Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับนิทรรศการเรืออับปางใต้ท้องทะเลลึก ครั้งที่ 9

Last posted

Total of 1000 posts

203 Nameless Fanboi Posted ID:BalxOmawY

เอ็นโจเลี้ยงต้อย >>>/webnovel/3628/82-84

--------------------------------

เวลาผ่านไปเร็วมาก จนพวกเราขึ้นม.4 แล้วผมก็นึกถึงคุณทาคามิจิขึ้นมา

ในโลกเดิมของผม มาซายะจะต้องอกหักจากยูริเอะจนต้องเดินทางไปฆ่าตัวตาย แต่เรย์กะช่วยมาซายะเอาไว้ให้หายจากอาการเหล่านั้น แล้วมาซายะก็หลงรักคุณทาคามิจิ ดังนั้น ผมก็ควรจะส่งเสริมให้คุณทาคามิจิช่วยเยียวยาหัวใจของมาซายะ ไม่ให้เรย์กะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้

ตั้งแต่ที่ชูสุเกะในโลกกระจกเตือนผม ผมก็กลัวมาตลอดในเรื่องที่ว่าผมไม่อาจบังคับใจใครได้

ถึงเรย์กะจะตัดใจไปแล้ว แต่ผมก็จะไม่เสี่ยงเด็ดขาด ผมจะไม่ยอมให้มีตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้ปรากฎขึ้นมาอย่างแน่นอน
.
.
.

คุณทาคามิจิเป็นเด็กผู้หญิงที่ร่าเริง ยิ้มง่าย ไม่ต่างจากเด็กผู้หญิงธรรมดาๆทั่วไป เธอสอบเข้ามาในโรงเรียนด้วยคะแนนสูงสุดของการเป็นนักเรียนทุน เป็นเหมือนโลกเดิมที่ผมเคยรู้จัก

วันแรกที่เข้าเรียน ดูเหมือนไม่มีใครบอกเธอเรื่องที่นั่งพิเศษของ Pivoine ว่าห้ามนักเรียนทั่วไปมานั่ง คุณทาคามิจิที่มองหาที่นั่งในโรงอาหาร เห็นมันว่างอยู่ก็ตรงดิ่งเข้ามาแบบดีอกดีใจ วางข้าวกล่องในมือลงบนโต๊ะ เลื่อนเก้าอี้ออกกำลังจะหย่อนตัวลงนั่ง

เหล่า Pivoine ที่นั่งรับประทานอาหารกันอยู่เงียบกริบในทันที

"ใครใช้ให้เธอมานั่งตรงนี้" รุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มตวาดขึ้น "หัดเจียมตัวซะบ้างสิ"

คุณทาคามิจิชะงักค้าง กระพริบตาปริบๆแบบงุนงง คงรู้ตัวว่าทำอะไรพลาดไปแล้วและกำลังจะอ้าปากขอโทษ แต่กลับถูกปัดของทิ้งจากโต๊ะ กล่องข้าวกระเด็นคว่ำหน้าลงไปไม่เหลือชิ้นดี

ผมเหลือบมองเรย์กะว่าจะมีปฎิกริยาอย่างไร แต่เธอทำเพียงแค่มองแล้วก็รับประทานอาหารต่อแบบไม่สนใจ

ดีจริงๆที่เธอไม่ได้บ้าคลั่งความเป็น Pivoine เหมือนหลายๆคนที่ตรงนี้ นับว่าการอบรมสั่งสอนกริยามารยาทของผมใช้ได้

โลกเดิมเท่าที่จำได้คือเรย์กะเป็นคนลุกขึ้นเตือนคุณทาคามิจิเองว่านั่งไม่ได้ แต่ตอนนี้อะไรๆก็เปลี่ยนไป ผมเองก็พยายามทำให้เธอเหมือนเรย์กะในโลกเดิมที่ผมจากมาให้ได้ใกล้เคียงที่สุด แล้วก็ใส่ความชอบกับรสนิยมของผมเข้าไปด้วย ผลก็คือเธออย่างทุกวันนี้ยังไงล่ะ

ตอนนี้ทุกสายตาจ้องมองมาที่ตรงนี้ มาซายะที่ไม่ค่อยจะสนใจอะไรก็เหลือบมองคุณทาคามิจิด้วย

คุณทาคามิจิที่กำลังก้มลงเก็บกล่องข้าว หน้าแดงแจ๋แบบอับอาย พอเก็บเสร็จวิ่งออกจากไปที่ตรงนี้แทบจะในทันที

เหล่ารุ่นพี่เริ่มพูดกันอย่างหงุดหงิด "เด็กใหม่เหรอ ใครน่ะ ค้นชื่อมาแล้วเตือนให้หนักๆเลยจะดีกว่า"

