Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับนิทรรศการเรืออับปางใต้ท้องทะเลลึก ครั้งที่ 9

Last posted

Total of 1000 posts

560 Nameless Fanboi Posted ID:RByMQtYZY

มาปลอบประโลมใจกับฟิคเอ็นโจเลี้ยงต้อยต่อดีกว่า >>>/webnovel/3628/203-204
----------------------

เรย์กะหยุดเรียนไปหนึ่งวัน แล้วก็มาโรงเรียนด้วยท่าทีร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พอผมถาม เธอก็ยิ้มให้อย่างเคย “ฉันสบายดีค่ะ”

“อยากพูดอะไรก็พูดออกมาเถอะ” ผมวางมือลงบนศีรษะเธอ “ผมยินดีรับฟังนะ”

เธอนิ่งไปสักครู่แล้วก็จับมือผมเอามาแนบแก้มตัวเอง ส่งยิ้มที่ดูอ่อนหวานมาให้

“แค่คุณชูสุเกะเป็นห่วงก็รู้สึกดีใจแล้วค่ะ”

ทั้งที่น่าจะดีใจที่ถูกทำเช่นนี้ แต่ผมไม่สบายใจกับรอยยิ้มนั่น มันดูฝืนและมองไม่เห็นความสุข แต่ถ้าเธอพอใจที่จะทำอย่างนี้ ผมก็ไม่อาจขัดใจได้
.
.
.
คืนนั้น ผมโทรไปหาเลขาของท่านพ่อ ขอให้ช่วยสืบข้อมูลของคิโชวอิน ทาคาเทรุมาทั้งหมดเท่าที่จะหาได้ คิดว่าเขาคงไปขอความช่วยเหลือจากโมโมโซโนะ อิมาริที่เป็นเพื่อนสนิท ผมก็ขอให้สืบค้นเกี่ยวกับคุณโมโมโซโนะด้วย

เลขาของท่านพ่อทำงานได้รวดเร็วเกินความคาดหมาย ผ่านไปสองวัน ข้อมูลของทั้งคู่ก็ถูกส่งมาให้

ส่วนมากก็เป็นอะไรที่ผมรู้อยู่แล้ว ไม่ต่างไปจากโลกเดิมที่ผมจากมาเท่าไหร่

สิ่งที่ทำให้ผมสนใจคือ สองวันนี้ คิโชวอิน ทาคาเทรุมีความเคลื่อนไหวด้วยการไปสรรพากร สำนักงานผู้ตรวจสอบบัญชีและธนาคารที่ให้คิโชวอินกรุ๊ปกู้ยืมเงินทำธุรกิจ โดยอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานมาก

ใจผมหวนนึกไปถึงประธานคิโชวอินกับรัฐมนตรีในงานวันเกิดของเรย์กะวันนั้น ยังจำได้ดีถึงสีหน้าของคุณทาคาเทรุที่ดูเคร่งเครียด และท่าทีแปลกๆของครอบครัวที่มีต่อกันและกัน

เขาคิดจะทำอะไร

ถ้าไปธนาคารเพื่อจะขอกู้มาลงทุนทำธุรกิจเองเพราะแยกตัวออกมาจากบ้านแล้ว ดูตอนนี้ก็ยังไม่น่าจะใช่เวลาไปสรรพากรเลยสักนิด

ผมมองเบอร์โทรศัพท์ของเขาที่อยู่มุมกระดาษ ชั่งใจเล็กน้อยว่าจะโทรไปดีหรือไม่

เราเคยเจอกันแค่ในงานวันเกิดเรย์กะ ไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน ถ้าเป็นฝ่ายโทรไปอาจจะดูแปลกๆ เขาคงไม่ไว้ใจผมจนยอมคุยด้วยแน่

ผมเลยขอให้เลขาท่านพ่อสืบดูพฤติกรรมของเขาอีกระยะหนึ่ง หยั่งท่าทีก่อนจะลงมือทำอะไรลงไป ระหว่างนี้ก็หาข้อมูลเกี่ยวกับคิโชวอินกรุ๊ปและรัฐมนตรีคนนั้น รู้สึกว่าประธานคิโชวอินจะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันที่ซุยรัน คงเป็นการมางานเลี้ยงตามประสาเพื่อน

