ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างรถ โลกนี้ดูคร่าวๆจะยังไงก็คล้ายโลกเดิมเอามากๆ แต่พอยิ่งดูละเอียดแค่ไหน ทุกอย่างกลับไม่เหมือน บางครั้งฉันก็รู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาดของโลกใบนี้... แต่พอคาบุรากิทะลุมิติมาด้วยกัน ฉันก็เลยดูธรรมดาขึ้นมาล่ะนะคะ
อาจเพราะค่อนข้างเช้า เลยยังไม่มีใครมาซุยรันกันเท่าไหร่ ซึ่งดีแล้วค่ะ หากข่าวฉันนั่งรถมากับคาบุรากิแพร่กระจายคงไม่ดีเท่าไหร่...
เราแวะสโมสรกินขนมกัน ไม่นานนัก เอ็นโจก็มาถึง ฉันเลยรีบลุกไปนั่งห่างๆจากคาบุรากิ ครั้งที่แล้วหมอนั่นทำหน้ามุ่ย คงไม่พอใจที่ไม่ได้นั่งข้างเพื่อนสนิท เพราะฉันนั่งคั่นกลางอยู่ ครั้งนี้เลยระวังให้ดีหน่อย
ฉันออกจากสโมสรไปเข้าห้องเรียน เพื่อนรุมถามฉันกันใหญ่เลยค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ตอนนี้ดีขึ้นหรือยัง หลายคำถามจนฉันเริ่มหน้ามืดตาลาย
ลืมนึกไปเลยค่ะว่าต้องหาข้อแก้ตัวดีๆไว้สำหรับเหตุการณ์นี้... แค่ไม่สบายก็น่าจะพอ แต่ว่าแค่ไข้หวัดจะเนียนไหมนะคะ กลัวเพื่อนๆฉันรู้ว่าเกิดอะไรกับครอบครัวฉันจังเลยค่ะ ถ้าโกหกไม่เนียนมีหวังโดนแก้แค้นแน่ๆ...
“คุณคิโชวอิน อยู่หรือเปล่าครับ”
“ท่านเอ็นโจ...”
เด็กๆรอบตัวฉันก็ส่งเสียงดังวุ่นวายทันทีที่เอ็นโจปรากฏตัว นายมาทำอะไรที่นี่คะ...
“เรื่องมาซายะน่ะ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“...ก็ได้ค่ะ” ฉันค่อยๆลุกจากที่นั่งเข้าแดนประหาร ต่อให้เอ็นโจยิ้มมาให้ก็เถอะค่ะ ภาพจอมมารในความทรงจำก็ทำให้ฉันรู้สึกระแวงอยู่ดี
จะว่าไปเพื่อนสนิทเขาโดดเรียนสามวันติด ถ้าคาบุรากิไม่พูดอะไรก็คงจะน่าสงสัยอยู่ล่ะนะคะ แล้วทำไมมาคุยกับฉันคะ รู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่กับฉัน... หรือฉันคิดมากไปเอง เขาคงไม่ได้อ่านใจทะลุทะลวงขนาดนั้นมั้งคะ...
“เดี๋ยว!!!”
คาบุรากิโผล่มาอยู่หน้าห้องฉัน เอามือยันขอบผนังไว้เหมือนรีบวิ่งมาเต็มที่ สาวๆเริ่มกรี้ดกันอีกครั้ง ตอนนี้สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เหตุการณ์นี้ ฉันรู้สังหรณ์ใจไม่ดีเลยค่ะ ขอเป็นตัวประกอบดูเรื่องราวอยู่ห่างๆได้ไหมคะ...
