มึงง กูอยากอ่านฟิคแวมไพร์ต่ออ่ะะะ ได้โปรดกูชอบมากกก
Last posted
Total of 1000 posts
มึงง กูอยากอ่านฟิคแวมไพร์ต่ออ่ะะะ ได้โปรดกูชอบมากกก
เออ เพิ่งสังเกตเห็น
โม่งแปล Christmas ต้องเป็น "คริสต์มาส" นะ
เห็นใช้ "คริสมาสต์" หลายตอนเลย
วันนี้คือวันดีค่า ตอนใหม่ก็ดี
ฟิคคู่หูก็งาม
ฟิคตำนานรักสลับร่างก็กร๊าววใจซะเหลือเกิน
ขอบคุณพวกมึงทุกคนมากกก ถึงกูจะนิสัยเสียไม่ได้เม้นท์บ่อย
แต่กูตามอ่าน อฟช และ ฟิคของพวกมึงทุกคน
ปลอบประโลมจิตใจกูได้ดีจริงๆ
มาปลอบประโลมใจกับฟิคเอ็นโจเลี้ยงต้อยต่อดีกว่า >>>/webnovel/3628/203-204
----------------------
เรย์กะหยุดเรียนไปหนึ่งวัน แล้วก็มาโรงเรียนด้วยท่าทีร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พอผมถาม เธอก็ยิ้มให้อย่างเคย “ฉันสบายดีค่ะ”
“อยากพูดอะไรก็พูดออกมาเถอะ” ผมวางมือลงบนศีรษะเธอ “ผมยินดีรับฟังนะ”
เธอนิ่งไปสักครู่แล้วก็จับมือผมเอามาแนบแก้มตัวเอง ส่งยิ้มที่ดูอ่อนหวานมาให้
“แค่คุณชูสุเกะเป็นห่วงก็รู้สึกดีใจแล้วค่ะ”
ทั้งที่น่าจะดีใจที่ถูกทำเช่นนี้ แต่ผมไม่สบายใจกับรอยยิ้มนั่น มันดูฝืนและมองไม่เห็นความสุข แต่ถ้าเธอพอใจที่จะทำอย่างนี้ ผมก็ไม่อาจขัดใจได้
.
.
.
คืนนั้น ผมโทรไปหาเลขาของท่านพ่อ ขอให้ช่วยสืบข้อมูลของคิโชวอิน ทาคาเทรุมาทั้งหมดเท่าที่จะหาได้ คิดว่าเขาคงไปขอความช่วยเหลือจากโมโมโซโนะ อิมาริที่เป็นเพื่อนสนิท ผมก็ขอให้สืบค้นเกี่ยวกับคุณโมโมโซโนะด้วย
เลขาของท่านพ่อทำงานได้รวดเร็วเกินความคาดหมาย ผ่านไปสองวัน ข้อมูลของทั้งคู่ก็ถูกส่งมาให้
ส่วนมากก็เป็นอะไรที่ผมรู้อยู่แล้ว ไม่ต่างไปจากโลกเดิมที่ผมจากมาเท่าไหร่
สิ่งที่ทำให้ผมสนใจคือ สองวันนี้ คิโชวอิน ทาคาเทรุมีความเคลื่อนไหวด้วยการไปสรรพากร สำนักงานผู้ตรวจสอบบัญชีและธนาคารที่ให้คิโชวอินกรุ๊ปกู้ยืมเงินทำธุรกิจ โดยอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานมาก
ใจผมหวนนึกไปถึงประธานคิโชวอินกับรัฐมนตรีในงานวันเกิดของเรย์กะวันนั้น ยังจำได้ดีถึงสีหน้าของคุณทาคาเทรุที่ดูเคร่งเครียด และท่าทีแปลกๆของครอบครัวที่มีต่อกันและกัน
เขาคิดจะทำอะไร
ถ้าไปธนาคารเพื่อจะขอกู้มาลงทุนทำธุรกิจเองเพราะแยกตัวออกมาจากบ้านแล้ว ดูตอนนี้ก็ยังไม่น่าจะใช่เวลาไปสรรพากรเลยสักนิด
ผมมองเบอร์โทรศัพท์ของเขาที่อยู่มุมกระดาษ ชั่งใจเล็กน้อยว่าจะโทรไปดีหรือไม่
เราเคยเจอกันแค่ในงานวันเกิดเรย์กะ ไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน ถ้าเป็นฝ่ายโทรไปอาจจะดูแปลกๆ เขาคงไม่ไว้ใจผมจนยอมคุยด้วยแน่
ผมเลยขอให้เลขาท่านพ่อสืบดูพฤติกรรมของเขาอีกระยะหนึ่ง หยั่งท่าทีก่อนจะลงมือทำอะไรลงไป ระหว่างนี้ก็หาข้อมูลเกี่ยวกับคิโชวอินกรุ๊ปและรัฐมนตรีคนนั้น รู้สึกว่าประธานคิโชวอินจะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันที่ซุยรัน คงเป็นการมางานเลี้ยงตามประสาเพื่อน
แต่ก็วางใจไม่ได้ ข่าวว่ามีส่วนพัวพันกับการทุจริตของเขาทำให้ผมไม่สบายใจเลยสักนิด
ลองพลิกๆอ่านข่าวเศรษฐกิจ ก็ยังไม่พบอะไรที่เป็นพิรุธ มีข่าวที่น่าสนใจอยู่ข่าวเดียวคือคิโชวอินกรุ๊ปได้เข้าเทคโอเวอร์กิจการของบริษัทดิจิตอลแห่งหนึ่ง หุ้นของบริษัทดิจิตอลนี้ราคาพุ่งขึ้นไปสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นต้นมา
ผมที่เพิ่งจะเป็นเด็กมัธยมปลายยังไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกพวกนี้ได้ ต้องศึกษามากกว่านี้
ระหว่างมื้อค่ำ พอเอ่ยขึ้นมาว่าจะลองศึกษาวิธีเล่นหุ้นดู ท่านพ่อก็อนุมัติคำขอนี้
เย็นวันถัดมา ที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทมารออยู่ก่อนแล้ว พวกเขาสอนวิธีการเล่นหุ้นต่างๆนานา ทั้งวิธีการซื้อขาย วิธีการเก็งกำไร โดยเริ่มจากตัวพื้นฐานง่ายๆความเสี่ยงต่ำ ลงทุนจำนวนน้อยๆก่อน ส่วนเชิงลึกจะสอนในสัปดาห์ถัดๆไปที่ต้องเรียนรู้งานบริหาร
วันเสาร์ มาซายะมาหาผมที่บ้าน เอาเค้กมาฝาก เห็นผมนั่งมองพอร์ตหุ้นอยู่ก็มานั่งข้างๆแล้วเริ่มพูดเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่ไปถึงวอลล์สตรีทและฮั่งเส็ง แล้วก็แนะนำให้ผมซื้อหุ้นตัวนั้นตัวนี้เก็บเอาไว้เก็งกำไร เชี่ยวชาญสมกับเป็นทายาทกลุ่มเงินทุนระดับโลก ความสามารถไม่ต่างจากโลกเดิมที่ผมจากมา
“นึกยังไงถึงอยากเล่นหุ้น”
“ผมเองก็ต้องรับช่วงบริหารต่อเหมือนมาซายะ ก็ต้องศึกษาไว้บ้างน่ะ” คำตอบนี้น่าจะโอเคที่สุดแล้ว
มาซายะจ้องผมอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หันไปมองหน้าจอต่อ มองดูกราฟที่กำลังขึ้นๆลงๆน่าปวดหัว
ผมนั่งทานเค้กที่เป็นของฝาก รสชาติแบบนี้….เค้กบ้านคุณทาคามิจิสินะ
“อร่อยดี ซื้อจากไหนมาน่ะ หน้าตาธรรมดาเกินกว่าจะเป็นเค้กในโรงแรมนายนะ”
“ร้านเค้กไงล่ะ” มาซายะตอบแล้วหันมามองผมด้วยสายตาที่เหมือนกำลังด่าว่า ‘ถามอะไรโง่ๆ’
“ตอนนี้ นายกำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับผมอยู่รึเปล่า มาซายะ”
“เปล่าซักหน่อย”
“จริงเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า”
ผมเท้าคางมองเขายิ้มๆ มาซายะหันมาถลึงตาใส่แต่ก็ยอมพูดออกมา
“ก็แค่ทาคามิจิเรียกให้ไปเอาเค้กเป็นการตอบแทนที่ช่วยในวันนั้น”
“นั่นแน่ ที่แท้ก็นัดเจอสาว”
“เงียบเหอะน่า” มาซายะขว้างยางลบที่อยู่บนโต๊ะใส่ผม “รอยยิ้มน่ารังเกียจชะมัด”
ผมหัวเราะ รับไว้ได้ทันแล้วขว้างมันกลับคืน มันพุ่งปะทะเข้าที่กลางหน้าผากมาซายะพอดิบพอดี นับว่าฝีมือผมแม่นใช้ได้
“เวลาดูพอร์ตหุ้นเขาห้ามละสายตาจากหน้าจอไม่ใช่รึไง เดี๋ยวพลาดจังหวะซื้อขายไม่รู้ด้วยนะ”
มาซายะลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ ถลึงตามองผมด้วยความขุ่นเคือง แต่ผมยักคิ้วให้ด้วยท่าทางไม่ยี่หระ เขาเลยหันกลับไปมองจอต่อ เคาะแป้นพิมพ์กดคำสั่งซื้อแบบกระแทกกระทั้นหน่อยๆ
ผมมองมาซายะที่กำลังสนใจกราฟของหุ้น ครุ่นคิดถึงเรื่องในโลกเดิม
ดูท่าทางความสัมพันธ์ของมาซายะกับคุณทาคามิจิจะพัฒนาเร็วเกินกว่าที่คิด จากความทรงจำน่ะ กว่ามาซายะจะได้ไปเจอคุณทาคามิจิก็ตอนม.ห้าโน่น
นี่เพิ่งจะม.สี่เทอมหนึ่งเองนะ
.
.
.
ช่วงปิดเทอม ผมกับมาซายะเลยไปตลาดหลักทรัพย์ด้วยกัน ออกจะแปลกๆไปบ้างที่เด็กมัธยมปลายสองคนไปเดินเล่นกันในที่แบบนี้แทนที่จะเป็นสวนสนุกหรือสนามกีฬา อะไรทำนองนั้น
พอไปถึงก็มีโบรกเกอร์เจ้าประจำของตระกูลคาบุรากิมาต้อนรับ พาไปที่ห้องรับรอง V.I.P. มีน้ำและขนมมารอท่า พร้อมกับเอาเอกสารและคอมพิวเตอร์มาให้ แนะนำว่าวันนี้หุ้นของตัวไหนน่าซื้อ ตัวไหนน่าเก็บไว้เก็งกำไร ตัวไหนควรขายทิ้ง
ระหว่างที่รอมาซายะตัดสินใจ โบรกเกอร์ก็หันมาถามผมว่าสนใจหุ้นแบบไหนเป็นพิเศษ พร้อมกับให้คำแนะนำสำหรับมือใหม่หัดเล่น
ตาผมจับจ้องไปยังกราฟสีแดงและเขียวที่กำลังพุ่งขึ้นพุ่งลงดูซับซ้อน
โบรกเกอร์ขอตัวไปคุยโทรศัพท์เพื่อเช็คการซื้อขายในตลาดหุ้น ผมกับมาซายะนั่งกันอยู่ที่เดิม คีย์คำสั่งซื้อขาย
พวกเรายังเป็นผู้เยาว์กัน ก็เลยมีการจำกัดวงเงินที่จะลงหุ้นไว้ เล่นเอากำไรนิดๆหน่อยๆพอหาเงินซื้อขนม มูลค่าจิ๊บจ๊อยมาก เทียบไม่ได้กับเงินที่ได้ไปโรงเรียนในแต่ละวันด้วยซ้ำ
“ถ้าฉันกำลังถือหุ้นตัวนี้อยู่ ฉันจะขายตอนนี้” มาซายะเหลือบตามามองพอร์ตของผม ทั้งที่ยังเคาะนิ้วลงกับแป้นคีย์บอร์ด พิมพ์จำนวนหุ้นที่กำลังจะขายออกไป
“อืม นั่นสินะ” ผมจิ้มแป้นแบบไม่ค่อยกระตือรือร้น แล้วก็หันไปมองพอร์ตของมาซายะ “แต่ถ้าเป็นตัวนั้น ผมจะช้อนซื้อเก็บไว้”
“งั้นซื้อกันคนละห้าพันหุ้นก็แล้วกัน”
กว่าตลาดหุ้นจะปิด ผมกับมาซายะก็ทำกำไรกันไปพอหอมปากหอมคอ จำนวนเงินที่ได้มาก็ไม่เลวร้าย อย่างไรเสีย เราก็ซื้อได้ไม่เกินวงเงินที่เราลงไว้อยู่ดี ผลตอบแทนก็เลยกระจ้อยร่อยไปด้วย
ออกมาจากห้อง ก็เห็นภาพคนนั่งอมทุกข์ หมดอาลัยตายอยากบ้าง พวกนี้คือพวกที่เสียหุ้นเพราะขายไม่ทัน หรือหลงเชื่อข่าวลือมากเกินไป จนทุ่มหมดตัว สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร มีบางคนที่ทำหน้าดีอกดีใจ แต่ก็นับว่าเป็นส่วนน้อย น้อยมาก
ผมยืนมองบอร์ดซื้อขายหลังปิดตลาด หุ้นบริษัทของบ้านมาซายะและบริษัทบ้านผมก็ไม่มีปัญหาอะไร รวมทั้งหุ้นของคิโชวอินกรุ๊ปด้วย ดัชนีซื้อขายก็เป็นไปตามปกติ ไม่ได้มีความผิดแปลกอะไรโผล่มา เป็นหุ้นที่ค่อนข้างมั่นคงและนักลงทุนให้ความเชื่อถือ สถานการณ์ก็ยังวางใจได้
มาซายะขอแยกตัวไปก่อนเพราะมีงานเลี้ยง ส่วนผมว่าจะกลับไปอ่านหนังสือเล่นหุ้นต่ออีกหน่อย
พอเลี้ยวไปตรงหัวมุม นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับคิโชวอิน ทาคาเทรุเข้าให้แบบยังไม่ทันเตรียมตัวเช่นนี้ เขาเองก็ดูอึ้งๆไปเช่นกันที่เห็นผม
“สวัสดีครับ” ผมโค้งให้เขาตามมารยาท
“สวัสดี เธอ เอ่อ…แฟนของยัยนั่นสินะ”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่วันนั้นไม่ได้เข้าไปทักทาย”
“ไม่เป็นไรหรอก” เขาส่ายหน้าช้าๆ แต่ตายังมองผมแบบพิจารณา “มาทำอะไรในที่แบบนี้ล่ะ ที่นี่ไม่น่าใช่สถานที่ให้เด็กม.ปลายมาเดทเลยนะ”
“ผมไม่ได้มากับเรย์กะหรอกครับ” ผมลอบมองกริยาของเขา ดูเหมือนคุณทาคาเทรุจะนิ่งเฉยเมื่อได้ยินชื่อของเรย์กะ “พอดีผมเกิดสนใจอะไรนิดหน่อย ก็เลยลองมาทำการซื้อขายหุ้นดู...แต่ก็ยังเป็นมือใหม่อยู่น่ะครับ เสียเงินไปพอสมควรเลย”
“งั้นเหรอ” เขายิ้ม “สนใจตัวไหนล่ะ เผื่อจะให้คำแนะนำได้”
“บริษัทดิจิตอลที่คิโชวอินกรุ๊ปกำลังควบรวมกิจการครับ”
คุณทาคาเทรุดูเกร็งขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อนั้น ผมจับความผิดปกติได้ทันทีแต่ก็ยังพูดต่อเหมือนไม่ได้สังเกตอะไรเลย
“แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีใครขาย ผมก็เลยซื้อหุ้นเล็กๆน้อยๆตัวอื่น หาเงินทานขนมเล่นไปก่อน”
“เธอคิดจะซื้อหุ้นนั้นจริงๆเหรอ”
“มีอะไรผิดปกติงั้นรึครับ” ผมส่งยิ้มที่คิดว่าใสซื่อที่สุดไปให้
“ไม่มีหรอก” คุณทาคาเทรุตอบนิ่งๆ “ก็เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีมากตัวหนึ่ง หลายคนก็รอซื้อกันอยู่”
“ขอบคุณมากครับ”
“ขอตัวก่อนนะ” เขาผงกหัวเร็วๆให้ผมแล้วเดินจากไป มีรถมาจอดรออยู่แล้วที่หน้าประตูทางออก
คนที่มารับเขาก็คือโมโมโซโนะ อิมาริเหมือนเดิม ฝ่ายนั้นเห็นผมก็โบกมือทักทาย เปิดประตูขึ้นรถแล้วขับออกไปจากที่ตรงนั้น
เป็นเพื่อนที่เทคแคร์กันดีจริงๆ
คุณทาคาเทรุคงรู้ ว่าผมรู้เรื่องทางบ้านเขาหมดแล้ว และผมเองก็มีคำถามมากมายที่อยากจะถามเขาด้วย แต่เขาดูเหมือนอยากรีบไปให้พ้นหน้าผมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
ไม่อยากข้องแวะกับบุคคลที่ใกล้ชิดน้องสาวหรือคนในตระกูลคิโชวอินขนาดนั้นเลยรึ
แล้วไหนจะเรื่องไปสรรพากรกับสำนักงานผู้ตรวจสอบบัญชีอีก หรือเขาคิดจะดูงบการเงินในปีนี้ของคิโชวอินกรุ๊ปก่อนที่มันจะถูกประกาศออกไปเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในตลาด อย่างไหนถึงจะถูกต้องล่ะ
จะมีทางไหนที่ผมจะเอาเอกสารพวกนั้นมาตรวจสอบได้บ้างนะ
ใช้อำนาจตระกูลเอ็นโจ ท่านพ่อต้องรู้แน่ และจะมีคำถามที่น่าอึดอัดตามมา ผมยังไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าจะตรวจสอบตระกูลคิโชวอิน อีกอย่างมันก็เป็นแค่ความวิตกกังวลของผมเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด ตระกูลคิโชวอินอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้
แต่ท่าทางของคุณทาคาเทรุตอนที่ผมพูดถึงการควบรวมกิจการของคิโชวอินกรุ๊ป เขามีท่าทีแข็งขืนต่อต้านอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุที่ทะเลาะกับประธานคิโชวอินจะมาจากเรื่องนี้รึเปล่านะ
แล้วก็หุ้นที่พุ่งขึ้นไปสูงของบริษัทดิจิตอลนั่นอีก
ตามปกติบริษัทที่มีข่าวว่าจะถูกเทคโอเวอร์ หุ้นก็จะพุ่งตัวสูงขึ้นไป ฝ่ายที่เข้าเทคโอเวอร์กิจการก็จะไล่ซื้อหุ้นในทุกราคา ทุกระดับ เพื่อให้ได้จำนวนหุ้นตามที่ต้องการ ส่วนฝ่ายที่ถูกเทค ก็จะมาไล่ซื้อหุ้นเพื่อดึงเกมกลับไปทางฝั่งตัวเองเช่นกัน เป็นการแย่งซื้อช่วงชิงกัน
จากที่มองเมื่อครู่นี้ ดูอย่างไรมันก็สูงมากจนน่ากลัว สำหรับบริษัทที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก
ผมไม่อยากคิดว่ามันเป็นการปั่นหุ้นเลย
.
.
.
“พักนี้ดูยุ่งๆนะ”
ทันทีที่ผมหลับก็ถูกดึงเข้าสู่โลกความฝัน ชูสุเกะในโลกกระจกรอผมอยู่ในนั้น ยืนมองผมด้วยท่าทางสบายๆไม่เร่งร้อน
“ก็ต้องเรียนรู้งานบริหารนี่”
“ก็นับว่ายังดีที่นายเอาร่างผมไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์” ชูสุเกะส่งยิ้มมาให้
ยิ่งมอง เขาก็ยิ่งเหมือนฝาแฝดของผม รูปร่าง หน้าตา กริยาท่าทาง เราไม่ต่างกันสักนิด
ตอนนี้เราสูงเท่ากันแล้ว สิ่งที่แตกต่างมีเพียงสีผมและนิสัยเท่านั้น
ในโลกความฝัน เส้นผมของผมเป็นสีดำ เหมือนคอยย้ำเตือนไม่ให้ลืมว่าผมเป็นใคร และเขาเป็นใคร
“กลุ้มใจอะไรอยู่เหรอ” ชูสุเกะยิ้ม “ถ้าเป็นเรื่องเรย์กะ นายก็น่าจะมีความสุขแล้วนี่”
“เรื่องทางบ้านของเธอน่ะ” ผมถอนหายใจ “มันมีอะไรที่แปลกๆ”
“อ้อเหรอออออ” เขาลากเสียงยานคาง “นายจะสนอะไรนักหนา พวกเราน่ะเป็นแค่เด็กม.ปลายนะ ยังไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากขนาดนั้นก็ได้”
“ผมแค่อยากทำให้มันแน่ใจ ว่าจะไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น”
“จะกังวลไปทำไมล่ะ” เขาเอียงคอมองผม “อีกเดี๋ยวนายก็จะได้ทุกสิ่งที่ปรารถนาแล้วนี่นา นายอยากได้ผู้หญิงคนนั้นมาตลอดเลยไม่ใช่รึยังไง รอเวลาอีกนิดๆหน่อยๆเดี๋ยวเธอก็ใจอ่อน กลัวความไม่แน่นอนขนาดนั้นเชียวเหรอ ถึงต้องพยายามควบคุมทุกอย่างเอาไว้ในมือให้ได้”
เมื่อผมไม่ตอบอะไร ชูสุเกะในโลกกระจกก็เลยพูดต่อ
“ผมพูดถูกใช่มั้ย” เขายิ้ม ผมเพิ่งเข้าใจคำว่ารอยยิ้มน่ารังเกียจที่มาซายะพูด “ไม่ต้องอายที่จะยอมรับหรอก นายกับผมก็เหมือนคนคนเดียวกันนั่นล่ะ ผมรู้ว่าสาเหตุจริงๆมาจากอะไรด้วย”
“......”
“เพราะผู้หญิงคนนั้น คิโชวอิน เรย์กะในโลกของนายใช่มั้ยล่ะ ที่ปลูกฝังนิสัยนี้ให้” ทั้งที่เขาอยู่ในกระจก แต่เสียงเขาเหมือนกระซิบอยู่ที่ข้างหู “เธอคงทำให้นายผิดหวังมาตลอดชีวิต พอเจอคนที่รูปลักษณ์คล้ายกันและเชื่อฟังนายทุกอย่าง นี่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของนายแล้วใช่มั้ยล่ะ เหมือนฝันที่เป็นจริงขึ้นมาเลยเนอะ อยากร้องไห้รึเปล่า แต่ผมไม่มีผ้าเช็ดหน้าให้ยืมหรอกนะ”
เขาเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใช้รอยยิ้มแบบเดียวกับผม
“น่าเสียดายที่คนเราต้องตื่นจากฝันเข้าสักวัน ต่อให้นายไม่ยอมรับว่ากำลังฝันอยู่ก็เถอะ นั่นสินะ นายจะกลับไปทำไมล่ะ โลกที่นายเจ็บปวด ทุกข์ทรมานแบบนั้นน่ะ ความฝันดีกว่ากันตั้งเยอะ เพราะมันเป็นที่เดียวที่นายจะสมหวังและควบคุมทุกสิ่งอย่างตามต้องการได้”
“หุบปาก”
ชูสุเกะในโลกกระจกหรี่ตา แต่ยังคงแย้มรอยยิ้มที่ดูน่ารังเกียจ เขายกมือขึ้นช้าๆ ทาบกับกระจกที่กั้นขวางเราไว้ จ้องลึกลงมาในดวงตาผม ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังถูกครอบงำ
ผมถอยออกมาจากกระจก พยายามกดเขาให้จมลึกเข้าไปในความมืดมิด มองดูเขาที่กำลังจะหายไปอย่างช้าๆ
“สิ่งที่นายพยายามทำน่ะ มันจะล้มเหลว ไม่มีใครควบคุมทุกอย่างได้หรอก แม้แต่พระเจ้าเองก็เถอะ”
เสียงหัวเราะน่ารังเกียจนั่นพร้อมกับคำพูดทิ้งท้ายที่ทำให้มือผมเย็นเฉียบ แต่อะไรก็ไม่เท่าความเย็นเยียบจากสายตา เหมือนว่าเขาออกจากโลกกระจกนั่นและเข้ามาสัมผัสตัวโดยตรง กระซิบที่ข้างหูด้วยเสียงที่เหมือนกันกับผม
“นายขังผมไว้ในนี้ไปตลอดกาลไม่ได้หรอกนะ คุณชูสุเกะ”
-----------------------
พยายามไม่ลงลึกเรื่องหุ้น ทั้งที่ตัวเองก็มีความรู้แค่หางอึ่ง แต่เสือกจะเขียนเรื่องนี้
พวกนายไปเปลี่ยนอาชีพที่มันเขียนง่ายๆกันหน่อยได้มะ 55555555555
สาบานว่าปลอบใจ ทำไมกูกลับรู้สึกว่า เรือเอ็นโจวอย่างหมู่เราพร้อมใจกันยิงบาซูก้าใส่เรือตัวเองฟะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โอ๋นะเอ็นโจว
>>560-563 นี่ไม่สงสารเอ็นโจเลยนะ อยากให้เอ็นโจอีกคนไปยึดร่างเอ็นโจนิยายอ่ะ ให้เอ็นโจนิยายรู้ซึ้งถึงความทรมานที่โดนแย่งของที่มีอยู่แต่ไม่เห็นความสำคัญไป มัวแต่ไปนั่งปั่นตุ๊กตาตัวแทนคนที่ชอบอยู่ได้ คิดไปว่าชอบเรย์กะนิยายแล้วทรมาน จริงๆก้มีความสุขกว่าอยู่กับเรย์กะdimidolceซะอีก อิน //ย้ายเรือหนีดีกว่า รู้สึกเรือเอ็นโจไม่ปลอดภัยโคตๆ5555555
>>568 เหมาะสมกับชื่อกระทู้ทุกประการ ถถถถถ
>>560-563 สำหรับเรื่องนี้ปกติกูชอบแนวรักใสๆ ปวดตับเหรอบายจ้า แต่ฟิคมึงเป็นเรื่องแรกที่ออกแนวหน่วงๆแล้วกูชอบ ฮือ ตัวละครมึงน่าค้นหามาก ดูมีมิติกันหมด หรือเพราะมันออกมาจากมุมเอ็นโจวะเลยดูเป็นผู้เป็นคน 55555 กูรอตอนต่อไปนะ อยากรู้ว่าเอ็นโจจะจัดการความรู้สึกตัวเองยังไงต่อไป(กูเดาว่าลึกๆตัวละครนี้คงรู้สึกเหมือนจับเรย์กะเล่นแต่งตัวตุ๊กตาพอเจอร่างจริง+เหตุการณ์มาจี้จุดที่พยายามปิดไว้เลยไหวหวั่นระดับรุนแรง) ไหนจะเรื่องบ้านคิโชวอิน เรื่องหลอกล่อเรย์กะอีก เอ็นโจเวอร์ชั่นนี่ดูควบหลายจ็อบมากเลยนะคะ 55555
ทะลุมิติมาไหมมมมม
สวัสดีชาวโม่ง โม่งสารบัญเอง
หายไปเกือบสัปดาห์ ทำไมยังกระทู้เดิมอยู่วะ... อ่านเม้นท์ผ่านๆ ก็มีแต่ฟิคจมเรือ โอ๊ย กูเก็บไว้อ่านทีหลังแล้วกัน 5555
จะบอกว่าพักนี้ชีวิตวุ่นวายมาก คงไม่ว่างเข้ามาอ่านฟิคและอัพเดทบ่อยๆอย่างที่ผ่านมา ดังนั้นเลยทำเป็นไฟล์สารบัญฉบับอัพเดทกันเองมาเสนอ
สารบัญเรย์กะ (google docs version)
https://docs.google.com/document/d/1Jtm_XMsTD_t_6GWtvFfN3qDIm3yxYGeJCX29QUS1vIo/edit?usp=sharing
ฮาวทูประกอบการใช้งานคร่าวๆ
https://docs.google.com/document/d/1ET-eMchwMQyJ8awYO1Q5yIcKWuTeJrJ0TVhXXVd8eD4/edit?usp=sharing
ในนั้นยังเป็นเวอร์ชั่นเดิมที่ตั้งแต่วันที่ 22 ยังไม่ได้อัพอะไรเพิ่มนะ สามารถอัพเดทกันได้ตามสบายเลยจ้ะ
คิดถึงฟิคแวมไพร์ไนท์
อยากอ่านต่อมาก ลงเรือท่านพี่แล้วดีต่อใจจริงๆ
คริสต์มาสท่านเรย์กะแม่งแห้งแล้งชิบหาย ได้เวลาที่กูควรเข็นฟิคคริสต์มาสเดทออกมาแล้วใช่มั้ย
ที่จริงกูควรจะดูหนังรักบิลด์อารมณ์โรแมนติค แต่ตอนนี้กูกลับนั่งดูหนังผี หนังสยองขวัญไปมากมาย หาความโรแมนติคไม่ได้เลยซักกะนิด
ขอkyคั้นชาวโม่งยิงเรือตัวเองแปปนะมึง กูอยากอ่านฟิคเก่าๆที่ยังแต่งไม่จบต่อังมึงเขาหายไปไหนอะ//ร้องไห้
ต่อจัง กูเบลอ
ต่อจาก >>519-520 ฟิคคู่หูทะลุมิติ
..............…….....
ท่านพี่บอกว่าท่านอิมาริช่วงนี้งานยุ่งหน่อย คงมาไม่ได้สักพัก แล้วจะช่วยดูแลฉันให้แทน ลำบากกันแย่ล่ะนะคะ
ฉันโดดเรียนสามวันติดแล้วค่ะ ฉันยังไม่พร้อมโรงเรียนในสภาพนี้ยังไงไม่รู้ค่ะ...
คาบุรากิก็โดดมาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ ฉันไล่หมอนั่นไปเรียน เขาก็บอกว่าถ้าฉันไม่ไป เขาก็ไม่ไป แล้วนั่งอยู่ในห้องฉันไม่ไปไหน ดื้อชะมัดเลยค่ะ
ที่แย่ที่สุดคือถ้าบอกคาบุรากิว่าขาดเรียนมากๆ ระวังตามเนื้อหาเรียนไม่ทันอะไรงี้ มันจะเข้าตัวฉันเต็มๆเลยล่ะนะคะ... คะแนนเขาห่างชั้นแบบที่ชีวิตนี้ฉันคงไม่อาจเอื้อมถึง...
ขนาดข้อสอบที่ทำเหมือนเดิมเป๊ะๆ ยังอยู่อันดับ 5 เลยค่ะ
ฉันจะนั่งดราม่าคิดถึงเรื่องราวครอบครัวซะหน่อย คาบุรากิก็หยิบหนังสือเรียนมานั่งข้างฉัน แล้วถามว่าเข้าใจเรื่องพวกนี้ดีแค่ไหน ไล่ไปแต่ละวิชา ถ้าอยากไปเรียนก็ไปสิคะ มาอยู่กับฉันทำไม...
"แปลกนะว่าไหม ถึงโลกที่แล้วกับโลกนี้จะต่างกันแค่ไหน แต่เนื้อหาเรียนนี่เหมือนกันเป๊ะๆเลยนะ"
คาบุรากิเปิดๆหนังสือแล้วขมวดคิ้ว
"นั่นสินะคะ ข้อสอบก็เหมือนกันเลยด้วย"
"อือ เนื้อหาที่เรียนแต่ละวันยังเป็นเรื่องเดิมเลย"
"เอ๊ะ? ถึงขนาดนั้นเลยหรอคะ"
"ใช่ บางทีเหมือนกันจนน่ากลัวเลยล่ะ เช่น ครูสอนอังกฤษจามหนึ่งครั้ง ก่อนเริ่มเขียนกระดาน เป็นวันเวลาเดียวกับโลกก่อนเป๊ะๆเลยนะ"
"เหหหห"
คาบุรากิเล่าเหตุการณ์เกี่ยวกับการเรียนการสอนให้ฟัง ไล่วันเวลาให้ดู นายจำขนาดนั้นได้ไงคะ...
ดูเหมือนการปรากฏตัวของเรา หรือใครจะเปลี่ยนไป เนื้อหาเรียนก็ไม่เปลี่ยนแปลง ดูเป็นเรื่องเรียนมาตรฐานระดับต่างมิติจริงๆเลยค่ะ
เมื่อวานตอนเช้า คาบุรากิมาเคาะประตูแล้วขอเข้ามา ฉันตกใจแทบแย่ หวาดกลัวเรื่องครอบครัวของเขารู้เรื่องฉัน หรือท่านพ่อท่านแม่สืบเจอ เลยกะจะรีบไล่ออกไป แต่หน้าของเขาดูเศร้าจนฉันไล่ไม่ลง
พอฉันถามเรื่องวาคาบะจัง หมอนั่นก็ไม่ตอบอะไรเลยค่ะ แถมสีหน้าดูเหม่อลอยแบบไม่พร้อมจะรับรู้อะไรอีกแล้ว ฉันเลยไม่ซักต่อ แล้วเอาขนมที่ท่านพี่เอามาให้ แบ่งๆให้คาบุรากิกินเข้าไป
ฉันรู้สึกผิดที่ทำร้ายชีวิตความรักของเขาเสมอ ไม่ว่าโลกที่แล้ว หรือว่าโลกนี้... ไม่รู้ว่าตัวฉันทำอะไรผิดพลาดไป ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เป็นเพราะฉันไม่กลั่นแกล้งวาคาบะจังต่องั้นหรอ...
เขานั่งเรื่อยเปื่อยกับฉันทั้งวัน พอวันต่อมา แม้เขาดูอาการดีขึ้นแล้ว ก็เหมือนได้ใจ เข้ามานั่งเล่นหน้าตาเฉย แต่หมอนั่นเอาขนมมาฝากเลยพออนุโลมให้ได้ ถึงยังไงก็ควรไปเรียนได้แล้วนะคะ...
วันนี้เขาดูคล้ายๆจะฟื้นตัวดีขึ้นมากแล้ว แม้จะเศร้าเป็นพักๆก็ตาม แต่ก็คุยวิเคราะห์โลกนี้มุมมองต่างๆให้ฟังไปเรื่อยๆ บางอย่างก็น่าสนใจทีเดียวค่ะ อย่างไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ดูเหมือนความสามารถในการจินตนาการแปลกประหลาดของหมอนั่นไม่สูญเปล่านะคะ
ฉันกะจะหยุดทั้งอาทิตย์ให้เหมาะกับการทำใจเรื่องราวเคร่งเครียดไร้ทางออกของตระกูลฉัน แต่คาบุรากิก็บอกว่าในโลกก่อน วันพรุ่งนี้ ห้องฉันมีสอบย่อยวิชาวิทยาศาสตร์ค่ะ เป็นสอบที่ไม่บอกล่วงหน้า แล้วคะแนนเก็บส่วนนั้นเยอะทีเดียว ฉันเลยได้แต่ตัดสินใจไปโรงเรียน...
ตอนเช้า ฉันตื่นเร็วนิดหน่อย วันนี้อาจต้องไปรถไฟฟ้ามั้งคะ ฉันบอกท่านพี่ไว้ว่าจะหยุดอาทิตย์หนึ่ง แต่เพราะการสอบย่อยนั่นทำให้ฉันเปลี่ยนใจแบบฉับพลัน ท่านพี่เลยไม่น่าจะเตรียมรถมาได้ทัน จะยังไงท่านพี่ก็อยู่ไกลจากที่นี่มากล่ะนะคะ...
ฉันเปิดประตูห้องออกมา ก็โดนเคาะหัวเข้าให้ คนที่เคาะก็ดูตกใจจนเดินถอยหลัง
"อะไรคะเนี้ย..."
ฉันลูบๆหน้าผากตัวเอง ถึงไม่แรงมากก็เถอะ มันก็เจ็บนะ!!!
"ฉันแค่จะมาปลุกน่ะ..."
คาบุรากิงึมงำจ๋อยๆ เขาดันบังเอิญเคาะประตูเวลาเดียวกับที่ฉันเปิดออกมาพอดี...
เขาดูคาดไม่ถึงเหมือนกันว่าฉันจะตื่นเช้าล่ะนะคะ ยังดีที่ไม่อยากเคาะประตูแรงมาก ฉันถามว่าทำไมเขาไม่กดกริ่ง มันไม่ได้เป็นเครื่องตกแต่งผนังหรอกนะ เขาก็บอกว่าไม่ชอบเสียงมัน เรื่องมากชะมัดเลยค่ะ
ฉันอธิบายที่ฉันตื่นเช้าเพราะว่าต้องรีบไปขึ้นรถไฟฟ้า คาบุรากิก็ชวนขึ้นรถตระกูลคาบุรากิไปด้วยกัน
"แต่เรื่องคนในครอบครัวนาย..."
"ก็ต้องทำให้แนบเนียนไม่มีใครรู้ไม่ใช่หรอ"
"แต่ว่า..."
"ถ้าเธอไปขึ้นรถไฟฟ้าโอกาสที่จะความแตกยิ่งสูงกว่าเดิมไม่ใช่หรือไง"
"..."
"ถ้าพ่อแม่เธอต้องการปิดบังความจริง ถ้าเธอนั่งไปกับฉัน พวกเขาไม่โวยวายออกมาหรอกนะ"
ฉันอยากจะเถียง แต่ที่เขามาก็มีเหตุผล... จะยังไงหากฉันต้องทำตัวให้เหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น การนั่งรถไปกับคาบุรากิน่าจะดีกว่านั่งรถไฟฟ้าล่ะนะคะ
ฉันขึ้นรถไปกับเขา ข้างในนั่งสบายจนอยากนอนมากเลยค่ะ ก็นะ...วันนี้ก็ตื่นเช้าด้วย
ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างรถ โลกนี้ดูคร่าวๆจะยังไงก็คล้ายโลกเดิมเอามากๆ แต่พอยิ่งดูละเอียดแค่ไหน ทุกอย่างกลับไม่เหมือน บางครั้งฉันก็รู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาดของโลกใบนี้... แต่พอคาบุรากิทะลุมิติมาด้วยกัน ฉันก็เลยดูธรรมดาขึ้นมาล่ะนะคะ
อาจเพราะค่อนข้างเช้า เลยยังไม่มีใครมาซุยรันกันเท่าไหร่ ซึ่งดีแล้วค่ะ หากข่าวฉันนั่งรถมากับคาบุรากิแพร่กระจายคงไม่ดีเท่าไหร่...
เราแวะสโมสรกินขนมกัน ไม่นานนัก เอ็นโจก็มาถึง ฉันเลยรีบลุกไปนั่งห่างๆจากคาบุรากิ ครั้งที่แล้วหมอนั่นทำหน้ามุ่ย คงไม่พอใจที่ไม่ได้นั่งข้างเพื่อนสนิท เพราะฉันนั่งคั่นกลางอยู่ ครั้งนี้เลยระวังให้ดีหน่อย
ฉันออกจากสโมสรไปเข้าห้องเรียน เพื่อนรุมถามฉันกันใหญ่เลยค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ตอนนี้ดีขึ้นหรือยัง หลายคำถามจนฉันเริ่มหน้ามืดตาลาย
ลืมนึกไปเลยค่ะว่าต้องหาข้อแก้ตัวดีๆไว้สำหรับเหตุการณ์นี้... แค่ไม่สบายก็น่าจะพอ แต่ว่าแค่ไข้หวัดจะเนียนไหมนะคะ กลัวเพื่อนๆฉันรู้ว่าเกิดอะไรกับครอบครัวฉันจังเลยค่ะ ถ้าโกหกไม่เนียนมีหวังโดนแก้แค้นแน่ๆ...