แต่ก็วางใจไม่ได้ ข่าวว่ามีส่วนพัวพันกับการทุจริตของเขาทำให้ผมไม่สบายใจเลยสักนิด

ลองพลิกๆอ่านข่าวเศรษฐกิจ ก็ยังไม่พบอะไรที่เป็นพิรุธ มีข่าวที่น่าสนใจอยู่ข่าวเดียวคือคิโชวอินกรุ๊ปได้เข้าเทคโอเวอร์กิจการของบริษัทดิจิตอลแห่งหนึ่ง หุ้นของบริษัทดิจิตอลนี้ราคาพุ่งขึ้นไปสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นต้นมา

ผมที่เพิ่งจะเป็นเด็กมัธยมปลายยังไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกพวกนี้ได้ ต้องศึกษามากกว่านี้

ระหว่างมื้อค่ำ พอเอ่ยขึ้นมาว่าจะลองศึกษาวิธีเล่นหุ้นดู ท่านพ่อก็อนุมัติคำขอนี้

เย็นวันถัดมา ที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทมารออยู่ก่อนแล้ว พวกเขาสอนวิธีการเล่นหุ้นต่างๆนานา ทั้งวิธีการซื้อขาย วิธีการเก็งกำไร โดยเริ่มจากตัวพื้นฐานง่ายๆความเสี่ยงต่ำ ลงทุนจำนวนน้อยๆก่อน ส่วนเชิงลึกจะสอนในสัปดาห์ถัดๆไปที่ต้องเรียนรู้งานบริหาร

วันเสาร์ มาซายะมาหาผมที่บ้าน เอาเค้กมาฝาก เห็นผมนั่งมองพอร์ตหุ้นอยู่ก็มานั่งข้างๆแล้วเริ่มพูดเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่ไปถึงวอลล์สตรีทและฮั่งเส็ง แล้วก็แนะนำให้ผมซื้อหุ้นตัวนั้นตัวนี้เก็บเอาไว้เก็งกำไร เชี่ยวชาญสมกับเป็นทายาทกลุ่มเงินทุนระดับโลก ความสามารถไม่ต่างจากโลกเดิมที่ผมจากมา

“นึกยังไงถึงอยากเล่นหุ้น”

“ผมเองก็ต้องรับช่วงบริหารต่อเหมือนมาซายะ ก็ต้องศึกษาไว้บ้างน่ะ” คำตอบนี้น่าจะโอเคที่สุดแล้ว

มาซายะจ้องผมอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หันไปมองหน้าจอต่อ มองดูกราฟที่กำลังขึ้นๆลงๆน่าปวดหัว

ผมนั่งทานเค้กที่เป็นของฝาก รสชาติแบบนี้….เค้กบ้านคุณทาคามิจิสินะ

“อร่อยดี ซื้อจากไหนมาน่ะ หน้าตาธรรมดาเกินกว่าจะเป็นเค้กในโรงแรมนายนะ”

“ร้านเค้กไงล่ะ” มาซายะตอบแล้วหันมามองผมด้วยสายตาที่เหมือนกำลังด่าว่า ‘ถามอะไรโง่ๆ’

“ตอนนี้ นายกำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับผมอยู่รึเปล่า มาซายะ”

“เปล่าซักหน่อย”

“จริงเหรอ”

“ไม่มีอะไรหรอกน่า”

561 Nameless Fanboi Posted ID:RByMQtYZY

ผมเท้าคางมองเขายิ้มๆ มาซายะหันมาถลึงตาใส่แต่ก็ยอมพูดออกมา

“ก็แค่ทาคามิจิเรียกให้ไปเอาเค้กเป็นการตอบแทนที่ช่วยในวันนั้น”

“นั่นแน่ ที่แท้ก็นัดเจอสาว”

“เงียบเหอะน่า” มาซายะขว้างยางลบที่อยู่บนโต๊ะใส่ผม “รอยยิ้มน่ารังเกียจชะมัด”

ผมหัวเราะ รับไว้ได้ทันแล้วขว้างมันกลับคืน มันพุ่งปะทะเข้าที่กลางหน้าผากมาซายะพอดิบพอดี นับว่าฝีมือผมแม่นใช้ได้

