อันที่จริง ใช่ว่ามาซายะจะไม่รู้ว่าเรย์กะคิดอะไรกับตัวเอง แต่เพราะเธอตัวติดกับผมตลอด มาซายะคงจะคิดว่าเรย์กะตัดใจจากเขา ยอมเปิดใจให้ผมได้ในที่สุด
“ไม่มีอะไรหรอก” ผมลุกขึ้นมานั่ง จับหนังสือเรียนมาบังหน้า “เราก็แค่ตกลงกันว่าจะตั้งใจอ่านหนังสือสอบ แล้วก็ยุ่งๆด้วย เลยไม่ได้คุยกันก็เท่านั้นล่ะ”
มาซายะเลิกคิ้วขึ้น แล้วก็ถอนใจออกมาแบบเหนื่อยหน่าย เปิดหนังสืออ่านทบทวนบทเรียนวิชาต่อไปไม่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก
โชคดีที่ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว พอจะมีอะไรมาดึงความสนใจไปได้บ้าง ผมทุ่มอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตายทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อไม่ให้มีเวลาว่างฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องอื่น
.
.
ความพยายามของผมสำเร็จผล การสอบปลายภาคงวดนี้ผมได้ลำดับหนึ่ง ที่สองคือมาซายะ ผมว่าจะไม่สนใจแล้ว แต่ก็ยังกวาดตามองหาชื่อของเธอบนบอร์ด
ปกติที่ผมติวให้ เธอมักจะอยู่ราวๆลำดับที่ 10-20 เสมอ แต่ตอนนี้กลับหาชื่อเธอไม่พบ ไม่อยู่ตรงไหนบนบอร์ดเลย
พอเห็นกลุ่มของเรย์กะเดินมาดูคะแนนของตัวเอง ผมเลยชวนมาซายะไปจากที่นี่ ตอนเดินสวนกันเธอทำเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมทำแค่ยิ้มน้อยๆให้แล้วไม่สนใจ
“พวกนายสองคนยังไม่คืนดีกันอีก” มาซายะถามขึ้น
“พูดเรื่องอะไรเหรอ”
“ยัยนั่นหน้าเสียไปเลยนะ ตอนนายเมินใส่”
“อือ” ผมพยักหน้า “แล้วไง”
“ชูสุเกะ นายมีปัญหาอะไรก็บอกฉันมาเถอะ” มาซายะวางมือสองข้างลงบนไหล่ผม “ฉันไม่ชอบที่นายเป็นแบบนี้เลย”
“ไม่มีอะไรหรอก มาซายะ” ผมปัดมือที่วางอยู่บนไหล่ออกแล้วเดินจากไป
“ชูสุเกะ”
มาซายะตะโกนไล่หลังมา แต่ผมไม่สนใจจะฟัง
วันนี้เลิกเรียนเร็วผมควรจะกลับบ้านไปพักผ่อน จุดเทียนหอม แล้วก็แช่น้ำอุ่นจะได้ผ่อนคลายจากเรื่องวุ่นๆนี่ ผมลากขาเดินไปตามทางเดินที่นำไปสู่ลานจอดรถด้วยความรู้สึกหลายอย่างปนเปสับสน
นึกไม่ถึงว่าพอเลี้ยวตรงหัวมุมไป จะพบกับเรย์กะที่ยืนดักอยู่
“คุณชูสุเกะ”
ผมยังไม่ได้เตรียมใจเผชิญหน้ากับเธอในสถานการณ์เช่นนี้ ทำได้แค่ยิ้มฝืดๆให้ คิดหาทางตัดบทให้เร็วที่สุด
ขืนผมอยู่ต่อหน้าเธอนานๆ ผมคงทนไม่ไหว
“มีอะไรเหรอ”
“ยินดีด้วยที่ได้ที่หนึ่งนะ” เรย์กะยิ้ม แต่ดูเป็นรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อนชอบกล
“ขอบคุณมาก” ผมก้มหัวให้น้อยๆ
ผมกับเธอยืนนิ่งกันอยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีใครพูดอะไร ความเงียบครั้งนี้ทำให้อึดอัดยิ่งกว่าครั้งไหนๆที่ผ่านมา
“แล้วก็ สะ สอบครั้งนี้ ฉัน...ไม่ติดอันดับ” เธอพูดเสียงแผ่วๆ ช้อนตามองแบบกล้าๆกลัวๆ “คุณชูสุเกะโกรธรึเปล่า”
“ทำไมผมต้องโกรธด้วยล่ะ”
“ก็...ก็…” เธอก้มหน้าลงอย่างเดิม สองมือขยุ้มชายกระโปรงไว้แน่น
“มีธุระแค่นี้สินะ งั้นขอตัวก่อน กลับบ้านดีๆล่ะ” ผมยิ้มให้แล้วเดินผ่านเธอไป
เดินไปไม่กี่ก้าวก็รู้สึกว่าถูกดึงชายเสื้อจากทางด้านหลัง หันไปก็เห็นเรย์กะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“คุณชูสุเกะ” น้ำเสียงของเธอที่ร้องเรียกชื่อผมยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บปวด “จะด่า จะตบฉันก็ได้ แต่อย่าเมินกันแบบนี้เลย ขอร้องล่ะ”
“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอกนะ”
เรย์กะก้มหน้าลง เอาหัวซุกลงกับหลังของผม มือยังกำชายเสื้อไว้แน่น
ผมถอนหายใจ แกะมือนั้นออก คิดว่าอ้อนแบบนี้จะได้ผลทุกครั้งเลยงั้นเหรอ คิดผิดแล้วล่ะ
กำลังจะเอ่ยคำพูดลา อยู่ๆก็ถูกดึงคอปกเสื้อให้ก้มลงไปเบื้องล่าง ตามมาด้วยความอ่อนนุ่มตรงปาก
โลกหยุดเคลื่อนไหวไปอีกหน