“คุณคิโชวอิน อยู่หรือเปล่าครับ”
“ท่านเอ็นโจ...”
เด็กๆรอบตัวฉันก็ส่งเสียงดังวุ่นวายทันทีที่เอ็นโจปรากฏตัว นายมาทำอะไรที่นี่คะ...
“เรื่องมาซายะน่ะ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“...ก็ได้ค่ะ” ฉันค่อยๆลุกจากที่นั่งเข้าแดนประหาร ต่อให้เอ็นโจยิ้มมาให้ก็เถอะค่ะ ภาพจอมมารในความทรงจำก็ทำให้ฉันรู้สึกระแวงอยู่ดี
จะว่าไปเพื่อนสนิทเขาโดดเรียนสามวันติด ถ้าคาบุรากิไม่พูดอะไรก็คงจะน่าสงสัยอยู่ล่ะนะคะ แล้วทำไมมาคุยกับฉันคะ รู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่กับฉัน... หรือฉันคิดมากไปเอง เขาคงไม่ได้อ่านใจทะลุทะลวงขนาดนั้นมั้งคะ...
“เดี๋ยว!!!”
คาบุรากิโผล่มาอยู่หน้าห้องฉัน เอามือยันขอบผนังไว้เหมือนรีบวิ่งมาเต็มที่ สาวๆเริ่มกรี้ดกันอีกครั้ง ตอนนี้สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เหตุการณ์นี้ ฉันรู้สังหรณ์ใจไม่ดีเลยค่ะ ขอเป็นตัวประกอบดูเรื่องราวอยู่ห่างๆได้ไหมคะ...
“นายจะไม่บอกจริงๆงั้นหรอว่าเกิดอะไรขึ้น” เอ็นโจยิ้มให้คาบุรากิ
คาบุรากิส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือมาทางฉัน หะ? อย่าบอกนะว่านี่เป็นเรื่องที่ฉันหนีออกจากบ้าน! เอ็นโจ ปกตินายก็ทำตัวรอบคอบนี่ ช่วยคุยในที่ลับกว่านี้ได้ไหมคะ... ตอนนี้สายตาแห่งความใคร่รู้ของคนในห้องเป็นประกายวิบวับไปหมดแล้วค่ะ
ฉันพยายามเกลี้ยมกล่อมให้เป็นคุยในที่ที่ส่วนตัวกว่านี้ เอ็นโจก็ยิ้มๆตอบรับ ส่วนคาบุรากิมองเอ็นโจราวกับเป็นระเบิดเวลาอะไรสักอย่าง เมื่อถึงมุมมืดลึกๆในห้องสมุดแล้ว พวกเราก็หยุดเดิน
“สรุปว่าเกิดอะไรขึ้นในสามวันที่ผ่านมากันแน่”
เอ็นโจพูด หันไปมองคาบุรากิที่ทำหน้าตาดูหวาดกลัวมากๆ หันมามองฉันเป็นพักๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เอ็นโจถอนหายใจ แล้วเดินมาอยู่ข้างๆฉัน ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ และเริ่มพูด
“รู้ไหมว่ามาซายะ...”
“หยุดนะ ชูสุเกะ!!!”
“นายก็บอกมาซะทีสิ รู้ไหมว่าที่บ้านนายวุ่นวายแค่ไหนตอนอยู่ๆนายก็หายไป และไม่มีใครติดต่อได้”
“...”
เอ๋... ที่โผล่มาอยู่กับฉันทั้งวันนั่นนายไม่ได้บอกที่บ้านเลยหรอ ถึงท่านพี่จะบอกให้เรื่องนั้นเป็นความลับก็เถอะค่ะ นายก็ไม่เห็นต้องเก็บเงียบขนาดนั้นเลยนี่คะ... อันที่จริง ถ้านายแค่ไปเรียนปกติคงไม่มีใครสงสัยอะไรแล้วนะคะ
ดูเหมือนว่าที่ฉันถูกพามาในตอนนี้ เอ็นโจเอาฉันเป็นตัวประกันในการเล่าเรื่องอะไรสักอย่างของคาบุรากิ อาจจะเป็นเรื่องน่าอายสมัยเด็กก็ได้มั้งคะ ใช้วิธีการจอมมารมากเลยค่ะ... แต่ว่าการที่ฉันหยุดไปในวันเวลาเดียวกัน เอ็นโจก็น่าจะสังเกตเช่นกันล่ะนะคะ
เอ็นโจทำท่าจะเผยความลับของคาบุรากิตลอดเวลา เจ้าตัวดูระแวงเช่นกัน แต่ก็ไม่ยอมพูดออกไป ขอบคุณมากเลยนะคะ... แต่ฉันก็อยากรู้จังค่ะว่าเอ็นโจจะพูดเรื่องอะไร
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พอเห็นหน้าของคาบุรากิที่ไม่อยากให้ความลับตัวเองเปิดเผย แต่ก็ไม่อยากเปิดเผยความลับของฉัน ถ้าฉันจะเมิน รอเอ็นโจเฉลยออกมาก็ดูโหดร้ายไปหน่อยล่ะนะคะ...
“เป็นความผิดของฉันเองค่ะ”
ฉันตัดสินใจเป็นคนพูดออกไป
“หืม หมายความว่าไงครับคุณคิโชวอิน”
เอ็นโจหันมาทางฉันแทน ท่าทางเค้นคำตอบเชิงคุกคามของเอ็นโจนี่น่ากลัวชะมัดเลยค่ะ ฉันต้องพยายามตั้งสติ แล้วพูดต่อไป
“อื้ม... มันเป็นความลับระหว่างฉันกับท่านคาบุรากิน่ะค่ะ”
ว้าย แววตาจอมมารน่ากลัวชะมัดเลยค่ะ... ฉันถอยหลังจนชนชั้นหนังสือ
“เรื่องที่ว่าทำให้คุณพ่อคุณแม่ของมาซายะเดือดร้อนล่ะนะครับ”
เอ็นโจยิ้ม ทำเอาใจฉันหล่นวูบไปหมด ยังไงก็จะเค้นคำตอบให้ได้สินะคะ...
ไม่ไหวแล้ว... ทำยังไงดีนะคะ...
ขณะที่ฉันกำลังโดนพลังมืดกดดันให้คลายความลับ อยู่ๆคาบุรากิก็คว้ามือฉันไว้
“หนีกันเถอะ...”
“หะ?!”
เดี๋ยวนะ!!! นายจะทำอะไรนะ!?!
คาบุรากิพาฉันวิ่งหนีออกห่างจากเอ็นโจที่ยังตกตะลึงไม่แพ้ฉัน...
จบตอนแล้วช่ไหมมึงงง ดูF5 รัวๆเผื่อคั่นตอน กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดด
กูค้างงงงงงง โว้ยยย ความจริงลากเอ็นโจวเข้าขบวนการเลยมึง วาคาบะจังก็รู้แล้วเหลือนายตัวสำรอง จะได้กลายเป็น ตัวท๊อปของโรงเรียนร่วมวงตั้งแก๊งหนีออกจากบ้าน 555555555555 (แต่ทุกคนดันไปสอบตามปกติ เพราะคาบุรากิจำตารางได้หมด....สาบานว่านายยังเป็นคน.... )
กูเพ้ออะไรฟะ 555
ทำไมใจร้อนแบบเน้คาบุรากิ๊!! กลายเป็นพาท่านเรย์กะหนีไปแหล่ววววว
กุค้างงงงงงงงงงงงงง มึงกลับม๊าาาาาาาาาาา อย่าจบแบบเน้!!!!!!!!!!!
มึฃมาปล่อยค้างแบบนี้อีกแล้ว ฮืออออออออ ไปเรียนตัดตอนแบบโหดร้ายมาจากหน๊าย
...นอกจากจะค้างฟิคบนๆนั่นแล้วกูยังคิดถึงฟิคเก่าๆอีกตะหาก กาววววว กาวววววววว//ซู้ดดดด
ยังรอฟิตที่เรย์กะทะลุมาคิมิดอลอยู่นะ อยากเห็นจอมมารโดนรุม
ฟิคสิไม่ใช่ฟิต
>>560-563 เอ็นโจดูท่าว่าอีกไม่นานนายคงจะได้รับผลกรรมที่ทำไว้แล้วล่ะ ฮะ ๆ ก็อย่างที่ชูสุเกะในกระจกพูดไว้นั้นแหละ อีกไม่นานก็ต้องตื่นจากฝัน..
>>584-585 ว้ายยย!! เขาหนีตามกันด้วยล่ะ! ฉุดกันซึ่ง ๆ หน้า ส่วนคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ตกตะลึง ฮุฮุ ตอนนี้เรือท่านจักรพรรดิแล่นชิ้ว คาบุรากิบันซายยยย~ มาซายะบันซายยยย~
>>596 จริงๆตามออฟฟิศเชียลคิมิดอล คนเปิดเผยเรื่องโกงก็คือคาบุรากิไม่ใช่เรอะ ถถถถถถถถถถถถถ แต่ตอนนี้ทุกฟิคเหมือนให้เอ็นโจเป็นคนเปิดเผย คุกคาม แบล็คเมล์ ข่มขู่ทั้งนั้น ทั้งที่บทจริงๆเป็นแค่ตัวเชื่อมสัมพันธ์ให้คาบุกับวาคาบะแท้ๆ
>>581 อยากอ่านต้องลองซัมม่อนดู ลองเอ่ยชื่อสิ เผื่อซัมม่อนติด //อัญเชิญปีศาจเรอะ 555555555555555555555
>>585 ปกติกุเรือเอ็นโจนะ แต่ทำไมในฟิกนี้ แลดูขี้ดเสื-ก จังวะ
กุขอโทษ พักนี้หมั่นไส้เอ็นโจ ตอนแรกดีขึ้นล่ะหลังจากคุณว่าที่คนนั้นโผล่มา
ตอนล่าสุด ดันทำให้ความหมั่นไส้พุ่งขึ้นมาอีก ไม่รู้ว่าคิดไปคนเดียวมั้ย แต่ไอ้ธุระที่ว่าเนี่ย
มีความรู้สึกว่า จะเกี่ยวข้องกับ คุณว่าที่คนนั้นเหลือเกิน
คาบุรากิ อาจจะดูเกินๆบ้าง แต่เป็นผู้ชายตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย เหมาะกับการคบเป็นคู่ชีวิตนะ
เบื่อพวกไม่ชัดเจน มีอะไรก็ไม่พูด อ้อมๆ อ่อยๆ กั๊กๆอยุ่นั่นแหละ ถ้าคนทั่วไปที่ไม่เข้าข้างตัวเอง ก็ไม่มีใครเค้าจะคิดว่ามาจีบหรอกเฟ้ย...
อินเนอร์มากๆ พิมพ์ไว้ตั้งแต่ 9 โมง ทำงานไปด้วยกลับมาอีกที จะเที่ยงจะยังไม่กดโพสเลย
กูสงสารเอ็นโจเหลือเกิน แค่บอกไปธุระก็โดนเจาะเรือซะพรุน 555
ไม่อยากจะคิดถึงไอ้สิบกว่าตอนข้างหน้า โมเมนต์มันจะฟินมาก แต่ก็ไม่วายโดนจมเรือเพราะตอนจบอีเวนท์อีกแหง.... แทบจะทุกอีเว้นท์ข้างหน้าก็จบงี้ตลอดด้วยซิ....
ถึงโม่งสารบัญ กูพยายามเข้าไปจับๆ คลำๆ ทำสารบัญดูล่ะนะ แต่ยังงงๆ ทำลิงค์ไม่เป็นอยู่เลยว่ะ ขออภัยที่กูโลว์เทค บอกไว้ก่อนจะได้ไม่ตกใจที่มีคนเข้าไป edited แต่หน้าตาออกมาเหมือนเดิมเปี๊ยบ... ขอบใจมึงที่ช่วยเก็บข้อมูลมาตลอดนะ ; w ;
>>604 ใช่ อีกสิบตอนข้างหน้ามันฟินมากเลยนะมึงงงง แต่พอถึงตอนจบอีเวนท์แล้ว กูก็ได้แต่ร้องฟัคคค ออกมา กูอยากได้ความฟินเสมอต้นเสมอปลายแบบตอนหิ่งห้อยง่ะ อ.ฮิโยโกะใจร้ายชิบหาย ใจร้ายกับหัวใจกูนี่ล่ะ แต่กูปฏิญาณตนไว้แล้วว่ากูจะเป็นลูกเรือท่านจอมมารจนกว่าจะถึงบทสุดท้าย กูจะไม่สละเรือหนีไปไหน จะจมก็จมไปด้วยกันเลย
ถ้าเอ็นโจแห้วกูก็ว่าสมควรแล้วนะ คือ ทำตัวเองป่ะวะ มีอะไรก็เก็บไว้ไม่พูด จะทำอะไรก็ไม่ทำซักที จะชอบ ไม่ชอบ จีบ ไม่จีบก็ไม่ทำให้มันแน่นอนไปเลย กูอยากให้เขากล้ากว่านี้ว่ะ มัวลังเลอะไรอยู่ เปิดเพลงนี้ให้จอมมารเลย
"ถ้าหากรักนี้ ไม่บอกไม่พูดไม่กล่าว แล้วเขาจะรู้ว่ารักหรือเปล่า อาจจะไม่แน่ใจ อยากให้เขารู้ เธอเองต้องแสดงออก ไม่ใช่ให้ใครเขาบอก หรือว่าให้เขาเดาเอง"
หลังๆมานี่ กูเริ่มจะคิดแล้วนะว่าคาบุเป็นพระเอกน่ะ ไม่ใช่เพราะอิทธิพลฟิคนะเว้ย ถถถถถถถ ฟิคมอมเมากูไม่ได้ (แม้กูจะแอบเอนเอียง เอามาปนไปบ้างถ้าฟิคไหนอิงออฟฟิศเชียล เช่นฟิคมโนเอ็นโจ หรือฟิคยูกิโนะเป็นชูสุเกะกลับชาติมาเกิด) แต่คาแรคเตอร์แบบเอ็นโจ ตามมังงะโชโจนี่ แววแห้วสูงสัสๆ ไอ้พวกปิดทองหลังพระ ไม่ยอมออกหน้า ทำดีแทบตายแต่เขามองไม่เห็น มีอะไรไม่ยอมพูด มักจะพ่ายแพ้คาแรคเตอร์ตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง
>>603 ไม่รู้ดิ ตราบใดที่ยังไม่เฉลยปม กูก็ยังเข้าข้างเอ็นโจอยู่นะ แต่ใจฮีซับซ้อนยิ่งกว่าเขาวงกตอีก เดาไม่ออกเลยว่าฮีจะเอาไง
ตอนแรกเชียร์เอ็นโจหนักมาก หลังๆเข้าหมั่นไส้ในความโลเลไม่หนักแน่นของนาง นอนพาดทุกเรือสบายใจกว่า
(ถามนิดนึง นี่มันขึ้นโดนแบนอะไรสักอย่าง ไม่เคยไปเข้าตอบต่อกระทู้ไหนนอกจากวงน้ำชาซุยรันเลยนะ จู่ๆกดแล้วขึ้น ip address โดนแบน
กดตอบไม่ได้ซักที) ฮืออออ เป็นอะร๊าย
>>608 อันนี้แอดมินแบน ip แบบหว่านแห ไปอ่านใน meta มีสาเหตุอยู่น่ะ กูก็โดนแบน ip เหมือนกัน ต้องใช้ไวไฟบ้านตอบเอา ตอนอยู่ข้างนอกอ่านโม่งได้อย่างเดียว ตอบกระทู้ไม่ได้ กูคันยุบยิบในหัวใจมาก กลับมาถึงบ้านเลยพล่ามซะยาวเลย ถถถถถถถถถถถถถถถถ
กูว่าเอ็นโจ ฮีไม่ได้โลเลเลือกใครไม่ได้นะ คือฮีรู้ตัวนานแล้วว่าชอบเขา คิดเกินเพื่อน หลายๆตอนนี่แบบ เออ รักเขาชัดๆ ไม่คิดอะไรกับเขาจะไม่ทำขนาดนี้หรอก แต่ไม่หนักแน่นพอ บางทีก็ดูป๊อดๆด้วย คือมีโอกาสแต่เสือกถอยออกมาเอง โว้ยยยยยย กล้าๆหน่อยเซ่ จะทำก็ทำเลย
กูก็เข้าใจอยู่นะว่าคีย์ของเรื่องคือท่านเรย์กะจะรอดไปยันเรียนจบรึเปล่า หนุ่มๆคนไหนจะได้ครองคู่กับนางเป็นเรื่องรอง ความรักนางเลยอืดๆอยู่แบบนี้
กูว่าไม่ได้โลเลไม่ยอมรุก แต่น่าจะมีประเด็นคู่หมั้นที่เลี่ยงไม่ได้ เคลียร์เองไม่ได้ อาจจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านั้น ไม่อยากลากเรย์กะมาพัวพันด้วย
>>611 คิดเหมือนกันน กูเริ่มเบื่อความโลเลของเอ็นโจ ถ้าจะจีบก็จีบตรงๆแบบคาบุไปดิ มาอ่อยมาจีบครึ่งๆกลางๆ ผญเขาไม่ชอบหรอกนะ
>>612 ประเด็นเรื่องคู่หมั้น ถ้าเอ็นโจชอบเรย์กะจริงก็ต้องดิ้นรนเองดิ แล้วไหนบอกแค่ว่าที่ๆ จะไปแคร์อะไรนักหนา ความจริงแค่บอกพ่อแม่ไปว่าชอบคุณหนูคิโชวอินใครจะไปว่าอะไร(ขนาดคาบุในkimidolce มีเรย์กะเป็นคู่หมั้นยังหักหน้าเลือกสามัญชนได้ แถมยังไฟว์กับท่านแม่จนยอมรับได้เลยอ่ะ แล้วนี่เป็นถึงคุณหนูคิโชวอินใครจะค้านอะไร) ถ้าชอบเขาจริงๆก็ต้องสู้ดิ เชื่อกูมั้ยถ้าคาบุอยู่สถานการณ์เดียวกับเอ็นโจ คาบุไม่แคร์หรอกว่าคนอื่นคิดยังไง ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองอย่างเดียว แล้วก็ไม่ต้องรอให้ผญมาชอบก่อน คือถ้าไม่จีบเขาตรงๆใครจะมาชอบ ก็เป็นได้แค่คนเคยเห็นหน้านั่นแหละ
โอเคกูอินมาก 5555555555 เมื่อก่อนกูเรือเอ็นโจนะ แต่แบบเห็นความน่ารักของคาบุแล้วก็รู้สึกว่า เออ คนแบบนี้แหละที่ผญเขาชอบอ่ะ
พวกมึงใจเย็นๆก่อนน ถึงกูไม่เคยอ่านดิบมาแต่ก็ได้ยินสปอยล์มาเยอะ พอถึงจุดๆหนึ่งเดี๋ยวก็ดีเอง
มองบวกไว้ๆ ถึงตอนนี้กูจะว่ายน้ำตุ๊บป่องเพราะเรืออับปางก็เถอะ(ปาดน้ำตา)
เอ็นโจนางก็แบกรับอะไรมาเยอะ มีอะไรก็ไม่ยอมบอกใคร คล้ายเด็กเก็บกด(??) ที่มีสปอยล์ว่านางระบายกับท่านเรย์กะสองต่อสองในห้องไง
อีกอย่างตัวละครในเรื่องนี้เป็นพวกชอบคิดเองเออเองกันซะส่วนใหญ่ เอ็นโจน่าจะคิดอะไรที่ดูเป็นคนปกติมากที่สุดแล้วแหละ(มั้ง) เอ็นโจเองก็รู้ว่าเรย์กะอ่ะไม่ได้ชอบนางกับคาบุรากิสักเท่าไหร่จากที่อ่านๆมา นางก็รู้แหละว่าเรย์กะคิดว่าเอ็นโจกับคาบุรากิเป็นตัวปัญหาสำหรับท่านเรย์กะ จะรุกตรงๆมีหวังระแวงแน่ๆ บางทีตอนนี้นางอาจจะกำลังพยายามทำให้เรย์กะมองนางในแง่ที่ดีขึ้น อย่างการไปทักทาย ใช้น้องตัวเองเป็นเครื่องล่อ(หือ?) ส่งหิ่งห้อยมาให้ จากที่อ่านมาจนถึงปัจจุบันพวกมึงก็เห็นใช่มั้ยล่าว่าท่านเรย์กะไม่ได้ระแวงเอ็นโจกับคาบุรากิรุนแรงเหมือนสมัยเด็กๆแล้ว แถมสนิทขึ้นด้วย! ยังไงกูก็ไม่ได้อ่านดิบมาก็มโนๆในแง่บวกไว้ก่อน =w= ถึงแขนขาจะอยู่เรืออื่นแต่หัวใจกูอยู่เรือเอ็นโจนะจ๊ะ
ยังไงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเรื่อยๆน่าจะมีถึงมหาลัยยันวัยทำงานเลยล่ะมั้ง อาจจะมีถึง500ตอนเลย ว่าไปนั่น
มีซัก 500 ตอนก็ดีนะกูว่า ใจหนึ่งก็อยากให้ Happy end อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้จบว่ะ ถ้าจบสนิทไม่มีอะไรให้เม้าท์แล้วคงเหงาพิลึก
แต่ถึงยังไงกูว่าถึงเรื่องจะจบลงก็คงมีโม่งฟิคผุดมาให้พวกกูอ่านแก้เหงาอ่ะ 555555
ขอสัก 1000 ตอน จนยูกิโนะโตเป็นหนุ่มแบบไม่ผิดกฏหมายผู้เยาว์แล้ว //แค่กๆ
>>614 เรื่องนี้มีคนธรรมดา ขุ่นพระ!!!!!!?????
เอาใหม่ ให้โอกาสแก้ตัว พูดใหม่อีกครั้งนะมึง แน่ใจนะว่าเรื่องนี้มีคนธรรมดา ถถถถถถถถถถถถถถถ
กูว่าอย่าเพิ่งมองแรงใส่ฮีมากเลย แค่นี้ก็บอบช้ำไปทั้งกายและใจแล้ว 555555555 ตราบใดที่อ.ฮิโยโกะยังไม่เฉลยปมบ้านเอ็นโจ กูก็ยังเข้าข้างความยึกยัก จีบแบบสโลว์ไลฟ์ของฮีอยู่นะ กูเชื่อว่าเรื่องนี้มันเป็นปมใหญ่มากของเรื่องด้วย ไม่งั้นไม่ใส่มาหรอก จะโตมาเป็นคนแบบนี้ ต้องอยู่ในบ้านที่เลี้ยงดูมายังไงวะ คือเอ็นโจฮีดูเก็บความรู้สึกเก่งนะเว้ย ยิ้มขื่นๆตลอด อ่านที่เขาวิเคราะห์เกี่ยวกับฮีบวกกับกาวในแฟนไซต์ก็สนุกดี
อย่างเพลง Gnossiennes ธีมประจำตัวที่เรย์กะตั้งให้ฮี เพลงนี้ซาติเอามาจากวัง Knossos ที่เป็นปราสาทบนเกาะครีตของกรีก ไปพ้องกับโจที่แปลว่าปราสาทพอดี แถมปราสาทนี้เป็นเขาวงกตด้วยนะ จะสื่อว่าใจฮีซับซ้อนดั่งเขาวงกตป่ะวะ อ.ฮิโยโกะเลือกเพลงเก่งนะ เหมาะกับฮีโครตๆ
ใจเย็นๆพวกมึง ยังมีบ้านพักคนชราซุยรันอยู่ #ผิด
ตอนนี้สายผลิตหมดแรงหมดกาวกันเปึนแถบๆ รอตอนพีคๆ วนไปคร่ะ
รอหมดสิ้นเดือนนี้กูคงมีแรงปั่นฟิค แอ่ก
อยากอ่านฟิคแวมไพร์ไนท์ต่ออ กูรักท่านพี่ แต่ฟิคไม่ค่อยมีให้กูฟิน ฟิคนี้คือดีงามมากกกก
>>607 กูเห็นด้วยยยอย่างรุนแรงงงง จีบผู้หญิงบ้านไหนทำผ่านการข่มขู่ คุกคาม และนิ่งเงียบปิดทองหลังพระวะๆๆๆๆๆ ถ้าไม่ทำดี ไม่ทำคะแนนก็แห้วไปเถอะ บางทีกูก็คิดแล้วใครจะมาเห็นตาม ยิ่งเรย์กะยิ่งฟิลเตอร์ติดลบอยู่ แต่ตอนนี้ กูก็ไม่แน่ใจว่ากูเอาฟิคจริงกับฟิคกาวมาปนกันมากไปไหม อ่านไปอ่านมา กูชักลืม ๆ ว่า เอ๊ะ จริง ๆ แล้ว เอ็นโจแม่งเป็นอย่างไร
แล้วก็ตัดไปฟิคสามัญชนเรย์กะ แม่งงงงง กูอยากแต่งต่อให้นางตัวสำรองเป็นพระเอกไปเลยยยยย อ่านแล้วขัดใจเอ็นโจมาก (ขอโทษนะ โม่งฟิค ตั้งแต่อ่านมา กูอินเรื่องมึงเนี่ยยสุดแล้ว สงสัยอินมากไป มีความแค้นเอ็นโจ) ท่านแรย์กะไม่ได้เครียดเพราะตกต่ำ แต่เครียด เพราะคุณมึงเนี่ยแหละ อยากแต่งต่อให้เรย์กะลาออกจากโรงเรียนได้จริง ๆ แล้วหายสาบสูญไปจากชีวิตเอ็นโจได้เลย ชนิดที่ว่า กลับมาอีกที แต่งงานกระหนุงกระหนิงมีลูกกับนายตัวสำรองไปแล้วว 555 กูคงสะใจเวลาที่เอ็นโจมาเจอ
ว่าแต่กูยังเป็นลูกเรือเอ็นโจอยู่ไหมเนี่ยยยย
>>638 กุก็รออออเหมือนกัน เป็นค้ำคอร์ที่ดีต่อใจมาก 555 ท่านพี่ของน้องงงง มโนไว้เสมอว่าเป็นเพื่อนสนิทอิมาริได้นี่ ต่อให้ไม่ได้เจ้าชู้แรดออกลายคาสโนว่าอะไรขนาดนั้น แต่ท่านพี่ไม่ใสแน่น๊อน รู้สึกว่าพวกร้ายๆแต่แอ๊บอ่อนโยนนี่คือมีความเซ็กซี่แฝง~~ ที่เรย์กะชอบเรียกว่าเสน่ห์แบบผู้ใหญ่งี้ 55
>>606 เห็นละ ที่มึงทำถูกแล้วล่ะ แค่เลขกระทู้ผิด กูแก้ให้แล้ว
หรือจริงๆวางเป็น URLทั้งดุ้นไปเลยก็ได้ ไม่ต้องทำ >>> ที่ทำแบบนี้เพราะ ตอนเริ่มแรกที่ทำสารบัญ กูนึกว่าจะเอาไว้ก๊อปใส่ในเม้นท์ตรงๆ ไม่ได้ทำเป็นเอกสารจริงจังขนาดนี้ (ไม่คิดว่าอนาคตจะฟิคเยอะเกือบ50เรื่องขนาดนี้ เชี่ย!)
อย่างไรก็ตาม ตามที่บอกไว้ว่ากูคงไม่ว่างเข้ามาบ่อยๆแล้ว
ถ้ามีคนทำต่อก็ดี ถ้าไม่ก็ไม่เป็นไร... ยังไงกูก็คงไม่ได้เข้ามาอ่านฟิคหรือแต่งฟิคต่อแล้วน่ะนะ... ลาก่อย
มู้หน้าตั้งชื่อเป็นมงคลนะพวกมึง มู้นี้อัปมงคลทั้งแต่ชื่อมู้ยันฟิคและบทสนทนา 5555
วันนี้ทะลุมิติมาไหมมมมม
ขอบคุณทุกคนค่ะ กูอู้งานจนกรรมตามสนอง ต้องไปชดใช้กรรมน่ะ ( ;∀;)
(แถมพักนี้ในกระทู้มีแต่ฟิคจมเรือ... ปกติกูไม่ชอบอ่านอะไรหน่วงๆอยู่แล้ว กูบอบช้ำใจ หนีไปหาอย่างอื่นเยียวยาก่อนละ... orz)
>>642 แม่ง ไม่อยากจะบอกเลย คิดฟิคนี้ไม่ออกก็ไปฟิคนั้นฟิคโน้นฟิคนู้น หมุนเวียนสลับกันไป 3-6 เรื่องได้น่ะ...........แค่กๆๆ
ไอ้ฟิคนี่อาจจะกลับมาแต่งได้บ้าง ถ้านึกเรื่องออกและมีเวลาว่างพอ (แต่อย่างน้อยก็คงไม่ใช่ช่วงเมษานี้ล่ะ)
แต่สารบัญเนี่ย เพราะกูไม่สามารถเกาะติดกระทู้อย่างแต่ก่อนเลยช่วยอัพเดทให้ไม่ได้แล้วอะนะ
//ปลดตัวเองออกจากการเป็นโม่งสารบัญ ถถถ
มู้นี้สิ่งเยียวยาคงเป็นฟิคทะลุมิติ ที่ยังคงมุ้งมิ้งฟรุ้งกะฟริ้งอยู่
นอกนั้นก็สนุก แต่อ่านไปกระอักเลือดไป 55555
กูขอโทษพวกมึงทุกคนที่ทำให้กระทู้หดหู่ กูจะพักเอ็นโจเลี้ยงต้อยไว้ก่อนแล้วเขียนเรื่องใหม่ที่สดใสกุ๊งกิ้งขึ้นมาแทน ; A ; //กราบขออภัยพวกมึง
กูไม่ได้จะจมเรือจอมมารนะ แต่พอดีช่วงนี้นึกพล็อตออกและขยันเลยต้องรีบเขียนก่อน เดี๋ยวจะขี้เกียจแล้วดองยาวๆอีก แต่อะไรที่มันหน่วงๆมาติดๆกันเยอะๆก็ไม่ดีสินะ ขอโทษอีกครั้งนะพวกมึง กูผิดไปแล้ว ; A ; ฟิคนี้นานๆจะลงทีก็แล้วกัน ไปลงสิ่งเยียวยาใจแทน
ต่อจาก >>584-585 ฟิคคู่หูทะลุมิติ
เรามีปัญหากับการเขียนลงจบมากๆ 5555 บางทีเขียนจบไม่ได้ก็เขียนต่อไปเรื่อยๆ หลังๆเริ่มใช้วิธีเขียนถึงตรงไหนก็ตัดจบ วันนี้จะพยายามจบให้ไม่ค้างมากนะคะ...
ป.ล. รักโม่งสารบัญนะ ขอบคุณมากจริงๆที่ที่ผ่านมาคอยจัดเรียงสารบัญให้มาโดยตลอด
............
คาบุรากิลากฉันวิ่งไปตามทางเดิน สะดุดตาผู้คนจนไม่มีทางไม่ตกเป็นข่าว...
นี่นายพาฉันหนีมาดื้อๆงี้เลยหรอคะ... แต่ว่าถ้าเขาไม่ทำแบบนี้ ฉันก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน
เอ็นโจคงคาดไม่ถึงกับวิธีการคาบุรากิแน่ๆเลยค่ะ ถ้าสู้ไม่ได้ก็หนีซะเลย... ฉันไม่แน่ใจเลยว่าระหว่างตัวเองกับเขาใครทำหน้าตกตะลึงมากกว่ากัน
ถ้าฉันเป็นเอ็นโจคงพูดไม่ออก บอกไม่ถูก เพื่อนสนิทฉันเปลี่ยนไปขนาดนี้คงน่ากลุ้มไม่น้อยล่ะนะคะ
คาบุรากิวิ่งเร็วจนฉันหอบแฮก ไปต่อไม่ไหว เลยต้องหยุดพัก
เราวิ่งหนีฆาตกรหรอคะ ถึงต้องทำขนาดนี้...
"คิดว่าที่ไหนที่เอ็นโจจะไม่คิดว่าเราไป"
“ป่าซุยรันไหมคะ”
ฉันเสนอทันที คนแบบ Pivioine คงไม่ไปทำอะไรแถวนั้นหรอกนะคะ
“อือ” คาบุรากิรับคำ มองไปรอบๆอย่างระแวง ก่อนจะเดินทางต่อ
ฉันไม่นึกว่าวันหนึ่งจะต้องมาป่าซุยรันอีกครั้งเลยค่ะ โดยเฉพาะต้องมาหนีเอ็นโจ... คิดไปคิดมานี่มันเรื่องบ้าอะไรกันคะ!!!
เราหลบเข้ามาในป่าที่ลึกระดับหนึ่ง ด้วยความจำของคาบุรากิ ฉันก็ไว้วางใจได้ว่าจะไม่หลงทางล่ะนะคะ เมื่อเราหยุดเดินแล้ว ฉันก็ยิงคำถามใส่เขาทันที
“ทำไมหนีออกจากบ้านหรอคะ?”
“แค่ออกเดินทาง...”
“...”
ทำไมการเดินทางของนายอยู่แค่ห้องฉันคะ แล้วนายเอารถกับคนขับที่มาส่งฉันเมื่อเช้าที่ไหนน่ะ สรุปนายอกหักมาจากวาคาบะจังจริงๆงั้นหรอ... โลกก่อนตอนอกหักจากท่านยูริเอะ หมอนั่นก็ออกเดินทางทำเอาทุกคนวุ่นวายกันไปหมด แต่มาอยู่ห้องฉันก็ดีกว่าไปสถานที่ฆ่าตัวตายชื่อดังล่ะนะคะ
ฉันมองเขาอย่างระแวง หวังว่าการเขามาในป่าแบบนี้ คงไม่ทำให้นายนึกถึงป่าจุไค อะไรแบบนี้นะ...
“ฉันขอโทษค่ะ...”
“หะ? ทำไมล่ะ”
“ก็เพราะวาคาบะจังคิดว่าฉันชอบท่านคาบุรากิ ก็เลยหลีกทางให้แบบนั้นน่ะค่ะ... ฉันขอโทษจริงๆ ฉันเองก็ควรระวังให้มากกว่านี้แท้ๆ...”
ฉันยอมก้มหัวขอโทษ จะยังไงไม่ว่าจะทางตรงทางอ้อม ตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ฉันเป็นส่วนหนึ่งในการทำลายความรักของเขาเองกับมือ...
“ไม่เป็นไรหรอก”
ฉันเงยหน้าขึ้นมา เห็นคาบุรากิมองมาด้วยสายตาอ่อนโยน ทำเอาฉันชะงักอย่างไม่ค่อยชิน เลยกลับไปมองเท้าตัวเอง หัวใจเต้นแรงขึ้นมา
“ฉันยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกนะ จะยังไงก็ต้องทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวให้ได้”
“เอ๊ะ...”
ฉันรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนอยากร้องไห้เลยค่ะ คงเพราะฉันสะเทือนใจกับชีวิตของคาบุรากิมั้งคะ ฉันจึงบอกเขาไปว่าพยายามเข้านะ
เราเงียบกันสักพัก ฉันก็ตัดสินใจพูดขึ้น
“จะว่าไป ขอบคุณนะคะ”
“หืม”
“ก็ที่ช่วยปกปิดเรื่องของฉันไว้ให้น่ะค่ะ”
“อือ” คาบุรากิรับคำในลำคอ ก่อนจะพูดต่อ “แล้วก็อย่าเอาไปบอกชูสุเกะง่ายๆแบบนั้นสิ”
“สถานการณ์มันบังคับนี่คะ อีกอย่างท่านเอ็นโจก็รู้เรื่องโกงแล้วตั้งแต่ต้นล่ะนะคะ อาจจะไม่ได้มีผลกระทบอะไรมาก”
“มันเป็นความลับระหว่างเรานะ”
“...”
พอมาฟังแบบนี้ ฉันรู้สึกอยากเอาหัวมุดหนีลงดินจริงๆค่ะ... ตอนนั้นฉันไม่รู้จะพูดอะไรดีนี่คะ! ฟังดูมีความนัยแฝงยังไงไม่รู้ค่ะ...
“ว่าแต่เรื่องที่ท่านเอ็นโจพยายามจะบอกฉันมันคืออะไรหรอคะ”
คาบุรากิทำตัวบ่ายเบี่ยงทันที ท่าทางไม่อยากตอบเท่าไหร่
“ถ้าเป็นเรื่องน่าอายตอนเด็กอะไรงี้ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ นั่นไม่ใช่ท่านคาบุรากิจริงๆซะหน่อยนะคะ อย่าให้ท่านเอ็นโจรู้จุดอ่อนเราไว้เล่นงานสิคะ”
“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นหรอก...”
“เอ๊ะ?”
ถ้าเป็นเรื่องรั่วๆของนายในปัจจุบัน ฉันก็ไม่ได้ตกใจอะไรหรอกนะคะ... ฉันชินกับมันหน่อยๆแล้วล่ะค่ะ แต่เรื่องที่น่าอายระดับที่คาบุรากิรับไม่ได้คือแบบไหนคะ หมอนั่นแต่งชุดกวาง แล้วลืมติดจมูกหรอ...
ฉันมองผักป่า ในโลกนี้วาคาบะจังคงไม่บุกเข้ามาหาผักไปเหมือนโลกก่อนล่ะมั้งคะ เห็นแล้วรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ ฉันคิดถึงโลกเก่าจริงๆ...
คิดถึงท่านพี่ ท่านแม่และทานุกิ อาโออิจัง ซากุระจัง พวกอุเมวากะ ริรินะกับรุ่นน้องคนอื่นๆ คนที่ในโลกนี้ฉันไม่มีโอกาสได้เจอได้สนิท เป็นเพียงแค่เพื่อนในความทรงจำเท่านั้น... พวกเซริกะจังจะโอเคไหมนะ วาคาบะจังจะเป็นยังไงนะ จะเสียใจมากหรือเปล่าที่ฉันกับคาบุรากิโดนรถบรรทุกชนทั้งคู่แบบนี้ หวังว่านายตัวสำรองจะช่วยปลอบประโลมให้นะคะ
หัวหน้าห้องจะเป็นไงก็ไม่รู้ ขอโทษที่ไม่ได้ช่วยเหลือชีวิตรักของนายจนถึงที่สุดนะ... อิวามุโระอาจจะแต่งหญิงลำบากขึ้นสินะคะ ท่านไอระ อัศวินของฉันจะเป็นยังไงบ้างนะคะ โลกนี้ฉันคงอิจฉาท่านยูริเอะจนท่านไอระรังเกียจแน่ๆเลยค่ะ... คิดถึงยูกิโนะคุง มาโอะจัง และยูริคุงจังเลยค่ะ...
เอ็นโจในโลกนั้นจะเข้มแข็งพอใช่ไหมคะ... ถึงไม่อยากยอมรับ แต่ฉันก็อดรู้สึกเป็นห่วงเขาไม่ได้ คาบุรากิเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขานี่นา
เอ็นโจในโลกนี้แม้จะข่มขู่ได้โหดร้ายจนถึงขั้นวิ่งหนีก็เถอะค่ะ แต่เขาเองคงเจอเรื่องยากลำบากเหมือนกันที่อยู่ๆต้องมาเจอกับคาบุรากิรูปแบบใหม่ที่เป็นคนละเรื่องกับเพื่อนสนิทที่เขารู้จัก
ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงต้องเกิดขึ้นกับฉันด้วยนะ...
“คิโชวอิน...”
คาบุรากิเรียกฉันเบาๆ ฉันคงทำหน้าเศร้าอะไรออกไปมั้งคะ...
