มองซ้ายมองขวา นี่สองทุ่มแล้ว เด็กเข้านอนกันหมดแล้ว ลงได้ ตอนนี้อาจมีฉากไม่เหมาะสม ควรใช้จักรยานในการอ่าน
>>>/webnovel/3600/305 เอ็นโจเลี้ยงต้อย
----------------------
ตอนออกจากชิงช้า ผมประคองเธอให้เดินก้าวออกมา หลังจากนั้นก็ไม่แตะต้องเธออีก
รู้ทั้งรู้ว่าทำแบบนี้มันแย่ ผู้ชายที่ดีควรจะคอยซับน้ำตาให้ผู้หญิงเวลาที่กำลังร้องไห้ แต่จะให้เอื้อมมือไปหา เรี่ยวแรงก็เหมือนจะหายไปไหนหมดก็ไม่รู้
ผมกลัว กลัวว่าเธอจะปัดมือผมออก เหมือนที่ปฏิเสธผมเมื่อครู่นี้
ขากลับมีแต่ความเงียบ เราสองคนนั่งกันคนละมุม มองไปนอกหน้าต่าง ผิดจากขามาที่คุยกันสนุกสนาน
เรย์กะโค้งหัวขอบคุณผมที่มาส่งถึงคฤหาสน์คิโชวอิน เธอมองผมด้วยสายตากล้าๆกลัวๆแบบที่ใช้ประจำเวลาที่รู้ตัวว่าทำอะไรผิด
“คุณชูสุเกะ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมากหรอก”
ผมยิ้มฝืนๆให้เธอหนึ่งที ก่อนจะกลับขึ้นรถ แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกลับมาที่บ้านตอนไหน ทุกอย่างเลื่อนลอยเหมือนอยู่ในฝัน
ในโลกเดิม ผมเจ็บปวดและผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอมาโลกนี้ตั้งใจว่าจะแก้ไขทุกอย่างให้ดีขึ้น ความผิดหวังก็ยังตามมาหลอกหลอน
พระเจ้า ผมทำอะไรผิดนักหรือ
ถ้าให้ผมตายจากโลกเดิมทั้งๆที่เป็นเช่นนั้น ก็ไม่ควรให้ฟื้นขึ้นมาอีกสิ จะให้ผมกลับมาเจอความเจ็บปวดบ้าๆนี่อีกทำไม
ผมอยากขว้างปาข้าวของ อาละวาดทุบทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าให้แหลกละเอียดเพื่อระบายอารมณ์ แต่ที่ทำได้ก็แค่นอนนิ่งๆบนเตียงแบบไร้เรี่ยวแรง หัวใจเจ็บจนชาหนึบ แม้แต่น้ำตาเองก็ยังไม่ไหลสักหยด อยากจะหลับไปอย่างนี้ แล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย
ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็เช้าแล้ว ผมแต่งตัวไปโรงเรียนแบบเลื่อนลอย คล้ายกับกึ่งฝันกึ่งตื่น
ชูสุเกะในโลกกระจกที่มักปรากฎตัวเวลาที่ผมมีเรื่องไม่สบายใจหรืออยากปรึกษาใคร ก็ไม่มาให้เห็น
หมอนั่นหายไปนานมาก หรือว่าจะหายไปจากจิตใต้สำนึกผมแล้ว ร่างนี้เลยเป็นของผมสมบูรณ์
ถ้าให้เลือก ผมยินดีที่จะกลับไปร่างเดิมของตัวเองมากกว่า อย่างน้อยก็ยังพอมีทางทำอะไรได้ ไม่ใช่ต้องมารอด้วยความหวังลมๆแล้งๆแบบนี้
ผมรู้รสชาติของการแอบรักข้างเดียวมานานนับสิบปี ความรู้สึกพวกนั้นใช่ว่าจะไถ่ถอนกันออกไปได้ง่ายๆ และการรักคนที่เขาไม่มีวันจะหันมามองเรานั้นเป็นเรื่องที่เจ็บปวด
ผมรู้ เรย์กะก็รู้ แต่ก็ยังเลือกทำแบบนั้น
มองรูปโฉมตัวเองในกระจกเงา ท่านพ่อท่านแม่มอบให้ทุกอย่าง ทั้งหน้าตา ฐานะ ชาติกำเนิด หรือสติปัญญา แต่ทุกอย่างนี้ไร้ความหมาย ในเมื่อผมไม่สามารถใช้มันล่อลวงเธอได้
ตอนอยู่ที่โรงเรียน คงต้องหายหน้าไปจากสายตาเธอสักพัก แบบเดียวกับตอนโทโมเอะที่เคยทำในโลกก่อน
เธอคงไม่อยากเจอหน้าผม ผมเองก็ไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเธอด้วยเช่นกัน
.
.
.
เพราะรู้ตารางเวลาของเธอ ผมถึงมั่นใจว่าจะหลีกเลี่ยงเรย์กะไปได้ อย่างน้อยก็ซักสองสามสัปดาห์ คงพอซื้อเวลาที่จะทำใจได้บ้าง
ตอนพักกลางวัน เรย์กะก็ไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนที่โต๊ะธรรมดา ไม่มานั่งโต๊ะ Pivoine อย่างเคย เราสองคนไม่แม้แต่จะหันไปมองกันสักครั้ง นั่งทานกันไปเงียบๆ ตอนเดินสวนกันตามระเบียงเพราะเปลี่ยนคาบเรียนก็ต่างคนต่างเดินไม่สนใจ ทำเหมือนเป็นธาตุอากาศว่างเปล่า
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ระหว่างที่กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบที่บ้านมาซายะ เขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้น
“ทะเลาะกับคิโชวอินรึไง”
“เปล่านี่”
“อย่ามาปฏิเสธหน่อยเลย” มาซายะมองผมขึ้นๆลงๆ “ปกตินายชอบหายไปอยู่กับคิโชวอินตลอด ตอนนี้กลับมาขลุกอยู่กับฉัน แล้วก็ทำท่าเหมือนคนอกหัก”
“ไม่ใช่หรอก”
“ชูสุเกะ ฉันเป็นเพื่อนนายมากี่ปีแล้ว” มาซายะพ่นลมหายใจแล้วส่ายหน้า “นายเปลี่ยนไปทำไมฉันจะไม่รู้ บอกตรงๆว่ามันทำให้ฉันอึดอัดมาก เวลาเห็นนายพยายามฝืนยิ้ม”
“ผมไม่ได้ฝืน”
มาซายะเอาสมุดที่กำลังถืออยู่ฟาดหัวผม ถ้าเป็นโลกเก่าเขาคงไม่กล้าทำแบบนี้
“ให้มันน้อยๆหน่อยเจ้าบ้า” เขาถลึงตาใส่ “สภาพแบบนี้เนี่ยนะไม่ได้ฝืน คนทั้งโรงเรียนเขารู้กันหมดแล้วว่านายสองคนทะเลาะกัน”
“สังเกตง่ายขนาดนั้นเลยสินะ” ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะแบบหมดแรง
“ก็เออน่ะสิ” มาซายะดูหงุดหงิดได้ที่ “ถ้ายัยคิโชวอินหักอกนายไปหาคนอื่นล่ะก็ ฉันจะไปจัดการยัยนั่นเดี๋ยวนี้ ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร ดีขนาดไหนถึงทำให้ยัยนั่นกล้าปฏิเสธเพื่อนของฉันคนนี้กัน หืม”
ก็นายไง
ผมคิดอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป