เอ็นโจก็อาจจะจับผิดสังเกตได้เหมือนกันนะ ตามสตอล์กมาตั้งหลายปี คงเห็นว่าผิดปกติ ถถถ
Last posted
Total of 1000 posts
เอ็นโจก็อาจจะจับผิดสังเกตได้เหมือนกันนะ ตามสตอล์กมาตั้งหลายปี คงเห็นว่าผิดปกติ ถถถ
วาคาบะกับเรย์กะก็ต้องมาติวหนังสือด้วยกัน เพราะเดี๋ยวอันดับวาคาบะตก แล้วเรย์กะก็นึก ว้าว ทำไมร่างนี้จำอะไรได้ง่ายจัง
วันนี้มีกาวให้สูดมั้ย
วันนี้บอร์ดเงียบมากอะ เหงาอยากได้กาว
เรื่องประหลาดในโรงเรียนซุยรัน ภาคป่าหลังโรงเรียน
__________
เฮ้อ เมื่อยจังเลย~ ในที่สุดการเรียนของวันนี้ก็จบลงซักที.. อยากกลับบ้านเร็วๆจังเลยน้า~~
"ยัยคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! อย่างเธอน่ะต้องเจอแบบนี้!!"
"โฮะโฮะโฮะ"
หวายๆ เสียงแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเป็นพวกคุณซึรุฮานะอีกแล้ว!
คราวที่แล้วก็ขังไว้ข้างนอกจนวาคาบะจังต้องเปียกฝน ครั้งนี้คิดจะทำอะไรอีกกันคะ!!
"นี่เธอ ไปหยิบถังน้ำมาให้หน่อยสิคะ" จะเอาน้ำมาสาดวาคาบะจังงั้นเหรอคะ ก็เป็นการกลั่นแกล้งของตัวร้ายที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ.. ไม่คิดจะแกล้งด้วยวิธีที่ใสสะอาดอย่างทำตัวให้ดีกว่าอะไรแบบนี้เลยหรือไงกันนะ
เดี๋ยวสิ ตอนนี้ฤดูหนาวแล้วนะคะ!! คิดจะสาดน้ำใส่ในฤดูนี้จะโหดร้ายเกินไปแล้วนะ!!!
ไม่ได้ๆ ฉันคงต้องออกหน้าเบาๆซะแล้วล่ะค่ะ
...หรือจะรอให้คาบุรากิมาทำคะแนนดี? ยังไงทั้งคู่ก็น่าจะผูกชะตากรรมด้วยด้ายแดงอยู่นี่นา
เห ลูกสมุนของคุณซึรุฮานะถือถังน้ำเดินมาโน่นแล้ว!? ถึงฉันจะวิ่งไปตามคาบุรากิมาคงไม่ทัน.. ขอโทษนะ คาบุรากิ ถ้าเจอกันคราวหน้าจะซื้อช็อกโกล่าไปไถ่โทษให้นะ
"ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่ากำลังทำอะไรกันอยู่เหรอคะ?" ฉันพยายามกดเนื้อเสียงให้ราบเรียบ ตายจริง เหมือนจะไม่ได้หยิบพัดคู่ใจมาล่ะค่ะ วัดใจกันด้วยบรรยากาศล้วนๆเลย จะไหวมั้ยนะ..
"ท่านเรย์กะ!!?"
"ค คือนี่มัน.."
"ก็กำลังทำให้คุณทาคามิจิรู้ฐานะของตัวเองน่ะสิคะ โฮะโฮะโฮะ" ถึงจะมีบางคนที่ดูเกร็งกลัว แต่คุณซึรุฮานะก็ยังคงตอบกลับมาราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่ใครๆก็ทำกัน
"อื๋อ ดิฉันไม่คิดว่าพวกเราที่เป็นนักเรียนซุยรัยอันทรงเกียรติ จะมากลั่นแกล้งกันเพียงเพราะแค่เรื่องฐานันดรหรอกนะคะ?" ว่าแล้วฉันก็กระตุกยิ้มเลียนแบบใครบางคน... จะใช้ได้รึเปล่าคะเนี่ย เซริกะจังกับคิคุโนะจังไม่ได้อยู่ข้างๆซะด้วย ถ้าถูกโต้กลับด้วยจำนวนคนจะทำยังไงดีนะ "อึก.." ได้ยินเสียงกลืนน้ำลายหลายๆเสียงประสานกัน ถ้าคุณถอย ฉันก็ถอยนะคะ!? ที่ทำอยู่ตอนนี้ก็แค่อยากปกป้องวาคาบะจังเท่านั้นเอง---
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก!!
จู่ๆก็ได้เสียงคนหลายคนกำลังวิ่งมาทางนี้ อ่าว ตายจริง คงไม่ต้องเก๊กโหดแล้วล่ะมั้งคะ?
