าวลือเล็ดลอดออกไปจนได้ โชคดีที่ไม่มีใครตำหนิหรือแสดงความสมเพศใส่ เพื่อนในชมรมมีแต่ตบไหล่ผมเหมือนปลอบขวัญเท่านั้น
ท้ายที่สุดในงานเทศกาล ชมรมฟุตบอลก็ได้ตำแหน่งออกร้านกลางแจ้งที่เดียวกับปีก่อนๆที่ผ่านมา เราขาย Piadina คิวยาวเหยียดและยุ่งกันสุดๆ ขณะที่ผมวุ่นวายกับการจัดระเบียบคน สมาชิกชมรมคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามากระซิบว่า "คิโชวอิน เรย์กะกำลังเดินมาทางนี้!"
ผมรีบจัดแจงทำ Piadina ชิ้นพิเศษทันที อาจจะแย่ที่ต้องแซงคิวชาวบ้านเขา แต่ว่านั่นก็เพื่อความสงบเรียบร้อยล่ะนะ พอคิโชวอินเดินเข้ามาที่ร้านผมก็ยัดเยียด Piadina ใส่มือ พร้อมกับว่า "ไม่เอาเงินครับ!" คิโชวอินไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเดินจากไป องครักษ์ข้างกายทั้งสองก็ดูท่าทางพึงพอใจเช่นกัน ได้ยินว่าชมรมเบสบอลกับบาสเกตบอลเองก็ทำแบบเดียวกันด้วย
หลังจบงานโรงเรียน จำนวนคนที่มาที่ร้านของเราพ่ายแพ้ให้กับร้านคาเฟ่ของเอ็นโจ ชูสุเกะแบบเชือดเฉือนอย่างน่าเสียดาย แถมข่าวลือเรื่องของคาบุรากิกับเอ็นโจในงานโรงเรียนก็เป็นที่สนใจของพวกผู้หญิง จนข่าวเรื่องประชุมหัวหน้าชมรมอันน่าอดสูก่อนหน้านั้นจางหายไปในที่สุด
ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ พอหมดงานเทศกาลผมก็คงไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปพัวพันอะไรกับพระนางบูเช็คเทียนอีกแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องเตรียมตัวเข้าฝึกซ้อมเพื่อลงแข่งขันฟุตบอลในช่วงฤดูหนาวอีกครั้ง
วันหนึ่งหลังเลิกเรียน ขณะที่ผมกำลังจะไปที่ห้องชมรมก็สวนทางกับเพื่อนร่วมชั้นปีคนหนึ่ง จำได้ว่าเคยอยู่ห้องเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว หน้าตาเขาซีดเซียวตัวสั่นไปทั้งหมดจนน่ากลัว แต่พอผมจะทักเขาก็วิ่งหายไปก่อนซะแล้ว คงจะไม่ได้เป็นอะไรมากล่ะนะ
พอเดินหักเลี้ยวไปอีกนิด ผมก็เห็นมิซึซากิ อาริมะ ประธานสภานักเรียนกำลังยืนถอนหายใจเฮือกอยู่กับใครอีกคน พอเดินเข้าไปจนใกล้แล้ว ผมถึงได้รู้
คิโชวอิน เรย์กะ!
ผมเผลออุทานอย่างเสียขวัญ ถ้ารู้ว่าคนๆนี้อยู่ตรงนี้ล่ะก็คงไม่ผ่านมาทางนี้แน่ๆแล้วล่ะ คิโชวอินเห็นผมก็หันมาส่งยิ้มให้พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ ทำเอานึกถึงตอนที่เธอเดินเยื้องย่างสะบัดพัดในห้องประชุมครานั้น แววตาของผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าที่จ้องมองลงมา แค่คิดร่างกายผมก็รู้สึกเย็นเฉียบ ใจเต้นระรัว ก่อนที่เธอจะยื่นดอกโบตั๋นมาให้
ผมรู้สึกตื้อตันไปทั้งหมด จดจำอะไรไม่ได้อีก รับรู้เพียงว่าระหว่างทางที่เดินมาเต็มไปด้วยสายตาสนใจใคร่รู้ของผู้คน ไม่ยกเว้นคาบุรากิและเอ็นโจที่จ้องมองมาเช่นกัน
พอรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่ห้องชมรมแล้วพร้อมกับดอกโบตั๋นสีแดงในมือเสียแล้ว เพื่อนร่วมชมรมเห็นเข้าก็รีบไถ่ถาม พอผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นไป เขาก็หน้าซีดพึมพำว่า "เจ้าแม่กาลีเลือกเหยื่อบูชายัญแล้ว! จักรพรรดินีทรงกริ้วแล้ว!" ผมขอให้เขาขยายความ เขาก็บอกว่าผมโดนคิโชวอิน เรย์กะหมายหัวเข้าแล้ว จากนี้ไปหากทำอะไรไม่พอใจอีกครั้งล่ะก็จะต้องโดนเชือดทิ้งแน่ๆ
พอได้ยินเช่นนั้นผมก็หน้าซีดตาม รู้สึกเย็บวาบไปทั้งสรรพางค์ เหงื่อกาฬไหลอาบ เป็นความรู้สึกที่พ่ายแพ้อย่างที่สุดราวกับจมดิ่งลงก้นบ่อบาดาลไร้ที่สิ้นสุด
นอกเหนือไปจากนั้น พอนึกถึงภาพตอนที่คิโชวอินจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาและรอยยิ้มที่ดูน่าเกรงขามนั่น พร้อมกับยื่นดอกโบตั๋นให้ ใจก็ยิ่งสั่นสะท้านไปทั้งหมด ผมมั่นใจว่ามันเป็นความหวาดกลัวที่มีต่อคิโชวอิน เรย์กะ แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีอีกความรู้สึกหนึ่งที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน ราวกับว่าเมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งแตกหน่อออกมาเป็นครั้งแรก...
_____________
จบแบบมึนๆ ไม่รู้จะลงยังไงดี orz