Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการผนึกกำลังของเหล่าพันธมิตรเรือเพื่อล่มเกาะแห่งคาน ครั้งที่ 8

Last posted

Total of 1000 posts

747 Nameless Fanboi Posted ID:TGdRJGLLe

>>743 เอ๊ย กูตอบไม่ตรงคำถาม นึกไม่ค่อยออกละ ในฝันกูเห็นตลค.หน้าคล้ายๆ กับในแฟนอาร์ตอ่ะ อธิบายไม่ถูก คือในฝันกูมองปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าคนนี้คือใครอะไรประมาณนี้อ่ะ 55555555555

748 Nameless Fanboi Posted ID:p4RF1sDwE

>>747 มึงรู้สึกของมึงเองว่างั้น มึงกาวมากเลยนะรู้ไหม กูมอบมงให้

749 Nameless Fanboi Posted ID:Ssexaptpw

มองซ้ายมองขวา นี่สองทุ่มแล้ว เด็กเข้านอนกันหมดแล้ว ลงได้ ตอนนี้อาจมีฉากไม่เหมาะสม ควรใช้จักรยานในการอ่าน
>>>/webnovel/3600/305 เอ็นโจเลี้ยงต้อย
----------------------

ตอนออกจากชิงช้า ผมประคองเธอให้เดินก้าวออกมา หลังจากนั้นก็ไม่แตะต้องเธออีก

รู้ทั้งรู้ว่าทำแบบนี้มันแย่ ผู้ชายที่ดีควรจะคอยซับน้ำตาให้ผู้หญิงเวลาที่กำลังร้องไห้ แต่จะให้เอื้อมมือไปหา เรี่ยวแรงก็เหมือนจะหายไปไหนหมดก็ไม่รู้

ผมกลัว กลัวว่าเธอจะปัดมือผมออก เหมือนที่ปฏิเสธผมเมื่อครู่นี้

ขากลับมีแต่ความเงียบ เราสองคนนั่งกันคนละมุม มองไปนอกหน้าต่าง ผิดจากขามาที่คุยกันสนุกสนาน

เรย์กะโค้งหัวขอบคุณผมที่มาส่งถึงคฤหาสน์คิโชวอิน เธอมองผมด้วยสายตากล้าๆกลัวๆแบบที่ใช้ประจำเวลาที่รู้ตัวว่าทำอะไรผิด

“คุณชูสุเกะ”

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมากหรอก”

ผมยิ้มฝืนๆให้เธอหนึ่งที ก่อนจะกลับขึ้นรถ แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกลับมาที่บ้านตอนไหน ทุกอย่างเลื่อนลอยเหมือนอยู่ในฝัน

ในโลกเดิม ผมเจ็บปวดและผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอมาโลกนี้ตั้งใจว่าจะแก้ไขทุกอย่างให้ดีขึ้น ความผิดหวังก็ยังตามมาหลอกหลอน

พระเจ้า ผมทำอะไรผิดนักหรือ

ถ้าให้ผมตายจากโลกเดิมทั้งๆที่เป็นเช่นนั้น ก็ไม่ควรให้ฟื้นขึ้นมาอีกสิ จะให้ผมกลับมาเจอความเจ็บปวดบ้าๆนี่อีกทำไม

ผมอยากขว้างปาข้าวของ อาละวาดทุบทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าให้แหลกละเอียดเพื่อระบายอารมณ์ แต่ที่ทำได้ก็แค่นอนนิ่งๆบนเตียงแบบไร้เรี่ยวแรง หัวใจเจ็บจนชาหนึบ แม้แต่น้ำตาเองก็ยังไม่ไหลสักหยด อยากจะหลับไปอย่างนี้ แล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย

ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็เช้าแล้ว ผมแต่งตัวไปโรงเรียนแบบเลื่อนลอย คล้ายกับกึ่งฝันกึ่งตื่น

ชูสุเกะในโลกกระจกที่มักปรากฎตัวเวลาที่ผมมีเรื่องไม่สบายใจหรืออยากปรึกษาใคร ก็ไม่มาให้เห็น