“เวลาดูพอร์ตหุ้นเขาห้ามละสายตาจากหน้าจอไม่ใช่รึไง เดี๋ยวพลาดจังหวะซื้อขายไม่รู้ด้วยนะ”

มาซายะลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ ถลึงตามองผมด้วยความขุ่นเคือง แต่ผมยักคิ้วให้ด้วยท่าทางไม่ยี่หระ เขาเลยหันกลับไปมองจอต่อ เคาะแป้นพิมพ์กดคำสั่งซื้อแบบกระแทกกระทั้นหน่อยๆ

ผมมองมาซายะที่กำลังสนใจกราฟของหุ้น ครุ่นคิดถึงเรื่องในโลกเดิม

ดูท่าทางความสัมพันธ์ของมาซายะกับคุณทาคามิจิจะพัฒนาเร็วเกินกว่าที่คิด จากความทรงจำน่ะ กว่ามาซายะจะได้ไปเจอคุณทาคามิจิก็ตอนม.ห้าโน่น

นี่เพิ่งจะม.สี่เทอมหนึ่งเองนะ
.
.
.
ช่วงปิดเทอม ผมกับมาซายะเลยไปตลาดหลักทรัพย์ด้วยกัน ออกจะแปลกๆไปบ้างที่เด็กมัธยมปลายสองคนไปเดินเล่นกันในที่แบบนี้แทนที่จะเป็นสวนสนุกหรือสนามกีฬา อะไรทำนองนั้น

พอไปถึงก็มีโบรกเกอร์เจ้าประจำของตระกูลคาบุรากิมาต้อนรับ พาไปที่ห้องรับรอง V.I.P. มีน้ำและขนมมารอท่า พร้อมกับเอาเอกสารและคอมพิวเตอร์มาให้ แนะนำว่าวันนี้หุ้นของตัวไหนน่าซื้อ ตัวไหนน่าเก็บไว้เก็งกำไร ตัวไหนควรขายทิ้ง

ระหว่างที่รอมาซายะตัดสินใจ โบรกเกอร์ก็หันมาถามผมว่าสนใจหุ้นแบบไหนเป็นพิเศษ พร้อมกับให้คำแนะนำสำหรับมือใหม่หัดเล่น

ตาผมจับจ้องไปยังกราฟสีแดงและเขียวที่กำลังพุ่งขึ้นพุ่งลงดูซับซ้อน

โบรกเกอร์ขอตัวไปคุยโทรศัพท์เพื่อเช็คการซื้อขายในตลาดหุ้น ผมกับมาซายะนั่งกันอยู่ที่เดิม คีย์คำสั่งซื้อขาย

พวกเรายังเป็นผู้เยาว์กัน ก็เลยมีการจำกัดวงเงินที่จะลงหุ้นไว้ เล่นเอากำไรนิดๆหน่อยๆพอหาเงินซื้อขนม มูลค่าจิ๊บจ๊อยมาก เทียบไม่ได้กับเงินที่ได้ไปโรงเรียนในแต่ละวันด้วยซ้ำ

“ถ้าฉันกำลังถือหุ้นตัวนี้อยู่ ฉันจะขายตอนนี้” มาซายะเหลือบตามามองพอร์ตของผม ทั้งที่ยังเคาะนิ้วลงกับแป้นคีย์บอร์ด พิมพ์จำนวนหุ้นที่กำลังจะขายออกไป

“อืม นั่นสินะ” ผมจิ้มแป้นแบบไม่ค่อยกระตือรือร้น แล้วก็หันไปมองพอร์ตของมาซายะ “แต่ถ้าเป็นตัวนั้น ผมจะช้อนซื้อเก็บไว้”

“งั้นซื้อกันคนละห้าพันหุ้นก็แล้วกัน”

กว่าตลาดหุ้นจะปิด ผมกับมาซายะก็ทำกำไรกันไปพอหอมปากหอมคอ จำนวนเงินที่ได้มาก็ไม่เลวร้าย อย่างไรเสีย เราก็ซื้อได้ไม่เกินวงเงินที่เราลงไว้อยู่ดี ผลตอบแทนก็เลยกระจ้อยร่อยไปด้วย