"นักเรียนทุนพิเศษยังไงล่ะครับ อยู่ห้องผมด้วย รู้สึกจะชื่อคุณทาคาซึกิอะไรนี่แหล่ะ"

"หวา แย่จริงเชียว ต้องลงโทษให้หนักๆเลยนะคะ จะได้หลาบจำ"

พอทานมื้อกลางวันเสร็จ ขบวน Pivoine ที่นำโดยประธานและผู้ติดตามอีกหลายคน เดินทางไปที่ห้องของคุณทาคามิจิ เรียกทั้งเธอและหัวหน้าห้องของเธอออกมาต่อว่าเรื่องมารยาทและการปฏิบัติตัวเสียยกใหญ่

คุณทาคามิจิได้แต่ก้มหัวขอโทษ แต่ดูเหมือนทุกคนจะยังไม่พอใจ

มาซายะขมวดคิ้ว มองประธาน Pivoine อย่างไม่ชอบใจเมื่อได้ยินคำกล่าวพาดพิงไปถึงครอบครัวและชาติกำเนิดของคุณทาคามิจิ ผมเองก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่รุนแรงเกินไปเหมือนกัน กะอีแค่เด็กใหม่นั่งผิดที่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดจารุนแรงขนาดนี้เลย

หวังว่าเรย์กะจะไม่เป็นแบบผู้หญิงคนนี้นะ

คุณทาคามิจิกลายเป็นตัวปัญหาอย่างรวดเร็ว เมื่อถูกเพ่งเล็งจาก Pivoine ก็แทบไม่มีใครกล้าคุยกับเธอสักคนและตีตัวออกห่าง ซ้ำร้ายเมื่อมีคนกลั่นแกล้งรังแก ทุกคนก็ทำแค่หัวเราะ หรือไม่ก็ช่วยรุมซ้ำเติมเข้าไปอีก

ผมอดเห็นใจเธอไม่ได้ ควรจะยื่นมือเข้าไปช่วยดีมั้ยนะ

และเท่าที่จำได้ การกลั่นแกล้งมันไม่ได้รุนแรงกันขนาดนี้นี่นา
.
.

เย็นวันหนึ่ง ผมกลับบ้านช้ากว่าปกติเพราะต้องไปเป็นที่ปรึกษาให้กับกรรมการห้องเรื่องงานเทศกาลโรงเรียนที่กำลังจะมาถึง เรย์กะกลับไปก่อนแล้วเพราะมีเรียนพิเศษ พักนี้เราไม่ค่อยอยู่ด้วยกันเท่าไหร่เนื่องจากตารางเวลาที่รัดตัวมากขึ้น ต่างคนก็ต่างยุ่ง

ตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย ผมก็มีกำหนดการไปงานเลี้ยงนั่นนี่มากมาย หรือไม่ก็เรียนพิเศษเพื่อเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย อนาคตถูกวางไว้ล่วงหน้าเสร็จสรรพในฐานะผู้สืบทอดตระกูลเอ็นโจ ไม่ต่างจากโลกเดิมสักนิด

มีแค่เธอที่ผมเต็มใจเลือกด้วยตัวเอง

ผมเคยเปรยๆเรื่องนี้กับท่านแม่เรื่องเรย์กะ ท่านแม่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ดีเสียอีกที่ได้เกี่ยวดองกับตระกูลคิโชวอิน อนาคตสดใสราบรื่นไม่มีปัญหา

แต่สำหรับมาซายะอาจจะไม่เป็นเช่นนั้น

204 Nameless Fanboi Posted ID:BalxOmawY

ตอนที่เดินผ่านระเบียงทางเดินหนึ่ง ผมก็เห็นคุณทาคามิจิกำลังก้มๆเงยๆอยู่ในบ่อเลี้ยงปลา ควานมือไปทั่วเหมือนกำลังหาอะไรอยู่ คิดจะเข้าไปทักว่าเธอทำอะไร แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อมาซายะก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย

ทั้งคู่คุยอะไรกันอยู่ครู่หนึ่ง มาซายะก็ถอดถุงเท้า รองเท้า และพับขากางเกงขึ้น เดินลงไปในน้ำด้วย

คุณทาคามิจิแตกตื่นใหญ่เลยล่ะ ดูจากท่าทางเธอคงพยายามจะบอกให้มาซายะขึ้นจากน้ำ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ ปล่อยให้มาซายะก้มๆเงยๆช่วยหาของด้วย

ผมยืนดูจนทั้งคู่ขึ้นมาจากน้ำ มาซายะใส่รองเท้าเรียบร้อยก็คว้าข้าวของเดินจากคุณทาคามิจิมา พอเห็นผมยืนอยู่ก็ชะงักทันที