หมอนั่นหายไปนานมาก หรือว่าจะหายไปจากจิตใต้สำนึกผมแล้ว ร่างนี้เลยเป็นของผมสมบูรณ์

ถ้าให้เลือก ผมยินดีที่จะกลับไปร่างเดิมของตัวเองมากกว่า อย่างน้อยก็ยังพอมีทางทำอะไรได้ ไม่ใช่ต้องมารอด้วยความหวังลมๆแล้งๆแบบนี้

ผมรู้รสชาติของการแอบรักข้างเดียวมานานนับสิบปี ความรู้สึกพวกนั้นใช่ว่าจะไถ่ถอนกันออกไปได้ง่ายๆ และการรักคนที่เขาไม่มีวันจะหันมามองเรานั้นเป็นเรื่องที่เจ็บปวด

ผมรู้ เรย์กะก็รู้ แต่ก็ยังเลือกทำแบบนั้น

มองรูปโฉมตัวเองในกระจกเงา ท่านพ่อท่านแม่มอบให้ทุกอย่าง ทั้งหน้าตา ฐานะ ชาติกำเนิด หรือสติปัญญา แต่ทุกอย่างนี้ไร้ความหมาย ในเมื่อผมไม่สามารถใช้มันล่อลวงเธอได้

ตอนอยู่ที่โรงเรียน คงต้องหายหน้าไปจากสายตาเธอสักพัก แบบเดียวกับตอนโทโมเอะที่เคยทำในโลกก่อน

เธอคงไม่อยากเจอหน้าผม ผมเองก็ไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเธอด้วยเช่นกัน
.
.
.

เพราะรู้ตารางเวลาของเธอ ผมถึงมั่นใจว่าจะหลีกเลี่ยงเรย์กะไปได้ อย่างน้อยก็ซักสองสามสัปดาห์ คงพอซื้อเวลาที่จะทำใจได้บ้าง

ตอนพักกลางวัน เรย์กะก็ไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนที่โต๊ะธรรมดา ไม่มานั่งโต๊ะ Pivoine อย่างเคย เราสองคนไม่แม้แต่จะหันไปมองกันสักครั้ง นั่งทานกันไปเงียบๆ ตอนเดินสวนกันตามระเบียงเพราะเปลี่ยนคาบเรียนก็ต่างคนต่างเดินไม่สนใจ ทำเหมือนเป็นธาตุอากาศว่างเปล่า

ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ระหว่างที่กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบที่บ้านมาซายะ เขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้น

“ทะเลาะกับคิโชวอินรึไง”

“เปล่านี่”

“อย่ามาปฏิเสธหน่อยเลย” มาซายะมองผมขึ้นๆลงๆ “ปกตินายชอบหายไปอยู่กับคิโชวอินตลอด ตอนนี้กลับมาขลุกอยู่กับฉัน แล้วก็ทำท่าเหมือนคนอกหัก”

“ไม่ใช่หรอก”

“ชูสุเกะ ฉันเป็นเพื่อนนายมากี่ปีแล้ว” มาซายะพ่นลมหายใจแล้วส่ายหน้า “นายเปลี่ยนไปทำไมฉันจะไม่รู้ บอกตรงๆว่ามันทำให้ฉันอึดอัดมาก เวลาเห็นนายพยายามฝืนยิ้ม”

“ผมไม่ได้ฝืน”

มาซายะเอาสมุดที่กำลังถืออยู่ฟาดหัวผม ถ้าเป็นโลกเก่าเขาคงไม่กล้าทำแบบนี้

“ให้มันน้อยๆหน่อยเจ้าบ้า” เขาถลึงตาใส่ “สภาพแบบนี้เนี่ยนะไม่ได้ฝืน คนทั้งโรงเรียนเขารู้กันหมดแล้วว่านายสองคนทะเลาะกัน”

“สังเกตง่ายขนาดนั้นเลยสินะ” ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะแบบหมดแรง

“ก็เออน่ะสิ” มาซายะดูหงุดหงิดได้ที่ “ถ้ายัยคิโชวอินหักอกนายไปหาคนอื่นล่ะก็ ฉันจะไปจัดการยัยนั่นเดี๋ยวนี้ ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร ดีขนาดไหนถึงทำให้ยัยนั่นกล้าปฏิเสธเพื่อนของฉันคนนี้กัน หืม”

ก็นายไง

ผมคิดอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป

750 Nameless Fanboi Posted ID:Ssexaptpw

อันที่จริง ใช่ว่ามาซายะจะไม่รู้ว่าเรย์กะคิดอะไรกับตัวเอง แต่เพราะเธอตัวติดกับผมตลอด มาซายะคงจะคิดว่าเรย์กะตัดใจจากเขา ยอมเปิดใจให้ผมได้ในที่สุด

“ไม่มีอะไรหรอก” ผมลุกขึ้นมานั่ง จับหนังสือเรียนมาบังหน้า “เราก็แค่ตกลงกันว่าจะตั้งใจอ่านหนังสือสอบ แล้วก็ยุ่งๆด้วย เลยไม่ได้คุยกันก็เท่านั้นล่ะ”

มาซายะเลิกคิ้วขึ้น แล้วก็ถอนใจออกมาแบบเหนื่อยหน่าย เปิดหนังสืออ่านทบทวนบทเรียนวิชาต่อไปไม่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก

โชคดีที่ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว พอจะมีอะไรมาดึงความสนใจไปได้บ้าง ผมทุ่มอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตายทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อไม่ให้มีเวลาว่างฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องอื่น
.
.

ความพยายามของผมสำเร็จผล การสอบปลายภาคงวดนี้ผมได้ลำดับหนึ่ง ที่สองคือมาซายะ ผมว่าจะไม่สนใจแล้ว แต่ก็ยังกวาดตามองหาชื่อของเธอบนบอร์ด

ปกติที่ผมติวให้ เธอมักจะอยู่ราวๆลำดับที่ 10-20 เสมอ แต่ตอนนี้กลับหาชื่อเธอไม่พบ ไม่อยู่ตรงไหนบนบอร์ดเลย

พอเห็นกลุ่มของเรย์กะเดินมาดูคะแนนของตัวเอง ผมเลยชวนมาซายะไปจากที่นี่ ตอนเดินสวนกันเธอทำเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมทำแค่ยิ้มน้อยๆให้แล้วไม่สนใจ

“พวกนายสองคนยังไม่คืนดีกันอีก” มาซายะถามขึ้น

“พูดเรื่องอะไรเหรอ”

“ยัยนั่นหน้าเสียไปเลยนะ ตอนนายเมินใส่”

“อือ” ผมพยักหน้า “แล้วไง”

“ชูสุเกะ นายมีปัญหาอะไรก็บอกฉันมาเถอะ” มาซายะวางมือสองข้างลงบนไหล่ผม “ฉันไม่ชอบที่นายเป็นแบบนี้เลย”

“ไม่มีอะไรหรอก มาซายะ” ผมปัดมือที่วางอยู่บนไหล่ออกแล้วเดินจากไป

“ชูสุเกะ”

มาซายะตะโกนไล่หลังมา แต่ผมไม่สนใจจะฟัง

วันนี้เลิกเรียนเร็วผมควรจะกลับบ้านไปพักผ่อน จุดเทียนหอม แล้วก็แช่น้ำอุ่นจะได้ผ่อนคลายจากเรื่องวุ่นๆนี่ ผมลากขาเดินไปตามทางเดินที่นำไปสู่ลานจอดรถด้วยความรู้สึกหลายอย่างปนเปสับสน

นึกไม่ถึงว่าพอเลี้ยวตรงหัวมุมไป จะพบกับเรย์กะที่ยืนดักอยู่

“คุณชูสุเกะ”

ผมยังไม่ได้เตรียมใจเผชิญหน้ากับเธอในสถานการณ์เช่นนี้ ทำได้แค่ยิ้มฝืดๆให้ คิดหาทางตัดบทให้เร็วที่สุด

ขืนผมอยู่ต่อหน้าเธอนานๆ ผมคงทนไม่ไหว

“มีอะไรเหรอ”

“ยินดีด้วยที่ได้ที่หนึ่งนะ” เรย์กะยิ้ม แต่ดูเป็นรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อนชอบกล

“ขอบคุณมาก” ผมก้มหัวให้น้อยๆ

ผมกับเธอยืนนิ่งกันอยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีใครพูดอะไร ความเงียบครั้งนี้ทำให้อึดอัดยิ่งกว่าครั้งไหนๆที่ผ่านมา

“แล้วก็ สะ สอบครั้งนี้ ฉัน...ไม่ติดอันดับ” เธอพูดเสียงแผ่วๆ ช้อนตามองแบบกล้าๆกลัวๆ “คุณชูสุเกะโกรธรึเปล่า”

“ทำไมผมต้องโกรธด้วยล่ะ”

“ก็...ก็…” เธอก้มหน้าลงอย่างเดิม สองมือขยุ้มชายกระโปรงไว้แน่น

“มีธุระแค่นี้สินะ งั้นขอตัวก่อน กลับบ้านดีๆล่ะ” ผมยิ้มให้แล้วเดินผ่านเธอไป

เดินไปไม่กี่ก้าวก็รู้สึกว่าถูกดึงชายเสื้อจากทางด้านหลัง หันไปก็เห็นเรย์กะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“คุณชูสุเกะ” น้ำเสียงของเธอที่ร้องเรียกชื่อผมยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บปวด “จะด่า จะตบฉันก็ได้ แต่อย่าเมินกันแบบนี้เลย ขอร้องล่ะ”

“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอกนะ”

เรย์กะก้มหน้าลง เอาหัวซุกลงกับหลังของผม มือยังกำชายเสื้อไว้แน่น

ผมถอนหายใจ แกะมือนั้นออก คิดว่าอ้อนแบบนี้จะได้ผลทุกครั้งเลยงั้นเหรอ คิดผิดแล้วล่ะ

กำลังจะเอ่ยคำพูดลา อยู่ๆก็ถูกดึงคอปกเสื้อให้ก้มลงไปเบื้องล่าง ตามมาด้วยความอ่อนนุ่มตรงปาก

โลกหยุดเคลื่อนไหวไปอีกหน

751 Nameless Fanboi Posted ID:Ssexaptpw

เรย์กะกดริมฝีปากตัวเองเข้ากับปากผม แค่แตะๆไม่เกินเลยไปมากกว่านี้ ผมรู้สึกว่าริมฝีปากนั้นสั่นระริก มือทั้งสองข้างที่กำคอปกเสื้อผมก็สั่นด้วย

นี่มันหมายความว่ายังไงกัน

ในหัวผมคิดอย่างสับสนอยู่นั้นเอง เธอก็ปล่อยมือออก ถอยหลังไปหลายก้าว สองข้างแก้มแดงก่ำเหมือนมีใครสาดสีแดงใส่หน้า

“จะ จูบวันนั้น ฉันไม่ได้รังเกียจหรอกนะ แต่...”

ไม่รอให้พูดจบประโยค ผมก็คว้าข้อมือเธอ เดินลิ่วๆไปที่ห้องเรียนว่างๆห้องหนึ่ง เรย์กะดูจะงุนงงไม่น้อยกับท่าทีนั้น พอจัดการล็อคกลอนไม่ให้ใครเข้ามายุ่มย่ามหรือขัดจังหวะได้ ก็ดันร่างนั้นไปชิดประตูแล้วแนบริมฝีปากลงไป มือสอดประสานเข้ากับมือเธอที่ตรึงไว้บนผนัง

สิ่งที่กักเก็บไว้มาเนิ่นนาน พังทลายได้ง่ายดายเพียงแค่จูบ

“อ้าปาก อ้าปากสิ” ผมกระซิบชิดริมฝีปาก พอเธอทำตาม ผมก็มอบความหวานล้ำให้ คล้ายกับผู้ใหญ่ที่เอาขนมหวานมาล่อเด็กน้อยให้เข้าหา

เรย์กะดูจะกล้าๆกลัวๆ แต่ก็ยอมโอนอ่อนตามโดยง่าย

เห็นเธอตอบสนอง ผมก็ยิ่งยินดี

ผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ไม่มีใครทราบ ริบบิ้นที่มัดอยู่ตรงปกเสื้อเธอก็เลื่อนหลุดไปพร้อมกระดุมเม็ดบนที่ถูกปลดออก ผมซุกหน้าลงกับต้นคอของเธอ จูบเบาๆแต่ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ จากที่ยืนๆอยู่เปลี่ยนมานั่งกับพื้นกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะผละออกจากร่างนั้น กลิ่นหอมหวานที่เย้ายวนเหมือนจะมอมเมาสติ ยิ่งได้ยินเสียงหอบหายใจน้อยๆที่ดังอยู่ข้างหูที่เหมือนจะแกล้งกัน ยิ่งทำให้รู้สึกทรมาน

ผมได้แต่บอกตัวเองว่าครั้งแรกต้องไม่ใช่ที่นี่ ไม่ใช่หน้าประตูห้องเรียนแบบนี้

“เรย์กะ” ผมเรียกชื่อเธอเบาๆ ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ร้องไห้แบบคราวนั้น อันที่จริงมันตรงกันข้ามด้วยซ้ำ มันดู เอ่อ...ยั่วยวน ถ้าใช้คำนี้คงจะเหมาะที่สุด

ตอนนี้ผมมองเธอแทบไม่ได้เพราะกลัวตัวเองจะกระโจนใส่แบบขาดสติเหมือนเมื่อครู่นี้ สองมือติดกระดุมกลับคืนที่ให้ มองหาริบบิ้นที่อาจจะตกอยู่แถวๆนั้น พอพบก็ส่งคืนให้เจ้าของ

“ขอโทษด้วยนะ”

“คุณชูสุเกะไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” เรย์กะหันไปมองทางอื่น สองข้างแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ “ไม่ต้องขอโทษหรอก มะ เมื่อกี้ก็รู้สึกดีด้วย”

“เอ๋ เมื่อกี้พูดอะไรนะ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “ไม่ได้ยินเลย”

“พะ พอเลย” เธอทุบลงบนไหล่ผม “บอกว่างั้นๆนั่นล่ะ”

“จริงเหรอ”

เมื่อได้จ้องตากันใกล้ๆแบบนี้ เรย์กะก็เป็นฝ่ายหลบตาก่อน พูดด้วยเสียงอ้อมแอ้ม

“ที่จริงแล้ว วันนั้นฉันดีใจมากเลยนะที่คุณชูสุเกะ เอ่อ...จูบฉัน ข้างในมันก็หวิวๆแปลกๆ ใจสั่นไปหมด”

“อือฮึ”

“แต่ แต่ว่าฉันน่ะ ยังลืมท่านคาบุรากิไม่ได้ ก็เลยรู้สึกสับสนเอามากๆ”

หัวใจผมหล่นวูบลงไปเล็กน้อยเมื่อชื่อของมาซายะเข้ามาข้องเกี่ยว

“ฉันรู้ว่าคุณชูสุเกะคิดยังไงกับฉัน แต่การที่ฉันยังไม่ลืมท่านคาบุรากิ มันก็เหมือนหลอกให้คุณชูสุเกะรักฉันไปเรื่อยๆแบบไม่มีจุดหมาย รู้สึกว่าตัวเองแย่มากๆ ก็เลยร้องไห้ออกมา ไม่ได้ร้องไห้เพราะรังเกียจหรืออะไรหรอกนะ”

เธอช้อนตามองผมด้วยสายตาแบบเดิมที่ทำมานับครั้งไม่ถ้วน

“คุณชูสุเกะจะเกลียดฉันก็ได้นะ”

“แค่นี้เองเหรอ” ผมฟุบหน้าลงบนไหล่เธอแล้วเริ่มต้นหัวเราะ “นึกว่าเป็นเรื่องอะไรใหญ่โตซะอีก”

“เอ๋”