“อีกสิบนาทีเธอจะเรียนวิทยาศาสตร์แล้วนะ เราควรกลับไป...”
“หะ?!”
ฉันลืมซะสนิทเลยค่ะว่ามีสอบย่อยวิทยาศาสตร์ ทำไงดีคะ นั่นเป็นจุดประสงค์ที่ฉันมาที่นี่ด้วยซ้ำ...!!!
เห็นแก่คะแนนของฉัน คาบุรากิยอมเสี่ยงตายพาฉันกลับมาอย่างหวาดระแวง รีบส่งฉันที่ห้องและสั่งเสียว่าจะพยายามต้านเอาไว้ให้นานที่สุด รีบไปเถอะ นายคิดว่านายกำลังจะไปสู้กับจอมมารจริงๆขนาดนั้นเลยหรอคะ...
คาบุรากิก็จากไป สาวๆรอบข้างดูตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีใครถามฉันได้ เพราะอาจารย์เข้ามาในแทบจะทันที และก็มีสอบย่อยจริงๆด้วยค่ะ สุดยอดไปเลยนะคาบุรากิ นายจดจำสิ่งต่างๆได้ละเอียดจริงๆ
เนื่องจากคาบุรากิติวให้ฉันคร่าวๆเมื่อวานแล้ว ฉันเลยทำข้อสอบชิวมากๆเลยค่ะ และถือโอกาสออกจากห้องสอบก่อน ส่งเมลล์ถามว่าเขายังมีชีวิตอยู่ไหม ก่อนจะเริ่มออกตามหาเขากับเอ็นโจ
ฉันเดินไปมาจนเห็นทั้งคู่ยืนกันหน้าห้องน้ำหญิง พวกนายไม่มีที่ที่ดีกว่านี้ไปยืนคุยกันแล้วหรอ...
ตอนแรกฉันกะจะเข้าไปช่วยคาบุรากิ แต่ชะงักเมื่อได้ยินชื่อตัวเองในบทสนทนา
“คุณคิโชวอินงั้นหรอ...”
“เหมือนจะอย่างนั้น...”
ฉันมองสีหน้ากลืนคายไม่ออกของเอ็นโจ และสีหน้าหดหู่ของคาบุรากิ ฉันก็ตัดสินใจขอแอบฟังอีกสักพัก พวกนายพูดอะไรกันน่ะ
“ฉันพอเข้าใจแล้ว...” เอ็นโจยอมรับแบบยิ้มขื่นๆ “นายโอเคใช่ไหม”
“อื้ม...แต่ว่าอย่าบอกคิโชวอินเรื่องนั้นเลย”
“เห็นด้วยล่ะนะ...”
เรื่องอะไรคะ??? ฉันอยากให้ตัวเองโผล่มาที่นี่เร็วกว่านี้สักห้านาทีจังค่ะ คุยอะไรกันน่ะ อะไรที่ฉันไม่ควรรู้ หรือจะเกี่ยวกับเรื่องคาบุรากิปิดบัง
แต่ว่า... เป็นไปได้ไหมคะว่าคาบุรากิอาจจะแต่งเรื่องสักเรื่องหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเล่าเรื่องครอบครัวฉัน
“นี่มาซายะ เมื่อไหร่นายจะบอกไปตรงๆซะทีน่ะ จะปล่อยให้ความสัมพันธ์ซับซ้อนแบบนี้ทำไม”
“นายสามารถว่าฉันเรื่องนั้นได้ด้วยหรอ”
“กรณีฉันมันไม่มีทางเลือกซะหน่อย...”
“อ้า...ก็นะ”
ฉันมองภาพหนุ่มป๊อบสองคนทำหน้าขมขื่นใส่กันแล้วมีเบื้องหลังเป็นห้องน้ำหญิงนี่สะดุดตาจริงๆค่ะ อยากกรีดร้องให้พวกนายเปลี่ยนฉากหน่อย แต่ก็เข้าไปบอกตอนนี้ไม่ได้ เท่าที่ฟังมาฉันยังไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไหร่เลยค่ะ แต่ในเมื่อพวกเขาคิดจะปิดบังฉัน ถ้าฉันปรากฏตัวตอนนี้ พวกเขาคงไม่บอกหรอกนะคะ
“จริงๆฉันก็เคยเนียนๆบอกไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่รู้ตัวเลยน่ะ”
“อ๋อ ตอนนั้นน่ะนะ...”
ฉันฟังแล้วรู้สึกหน่วงๆอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ คาบุรากิคงบอกรักวาคาบะจัง แต่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวมั้งคะ ที่สองคนนั้นพยายามปิดบังฉัน บางทีอาจเพราะฉันเป็นสาเหตุที่ทำให้วาคาบะจังตัดใจจากคาบุรากิจริงๆก็ได้ค่ะ...
ฉันพยายามหันหลังและเดินหนีออกห่าง สงสัยว่าคาบุรากิคงบอกเอ็นโจว่าออกจากบ้าน เพราะสะเทือนใจกับเรื่องวาคาบะจัง และตัวฉันเองก็มีส่วนในเรื่องนี้ไม่น้อย... แต่เพราะฉันเป็นเพื่อนกับเขา ก็เลยไม่อยากทำร้ายความรู้สึกมั้งคะ จึงตกลงว่าคงจะไม่บอกฉัน
แต่เรื่องนี้ก็คงทำให้เอ็นโจหายสงสัยเรื่องการหายไปของคาบุรากิได้ดีแล้วล่ะนะคะ...
“แต่ฉันว่ารีบบอกคุณคิโชวอินไปตรงๆเถอะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว...”
ฉันชะงักเท้าที่จะเดินหนี ยืนนิ่งท่ามกลางความเงียบสงบ
“ตอนนี้ฉันจีบยังไม่ติดเลย จะให้บอกรักก็เร็วไปนะ”
ห๊าาาาาาาาาาาาา?!
หมายความว่าไงกันคะ!!! คาบุรากิแต่งเรื่องว่าชอบฉันเพื่อเบนความสนใจงั้นหรอคะ...?
“คุณคิโชวอินน่ะชอบนายมาตั้งนานแล้ว ต่อให้เสียความทรงจำก็ชอบนายไม่เปลี่ยนแปลงหรอกนะ แต่เพราะคิดว่านายยังชอบคุณทาคามิจิอยู่ก็เลยหลีกทางให้”
“คิโชวอินตอนเสียความทรงจำไม่ได้ชอบฉันหรอก...”
ฉันรู้สึกเหมือนสมองเริ่มปิดการรับรู้ทั้งหมดไป รู้สึกตัวอีกทีคาบุรากิกับเอ็นโจก็ไปที่อื่นนานแล้ว คาบุรากิส่งเมลล์มาบอกว่าเขาเคลียร์กับเอ็นโจเรียบร้อย ไม่ต้องเป็นห่วง!
คงแค่แต่งเรื่องโกหกแหละค่ะ... แค่ช่วยปกปิดเรื่องฉันออกจากบ้านเท่านั้นเอง
เมื่อฉันกลับห้องเรียน ทุกคนก็เข้ามาถามอย่างเป็นห่วงว่าเป็นไข้หรือเปล่า ถึงได้หน้าแดงแบบนี้
ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดีเลยค่ะ
ป.ล. พรุ่งนี้ของดฟิค 1 วันนะคะ มีสอบย่อย ควรอ่านหนังสือสักหน่อย 555555
>>642 >>650 เอาใหม่ คิดอีกที ยังไงก็ควรประกาศดรอปไว้ซินะ จะได้ไม่มีใครทวงเก้อ
(เหมือนที่กูเคยทวงฟิควาเลนไทน์ ฟิคท่านแม่ ฟิคสามหน่อ แต่เขาเงียบหายไม่รู้ชะตากรรม //กระซิก)
1) มะหมา
2) เรย์กะความจำเสื่อม
3) ยูกะ story (AUรุ่นลูก)
4) คาบุรากิ side story
5) Golden week (ชูสุเกะ+ยูกิโนะสลับร่าง)
6) งานกีฬาอลเวง
ฟิคในรายนามข้างต้น ถ้าได้แต่งต่อก็ต่อ(พฤษภาเป็นอย่างเร็ว) ถ้าไม่ก็จบแค่ตรงนี้แหละมั้ง...
หรือใครจะเอาไปต่อเติมไงก็ได้ ตามสบาย
รักโม่งซุยรันทุกคน ขอบคุณค่ะ
ม่ายย กุรอAUรุ่นลูกกก แง
ฟิคมะหมานี่เป็นฟิคที่อ่านแล้วกุนั่งยิ้มเป็นคนบ้า
ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมานะ โม่งฟิค กุจะรอคอยโม่งฟิคคนอื่นๆมาต่อฟิคมึง
>>657-658 คาบุชอลเรย์กะแล้วจริงด้วยยย บอกชอบไปเลย มารอจีบให้ติดก่อนคืออะไร เรย์กะยังไม่รู้ตัวว่าโดนจีบเลยนะแล้วจะจีบติดมั้ยย ก็เข้าใจว่าคงไม่เคยจีบใครแบบปกติๆมาก่อนแล้วก็ไม่เคยเห็นเพื่อนจีบใครด้วยเลยไม่รู้วิธี Stepที่คนปกติจีบสาวคือ คุย>แน่ใจว่าชอบ>สารภาพรัก(อาจจะขอคบหรือขอจีบ)>จีบ>สาวเริ่มหวั่นไหว>ขอคบ แบบบบมันต้องสารภาพรักบอกเขาก่อนนน ใครเขาสอนให้จีบๆแบบคลุมเครือแบบเอ็นโจกัน(พาดพิงนิดๆ55555) จะจีบก็ให้สาวรู้ว่าจีบด้วยรู้ว่าเราชอบเขาด้วย
>>661 โม่งสารบัญแต่งฟิคเยอะมากกก เรื่องที่ชอบทั้งนั้นด้วย(น้ำตาจะไหล) ขอบคุณมากๆนะโม่งบัญ ขอมอบโล่โม่งดีเด่นให้เลย รักกกกก
อุกรี๊ดดดดดดด ตื่นมาแล้วดั่งโลกถล่มทลาย โม่งสารบัญแม่งแอบสร้างผลงานไว้เยอะมากอ่า ขอบคุณนะที่ช่วยสร้างชูสุมอยขึ้นมาในโลกนี้ 5555 ขอบคุณที่ช่วยเก็บงานสารบัญอย่างละเอียดยิบด้วย วงน้ำชาที่นี่รอมึงกลับมาเสมอน้า อ่านตอนใหม่แล้วอยากกรี๊ดเมื่อไหร่ก็แวะมา ไม่ต้องมาจัดทำสารบัญหรือลงฟิคก็ได้น้า ไว้สะดวกเมื่อไหร่ค่อยมาต่อยาวๆ กูเข้าใจสภาวะงานเข้าของทุกคน เพราะกูก็เจออยู่ 5555 ไว้พร้อมเมื่อไหร่ค่อยกลับมากู้เรือนะทุกคน กูลงตอนใหม่ไว้ให้ล่ะ โชคดี
ตอนล่าสุดท่านเรย์กะก็ยังใจร้ายกับท่านพ่อเหมือนเดิมม ฮือออ นับวันกูยิ่งสงสารทานุกิว่ะ แบบตั้งใจทำเพื่อลูกแต่กลับโดนว่าใส่เนี่ย ; - ;
>>661 กะรี๊ดดดดด มึงแต่งฟิคอันที่กูชอบทั้งนั้น กอดๆมึงนะ อยากมาเม้ามอย กรี๊ดกร๊าดตอนไหนก็กลับมาได้ทุกเมื่อ พื้นที่นี้เว้นว่างให้มึงเสมอ ส่วนฟิคมึงกูพอรับช่วงต่อให้ได้บางอันอย่าง golden week แต่ไม่รู้จะตรงตามเจตนาเดิม(??) ของมึงรึเปล่า
>>664 ขอบคุณมึงมาก วันนี้มาเร็วโครต กูเลิฟๆทั้งโม่งสารบัญและโม่งแปลเลย
คริสต์มาสท่านเรย์กะอับเฉาชิบหาย กูโศกาอาดูรโครต ต้องปั่นฟิคคริสต์มาสเดทออกมาให้แล้ว อะไรจะแห้งเหี่ยวได้ขนาดนี้ //ซับน้ำตา
ส่วนทานุกิกูก็วงวาร ฮรือออออ อย่าใจร้ายกับพ่อนักสิ นั่นของขวัญมูลค่าเกือบล้านเยนเลยนะ
ช่วงท้ายที่นางรดน้ำต้นโฮย่านี่มันหมายความว่ายังไงอะ คือนางอธิษฐานเรื่องความรักตัวเองหรือนางสาปแช่งเพื่อนสาวที่ได้แหวนกันแน่
ถ้าต้นไม้ตายมันอาจจะพยายามบอกท่านเรย์กะว่าที่อธิษฐานน่ะไม่มีทางเป็นจริงหรอก 55555
ว่าแต่ตอนที่แล้วที่นางพูดว่าปลื้มๆ ที่ได้ใช้ของเข้าคู่กับที่ชอบเนี่ย คิดมั่งไหมนะว่าจอมมารอาจจะรู้สึกเหมือนกัน ถึงได้บอกว่าเป็นผ้าขนหนูผืนโปรด แต่นางดันเอาไปเก็บเฉย...
KY กูรู้สึกว่าเอ็นโจเป็นคนคิดเยอะว่ะ อย่างเรื่องคาบุ นางรู้เยอะแต่ไม่ยักกะยุ่งอะไรกับเขาเลย ยื่นขาไปเสือกบ้างตอนที่เห็นว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ กูว่านิสัยคงเป็นพวกเดียวกับท่านพี่ว่ะ รู้แทบทุกเรื่องแต่ไม่ค่อยอยากยุ่ง มีท่านเรย์กะที่จะยังด้อมๆมองๆอยู่ ทำตัวเหมือนพวกเนียนจีบปะมึง ค่อยๆเข้าใกล้ทีละนิดไม่ให้เหยื่อตื่น ทำให้เขาชินกับตัวเองก่อนงี้ ถ้าจีบมากท่านเรย์กะคงเตลิด ความคิดคุณเธอยิ่งไม่เหมือนคนปกติอยู่ ให้อะไรมากคงปฏิเสธคิดมากกลัวโดนทวงหนี้อีกแน่ //กูทีมข้าทาสจอมมารพยายามกูซากเรืออยู่ 555
กูพิมพ์ผิด *กู้
>>671 กูนึกว่านางกำลังแช่งเพื่อนสาวนางที่ทำตัวหวานแหววกับแฟนข้ามหน้าข้ามตาว่ะ เพราะตอนนั้นก็อ่านคู่มือว่าไม่ต้องรดน้ำบ่อย แต่นางก็ยังรดน้ำให้กลางฤดูหนาว 5555555555555
>>672 กูว่าฮีคงฟินอยู่ในใจเอามากๆว่ะ แต่อยากรู้ปฏิกริยาสองพี่น้องเอ็นโจหลังจากที่คาบุรากิมันไปซื้อมาใช้ตามจัง (ฉากนี้กูแอบจิ้นวายเบาๆ คาบุรากิก็ใช้ของเป็นคู่กับนายไง เอ็นโจ มาเป็นคู่กันตลอดเลยนะ ไม่เว้นกระทั่งผ้าขนหนู ถถถถถถถถ)
>>673 ถ้าเข้าไปจีบตรงๆมีหวังเรย์กะเตลิด ปิดประตูไม่ต้อนรับไปเลยแหงๆ แค่มานิ่มๆเนียนๆแค่นี้ เรย์กะยังระแวงอยากหนีแทบตายละ แต่บางฉากกูว่าฮีก็จีบตรงๆ รุกกันตรงๆไม่อ้อมค้อมเลยนะ อย่างหิ่งห้อยหรือลาเต้ แต่เรย์กะเสือกหักธงทิ้งเอง ไม่เห็นค่า ไม่เห็นความดี ไม่รับไมตรีเขาเอง ให้มันแป้กไปเองกลางอากาศ พูดแล้วกูก็เสียใจแทน ส่วนหนึ่งที่เอ็นโจต้องเนียนจีบ ต้องทำตัวคลุมเครือมันก็คงมีสาเหตุมาจากนางด้วยว่ะ คือฮีก็คงไม่มั่นใจแหล่ะว่านางคิดยังไงกันแน่ เดาความรู้สึกไม่ออก บอกไปกุจะแป้กอีกมั้ย แต่กูมั่นใจนะว่าถ้าเรย์กะแสดงออกซักนิดว่ามีใจให้ ถึงเวลานั้นฮีคงใส่ไม่ยั้งอะ
เรย์กะนี่บางทีก็น่าบ้องหูเหมือนกันนะ คือคนที่นางอคติ นางก็จะอคติตลอดกาลไม่เห็นความดีเขา อย่างทานุกิที่เอาใจแทบตาย นางก็ไปวีนใส่จนพ่อจ๋อย กูไม่ค่อยชอบนิสัยนี้ของนางเท่าไหร่ว่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่ากูไม่ชอบนางนะเว้ย แค่แอบเคืองเบาๆ
>>613 เพิ่งไล่อ่านกระทู้ ตอบช้าไปมั้ยหว่า
คือ...กูมองว่าที่คาบุรากิมันไฟ้ว์เพื่อวาคาบะคือ สองคนนี้รักกันชอบกันง่ะ ต่างฝ่ายต่างมีใจให้กัน เลยมีแรงผลักดันที่จะอยู่กับคนที่รักให้ได้ อีกอย่างคาบุมันเป็นคนตรงๆ บุกไปข้างหน้า แต่เอ็นโจเป็นพวกรอบคอบ ไม่ชอบสถานการณ์สุ่มเสี่ยง ต้องมีแผนรับมือเสมอ ต่อให้ฮีบุกไปบอกพ่อกับแม่ฮีเองว่าผมชอบคุณคิโชวอิน แต่ถ้าคุณคิโชวอินไม่ได้ชอบกลับมันก็เท่านั้นว่ะ ปล่อยให้ฮีสู้คนเดียวแต่เรย์กะไม่เอาด้วยจะมีประโยชน์อะไร อีกอย่างปมบ้านเอ็นโจยังไม่เฉลย ปัญหานี้ฮีแก้ด้วยตัวเองไม่ได้แปลว่ามันต้องใหญ่อยู่นะ เอาเป็นว่ามารอดูกันไปเต๊อะ กูเชื่อว่าระดับอ.ฮิโยโกะต้องมีอะไรเซอร์ไพรส์แน่
>>679 กูเป็นเม้น613เองนะ กูมองว่าเวลาคนจีบอ่ะ ปกติเขาก็ต้องบอกชอบก่อนป่ะ คือแบบเวลามีผชมาจีบกู เขาก็มาบอกว่าขอจีบนะ ไม่ก็บอกว่าชอบนะ เป็นแฟนกันมั้ย หรือแบบบอกชอบแล้วขอจีบไรงี้อ่ะ แล้วพวกที่จีบๆแต่ไม่บอกชัดๆ หรือแบบคุยกันแต่ไม่บอกว่าชอบ มันพวกชอบทำให้ผญคิดไปเองชัดๆ ผญก็ต้องการความมั่นใจป่ะ
พวกมึงเข้าใจกูมั้ยอ่าาา แบบกูก็เข้าใจว่าเอ็นโจกลัวโดนปฏิเสธ แต่ถ้ากลัวมันก็แพ้ตั้งแต่เริ่มแล้วมั้ย ผญที่ไหนชอบผชที่ไม่ให้ความมั่นใจเรา ให้เราคิดไปเองอ่ะ
ส่วนปมเรื่องบ้านกูไม่รู้เพราะมันยังไม่ออกมา แต่กูมองว่าถ้าชอบเขาก็ควรปลดพันธะตัวเองก่อนจะไปจีบเขาได้อ่ะ คนแบบนี้ถึงเป็นลูกผชจริงๆ และอีกเช่นเคยไม่มีผญดีๆที่ไหนชอบผชมีพันธะ
มันเป็นคห.ส่วนตัวกูนะ กูอาจจะอินไป มันขัดใจอ่ะมึง เข้าใจกูหน่อยนะ
>>681 กูไม่ใช่ >>679 นะ แต่กูชอบแลกเปลี่ยนความเห็นกันแบบนี้เพราะรสนิยมแต่ละคนไม่เหมือนกันไง ฉากเดียวกันลงคนละเรือยังตีความไม่เหมือนกันเลย แล้วแต่จะติดฟิลเตอร์ อย่างมึงชอบผช.จีบเปิดเผย แต่บางคนอาจจะชอบให้ผช.เข้าหาแบบน้ำซึมบ่อทรายสไตล์พระรอง พอรู้ตัวอีกทีก็ขาดเขาไม่ได้แล้ว แต่ถ้าพลาดไปก้าวหนึ่งแม่งก็หลุดเข้าเฟรนด์โซนล่ะวะ
จริงๆ กูยังชมเอ็นโจอยู่นะว่าวิธีการของฮีอกจะเนียนๆ คือไม่เปิดช่องให้คนออกมาตำหนิเรย์กะอ่ะ ทั้งหิ่งห้อยที่แอบๆ ส่ง ส่วนลาเต้นี่ฮีคงคิดไม่ถึงว่าจะมีหมาคาบสารไปบอกข่าวคนนอกโรงเรียน แม่ง...พูดแล้วยังเคืองอยู่
กูย้อนกลับไปอ่านแล้วยังแอบมโนเลยว่าตอนถ่ายรูปสมับเรียนประถมที่ฮีปฏิเสธไม่ให้เรย์กะมายืนถ่ายข้างๆ จนต้องไปนั่งข้างคาบุรากิ เพราะไม่อยากให้ใครมาจับผิดเพ่งเล็งอ่ะป่าว หรือกูตีความหนักไปวะ 55555
ต่อๆ ขออภัยเก็บกดใช้ 4G ตอบไม่ได้ เฮือก กูวาสสุดท้ายแล้วอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรื่องนร้ก็คือตัวเรย์กะเองนี่แหละวะ 5555 แฟนๆ จะฟินตัวแตกยังไงนางแม่งก็ไม่ยอมโดคิๆ อะไรกับใครเลย เล่นจะแดกอย่างเดียว แล้วทำเป็นบ่น ท่านเรย์กะโว้ยยยยย
>>681 เออ กูเข้าใจฟีลนั้นเว้ย เวลามีผู้ชายมาจีบ สาวๆก็อยากได้คนโสดไร้พันธะมากวนใจทีหลังนั่นล่ะ
แต่กรณีเอ็นโจมันกึ่งๆว่ะ มันเป็นพันธะที่ฮีเองก็ไม่ได้ไปตกลงด้วย จากคำพูดก็ออกตัวเลยว่าเป็นญาติ เป็นว่าที่คู่หมั้นที่ผู้ใหญ่คุยกันไว้นานแล้ว ซึ่ง "ผู้ใหญ่คุยกันไว้นานแล้ว" นี่ล่ะ ที่เหมือนจะบอกว่าไม่เกี่ยวนะ ผู้ใหญ่เขาคุยกันเอง ผมเปล่าเต็มใจ และไอ้ "ผู้ใหญ่คุยกันไว้นานแล้ว" นี่ล่ะที่มันอาจจะเป็นปัญหาทำให้ฮีปลดพันธะนี้ออกไปไม่ได้ซักที แถมเจอเจ้าแม่จอมหักธงที่จีบเท่าไหร่ๆ หยอดไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็เหมือนจีบฝาผนังบ้าง จีบก้อนหินบ้าง กูว่าเอ็นโจมีความอดทนโครตๆอะ คนอื่นเจอแบบนี้เข้าไปคงหันไปจีบสาวอื่นละ
กูว่าเอ็นโจก็ไม่ได้จีบเนียนอะไรนะ ออกจะเปิดเผยในสไตล์ฮี ไม่ทำแบบนี้กับใคร รอบข้างก็สังเกตเห็นและก็รู้ว่าเรย์กะน่ะพิเศษสำหรับฮี ขนาดอีไก่โง่มันยังรู้เลยว่าเอ็นโจเข้าใกล้เรย์กะทำไม มันห้ามเอ็นโจไม่ให้ทำแบบนี้ไม่ได้เลยมาลงที่เรย์กะแทน มีแต่คนบื้ออย่างท่านเรย์กะนี่ล่ะที่มัวแต่ระแวง ตั้งกำแพงซะสูงลิ่ว แถมซื่อบื้อไม่รู้ว่าเขาจีบ เป็นกู กูรู้ตัวตั้งแต่ส่งหิ่งห้อยมาให้ตามคำสัญญาแล้ว มันบอกนะว่าเขาใส่ใจความรู้สึกเรานะ
กูชอบการดีเบทแบบนี้นะ 55555555 กูสนุกเวลาที่คุยเหตุผลกัน ขนาดเราลงเรือลำเดียวกันยังมีมุมมองต่อเรื่องนี้ไม่เหมือนกันเลย กูอ่านกระทู้บางอันที่ถามว่าจีบตรงๆกับเนียนจีบชอบแบบไหน แต่ละคนตอบไม่เหมือนกันเลย บางคนก็ชอบเนียนจีบไม่ชอบจีบตรงๆ บางคนก็ชอบจีบตรงๆไม่เอาเนียนๆ ซึ่งมันก็บอกยากนะว่าจีบแบบไหนถึงจะดี ยังไงเรื่องนี้มันก็คือชีวิตสโลว์ไลฟ์ของท่านเรย์กะอะน้า รุกจีบเร็วไปแรงไป มีหวังเจ้าแม่เอาพัดฟาดหน้าแล้วไล่ไปไกลๆแน่
>>682 กูว่าตอนนั้นฮีจับได้ว่าเรย์กะชอบมองคาบุรากิบ่อยๆ คิดว่าเรย์กะอาจจะชอบคาบุรากิอยู่ เลยจะชงให้คู่กันตามนิสัยเดิมในคิมิดอลที่คอยชงคาบุรากิกับวาคาบะมั้ง ถ้าเรย์กะอยู่ใกล้คาบุรากิคงมีอะไรสนุกๆให้ดู แต่...การชงของฮีล้มเหลว
จากฟิคหลังเรียนจบ อยากแต่งต่อ แต่คิดไม่ออก เลยออกมาเป็น
พาร์ทเอ็นโจ(หลังเรียนจบ)
-------------------
นับตั้งแต่การหมั้นหมายถูกทำให้ล่มไป แม้ว่าภาพลักษณ์ภายนอกของเอ็นโจกรุ๊ปจะดำเนินต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าเบื้องหลังภายในบริษัทนั้นกลับสาหัสกว่าที่ผมคาดการณ์ไว้
ไม่ว่าจะพนักงาน ผู้บริหาร หรือผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่กลับล้วนแล้วแต่เป็นคนของทางนั้นเสียกว่าครึ่ง ชอนไชกลืนกินจนเสถียรภาพในบริษัทสั่นคลอน ราวกับเป็นแผนการที่วางไว้ ข่าวและเอกสารเท็จเกี่ยวกับการทุจริตที่ถูกปล่อยลือกันภายในอย่างหาต้นตอไม่ได้ จนท่านพ่อโดนสอบสวนในการประชุมผู้ถือหุ้น กระทั่งมีแนวโน้มจะถูกปลดตำแหน่งประธานออกจากบริษัทตัวเอง อำนาจในมือกลายเป็นเพียงเสือกระดาษ ทุกอย่างหนักหน่วงจนเรียกได้ว่าตระกูลเอ็นโจแทบจะไร้ที่ยืนในที่ที่บรรพบุรุษของเราเองก่อตั้งมา ด้วยฝีมือของกลุ่มคนที่ครั้งหนึ่งเรียกว่า "ญาติ"
หากไม่ใช่มิตร-ทองแผ่นเดียวกัน ก็เป็นศัตรูที่ต้องขจัดทิ้งให้สิ้นซาก เขาคงคิดแบบนั้น
ท่านพ่อตัดสินใจลาออกเพื่อไม่ให้เรื่องราวบานปลายจนเกิดการแทรกแซง และส่งมอบตำแหน่งให้กับว่าที่ประธานบริษัท ซึ่งก็คือผมที่กำลังฝึกงานในขณะนั้น ชีวิตในช่วงมหาวิทยาลัย นอกจากการเรียนแล้ว ผมจึงต้องแบกรับภาระและง่วนอยู่กับเรียนรู้การบริหารธุรกิจของครอบครัวที่ระส่ำระส่าย
ในขณะที่ผู้บริหาร หุ้นส่วนและบริษัทคู่ค้าต่างดูแคลนว่าเด็กมหาลัยจะดูแลบริษัทขนาดยักษ์ได้อย่างไร เธอคนนั้นก็มาปรากฏตัว เพื่อเย้ยหยันและปรามาสว่าทุกอย่างเป็นความผิดของผมที่ทำร้ายจิตใจเธอที่เป็นหัวแก้วหัวแหวนของครอบครัว เอ็นโจกรุ๊ปคงจะล่มสลายด้วยน้ำมือของผมเอง พร้อมกับจะยื่นข้อเสนอทางออกที่จะทำให้คนของเธอรามือให้ แน่นอนว่ายาพิษเช่นนั้นผมไม่ต้องการจึงปฏิเสธไปอย่างไม่ใยดี
ผมถลำตัวเข้ากับการทำงานจนถึงขั้นหามรุ่งหามค่ำ เพื่อไม่ให้ทุกอย่างที่มีมาแต่อดีตของตระกูลต้องพังทลายไม่เป็นท่าตามคำครหา จนทำให้ท่านแม่และยูกิโนะต้องเป็นห่วงตลอดเวลา
โชคดีที่นอกจากท่านพ่อแล้ว ก็ยังมีคนที่ไว้ใจได้และพวกเพื่อนๆที่เชื่อใจคอยสนับสนุนให้ความช่วยเหลือ ปลดล็อคออกไปทีละเรื่องทีละอย่าง ในการแสดงความบริสุทธิ์ของท่านพ่อและตระกูล การที่ทำให้ผมได้รับการยอมรับในฐานะประธานบริษัท การทำให้เอ็นโจกรุ๊ปกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง และการทำความสะอาด กำจัดหนอนบ่อนไส้และมะเร็งเนื้อร้ายเหล่านั้นออกไป
แน่นอนว่า 'หากไม่ใช่มิตร ก็เป็นศัตรูที่ต้องขจัดทิ้งให้สิ้นซาก'
จนกระทั่งวิกฤติผ่านพ้น ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มจะเข้าที่เข้าทาง ผมรู้สึกตัวอีกที เวลาก็ผ่านมาหลายปี เพื่อนๆก็ทยอยเข้าประตูวิวาห์กันแล้ว
ครั้งหนึ่ง มาซายะในชุดเจ้าบ่าวตบหลังผมดังพลั่กๆอย่างเต็มแรง กล่าวเยาะเย้ยว่า
"ไม่เป็นไรนะ ชูสุเกะ ในฐานะซีอีโอโรงแรมในเครือคาบุรากิ ไว้ฉันจะสร้างคานทองนิเวศน์โปรเจ็คสำหรับนายเอง!"
ผมได้แต่ยิ้มตอบเงียบๆและแอบกระทืบใส่เท้าเขาเบาๆในตอนเผลอ จนเขาร้องโอ๊ยแล้วหนีไปออดอ้อนเจ้าสาว
ได้ทีล่ะเอาใหญ่เชียวนะ เจ้าบ้าเอ้ย
เพราะมัวแต่ทำงาน แค่ตรวจสอบเอกสารก็แทบจะไม่ได้นอน นอกจากงานเลี้ยงที่เกี่ยวข้องกับแวดวงธุรกิจแล้ว ก็แทบจะไม่ได้พบปะสังสรรค์กับใครเลย
... ต่อให้ไปก็ใช่ว่าจะได้พบกับคนที่อยากเจอด้วยซิ
ปกติแล้วการจะได้เข้าใกล้เธอก็เป็นเรื่องยากจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งพอพวกเราเรียนจบเข้ามหาวิทยาลัย แถมผมยังต้องง่วนกับการทำงานจนแทบลืมวันลืมคืน โอกาสที่จะได้พบเจอกันก็ยิ่งไกลโข
หลายครั้งที่ผมเคยคิดระหว่างพักสมองจากการทำงาน ว่าบางทีช่วงที่ผมวุ่นวายกับบริษัท เธออาจจะพบเจอใครที่ต้องชะตาด้วยไปแล้ว หรือหากว่าหนึ่งในการ์ดแต่งงานที่ได้รับเชิญ เกิดมีชื่อของเธอขึ้นมา... เพียงแค่คิดก็รู้สึกขมขื่น ได้แต่ประคับประคองจิตใจให้ประคับประคองบริษัทให้ไปรอดเสียก่อน
โชคดีที่มันไม่เป็นอย่างนั้น
คุณคิโชวอินไม่ใช่สาวเข้าสังคม การจะพบเจอในงานเลี้ยงก็ยากสุดๆ บางงานก็มา ที่เลี่ยงได้ก็ไม่ร่วม ดังนั้นผมจึงพบเธอในงานแต่งของเพื่อนร่วมรุ่นเป็นส่วนใหญ่
หลายครั้งจะเห็นคุณคิโชวอินเป็นเพื่อนเจ้าสาวผู้เชี่ยวชาญ เพราะทำหน้าที่นี้มาหลายงานแล้ว ไม่งั้นก็มาร่วมงานอย่างโดดเดี่ยว ทักทายบ่าวสาวพอเป็นพิธีก็จิบเครื่องดื่มชิมขนมอยู่ในซุ้มอาหาร ถาดนั้นที ถาดนี้ทีอย่างเพลิดเพลิน พอถึงเวลาโยนช่อดอกไม้ของเจ้าสาว ถึงจะทำอิดออดเดินเข้าไป แต่แววตากลับมีแววกระตือรือร้นลุกโชนอยู่
ทว่างานสามก็แล้ว... งานสี่ก็แล้ว... จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยได้รับช่อดอกไม้กะเขาสักงาน จนมาซายะเดินเข้าไปแซว ก็ส่งสายตาขู่ฟ่อใหญ่ ไม่วายเผื่อแผ่ความเกรี้ยวกราดมายังผมอีกต่างหาก ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ๆ ช่างหวาดระแวงไม่เปลี่ยนจากสมัยเรียนเลยสักนิด
พอมานึกย้อนอดีตดู นอกจากเรื่องราวของตัวผมเองและมาซายะแล้ว ก็เห็นจะมีเรื่องของคุณคิโชวอินนี่ล่ะที่จดจำได้แม่นเสียเหลือเกิน
การเฝ้ามองการกระทำและคาดเดาความคิดของเธอ เป็นสิ่งบันเทิงรายวันให้กับผมเป็นอย่างมากทีเดียว
นับตั้งแต่รู้จักกันมาตั้งเเต่ประถมจนกระทั่งเรียนจบจนทำงานแล้ว นี่อาจเรียกได้ว่าแทบจะทั้งชีวิต แต่ความสัมพันธ์ของพวกเราก็ไม่ได้มากไปกว่าการเป็นเพื่อนร่วมสโมสร... น่าปวดใจจังเลยแฮะ
ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาผมจะรู้ความรู้สึกของตัวเองมาโดยตลอด แต่ก็เพราะในเวลานั้นยังมีบ่วงผูกคอเส้นหนาเกินกว่าจะทำอะไรกับมันเองได้ แถมพะวงว่าอาจพาเธอติดร่างแหจนเดือดร้อนไปด้วย นอกจากนั้นคุณเธอเองก็ดูจะหวาดผวามาซายะกับผมไม่ใช่น้อย แค่จะได้คุยด้วยสักทีก็ต้องทั้งวางแผนหลอกล่อหลายตลบ
แต่ว่าถ้าเป็นตอนนี้แล้วล่ะก็...
"นั่นคุณชายบ้านโมโมโซโนะนี่ สนิทกันน่าดูเลยนะ"
มาซายะเอ่ยขึ้นขณะจิบไวน์แล้วเสมองมาทางผมอย่างรู้ทัน
ผมมองไปทางนั้นเห็นคุณคิโชวอินกับคุณชายที่ขึ้นชื่อว่าคาสโนว่าคุยกันอย่างสนุกสนาน ถึงผมจะรู้อยู่แล้วว่าเขาคนนั้นเป็นเพื่อนของพี่ชายเธอ ไม่ได้มีอะไรเกินกว่านั้น แต่ยังอดขัดใจเล็กน้อยไม่ได้
ไม่ใช่เพียงแค่เขาหรอก ผู้ชายบางคนในงานก็แอบเหล่มองเธอตลอด ออกจะโดดเด่นขนาดนั้นก็ไม่แปลกนักหรอก น่าหงุดหงิดจริงๆ ถ้าหากว่าผมไม่เริ่มทำอะไรตั้งแต่ตอนนี้แล้วล่ะก็...
ผมขยับตัวเดินเข้าไปหาเธอ ปรายตาไปทางพวกผู้ชายเหล่านั้น พอพวกเขาเห็นผมก็สะดุ้งหน้าซีดก่อนจะรีบหลบไปอีกทาง บางทีคงเป็นเพราะข่าวลือเกี่ยวกับ 'การทำความสะอาด' ในเอ็นโจกรุ๊ปที่เล็ดลอดออกไป ไม่รู้ว่าลือกันไปขนาดไหนถึงผวากันขนาดนั้น
รู้สึกโหวงๆเหมือนกันแฮะ ผมไม่ได้อันตรายอะไรขนาดนั้นสักหน่อย
ถ้าไม่ได้คิดจะเป็นศัตรูกันน่ะ
"สวัสดี คุณคิโชวอิน"
"สวัสดีค่ะ ท่านเอ็นโจ"
เพียงแค่ได้ทักทายด้วย ความเหนื่อยล้าจากงานและความหงุดหงิดของผมก็จางไปหายไปแทบทั้งหมด ราวกับได้รับการชำระจิตใจจนปลอดโปร่ง
ตอนนี้ผมไม่มีบ่วงพันธะอย่างในอดีต ถ้าเป็นตอนนี้แล้วล่ะก็...
ผมคงจะสามารถทำอะไรได้ตามปรารถนาโดยไม่ต้องกังวลสิ่งใดอีก ผมจะไม่ยอมวิตกว่าวันหนึ่งวันใดจะได้รับการ์ดแต่งงานที่มีชื่อของเธอบนนั้นอีกแล้ว
นอกเสียจากว่า มันจะมีชื่อของผมอยู่ข้างกับชื่อของเธอล่ะนะ
ช่อดอกไม้ที่รับไม่ได้สักที ไว้คราวหน้าเปลี่ยนเป็นคนโยนเองอาจจะดีกว่าก็ได้
-----------------------
จบไม่ลง เลยจบออกมาน่าขนลุกแปร่งๆ...
น่าจะผิดคาร์แรคเตอร์ไปเยอะ ขออภัยค่ะ ฮาา
จบพาร์ทแค่นี้แหละ เขียนที่อยากเขียนไปหมดแล้ว
>>686 วรั้ยยยยยยยยยย ขอบคุณสำหรับกาวในค่ำคืนนี้ค่ะมึง //กอดๆ
กูชอบประโยค "ช่อดอกไม้ที่รับไม่ได้สักที ไว้คราวหน้าเปลี่ยนเป็นคนโยนเองอาจจะดีกว่าก็ได้" มากๆ 55555555555555555 เป็นคนรับช่อดอกไม้จะไปฟินเท่าเป็นคนโยนเองได้ยังไงกันล่ะเน้อ นายก็รีบๆทำให้เขากลายเป็นคนโยนช่อดอกไม้ซักทีสิ
อ่านไปยิ้มไป น่ารักกกกกก จะรุกแล้วเหรอออออออ เอาเลย รีบงัดมาทุกกลยุทธ์ซะ
มึงไม่ลองเขียนพาร์ทที่ชูสุเกะ ยูกิโนะ ท่านพี่นั่งกันสามคนในห้องแบบญี่ปุ่นดูล่ะ ต้องเต็มไปด้วยรังสีสังหารแน่ๆ 5555555555555555555 จอมมารซิสค่อนปะทะจอมมารสตอล์กเกอร์กับเทวดาน้อย(??) จ้องตากันก็เหมือนมีฟ้าผ่าข้างนอกห้อง อยู่ในห้องก็หนาวขึ้นมากระทันหันไรเงี้ย
โง้ยยนยยย เขินนนนนน คิดถึงตอนที่ต่อฟิคต่อเรือเอ็นโจกัน มันมาก กูคนเสพก็มีความสุข
...ถ้าอยากให้เค้าเป็นคนโยนดอกไม้ หรือยากให้เค้าเป็นชื่อที่อยู่ข้างๆในการ์ดงานแต่ง ก็รีบๆตะครุบนะคะ หลุดมาได้หลายปีแล้ว
สงสัยจะต่อเรือบ่อยจนเบื่อเลยถล่มเรือกันเองเล่นๆให้ตื่นเต้นเร้าใจ-----//ตบปากตามอายุเดี๋ยวนี้ ปฏิบัติ!