“นายจะไม่บอกจริงๆงั้นหรอว่าเกิดอะไรขึ้น” เอ็นโจยิ้มให้คาบุรากิ
คาบุรากิส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือมาทางฉัน หะ? อย่าบอกนะว่านี่เป็นเรื่องที่ฉันหนีออกจากบ้าน! เอ็นโจ ปกตินายก็ทำตัวรอบคอบนี่ ช่วยคุยในที่ลับกว่านี้ได้ไหมคะ... ตอนนี้สายตาแห่งความใคร่รู้ของคนในห้องเป็นประกายวิบวับไปหมดแล้วค่ะ
ฉันพยายามเกลี้ยมกล่อมให้เป็นคุยในที่ที่ส่วนตัวกว่านี้ เอ็นโจก็ยิ้มๆตอบรับ ส่วนคาบุรากิมองเอ็นโจราวกับเป็นระเบิดเวลาอะไรสักอย่าง เมื่อถึงมุมมืดลึกๆในห้องสมุดแล้ว พวกเราก็หยุดเดิน
“สรุปว่าเกิดอะไรขึ้นในสามวันที่ผ่านมากันแน่”
เอ็นโจพูด หันไปมองคาบุรากิที่ทำหน้าตาดูหวาดกลัวมากๆ หันมามองฉันเป็นพักๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เอ็นโจถอนหายใจ แล้วเดินมาอยู่ข้างๆฉัน ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ และเริ่มพูด
“รู้ไหมว่ามาซายะ...”
“หยุดนะ ชูสุเกะ!!!”
“นายก็บอกมาซะทีสิ รู้ไหมว่าที่บ้านนายวุ่นวายแค่ไหนตอนอยู่ๆนายก็หายไป และไม่มีใครติดต่อได้”
“...”
เอ๋... ที่โผล่มาอยู่กับฉันทั้งวันนั่นนายไม่ได้บอกที่บ้านเลยหรอ ถึงท่านพี่จะบอกให้เรื่องนั้นเป็นความลับก็เถอะค่ะ นายก็ไม่เห็นต้องเก็บเงียบขนาดนั้นเลยนี่คะ... อันที่จริง ถ้านายแค่ไปเรียนปกติคงไม่มีใครสงสัยอะไรแล้วนะคะ
ดูเหมือนว่าที่ฉันถูกพามาในตอนนี้ เอ็นโจเอาฉันเป็นตัวประกันในการเล่าเรื่องอะไรสักอย่างของคาบุรากิ อาจจะเป็นเรื่องน่าอายสมัยเด็กก็ได้มั้งคะ ใช้วิธีการจอมมารมากเลยค่ะ... แต่ว่าการที่ฉันหยุดไปในวันเวลาเดียวกัน เอ็นโจก็น่าจะสังเกตเช่นกันล่ะนะคะ
เอ็นโจทำท่าจะเผยความลับของคาบุรากิตลอดเวลา เจ้าตัวดูระแวงเช่นกัน แต่ก็ไม่ยอมพูดออกไป ขอบคุณมากเลยนะคะ... แต่ฉันก็อยากรู้จังค่ะว่าเอ็นโจจะพูดเรื่องอะไร
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พอเห็นหน้าของคาบุรากิที่ไม่อยากให้ความลับตัวเองเปิดเผย แต่ก็ไม่อยากเปิดเผยความลับของฉัน ถ้าฉันจะเมิน รอเอ็นโจเฉลยออกมาก็ดูโหดร้ายไปหน่อยล่ะนะคะ...
“เป็นความผิดของฉันเองค่ะ”
ฉันตัดสินใจเป็นคนพูดออกไป
“หืม หมายความว่าไงครับคุณคิโชวอิน”
เอ็นโจหันมาทางฉันแทน ท่าทางเค้นคำตอบเชิงคุกคามของเอ็นโจนี่น่ากลัวชะมัดเลยค่ะ ฉันต้องพยายามตั้งสติ แล้วพูดต่อไป
“อื้ม... มันเป็นความลับระหว่างฉันกับท่านคาบุรากิน่ะค่ะ”
ว้าย แววตาจอมมารน่ากลัวชะมัดเลยค่ะ... ฉันถอยหลังจนชนชั้นหนังสือ
“เรื่องที่ว่าทำให้คุณพ่อคุณแม่ของมาซายะเดือดร้อนล่ะนะครับ”
เอ็นโจยิ้ม ทำเอาใจฉันหล่นวูบไปหมด ยังไงก็จะเค้นคำตอบให้ได้สินะคะ...
ไม่ไหวแล้ว... ทำยังไงดีนะคะ...
ขณะที่ฉันกำลังโดนพลังมืดกดดันให้คลายความลับ อยู่ๆคาบุรากิก็คว้ามือฉันไว้
“หนีกันเถอะ...”
“หะ?!”
เดี๋ยวนะ!!! นายจะทำอะไรนะ!?!
คาบุรากิพาฉันวิ่งหนีออกห่างจากเอ็นโจที่ยังตกตะลึงไม่แพ้ฉัน...