“ผมรู้ว่าจะทำใจให้ลืมรักแรกน่ะมันยาก แต่เรย์กะก็อย่าปิดกั้นตัวเองขนาดนั้น” สองมือผมสอดประสานเข้ากับมือของเธอ “มีผู้ชายที่เลิศเลอขนาดนี้มาอยู่ตรงหน้า ไม่รีบคว้าเอาไว้ระวังจะมาร้องไห้เสียดายทีหลังไม่ได้นะ”

“แน้” เธอทำปากยื่นแบบเด็กที่ถูกขัดใจ “หลงตัวเอง”

“หรือไม่จริง”

จ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง เรย์กะก็เป็นฝ่ายหลบตาก่อน “ฉัน...จะพยายามนะ ช่วยรอฉันหน่อย ขอให้ฉันจัดการความรู้สึกตัวเองอีกหน่อยนะคะ”

“ได้สิ” ผมพยักหน้า “จะให้รอเท่าไหร่ก็ได้”

เรย์กะยิ้มออกมาได้ในที่สุด รอยยิ้มน่ารักจนผมรู้สึกมันเขี้ยว อดไม่ได้ที่จะฉกฉวยความน่ารักจากริมฝีปากนั้นอีกหน กระซิบเสียงเบาให้ได้ยินแค่สองต่อสอง

“แต่อย่าให้รอนานก็แล้วกัน”

752 Nameless Fanboi Posted ID:Ssexaptpw

ผมกลับมาบ้านด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่ก็รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความหนักอึ้งหลายสัปดาห์ก่อนหายไป มีแต่ความอ่อนนุ่มและสัมผัสอันอ่อนหวานที่ยังติดอยู่จนเผลอแตะริมฝีปากตัวเองบ่อยๆแล้วก็อมยิ้ม

ปากบอกว่าลืมรักแรกน่ะยากและอย่าปิดกั้น เอาเข้าจริง ผมกลับยึดติดยิ่งกว่าใครๆทั้งหมด

ผมรักเธอ รักไปจนถึงหัวใจ ถึงจิตวิญญาณ จะโลกไหน ร่างไหน นิสัยอย่างไรก็รัก รู้ตั้งแต่ได้สบตาว่าผมเป็นของเธอ เป็นของเธอมาโดยตลอด

อายุของผมในตอนนี้ก็เข้าขั้นคุณลุงวัยกลางคนแล้ว แต่กลับมาเขินอาย นอนกลิ้งไปมาบนเตียงแบบหนุ่มน้อยเพิ่งได้รู้จักรัก จูบแค่นี้ก็เป็นเอามาก ไก่อ่อนชะมัด

ชูสุเกะในโลกกระจกจะว่ายังไงบ้างนะ เขาคงรู้อยู่แล้วว่าผมจูบกับเรย์กะ

ผมนึกอยากคุยกับเขา อยากแบ่งปันความยินดีนี้ แม้เขาจะไม่ชอบใจ แต่ผมไม่สน

พอได้เวลาเข้านอน ผมก็หลับไปอย่างง่ายดายด้วยความรู้สึกที่ปลอดโปร่ง

คืนนั้น ผมฝัน

ในฝันไม่มีชูสุเกะในโลกกระจกมารออยู่อย่างเคย

อันที่จริงผมมองอะไรไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ มีแต่ความมืดดำที่หนักอึ้งกำลังถาโถมเข้ามา หรือผมจะยังไม่ลืมตากันแน่นะ

ในขณะที่กำลังฝืนอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียง “ชูสุเกะ ชูสุเกะ” ดังก้องไปทั่วเหมือนตะโกนไปในป่าลึก

เป็นเสียงของมาซายะที่เรียกชื่อผม พอผมจะอ้าปากพูด กลับไม่มีเสียงใดๆเล็ดรอดออกไป

“ตื่นได้แล้ว จะนอนไปถึงไหน” เสียงของมาซายะยังคงดังอยู่ “ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ทุกคนเขาเป็นห่วงนะ”

“ท่านพี่” อีกเสียงตามมา ยูกิโนะสินะ “ฟื้นขึ้นมาสิฮะ หน้าที่ผู้สืบทอดของท่านพี่มันหนักเกินไป ผมทำไม่ไหวหรอกนะ”