อา ขอบคุณสำหรับกาวค่ะ อร่อยมาก กูมีแรงพลังในการทำงานต่อแล้ว กูคิดถึงฟิคนี้มาก คิดถึงการแย่งกันต่อฟิคในวันวาน ถถถถถถถถถถถถถถถ กูรอคนมาต่อ กูอยากให้ท่านเรย์กะได้เป็นคนโยนช่อดอกไม้กับเขาซักทีด้วยคน
อย่าลืมอัพเดทสารบัญนะ โม่งสารบัญไม่อยู่ เราต้องทำกันเองแล้ว ว่าแล้วก็ต้องขอบคุณโม่งสารบัญกับทุกเรื่องที่ผ่านมาด้วย ขอบคุณที่เหนื่อยยากอัพสารบัญแบบอัพเดทเรียลไทม์ให้พวกกูนะ
กูลองแล้วขึ้นนะ ก๊อปlinkวางไปเลย
ตรงสารบัญข้างบนโม่งบัญเอาออกไปแล้ว
กูขอความเห็นนิดนึงนะเพื่อนโม่ง มึงว่าอย่างท่านเรย์กะจะเข้ามหาวิทยาลัยคณะอะไรวะ คือพวกคาบุ+เอ็นโจนี่เหมือนโดนบังคับว่าต้องเข้าบริหารแน่นอนอยู่แล้ว. คนอื่นๆด้วยก็ได้. แบบนายบ้าหมา หัวหน้าห้อง วาคาบะจัง คุณยุยโกะด้วยก็ได้นะ
อีกอย่างๆ คือเหมือนซุยรันก็มีมหาวิทยาลัยด้วยถูกป่ะ แต่ถ้ามหาวิทยาลัยจริงๆแสดงว่ารับนักเรียนสามัญชนเพิ่มเยอะมากๆเลยมะ แล้วอย่างนี้พวกสมาคมดอกโบตั๋นก็อำนาจน่าจะลดลงกว่าสมัยม.ปลายป่ะ หรืออย่างพวกคาบุน่าจะเลือกเรียนมหาลัยโตเกียว/ต่างประเทศไปเลยรึเปล่า. อย่างที่ท่านไอระ+ท่านยูริเอะไปอังกฤษงี้(หรือมันเป็นฟิควะ เริ่มมึนนน)
ดิบตอนใหม่มาแล้ววววว เฮ้ยตอนนี้ฮิโยโกะซังเริ่มมาสม่ำเสมอ กุปริ่มมากกกก
>>697 คิดว่าในมหาลัย Pivione ไม่น่าจะหมดอำนาจแฮะ ยังไงก็คงมีขั้นอภิสิทธิ์พิเศษเหนือกว่าคนทั่วไปอยู่ดี
(สมัยประถม มอปลาย สร้างเด็กให้เหิมเกริมอำนาจขนาดนี้ จะปล่อยลอยแพดื้อๆก็ใช่ที่นะ.....)
ไอระ ยูริเอะเรียนซุยรันต่อ แต่พอเรียนจบยูริเอะ(ในการ์ตูน)ไปทำงานต่างประเทศ
>>697 เห็นมีพูดถึงว่าเรย์กะอยากเรียนคณะเดียวกับท่านพี่นะ ในกรณีที่ถ้านางไม่คิดจะรับราชการแล้วอ่านะ 555 แต่เหมือนมีบ่นว่าการแข่งขันสูง อย่างท่านพี่ก็คงสายธุรกิจ-บริหารเหมือนกันแหละ ก็คงอยุ่กันไปยาวๆกับ 3 หน่อผู้ทรงอำนาจนี่ หรือที่จริงต่อให้นางเกิดเฮี้ยนจะเรียนคณะอื่นที่ประหลาดๆ กุว่าท่านพี่คงกล่อมปนหลอกล่อจนเลือกคณะที่เป็นผู้เป็นคนหน่อยอยู่ดีว่ะ ถถถ
ไปอ่านดิบมาละ
.
.
.
.
.
.
เรย์กะกับคาบุรากิมองมุมไหนสองคนนี้ก็เพื่อนสนิทกันไม่ใช่เรอะ มีการส่งเมลมาอวดว่าวันนี้ทำอะไรแถมยังโทรคุยกันหัวเราะคิกคักอีก แถมท้ายตอนนี่แสดงว่าตอนหน้ามาเจอกันแน่ๆ ได้เจอกันในวันหยุดหน้าร้อน เอ็นโจคะ ปล่อยให้คาบุรากินำหน้าไปจะดีเหรอคะ!!?
ที่กุอ่านดิบมา
.
.
.
.
.
ทำไมกุกลับรุ้สึกว่าทั้งเล่านู่นนี่ บรรยายอะไรมายืดยาว สาระสำคัญที่คาบุรากิตั้งใจจะถามจริงๆคือช่วงท้ายตอนมากกว่า ที่ถามว่าเรย์กะอยู่ที่ไหน 555 เรย์กะเองยังชะงักไปเลย แถมไม่ยอมบอกความจริงอีกตะหาก ถถถถ กุว่าเซ้นส์ตรวจจับสโตรกเกอร์ของนางคือมารุ่งพุ่งแรงสุดๆ แถมเคยมีโวยวายใส่คาบุว่าถ้าเป็นนางมีคนมาตามแบบนี้ จะปรึกษาทนาย คาบุถึงกับสตั๊นท์ กุอ่านแล้วเลยรุ้สึกว่าทั้งตอนี่คาบุคงแค่อยากรุ้ว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน พยายามจะเนียนแต่เรย์กะแอบสัมผัสได้เล็กน้อย 555 มโนกันไป
>>707
.
.
.
.
.
.
กรี๊ด มึงคิดเหมือนกูเลย ข้างบนที่มีคนเม้นว่าสองคนนี้เพื่อนสนิทกันชัดๆ แต่กูรู้สึกว่ามันไม่ใช่อ่ะ คาบุไม่น่าจะทำอะไรแบบนี้กับเพื่อนสนิท แบบอย่างเอ็นโจเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กก็ไม่น่าจะโทรคุยกันงุ้งงิ้งแบบนี้ แล้วตอนถามว่าเรย์กะอยู่ไหนนี่แบบชัดๆเลย แอบรู้สึกดีๆกับเรย์กะแล้วละซิ ที่เหลือก็แค่รอวาคาบะจังหักอกคาบุ รอบนี้คาบุได้หันมาหาเรย์กะจริงๆจังๆแน่ๆ #ติดฟิลเตอร์เรือคาบุโคตๆ
คาบุรากินี่ก็อยากอวยนะ หลังๆโมเม้นท์มาระรัวมาก สองคนนี้อยู่ด้วยกันน่ารักดี แต่หัวคาบุรากิคิดแต่เรื่องวาคาบะจังนี่สิ ก็ต้องรอเคลียร์เรื่องวาคาบะจังล่ะนะว่าจะออกหัวรึก้อย ...นี่มันเคสเดียวกับเอ็นโจที่รอเคลียร์เรื่องว่าที่คู่หมั้นเหมือนกันนี่นา ทำไมผู้ชายเรื่องนี้พันธะเยอะจริงโว้ย //ไปค่ะ กลับไปเกาะเรือท่านพี่ //เรือมิซึซากิก็ยังว่างอยู่นะ(?)
>>712 มิซิซากิก็ติดวาราบะเนี่ยแหละ ดูเป็นเพื่อนสนิทกันก็จริงแต่ก็สนิทกันจริงๆ55555555
แต่กูว่าวาคาบะจังในนิยายโคตสตอง ดูเป็นสาวยุคใหม่ไม่ต้องพึ่งผช แล้ววาคาบะก็ไม่มีท่าทีอะไรกับคาบุเลยแบบแค่เพื่อนสนิทไรงี้(แต่กูว่าวาคาบุรู้ว่าคาบุจีบอยู่) คาบุโดนปฏิเสธแน่ๆ(แล้วมาซบอกเรย์กะซะ5555555)
คาบุรากินี่....ฮีเปลี่ยนใจจากวาคาบะมาหาเรย์กะแล้วเหรอ กูสงสัยตรงนี้ คงเพราะกูอ่านแบบไม่ติดฟิลเตอร์ด้วยมั้ง เลยมองว่าคาบุมันร่ายมายาวๆเพื่อมาอวดเรย์กะว่าไปทำอะไรมาบ้าง
พูดถึงท่านพ่อแล้วอยากอ่านมุมมองที่มีต่อท่านเรย์กะบ้าง คงจะหลงลูกสาวสุดๆ555555555555
กูก็แต่งมุมมองท่านพ่อไว้นะ แต่ขี้เกียจกะทันหันเลยเอาเข้ากรุไป55555555555555555555555
>>715 อ่อ เข้าใจละ
กูเรือเอ็นโจรู้สึกแห้งเหี่ยวโครต ณ จุดนี้ ไม่มีโมเมนต์อะไรมารินรดใจบ้างเลยว้อย
จริงๆกูก็รับได้นะถ้าคาบุมันจะหันมาจีบเรย์กะแทนวาคาบะน่ะ แค่อยากได้ความแน่นอนเฉยๆว่าตกลงเป็นคนนี้นะ ไม่เปลี่ยนใจแล้วนะ จะรุกหน้าจีบเต็มตัวแล้วนะ ไรเงี้ย คือ...อย่าเอาผู้หญิงอีกคนมาอ้างถ้าจะจีบผู้หญิงได้มะ มันให้ฟีลเหมือนเรย์กะเป็นตัวสำรองเวลาฮีอกหักชิบเป๋ง
ซึ่งถ้าคาบุจีบเรย์กะจริง ไม่รู้ทำไม เซนส์ลึกๆของกูมันบอกว่าเอ็นโจคงยอมถอยให้ว่ะ อาาาา พูดแล้วก็ปวดใจจริงๆ 5555555555555555555 เอาเถอะ จุดนี้กูไม่สนแล้วว่าเอ็นโจจะสมหวังกับรักมั้ย กูแค่อยากให้เขาได้พูด ได้บอก ได้ระบายอะไรในใจ ได้เคลียร์ปมของเขาเอง กูก็สบายใจละ
>>716 กูว่าเรย์กะถ้านางอคติคนไหนก็จะอคติไปตลอดว่ะ ทานุกิเนี่ยน่าสงสารโครต ทำอะไรเรย์กะไม่เคยเห็นค่าเลย แถมผลักไสไล่ส่งอีกต่างหาก คุ้นๆกับใครบางคนแถวๆนี้ชิบหาย ถถถถถถถถถถถถถถถถถ
ทำไมช่วงนี้โมเมนท์เอ็นโจมันแห้งแล้งอย่างนี้วะ สงสัยฮิโยโกะซามะหมดโปรโมชั่นสำหรับเรือเอ็นโจแล้ว /ล้องห้าย
อยากย้ายเรือนะแต่ทำไม่ได้ ปลอบกูทีชาวเรือ...
>>714 กุอ่านกลางๆก็รู้สึกจับอะไรแปลกๆจากคาบุรากิ-เรย์กะได้ตลอดเลย มีมาเรื่อยๆน่ะ แต่กุก็ไม่ได้จะอยุ่เรือคาบุนะ จริงๆกุชอบเรื่องที่มันไม่เน้นความรักพระนางมากกว่า กุรุ้สึกมีมิติดี 555 แบบพวกหนัง เพลง นิยาย รุ้สึกว่าพลอตความรักมันเยอะจนเกร่อไปละบางที ถ้าเนื้อหาอื่นกุจะชอบมากกก.... แต่ว่านะ พออ่านเรื่องนี้ซัดไปจะ 300 ตอนอยุ่ละ กุเริ่มคิดว่ามีมั่งมันก็ดีนะ นางชักจะซาฮาร่าเกินละ ถึงจุดเริ่มคิดว่าพลอตนี้มันจะมีมิติเกินไปแล้วววว ขอความแมสๆเพิ่มนิดนึง
มีโมเม้นนึงของสองคนนี้ที่กุชอบมากคือตอนก่อนหน้าดิบปจบ.ไปนิดหน่อย ที่เป็นงานเลี้ยงของเครือคาบุรากิ แล้วคาบุพาเรย์กะเดินหาท่านอิมาริแต่จงใจพาไปทางเดินที่ไฮเดรนเยียบานสวยๆ เรย์กะยังมีคิดแนวๆว่าขนาดเดินเล่นก็ยังต้องเลือกประณีตซะขนาดนี้ คือกุยังคิดอยุ่เลยนะว่าถ้าลงเรือคาบุกุคงกรี๊ดแบบเฮ้ย จงใจพาสาวมาชมดอกไม้สวยๆ แต่พอดีกุเป็นสายชอบเรื่องอื่นเลยขำกับมุกของฮิโยโกะซังมากกว่า ไม่รู้จงใจป่าวนะแต่ไฮเดรนเยียภาษาดอกไม้คือหัวใจที่ด้านชา คือโคตรเหมาะกับเรย์กะมากมาย ยันสวยตายด้าน 5555 ค่อนข้างคิดนะว่าคงไม่ใส่มาเฉยๆเพราะในตอนมีเรื่องเกี่ยวกับความหมายกับพวกตำนานดอกกุหลาบ กุเลยรุ้สึกว่าฮิโยโกะซังเลือกดอกอะไรมาในตอนนั้นคงต้องมีความหมายหน่อยล่ะ ขำดี
>>717 >>718 กุอยากจะบอกว่านี่คือผู้ชายที่กุเชียร์มากสุดในเรื่องละ 5555 คือสงสารรร แบบรักลูกมากเลยนะ โอ๋สุดพลัง แต่หาขนมมาให้ก็โดนบ่นเรื่องอ้วน ทั้งที่น่าจะหามาเพราะของชอบลูกชัดๆ ทีท่านพี่ให้ช็อคโกแลตนี่ดี๊ด๊าเชียว ก็อวนเหมือนกันนะ! ท่านพ่อได้ชื่อว่าเป็นยอดนักชิมก็ด้วย กุว่านี่ก็เพราะเรย์กะชอบกิน แล้วดูใส่ใจกับอาหาร เรื่องงานเลี้ยงก็ยังทำตามที่เรย์กะพูดเรื่องอาหารต้องอร่อย คือแบบบบบ สุดยอดคุณพ่อดีเด่นแห่งปี แต่โคตรโดนทำร้าย ตอนล่าสุดนี่นั่งหงอยเป็นเพื่อนทานุกิเลย ใจร้ายยยย ไปว่าเค้าเป็นผีอีก กุก็คิดนะว่านาฬิกาท่านพ่อคงเลือกเองนี่แหละ กล้วยไม้แคทลียาตอนงานจบการศึกษาสมัยเด็กกุก็ว่าท่านพ่อเลือกเองไม่งั้นคงไม่พราวด์ทูพรีเซ้นขนาดนั้น คือเป็นตัวละครที่อับเฉามาก ได้แต่รอโมเม้นงานฝีมือที่ทำมาแล้วหน้าตาเห่ยถึงจะได้ทำตัวเยาะเย้ยใส่ท่านพี่ ทานุกิ~~~~ ชีวิตมันเศร้าจริงๆ แต่ในแง่พลอตครอบครัวแบบนี้ก็ดีนะ คือต่อให้ทำตัวอิจฉา เขม่น หมั่นไส้ หรือกลั่นแกล้งอะไรท่านพี่ก็ไม่ดูแบบความเห็นขัดแย้งอะ ดูเหมือนอิจฉาแย่งความรักกันมากกว่า อย่างที่ท่านพี่เกริ่นตอนเด็กๆว่าต้องรบกับทัศนคติการบริหารของพ่อในอนาคต ไปๆมาๆพอมีเรย์กะโหมดบ๊องมาอยุ่ก็เห้นประเด็นนี้หายไปเลยนะ มีแต่เกทับใส่เวลาได้ของที่ท่านพี่ไม่เคยได้มากกว่า จริงๆชีวิตครอบครัวโดยรวมดูจะดีขึ้นเยอะ
>>724 ชอบตอนงานทานาบาตะเหมือนกัน ทั้งมาทักตอนที่กำลังเสียท่าให้ไมฮามะแบบได้จังหวะพอดี พาเดินออกมาตอนเจอเอ็นโจยืนอยู่กับยุยโกะ ตอนที่สองคนยืนคุยกันดูดาวด้วยกันนี่บรรยากาศดีโคตรโรแมนติกชวนใจเต้นเลย แต่คุยเรื่องวาคาบะจัง... //ถ้าใส่ฟิลเตอร์อาจจะคุยเรื่องเรย์กะอยู่ก็ได้นะ
โมเม้นท์เอ็นโจเพิ่งมีตอนที่แอบดูมือถือนั่นไง(?) มีช่วยตบหลังให้ด้วยนะ ออกจะน่ารัก(?) ยังเหลืออีเว้นท์กับยูกิโนะคุงอีกนะ เอ็นโจอาจจะโผล่มาอีกก็ได้
เวลาเรย์กะทำช็อกโกแล็ตไร้รสกับคุ้กกี้ไหม้แล้วให้ท่านพ่อเยอะๆ ท่านพี่แบ่งไว้นิดนึง ท่านพ่อก็จะยิ้มเย้ยแล้วพยายามกระเดือกลงไป ส่วนท่านพี่ก็คิดในใจว่าไม่ได้รู้สึกอิจฉาสักนิด ดีใจมากกว่าที่ไม่ค่อยได้กิน
>>714 กุก็คิดเหมือนกันว่าคาบุรากิมันอวดเพื่อเอาคืนตอนที่เรย์กะได้ไปบ้านวาคาบะได้ทานข้าวส่งเมล์ส่งเค้กก่อนอ่ะ แบบว่าฉันได้ไปเดทกับสาวที่ชอบไปนู่นไปนี่นะเออแต่หล่อนนอนเฉาตายที่บ้าน
>>724 ที่บ้านมีบรรยากาศดีได้เพราะเรย์กะบ๊องนี่แหล่ะเพราะเรย์กะจริงใจกับคนในบ้านนะ แถมทำตัวฮาเอาของทำมือให้ถึงจะคุณภาพแย่ไปหน่อย ถ้ามีลูกสาวมาเอาของทำมือให้กุก็รักเพราะหมายความว่าเค้าตั้งใจทำให้เรา ปกติลูกคนรวยไม่ได้ทำแบบนี้ด้วยมั้งจะให้อะไรก็ซื้อเอา มันเลยไม่มีคุณค่าทางจิตใจนะ กุว่าเรย์กะก็รักพ่อนะแต่ชีมีอคติเลยดูงอนๆ ส่วนเรื่องอาหารในงานถ้ามองเมากาวพ่อทานุกิคงคิดว่าลูกสาวเอาใจใส่ตัวเองเพราะตัวเองมีฉายานักชิมแถมในงานมีแต่คนชมด้วย ป๋ายิ่งรักเรย์กะไปใหญ่
Kyแปปนะ
โม่งๆบางคนเวลาพิมพ์คุยระวังเรื่องสปอยกันด้วยเน้อ เข้าใจอยู่หรอกว่าพิมพ์ติดไปแล้วมันลืม แต่มีบางคนที่ไม่ได้เสพสปอย อาจจะโดนดาเมจได้
>>714 กูก็อ่านแบบไม่ติดฟิลเตอร์ ยังรู้สึกว่าคาบุรากิยังไม่ได้เปลี่ยนใจมาหาเรย์กะเหมือนกัน กูมีความรู้สึกเหมือนคอยรายงายให้"ปรมาจารด้านความรัก"มากกว่า55555 เพราะคาบุมาขอให้เรย์กะคอยช่วยเรื่องความรักตัวเอง
ปล.แต่ถ้าเปลี่ยนมาชอบเรย์กะจริงๆกูก็จะยินดีมาก
//เรือเอ็นโจผู้เปลี่ยนมาพาดเรือทุกลำเพื่อรักษาเอาตัวรอด
วันนี้คู่หูมาป่าว???
ky นึกพล็อตได้ แต่ไม่มีปัญญาแต่ง
เรย์กะคิมิดอลที่โดนถอนหมั้น กลายเป็นสามัญชน ขณะที่นั่งรถย้ายออกจากคฤหาสน์ เรย์กะรับไม่ได้กับชะตากรรม ลงจากรถ วิ่งหนีออกมา แล้วหลงทาง ฝนตก ร้องไห้แบบเล่นเอ็มวี จนสลบไป
จากนั้นอุเมวากะที่พาเบียทันออกมาเดินเล่นก็ไปเจอเข้า เห็นท่าทางไม่ดี เลยอุ้มมาที่บ้านตัวเอง
เป็น (อดีต)คุณหนูตัวร้ายกับนายกุ๊ย(บ้าหมา)
อุเมวากะเคยบอกว่าสเป็คสาวแบบปีศาจน้อยเซ็กซี่ เรย์กะคิมิดอลนี่น่าจะพอได้อยู่นะ (อย่างน้อยก็คงไม่ช่างแดรกจนลงพุงแบบในนิยาย เรย์กะคิมิดอลน่าจะเซ็กซี่ได้ 555555555)
>>737 อันนี้เป็นเรื่องนึงนะที่รู้สึกตงิดๆกับคาแรกเตอร์คาบุ คือมันเอ๋อได้ขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย แบบเรียนเก่งมากกกกแถมไม่ใช่แนวนักเรียนมุ่งทุนเลยสนใจแต่เรียนแบบวาคาบะ คือบ้านฐานะระดับนั้นแถมเป็นพวกสายเงินทุน เหมือนจะเก่งเลขอีก กุว่าเอาเข้าจริงมันไม่น่าใสๆไร้เดียงสาเท่าไหร่นะ คือธุรกิจสายเงินทุนนี่ถ้าซื่อใสคงเจ๊งว่ะ ซื่อตรงอะได้แต่ใสไม่ทันคนนี่ประหลาดอยู่นะ เป็นถึงทายาทสายตรงแถมลูกคนเดียว ยังไงก็ผู้สืบทอดชัวร์ มันเลยดูแบบแปร่งๆ คือบางอย่างที่ดูสามัญชนมากๆอาจจะมึนเหมือนปลาน็อคน้ำอันนี้ไม่แปลก แบบคัลเจอร์ช็อคอะ แต่ถ้าเรื่องอื่นยังใสนี่กูรู้สึกแปลกๆ กลัวจะเป็นคนไสยๆซะมากกว่า 55 อันนี้คงต้องรอดูต่อแต่สำหรับกูคิดว่าคาแรคเตอร์คาบุต้องมีอะไรมากกว่านี้ แถมที่มองว่าบื้อๆนี่เรย์กะมองอีกตะหาก นางยิ่งติดเลนส์โลกเบี้ยวอยู่ มองท่านพี่แสนดีได้นี่เอ๊ะ แถมมองตัวเองเป็นวีนัส กูนี่ขอตัดความน่าเชื่อถือ คือเอ็นโจคาแรกเตอร์ยังดูสมกับสภาพแวดล้อมมากกว่านะ แต่เรื่องส่วนใหญ่ไม่เฉลยเท่าไหร่ ปมโคตรจะเยอะ ที่บ้านทำอะไรก็ยังไม่รู้เลยยังวิแคะอะไรมากไม่ออก แต่รวมๆยังรู้สึกว่าบุคลิกไม่ได้ดูมีอะไรแฝง เพราะพวกประเด็นซ่อนนี่แบบประกาศให้รู้ชัดๆไปเลยว่ายังไม่บอกนะจ๊ะ ประเด็นตรึม 55 อีกอย่างคือนิสัยคาบุที่มันช่างสังเกตระดับโมเลกุล จากปกติพวกช่างสังเกตมากๆนี่ไม่น่าแบ๊วว่ะ คือวาคาบะแบ๊วจริงเพราะแม่งไม่สังเกตโลกรอบตัวเลยไง ถถถ จนเรย์กะยังต้องส่งจดหมายให้ทั้งที่นร.นอกคนอื่นเข้ามายังพออ่านบรรยากาศได้นะ คาบุนี่โคตรตรงข้ามอะ ช่างสังเกต จุกจิกกับดีเทล ความจำดีมาก คือถ้าเป็นหนังนี่แนวพวกนักสืบหรือนักวิเคราะห์จิตวิทยาอาชญากรชัดๆ กูโคตรข้องใจกับความไสยนางจริงๆ แถมบางทีก็มีกลิ่นอายหยิ่งอยู่นะแบบฮีดูรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนอีกระดับ จะว่าไม่คิดเรื่องฐานะทางโลกอะไรเลยนี่ไม่น่าละ
.
.
.
.
มีตอนไปทัศนศึกษายุโรป แล้ววาคาบะอยากเข้าไปซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ต คาบุมาเล่าให้เรย์กะยังมีอะไรแนวๆซุปเปอร์มาเก็ตเนี่ยนะ เป็นเธอคิดจะเข้าไปหรอ อ่านแล้วกูชะงักแบบเฮ้ยยย เมิงแอบดาร์กหน่อยๆป่ะวะเนี่ย นี่มันก็แยกชนชั้นอยุ่นะ คือไม่ใช่ดูถูกคนอื่น แต่ก็รับรู้ว่าคนละระดับหับตัวเองอยุ่อะ จนเรย์กะบอกว่านางก็ชอปไปเท่านั้นแหละเงิบไปเลย จบด้วยการขอให้พาไปมั่ง กูรู้สึกว่ามันคือยอมรับเพราะเรย์กะที่รู้สึกว่าเป็นคนระดับเดียวกันยังเห็นด้วยกับการแวะซุปเปอร์มากกว่า เพราะงั้นมันไม่ใสสสสแน่นอนอีคาบุ จริงๆแอบหยิ่งเหมือนกันเหอะ
>>743 ตอนป.1 คาบุมันก็ฝังออร่าเย่อหยิ่งไว้ในตัวเรียบร้อยแล้วไม่ใช่เรอะ เป็นออร่าราชาไม่สนพวกรากหญ้าสามัญชน แล้วฮีก็จะสังเกตเฉพาะสิ่งที่ฮีให้ความสนใจหรือให้ความสำคัญเท่านั้นอะ แต่เป็นการสังเกตแบบเอาตัวเองเป็นที่ตั้งนะ ใช้ตรรกะตัวเองแล้วคิดว่าชาวบ้านเขาจะคิดเหมือนกัน
รวมๆแล้วกูว่าคาบุรากิน่ะตรงไปตรงมา ไม่ชอบอ้อมค้อม แต่ไม่ได้ใสซื่ออะไรง่ะ แค่ไม่แคร์สิ่งที่เห็นว่าไม่เป็นประโยชน์กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคำพูด บุคคล หรือการกระทำ
>>743 กูอ่านละแบบช็อคเคอะ!! แบบเฮ้ย คาบุเอ็งคิดแบบนี้ด้วยหรอวะ
.
.
.
.
กูก็เคยเจอรูปภาพแฟนอาร์ตนะที่ท่านเรย์กะพาคาบุรากิไปเปิดโลกกว้างสามัญชนแต่ไม่ได้อ่านดิบ(ถือว่าสปอยล์ปะวะ ไม่เนอะ) ก็นึกว่าคาบุจะคิดแบบสนใจ ประสบการณ์แปลกใหม่เพื่อพินิจนุ้งวาคาบะไรงี้ ซึ่งเอาจริงๆระดับลูกเศรษฐีผู้มั่งมีส่วนใหญ่ก็น่าจะคิดกันอะไร ไม่ได้คิดว่าคาบุมันจะคิดอะไรประมาณนั้น
>>747
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
จริงๆคาบุมันไม่เคยสนใจสามัญชนเลยเถอะ... ตอนจีบวาคาบะนี่ความคิดแต่ละอย่าง จะพาไปร้านอาหารชั้นสูงงี้ ต้องให้เรย์กะมาเรียกสติว่าจะใช้มาตฐานของยูริเอะมาใช้กับวาคาบะไม่ได้ ถ้าจะจีบวาคาบะก็ต้องใช้ของที่วาคาบะชอบ พอรู้ว่าท่านเรย์กะเคยไปฟาสต์ฟู้ด เข้าคอมบินิ เลยขอให้พาไป
>>746 นึกออกอีกอย่างคือ คาบุมันมั่นใจในตัวเองสูงปรี๊ดเว้ย เกิดมาหล่อ ฐานะดี เรียนดี กีฬาดี ทุกคนห้อมล้อมเอาใจ ทำอะไรก็มีแต่คนเห็นดีเห็นงาม แค่นี้มึงก็มั่นหน้าได้แล้วว่ากูเก่ง กูเจ๋งสุด คาแรคเตอร์แบบโอเระซามะอะ แล้วนิสัยของฮีอีกอย่างคือ ทุกอย่างต้องเป็นเลิศ ต้องที่หนึ่ง ต้องสุดยอด ต้องสมบูรณ์แบบที่สุดไรเงี้ย ไม่แปลกที่ฮีจะจุกจิกเพราะอยากให้มันออกมาดีที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุด ระดับต่ำกว่านั้นฮีจะไม่ชายตาแลเลย ถ้าไม่มีอะไรทำให้ประทับใจจริงๆ ที่ว่าไม่มีคนขัดคงเพราะบารมีและความเก่งของฮีว่ะ คือทุกคนเชื่อมั่นว่าถ้าคาบุลงมือมันต้องออกมาดีแน่ๆ ซึ่งมันก็ดีจริงๆนั่นล่ะ
>>744 มันไม่ได้หยิ่งแบบนั้นไงมึง อันนั้นยังรู้สึกแบบเด็กเชิดๆ ชั้นเก่ง ชั้นฉลาดงี้ แต่ไอตอนที่กูบอกนั่นมันหยิ่งมาแนวๆเรามันคนละระดับกัน ความดาร์กนี่เทียบกันบ่ดั้ยยย กูอ่านแล้วตกใจ หลังจากนั้นเลยจับผิดพฤติกรรมบ่อยๆ ก็มีมาเรื่อยๆเลยว่ะ คาบุรากิ เมิงมันดาร์กกกก คือนอกจากในสายตาเรย์กะดูเอ๋อผิดจากมังงะ นิสัยมันก็ไม่ได้พระเอกขนาดในมังงะด้วยสำหรับกู คือไอแนวพระเอกขี่ม้าขาวผู้พดุงความยุติธรรม ไม่สนใจศักดิ์ฐานะ ช่างเป็นคนดีที่ดูขรึมเท่มาดจักรพรรดิแบบมังงะงี้ คือแบบโน่วววว ตอนนี้เป็นเรย์กะมากกว่าที่ไม่สนใจความต่าง อีคาบุนี่สนเต็มๆ บางทีพูดวิจารณ์อาหารยังมีความแบ่งแยกแฝงมาเลยเหอะ คือกูนี่แอบคิดว่าเผลอๆตอนนี้คนที่ไม่แบ่งแยกเท่าไหร่อาจจาเป็นบ้านเรย์กะมากกว่ามั้ง คาบุนี่มาแนวไม่ได้ดูถูก ไม่แสดงออก แบบไม่ได้ไปยุ่งอะไรมาก แต่เมิงคิดดดด กูไม่สปอยยิบย่อยเพิ่มละกันนะ แต่มีเป็นระยะแหละ รอโม่งแปลโพสไปถึพวกงมึงจะได้เข้าใจฟีลลิ่งเงิบของกู 555 อีดาร์กหลบใน
มู้คุณภาพ.... กูชอบแบบนี้มาก วิเคราะห์กันมาอีกเยอะๆเลยพวกมึง 555555555555
จากคนที่ไม่ได้อ่านดิบล่วงหน้าเพราะกูอ่านไม่ออก เดาจากที่พวกมึงพูดๆกันมา กูพอเข้าใจคาบุรากินะ คือคาบุรากิเกิดมาก็ถูกล้อมรอบไปด้วยสิ่งดีมากๆ สิ่งที่เหล่าสามัญชนเห็นว่าดีแต่สำหรับคาบุรากิอาจจะเห็นว่าแย่ก็ได้ ไม่แปลกที่เวลาจีบวาคาบะจะพาไปแต่ที่ที่ตัวเองเห็นว่าดีที่สุด เป็น the best ในสายตาฮี แต่ถ้ามองในมุมวาคาบะจะรู้สึกว่าของพวกนี้มันมากเกินไป ซึ่งจะคนละแบบกับยูริเอะที่มองว่าของพวกนี้มันธรรมดา เพราะมันเป็นสิ่งที่คนใน Pivoine พบเจอเป็นปกติอยู่แล้ว มันก็ไม่เชิงว่าคาบุรากิมันแบ่งชนชั้นขนาดนั้นอะ 5555
กูกำลังคิดอยู่อีกเรื่องว่าจากเซตติ้งเดิมในมังงะ ตระกูลคิโชวอินนี่คือเชิดหยิ่งหัวสูง ยิ่งเรย์กะนี่ตัวดีเลย ส่วนตระกูลคาบุรากิแลดูจะเป็นคนดีมากกว่าเยอะ แต่ถ้าเทียบกับเวอร์ชั่นหลังเรย์กะแบ๊วโผล่มา กูว่าตอนนี้ฝ่ายที่ลุคน่าจะดูดีคือคิโชวอินมากกว่ามั้ง แถมเรย์กะนี่เที่ยวไปทั่วตรงนู้นตรงนี้ คือกูคิดว่ามันจะไม่มีคนเห็นเลยหรอ ก็ยากป่ะวะ ทั้งทรงผมก็สุดแสนจะยูนีคเบอร์นั้น แถมจากตอนเจอวาคาบะที่เรย์กะคิดว่าหยิบชุดพื้นๆมาใส่ วาคาบะยังทักว่าออร่าคุณหนูจับมากอยู่เลย คิดไปคิดมานี่ระดับท่านแม่แล้วคิดว่าตู้เสื้อผ้าเรย์กะไม่มีชุดที่เรียกได้ว่าธรรมดาอยู่แน่นอน กูคิดว่าตะลอนทั่วขนาดนั้นต้องมีคนเคยเห็นบ้างแหละ แถมมีข่าวลือเด็กต่างรร. รักต่างชนชั้นอะไรนั่นด้วยในตอนน้องแว่น ยิ่งแบบโป๊ะเชะ ถ้าไม่นับในซุยรันที่กลัวนางกันตนขี้หดตดหาย กูว่าภาพพจน์เรย์กะกับตระกูลคิโชวอินนี่คงดีมากประมาณนึงเลย คิดว่าเป็นอีก reverse จากเวอร์ชั่นมังงะที่ตระกูลคาบุรากิภาพพจน์นิ้งกว่า กูก็เห็นด้วยกับ>>722 นะที่อยากอ่านมุมมองเลขามากกก ถึงจะรู้ว่าภาพรวมจริงๆของตระกูลคิโชวอินตอนนี้เป็นยังไง
>>750 คิดเหมือนกูเลย คาบุออกแนวแบบเป็นลูกเศรษฐีไง แม่ก็เลี้ยงมาแบบคุณชาย คือที่คาบุยอมกินเค้กของร้านวาคาบะกูว่าไม่ได้เพราะไม่สนใจความต่างชั้นหรือสนใจแค่วาคาบะ แต่เค้กของร้านวาคาบะอร่อยจริงและน่าจะใช้วัตถุดิบมีคุณภาพพอสมควร ไม่เหมือนเรย์กะที่จะกินอย่างเดียว... แต่พอไปซุปเปอ คาบุก็คงรู้สึกว่ามันเป็นที่ขายของคุณภาพต่ำของสามัญชนประมาณนั้นอ่ะ คือฮีมีอีโก้สูงตามฉบับคุณชาย(ก็ถูกเลี้ยงมาแบบนี้) พอๆกับเรย์กะkimidolceที่ไม่ชอบของสามัญชนเลย แต่เพราะมุมมองของเรย์กะมันมองออกไปแนวว่าคาบุบ้าแทน ทั้งๆที่จริงๆคาบุก็เป็นคุณชายที่ละเอียดอ่อนมากๆ ใส่ใจรายละเอียดสุดๆ เป็นชนชั้นสูงที่แท้จริงที่ไม่ยอมไปยุ่งกับของที่ดูต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเอง แล้วเดาว่าที่ฮีชอบวาคาบะก็เพราะไม่คิดว่าต่ำกว่ามาตรฐานอะไร ถ้ากิริยา มารยาทเทียบเท่าคนชั้นสูงฮีก็รับได้ แถมเรียนเก่งอีก ประมาณนี้อ่ะ
กุว่าที่ไม่ปกติในบรรดาลูกคุณหนูทั้งหลายมันตัวเรย์กะเองซะมากกว่า...