...ไม่รู้ว่าทำไม แต่จู่ๆคุณซึรุฮานะก็แสยะยิ้มขึ้นมา
!!!
จู่ๆวาคาบะจังที่นั่งอยู่กับพื้นก็ลุกขึ้นมาขว้าแขนฉันวิ่งไปอีกทาง เอ๋ เอ๋??? พวกเราวิ่งไปเรื่อยๆ ถึงจะเจอป่า วาคาบะจังก็ยังคงพาวิ่งเข้าไปเรื่อยๆ
"ค คุณทาคามิจิ~~" จะหมดแรงแล้วน้า กล้าม-- กล้ามเนื้อที่ขามัน----
"! ขอโทษค่ะ" วาคาบะที่รู้สึกตัวแล้วปล่อยมือฉันแล้วก็ก้มหัวปลกๆขอโทษขอโพยใหญ่เลยล่ะค่ะ ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วถามต่อ
"ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แต่ว่าทำไมถึงต้องหนีออกมาล่ะคะ?"
"อ่า.. คือว่า~"
"กลัวว่าคุณคิโชวอินจะถูกใส่ร้ายเอาน่ะค่ะ"
หือ ใส่ร้าย? ทำไมถึงคิดอย่างงั้นล่ะคะ??
พอวาคาบะจังเห็นหน้างงๆของฉันก็อธิบายต่อ อืม... เหมือนวาคาบะจังจะคิดว่าหากมีคนอื่นมาพบในจังหวะสุ่มเสี่ยงอย่างนั้น พวกคุณซึรุฮานะอาจจะโบ้ยความผิดมาที่ฉันได้ หืม ความคิดของอัจฉริยะนี่เป็นสิ่งที่คนธรรมดาคาดไม่ถึงจริงๆนะคะ..
"แต่ตอนนี้คงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะค่ะ กลับบ้านกันดีกว่า"
"คือว่าตอนนี้ฉัน..." อ้ะ จะว่าไปฉันต้องตอบแทนวาคาบะจังด้วยนี่นา อยากพาไปเที่ยวงานเทศกาลจังน้า
"...จำทางกลับไม่ได้ล่ะ" ฮืม~ ฮืม~
"อ้าว ถ้างั้นพวกเราก็กำลังหลงทางอยู่งั้นเหรอคะ?"
"ใช่ค่ะ"
"แหมๆ ล้อเล่นแบบนี้ไม่ดีเลยนะคะคุณทาคามิจิ"
"...." วาคาบะจังทำหน้าเศร้า อ เอ๋
พวกเราหลงทางกันจริงๆเหรอค้า!!?
______
มา ต่อฟิคกันเถอะเพื่อนโม่ง..
กูนอนกลางวัน แล้วฝันว่าท่านพี่ทาคาเทรุคบกับวาคาบะ อีเหี้ย แตกตื่นกันทั้งคนในเรื่องและคนอ่าน ทีแรกวาคาบะก็โดนท่านแม่ของท่านเรย์กะกีดกันสุดฤทธิ์ ไปๆ มาๆ ท่านพี่ก็กล่อมท่านแม่สำเร็จ จบแฮปปี้ ส่วนคาบุรากิไปทะเลรอบสอง ลำบากเอ็นโจไปลากกลับมา ละกูก็ตื่น... โคตรพี้กาว อ่านมู้โม่งจนหลอน กูตื่นมางี้เหงื่อแตกพลั่กๆ 5555555555555
มองซ้ายมองขวา นี่สองทุ่มแล้ว เด็กเข้านอนกันหมดแล้ว ลงได้ ตอนนี้อาจมีฉากไม่เหมาะสม ควรใช้จักรยานในการอ่าน
>>>/webnovel/3600/305 เอ็นโจเลี้ยงต้อย
----------------------
ตอนออกจากชิงช้า ผมประคองเธอให้เดินก้าวออกมา หลังจากนั้นก็ไม่แตะต้องเธออีก
รู้ทั้งรู้ว่าทำแบบนี้มันแย่ ผู้ชายที่ดีควรจะคอยซับน้ำตาให้ผู้หญิงเวลาที่กำลังร้องไห้ แต่จะให้เอื้อมมือไปหา เรี่ยวแรงก็เหมือนจะหายไปไหนหมดก็ไม่รู้
ผมกลัว กลัวว่าเธอจะปัดมือผมออก เหมือนที่ปฏิเสธผมเมื่อครู่นี้
ขากลับมีแต่ความเงียบ เราสองคนนั่งกันคนละมุม มองไปนอกหน้าต่าง ผิดจากขามาที่คุยกันสนุกสนาน
เรย์กะโค้งหัวขอบคุณผมที่มาส่งถึงคฤหาสน์คิโชวอิน เธอมองผมด้วยสายตากล้าๆกลัวๆแบบที่ใช้ประจำเวลาที่รู้ตัวว่าทำอะไรผิด
“คุณชูสุเกะ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมากหรอก”
