คนที่มารับเขาก็คือโมโมโซโนะ อิมาริเหมือนเดิม ฝ่ายนั้นเห็นผมก็โบกมือทักทาย เปิดประตูขึ้นรถแล้วขับออกไปจากที่ตรงนั้น
เป็นเพื่อนที่เทคแคร์กันดีจริงๆ
คุณทาคาเทรุคงรู้ ว่าผมรู้เรื่องทางบ้านเขาหมดแล้ว และผมเองก็มีคำถามมากมายที่อยากจะถามเขาด้วย แต่เขาดูเหมือนอยากรีบไปให้พ้นหน้าผมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
ไม่อยากข้องแวะกับบุคคลที่ใกล้ชิดน้องสาวหรือคนในตระกูลคิโชวอินขนาดนั้นเลยรึ
แล้วไหนจะเรื่องไปสรรพากรกับสำนักงานผู้ตรวจสอบบัญชีอีก หรือเขาคิดจะดูงบการเงินในปีนี้ของคิโชวอินกรุ๊ปก่อนที่มันจะถูกประกาศออกไปเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในตลาด อย่างไหนถึงจะถูกต้องล่ะ
จะมีทางไหนที่ผมจะเอาเอกสารพวกนั้นมาตรวจสอบได้บ้างนะ
ใช้อำนาจตระกูลเอ็นโจ ท่านพ่อต้องรู้แน่ และจะมีคำถามที่น่าอึดอัดตามมา ผมยังไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าจะตรวจสอบตระกูลคิโชวอิน อีกอย่างมันก็เป็นแค่ความวิตกกังวลของผมเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด ตระกูลคิโชวอินอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้
แต่ท่าทางของคุณทาคาเทรุตอนที่ผมพูดถึงการควบรวมกิจการของคิโชวอินกรุ๊ป เขามีท่าทีแข็งขืนต่อต้านอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุที่ทะเลาะกับประธานคิโชวอินจะมาจากเรื่องนี้รึเปล่านะ
แล้วก็หุ้นที่พุ่งขึ้นไปสูงของบริษัทดิจิตอลนั่นอีก
ตามปกติบริษัทที่มีข่าวว่าจะถูกเทคโอเวอร์ หุ้นก็จะพุ่งตัวสูงขึ้นไป ฝ่ายที่เข้าเทคโอเวอร์กิจการก็จะไล่ซื้อหุ้นในทุกราคา ทุกระดับ เพื่อให้ได้จำนวนหุ้นตามที่ต้องการ ส่วนฝ่ายที่ถูกเทค ก็จะมาไล่ซื้อหุ้นเพื่อดึงเกมกลับไปทางฝั่งตัวเองเช่นกัน เป็นการแย่งซื้อช่วงชิงกัน
จากที่มองเมื่อครู่นี้ ดูอย่างไรมันก็สูงมากจนน่ากลัว สำหรับบริษัทที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก
ผมไม่อยากคิดว่ามันเป็นการปั่นหุ้นเลย
.
.
.
“พักนี้ดูยุ่งๆนะ”
ทันทีที่ผมหลับก็ถูกดึงเข้าสู่โลกความฝัน ชูสุเกะในโลกกระจกรอผมอยู่ในนั้น ยืนมองผมด้วยท่าทางสบายๆไม่เร่งร้อน
“ก็ต้องเรียนรู้งานบริหารนี่”
“ก็นับว่ายังดีที่นายเอาร่างผมไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์” ชูสุเกะส่งยิ้มมาให้
ยิ่งมอง เขาก็ยิ่งเหมือนฝาแฝดของผม รูปร่าง หน้าตา กริยาท่าทาง เราไม่ต่างกันสักนิด
ตอนนี้เราสูงเท่ากันแล้ว สิ่งที่แตกต่างมีเพียงสีผมและนิสัยเท่านั้น
ในโลกความฝัน เส้นผมของผมเป็นสีดำ เหมือนคอยย้ำเตือนไม่ให้ลืมว่าผมเป็นใคร และเขาเป็นใคร
“กลุ้มใจอะไรอยู่เหรอ” ชูสุเกะยิ้ม “ถ้าเป็นเรื่องเรย์กะ นายก็น่าจะมีความสุขแล้วนี่”
“เรื่องทางบ้านของเธอน่ะ” ผมถอนหายใจ “มันมีอะไรที่แปลกๆ”
“อ้อเหรอออออ” เขาลากเสียงยานคาง “นายจะสนอะไรนักหนา พวกเราน่ะเป็นแค่เด็กม.ปลายนะ ยังไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากขนาดนั้นก็ได้”
“ผมแค่อยากทำให้มันแน่ใจ ว่าจะไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น”
“จะกังวลไปทำไมล่ะ” เขาเอียงคอมองผม “อีกเดี๋ยวนายก็จะได้ทุกสิ่งที่ปรารถนาแล้วนี่นา นายอยากได้ผู้หญิงคนนั้นมาตลอดเลยไม่ใช่รึยังไง รอเวลาอีกนิดๆหน่อยๆเดี๋ยวเธอก็ใจอ่อน กลัวความไม่แน่นอนขนาดนั้นเชียวเหรอ ถึงต้องพยายามควบคุมทุกอย่างเอาไว้ในมือให้ได้”
เมื่อผมไม่ตอบอะไร ชูสุเกะในโลกกระจกก็เลยพูดต่อ
“ผมพูดถูกใช่มั้ย” เขายิ้ม ผมเพิ่งเข้าใจคำว่ารอยยิ้มน่ารังเกียจที่มาซายะพูด “ไม่ต้องอายที่จะยอมรับหรอก นายกับผมก็เหมือนคนคนเดียวกันนั่นล่ะ ผมรู้ว่าสาเหตุจริงๆมาจากอะไรด้วย”
“......”
“เพราะผู้หญิงคนนั้น คิโชวอิน เรย์กะในโลกของนายใช่มั้ยล่ะ ที่ปลูกฝังนิสัยนี้ให้” ทั้งที่เขาอยู่ในกระจก แต่เสียงเขาเหมือนกระซิบอยู่ที่ข้างหู “เธอคงทำให้นายผิดหวังมาตลอดชีวิต พอเจอคนที่รูปลักษณ์คล้ายกันและเชื่อฟังนายทุกอย่าง นี่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของนายแล้วใช่มั้ยล่ะ เหมือนฝันที่เป็นจริงขึ้นมาเลยเนอะ อยากร้องไห้รึเปล่า แต่ผมไม่มีผ้าเช็ดหน้าให้ยืมหรอกนะ”
เขาเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใช้รอยยิ้มแบบเดียวกับผม
“น่าเสียดายที่คนเราต้องตื่นจากฝันเข้าสักวัน ต่อให้นายไม่ยอมรับว่ากำลังฝันอยู่ก็เถอะ นั่นสินะ นายจะกลับไปทำไมล่ะ โลกที่นายเจ็บปวด ทุกข์ทรมานแบบนั้นน่ะ ความฝันดีกว่ากันตั้งเยอะ เพราะมันเป็นที่เดียวที่นายจะสมหวังและควบคุมทุกสิ่งอย่างตามต้องการได้”
“หุบปาก”