>>750 ง่าาาา กูเข้าใจเว้ยที่บอกหยิ่งแบบเราอยู่คนละชั้นกัน เพราะงั้นคาบุมันถึงไม่ค่อยแคร์สิ่งที่อยู่นอกสายตามันไง เพราะมองว่ามันไม่เท่าเทียม ไม่ควรค่าแก่การสนใจ อีกอย่างฮีอยู่สภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด เลิศที่สุด จะเสียเวลาไปเหลียวแลระดับล่างกว่าทำไม ถ้ามันไม่มีอะไรน่าสนใจจริงๆ
>>755 จากที่นางบรรยายในบทสองคือพวกคุณหนูคุณชายทั้งหลายก็เย่อหยิ่ง แบ่งชนชั้นกันเรียบร้อยแล้วอะ พวกชั้นสูงก็อยู่กับชั้นสูง ชั้นกลางก็มาเป็นเบ๊ให้ชั้นสูง หรือไม่ก็ไม่ยุ่งเกี่ยว พวกชั้นล่างก็พยายามทำตัวจืดๆไร้ตัวตนไม่ให้ไปเตะตาพวกชั้นสูง ถ้าเรย์กะคิมิดอลไม่มีวิญญาณสาวสามัญชนมาสิงอยู่ก็คงเป็นคุณหนูหยิ่ง อวดดี หัวสูงทั่วไปในโรงเรียนแบบที่ท่านพี่พูดนั่นล่ะ
>>753 >>754 คือกูก็เข้าใจนะว่ามันเป็นที่สภาพแวดล้อมด้วยส่วนนึง แต่อีกส่วนมันก็เป็นที่เจ้าตัวด้วยนะ เพราะอย่างยูริเอะ ไอระงี้ ก็มาจากระดับเดียวกับคาบุอะถึงสนิทกันได้ตั้งแต่เด็ก แต่ไม่มีอะไรแนวนี้โผล่มา และแบบไปอยู่โฮมสเตย์มันก็ดูไม่ได้คุณหนูและไม่ยึดติดฐานะประมาณนึงแล้วอะ กลับกันมึงลองคิดภาพคาบุกับโฮมสเตย์... โคตรยากเลย มันคือก็หยิ่งประมาณนึงด้วยตัวมันเองด้วยอะ กูแอบขัดใจที่คนมองมันใส 55
ส่วนเรย์กะคือเป็นเคสพิเศษเพราะเป็นสามัญชนมาก่อน ถ้างั้นคนที่ดูไม่แบ่งแยกจริงๆ แบบไม่ได้สนที่ฐานะ ก็คงมีแต่ท่านพี่~~~ ....ซะที่ไหน!! คือแวบแรกกูคิดถึงท่านพี่มาก่อนเพราะอ่านจากมุมมองที่เคยเล่ามา แต่พออ่านดีๆนี่ชิบละ ดันมีแบบท่านพ่อท่านแม่เหยียดคนธรรมดา -ทั้งที่เค้าเป็นคนเอาเงินมาให้เรา- แนวๆนี้ กุแบบผงะเบาๆ ท่านพี่ววววว นี่มันเรียกว่าเป็นคนยุติธรรมแบบมองผลประโยชน์ป่ะวะ โอเคว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้แบ่งแยกและดูถูก เราจะไม่พูดถึงที่มาแรงจูงใจในการเป็นคนดีละกันนะในจุดนี้ คือทั้งเรื่องมันแพนกล้องไปจับสังคมไฮโซ และบั๊กของทั้งเรื่องก็คงมีแค่เรย์กะคนเดียวที่ใสจริงๆจากภายในถึงภายนอกจะกาลีก็เหอะ กูชอบเรื่องนี้มากเลยตรงที่ฮิโยโกะซังเขียนมาแบบสบายๆ โทนเรื่องเอื่อยแต่รายละเอียดมันเยอะมากกกกอะ กูที่ชอบอ่านนิยายสืบสวนกับชอบดูหนังแนวนี้คือโคตรสนุกเลยตอนอ่าน จับจุดจิ๋วๆที่แทรกไว้ได้เยอะเลยยิ่งรู้สึกว่ามีมิติอะ แบบจะบรรยายนิสัยคนไม่ได้ต้องใช้คำบรรยายว่านิสัยยังไงเลย แค่บอกเล่าเหตุการณ์ไปเรื่อยๆคือนิสัยนี่แสดงออกมาเต็ม มันดูมีมิติมาก กูชอบบบบ อย่างท่านเรย์กะนี่กูก็เคยคิดว่ามาอยู่ร่างนี้ชาตินึงละ นางไม่มีทางคงตัวเองที่เป็นสามัญชนไปได้อะ อย่างมากมันต้องเป็นรูปแบบฟิวชั่น คือความเคยชินมันต้องฝังรากอยู่ละ พออ่านเจอขี้นกนี่โถววว สาบานว่าตอนชาติที่แล้วนางคงเคยเหยียบมาหลายพันกองขี้แน่นอนและคงไม่ได้สะเทือนใจอะไร ชาตินี้เหยียบไปคือแหยงสุดพลัง และดูไม่เฟคตรงที่พูดถึงเหยียบแล้วลื่น แบบดูอี๋จริงๆอะ ซึ่งมันโคตรจะคุณหนูม้ากกกกก สุดท้ายท่านเรย์กะก็ไม่ได้จะติดดินไปซะหมอะนะ แต่ก็น่ารักอยู่ดี 55
เออที่จริงมีคนนึงที่ไม่สนชนชั้นวรรณะฐานันดรและใดๆ ปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมจริงๆไม่ว่าคนชั้นไหน นั่นคืออออออ ท่านอิมาริ~ เสมอต้นเสมอปลายไม่ว่าอีกฝ่ายจะรวยจนสูงต่ำดำขาวเชื้อชาติไหนๆ จะอ้วนจะผอม นี่แหละเจนเทิลแมนตัวจริง 55
>>756 ว่าแล้วอาจารย์แกก็เก่งนะ แต่งเรื่องแนวเด็กธรรมดาสามัญชนที่อยู่ๆก็ต้องมาเป็นคุณหนูได้แนบเนียนดี ไม่เยอะเกินไปมาก แต่ก็หลุดๆความเป็นสามัญชนมาแพลมๆให้ฮาบ้าง พอมาถึงตอนความคิดท่านพี่นี่กูยิ่งชอบ รู้สึกว่ามันใช่มาก ดูเป็นมุมที่ฮาของพวกชนชั้นสูงเขาอ่ะครอบครัวนี้55555555
>>758 คนแต่งนี่แหละสิ่งมหัศจรรย์ของเรื่องเลยสำหรับกู คือทั้งดนตรี ศิลปะ ประวัติศาสตร์ ไปยันอาหารการกิน มันแบบทุกเม็ดมากอะ ถ้าไม่ใช่ว่าคนเขียนเองก็ไฮโซตัวจริง กูนี่กราบเลยถ้าทั้งหมดได้จากการหาข้อมูล โคตรจะรายละเอียดสุดยอดมาก แอบคิดว่าอาจจะเรียนมาทางดนตรีไม่ก็พวกสายอาร์ตหน่อยด้วยรึเปล่าไม่รู้ เวลาบรรยายถึงพวกดนตรีมันดูไม่ธรรมดาเท่าไหร่ มีแพชชั่นซึมออกมาแบบสัมผัสได้เลย แล้วถ้าเรย์กะเล่นดนตรีเก่งมากๆด้วยนี่คงแทบเป็นโนดาเมะ คือพูดจาบางทีก็เพ้อๆเข้าใจยากแถมชอบเปรียบคนกับเสียงเพลงอีก ดูเค้าอินกับดนตรีมากอะ
>>757 กูว่า--จะไฮโซหรือสามัญชน ไม่ว่าใครเหยียบขี้นกสดๆก็ต้องขยะแขยงด้วยกันทั้งนั้นนะ 5555555555555555 แล้วทำไมชาติที่แล้วต้องไปเหยียบหลายพันกองขี้ด้วยวะ ไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับนกซักหน่อย หรือมีใครในกระทู้เคยเหยียบขี้นกหลายพันกองหรือโดนนกขี้ใส่หัวรัวๆวะ แถลงไขกูที
>>760 แสดงว่ามึงไม่เคยไปเดินตามที่โล่งที่มีอะไรสูงๆอยู่ใกล้ๆ 555 เช่นตามลานโบราณสถาน แล้วมีเจดีย์หรือพระปรางค์ตรงกลางงี้ คือพื้นศิลาแลงบางทีแทบกลายเป็นสีขาว เวลาปีนขึ้นเจดีย์ตามขั้นบันไดบางทีก็ไหลย้อย กูก็แหยงนะ แต่เจอบ่อยๆค่อยๆชินว่ะ เสร็จแล้วค่อยไปล้างเอา ถ้าตามวัดเวลาต้องถอดรองเท้าก็พยายามฮึบๆเข้าไว้แล้วออกมาค่อยเช็ด หรือจะตามปาร์คโล่งๆแล้วมีต้นไม้สูงเป็นระยะ พื้นลายพร้อยไม่แพ้กัน แต่ที่แน่ๆกูไมสละรองเท้าที่เหยียบขี้นกทิ้งแน่น๊อนนนน (ปล.กูไม่ได้ทำงานด้านนกๆด้วยนะ แค่เวลาไปดูสถานที่หรือไปเที่ยวนี่เจอบ่อย) แล้วมีที่แนะนำอีกที่คือวัดอโศการาม พื้นขาวไม่พอ เดินตามทางเดินชมธรรมชาติของเค้าเสร็จออกมานี่หมวกมึงก็ขาวด้วยเลยอะ ส่วนถ้าไม่มีหมวกนี่.... อืมนะ แต่เค้าจะมีเตือนอยู่ละว่าควรใส่หมวกแหละ ไม่งั้นโดนผมนี่โอ้ววววว ว่าแล้วก็สงสัยว่าจะเกิดอะไรกับผมโรโคโค่ของนางถ้านกขี้ใส่ขึ้นมา 5555
>>761 อ่อ หมายถึงเรื่องนี้เองเรอะ
แต่เรื่องเหยียบขี้กวางที่นารา ไม่มีใครรู้นี่หว่านอกจากตัวนาง จะบอกใครก็ไม่ได้ด้วย เลยต้องทำฟอร์มว่าที่เดินแปลกๆเพราะโดนเตะ ไม่ได้แอบถูส้นเอาขี้ออก จะเอารองเท้าไปทิ้งตอนนี้เดี๋ยวผิดสังเกต แต่นางก็อี๋ตอนเหยียบขี้กวางเหมือนกันนี่หว่า ส่วนตอนลื่นขี้นก คนเขาเห็นกันทั่ว เลยไม่จำเป็นต้องวางฟอร์มแบบตอนเหยียบขี้กวาง แต่ถ้านางคุณหนูมากๆจะเก็บไว้ทำไมหว่า เสียดายเรอะ แค่รองเท้าแค่นี้ ล้างออกเป็นพิธีแล้วเดินไปซื้อใหม่ จากนั้นเอาไปทิ้งก็สิ้นเรื่องแล้ว ที่ยังเก็บไว้ กูนึกออกแค่ว่ามันเป็นอีเวนท์ปูให้ทำคะแนนกับวาคาบะน่ะ
>>762 ไม่รู้ กูไม่เฉียดไปแถวๆนั้น 555555555555 กูไม่ค่อยเข้าวัดหรือเที่ยวตามโบราณสถานเท่าไหร่ ไม่ต้องเผชิญหน้ากับนกมาก เลยไม่รู้ว่ามันมีอะไรแบบนี้อะ
ตะไมกระทู้นี้ดูวิเคราะห์กันจริงจังจังวะ สร่างเมาจากกาวกันใช่มั้ย 55555
กูหนีไปนอนก่อนพรุ่งนี้ติ่นเช้า
ต่อจาก >>657-658 ฟิคคู่หูทะลุมิติ
อาจจะเบลอๆไปบ้างนะคะ ยาวมากเลย ถ้านั่งตรวจคำผิดคงไม่ได้นอนกันพอดี 5555
ขอโทษนะคะที่ลงดึกไปหน่อย...
..............…….....
(มุมมองเอ็นโจ)
ในที่สุดทุกคนก็ได้รู้ว่าคิโชวอินเปลี่ยนไปขนาดนั้น เพราะเสียความทรงจำบางส่วน
แม้ทุกคนดูเหมือนจะเข้าอกเข้าใจยอมรับกันรวดเร็ว แต่ผมกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล อะไรทำให้คิโชวอินเปลี่ยนไปขนาดนั้น ตามหลักแล้วการเสียความทรงจำ ลักษณะ ท่าทาง ทัศนคติ และการกระทำก็ไม่ได้ต่างจากเดิมมาก หรือถ้าต่างก็อาจจะเหมือนตอนสมัยเด็ก แต่เท่าที่ผมสังเกตมาตั้งแต่ประถม ไม่มีช่วงไหนของคิโชวอินที่เป็นแบบนี้เลย
สมัยก่อนคิโชวอินเป็นศูนย์กลางของห้อง ทุกคนต้องคอยตามใจทุกอย่าง ใครขัดหูขัดตาก็ใช้อำนาจ Pivioine ข่มขู่ลงโทษทุกคนไปทั่ว จึงมีแต่คนต่างกลัวที่จะอยู่ห้องเดียวกับเธอทั้งนั้น
แต่ตอนนี้แม้คิโชวอินจะยังเป็นศูนย์กลางของห้องอยู่เหมือนเดิม แต่กลับกลายเป็นว่าทุกคนต้องการเอาอกเอาใจแทน พยายามให้อีกฝ่ายหันมามอง หันมายิ้มให้ ได้พูดคุยกัน มีผู้คนมากมายอิจฉาคนที่ได้อยู่ห้องเดียวกับคิโชวอิน บรรยากาศในห้องสดใส อบอุ่นปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
มาซายะตั้งแต่คุยคิโชวอินหน้าห้องน้ำครั้งนั้น เขานั่งๆอยู่ก็ยิ้มออกมาเหมือนคนบ้า พูดจาอะไรแปลกๆกว่าเดิม บางทีเขาก็อยู่ในร้านขายต้นไม้เป็นชั่วโมง แล้วจดบันทึกเรื่องลักษณะใบไม้ที่แตกต่างกันทั้งๆที่เป็นพืชชนิดเดียวกัน บางทีก็นั่งศึกษาเรื่องสีผมของคนอย่างละเอียด มีครั้งหนึ่งเขาเอาสีส้มหลายเฉดสีมาวางเรียงแล้วถามผมว่าสีผมคนเรามีครบทุกสีแบบนี้ไหม
เมื่อตารางรายชื่อว่าใครจะลงแข่งอะไรมาถึง มาซายะบอกว่าจะไม่ลงแข่งขี่ม้าส่งเมือง ทุกคนต่างตื่นตกใจกันใหญ่ ไม่รู้ทำไมเขาถึงหยุดลงกีฬานี้ไปอย่างไร้สาเหตุ ในเมื่อเขาลงเสมอทุกปี ผมลองถามๆเขาดู เขาก็เผยออกมาว่าเคยประกาศแล้วว่าจะไม่ลงกีฬาชนิดนี้อีก และเมื่อผมถามว่าประกาศที่ไหนเมื่อไหร่ เขาก็เงียบไม่ยอมตอบ
วันต่อมาหลังข่าวเรื่องจักรพรรดิแห่งซุยรันไม่ลงกีฬานี้แล้วดังไปทั่วโรงเรียน ผมก็เห็นคิโชวอินมาแอบคุยกับมาซายะ เมื่อแอบฟังใกล้ๆ ก็ได้ยินคิโชวอินคุยกับมาซายะประมาณว่า “ไม่เห็นจำเป็นต้องรักษาสัญญาขนาดนั้นเลยนี่คะ โลกนี้ลงแข่งได้อยู่นะคะ”
ที่นายไม่ลง เพราะตกลงอะไรกับคิโชวอินงั้นหรอ... แต่อาจจะมีหนี้หรืออะไรค้างกันแค่ครั้งเดียวมั้ง
งานเทศกาลกีฬามาถึง มาซายะลงวิ่งแข่งแทน และชนะอย่างง่ายดายอย่างเห็นได้ชัด แต่ที่ผมสงสัยมากกว่าคือทำไมคิโชวอินถึงลงแข่งยืมของ แต่ว่าเทียบกับสิ่งที่ผ่านๆมา...ผมไม่ควรสงสัยอะไรอีกแล้วล่ะมั้ง
คิโชวอินได้โจทย์มาก็ชะงัก ทำท่าทางเคร่งเครียด และมองไปรอบๆอย่างร้อนรน ดูเหมือนว่าคงได้โจทย์ที่ยากทีเดียวมั้งนะ
มีคนหนึ่งวิ่งเข้าเส้นชัยไป ทำให้ผมรู้ว่าเราไม่ได้ยืมของ แต่เป็นยืมคนต่างหาก เป็นคนที่มีคุณสมบัติตรงกับที่จับสลากได้ ขณะที่ผมกำลังวิเคราะห์ว่าคิโชวอินจะได้โจทย์อะไร อีกฝ่ายก็ตรงมาหามาซายะ ไม่สนใจผมที่นั่งอยู่ข้างๆมาซายะเลยสักนิดเหมือนเคย
"ท่านคาบุรากิคะ มากับฉันหน่อยได้ไหมคะ"
เสียงฮือฮาดังไปทั่วสนาม ผมค่อนข้างแปลกใจที่คิโชวอินทำอะไรที่เสี่ยงกับการหน้าแตกทั้งสนามขนาดนี้ เมื่อกี้มาซายะเพิ่งปฏิเสธผู้หญิงที่มาขอไปสองคนนะ
จะยังไงคิโชวอินก็ยังคงชอบมาซายะงั้นหรอ ต่อให้ต้องถูกหักหน้าท่ามกลางผู้คนก็ยินยอม... ความรักทำให้เธอตาบอดจริงๆ ทำไมต้องไปชอบคนที่ไม่รักเธอด้วยนะ
ผมเตรียมลุกขึ้นเพื่อทำอะไรสักอย่าง แต่มาซายะก็เดินลงไปจับมือกับคิโชวอิน
ทั้งคู่วิ่งไปตามทางด้วยกัน เป็นภาพที่แปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก ผมรู้สึกไม่รับรู้ถึงเสียงแตกฮือของผู้คนที่ตกใจกับเหตุการณ์เบื้องหน้า
แม้จะแทบเรียกได้ว่าคล้ายปาฏิหาริย์ แต่มาซายะก็พาคิโชวอินเข้าที่สองได้ ทั้งๆที่ตามคนอื่นอยู่เยอะมาก และเมื่อกรรมการประกาศว่าของที่คิโชวอินต้องเอามาคือ “เพศตรงข้ามที่สนิทที่สุด” เสียงแห่งความสงสัย และแปลกใจก็ดังชัดไปทั่ว อันที่จริง คิโชวอินไม่แปลกที่จะคิดแบบนั้น แต่มาซายะกลับยิ้มให้คิโชวอินเมื่อรู้ว่าโจทย์คืออะไร
หนึ่งอาทิตย์ก่อนสอบ แทนที่มาซายะจะตั้งใจอ่านหนังสือสอบแบบทุกที เขากลับพยายามค้นข้อมูลอะไรสักอย่าง ผมเข้าไปเจอโดยที่เจ้าตัวจะโกหกหรือหลีกเลี่ยงก็ไม่ได้ แต่เขาก็ไม่คิดจะหาข้อแก้ตัวอะไร และบอกว่าถ้าผมว่างจะมาช่วยกันทำก็ได้ นายกลายเป็นคนชิวๆสบายๆขนาดนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่...
ตอนแรกผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องไร้สาระที่ช่วงนี้เขาชอบหา แต่พอรู้ว่าเป็นเรื่องพี่ชายของคิโชวอิน ผมก็เลยมาตัดสินใจมาหาด้วยอีกคน
เมื่อค้นไปค้นมา เราก็เจอข้อมูลการโกงของตระกูลคิโชวอิน เป็นหลักฐานที่ผมต้องการมานานแล้วในการจัดการกับคิโชวอิน แต่มาซายะก็ห้ามผมไว้ พยายามทำทุกวิธีไม่ให้ผมได้ข้อมูลตัวจริงนั้นไป ในที่สุดเราก็ทะเลาะกันทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลังสอบเสร็จ ในวันที่ประกาศคะแนนสอบ คิโชวอินได้ที่ 5 คะแนนพุ่งสูงแบบไม่น่าเชื่อ มาซายะเองก็เข้าไปทักทายพูดคุยกับคิโชวอินอย่างสนิทสนม และเดินกลับอาคารไปด้วยกัน ผมแอบเดินตามไปอย่างสงสัย
อะไรทำให้ทั้งสองคนนั้นเปลี่ยนไปขนาดนี้นะ
มาซายะทำหน้าเหมือนเด็กกำลังจะร้องไห้เมื่อพูดอะไรสักอย่าง คิโชวอินก็พูดปลอบเขา ผมเดินเข้าไปให้มากพอที่จะได้ยินว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน
“ฉันคิดว่าเราควรจะอย่าทำตัวสนิทกันในที่สาธารณะเลยดีกว่านะคะ”
"หะ พูดแบบนี้กับเพศตรงข้ามที่สนิทที่สุดของเธอได้ไง”
ผมชะงักกับบทสนทนาของทั้งคู่ พวกนายคุยอะไรกันนั่นน่ะ... คิโชวอินอธิบายเรื่องที่ว่าสิ่งที่มาซายะทำจะมีผลกระทบอะไรกับทาคามิจิบ้าง ทำให้ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมคิโชวอินถึงได้ให้คำแนะนำเรื่องพวกนี้
หรือว่าความจริงคิโชวอินไม่ได้รักมาซายะแล้วจริงๆ?
ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ก็เป็นเพื่อนกันเฉยๆไง” มาซายะถามพลางขมวดคิ้ว
นายนี่มันไม่เข้าใจอะไรเลยหรือไง...
“แต่ว่า... ปกติถ้าผู้หญิงเห็นผู้ชายที่ชอบไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนก็รู้สึกไม่ดีล่ะนะคะ ถ้าท่านคาบุรากิเห็นวาคาบะจังอยู่กับนายตัวสะ...คุณมิซึซากิก็รู้สึกไม่ดีใช่ไหมล่ะคะ”
“แน่สิ หมอนั่นมาจีบทาคามิจินี่”
นายรู้แล้วหรอว่ามิซึซากิชอบทาคามิจิ ไม่น่าเชื่อจริงๆ
“แต่ในมุมมองของวาคาบะจัง ก็คิดว่าฉันมาจีบท่านคาบุรากิอยู่นะคะ เพราะงั้นวาคาบะจังน่าจะรู้สึกแบบเดียวกันก็ได้ค่ะ” คิโชวอินอธิบาย
มาซายะทำสีหน้าแปลกๆออกมา และถาม “แล้วเธอจีบฉันหรือไง”
“ไม่ใช่แน่นอนค่ะ”
“ถ้างั้นก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ไม่มีอะไรให้กังวล”
“แต่วาคาบะจังไม่รู้เรื่องนี้นะคะ”
มาซายะไม่ตอบอะไร อยู่ๆเขาก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมา แต่แฝงแววเศร้าๆอย่างบอกไม่ถูกไว้ ฉันมองเขาอย่างสงสัย
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
“หะ? อ๋อ ไม่ ฉันไม่เป็นอะไร”
“จะว่าไปท่านเอ็นโจไม่อยู่ด้วยหรอคะ”
“ฉันทะเลาะกับหมอนั่นนิดหน่อยน่ะ”
“เอ๋ !”
คิโชวอินตกใจจนมาดคุณหนูหลุด ผมเกือบหลุดขำออกไปเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น
“หรือว่าเป็นเพราะฉันหรือเปล่าคะ...”
เสียงของคิโชวอินดูรู้สึกผิดจนผมรับรู้ได้ถึงความห่วงใย
“ไม่ใช่หรอก” มาซายะตอบแบบไม่สบตา ก่อนจะหันไปหาอะไรสักอย่างมาจากในกระเป๋า แล้วยัดซองสีน้ำตาลใส่มือฉัน “ถือว่าเป็นรางวัลที่คะแนนสอบสูงขึ้นแล้วกัน”
นั่นมันข้อมูลที่หากันนี่นา...
คิโชวอินยิ้มสดใสขึ้นมา มองข้อมูลในมืออย่างปลาบปลื้ม และหยิบมือถือขึ้นมา คงน่าจะส่งเมลล์ให้มาซายะ
ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาจนไม่คิดที่จะหลบไปที่อื่น คิโชวอินที่หันมาเจอผมพอดีก็ดูตื่นตกใจ ท่าทางอยากรีบหนีออกห่างจากผมให้เร็วที่สุด แต่แล้วก็หันกลับมาด้วยสีหน้าเหมือนพร้อมตาย
“ท่านเอ็นโจ ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมคะ”
ผมไม่ตอบ และเผลอจองมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะกดสายตาให้น่ากลัวมากยิ่งขึ้น และเดินเข้าไปใกล้คิโชวอิน เธอถอยหลังหนี
“สะใจที่ลบล้างสิ่งที่ผมเคยพูดได้งั้นหรอ”
ครั้งที่แล้วผมบอกว่ามาซายะคงรังเกียจและไม่มีทางชอบคนอย่างเธอ แต่ตอนนี้ มาซายะดูเหมือนจะเข้าหาคิโชวอินมากขึ้น แม้ไม่แน่ใจว่าเป็นความรักไหม แต่จะยังไงก็ไม่ได้รังเกียจอีกต่อไปแล้วแน่ๆ
“เปล่าหรอกค่ะ ฉันไม่ต้องการพูดเรื่องนั้น”
คิโชวอินพูด ท่าทางตัวสั่นๆ แต่ก็ฝืนพูดต่อออกมา
“ท่านเอ็นโจทะเลาะกับท่านคาบุรากิเพราะฉันหรือเปล่าคะ”
“คุณมั่นใจว่าคุณมีค่าพอที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนั้นงั้นหรอ”
สุดท้ายสิ่งที่คิโชวอินต้องการรู้ ต้องการคุยกับผมก็เป็นเรื่องของมาซายะอยู่ดีสินะ...
“ฉันก็หวังว่าตัวเองจะไม่มีค่าพอที่ทำให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเหมือนกันค่ะ”
ตอนนี้รอยยิ้มของผมเย็นยะเยือก
“คุณทำอะไรกับมาซายะ”
ผมถาม และเดินเข้าไปใกล้อีก คิโชวอินถอยหลังหนีจนติดผนัง
“ฉันไม่ได้ทำอะไรค่ะ แต่เข้าใจค่ะว่าสิ่งที่ฉันเคยทำมันเลวร้ายมากๆ ไม่แปลกที่ท่านเอ็นโจจะระแวงฉัน” คิโชวอินพูด “ฉันเองก็รับตัวเองในตอนนั้นไม่ได้เหมือนกันค่ะ...”
ผมมองคิโชวอิน แม้จะยิ้ม แต่ดวงตาไม่สามารถยิ้มตามไปด้วยได้เลย
“ต่อให้คุณไม่ได้โกหก แต่ความผิดที่คุณเคยทำมาก็ไม่หมายความว่าจะถูกลบล้างได้” ผมพูดอย่างสงบนิ่ง แม้ในใจรู้สึกหงุดหงิดจนอยากทำลายทุกอย่างทิ้ง “อีกอย่างต่อให้ตอนนี้คุณอาจจะรู้สึกผิดจริง แต่วันหนึ่งเมื่อความทรงจำของคุณกลับมา คุณก็อาจจะกลับไปเป็นเช่นเดิม”
“ถ้าเป็นแบบนั้น บางทีฉันอาจจะกลับไปทำตัวแย่ๆกับท่านคาบุรากิก็ได้ เพราะฉะนั้น...ท่านเอ็นโจ ได้โปรด คืนดีกับท่านคาบุรากิได้ไหมคะ... ฉันรู้ดีว่าไม่สิทธิ์ก้าวก่าย แต่ว่าตราบใดที่ฉันยังเป็นตัวฉันในตอนนี้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”
ผมไม่ตอบอะไร ในใจรู้สึกจุกอย่างบอกไม่ถูก
ไม่ว่าจะก่อนเสียความทรงจำหรือหลังเสียความทรงจำ ก็ยังคงรักมาซายะไม่เปลี่ยนแปลงงั้นหรอ... เพียงแค่ตอนก่อนเสียความทรงจำ คิโชวอินจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองคนที่รัก แต่ในตอนนี้เหมือนยอมเสียสละทุกอย่างขอให้คนที่รักมีความสุข
“ท่านคาบุรากิเสียใจจริงๆนะคะที่ทะเลาะกับท่านเอ็นโจ” คิโชวอินพูดต่อไป “ถ้าเป็นเรื่องของฉันล่ะก็ แทนที่จะแตกแยกกันเอง มาร่วมกันคิดอะไรแก้ปัญหาหรือสู้กับฉันแบบนั้นไม่ดีกว่าหรอคะ...”
ผมพยายามคงรอยยิ้มเย็นชาไว้ แต่รอยยิ้มก็กระตุกนิดหน่อย ไม่รู้อะไรเลยสินะคิโชวอิน...
“ไม่รู้เลยสินะว่ามาซายะ...”
“กำลังทำอะไรกันน่ะ!”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ผมหันไปมอง มาซายะงั้นหรอ ทำไมนายถึงได้กลับมาที่นี่???
เขายืนคั่นกลาง บังคิโชวอินเอาไว้เหมือนกำลังปกป้อง แล้วเผชิญหน้ากับผม
“ฉันเคยบอกแล้วว่าคิโชวอินไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว นายไม่ควรมาข่มขู่เธอแบบนี้อีก” มาซายะพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
ผมหยุดยิ้ม และพูด “นายก็รู้เรื่องของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง นายเองก็เห็นกับตา ตอนที่นายหาข้อมูลนั่น ทำไมยังปกป้องผู้หญิงคนนั้นอยู่”
“เพราะมันไม่เกี่ยวกับตัวคิโชวอินน่ะสิ” เขาพูดอย่างหนักแน่น
ทำไมถึงต้องปกป้องคิโชวอินขนาดนั้นนะ... เมื่อไหร่กันที่ทั้งคิโชวอินและมาซายะเปลี่ยนไปขนาดนี้
ผมถอนหายใจ ก่อนจะพูดว่า “นายพูดก็ถูกล่ะนะ แต่ว่าต่อให้คุณคิโชวอินไม่ผิด ถึงยังไงคนอื่นๆก็ผิดอยู่ดี เพราะงั้นคงปล่อยไปเฉยๆไม่ได้หรอกนะ”
ผมยิ้มโหดเหี้ยมอย่างอดไม่ได้ น่าหงุดหงิดชะมัดเลยจริงๆ
“ถ้าอยากให้ฉันปล่อยเรื่องนี้ไป ก็มีเงื่อนไขอยู่อย่างหนึ่ง”
“ก็ได้” คาบุรากิตอบ “มีอะไรว่ามา”
ผมหันมามองคิโชวอินแวบหนึ่ง ตอนนี้ถ้ามาซายะติดหนี้ผม อะไรก็อาจจะง่ายสำหรับผมล่ะนะ
“ขอเก็บเอาไว้ก่อนแล้วกัน ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้”
ผมเดินจากไป หัวใจตอนนี้เต้นแรงกับสิ่งที่เริ่มไม่สามารถเข้าใจได้ เช่นเดียวกับที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคิโชวอินซึ่งเปลี่ยนไปทุกอย่าง ความรู้สึกที่มีต่อมาซายะก็ยังไม่ต่างจากเดิมอยู่ดี...
ต่อมาไม่นาน ผมก็นึกวิธีอะไรดีๆได้ เลยบอกให้มาซายะมาหา หมอนั่นทำหน้าเมื่อรู้ตัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น เลยบอกว่าขอส่งเมลล์แปบหนึ่ง ทำหน้าเหมือนกำลังสั่งเสียก่อนตาย ผมแอบเห็นว่าเป็นเมลล์ของคิโชวอิน ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
พอจัดการเคลียร์กับมาซายะเสร็จ สายข่าวของผมก็บอกมาว่าคิโชวอินเอาตัวไปขวางรับกาแฟร้อนแทนทาคามิจิ วันต่อมาสายข่าวอีกคนก็บอกว่าคิโชวอินจัดการกับคนที่มาขีดเขียนรองเท้าของทาคามิจิได้อย่างดี ด้วยความเท่และนิสัยน่ารักในปัจจุบัน ตอนนี้แฟนคลับสาวๆของคิโชวอินแทบจะมากกว่ามาซายะอยู่แล้ว...
ผมไม่ได้คิดอะไรต่อจากนั้นมากนัก ตอนนี้ยูกิโนะคุงอาการกำเริบบ่อย จนต้องตัดสินใจรีบพาไปโรงพยาบาล คนขับรถเหยียบคันเร่งมิด กลัวอาการจะหนักเมื่อไปไม่ทัน
ผมเห็นใครสักคนเดินข้ามถนนมาพอดี ตอนนี้ยากที่จะเบรกได้ทัน หัวใจของผมหล่นวูบ แต่ตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาผลักผู้ชายที่เดินข้ามถนนอยู่ไปที่ปลอดภัย และตัวเองก็ยอมโดนรถชนแทน
คิโชวอินงั้นหรอ?!
ผมเอื้อมตัวไปแย่งพวงมาลัยจากคนขับที่กำลังช็อก หักหลบไม่ให้ชนคิโชวอิน โชคดีที่หลบได้ทันเวลา แต่คิโชวอินก็สลบเป็นลมไปแล้ว... ผมอาสาพาไปโรงพยาบาล คนที่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเป็นพี่ชายของเธออุ้มเธอขึ้นรถมา
ตอนคิโชวอินฟื้นขึ้นมา แล้วรู้ว่าที่คนขับเร่งความเพราะต้องการพายูกิโนะเข้าโรงพยาบาล เธอตกใจจนอุทานอย่างเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด ทำไมเธอถึงทำเหมือนรู้จักน้องผมเลยนะ... พอผมถามไป คิโชวอินก็ทำท่าทางมีพิรุธ
ยูกิโนะเข้ามาขอโทษคิโชวอินด้วยตัวเอง สายตาคิโชวอินอ่อนโยนอ่อนหวานขึ้นมาทันที แล้วคุยกับยูกิโนะด้วยสีหน้ามีความสุข
ทีกับผมนี่ไม่เคยทำแบบนั้นเลยนะ...
ไม่นานก็ถึงวันงานเทศกาล ห้องของผมทำร้านคาเฟ่ ผมเลยอาสาเป็นบาริสต้าด้วยแผนการบางอย่างในใจ
พอเห็นคิโชวอินโผล่มาในร้าน ผมก็หยุดทำกาแฟให้คนอื่น และยกถ้วยกาแฟที่มีลาเต้อาร์ตรูปกระต่ายวางให้อีกฝ่าย และบอกว่า "ยูกิโนะฝากมาขอโทษในวันนั้นน่ะครับ"
คิโชวอินตอนแรกเหมือนหวาดกลัว แต่พอถึงยูกิโนะก็ยิ้มออกมา
"ฝากนี่ให้ยูกิโนะคุงด้วยได้ไหมคะ เรื่องนั้นฉันเองก็มีส่วนผิด” คิโชวอินหยิบเทียนแฮนด์เมดออกมาให้
"ด้วยความยินดีครับ" ผมพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นอีกเล็กน้อย ให้ทุกคนในที่นั่นได้ยิน เสียงฮือฮารอบร้านตามที่คาด
"ท่านเอ็นโจทำลาเต้พิเศษให้ท่านเรย์กะงั้นหรอ! ทั้งๆที่ไม่มีบัตรคิวนี่นะ”
“แล้วท่านเรย์กะเองก็ให้เทียนทำมือกลับด้วย!”
“หรือว่าจะเป็นของแทนใจงั้นหรอคะ!?”
“เอ๋ หรือว่าที่ท่านเรย์กะเลิกยุ่งกับท่านคาบุรากิ เป็นเพราะคบอยู่กับท่านเอ็นโจงั้นหรอคะ! ! !”
“มิน่าล่ะ หลังๆท่านคาบุรากิเองก็มาสนิทกับท่านเรย์กะ เพราะเป็นแฟนของเพื่อนสนิทนี่เอง!”
ผมเห็นคิโชวอินทำท่าเหมือนสำลักลาเต้ที่กำลังดื่มอยู่ และพยายามคัดค้านข่าวลือที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเท่าไหร่ เธอหันมามองผม ผมก็ยิ้มตอบกลับไป
แต่อยู่ๆเสียงทั้งหมดก็เงียบไป ทุกคนกลับจับจ้องไปที่ที่เดียว
“คิโชวอิน เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
มาซายะปรากฏตัวและพุ่งไปหาคิโชวอินแบบไม่สนใจคนอื่น เขาสำรวจคิโชวอินสักพัก ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับผมอีกครั้ง
“คิดจะทำอะไรน่ะชูสุเกะ”
“ก็ไม่มีอะไรนี่”
ผมตอบรับยิ้มๆ คนในร้านเงียบกริบมองมาซายะกับผมสลับกันไป
“ถ้านายคิดจะทำอะไรคิโชวอินล่ะก็ ต่อให้นายเป็นเพื่อนฉัน ฉันก็ไม่ปล่อยไว้หรอกนะ”
“งั้นหรอ มาซายะ”
เอ็นโจยิ้มรับ แต่รู้สึกได้ว่ารอยยิ้มของตัวเองคงน่ากลัวไม่น้อย เพราะมาซายะเองก็ดูหวาดๆขึ้นมา แต่ก็ยังไม่คิดจะเปลี่ยนคำพูด เหมือนรู้ว่าสู้ไม่ได้ก็ยังพยายามจะสู้
ขณะที่ทุกคนในร้านกำลังตึงเครียดกับสถานการณ์ ไม่มีใครกล้าทำเสียงอะไรเลย ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ก็มีเสียงถาดหล่นดังสนั่นไปทั่วร้าน
“ขอโทษค่ะ” ทาคามิจิที่เพิ่งออกมาจากหลังร้านพูดขณะรีบนั่งลงเก็บคุกกี้ที่ตกและเตรียมทำความสะอาด คนในห้องก็เบนความสนใจไปที่วาคาบะจังทันที
“คุณทาคามิจินี่เก่งด้านเรียกร้องความสนใจจังเลยนะคะ”
ใครสักคนในนั้นพูด เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น
“อุ้ย ขอโทษค่ะ”
มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งเดินไปเหยียบมือทาคามิจิ
“ไม่ระวังเลยนะคะเนี้ย คุณทาคามิจิ”
“นั่นสินะคะ” คิโชวอินพูดขึ้น “ไม่ระวังเลยจริงๆ”
ทุกคนกลับไปเงียบกริบเหมือนเดิม คิโชวอินส่งยิ้ม พร้อมหันไปมองคนที่เหยียบมือทาคามิจิ
“ยังกล้าว่าคนอื่นว่าไม่ระวังอีกงั้นหรอคะ”
“เอ๊ะ...ท่านเรย์กะ” ผู้หญิงคนนั้นหน้าซีด
ผมมองเหตุการณ์นั้นอย่างตกตะลึง แม้จะเคยได้ยินมาก่อนก็เถอะว่าเธอเคยปกป้องทาคามิจิ แต่ไม่คิดว่าจะทำในรูปแบบอย่างนี้ ตอนนี้เธอดูงามสง่าราวกับจักรพรรดินีที่ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผู้คนด้วยความยุติธรรม สายตาที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส ก็สะท้อนถึงความเย็นชา ใครก็ตามที่ได้เห็นคงเขาอ่อนจนไม่กล้าแม้แต่จะพูดขัด
“ทาคามิจิ ไม่เป็นไรใช่ไหม ไปห้องพยาบาลกันเถอะ”
มาซายะมาดูทาคามิจิอย่างอ่อนโยน ผมเห็นคิโชวอินมองทั้งสองคนนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า เหมือนเสียใจจนไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว
เวลาต่อมาผมก็ออกจากร้านทันทีที่รู้จากสายข่าวใครกำลังมา ยังไงก็คงต้องหนีสักพักล่ะมั้ง
ผมแอบไปดูที่ร้านของห้องคิโชวอิน อีกฝ่ายมานั่งเศร้าๆเฝ้าร้านอย่างที่คิด พอผมเห็นคนที่ต้องการหลบเดินผ่านออกไปแล้ว ก็เข้าไปทักทายคิโชวอิน อีกฝ่ายไม่ได้หวาดกลัวผม ดูเหมือนว่าการเห็นมาซายะกับทาคามิจิหวานแหววกันจะบั่นท่อนกำลังใจของเธอมากทีเดียว
พอได้คุยจริงๆ คิโชวอินเป็นคนที่ตลกจนน่าแหย่เล่นเอามากๆ ทำให้ผมที่เคร่งเครียดกับว่าที่คู่หมั้นเมื่อกี้ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา คิโชวอินถามนู้นนี้ผมอย่างสนใจแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แม้บางคำถามจะดูคล้ายๆมาซายะตอนรัวๆก็เถอะ
ตอนผลสอบรอบสองออก ผมแอบเห็นคิโชวอินทำหน้าตกใจแบบเหลือเชื่อ ก็รู้สึกฮาก๊ากในใจ พอผมทักว่านั่นไม่ใช่ผลสอบปีเรา คิโชวอินก็พยายามกลบเกลื่อนไปเรื่อย น่ารักจังเลยนะ
แต่เมื่อคิโชวอินเห็นมาซายะพูดอย่างสนิทสนมกับทาคามิจิ คิโชวอินก็เดินออกไปเลย ทั้งๆที่จะยังไม่ได้ดูคะแนนด้วยซ้ำ สายตานั้นเจ็บปวดมากจริงๆ ถึงอยากเข้าไปปลอบ ผมก็ได้แค่มองเท่านั้น
วันวาเลนไทน์มาถึงอย่างรวดเร็ว เป็นวันที่น่าเบื่อสำหรับพวกผม จนอยากจะหยุดเรียน ผมเห็นคิโชวอินถือช็อกโกแลตเดินไปมาทั้งวัน ในที่สุดก็ให้มาซายะ ผมไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่นัก แต่ว่ามาซายะก็ยอมกิน ทั้งๆปกติหมอนั่นไม่ยอมกินขนมทำมือแท้ๆ
ผมแอบเห็นการ์ดแนบอยู่ในนั้น พอมาซายะไม่เห็น ผมก็แอบหยิบมาดู มันเขียนไว้ว่า “ถึงนายอาจจะไม่เคยเห็นฉันอยู่สายตา แต่ฉันก็แอบชอบนายมาตลอดนะ”
หัวใจของผมกระตุกวูบอีกครั้ง ข้อความในนั้นถูกย้ำซ้ำๆในหัว
มาซายะทำความสะอาดกล่อง และกระดาษห่ออย่างดี ก่อนจะวางไว้ข้างเตียงในห้องนอน
“นายชอบคิโชวอินงั้นหรอ”
ผมลองถามดู มาซายะสะดุ้งและหน้าแดง ตอบรับในลำคอเหมือนไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ
คงสู้ไม่ได้...