ผมพยายามจะลุกแล้ว แต่กลับเหมือนมีอะไรหนักอึ้งทับตัวเองเอาไว้ แขนขาของผมดิ้นรนอยู่ในความมืด ตะเกียกตะกายที่จะลุกขึ้นมา

แต่อีกเสียงที่ดังขึ้นมาทำให้ผมตะลึงค้าง

“ท่านเอ็นโจ”

คุณคิโชวอิน

“กลับมาเถอะค่ะ กลับมาหาพวกเรา ลืมตาเถอะ ได้โปรด”

เสียงนั้นสั่นเครือราวกับกำลังร้องไห้ แผ่วค่อยเหมือนจะขาดใจ ต่างจากน้ำเสียงกราดเกรี้ยวของมาซายะหรือน้ำเสียงออดอ้อนของยูกิโนะลิบลับ

พอได้ยินก็เหมือนถูกฉุดกระชากออกจากพันธนาการ ผมเป็นอิสระในที่สุดและพยายามลืมตาขึ้น ไขว่คว้ามือเพื่อเอื้อมไปหาเจ้าของเสียงนั้น

แต่เมื่อลืมตา สิ่งที่เห็นก็คือความมืดที่พอจะเห็นได้รางๆว่าอะไรเป็นอะไร ที่นี่คือห้องนอนไม่ใช่ความฝัน ทั้งที่อากาศเย็นขนาดนี้ แต่เนื้อตัวกลับเต็มไปด้วยเหงื่อจนชุ่มชุดนอนที่สวมอยู่

ผมลุกขึ้นจากเตียง เดินโซเซเข้าไปยังห้องน้ำแล้วเริ่มต้นอาเจียน เอาความรู้สึกคลื่นไส้ผะอืดผะอมออกไปจากตัว

เมื่อล้างหน้าล้างตาให้พอสดชื่น ภาพในกระจกสะท้อนภาพของผู้ชายผมสีน้ำผึ้งที่ดูอิดโรยมองตอบมา ในหัวปวดตุบๆอย่างรุนแรง จนต้องควานหายาแก้ปวดในตู้มากรอกปาก นั่งนิ่งๆสักพักในห้องน้ำ พออาการดีขึ้นค่อยเดินกลับไปนอนที่เตียงเช่นเดิม

ความฝันเมื่อครู่นี้มันอะไรกัน

การที่ผมอยู่ในร่างนี้ โลกเดิมผมก็น่าจะตายไปแล้ว ทำไมถึงได้ยินเสียงของสามคนนั้นกันล่ะ

นั่นเป็นความฝัน หรือความจริงกันแน่นะ

แต่ที่แน่ๆ อาการปวดศีรษะนี่เป็นของจริง ขนาดทานยาแล้วก็ยังแทบไม่ช่วยอะไร

ผมหลับตาลงช้าๆ นึกอยากกลับไปอยู่ในความฝันนั้นอีกครั้ง แต่ไม่สมหวัง ตื่นมาผมก็ยังอยู่ที่เดิม ห้องเดิม ในร่างของชูสุเกะผมสีน้ำผึ้งเหมือนเดิม

เสียงอ่อนระโหยโรยแรงเหมือนจะขาดใจของคุณคิโชวอิน ยังติดตรึงอยู่ในหัว

หากอยู่ตรงนั้น ผมคงเอื้อมมือไปหา เช็ดน้ำตาให้แล้วปลอบเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะสามารถ

พระเจ้าคงโปรดปรานการทรมานผมเสียจริง เพราะให้ผมได้ยินเสียงเธอ ให้ทรมานทุรนทุราย นึกไปต่างๆนานา แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้

ความขมปร่าแล่นขึ้นมาในลำคอ ผมฟุบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง

และร้องไห้ออกมาด้วยความสิ้นหวังเป็นครั้งแรก

-----------------
มีต่อดีมั้ยน้ออ หรือจะตัดจบแค่นี้ดี 5555555

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.