ออกมาจากห้อง ก็เห็นภาพคนนั่งอมทุกข์ หมดอาลัยตายอยากบ้าง พวกนี้คือพวกที่เสียหุ้นเพราะขายไม่ทัน หรือหลงเชื่อข่าวลือมากเกินไป จนทุ่มหมดตัว สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร มีบางคนที่ทำหน้าดีอกดีใจ แต่ก็นับว่าเป็นส่วนน้อย น้อยมาก

ผมยืนมองบอร์ดซื้อขายหลังปิดตลาด หุ้นบริษัทของบ้านมาซายะและบริษัทบ้านผมก็ไม่มีปัญหาอะไร รวมทั้งหุ้นของคิโชวอินกรุ๊ปด้วย ดัชนีซื้อขายก็เป็นไปตามปกติ ไม่ได้มีความผิดแปลกอะไรโผล่มา เป็นหุ้นที่ค่อนข้างมั่นคงและนักลงทุนให้ความเชื่อถือ สถานการณ์ก็ยังวางใจได้

มาซายะขอแยกตัวไปก่อนเพราะมีงานเลี้ยง ส่วนผมว่าจะกลับไปอ่านหนังสือเล่นหุ้นต่ออีกหน่อย

พอเลี้ยวไปตรงหัวมุม นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับคิโชวอิน ทาคาเทรุเข้าให้แบบยังไม่ทันเตรียมตัวเช่นนี้ เขาเองก็ดูอึ้งๆไปเช่นกันที่เห็นผม

“สวัสดีครับ” ผมโค้งให้เขาตามมารยาท

“สวัสดี เธอ เอ่อ…แฟนของยัยนั่นสินะ”

“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่วันนั้นไม่ได้เข้าไปทักทาย”

“ไม่เป็นไรหรอก” เขาส่ายหน้าช้าๆ แต่ตายังมองผมแบบพิจารณา “มาทำอะไรในที่แบบนี้ล่ะ ที่นี่ไม่น่าใช่สถานที่ให้เด็กม.ปลายมาเดทเลยนะ”

“ผมไม่ได้มากับเรย์กะหรอกครับ” ผมลอบมองกริยาของเขา ดูเหมือนคุณทาคาเทรุจะนิ่งเฉยเมื่อได้ยินชื่อของเรย์กะ “พอดีผมเกิดสนใจอะไรนิดหน่อย ก็เลยลองมาทำการซื้อขายหุ้นดู...แต่ก็ยังเป็นมือใหม่อยู่น่ะครับ เสียเงินไปพอสมควรเลย”

“งั้นเหรอ” เขายิ้ม “สนใจตัวไหนล่ะ เผื่อจะให้คำแนะนำได้”

“บริษัทดิจิตอลที่คิโชวอินกรุ๊ปกำลังควบรวมกิจการครับ”

คุณทาคาเทรุดูเกร็งขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อนั้น ผมจับความผิดปกติได้ทันทีแต่ก็ยังพูดต่อเหมือนไม่ได้สังเกตอะไรเลย

“แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีใครขาย ผมก็เลยซื้อหุ้นเล็กๆน้อยๆตัวอื่น หาเงินทานขนมเล่นไปก่อน”

“เธอคิดจะซื้อหุ้นนั้นจริงๆเหรอ”

“มีอะไรผิดปกติงั้นรึครับ” ผมส่งยิ้มที่คิดว่าใสซื่อที่สุดไปให้

“ไม่มีหรอก” คุณทาคาเทรุตอบนิ่งๆ “ก็เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีมากตัวหนึ่ง หลายคนก็รอซื้อกันอยู่”

“ขอบคุณมากครับ”

“ขอตัวก่อนนะ” เขาผงกหัวเร็วๆให้ผมแล้วเดินจากไป มีรถมาจอดรออยู่แล้วที่หน้าประตูทางออก

562 Nameless Fanboi Posted ID:RByMQtYZY

คนที่มารับเขาก็คือโมโมโซโนะ อิมาริเหมือนเดิม ฝ่ายนั้นเห็นผมก็โบกมือทักทาย เปิดประตูขึ้นรถแล้วขับออกไปจากที่ตรงนั้น

เป็นเพื่อนที่เทคแคร์กันดีจริงๆ

คุณทาคาเทรุคงรู้ ว่าผมรู้เรื่องทางบ้านเขาหมดแล้ว และผมเองก็มีคำถามมากมายที่อยากจะถามเขาด้วย แต่เขาดูเหมือนอยากรีบไปให้พ้นหน้าผมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

ไม่อยากข้องแวะกับบุคคลที่ใกล้ชิดน้องสาวหรือคนในตระกูลคิโชวอินขนาดนั้นเลยรึ

แล้วไหนจะเรื่องไปสรรพากรกับสำนักงานผู้ตรวจสอบบัญชีอีก หรือเขาคิดจะดูงบการเงินในปีนี้ของคิโชวอินกรุ๊ปก่อนที่มันจะถูกประกาศออกไปเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในตลาด อย่างไหนถึงจะถูกต้องล่ะ

จะมีทางไหนที่ผมจะเอาเอกสารพวกนั้นมาตรวจสอบได้บ้างนะ

ใช้อำนาจตระกูลเอ็นโจ ท่านพ่อต้องรู้แน่ และจะมีคำถามที่น่าอึดอัดตามมา ผมยังไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าจะตรวจสอบตระกูลคิโชวอิน อีกอย่างมันก็เป็นแค่ความวิตกกังวลของผมเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด ตระกูลคิโชวอินอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้

แต่ท่าทางของคุณทาคาเทรุตอนที่ผมพูดถึงการควบรวมกิจการของคิโชวอินกรุ๊ป เขามีท่าทีแข็งขืนต่อต้านอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุที่ทะเลาะกับประธานคิโชวอินจะมาจากเรื่องนี้รึเปล่านะ

แล้วก็หุ้นที่พุ่งขึ้นไปสูงของบริษัทดิจิตอลนั่นอีก

ตามปกติบริษัทที่มีข่าวว่าจะถูกเทคโอเวอร์ หุ้นก็จะพุ่งตัวสูงขึ้นไป ฝ่ายที่เข้าเทคโอเวอร์กิจการก็จะไล่ซื้อหุ้นในทุกราคา ทุกระดับ เพื่อให้ได้จำนวนหุ้นตามที่ต้องการ ส่วนฝ่ายที่ถูกเทค ก็จะมาไล่ซื้อหุ้นเพื่อดึงเกมกลับไปทางฝั่งตัวเองเช่นกัน เป็นการแย่งซื้อช่วงชิงกัน

จากที่มองเมื่อครู่นี้ ดูอย่างไรมันก็สูงมากจนน่ากลัว สำหรับบริษัทที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก

ผมไม่อยากคิดว่ามันเป็นการปั่นหุ้นเลย
.
.
.
“พักนี้ดูยุ่งๆนะ”

ทันทีที่ผมหลับก็ถูกดึงเข้าสู่โลกความฝัน ชูสุเกะในโลกกระจกรอผมอยู่ในนั้น ยืนมองผมด้วยท่าทางสบายๆไม่เร่งร้อน

“ก็ต้องเรียนรู้งานบริหารนี่”

“ก็นับว่ายังดีที่นายเอาร่างผมไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์” ชูสุเกะส่งยิ้มมาให้

ยิ่งมอง เขาก็ยิ่งเหมือนฝาแฝดของผม รูปร่าง หน้าตา กริยาท่าทาง เราไม่ต่างกันสักนิด

ตอนนี้เราสูงเท่ากันแล้ว สิ่งที่แตกต่างมีเพียงสีผมและนิสัยเท่านั้น

ในโลกความฝัน เส้นผมของผมเป็นสีดำ เหมือนคอยย้ำเตือนไม่ให้ลืมว่าผมเป็นใคร และเขาเป็นใคร

“กลุ้มใจอะไรอยู่เหรอ” ชูสุเกะยิ้ม “ถ้าเป็นเรื่องเรย์กะ นายก็น่าจะมีความสุขแล้วนี่”

“เรื่องทางบ้านของเธอน่ะ” ผมถอนหายใจ “มันมีอะไรที่แปลกๆ”

“อ้อเหรอออออ” เขาลากเสียงยานคาง “นายจะสนอะไรนักหนา พวกเราน่ะเป็นแค่เด็กม.ปลายนะ ยังไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากขนาดนั้นก็ได้”

“ผมแค่อยากทำให้มันแน่ใจ ว่าจะไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น”