มาซายะถามผมว่าควรจะจีบผู้หญิงยังไง ผมเลยแนะนำเท่าที่นึกออกในสภาวะเจ็บปวดแบบนี้ และบอกเสริมไปว่าต้องจีบให้ติด ให้มั่นใจก่อนว่าอีกฝ่ายชอบ แล้วค่อยสารภาพรัก แบบนี้จะยืนยาวกว่า มาซายะก็พยักหน้าอย่างตั้งใจ
ว่าแต่นายตัดใจจากทาคามิจิแล้วหรอ... พอถามเรื่องนี้ไป เจ้าตัวก็ยิ้มฝืนๆกลับมา ซึ่งไม่ช่วยอธิบายอะไรเลย
วันต่อมาเกือบหมดช่วงพักเที่ยง ผมเห็นมาซายะนั่งซึมในสโมสร พอไปทัก หมอนั่นก็เอาแต่พูดว่า “อย่ารู้จักฉันไปมากกว่านี้เลย...” พูดซ้ำๆราวกับโดนคำสาป
เกิดอะไรขึ้นน่ะ...
สายข่าวผมรายงานมาว่าคิโชวอินถูกประธานฟุตบอลสารภาพรักมา มาซายะก็ไปลากคิโชวอินออกมา พร้อมส่งสายตาเย็นชาแบบจักรพรรดิให้ทุกคนในที่นั้น
มาซายะนั่งจุ่มอยู่ตรงนั้นไม่ยอมไปเรียน สุดท้ายตอนเลิกเรียนจึงดักเจอคิโชวอิน แล้วเล่าที่เกิดขึ้นให้ฟัง ก่อนจะเดินไปที่สโมสรด้วยกัน ผมปล่อยให้คิโชวอินไปคุยกับมาซายะ และยินฟังอยู่ข้างๆ
“ท่านคาบุรากิคะ”
“เมื่อกี้ฉันล้อเล่นค่ะ”
“ล้อเล่น...?”
“ก็ท่านคาบุรากิล้อเล่นมาก่อนนี่คะ ไม่ได้ถามจริงๆใช่ไหมล่ะคะเรื่องขอเป็นแฟนน่ะค่ะ”
หะ?! นายขอเป็นแฟนมาแล้วงั้นหรอ!!!
คาบุรากิตอบงึมงำในลำคอ
"ถ้าเมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดล้อเล่นก็ตกลงเป็นแฟนใช่ไหม"
"อ้า..."
"ฉันเลวร้ายขนาดนั้นเลยสินะ..."
มาซายะทำหน้าเหมือนเด็กน้อยใกล้ร้องไห้ ผมเห็นภาพน่าสะเทือนใจแทนมาซายะที่คิโชวอินปลอบว่าเขาไม่ได้แย่ขนาดนั้น ถ้าเขามาขอ เธอก็ตกลงเหมือนกัน เพราะงั้นเลยให้กำลังใจในการจีบทาคามิจิ...
นายควรจะบอกคิโชวอินไปได้แล้วนะว่าไม่ได้ชอบทาคามิจิแล้ว...
มาซายะดูอารมณ์ดีขึ้น พอคิโชวอินกลับบ้านไปแล้ว เขาก็เดินไปข่มขู่สมาชิกชมรมฟุตบอลด้วยสายตาจักรพรรดิ และเตะประธานชมรมเข้าโกลพร้อมบอล... นายทำอะไรเห็นชัดไปแล้วนะ ควรเก็บเงียบไม่ให้คนอื่นรู้ง่ายๆสิ...
วันต่อมาผมเห็นมาซายะไปเห็นเนียนๆใกล้ๆกับคิโชวอินแล้วรู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก เลยพายูกิโนะมาที่สโมสร น้องชายของผมก็ให้ความร่วมมืออย่างดี และคิโชวอินก็ไม่สนใจมาซายะอีกต่อไป แต่ก็ไม่ได้สนใจผมอยู่แล้วล่ะนะ...
ผมนั่งลงข้างคิโชวอิน อีกฝ่ายสะดุ้งแล้วพยายามถอยหนีจนติดมาซายะ ใจร้ายจังนะ...ผมไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นซะหน่อย
ผมได้แต่ฟังมาซายะคุยเรื่องขนมกับคิโชวอิน มองยังไงสองคนนั้นก็น่าจะชอบกันแล้วจริงๆ...
แต่ว่าคิโชวอินที่มาซายะชอบ คือ ตอนเสียความทรงจำนี่นา...
แล้วถ้าความทรงจำของคิโชวอินกลับมา นายคงไม่ได้ชอบแบบนี้แล้วใช่ไหม...
เมื่อถึงตอนนั้น คิโชวอินจะเป็นยังไงนะ...
ผมคิดถึงประเด็นนี้จนนอนไม่หลับ จึงง่วงนิดหน่อยในตอนเช้า เลยเบลอๆจนไม่รู้ว่าสิ่งที่มาซายะพูดเป็นความจริงหรือภาพหลอนกันแน่ เขาอุทานอะไรบางอย่าง บ่นๆว่าต้องรีบแกะพิกัดจีพีเอสตามตัว และพึมพำว่าบ้านของทาคามิจิ รู้ตัวอีกทีเขาก็วิ่งออกไปแล้ว ผมคิดว่าเขาคงไปเข้าห้องเรียน แต่ปรากฏว่าช่วงบ่ายเขาโดดเรียน และเขาก็ไม่กลับบ้านเลย คนที่บ้านตามตัววุ่นวายกันหมด แต่ก็หาเขาไม่เจอ
ถึงอย่างไรก็ตาม อยู่ๆเขาก็กลับมาพร้อมคิโชวอินที่หายไปพร้อมๆกัน ผมพยายามเค้นถามว่าเกิดอะไรขึ้น หมอนั่นก็ไม่ยอมบอกท่าเดียว ผมเลยบอกว่า “งั้นฉันบอกคิโชวอินนะว่านายชอบ” ก่อนจะวิ่งหนีไป หมอนั่นชะงักแล้วรีบวิ่งตาม
แค่คุยกับคิโชวอินนิดเดียว มาซายะก็รีบเข้ามาขัดทันที สุดท้ายคิโชวอินก็ต่อรองให้มาคุยในที่ที่เป็นส่วนตัวหน่อย ดูเหมือนว่าการที่นายออกจากบ้านเกี่ยวข้องกับคิโชวอินจริงๆด้วยนะ
“สรุปว่าเกิดอะไรขึ้นในสามวันที่ผ่านมากันแน่”
ผมพูด หันไปมองมาซายะ และดูท่าทางของคิโชวอิน ก่อนจะเดินไปยืนอยู่ข้างๆคิโชวอิน
“รู้ไหมว่ามาซายะ...”
“หยุดนะ ชูสุเกะ!!!”
“นายก็บอกมาซะทีสิ รู้ไหมว่าที่บ้านนายวุ่นวายแค่ไหนตอนอยู่ๆนายก็หายไป และไม่มีใครติดต่อได้”
“...”
จะยังไงมาซายะก็ดูไม่ยอมบอกออกมาจริงๆแหะ...
“เป็นความผิดของฉันเองค่ะ”
คิโชวอินพูดขึ้น
“หืม หมายความว่าไงครับคุณคิโชวอิน”
ผมหันไปหาคิโชวอินแทน
“อื้ม... มันเป็นความลับระหว่างฉันกับท่านคาบุรากิน่ะค่ะ”
ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น ผมก็ยิ้มเย็นออกมา
“เรื่องที่ว่าทำให้คุณพ่อคุณแม่ของมาซายะเดือดร้อนล่ะนะครับ”
ผมค่อยๆใช้สายตากดดันให้คิโชวอินคลายความลับออกมา แต่ก่อนที่จะเริ่มพูดกล่อมต่อ อยู่ๆมาซายะก็คว้ามือคิโชวอิน แล้วพาวิ่งหนีไป ทั้งผมทั้งคิโชวอินต่างตกตะลึงกับการแก้ปัญหาไม่คาดฝันของหมอนั่น
ผมหาทั้งคู่ยังไงก็ไม่เจอ จนกระทั่งมาซายะมารอผมอยู่ด้วยตัวเอง และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับทาคามิจิ
“ฉันพอเข้าใจแล้ว...” ผมยอมรับแบบยิ้มขื่นๆ “นายโอเคใช่ไหม”
“อื้ม...แต่ว่าอย่าบอกคิโชวอินเรื่องนั้นเลย”
“เห็นด้วยล่ะนะ...”
ถ้าคิโชวอินรู้คงช็อกน่าดู ต่อให้เป็นผมก็ไม่คิดจะพูดเรื่องนั้นออกมาหรอกนะ
“นี่มาซายะ เมื่อไหร่นายจะบอกไปตรงๆซะทีน่ะ จะปล่อยให้ความสัมพันธ์ซับซ้อนแบบนี้ทำไม”
ผมตัดสินใจบอกเขา
“นายสามารถว่าฉันเรื่องนั้นได้ด้วยหรอ”
“กรณีฉันมันไม่มีทางเลือกซะหน่อย...”
“อ้า...ก็นะ”
“จริงๆฉันก็เคยเนียนๆบอกไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่รู้ตัวเลยน่ะ”
“อ๋อ ตอนนั้นน่ะนะ...แต่ฉันว่ารีบบอกคุณคิโชวอินไปตรงๆเถอะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว...”
“ตอนนี้ฉันจีบยังไม่ติดเลย จะให้บอกรักก็เร็วไปนะ”
อ้า นั่นเป็นที่ผมพูดเองนี่นา... ขอโทษนะมาซายะ
“คุณคิโชวอินน่ะชอบนายมาตั้งนานแล้ว ต่อให้เสียความทรงจำก็ชอบนายไม่เปลี่ยนแปลงหรอกนะ แต่เพราะคิดว่านายยังชอบคุณทาคามิจิอยู่ก็เลยหลีกทางให้”
ทำไมรู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูกเลยนะ…
“คิโชวอินตอนเสียความทรงจำไม่ได้ชอบฉันหรอก...”
มาซายะพูดอย่างหดหู่ หมอนั่นใช้มาตรฐานอะไรในการดูน่ะ...
ผมอยากถามมาซายะว่าถ้าหากคิโชวอินได้ความทรงจำกลับมาเป็นคนเดิม นายจะยังชอบคิโชวอินอยู่หรือเปล่า แต่ผมกลัวคำตอบมากเกินกว่าที่จะกล้าถาม...
เย็นนั้นในสโมสร ผมเห็นคิโชวอินมานั่งข้างมาซายะ แล้วพูดคุยกันอย่างร่าเริง ผมไม่กล้าเข้าไปเลย
ผมได้แต่มองทั้งคู่อยู่ตรงนี้ล่ะนะ...
>>777 ฟิคนี้ไม่ใช่ที่ของนาย กลับเรือเราเถิดชูสุมอย เดี๋ยวเลี้ยงขนมปลอบใจ โอ๋ๆๆๆ เพิ่งเริ่มรักมันตัดใจง่ายอยู่นะ ยิ่งเห็นภาพเขาสวีทกันก็คงตัดใจเร็วขึ้นล่ะมั้ง อย่าไปเข้าดาร์กไซด์กลายเป็นซิธลอร์ดเต็มตัวเพราะอกหักรักคุดล่ะ
เออ กูว่าจะบอกมึงหลายทีละ แต่ลืม คือเวลามึงจบบทอะ เขียนทอล์กอะไรปิดท้ายซักหน่อยให้เขารู้ว่าจบบทแล้ว เช่น TBC. หรือ ตัดฉับๆๆๆ อะไรทำนองนี้ กูกลัวไปเมนท์คั่นฟิคทั้งที่มึงยังลงไม่เสร็จน่ะไม่ใช่อะไร
ไม่ได้เข้ามาอ่านสองวัน กาวดีละเกินโม่งฟิคทุกคน กู้ดจ้อบ
ขอบคุณฟิคคู่หู สงสารท่านจอมมาร โดนรังเกียจอย่างเห็นได้ชัดโพดๆ ท่านเรย์กะโลกนี้เป็นนักปักธงดีจริงๆ //เเต่สกอลหักธงนี่คงที่มากๆ
แปลไทยล่าสุด กูสำลักกาแฟเลยสัส 555555555555555 คาบุรากี้!!!!!!!! เห็นเรย์กะเป็นตัวอะไรกันแน่วะเนี่ย 555555555555555
ตอนใหม่นี่แม่ง... เหนือความเข้าใจของกูไปแล้ว ในหลายๆ ความหมาย... ท่านฮิโยโกะมีความรู้กว้างขวางจริงๆ ว่ะ คนธรรมดาคิดเรื่องแบบนี้ไม่ได้แน่นอน...
ขอบคุณสำหรับกาว แฮ่กๆๆ //ซู๊ดดดด อ่าห์
ตอนใหม่นี่สามหน่อสนิทกันอย่างเห็นได้ชัดเลยแฮะ ได้ของฝากที่ทั้งสองคนตั้งใจเลือกด้วยนา(เดาเอาจากที่คาบุรากิบอกอร่อยที่สุดเลยนะ) ร่างกายท่านเรย์กะนี่มีแต่เรื่องแปลกๆของขนเนอะ เดี๋ยวก็ผมหงอก ม้วนผมผิดด้าน ขนคิ้วร่วง นี่ยังจะมีอุณาโลมกับขนกลางหน้าผากอีก สุดท้าย คาบุรากิ มึ้งงง55555555555 หน้าตอนเรย์กะคุยกับเอ็นโจเรื่องยูกิโนะยิ้มเยิ้มขนาดนั้นเลยเรอะ5555555555555
กูตกใจหน้าเทพมากบอกเลย นี่คือไรวะอีคาบุ ไอชั่วววว หน้าแบบนี้ยังกล้าเอามาเปรียบเทียบกับผู้หญิง แต่อุณาโลมหรือจะขนนำโชคนี่กูก็ค้างหนักมาก ตอนนี้มันอะไรเนี่ย มีแต่เรื่องประหลาด 5555 คือที่จริงคนคิ้วแหว่งแต่มีขนหงอกงอกยาวเฟื้อยออกมานี่มัน.... เอิ่ม อย่าให้ใครเห็นเข้าละกันท่านเรย์ก่า พังมาก
ตอนล่าสุดนี่...เอ็นโจเอาของฝากมาเป็นเมเปิ้ลไซรัปช่างรู้ใจจริงๆ แต่นางไม่เห็นคุณค่าอ่ะ!! ทำไมอ่ะ ท่านเรย์กะหักธงอีกแล้ววววว
กูว่าเอ็นโจมาถูกทางแล้วนะ.. ให้ของกินเนี่ย 55555 ท่านเรย์กะหายโมโหเพราะเมเปิ้ลไซรัปอร่อย แง5555555
ขอบคุณมาก โม่งแปล เป็นคำขึ้นต้นที่นึกไม่ถึงจริมๆ
ว่าแต่อุณาโลม??? ไม่ใช่ว่าหล่อนทายาเลอะ ขนเลยขึ้นผิดที่น้าา เรย์กะ!!!
พูดถึงความรอบรู้ของท่านฮิโยโกะ นั่คือสุดยอดดมากกกก ขอวิเคราะห์เพิ่ม
คือไม่ใช่แค่ด้านอาหาร ดนตรี ศิลปวัฒนธรรม วรรณกรรม สถานที่ท่องเที่ยว
คือแบบด้านการแพทย์ ก็มาไรงี้ แบบโรคขนคิ้วร่วงอ่ะ คือตอนดำน้ำมันใช้ทับศัพท์ Aloplecia areata เลย
คือคิดว่าเหยยย รอบรู้ขนาดนั้นเชียววว ไม่ใช่คนธรรมดาจะคิดขึ้นมาได้นะ ถ้าไม่ได้คลุกคลีวงการนี้ หรือเคยเป็นมาก่อน?? แล้วยังมียากลับมาทาที่บ้านด้วย ซึ่งถ้าไม่ใช่สเตียรอยด์ ก็จะเป็นยาปลูกขน ถ้าทาเลอะที่อื่น ขนมันจะไปงอกที่อื่นได้ด้วย (อาจเป็นกรณีหลัง เลยมีอุณาโลม)
อีกตอนนึงเรย์กะชอบปวดท้องโรคกระเพาะบ่อยๆ ท่านฮิโยโกะชอบพูดถึงเชื้อ H. pylori
H.pylori เป็นเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในกระเพาะ เป็นสาเหตุนึงของแผลในกระเพาะ และถ้ามากๆอาจพัฒนาเป็นเนื้อร้าย พบเชื้อในประชากรคนญี่ปุ่นค่อนข้างมาก ถ้าเทียบกับชาติอื่น รักษาได้ด้วยการกินยาฆ่าเชื้อ แต่จะวินิจฉัยได้ต้องส่องกล้อง ซึ่งมีดิบอยู่ตอนนึงบอกไว้ว่าเรย์กะ ไม่อยากส่องกล้องอ่ะ)
เลยคิดว่าอาจารย์ถ้าไม่อยู่ในวงการนี้ ก็อาจจะเคยเป็นมาก่อนรึเปล่า ><
เพราะเขาบอกว่านิยายสะท้อนชีวิตจริงของผู้แต่ง (รวมถึงชีวิตรัก และความไฮโซววว)
แต่ถ้าไม่ใช่ คือหาข้อมูลเอง ถือว่าสุดยอดดมากกก นับถือจริงๆ
เป็นนิยายที่ให้ความรู้หลายๆด้านแบบคาดไม่ถึงดีนะ ยังแปลกใจว่าทำไมมันไม่ได้รวมเล่มซะที เพราะปกติมันเป็นวันๆของท่านเรย์กะเรอะ?!
อยากเห็นภาพแบบออฟฟิเชี่ยลของท่านเรย์กะจัง แฟนอาตแต่ละคนก็มีแบบต่างกันไปตามสไตล์ของตัวเองอ่ะเลยไม่เหมือนกัน
>>791 มันมีอะไรฟินๆมากกว่านี้อีก
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
มีอยู่ตอนนึงเรย์กะไปเที่ยวบ้านวาคาบะจัง เจอขวดเมเปิ้ลไซรัปยี่ห้อเดียวกัน
คือคาบุรากิให้มาเป็นของฝาก แบบคาบุซื้อให้วาคาบะ แล้วเอ็นโจซื้อให้เรย์กะ
พอมาคิดว่าผู้ชายสองคนไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วเดินเลือกซื้อของฝากให้คนที่ชอบ
มันมุ้งมิ้งมากกก >< แบบกูจินตนาการออกเลยว่าคาบุรากิมันต้องชิมทุกร้าน เปรียบเทียบกันจนมั่นใจว่า
เออ เมเปิ้ลไซรัปนี่แหละดีที่สุดแล้ว!! ทีนี้คาบุจะซื้อให้วาคาบะ เอ็นโจเลยซื้อให้เรย์กะด้วย
หรืออีกกรณีนึง คาบุมันอาจจะอยากซื้อของฝากที่ยิ่งใหญ่เช่นเครื่องประดับเพชร พลอย แพนโดรา
แต่เอ็นโจห้ามเอาใว้เพราะมันมากไป สร้างความลำบากใจให้ผู้รับ เลยแนะนำว่าเป็นของกินดีกว่า คนรับน่าจะดีใจ (ฮีเคยซื้อขนมจากน้ำตก แล้วเรย์กะบอกอร่อยดี) จากนั้นทั้งคู่ก็ตระเวนชิม จนมาได้เมเปิ้ลไซนัปนี่แหละ
จบการวิเคราะห์(เพ้อเจอ) ของกู!!
KY กูว่าเพลงนี้เหมาะกับชีวิตรักเอ็นโจอ่ะ 55555 https://youtu.be/totIVAi9BUc
>>794 กรี๊ดดดดดดดดดดด อีกนานมั้ยวะกว่าจะถึงตอนที่ท่านเรย์กะไปบ้านวาคาบะ
.
.
.
.
จากที่มึงพูดอะว่าคาบุรากิซื้อให้วาคาบะ ความกาวกูพุ่งเลยว่าเอ็นโจซื้อให้เรย์กะ จากตอนแรกที่คิดว่าทั้งสองคนอาจจะช่วยกันเลือกก็ได้
อันนี้คือที่กูมโน กูว่าเอ็นโจน่าจะเป็นฝ่ายชวนมาซายะซื้อของไปฝากคนอื่น ในขณะที่เอ็นโจคิดถึงเรย์กะ แต่มาซายะก็คิดถึงแค่วาคาบะ ของมาซายะนี่ทำไมมันดูมุ้งมิ้งวะ เจออะไรอร่อยๆก็อยากให้เธอได้กินด้วย แงน่ารักกกกกก55555 (กูขอข้ามเอ็นโจเรย์กะไปนะ เพราะกูรู้สึกว่าอะไรแบบเนี้ยยสำหรับเรย์กะแล้วมันธรรมดา 5555 อีกอย่างก็อะไรๆก็ยังไม่ชัดเจน ฮือออ ;__;)
>>798 ความรักเอ็นโจ ถ้าเอาแบบเศร้าๆ กูนึกถึงเพลงหน่วงว่ะ โดยเฉพาะท่อน "จึงเป็นความรักที่มาพร้อมความอึดอัด และเป็นความรักที่ไม่เคยเห็นภาพชัดๆ สักวัน มีแค่ความรู้สึกครึ่งๆ กลาง ๆ ข้างในใจของฉัน เพียงคนเดียว"
แต่เอาแบบน่ารักๆ กูนึกถึงเพลงนี้ 55555555555 น่ารักจริงๆนะเพลง
https://www.youtube.com/watch?v=TlK6vJms6j4
โฮฮฮฮ อ่านฟิคคู่หูแล้วเรือเอ็นโจอย่างกูปวดใจละเกิน คือจริงๆก็แอบๆเอาของไปวางในเรือคาบุงี้ แต่เรือหลักกูเอ็นโจว่ะ ท่านจอมมารของกูววว เคยมียุครุ่งเรืองอยู่ช่วงนึงก่อนจะโดนสว่านเจาะจนพรุนเป็นรุ่งริ่งไป
แต่คาบุฟิคนี้น่ารักนะ แอร้ย แต่อะไรคือการเอาสีส้มมาเทียบ หาต้นไม้ จริงจังไปไหมเธอ
ปล.โม่งฟิคเอ็นโจหายไปไหนนนน เอากาวมาต่อเรือหน่อยเร้ววว เห็นแต่ฟิคปวดตับรอจมเรือ ถถถถ
>>800 กูก็ปวดใจเหมือนกัน เพราะเรือหลักกูก็เรือจอมมาร แม้กูจะชะโงกหน้าไปดมกลิ่นดอกยูริในเรือวาคาบะบ้างบางที
ช่วงนี้โม่งฟิคเรือเอ็นโจติดงานกันหมดมั้ง ส่วนของกูไม่กล้าลง กลัวบรรยากาศกระทู้หดหู่ เลยหาเพลงน่ารักๆฟังเพื่อบิลด์แรงบันดาลใจเขียนฟิค
ปล. ถะ ถึงฟิคเลี้ยงต้อยของกูไม่ค่อยเป็นมิตรต่อตับ แต่ไม่ใช่ฟิคจมเรือหรอก(มั้ง)นะ กูลูกเรือท่านจอมมาร สาบานว่าฟิคนี้จบดีแน่นวล 555555555
บ้าเอ๊ยยย ทำไมตอนล่าสุดมันขำงี้ บรรทัดแรกก็ทำเอากูสตั๊นละ 5555555
อนุโลมยังไม่เท่าไหร่ แต่หน้าเทพมิรุคุนี่มัน..จี้มาก 55555 อาจารย์คิดได้ไงคะ!! บางทีอาจจะเคยโดนทักเรื่องนี้
คาบุรากิวีแกนที่แดกไข่ม้วน กูขำ
กลับไปอ่านอีกรอบ สะดุดกับคำว่าท่านพี่โดนแดร๊กควีนจุ๊บแก้ม กูสงสัยเลยไปหาดูว่าแดร๊กควีนคืออะไร...มันคือกะเทยที่แต่งหญิงแบบจัดเต็มนี่เอง ตอนนั้นท่านพี่คงจะเป็นหนุ่มน้อยน่าเคี้ยวในสายตาเจ๊ๆเหล่านั้นแหงๆ ถึงโดนจุ๊บอะ
ตอนนี้กูรู้ละว่าทำไมฮิโยโกะซังอัพเร็วขึ้น เพราะเว็บมันปิด maintenance นี่เอง ยังงี้พอจะเหมาได้ว่าตารางปกติคืออัพทุกวันศุกร์มั้ยนะ
เทพมิรุคุเป็นเทพแห่งความสุขน่ะ ที่ตาคาบุพูดจริงๆอาจหมายถึงนางทำหน้าตาดูมีความสุขมาก แต่เรย์กะดันไปคิดว่าเป็นเรื่องหน้าตาซ่ะงั้น
กูแอบคิดว่าที่เอ็นโจไม่ไปเที่ยวพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวนี่มีประเด็นอะไรหรือเปล่าวะ หรือแค่ไปเที่ยวกับเพื่อนหนุกกว่าเฉยๆ
กรี้ดดดดดดด ฮิโยโกะซังอัพอีกแล้ววววว ดิบออกสองวันติดกันเลย เชี่ยยยดีใจโคตรๆ เหมือนนางเริ่มกลับมาฟิตอีกรอบละ นี่เข้าไปเล่นๆคิเว่ายังไงก็ไม่อัพ เผลอๆเว็บยังด๋อยอยู่ รู้สึกคุ้มมากที่เข้าไป
กูชอบเรื่องนี้นะ ชอบเรย์กะด้วย แต่กูดำน้ำมาครบ 280 แล้ว กูสงสารนางมาก
เพราะเหมือนชีวิตกูเลย วันๆเอาแต่เรียน เรียนพิเศษ เป็นที่ปรึกษาความรักให้คนเอง
ส่วนตัวเองแห้งแล้งมาก กูอยากให้นางมีโม้เม้นต์โดขิ ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนกับเขาบ้าง
กูสงสาร ฮือออออ ผู้ชายรอบตัวนางก็นะ....... กูเชียร์นายตัวสำรองอาริมะว่ะ ปกติที่สุดในเรื่องแล้ว 555
นิสัยก็ดี ตรงๆ ใจๆ แถมงานอดิเรกก็น่ารัก ถ้าได้คู่กับเรย์กะ กูก็ว่าน่ารักดี
.
.
.
.
.
.
จะได้ชอบปิ้ง TV direct ลดราคาด้วยกัน 5555
ปล.ตอนใหม่ คาบุลากเรย์กะมา coffee shop (ตกแต่งสไตล์แอนทีก หรูหรา )
คาบุมีการแนะนำให้กินชีสเค้ก ส่วนหัวข้อหลักที่คุยหนีไม่พ้น
อัพเดตเรื่องวาคาบะ เหมือนความสัมพันธ์จะก้าวหน้า
ถึงขั้นทำข้าวกล่องกลางวันแบบ handmade อารมณ์ว่าคนอื่นทำคาบุมันกินไม่ได้ กังวลเรื่องความสะอาด บลาๆ
แต่ถ้าเป็นวาคาบะทำละก็ กินได้ อร่อยด้วย เรย์กะแม่งมีความหมั่นไส้ อย่าให้ชั้นแต่งงานบ้างนะ
สามี(ในจินตนาการ)ชั้นโชคดีมากแน่ๆ ที่ได้กินข้าวกลางวันฝีมือชั้น......///// ใครก็ได้มารับนางเป็นภรรยาที สงสาร
>>819
.
.
.
.
.
ตอนวันเกิดยูกิโนะ เอ็นโจก็กินอาหารฝีมือเรย์กะแถมชมว่าอร่อย ถึงจะทำให้ยูกิโนะ แต่คงฟินแล้วล่ะ ศรีภรรยาในอนาคต กร้าก
ตอนท้ายของตอนล่าสุดนี่มีพูดถึงคาบุชวนวาคาบะไปเมืองที่เรย์กะอยากไปดูดอกไม้ไฟ
เกริ่นมาซะขนาดนี้อยากจะให้สองสาวทำอาหารด้วยกัน แล้วก็ไปเที่ยวในเมืองกะสองหนุ่ม กินอาหารแฮนด์เมดกัน เดทสองคู่ กร๊าวใจ
เรื่ิองดิบล่าสุด
.
.
.
.
กูไม่ค่อยกล้าตั้งความหวังกะเดทฤดูร้อนมากล่ะ ตอนคริสต์มาสกูอุตส่าห์รอโมเมนต์โดขิๆ หรืออีเวนต์ แม่งแห้งแล้งเป็นซาฮาร่าเลยท่านเรย์กะกู...
>>825 กูก็ไม่ต่างจากมึง จุดนี้ คือหลายทีดูสถานการณ์โคตรได้ กะว่าเอาละ พล็อตส่งขนาดนี้ แต่พอเอาเข้าจริงก็วืดตล๊อดดด ไม่มีโมเม้นอะไรใดๆ
เรื่องดิบล่าสุด
.
.
.
.
.
มีโม่งในมู้นี้คนนึงเคยพูดถึงว่าคาบุกินคุกกี้แฮนด์เมดจากวาคาบะตอนงานโรงเรียนคงเพราะไม่ถือว่าเป็นของแฮนด์เมด บ้านวาคาบะเองก็เป็นร้านขนม พออ่านมาตอนนี้คือแบบบ มึงแม่นมาก 555 คาบุมีพูดถึงเรื่องความสะอาดในอาหาร กับพวกขนมที่ผู้หญิงทำให้ทั้งที่แต่งเล็บฟรุ้งฟริ้งของประดับพรึบ คือนึกภาพเล็บสาวญี่ปุ่นกูก็เข้าใจฟีลอยู่นะ กูสงสัยเหมือนเรย์กะว่าคาบุต้องเคยได้ขนมที่มีของประดับเล็บหลุดติดมาด้วยแหงเลย 555 มันดูแอนตี้รุนแรงและบ่นยาว มีพูดถึงหินประดับที่หลุดออกมาด้วย ถ้าเจอตอนอยู่ในปากแล้วคงพีคโคตร แล้วก็พูดถึงอาหารจากวาคาบะว่าเป็นลูกสาวร้านอาหาร เล็บก็ตัดสั้นดี รู้สึกไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนเรย์กะยื่นมือที่เล็บสั้นเหมือนกันไปโชว์แล้วคาบุปฏิเสธแถมมีพึมพำๆประโยคว่าสัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของฮีกำลังร้องเตือนอย่างรุนแรง กูนี่ลั่น 5555555 แสดงว่าเรื่องทักษะทำอาหารของนางนี่ต้องความลับรั่วแล้วป่าววะ
ก่อนอื่นก็กราบฮิโยโกะซามะก่อนที่อัพนิยายติดกันสองวัน
.
.
.
.
.
.
.
.
โคตรขำเลยที่คาบุรากิบอกว่าตัวเองเป็นวีแกนตอนเรย์กะซามะถามว่าถ้าตัวเองทำอาหารให้จะกินมั้ย สองคนนี้ระดับความเนียนในการแถใกล้กันจริงๆถถ
ท้ายตอนมีซื้อเมล็ดกาแฟไปฝากท่านพี่กับท่านพ่อด้วย ถึงนางจะใจร้ายกับพ่อแต่ก็คิดถึงพ่อตลอดนะ
ส่วนตัวคิดว่าตอนนี้เป็นตอนปักธงดับเบิลเดทคาบุรากิ เอ็นโจ เรย์กะซามะ วาคาบะจังแน่นอน ขอตอนใหม่ไวๆทีค่ะ~~~~
อ่านที่พวกมึงพูดถึงเรื่องฝีมือทำอาหารของท่านเรย์กะแล้วทำไมกูรู้สึกว่าเอ็นโจรักท่านเรย์กะจังวะ ขนาดท่านพี่ที่เป็นซิสค่อนยังพยายามเลี่ยงเลย 5555555
แว้บไปอ่านกระทู้เรื่องนี้ที่ 2ch แล้วเจอคนคอมเมนต์ว่า "กระทู้นี้แม่งมีแต่เรื่องมโนๆ พอเข้ามาอ่านแล้วหยั่งกะอ่านนิยายเพ้อๆ" แล้วกูอย่างฮา สรุปว่าไม่ว่าทางไหนก็เหมือนกันว่ะ เรื่องนี้อ่านแล้วต้องมโนแล้วกลับไปอ่านซ้ำ มันคือเวทมนตร์ของท่านฮิโยโกะแน่ๆ
กูขอเสนอ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับพิธีบูชายัญคานของเจ้าแม่ด้วยกาวถังที่ 10
.
.
.
.
.
คำเตือน สกรีมสปอยค่อนข้างเน้นดีเทล
พึ่งจะได้อ่านดิบสองตอนรวด ขอที่กรีดร้องแปป ตลกคาบุรากิ อะไรคือส่งเมลรายงานเรื่องวาคาบะมาให้เรย์กะซะยาวเหยียด แถมเนื้อหาส่วนใหญ่ยังเป็นแค่ว่าวาคาบะได้กินอะไร เรย์กะยังงงเลยว่านี่รายงานเรื่องอาหารเหรอ แถมพอเรย์กะตอบช้า(นางพึ่งอ่านเมลจบ)ยังโทรตามมาบ่นว่าทำไมไม่ตอบไปอีก ขำนาง สองคนนี้สนิทกันมากเลยนะช่วงหลังๆนี่ เมื่อไหร่จอมมารชั้นจะมีโมเม้นแบบนี้บ้าง จะว่าไป มีเบอร์เค้ารึยังฟะนั่น
ส่วนอีกตอนนี่มันก็รายงานสถานะการณ์(สต็อค)จีบสาวของตาคาบุแท้ๆ ตอนแรกเห็นว่านัดไปคาเฟ่แล้วอารมณ์จะดูเหมือนเดท แต่ก็ตามปกติของสองคนนี้ล่ะ ไร้ความโรแมนส์สักนิด ฮาอีตาคาบุ ตอนเรย์กะถามว่า ถ้านางทำขนมมา คาบุจะกินมั้ย แล้วตาคาบุก็บอกว่าชั่นเป็นมังสวิรัส 555 ไม่มีวิธีปฏิเสธทีาดีกว่านี้แล้วเรอะ
>>835 เท่าที่อ่านมาก็จะถกๆ ตีความเรื่องพฤติกรรมตัวละครในเรื่องคล้ายๆ ของเรา แล้วก็มีเรือยกพวกตีกัน 5555 แต่เขาตีกันแรงกว่าของเราว่ะ ประมาณว่าคนเขียนไม่ได้บอกเลยป่ะ พวกมึงอย่าตีความมั่วซั่วเข้าข้างตัวเองเลยขอร้องไรงี้
แต่ทางโน้นไม่มีฟิคเมากาวเหมือนของเรานะ 55555 จืดกว่ากันเยอะ แล้วเนื่องจากกระทู้คลีนๆ เลยห้ามจิ้นท่านพี่xท่านอิมาริคร่ะ เดี๋ยวโดนด่า
แต่ทางโน้นก็จะตามวิเคราะห์ละเอียดกว่าทางเราอ่ะ แบบมีคนไปซื้อขนมไฮโซกินตามท่านเรย์กะ ไม่ก็วิเคราะห์แบรนด์แฟชั่นตัวละครในเรื่อง
อย่างตอนก่อนที่ท่านเรย์กะเปลี่ยนเรื่องถามยูกิโนะคุงว่าอยากได้อะไรจากซานตาคลอส แล้วยูกิโนะทำท่างงๆ ไปวูบก็มีคนวิเคราะห์ว่าน้องไม่ใสๆ คือพ้นวัยเชื่อเรื่องซานต้าแล้วอ่ะ น้องปั้นคำตอบมาให้ถูกใจท่านพี่เรย์กะเอ๊ง
ทุกคนอย่าเพิ่งว่าเรย์กะขนาดนั้นนนนน
.
.
.
.