“ถูกนางเงือกล่อลวงให้ลงไปเหรอ” ผมเอ่ยปากแซวทันที “เห็นเล่นน้ำสนุกใหญ่”

“นางเงือกอะไรกัน ก็แค่ผู้หญิงเฟอะฟะที่ไม่รู้จักปกป้องตัวเองนั่นล่ะ ให้เขารังแกอยู่ได้”

“ด้วยฐานะของคุณทาคามิจิทำได้ที่ไหน โรงเรียนนี้น่ะมีแต่ผู้มีอิทธิพลใหญ่โตกันทั้งนั้นนะ” ผมส่ายหน้า “คราวนี้เธอโดนอะไรเข้าล่ะ”

“เอากระเป๋านักเรียนกับอุปกรณ์ไปทิ้งน้ำ”

“แย่จริงเชียว”

“ฉันเกลียดการกระทำแบบนี้ชะมัด”

ผมเหลือบมองมาซายะ ถึงความรู้สึกนึกคิดบางอย่างจะต่างไปจากคนที่ผมรู้จัก แต่เขาก็ยังมีพื้นฐานนิสัยเดิมอยู่คือตรงไปตรงมา และเกลียดการเล่นสกปรกเป็นที่สุด ท่าทางของใครหลายคนในเวลานี้ทำให้มาซายะไม่พอใจมาก คงจะคิดหาทางจัดการอยู่

ผมหวังว่าจะมีเรื่องสนุกๆให้ดูในเร็ววัน
.
.
.

กลางดึก เรย์กะโทรมาหาผม พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนกำลังร้องไห้

ผมร้อนใจจนวิ่งออกไปข้างนอก สั่งให้เอารถออกแล้วไปหาเธอเดี๋ยวนี้ แต่กลับถูกห้ามไว้ไม่ให้มา

“ตอนนี้ที่บ้านไม่สะดวกน่ะ” เธอพูดด้วยเสียงอู้อี้ “ขอโทษด้วยนะ”

ผมเลยต้องกลับขึ้นไปที่ห้องนอน คุยปัญหากับเธอ สาเหตุมาจากการที่ท่านพี่กับท่านพ่อของเธอทะเลาะกันในวันนี้ รุนแรงจนถึงขั้นขว้างปาข้าวของใส่

“ดูเหมือนจะมีปัญหากันมาตั้งแต่อยู่ที่ทำงานแล้วล่ะ” เรย์กะสะอึกสะอื้น “ทะเลาะอะไรกันก็ไม่รู้ น่ากลัวมากๆ ท่านแม่เองก็ห้ามไม่ได้ด้วย”

ตอนนี้ ท่านพี่ของเธอก็ออกไปจากบ้าน ส่วนประธานคิโชวอินความดันขึ้นจนต้องไปนอนโรงพยาบาลกลางดึก วุ่นวายกันไปหมด ส่วนเธอเองก็อยู่โรงพยาบาลในเวลานี้

เธอเงียบไปอีกพักใหญ่ๆแล้วก็เริ่มต้นพูด

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ”

ผมกำลังจะปลอบเธอ แต่คำพูดที่ตามหลังมากลับทำให้ต้องนิ่งค้าง ความเย็นวาบแผ่ขยายตั้งแต่ศีรษะถึงปลายนิ้ว

“ท่านพ่อพูดถูก เขามันพวกนอกคอก ไม่สมควรจะเกิดมาในตระกูลคิโชวอินเลยสักนิด” แม้เสียงจะแผ่วค่อยแค่ไหน แต่ก็สัมผัสได้ถึงความชิงชังเต็มเปี่ยมจนน่าขนลุก “คนอย่างนั้นน่ะไปซะได้ก็ดี ชอบทำให้ท่านพ่อผิดหวังอยู่เรื่อย บ้านเราคงดีกว่านี้ถ้าไม่มีเขา”

“เรย์กะ”

“ฉันต้องวางแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”

สายตัดไปแล้ว แต่ผมยังคงมองโทรศัพท์อยู่ในท่าเดิม

ผมคิดว่ารู้จักเธอดียิ่งกว่าใครๆ ไม่ว่าเรื่องไหนก็รับมือได้สบายมาก เอาแต่ใจอย่างไรก็น่ารัก

แต่ชั่วพริบตาที่คำพูดเหล่านั้นหลุดรอดออกมา เธอกลับดูเหมือนคนแปลกหน้าที่ผมเพิ่งเคยได้พบ

และผมไม่รู้จักเรย์กะคนนี้มาก่อนเลย

----------------------
ลงวันละนิดจิตแจ่มใส

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.