“จะกังวลไปทำไมล่ะ” เขาเอียงคอมองผม “อีกเดี๋ยวนายก็จะได้ทุกสิ่งที่ปรารถนาแล้วนี่นา นายอยากได้ผู้หญิงคนนั้นมาตลอดเลยไม่ใช่รึยังไง รอเวลาอีกนิดๆหน่อยๆเดี๋ยวเธอก็ใจอ่อน กลัวความไม่แน่นอนขนาดนั้นเชียวเหรอ ถึงต้องพยายามควบคุมทุกอย่างเอาไว้ในมือให้ได้”

เมื่อผมไม่ตอบอะไร ชูสุเกะในโลกกระจกก็เลยพูดต่อ

“ผมพูดถูกใช่มั้ย” เขายิ้ม ผมเพิ่งเข้าใจคำว่ารอยยิ้มน่ารังเกียจที่มาซายะพูด “ไม่ต้องอายที่จะยอมรับหรอก นายกับผมก็เหมือนคนคนเดียวกันนั่นล่ะ ผมรู้ว่าสาเหตุจริงๆมาจากอะไรด้วย”

“......”

“เพราะผู้หญิงคนนั้น คิโชวอิน เรย์กะในโลกของนายใช่มั้ยล่ะ ที่ปลูกฝังนิสัยนี้ให้” ทั้งที่เขาอยู่ในกระจก แต่เสียงเขาเหมือนกระซิบอยู่ที่ข้างหู “เธอคงทำให้นายผิดหวังมาตลอดชีวิต พอเจอคนที่รูปลักษณ์คล้ายกันและเชื่อฟังนายทุกอย่าง นี่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของนายแล้วใช่มั้ยล่ะ เหมือนฝันที่เป็นจริงขึ้นมาเลยเนอะ อยากร้องไห้รึเปล่า แต่ผมไม่มีผ้าเช็ดหน้าให้ยืมหรอกนะ”

เขาเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใช้รอยยิ้มแบบเดียวกับผม

“น่าเสียดายที่คนเราต้องตื่นจากฝันเข้าสักวัน ต่อให้นายไม่ยอมรับว่ากำลังฝันอยู่ก็เถอะ นั่นสินะ นายจะกลับไปทำไมล่ะ โลกที่นายเจ็บปวด ทุกข์ทรมานแบบนั้นน่ะ ความฝันดีกว่ากันตั้งเยอะ เพราะมันเป็นที่เดียวที่นายจะสมหวังและควบคุมทุกสิ่งอย่างตามต้องการได้”

“หุบปาก”

563 Nameless Fanboi Posted ID:RByMQtYZY

ชูสุเกะในโลกกระจกหรี่ตา แต่ยังคงแย้มรอยยิ้มที่ดูน่ารังเกียจ เขายกมือขึ้นช้าๆ ทาบกับกระจกที่กั้นขวางเราไว้ จ้องลึกลงมาในดวงตาผม ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังถูกครอบงำ

ผมถอยออกมาจากกระจก พยายามกดเขาให้จมลึกเข้าไปในความมืดมิด มองดูเขาที่กำลังจะหายไปอย่างช้าๆ

“สิ่งที่นายพยายามทำน่ะ มันจะล้มเหลว ไม่มีใครควบคุมทุกอย่างได้หรอก แม้แต่พระเจ้าเองก็เถอะ”

เสียงหัวเราะน่ารังเกียจนั่นพร้อมกับคำพูดทิ้งท้ายที่ทำให้มือผมเย็นเฉียบ แต่อะไรก็ไม่เท่าความเย็นเยียบจากสายตา เหมือนว่าเขาออกจากโลกกระจกนั่นและเข้ามาสัมผัสตัวโดยตรง กระซิบที่ข้างหูด้วยเสียงที่เหมือนกันกับผม

“นายขังผมไว้ในนี้ไปตลอดกาลไม่ได้หรอกนะ คุณชูสุเกะ”

-----------------------
พยายามไม่ลงลึกเรื่องหุ้น ทั้งที่ตัวเองก็มีความรู้แค่หางอึ่ง แต่เสือกจะเขียนเรื่องนี้
พวกนายไปเปลี่ยนอาชีพที่มันเขียนง่ายๆกันหน่อยได้มะ 55555555555

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.