นางไปเรียนทำอาหารมาแล้วววว กับเพื่อนที่ไปโปรแกรมลด นน. ด้วยกันอ่ะ ชื่อคุณอาคิมิป่ะ
ทำอาหารให้ยูกิโนะกินด้วยย เอ็นโจก็กินแล้วว ผ่านอยู่จ้า แต่ไม่รู้อาจารย์ทำเป็นส่วนใหญ่รึเปล่านะ
นางไปเรียนทำขนมกับวาคาบะด้วยจ้า
ขอky
>>>/webnovel/3628/509-511/ กูอยากกู้เรือเอ็นโจนะ แต่ไม่รู้จะช่วยยังไงดี 555
ฟิคตำนานรัก
----------
เอ็นโจพาร์ท
ในระยะนี้
อืม ที่จริงก็เป็นมาตั้งนานแล้วล่ะ
ผมกำลังจับตามองคนคนหนึ่งอยู่
คนคนนั้นที่เวลาเห็นผมหรือเพื่อนของผมมักจะพยายามหลีกเลี่ยงอยู่ตลอด ท่าทางตื่นตูมเล็กๆยามที่เข้าไปคุยด้วยทำให้ผมกำหนดภาพลักษณ์ของเธอให้เป็น ‘กระต่ายตื่นตูม’ ไปโดยปริยาย
‘คิโชวอิน เรย์กะ’ คือชื่อของกระต่ายตัวนั้น
จุดเด่นของเธอคือผมม้วนลอนเงางามที่สมัยนี้ไม่ค่อยจะมีใครทำกัน หน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตาฝรั่งเศส
นั่นนะ น่าแกล้งสุดๆไปเลย
ชอบทำให้ผมเผลอตัวจ้องมองอยู่เสมอ
รู้ตัวอีก
ผมก็ห้ามตัวเองไม่ให้มองหาเธอไม่ได้แล้ว
แต่โดยปกติแล้วคุณคิโชวอินมักจะระวังตัวอยู่ตลอด ทำท่าดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะเสวนากับพวกผม นั่นทำเอาปวดใจอยู่ไม่น้อย ของที่ผมให้ เธอก็ทำราวกับมันไม่มีค่าใดๆ เฮ้อ จริงๆเลยนะ คุณคิโชวอิน
แต่ถ้าจะให้รุกใส่ตรงๆ คุณคิโชวอินก็คงยิ่งหนี
ก็เลยต้องตะล่อมๆแบบนี้ไปสักพักล่ะนะ
ถ้ามีโอกาสก็อยากจะใกล้ชิดยิ่งกว่านี้
“ชูสุเกะ ทำอะไรอยู่ เร็วๆหน่อยสิ”
ผมส่งเสียงรับคำ ก่อนจะเดินไปอยู่ข้างๆเพื่อน คาบุรากิ มาซายะ จักรพรรดิที่ทุกคนต่างเคารพนับถือ แน่นอนว่ามาซายะเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานในทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเล็กๆ ดังนั้นถ้าเป็นในเรื่องเกมหรือสิ่งที่ต้องแข่งขันกัน ผมก็มักจะยอมให้เขาเป็นที่หนึ่งเสมอ เพราะขี้เกียจมีเรื่องยุ่งยากทีหลัง
ซึ่งเขาเองก็เก่ง
แต่ในสายตาของผม
“บ้าเอ้ย มีคนมุงไปขอพรตั้งเยอะ”
ก็แค่เด็กบ้าคนหนึ่ง
“งั้นเราไปตรงที่ขายเครื่องรางกันก่อนมั้ยล่ะ กลับมาอีกทีก็คนน่าจะน้อยลง”
ผมเสนอทางเลือก มาซายะขมวดคิ้วฉับพลัน แต่ก็ยอมเดินตามผมมา อันที่จริงผมไม่ได้สนใจเครื่องรางหรอก แต่สนใจคนที่กำลังเลือกเครื่องรางนั่นอยู่ต่างหาก
“ท่านเรย์กะ มีเขียนคำแนะนำไว้ด้วยล่ะค่ะ”
“ได้ยินอาจารย์คุยกันว่าศาลเจ้านี้ศักดิ์สิทธิ์มากเลยนะคะ ขออะไรได้แบบนั้นเลยค่ะ”
พอได้ยินแบบนั้น มาซายะก็ทำตาเป็นประกาย แต่ก็ยังไม่เลิกขมวดคิ้ว ผมเดินเข้าไปทักทายคุณคิโชวอินที่กำลังมองซ้ายมองขวาหาทางออก แต่เหล่าเด็กผู้หญิงที่เดินตามผมกับมาซายะก็ล้อมปิดทางหนีเอาไว้หมดแล้ว
ปกติผมค่อนข้างรำคาญพวกเธอนะ
ตอนนี้ค่อยมีประโยชน์ขึ้นมาหน่อย
“สวัสดี คุณคิโชวอิน”
“ท่านคาบุรากิ ท่านเอ็นโจ สวัสดีค่ะ”
ผมส่งยิ้มให้ ถ้าบอกว่าแอบเซ็งเล็กๆที่เธอเอาชื่อมาซายะขึ้นก่อนชื่อผมจะมีคนว่าอะไรมั้ยนะ? ผมมองตามสายตาของคุณคิโชวอินที่พยายามส่งสัญญาณของความช่วยเหลือจากเพื่อนๆที่เกรงอกเกรงใจแล้วถอยหนี
น่าตลกจังเลยนะ คุณคิโชวอิน
“เครื่องราง? นี่เธอเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเรอะ” จู่ๆมาซายะก็เปิดปาก นี่ยังขมวดคิ้วไม่เลิกอยู่อีกเหรอ...แต่ว่านะ ผมล่ะสงสัยตรรกะของนายจริงๆ นายเชื่อเรื่องการขอพร แต่ทำไมกลับไม่เชื่อเรื่องเครื่องรางล่ะ
สมองนายมีอะไรเป็นส่วนประกอบหลักอย่างนั้นเหรอ มาซายะ
คุณคิโชวอินดูอึกอักแปลกๆ “ก็นิดหน่อยค่ะ”
มาซายะมองเครื่องรางในมือคุณคิโชวอิน ก่อนจะคลายคิ้วลง แล้วเอื้อมมือไปตบบ่าเธอปับๆ อืม ดูท่าจะเจ็บไม่ใช่น้อย ดูได้จากหน้าเหยเกของคุณคิโชวอิน สีหน้าของคุณนี่แสดงออกมาตรงๆหมดเลยนะ
“ฉันเข้าใจแล้ว” มาซายะพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ แต่ผมกลับขบขัน “ที่แท้เธอซื้อเพราะจะเก็บปีระกานี่เอง เอ้า พยายามเข้าล่ะ”
ผมบอกแล้วใช่มั้ย เขาก็แค่เด็กบ้าคนหนึ่ง
พวกเราแยกกันตรงนั้น คุณคิโชวอินดูคับแค้นใจกับการที่ถูกมาซายะกล่าวหาว่าเป็นผู้หญิงที่มีรสนิยมเก็บสะสมซีรี่ย์นักษัตร ผมได้แต่หัวเราะ คุณคิโชวอินเป็นผู้หญิงที่น่าแกล้งสุดๆก็เพราะไม่ยอมเก็บสีหน้านั่นแหละ
มาซายะดูเครื่องรางอย่างสนใจ...ไหนตอนแรกดูไม่เชื่อล่ะ
พวกเราดูสักพักก็กลับไปขอพร ผมมองเห็นคุณคิโชวอินระบายอารมณ์ไปกับการขอพร เธอโยนเหรียญลงกล่องอย่างแรง ก่อนจะขอพร
คุณคิโชวอินขอพรว่าอะไรนะ?
“แม่น่ะให้ฉันไปร่วมงานอีกแล้ว”
“ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? มาซายะ”
พวกเราโยนเหรียญห้าเยนลงกล่องเช่นเดียวกัน ระหว่างที่กำลังนึกว่าจะขอพรอะไรดี มาซายะก็เริ่มบ่นอีกครั้ง
“เฮ้อ ไม่อยากไปงานของแม่เลย”
“เอาน่า มาซายะ ถือว่าช่วยงานไงล่ะ”
“เป็นนายนี่ดีจังเลยนะ ชูสุเกะ น่าอิจฉาชะมัด”
คนที่น่าอิจฉาจริงๆคือนายต่างหากล่ะ ทำอะไรตามใจตัวเองได้อย่างอิสระ รักใครชอบใครก็แสดงออกไปอย่างซื่อตรง...ตรงจนคนอื่นเข้าลำบากเสมอเลยล่ะ ซึ่งคนอื่นที่ว่าน่ะมักจะเป็นผมตลอดเลย
บางครั้งอาจสนุก
แต่บางทีมันก็น่าเบื่อ
“อยากเป็นนายจังเลยแฮะ”
ยังไม่ยอมจบเรื่องนี้อีกเหรอ
“แต่ให้ฉันเป็นอย่างมาซายะก็ไม่ไหวหรอกนะ แต่ถ้าให้เลือกล่ะก็ขอเป็น...” ผมชะงักคำพูดเล็กน้อย ก่อนจะหันมองคุณคิโชวอินที่อยู่ไม่ไกล แอบแปลกใจเล็กน้อยที่คุณคิโชวอินมองมาทางนี้ แต่พอผมหันมอง เธอก็หันกลับอย่างรวดเร็วเหมือนกลัวว่าผมจะจับได้
ภาพนั้นน่าขบขันจนอดยิ้มออกมาไม่ได้
ผมไม่ได้อยากเป็นคุณคิโชวอินหรอกนะ
ก็แค่อยากเป็นอะไรก็ได้ที่ได้อยู่ใกล้คุณคิโชวอินเท่านั้นเอง
ปกติแล้วผมเป็นคนตื่นค่อนข้างตรงเวลา เผลอๆอาจจะตื่นก่อนนาฬิกาปลุกด้วยซ้ำ แต่เช้าถัดจากทัศนาศึกษาครั้งนั้น ผมนอนรอนาฬิกาปลุกอยู่นานจนเอ๊ะใจแปลกๆ ทำไมถึงไม่ยอมดังสักทีนะ
ผมเปิดเปลือกตาขึ้นมอง
หืม เตียงของผมเป็นเตียงธรรมดาๆนะ ไม่ได้เป็นเตียงที่มีเสาสี่ด้านล้อมรอบแบบนี้ซะหน่อย ผมค่อยๆชันตัวลุกขึ้น รู้สึกแปลกๆตรงหน้าอก ก็เลยก้มลงมอง
“เฮ้ย---!”
โชคดีที่ผมเก็บเสียงตะโกนทัน ไม่งั้นทั้งบ้านได้แตกตื่นแน่ ผมมองซ้ายมองขวา ก่อนจะลุกพรวดวิ่งเข้าห้องน้ำ ผมยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ ไม่ว่าจะหมุนตัวสองสามครั้ง ยกมือซ้ายขึ้นลง ภาพในกระจกก็ทำตาม บ่งบอกว่านั่นแหละผม
ภาพใบหน้าราวกับตุ๊กตาฝรั่งเศสสะท้อนจากกระจก
“...คุณคิโชวอิน?”
ผมยิ้ม อืม คงฝันล่ะมั้ง เป็นฝันที่จะว่าดีก็ดี ไม่ดีก็ไม่ดีแฮะ ผมหมุนตัวอยู่รอบกระจกอีกครั้ง ยกมือขึ้นจับปลายผมม้วนของคุณคิโชวอินอย่างเบามือ ม้วนมาอย่างเป๊ะเลยนะ
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว
อืม...ถึงจะเป็นแค่ฝันก็เถอะ แต่ลองทำอย่างนั้นจะดีมั้ยน้า
...แต่ก็เป็นแค่ฝันนี่นา
ลองจับๆดูนิดหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง...?
โอ๊ย เอ็นโจร่างเรย์กะจากคุณหนูผู้สูงศักดิ์กลายเป็นเด๋อๆไปแล้ว5555555555
แต่ขอกลับไปพูดเรื่องท่านพ่อหน่อย กูว่าจริงๆแล้วเรย์กะรักท่านพ่อมากเลยนะ เวลาทำอะไรก็เผื่อท่านพ่อตลอด ทั้งขนม งานถัก ตุ๊กตา ถึงจะปากจิกกัดไปบ้าง แต่คิดดูนะเว้ยในชีวิตจริงมีลูกสาวกี่คนวะนั่งถักไหมพรมให้พ่อ หรือทำตุ๊กตาให้พ่อวะ ถถถ
>>856 นางรักแหล่ะ แต่เหมือนลูกสาววัยต่อต้านมั้ง ทั้งที่จริงครอบครัวนี้สนิทกันจะตายไป ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่ เรย์กะก็รักกันมากด้วย
กูเคยถักเสื้อหนาวไหมพรมให้พ่อนะ สมัยหัดถักนิตติ้งใหม่ๆ มันก็ไม่สวยหรอก ทำเบี้ยว แพทเทิร์นไม่ตรงบ้าง แต่พ่อกูใส่ตลอดเลยว่ะ ใส่จนเปื่อย ไหมพรมหลุดแล้วก็ยังใส่ ซื้อให้ใหม่ก็ยังเอาตัวเก่ามาใส่บอกตัวนี้อุ่นดี กูเลยแบบ...ทานุกิกับพ่อกูก็คงคล้ายๆกันนี่ล่ะ ได้ของจากลูกสาวก็ดีใจปลื้มใจหมดนั่นล่ะไม่ว่าจะเป็นอะไร แล้วกูก็คิดว่าเรย์กะก็คงคล้ายกูอะ กว่าจะถักออกมาได้ชิ้นนึงแม่งลำบากโครต แต่ก็ยังอยากทำให้อะ
ดิบตอนล่าสุดนี่พอไปอ่านแฟนบอร์ดของทางฝรั่ง มีคนนึงพูดถึงว่าที่คาบุรากิบอกเรย์กะว่าตัวเองเป็นมังสวิรัติ แต่ก็อย่าลืมนะว่าไม่ได้บอกว่าจะปฏิเสธไม่รับหรือบอกว่าจะไม่กิน พออ่านกูก็เลยเอ๊ะขึ้นมาบ้าง 555 เรือคาบุที่เริ่มมีรูรั่วไปปริ่มน้ำของกูเหมือนทะยานขึ้นเหนือน้ำอีกรอบละตอนนี้
>>868 อันนี้เลย แต่บอร์ดไม่คึกคักเท่าทางนี้นะ มาแบบเอื่อยๆแต่ก็มีโผล่กันมาเรื่อยๆจนถึงตอนล่าสุด https://forums.animesuki.com/showthread.php?t=130358
เราไม่กาวแบบชาวไทยใช่ไหม ความจริงไทยมันก็ไม่กาวนะ ถ้าไม่มีคนเปิดมู้ในโม่งและไม่มีโม่งฟิคคนแรกจุดประกาย ขอบคุณทุกคน ดูว่าเพราะเป็นโม่งนี่แหละ ต่อฟิคเลยสนุกไม่รู้ว่าใครเป็นใคร บางทีเนียนอู้ มาเม้นกับทุกคนไม่อัพฟิคก็ไม่มีใครรู้ 555555555555555555555555
ดิบล่าสุด
.
.
.
.
คาบุมันโครตจะแถ วีแกนที่ไหนกินแฮมเบอร์เกอร์ กับพิซซ่าญี่ปุ่น กูล่ะงง
เออ ตั้งชื่อกระทู้ใหม่กันดีมั้ยวะ งวดนี้อยู่ยาวไหลเอื่อยๆเชียว
ต่อจาก >>772-777 ฟิคคู่หูทะลุมิติ
>>779 จะว่าไปก็จริง ต่อจากนี้ไปจะลงให้เห็นชัดๆแล้วกันนะคะว่าจบตอนแล้ว 5555 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ
..............…….....
ฉันเรียนไม่รู้เรื่องเลย คงเป็นเพราะกังวลกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมั้งคะ เพื่อนๆฉันบอกว่าฉันหน้าแดงตลอด ไหนๆก็รับบทคนไม่สบายจนไม่มาโรงเรียนอยู่แล้วก็ถือโอกาสบอกว่าสงสัยคงยังไม่หาย บางทีฉันอาจจะเป็นไข้จริงๆนะคะ ตัวร้อนไปหมดเลยค่ะ ฉันขอตัวอาจารย์ออกมาจากห้อง มุ่งหน้าสู่ห้องพยาบาล
การแต่งเรื่องของคาบุรากิทำฉันมึนงงสับสนไปหมดเลยนะ ฮะฮะ
ฉันเข้ามาก็เห็นนายตัวสำรองมองตัวเองในกระจกอย่างแปลกใจ นายกำลังทำอะไรน่ะ...หรือว่า ไปทำอะไรบางอย่างมา และกำลังสงสัยว่าทำไมเจ็บขนาดนี้แต่ไม่มีบาดแผล?
นายตัวสำรองเห็นฉันกำลังมองอยู่ก็สะดุ้งตกใจแล้วยิ้มแห้งๆให้ฉัน
นายเมาอะไรสักอย่างอยู่หรอ...
อาจารย์ประจำห้องพยาบาลหายไปไหนไม่รู้เพราะงั้นจึงลงมือหาปรอทวัดไข้ด้วยตัวเอง ก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงอะไรบางอย่าง
“คุณมิซึซากิได้บอกคุณทาคามิจิหรือเปล่าคะ”
“เรื่องอะไรงั้นหรอ”
“เรื่องที่ฉันเอารองเท้าตัวเองให้คุณทาคามิจิไงคะตอนที่ถูกแกล้ง...”
ฉันคาใจเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ตอนนั้นฉันมั่นใจมากว่าดูไปรอบๆอย่างดีแล้วแท้ๆ วาคาบะจังไม่น่าจะรู้ว่าฉันช่วยนะ... อีกคนที่รู้เรื่องนี้แน่ๆก็มีแค่คนที่แกล้งวาคาบะจังกับนายตัวสำรองเท่านั้น ฉันขอให้นายตัวสำรองเก็บเรื่องนี้เป็นความลับแล้วก็จริง แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าวาคาบะจังทำไมพูดเหมือนรู้ว่าฉันช่วยเลยล่ะคะ...
“ไม่หรอก”
นายตัวสำรองตอบอย่างหนักแน่น และมองฉันยิ้มๆ ฉันรู้สึกอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่ว่าก็พยายามไม่ใส่ใจมาก ยังไงนายตัวสำรองก็เป็นตัวละครฝ่ายดีนี่นา คงรักษาสัญญาจริงๆ
ฉันที่หาปรอทวัดไข้ไม่เจอ หน้าก็เริ่มร้อนน้อยลงแล้ว หรือว่าไข้ฉันหายไปแล้วคะ มาไวไปไวดีนะคะ ต้องเป็นพลังแห่งการมายืนในห้องพยาบาลแน่ๆค่ะ
ขณะที่ฉันกำลังจะออกจากห้อง นายตัวสำรองก็ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าสงสัย
"ทำไมถึงได้ช่วยทาคามิจิงั้นหรอ"
"อ้า คงเพราะทำอะไรไม่ดีไว้ด้วยเยอะล่ะมั้งคะ”
ฉันนึกไม่ออกว่าควรจะตอบอะไรไปดีเหมือนกันนะคะเนี้ย
"แต่พอทำแบบนั้นจะกลายเป็นทำไม่ดีกับคนอื่นนะ”
นายตัวสำรองถาม นายใช้ตรรกะไหนพูดเรื่องแบบนั้นออกมาคะ
"คนที่มารังแกคุณทาคามิจิก็สมควรแล้วค่ะ!!! คุณทาคามิจิไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆ ก็แค่คนที่อิจฉาคนอื่นจนเล่นสกปรก” ฉันพูดอย่างดุเดือด มองนายตัวสำรองที่ยังถามคำถามแบบนั้นออกมาได้ ฉันอธิบายว่าวาคาบะจังพยายามแค่ไหน เป็นคนดีแค่ไหน เรื่องแบบนี้ คนที่ตามจีบวาคาบะจังอย่างนายต้องรู้สิ!!!
นายตัวสำรองยิ้มไม่หยุด ตลอดเวลาที่ฉันบรรยายความดีของวาคาบะจัง อะไรของนายเนี้ย!
ฉันหลังจากระบายเรื่องราววาคาบะจังออกไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะพูดเท่าไหร่ เหลือแต่ความรู้สึกหงุดหงิดในใจเท่านั้นเอง
“ขอบคุณนะ ขอบคุณมากจริงๆ”
นายตัวสำรองพูดด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม แล้วเดินออกจากห้องพยาบาลไป
ฉันได้แต่ยืนงงอยู่ตรงนั้น นายตัวสำรองพูดแบบนั้นออกมาเพื่อทดสอบฉันงั้นหรอ ทำไมนายถึงร้ายกาจเหมือนจอมมารเอ็นโจไปได้... นายควรเป็นตัวรองฝ่ายดี ที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมด้วยความเที่ยงตรงสิ…
ฉันเดินมึนๆไปตามทางเดิน และดันเข้าผิดห้อง เพื่อนต่างห้องหันมามองฉันอย่างสงสัย
แย่แล้วค่ะ... ถ้าฉันพูดว่ามึนจนเดินเข้าผิดห้องคงไม่ดีเท่าไหร่ จะยังไงก็อยากรักษาศักดิ์ศรีที่มีอยู่น้อยนิดนี่อยู่นะคะ...
ฉันพยายามกวาดสายตาไปรอบห้อง มองดูว่ามีใครที่ฉันรู้จักไหม จะได้เนียนๆว่าแค่มาหาเพื่อนได้ แต่ไม่มีเลยค่ะ...
คนในห้องเห็นฉันมายืนหน้าประตูห้องตั้งนานแต่ไม่พูดหรือทำอะไรก็หันมาอย่างสนใจมากขึ้น จนในที่สุดก็มีนักเรียนคนหนึ่งถามว่าฉันมาหาใครหรือเปล่า
ทำไงดีล่ะคะ...
ก่อนที่ฉันจะคิดอะไรออก ก็ถูกใครสักคนวางมือแปะที่ไหล่ไว้
“มาหาฉันหรอ”
“เอ๊ะ ค่ะ”
ฉันรีบตอบไป ที่นี่ห้องคาบุรากิหรอคะ ฉันจำไม่ได้เลยค่ะ...
เราทั้งคู่เดินออกมาจากห้อง ท่ามกลางเสียงกรี้ดจากคนในห้องคาบุรากิ ฉันคงไม่ได้โดนผู้หญิงในห้องนั้นหมายหัวหรอกใช่ไหมคะ... คาบุรากิ นายป็อบให้น้อยๆหน่อยก็ดีนะคะ
“ว่าแต่มีอะไรงั้นหรอ”
คาบุรากิถาม พอฉันเห็นหน้าเขาแล้วสติกระจายยังไงไม่รู้ค่ะ รู้สึกนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับเอ็นโจมา แต่เขาดูทำตัวปกติอยู่นะคะ คงเป็นแค่เรื่องที่แต่งขึ้นจริงๆนั่นแหละค่ะ...
“รู้ไหมคะว่าสโมสรจะมีเมนู Crémet d'Anjou หรือ Crème chiboust มาเมื่อไหร่น่ะค่ะ”
ฉันตัดสินใจพูดถึงเรื่องขนมไปเลย แต่พูดไปก็อยากกินอยู่นะคะ ไม่ได้กินนานแล้วเหมือนกัน
“เท่าที่จำได้ Crémet d'Anjou น่าจะมาวันอังคารหน้านะ ส่วน Crème chiboust มาอีกทีก็เกือบสิ้นเดือน”
คาบุรากิตอบได้ในทันที สมองนายทำด้วยอะไรคะ... ช่วยแบ่งความสามารถในการจำนั่นให้ฉันได้ไหมคะ
ฉันบอกขอบคุณไป หมอนั่นก็ถามว่าอยากกินหรอ และบอกจะพาไปร้านดีๆที่เขารู้จักอีกที่หนึ่ง
“ฉันออกจากบ้านมาไม่ควรใช้จ่ายฟุ่มเฟือยล่ะนะคะ รอสโมสรจัดมาให้ก็ได้ค่ะ”
“ฉันเลี้ยงเอง ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่ว่า...”
“จริงๆร้านนั้น ฉันอยากลองไปเป็นคู่นานแล้วล่ะ มันมีขนมพิเศษให้แบบที่ขายให้คนที่มาเป็นคู่เท่านั้นด้วยล่ะนะ”
“เอ๊ะ”
ฉันลังเลทีเดียว แต่หลังจากคาบุรากิบรรยายรสชาติ และความละเอียดของเนื้อแป้ง ความกรอบและนุ่มที่ผสมผสานเข้ากันดีของขนมในร้าน ฉันก็โดนหลอกลวงด้วยอาหารไปจนได้...
สุดท้ายก็ตกลงกันว่าจะไปกันเย็นนี้ และนัดเจอกันที่สโมสรตอนเย็น
ถ้าไม่ใช่ว่าเขาชอบวาคาบะจังอยู่ สิ่งที่เขาทำก็คล้ายจีบฉันอยู่เหมือนกันนะคะ... แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ...
แต่ว่าจะแอบพูดเป็นนัยๆดีไหมนะคะว่าฉันไม่ได้รังเกียจอะไรเขา ในเมื่อเขาจะไม่กล้าสารภาพถ้าคิดว่าจีบไม่ติด... ฉันหมายถึง... อ้า... ฉันคิดบ้าอะไรอยู่คะ!!!
น่ากลัวจริงๆค่ะ ฉันมโนเข้าข้างตัวเองมากไปแล้วนะคะ... ทางที่ดีควรรีบลบเรื่องนี้ออกจากสมอง แล้วคิดถึงเมนูที่จะสั่งเย็นนี้ดีกว่าค่ะ
ขณะที่ฉันกลับจะกลับเข้าห้องของฉัน ก็มีคนมาขวางทางฉันไว้
“คนอย่างเธอไม่คู่ควรกับคุณเอ็นโจหรอก!”
คาซึรางิพูดใส่ฉันอย่างโมโห ฉันชะงักไป ไม่นึกว่าเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในโลกก่อนจะเกิดขึ้นซ้ำอีกในโลกนี้
“เธอประกาศว่าไม่ชอบคุณคาบุรากิแล้ว เพราะคิดจะจับคุณเอ็นโจใช่ไหมล่ะ!”
“อย่าคิดว่าทุกคนจะชอบท่านเอ็นโจเหมือนคุณสิคะ ฉันเข้าใจนะคะว่าคุณคงลำบากกับรสนิยมนั้นของคุณเหมือนกัน”
“หา?! รสนิยมอะไร???”
“ก็ที่คุณมาถามฉันเรื่องท่านเอ็นโจ เพราะคุณแอบมีใจให้ท่านเอ็นโจอยู่สินะคะ ฉันไม่ยุ่งกับเขาหรอกค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ เชิญรักเขาต่อไปตามใจชอบเลยค่ะ”
“อย่ามาล้อเล่นนะ! คิดอะไรของหล่อนกันน่ะหา!!!”
นายไก่โง่ร้องกระโต๊กกระต๊ากโว้ยวายประท้วงเสียงดังใส่ฉันไม่หยุดกลางทางเดิน ปฏิกิริยาเดิมกับโลกเก่าของฉันเลยจริงๆนะคะ ไม่มีพัฒนาการเลยนะ
“ทำอะไรน่ะ!”
ฉันหันไป เห็นวาคาบะจังเดินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ยืนคั่นกลางระหว่างพวกเรา และหันไปมองนายไก่โง่
"คุณไม่มีสิทธิทำแบบนั้นกับใครหรอกนะ"
วาคาบะจังพูด นายไก่โง่เหมือนพยายามจะค้าน แต่วาคาบะจังก็โต้เถียงด้วยน้ำเสียงที่เงียบขรึมจริงจัง เอาเหตุผลมาพูด จนนายไก่โง่หนีไป
แหม น่าเสียดายจังค่ะ น่าจะคุยหยอกเล่นกันมากกว่านี้นะคะ
ฉันหันไปขอบคุณวาคาบะจัง ตอนนี้น่าจะเรียกได้ว่าเราไม่ต้องแกล้งเป็นศัตรูใส่กันแล้วล่ะมั้งคะ
“ขอบคุณนะคะ”
"ไม่เป็นไรหรอก นี่เป็นหน้าที่ของประธานนักเรียนอยู่แล้ว"
"หะ?!"
ฉันมองวาคาบะจัง ทำตาปริบๆ
"ทำไม? มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยหรอ"
"คือว่า...อื้ม คุณมิซึซากิหรอคะ"
"ใช่สิ ทำไม"
ฉันหยิบกระจกกันเมดูซ่าที่คาบุรากิเคยซื้อให้ยื่นให้นายตัวสำรอง
นายตัวสำรองขมวดคิ้วสงสัย และเมื่อมองตัวเองในกระจกก็ช็อกไป
ฉันเองก็ช็อกเหมือนกัน เมื่อกี้ฉันเพิ่งคุยกับนายตัวสำรองไปนี่คะที่ห้องพยาบาล
อย่าบอกนะว่าคนที่อยู่ตรงนั้นคือวาคาบะจัง!!!
-------------------- (จบตอน 25) -----------------------
โอ้ว หักมุมๆ
หักมุมเชี่ยๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แบบนี้วาคาบะจังในร่างนายตัวสำรองจะเริ่มออกตัวจีบเลยไหมคะ หักมุมจนกูร้องเชี่ยแล้วเนี่ย กรี้ดดด ค้างสัด ฮาเร็มๆๆๆๆๆๆ ดูลงเรือฮาเร็มตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วววว กรี้ดดดด
อ่านซ้ำอีก ตอนนี้กูสงสารเอ็นโจวว่ะ กลายเป็นแก๊งสี่คนสลับร่่างกัน เอ็นโจวเหงาหงอยคนเดียวไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเปล่าวะ หรือต้องสลับกับยูกิโนะไปน้วยเรย์กะแทน เป็นฮาเร็มที่แท้จริงไปเลย 5555555
ดิบล่าสุด
.
.
.
.
.
ที่คบรก.บอกว่าเป็นวีแกนนี่แม่งโคตรเลว ตอนงานเลี้ยงที่คุยกะอาคิมิซัง มึงยังบอกเขาอยู่เลยว่าชอบอาหารเนื้อมากกว่า ปีถัดมาเป็นกินมังงั้นเหรอวะ 555555555555
>>867 ดิบล่าสุด
.
.
.
.
.
.
.
นึกแล้วก็จริงด้วยว่ะ ตาคาบุไม่ได้บอกว่าจะไม่กินอาหารที่เรย์กะทำเหมือนที่เคยบอกคนอื่นๆจริงๆด้วย แต่แถเอาชีวิตรอดแบบนี้ก็ฮาดีน่ะ 5555
อีเว้นท์ดอกไม้ไฟที่จะถึงนี้ กูโคตรกลัวจะซ้ำรอยวันคริสมาสที่พึ่งแปลจริง ประมาณเอ็นโจก็พายุยโกะไป คาบุก็พาวาคาบะไป ส่วนเรย์กะก็หาของกินเล่นตามงานวัดไม่สนใจใคร ถ้าบทมาแบบนี้กูคงได้กระอักเลือดแทนเรย์กะล่ะ
ดีใจ~~ หลังจากมู้เงียบเหงาไปนาน...ในที่สุดก็ครึกครื้นนนน!!!!นะ จะร้องห้ายยยย
เตรียมตั้งชื่อกระทู้ใหม่มั้ย ตอนนี้มี
>>834 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับพิธีบูชายัญคานของเจ้าแม่ด้วยกาวถังที่ 10
มีใครเสนอชื่ออีกมั้ย กูตกใครไปหรือเปล่า เหมือนเห็นอยู่แว้บๆ อีกชื่อ เปิดโหวตรับไปเรื่อยๆ ถึงซัก 980 ก็เตรียมตั้งกระทู้ใหม่ได้
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฤดูใบไม้ผลิของท่านเรย์กะ หัวใจของเธอเป็นของฉันนะ! ภาคมโนครั้งที่10
จะให้วาคาบะคุงในร่างอาริมะหรืออาริมะในร่างวาคาบะจีบท่านเรย์กะ อย่างไหนก็ดีทั้งนั้นค่ะ ////-//////
วันนี้ 1 เมษา ตอนแรกก็กัจะเข้ามาอวยพรให้นางอยู่บนคานตลอดไป แต่แม่งกลัวๆ จะกลายเป็นจริงขึ้นมายังไงไม่รู้ว่ะ...
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับกาวฟรุ้งฟริ้งสีชมพู เรย์กะจังโดคิ โดคิ ยกกำลัง 10
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : มหกรรมต่อ/อุด/แปะเรือ(กาว)ซุยรันแฟร์ สู้ต่อไป กัปตันเรย์กะ!
เชี่ย ชื่อมีความป่วยเรือ55555555
นอกเรื่องแป๊บ ชื่อหัวกระทู้เนี่ย กูอ่านผิดเป็นศาลเจ้าแม่เรย์กะประจำเลยว่ะ หรือว่าอาจจะเป็นลางว่าตอนจบท่านเรย์กะจะเป็นเจ้าแม่สิงคานก็เป็นได้-------
กุขอเสนอฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับขนคิ้วเจ้าแม่ที่หายไป ขนเส้นที่10 55555555555555
ทะลุมิติมาไหมมม
ต่อจาก >>878-879 ฟิคคู่หูทะลุมิติ
ขอโทษที่มาช้านะคะ เผลอหลับคาคอม 5555 อาจมีคำผิดอยู่บ้างนะคะรอบนี้...
..............…….....
ฉันรู้สึกอยากเอาหัวโขกกำแพงจนสลบไปไม่รับรู้อะไรอีก มะ...เมื่อกี้เป็นวาคาบะจังจริงๆงั้นหรอคะ เมื่อคิดถึงสิ่งที่พูดไปก็อายจนไม่กล้านึกถึงมันอีกแล้ว...
ฉันเปลี่ยนความสนใจของตัวเองไปที่นายตัวสำรอง หมอนั่นในร่างวาคาบะจังทำหน้าช็อกนิ่งค้าง
อยู่ๆสลับร่างคงจะอึ้งน่าดูจริงๆล่ะนะคะ... ฉันที่ทะลุมิติมาก็ตะลึงช็อกโลกอยู่พักใหญ่เช่นกัน ทำไมเรื่องแฟนตาซีแปลกๆถึงเกิดขึ้นได้นะคะ แต่ว่านี่ก็เป็นเรื่องในมังงะก็คงไม่แปลกมั้งคะ...
แต่ส่วนใหญ่ในมังงะ คนที่สลับร่างกันมักเป็นพระเอกกับนางเอกนี่ คาบุรากิที่เป็นพระเอกเรื่องทำไมยังไม่เป็นไร หรือว่าตอนนี้เขาก็สลับร่างไปแล้ว...
ฉันเมลล์ไปถามคาบุรากิ “นักษัตรตัวไหนที่ฉันยังไม่ได้เก็บคะ” คาบุรากิตัวจริงต้องรู้แน่นอน
คาบุรากิตอบมาในเวลาไม่กี่วินาทีต่อมา ท่าทางยังไม่ได้สลับร่างจริงๆล่ะนะคะ ว่าแต่ตอนนี้นายไม่ได้เข้าเรียนแล้วหรอคะ มาส่งเมลล์อะไรในเวลาเรียน แต่จะว่าเขาก็ไม่ได้ ในเมื่อฉันก็กึ่งโดดมายืนตกใจตรงนี้เหมือนกัน
“โอเคไหมคะ” ฉันคุยกับรูปปั้นที่ยังช็อกไม่หาย เขาเริ่มได้สติมากขึ้น แต่ยังมึนๆอยู่ ฉันแนะนำว่าควรไปหาร่างของเขา เราเลยเดินไปที่ห้องของนายตัวสำรอง และเห็นร่างเขากำลังนั่งเรียนอยู่ในห้อง
“คิดว่าใช่ทาคามิจิไหม” นางตัวสำรองขมวดคิ้วถามฉัน
“น่าจะใช่เลยล่ะค่ะ...” ฉันยืนยันแบบไม่อยากนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องพยาบาล
เราตกลงกันว่าเลิกเรียนค่อยว่ากันค่ะ แยกย้ายกันไปเรียนก่อน วาคาบะจังยิ่งมีเป้าหมายไม่ขาดไม่สายนักเรียนดีเด่นแห่งปี นายตัวสำรองควรต้องรักษาภาพลักษณ์ที่ดีก่อนนะคะ
ฉันแลกเมลล์กับนายตัวสำรองไว้ ถึงแม้นั่นจะเป็นมือถือของวาคาบะจังก็เถอะค่ะ... เขาคงไม่ได้เจอเรื่องเหลือเชื่อวันเว้นวันแบบฉันมาก่อน เลยลากฉันเข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาเฉพาะกิจในฐานะคนค้นพบความลับเขาล่ะมั้งคะ
ช่วงนี้นอกจากไม่มาเรียนหลายวันแล้ว ฉันยังโดดเรียนอีกนะคะ... หลังๆก็เรียนไม่รู้เรื่องเพราะมัวกังวลเรื่องนู้นเรื่องนี้ รู้สึกถึงความหายนะของคะแนนที่ใกล้เข้ามาจริงๆ แถมตอนนี้ฉันไม่เรียนพิเศษอีกแล้วด้วยค่ะ เพราะหนีออกจากบ้าน
ฉันตัดสินใจว่าบ่ายนี้คงจะตั้งใจเป็นพิเศษหน่อยล่ะค่ะ...
ตอนเรียนเสร็จฉันก็รีบจดเรื่องที่สงสัยเอาไว้ไปหาอ่านเพิ่มเติม จนกินเวลาไปนิดหน่อย พอรู้ตัวอีกทีก็เห็นนายตัวสำรองในร่างวาคาบะมายืนรออยู่หน้าห้อง
ทำไมนายไม่ไปหาวาคาบะเลยคะ มารอฉันพาไปทำไม...
ฉันเดินไปกับนายตัวสำรอง ถึงอย่างไรก็ตามมือถือฉันก็สั่นๆ พอหยิบขึ้นมาก็เห็นเมลล์จากคาบุรากิ บอกว่าเขาอาจจะไปช้าหน่อย เพราะต้องคุยงานกับอาจารย์ ฉันนึกขึ้นได้ว่านัดเขาไปร้านขนมหลังเรียนเสร็จนี่คะ
แต่จะให้ทิ้งเรื่องคอขาดบาดตายของนายตัวสำรองกับวาคาบะจังก็ยังไงๆอยู่ เลยตัดสินใจบอกไปว่าวันนี้อาจจะไปไม่ได้แล้ว ต่อไปให้ได้ก็คงสายเอามากล่ะนะคะ
คาบุรากิถามเหตุผล ตอนแรกฉันกะจะบอกว่ามีเรื่องคุยกับวาคาบะจัง แต่คาบุรากิเพิ่งอกหักมาจากวาคาบะจังนี่คะ... ฉันเลยบอกว่ามีเรื่องสำคัญคุยกับนายตัวสำรองแทน
“ฉันส่งเมลล์ให้ตัวเองแล้วน่ะ” นายตัวสำรองบอก “เรานัดเจอกันที่นี่แหละ”
ไม่นานร่างตัวสำรองก็โผล่ออกมา ดูเหมือนชะงักไปเหมือนเห็นฉันอยู่ที่นี่ด้วย นายตัวสำรองในร่างวาคาบะเลยอธิบายว่าฉันเป็นคนค้นพบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา และเขาก็คิดว่าควรให้คนที่รู้เรื่องตกลงกันให้เรียบร้อย
ทั้งคู่พยายามถกเถียงว่าทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และจะกลับไปยังไง หรือจะรับมือกับสถานการณ์นี้แบบไหน ฉันเลยแนะนำไปบ้างนิดหน่อย ทั้งคู่ดูประหลาดใจทีเดียวค่ะ
“คุณคิโชวอินสุดยอดไปเลยนะคะ” วาคาบะจังในร่างนายสำรองพูดอย่างชื่นชม เมื่อฉันบอกว่ามีกรณีไหนที่อาจจะทำให้เกิดการสลับร่างได้
ฉันเคยคุยเรื่องนี้กับคาบุรากิมาก่อนล่ะนะคะ หมอนั่นวิเคราะห์มาตั้งแต่เรื่องเวทมนตร์ คำสาป ไปยันคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ เราเคยคิดเล่นๆกันว่าถ้าสลับร่างจะทำยังไงดีด้วยค่ะ ไม่นึกเลยนะคะว่าเรื่องไร้สาระแบบนั้นจะได้มาใช้ประโยชน์จริงๆ...
“นั่นสิ แต่จะว่าไป เธอทำใจเชื่อเรื่องแบบนี้ได้เร็วผิดคาดนะ...” นายตัวสำรองพูด
ถ้านายเป็นเพื่อนกับคาบุรากิ เรื่องแปลกนี้ไม่ถือว่าแปลกมากหรอกค่ะ อีกอย่าง ฉันทะลุมิติมาเองตั้งสองรอบแล้ว ยังต้องมีอะไรที่ฉันต้องตกใจอีกหรอคะ…
วาคาบะและนายตัวสำรองแนะนำเรื่องว่าปฏิบัติตัวตอนอยู่ที่บ้านและเพื่อนๆยังไง ฉันแนะนำให้บอกทุกคนไปว่าเสียความทรงจำน่าจะดีกว่าคอยโกหกในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ล่ะนะคะ
“อย่าบอกนะคะว่าคุณคิโชวอินเอง ตอนนี้ก็สลับร่างอยู่ อ้า...คุณเป็นใครหรอคะ”
“ฉันไม่ได้สลับร่างหรอกค่ะ...”
วาคาบะจัง... เส้นทางแนวคิดเริ่มเข้าใกล้คาบุรากิแล้วหรอคะ นี่หรือเปล่านะที่เขาเรียกคู่แท้พรหมลิขิต...
แต่ที่วาคาบะวิเคราะห์มาก็ดูสมเหตุสมผลอยู่นะคะ ฉันดูเชี่ยวชาญราวกับเคยสลับร่างมาก่อน (จริงๆเพราะเคยคิดเล่นๆกับคาบุรากิ) และที่ฉันแนะนำให้บอกว่าเสียความทรงจำเพื่อหลักเลี่ยงแทน ก็แทบไม่ต่างอะไรจากฉันทำเลยค่ะ (ถึงแม้ความจริงจะเอาไว้กลบเกลื่อนเรื่องทะลุมิติมาก็เถอะค่ะ)
นายตัวสำรองรีบกลับไปก่อน เพราะวาคาบะจังมีทั้งทำงานพิเศษและทำงานที่ร้านต่อ เขาไม่ได้อยากให้วาคาบะเสียการงานล่ะนะ วาคาบะจังขอบคุณอย่างเกรงใจ นายตัวสำรองก็ยิ้มและปลอบๆ บรรยากาศเหมือนพระเอกนางเอกชะมัดเลยค่ะ
มีหวังโลกนี้วาคาบะจังคู่กับนายตัวสำรองเหมือนโลกแน่เลยค่ะ... ขอโทษจริงๆนะคาบุรากิ
ฉันเดินคุยไปกับวาคาบะจัง ขณะไปที่ห้องสโมสร
“ขอโทษนะคะ...” วาคาบะจังพูดขึ้น “ตอนนั้นอยากรู้มากไปหน่อย เลยทำแบบนั้นไป มันไม่สมควรเลยจริงๆล่ะนะคะ”
ฉันใช้เวลาอยู่หลายวินาทีกว่าจะคิดออกว่าวาคาบะจังพูดถึงเรื่องอะไร
เรื่องนั้นเองสินะคะ... ฉันอาจจะเคยโกรธที่เหมือนโดนหลอกก่อนหน้านั้นก็เถอะค่ะ พอวาคาบะจังพูดอย่างรู้สึกผิดก็อดใจอ่อนไม่ได้เลยค่ะ ก็ไม่แปลกมั้งคะที่จะอยากรู้ ฉันสิคะที่ออกตัวปกป้องมากเกินไปจนไม่กล้าสู้หน้ายังไงไม่รู้ค่ะ
“คิโชวอิน?!”
“ท่านคาบุรากิ!”
ฉันบังเอิญเจอกับคาบุรากิที่เดินออกห้องพักครูพอดี เขามองฉันและวาคาบะจังในร่างนายตัวสำรอง
คาบุรากิจ้องร่างของนายตัวสำรองอย่างเย็นชา ใจเย็นๆนะคะคาบุรากิ ถึงร่างเป็นนายตัวสำรองศัตรูหัวใจของนาย แต่ข้างในก็เป็นวาคาบะจังนะ...
วาคาบะจังดูไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ และหันมาหาฉัน
“จะว่าไป ขอเบอร์และเมลล์เธอหน่อยได้ไหม คิดว่าคงอาจต้องคุยกันอีกเยอะ”
“เอ๊ะ ได้สิคะ”
พอเราแลกกันเรียบร้อย วาคาบะจังก็โบกมือลาฉัน และเดินออกไป คาบุรากิทำหน้าบูดบึ้ง จะว่าไปในสายตาคาบุรากิแล้ว วาคาบะจังคือนายตัวสำรองนี่คะ นี่คงคล้ายๆกับการที่ฉันไปเข้าข้างศัตรูของเขาหรือเปล่านะ เขาเลยไม่พอใจขนาดนั้น
“เธอไปคุยอะไรกับหมอนั่นน่ะ”
“ก็แค่เรื่องเรียนทั่วไปน่ะค่ะ” ฉันพยายามจะบอกเขาว่าฉันไม่ได้คุยเรื่องวาคาบะจังหรอกนะ แต่ก็นึกเรื่องโกหกที่ดีกว่านี้ไม่ออกแล้ว ฉันถูกไหว้วานให้ปิดเป็นความลับด้วยสินะคะ
“เรื่องเรียน?”
หน้ามุ่ยของคาบุรากิเริ่มเข้าระดับสอง แย่แล้วค่ะ การที่ไปคุยเรื่องเรียนกับนายตัวสำรองทั้งๆที่คาบุรากิเก่งกว่าชัดๆ คงทำให้เขาน้อยใจน่าดูเลยค่ะ
“ทำอาหารน่ะค่ะ เรียนทำอาหาร” ฉันตอบอย่างเอาสีข้างเข้าถูสุดแรงเกิด
“ทำไมต้องเรียนกับหมอนั่นด้วยน่ะ ฉันก็ทำเป็นนะ”
“เอ๋?! ท่านคาบุรากิน่ะหรอคะ!!!” ฉันอุทานอย่างตกใจ นายทำอาหารเป็นด้วยงั้นหรอ
“อย่างน้อยก็ทำได้อร่อยกว่าเธอแล้วกัน...ถ้าเธออ้างว่าตัวเองทำเป็นน่ะนะ”
“หะ?! หมายความว่าไงคะ!!!”
“เธอเคยกินอาหารที่ตัวเองทำบ้างไหม...”
“ท่านคาบุรากิเคยกินอาหารฝีมือฉันหรอคะ มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นซะหน่อยค่ะ!”
“ฉันเคยแล้ว...”
“ตอนไหนหรอคะ???”
ฉันพยายามเค้นสมองคิดว่าเคยไปทำอาหารให้คาบุรากิตอนไหน แต่ก็นึกไม่ออกจริงๆ
“ก็ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ไง”
“เอ๊ะ! กินด้วยหรอคะ...!!!”
ฉันคาดไม่ถึงเลยจริงๆค่ะว่าคาบุรากิจะกินจริงๆทั้งๆที่ปกติปฏิเสธขนมทำมือของทุกคนมาโดยตลอด คงไม่ได้ไปปลุกความทรงจำอันเลวร้ายเกี่ยวกับการกินอาหารทำมือของนายนะ...
คาบุรากิกับฉันไปนั่งโซฟาประจำที่สโมสร คุยเรื่อยเปื่อยไปสักพักรอรถของเขามา เหมือนคาบุรากิจะจัดการปัญหาที่บ้านเรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนนี้ก็คงกลับบ้านแล้ว
จริงๆฉันก็เสียวๆนะคะว่าเรื่องสลับร่างของสองคนจะถูกเปิดเผย หมอนี่ยิ่งมีความสามารถในการเข้าใจเชื่อมโยงเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย เพราะงั้นการนอกเรื่องไปหน่อย แม้ทำให้สะเทือนใจเรื่องฝีมือการทำอาหารก็เถอะค่ะ แต่ปิดความลับไว้ได้ก็ดี
คาบุรากิพาฉันมาที่ร้านขนมที่ดูเหมือนร้านทั่วไปมากๆค่ะ ถ้าไม่ติดว่าคนในร้านท่าทางคนมีเงินสูง แต่ก็นะ แค่เห็นราคาในเมนูก็ไม่แปลกหรอกนะคะที่จะมีแต่คนแบบนี้ ถึงอย่างไรก็ตาม อาหารในร้านก็ดูอร่อยไม่น้อยเลยค่ะ
ฉันสั่ง Crémet d'Anjou และ Crème chiboust ตามจุดประสงค์ดั้งเดิมที่มาที่นี่
“เป็นแฟนกันใช่ไหมคะ” พนักงานถาม
“ไม่ใช่ค่ะ!” ฉันเผลอตอบออกมา
คาบุรากิมองฉันอย่างมีความหมาย ฉันก็เพิ่งนึกได้ว่าเขาคิดจะลองสั่งอาหารที่ให้เฉพาะมาเป็นคู่เท่านั้นนี่คะ ลืมไปเลยจริงๆค่ะ... จะว่าไป มาเป็นคู่ที่พูดถึงคือเป็นแฟนกันเท่านั้นหรอคะ
“เราไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่เป็นคู่หมั้นกันครับ”
คาบุรากิรีบแก้เพื่อขนม ฉันก็ยิ้มๆพยักหน้าตาม เราจึงสั่งเมนูพิเศษของร้านที่สั่งได้เฉพาะมาเป็นคู่เท่านั้น ก็มี Petit fours ต่างสีสัน รูปร่างน่ารักหวานแหวว พอดีคำ รู้สึกกินได้หลากหลายดีจังเลยค่ะ ก่อนพนักงานจะเสิร์ฟ น้ำพุช็อกโกแลตที่วนๆราวกับน้ำตก ฉันจิ้มขนมแล้วเอาไปแหย่ๆน้ำพุนั่นดู สนุกดีเหมือนกันนะคะ Dobos Torta ก็ยอดเยี่ยมไปเลยนะคะ สัมผัสเนียนนุ่มของเค้กนี่ดีจริงๆ ครีมเนยช็อกโกแลตผสมผสานกับรสคาราเมลแผ่นบางได้อย่างดี จริงๆมีอีกหลายอย่างที่อยากลองอีกนะคะ แต่ถ้าร่างฉันขยายออกมานี้ก็ไม่ดี...
เมื่อสังเกตแล้วพอ เห็นพวกเรามาคู่ พนักงานจะช่วยกันทำขนมที่ดูน่ารักหวานแหวว สร้างบรรยากาศให้โรแมนติค แต่คาบุรากิก็วิเคราะห์ว่าชั้นของเค้กจะรสชาติละเอียดกว่านิดหน่อย และพูดถึงการโรยผงน้ำตาล ฉันไม่ค่อนเข้าใจนัก แต่ว่ามันอร่อยก็โอเคแล้วค่ะ
คาบุรากิมาส่งฉันที่ห้อง วันนี้ก็เย็นๆเกือบค่ำแล้ว ถ้าคาบุรากิยังไม่กลับอาจจะเดือดร้อนกันอีกก็ได้ เขาเพิ่งหนีออกจากบ้านมาล่ะนะคะ
ฉันนอนแปะบนเตียงอย่างเกียจคร้าน รู้สึกว่ามีเรื่องเกิดขึ้นเต็มไปหมดเลยค่ะ
ท่านแม่ท่านพ่อตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างแล้วนะคะ ลูกสาวคนเดียวของพวกเขาออกจากบ้านมาแบบนี้…
ฉันทวนเนื้อหาเรียน อยู่ๆก็มีคนเคาะประตู ใครกันนะมาเวลาดึกดื่นขนาดนี้ แล้วไม่คิดจะกริ่งกันบ้างเลยหรอคะ
พอเปิดออกมา ปรากฏว่าเป็นคาบุรากิ ฉันที่ตั้งใจจะไล่เขากลับไปในตอนแรกก็ชะงักเมื่อเห็นแววตาที่เหมือนใกล้จะร้องไห้ของเขา
พอปิดประตูห้องเรียบร้อย คาบุรากิก็โผเข้ากอดฉันไว้ และตัวสั่นๆเหมือนหวาดกลัวอะไรบางอย่าง
ฉันได้แต่ลูบๆปลอบๆอย่างไม่รู้ว่าเลยว่าเกิดอะไรขึ้น...
------------------ (จบตอน 26) --------------------
เพิ่งได้อ่านฟิคตำนานรักฯถึงตอนล่าสุด ไม่รู้โม่งฟิคจะต่อยังไงและมาเมื่อไหร่ แต่กูนึกพล็อตได้เลยมาเสนอสักนิด
หลังเรย์กะ(ในร่างคาบุ)เต้นรำกะเอ็นโจ(ในร่างเรย์กะ)แล้วมาคุยกัน คาบุ(ในร่างเอ็นโจ)ก็เข้ามาแทรกบอกว่ามีเรื่องจะคุยกะเอ็นโจ(ร่างเรย์กะ) เอ็นโจก็พูดเป็นนัยมาว่าเพลงเต้นรำรอบสองมาพอดี คาบุเลยต้องชวนเอ็นโจเต้นรำ
คนอื่นฮือฮาว่าเรย์กะได้เต้นกะคาบุแล้วยังได้เต้นกะเอ็นโจอีก!
ส่วนเรย์กะ(ร่างคาบุ) ก็ได้แต่มองแบบกลัวๆว่าไอ้สองคนนี้ทำบ้าไร กลัวโดนคนอิจฉาจนโดนกลั่นแกล้ง ต่างๆนานา
ทั้งสองเต้นรำพูดคุยได้สักครึ่งเพลง เอ็นโจ(ร่างเรย์กะ)ก็สะดุดลมล้มกลางงาน เรย์กะ(ร่างคาบุ)ตกใจจะเข้าไปดูอาการ เอ็นโจ(ร่างเรย์กะ)ส่งยิ้มให้ หันไปกระซิบยิ้มๆเรียกมาซายะ(ร่างเอ็นโจ) คาบุ(ร่างเอ็นโจ)หน้าซีด(?) แล้วอุ้มร่างเรย์กะขึ้นมาในท่าเจ้าสาวหันไปบอกเรย์กะ(ร่างคาบุ) ว่า"ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันพาคิโชวอินไปห้องพยาบาลเอง" แล้วเดินอุ้มออกไปจากงาน
เรย์กะ(ร่างคาบุ) ช็อกค้าง คนในงานยิ่งฮือฮาว่าสองหนุ่มเพื่อนซี้เปิดสงครามศึกชิงนางแล้ว
เชี่ยโคตรกาว ไม่คิดว่าพิมพ์แล้วจะยาวงี้ นี่คิดได้เป็นฉากๆ 5555555555
>>937 อุ้มไหวเรอะ....//โดนต่อย
ทำไมเอ็นโจในร่างเรย์กะดูเป็นนางมารจังวะ 5555555555 เหมือนบีบบังคับให้คาบุชวนตัวเองเต้นรำ มีล้ม แถมกระซิบข้างหู รู้สึกได้ถึงความอ่อยแรงมาก เป็นเคะให้คาบุไปก็ดีนะเอ็นโจ ถถถถถถถถถ (จริงๆคงกระซิบเพื่อแบล็คเมล์นั่นล่ะ แต่มองภายนอกไม่รู้เรื่องอะไรก็เหมือนอ่อยกันอยู่เห็นๆ)
เห็นความเป็นนางมารของเอ็นโจร่างหญิง กูชักอยากเขียนยูริขึ้นมาเลยว่ะ เป็นเรย์กะคิมิดอลกับเอ็นโจหญิง นางมารปะทะนางมารน่าจะแซ่บ พล็อตประมาณว่าเรย์กะเกลียดเอ็นโจหญิงที่เป็นสิ่งขัดขวางความรักของตัวเองกับจักรพรรดิเลยอยากกำจัดไปให้พ้นทาง ส่วนเอ็นโจหญิงดูอ่อนแอ เปราะบาง แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่....
มีใครสนใจยูริคู่นี้มั้ย กูจะลองเขียนดู 555555
>>938 ไม่ใช่นางมาร เขาเรียกว่ามีมารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนต่างหากล่ะคะ! ใครจะยอมให้มาซายะมีข่าวกะคคุณคิโชวอินคนเดียวกันล่ะ
5555
แต่เอ็นโจสลับร่างกะเรย์กะแต่ละฟิคนี่โคตรจะมีความเนียน สมหญิงคุณหนูยิ่งกว่าเรย์กะสะอีกนะ...
จริงๆแล้วที่คอยสตอล์กคอยมองนี่จะเป็นเหมือนอิวามุโระรึเปล่าวะ
"จริงๆแล้ว... ผมแอบปลื้มผมลอนโรโคโค่ของคุณคิโชวอินมานานแล้วล่ะครับ" เอ็นโจในร่างเรย์กะกล่าวพร้อมสะบัดผมลอนโรโคโค่อย่างสง่างาม
โว้ยยยย ท่านเรย์กะกู โดนนกโดนไก่จองเวรขี้ใส่อีกแล้วเหรอ ถถถถถถถถ มีนางเอกที่ไหนอนาถเท่านี้มั้ยวะเนี่ย
อ๊ะ จะว่าเป็นนางเอกก็ไม่ได้ดิตอนนี้ โชว์แมน โชว์ป๋าใส่วาคาบะอีกแล้ว เอาตำแหน่งพระเอกไปเลยเหอะ
ท่านเรย์กะแจกเครื่องแบบให้วาคาบะจังเกือบครบชุดละนะ ต่อไปจะมีให้ถุงเท้าอีกมั้ย5555
อ่านฟิคคู่หูไปแล้วอ่านแปลไทยต่อที่กูงงเลย แยกกาวไม่ออก
สรุป วาคาบะคงเสร็จท่านเรย์กะจริงๆนั้นแหละ เล่นปักธงย้ำแล้วย้ำอีก มาเงียบๆเนียน ปล่อยให้ คาราบุกิกับประธานตีแย่งกันหน้าฉาก
เรือวาคาบะนี่นำทุกเรือไปไหนแล้วนะ
เริ่มสงสัยล่ะ เรือวาคาบะกับเรือท่านพี่นี่พวกเดียวกับเรือคานป่ะวะ
ขนาดวาคาบะจังยังถามเลยว่าอึนกอีกแล้วเหรอ โธ่ เรย์กะเอ๊ย5555555555555
/มุมมองโชโจ ว้าย ท่านเรย์กะพาสาวเข้าบ้านล่ะ แถมเข้าห้องส่วนตัวอีกตังหาก ตอนมาก็มารถคันเดียวกัน เกร้ด
เรย์กะนี่จะปักธงวาคาบะแบบปักแล้วปักอีก มิดแล้วก็ตอกเข้าไปอีก โอ่ยฟิน5555555 บ้านวาคาบะจังอยากเจอตัวอีก แหมถ้าสองคนนี้ต่างเพศกันน้าาาา
กูอ่านตอนใหม่แล้วขำ วาคาบะยังผอมว่าเธออีกนะเรย์กะ5555555555
สวัสดี อดีตโม่งสารบัญก่ะ
นึกได้ว่านอกจากสารบัญฟิคในกระทู้แล้ว ก็ยังมีเรื่องที่กูเคยรับไม้ต่อเขาอย่างสารบัญตัวละครด้วย...
ยกให้ทั้งโฟลเดอร์ไปเลยละกัน ใครใคร่อัพปรับแก้อะไรก็ลุยเอาได้เลยจ้ะ ที่กูทำล่าสุดน่าตอน178
โฟลเดอร์ Reika-sama : https://drive.google.com/drive/folders/0BwR6XEqxsnTAZWdSckFqb182VDQ?usp=sharing
อันนี้นับสรุปให้คร่าวก่อนๆ เผื่อมีใครมาโหวตใหม่จะได้ไม่ต้องเลื่อนเยอะ
ผลโหวตชื่อกระทู้ที่ 10
1. ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับพิธีบูชายัญคานของเจ้าแม่ด้วยกาวถังที่ 10 >>834 >>890
///
2. ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฤดูใบไม้ผลิของท่านเรย์กะ หัวใจของเธอเป็นของฉันนะ! ภาคมโนครั้งที่10 >>891
/////(/)
(วงเล็บนี่คือมีคนนึงบอกว่าชอบ ไม่แน่ใจว่าโหวตมั้ย)
3. ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับกาวฟรุ้งฟริ้งสีชมพู เรย์กะจังโดคิ โดคิ ยกกำลัง 10 ♡♡ (,,,ゝ∀・,,,)ノシ dkdk *:・゚✧*:・゚✧ >>898 - 899
////
4. ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : มหกรรมต่อ/อุด/แปะเรือ(กาว)ซุยรันแฟร์ สู้ต่อไป กัปตันเรย์กะ! >>900
/
5. ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฤดูใบไม้ผลิอันฟรุ้งฟริ้งของเรย์กะจัง♡ ~โดขิโดขิ หัวใจของเธอเป็นของฉันนะ! ♡♡ กาวยกกำลัง10! ♡♡ (,,,ゝ∀・,,,)ノシ *:・゚✧*:・゚✧ >>913
////////////
6. ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับขนคิ้วเจ้าแม่ที่หายไป ขนเส้นที่10 >>915
/
โหวต 6 ให้กับความสร้างสรรค์ 5555
โหวต 2. ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฤดูใบไม้ผลิของท่านเรย์กะ หัวใจของเธอเป็นของฉันนะ! ภาคมโนครั้งที่10
โหวต 6 // ตีลังกาหลบตีนท่านเรย์กะ
อย่าลืมปิดโหวตแล้วก็ตั้งมู้ใหม่น้า นี่ก็จะ970ละ /แวะมาบอกเฉยๆนี่ทำเองไม่เป็นหรอก55555
โหวต 2 ชอบคำว่าภาคมโน 55555
โหวต 6ๆ ขนคิ้วหาย 555555555555
ใน pixiv มีภาพ fan art ท่านเรย์กะที่คนไทยไปลงไว้ด้วย ปลาบปลื้มยิ่งนัก
ขออนุญาตปิดโหวตเลยละกันไหนๆก็ดูแนวโน้มไม่น่าเปลี่ยน
-----------------------------------------------------------
1. ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับพิธีบูชายัญคานของเจ้าแม่ด้วยกาวถังที่ 10 >>834 >>890
///
รวม 3
2. ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฤดูใบไม้ผลิของท่านเรย์กะ หัวใจของเธอเป็นของฉันนะ! ภาคมโนครั้งที่10 >>891
/////(/)/
(วงเล็บนี่คือมีคนนึงบอกว่าชอบ ไม่แน่ใจว่าโหวตมั้ย)
รวมวงเล็บด้วยละกัน 7
3. ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับกาวฟรุ้งฟริ้งสีชมพู เรย์กะจังโดคิ โดคิ ยกกำลัง 10 ♡♡ (,,,ゝ∀・,,,)ノシ dkdk *:・゚✧*:・゚✧ >>898 - 899
////
รวม 4
4. ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : มหกรรมต่อ/อุด/แปะเรือ(กาว)ซุยรันแฟร์ สู้ต่อไป กัปตันเรย์กะ! >>900
/
รวม 1
5. ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฤดูใบไม้ผลิอันฟรุ้งฟริ้งของเรย์กะจัง♡ ~โดขิโดขิ หัวใจของเธอเป็นของฉันนะ! ♡♡ กาวยกกำลัง10! ♡♡ (,,,ゝ∀・,,,)ノシ *:・゚✧*:・゚✧ >>913
///////////////
รวม 15
6. ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับขนคิ้วเจ้าแม่ที่หายไป ขนเส้นที่10 >>915
/////
รวม 5
------------------------------------
เพราะฉะนั้นกระทู้หน้า : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฤดูใบไม้ผลิอันฟรุ้งฟริ้งของเรย์กะจัง♡ ~โดขิโดขิ หัวใจของเธอเป็นของฉันนะ! ♡♡ กาวยกกำลัง10! ♡♡ (,,,ゝ∀・,,,)ノシ *:・゚✧*:・゚✧
กระทู้หน้า :
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับฤดูใบไม้ผลิอันฟรุ้งฟริ้งของเรย์กะจัง♡ ~โดขิโดขิ หัวใจของเธอเป็นของฉันนะ! ♡♡ กาวยกกำลัง10! ♡♡ (,,,ゝ∀・,,,)ノシ *:・゚✧*:・゚✧
======
เอาไว้พูดคุยเรื่อง "นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ!"
รักใคร อวยใคร ชอบใคร อยากให้ใครเข้าวิน เชิญได้ที่กระทู้นี้
.
謙虚、堅実をモットーに生きております!
นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ!
(RAW) http://ncode.syosetu.com/n4029bs/
(TH) http://www.nekopost.net/novel/3015
♕ คลังกระทู้ ♕
>>>/webnovel/3289/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ [เรือลำที่ 1 : องค์ชายเอ็นโจ]
>>>/webnovel/3364/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำชายามบ่ายของโม่งซุยรัน [ซาลอนที่ 2]
>>>/webnovel/3451/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันยามบ่ายกลางจักรวาลแห่งกาว (ยานแม่ลำที่3)
>>>/webnovel/3507/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับสตูดิโอกาวโปรดักชั่นหมายเลข 4
>>>/webnovel/3543/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับปฏิบัติการปลูกไร่กัญชาบนดาวเคราะห์ดวงที่ 5
>>>/webnovel/3572/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับหลุมดำดูดเวลา กาวแลคซี่ที่ 6
>>>/webnovel/3588/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับเรือกาวฟิคที่ไปไกลกว่าเรืออฟช. ลำที่ 7
>>>/webnovel/3600/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการผนึกกำลังของเหล่าพันธมิตรเรือเพื่อล่มเกาะแห่งคาน ครั้งที่ 8
>>>/webnovel/3628/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับนิทรรศการเรืออับปางใต้ท้องทะเลลึก ครั้งที่ 9
สารบัญแฟนฟิค-แฟนอาร์ต-รายชื่อตัวละคร
https://docs.google.com/document/d/1Jtm_XMsTD_t_6GWtvFfN3qDIm3yxYGeJCX29QUS1vIo/edit?usp=sharing
How to: วิธีการใช้และอัพเดตสารบัญ
https://docs.google.com/document/d/1ET-eMchwMQyJ8awYO1Q5yIcKWuTeJrJ0TVhXXVd8eD4/edit?usp=sharing
รวมไฟล์สารบัญ
https://drive.google.com/drive/folders/0BwR6XEqxsnTAZWdSckFqb182VDQ
----------------------------------------------------------------------------------------
ปอลอ ใครใช้ justpaste.it เป็นจะแก้อันนี้ก็ได้เนอะ เราทำไม่เป็น ขอสรุปหัวกระทู้หน้าได้แค่เท่านี้//กราบโม่งสารบัญคนก่อน มึงช่างขยันยิ่งนัก ทั้งสารบัญทั้งฟิค
>>978 คิดว่าที่ >>973 บอกน่าจะอันนี้นะ
http://www.pixiv.net/member_illust.php?illust_id=62070468&mode=medium
ขอ ky นะ รู้ว่าจบประเด็นนี้นานแล้วแต่พึ่งมาอ่ะ
ส่วนตัวไม่ชอบริสัยแบบเอ็นโจตั้งแต่ตอนบอกเรย์กะว่าติดหนี้ตัวเองแล้ว
ผู้ชายอะไรคิดเล็กคิดน้อยจังวะ ดูเอาแต่ได้อ่ะ แต่เรย์กะช่วยใครก็ฟรีตลอด ดูแมนกว่าอีก
>>982 กูไม่รู้ว่ะ แต่กูว่าน่าจะเป็นที่การเลี้ยงดูของบ้านนั้นด้วย กูว่าบ้านเอ็นโจนี่ดูน่ากลัว
คือกูไม่ได้อ่านดิบแต่มีโม่งสปอยไว้ป่ะว่าที่ท่านเอ็นโจคบกับท่านคาบุรากิก็เพราะว่าดูเป็นคนตรงๆ คือมึงงงง เด็กต้องโตมาในครอบรัวแบบไหนถึงเลือกเป็นเพื่อนเด็กอีกคนเพราะเป็นคนตรงๆ (ถ้ากูจำสปอยผิดกรุณามาช่วยกูเก็บเศษหน้าด้วย...)
หรือตัวอย่างบ้านเอ็นโจอีกคนก็น้องยูกิโนะ อ.ฮิโยโกะยังไม่เฉลยว่าจริงๆแล้วน้องแกนิสัยยังไงกันแน่แต่มีใบ้มาเรื่อยๆ อย่างเช่น ตอนที่เรย์กะบอกยูกิโนะน่ารัก พวกคาบุกับเอ็นโจก็มีปฏิกิริยาแปลกๆ ไหนจะตอนที่คาบุบอกจะไปดูว่าตอนอยู่เปอติตน้องยูกิโนะจะทำตัวยังไง ไหนจะตอนทำหน้างงเรื่องซานต้า
(นี่ไม่นับอันที่กูคิดไปเอง อย่างเรื่อง ของฝากที่คาบุเอาไปให้ยูกิโนะตอนเข้าโรงพยาบาล คือต่อให้ท่านคาบุรากิในมุมท่านเรย์กะจะเพี้ยนประหลาดยังไง เวลาท่านคาบุรากิให้อะไรคือคิดแล้วว่าจะให้อันนี้กับคนๆนั้นนะ เช่น หนังสือกดจุดให้ท่านเรย์กะแบบนี้คือมองว่าท่านเรย์กะเมื่อยถูกมั้ย หรือตอนให้หนังสืออกหักคือท่านคบรก.ก็รู้อีกอ่ะ แล้วตอนไปงานเลี้ยงท่านเรย์กะก็บอกว่าท่านคบรก.สามรถทรีตผู้หญิงแบบปกติได้ คืออันนี้คือคิดว่าไม่น้องยูกิโนะชอบก็ต้องมีอะไรซักอย่างให้คาบุรากิเข้าใจว่าชอบอ่ะ อย่างเซตนักษัตรท่านเรย์กะงี้ แต่คือมันต้องมีสาเหตุอ่ะนึกออกมั้ย ท่านคาบุรากิไม่ใช่คนเด๋อด๋าขนาดนั้น)
โดยรวมๆแล้ว คือ ไอ้นิสัยของท่านจอมมารอ่ะอาจจะมาจากปมครอบครัวที่ยังไม่ออก
แต่แบบเราว่าบอกว่าติดหนี้มันก็นะ...ดูกร๊าวไปอีกแบบ คือมองภายนอกก็กรี๊ดแหล่ะ แต่ถ้าเป็นท่านเรย์กะ...ก็คงจะกรี๊ดเหมือนกันแต่คนละความรู้สึก5555 แต่ขอเถียงเรื่องเอาแต่ได้ได้มะ เราว่าการมองว่าช่วยคนอื่นเแล้วถือว่าเป็นหนี้มันคือพวกแล้งน้ำใจมากกว่าเอาแต่ได้ง่ะ
เอาแต่ได้ดูแรงไป5555
--------
เฮ้ย คือ พิมความเห็นไปก็แบบ มีเม้นนึงที่เคยบอกว่าฟิคทะลุมิติมองท่านคบรก.ขาดมาก คือใช่เลย เห็นด้วยมากๆ คือตอนพิมนี่เกือบจะยกตัวอย่างกาวละ ถถถ สับสนหนักมาก
งานดีมากโม่งฟิค สู้ต่อไป
//สาบานว่านี่เรือเอ็นโจ...ทำไมกูอวยคาบุรากิขนาดนี้วะเนี่ย
>>982 โดนบ้านเลี้ยงมาแบบนั้นมั้ง ตอนเรย์กะช่วยยูกิโนะ เอ็นโจยังบอกเลยว่าบุญคุณนี้ต้องตอบแทนอย่างแน่นอน กูเลยคิดว่าเป็นการปลูกฝังจากทางบ้านว่ะ ประมาณว่าบนโลกนี้ไม่มีใครช่วยใครฟรีๆหรอก ถ้าช่วยต้องมีผลประโยชน์หรืออะไรเป็นการแลกเปลี่ยนอะ มาเจอคนแบบเรย์กะที่ช่วยคนอื่นแบบบริสุทธิ์ใจ ฮีก็คงไปไม่เป็นเหมือนกันล่ะ อีกอย่างเอ็นโจมันไม่ใช่พวกอุทิศตัวเองเพื่อช่วยคนอื่นแบบเรย์กะด้วยอะดิ ถึงในมังงะจะชงคาบุกับวาคาบะก็เหอะ ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ตัวเองหรือคาบุเดือดร้อนยุ่งยากในภายภาคหน้าจะไม่เข้าไปยุ่งเด็ดขาด
จริงๆเอ็นโจพูดเรื่องหนี้บุญคุณแค่ไม่กี่ครั้งเองนะมึง ใช่ว่าจะเก็บทุกเม็ดทุกดอกตอนฉากทุกตอนอะไรขนาดนั้น ครั้งแรกก็โดนต่อยสั่งสอนไปแล้ว สงบเสงี่ยมขึ้นเยอะ ครั้งที่สองก็ที่เรย์กะแบกยูกิโนะนี่ล่ะ
>>982 กูก็ว่าเป็นเพราะที่บ้าน บ้านฮีดูลึกลับมากกก พ่อไม่กล่าวถึง ทำกิจการอะไรไม่มีบอก แต่ให้ความรู้สึกเป็นครอบครัวกดดันยังไงไม่รู้
สปอยดิบ
.
.
.
.
.
ถึงขั้นมีหนีที่บ้านมานั่งสิงอยู่ที่ซาลอน คืออัลไล บ้านมันต้องบรรยากาศแย่ขนาดไหนวะกูถึงกับสงสัย แต่ที่แน่ๆกูอยู่เรือคาบุส่วนนึงเพราะบ้านเอ็นโจ คือเรย์กะที่ดูเอ๋อๆบ๊องๆ แต่ก็ครอบครัวอบอุ่น มีพ่อเป็นทานุกิเฮฮา คุณแม่ที่ดูเป๊ะก็มีความรั่วแอบหลุดมาดตอนเรย์กะคิ้วแหว่ง สันนิษฐานมาแต่ละอย่างนี่บับบบ คือถ้าไม่ EQ สูงจนรั่วตามลูกสาวนี่คิดแบบนั้นไม่ได้นะเออ ท่านพี่ก็อ่อนโยนใจดี แม้ภายในใจจะบ่นน้องสาวแหลกแต่พอต่อหน้าก็ จ้ะ~~~ ยอมทุกอย่างกระทั่งกระเดือกอาหารที่ชีทำ คือดูชีวิตดีไม่มีอะไรต้องเครียดกับครอบครัว บ้านดูอบอุ่นอะ กูเลยไม่รู้สึกว่าบ้านเอ็นโจจะทำให้เรย์กะมีความสุขได้ ในขณะที่บ้านคาบุรากิยังดูโอเคกว่า มีดิบหลังๆเรื่องคุณพ่อคาบุรากิที่เป็นคุณลุงสุดเท่มาดจักรพรรดิตัวจริง แต่ยังเอาหนังสือที่มีโคโลนี่แมลงสร้างราชอาณาจักรอยุ่ในปกกลับบ้านจนวุ่นวาย มันก็ดูรั่วๆอะ ดูแบบไม่ได้เครียด จริงๆดูดีกรีความเพี้ยนพอกันกับเรย์กะของคาบุกูว่าที่บ้านก็ต้องมีส่วนนะ... คืออย่างน้อยก็ดูเหมาะกับเรย์กะมากกว่าความอึมครึมของบ้านเอ็นโจว่ะ ส่วนตัวสำรองกับท่านอิมาริ(หรือน้องชาย)นี่ทางบ้านกูก็ยังไม่รู้ว่าเป็นไงก็เลยไม่มีคะแนน แต่เท่าที่ออกตอนนี้กูบวกคะแนนเรื่องทางบ้านให้คาบุนำเอ็นโจขาด
>>985 ยังโว้ย กูยังตอกตะปูซ่อมเรืออยู่แบบช้าๆ(เพราะกูขี้เกียจ) แม้ตอนนี้ลูกเรือเอ็นโจจะแปรพักตร์ไปเกือบหมดแล้วก็ตาม จิตใจกูหนักแน่น ไม่เคยหวั่นไหวต่อคลื่นลมและคำเชิญชวนจากเรืออื่น ถถถถถถถถถถถถถถ กูว่าฮีน่าสงสารนะ เป็นคนที่ปกปิดอะไรหลายๆอย่างด้วยรอยยิ้ม
>>987 คือ ครอบครัวของเอ็นโจนี่ไม่ธรรมดาแน่ๆอะ เด็กหกขวบตามวัยมันก็ต้องใสๆร่าเริงๆใช่มะ แต่น้องแกรู้จักปั้นคำตอบออกมาให้ถูกใจคนอื่นแล้วอะ ต้องอยู่ในบ้านแบบไหนถึงจะออกมาเป็นสองพี่น้องนี่อะ ยิ่งตอนยุยโกะมาที่โรงเรียน ยูกิโนะบีบมือเรย์กะแน่นเลยนะ กูยังสงสัยไม่หายว่ายัยนี่ทำอะไรน้องเขาป่ะวะ
>>988 กูก็หวังแบบนั้นเหมือนกัน ความสดใสของท่านเรย์กะคงช่วยปัดเป่าความอึมครึมในบ้าน เป็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีได้อะ
ยังไม่มีคนตั้งมู้ใหม่ช้ะ งั้นเราตั้งนะ
>>988 แต่ว่ามีคนที่ทางบ้านเล็งไว้เป็นยุยโกะอีกนะมึงงงง คือกูไม่ได้อะไรกับว่าที่คู่หมั้น ผู้ใหญ่ดูๆกันไว้ บลาๆๆ แต่แบบนิสัยชี โอ้วมายยยย คือไม่โอเคอ่ะ แล้วคิดดูว่าบ้านเอ็นโจโอเคกับคนแบบนี้ กูนี่พอเห็นภาพบุคลิก ทัศนคติคนในครอบครัวเลยมึ้งงงง รู้สึกแบบถ้าโอเคกับยัยเฟคนี่ คงไม่ได้ว้าวอะไรกับความน่ารักจริงใจของเรย์กะเท่าไหร่ ดูไม่ใช่ประเด็นโฟกัสน่ะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
มีฉากในงานเลี้ยงที่คาบุพาเรย์กะวนไปเจอเอ็นโจอยู่กับยัยนี่ แล้วนางก็ทำท่าล่องลอยถือแก้วเครื่องดื่มสีสวยๆอยู่ เรย์กะด้วยความไม่อยากให้เดดแอร์ก็ชวนคุยเรื่องของกินเรื่องเครื่องดื่มแนวๆแบบหน้าตาดูน่าอร่อยหนาก๊ะงี้ ยัยยุยโกะก็บอกมาแค่ว่าเอามาถือเพราะหน้าตาเครื่องดื่มมันเสริมลุคนาง เรย์กะก็พยายามแบบแต่มันก็อร่อยสินะ ยัยนั่นเมินจ้าาา คือแบบเดดแอร์กันไป กูว่ามารยาทโคตรแย่เลยนะแบบชนชั้นสูงด้วยกันแล้วเมินบทสนทนาอีกฝ่ายดื้อๆ เรย์กะก็ดูอึดอัดมากด้วย มันก็มีความเสียหน้าเบาๆกูว่า แถมคนเลือกของกินมาถือเพราะส่งเสริมลุคนางเอกล่องลอยอะไรของนางนี่แบบเออะ อะไรวะ กูไม่โอเคคคค มีความเฟคหาพรอพประกอบฉากมาก แค่เรื่องเล็กๆแบบเครื่องดื่มมึงยังต้องพยายามขนาดนี้ เรื่องอื่นจะขนาดไหนวะเนี่ย ปลอมมาก
>>990 ลิ้งก์นี้นะ https://fanboi.ch/webnovel/3689/
ปล.ฝากเม้นสุดท้ายวางระเบิดนิทรรศการเรือหน่อยสิ...มันอัปมงคลมากๆ คลด เคล็ดอะไรไม่มีอ่ะ
>>989 มึงมู้หน้าเรามาพยายามซ่อมเรือไปด้วยกันนะ
มาช่วยปั่นให้ไปทู้หน้าไวๆจ้ะ
>>989 >>992 เดี๋ยวกูหาไม้ หาตะปูมาเสริมนะพวกมึง TT /กอดสหายเรือเอ็นโจ
>>991 กูคิดว่าผู้ใหญ่ไม่รู้ธาตุที่แท้จริงของนางง่ะ.... คือเราเป็นคนอ่านเว้ย เราก็จะเห็นเรื่องหลายๆด้าน แต่ถ้าเราเป็นคนที่เผชิญเหตุการณ์นั้นๆ โดยที่เราไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของคนที่เรารู้จัก เราก็จะจำภาพของคนนั้นในแง่ว่าเค้าปฏิบัติกับเรายังไงอะ ;-;
กูอยากให้ทุกคนใจเย็นๆก่อนนะ ตอนนี้เรื่องมันยังไม่ถึงไหนเลย ไม่รู้อ.ฮิโยโกะจะพาเรื่องไปทางไหน อย่าเพิ่งjudgeตัวละครที่ยังไม่ค่อยมีบทกันไปไวเกิน
>>995 อันนี้ก็อาจจะมั้ง
.
.
.
.
.
.
แต่คือกูเงิบตรงเวลาชีแสดงออกเด็ดๆนี่ก็ต่อหน้าเอ็นโจเลยนะ แบบก็ไม่ได้คีพลุคอะไรแสดงออกกันชัดๆไปเลยงี้ และไม่ปลื้มกว่าตรงที่เอ็นโจไม่ได้ช่วยอะไรเรย์กะเร้ย นางต้องไปพยายามส่งซิกให้คาบุช่วยพาออกจากวงแทน กูเลยเอิ่มกับประเด็นยุยโกะมากอยู่
จะปิดมู้ละ กูจะดูลงท้าย
เรือวาคาบะบันไซ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.