ผมยิ้มฝืนๆให้เธอหนึ่งที ก่อนจะกลับขึ้นรถ แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกลับมาที่บ้านตอนไหน ทุกอย่างเลื่อนลอยเหมือนอยู่ในฝัน
ในโลกเดิม ผมเจ็บปวดและผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอมาโลกนี้ตั้งใจว่าจะแก้ไขทุกอย่างให้ดีขึ้น ความผิดหวังก็ยังตามมาหลอกหลอน
พระเจ้า ผมทำอะไรผิดนักหรือ
ถ้าให้ผมตายจากโลกเดิมทั้งๆที่เป็นเช่นนั้น ก็ไม่ควรให้ฟื้นขึ้นมาอีกสิ จะให้ผมกลับมาเจอความเจ็บปวดบ้าๆนี่อีกทำไม
ผมอยากขว้างปาข้าวของ อาละวาดทุบทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าให้แหลกละเอียดเพื่อระบายอารมณ์ แต่ที่ทำได้ก็แค่นอนนิ่งๆบนเตียงแบบไร้เรี่ยวแรง หัวใจเจ็บจนชาหนึบ แม้แต่น้ำตาเองก็ยังไม่ไหลสักหยด อยากจะหลับไปอย่างนี้ แล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย
ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็เช้าแล้ว ผมแต่งตัวไปโรงเรียนแบบเลื่อนลอย คล้ายกับกึ่งฝันกึ่งตื่น
ชูสุเกะในโลกกระจกที่มักปรากฎตัวเวลาที่ผมมีเรื่องไม่สบายใจหรืออยากปรึกษาใคร ก็ไม่มาให้เห็น
หมอนั่นหายไปนานมาก หรือว่าจะหายไปจากจิตใต้สำนึกผมแล้ว ร่างนี้เลยเป็นของผมสมบูรณ์
ถ้าให้เลือก ผมยินดีที่จะกลับไปร่างเดิมของตัวเองมากกว่า อย่างน้อยก็ยังพอมีทางทำอะไรได้ ไม่ใช่ต้องมารอด้วยความหวังลมๆแล้งๆแบบนี้
ผมรู้รสชาติของการแอบรักข้างเดียวมานานนับสิบปี ความรู้สึกพวกนั้นใช่ว่าจะไถ่ถอนกันออกไปได้ง่ายๆ และการรักคนที่เขาไม่มีวันจะหันมามองเรานั้นเป็นเรื่องที่เจ็บปวด
ผมรู้ เรย์กะก็รู้ แต่ก็ยังเลือกทำแบบนั้น
มองรูปโฉมตัวเองในกระจกเงา ท่านพ่อท่านแม่มอบให้ทุกอย่าง ทั้งหน้าตา ฐานะ ชาติกำเนิด หรือสติปัญญา แต่ทุกอย่างนี้ไร้ความหมาย ในเมื่อผมไม่สามารถใช้มันล่อลวงเธอได้
ตอนอยู่ที่โรงเรียน คงต้องหายหน้าไปจากสายตาเธอสักพัก แบบเดียวกับตอนโทโมเอะที่เคยทำในโลกก่อน
เธอคงไม่อยากเจอหน้าผม ผมเองก็ไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเธอด้วยเช่นกัน
.
.
.
เพราะรู้ตารางเวลาของเธอ ผมถึงมั่นใจว่าจะหลีกเลี่ยงเรย์กะไปได้ อย่างน้อยก็ซักสองสามสัปดาห์ คงพอซื้อเวลาที่จะทำใจได้บ้าง
ตอนพักกลางวัน เรย์กะก็ไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนที่โต๊ะธรรมดา ไม่มานั่งโต๊ะ Pivoine อย่างเคย เราสองคนไม่แม้แต่จะหันไปมองกันสักครั้ง นั่งทานกันไปเงียบๆ ตอนเดินสวนกันตามระเบียงเพราะเปลี่ยนคาบเรียนก็ต่างคนต่างเดินไม่สนใจ ทำเหมือนเป็นธาตุอากาศว่างเปล่า
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ระหว่างที่กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบที่บ้านมาซายะ เขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้น
“ทะเลาะกับคิโชวอินรึไง”
“เปล่านี่”
“อย่ามาปฏิเสธหน่อยเลย” มาซายะมองผมขึ้นๆลงๆ “ปกตินายชอบหายไปอยู่กับคิโชวอินตลอด ตอนนี้กลับมาขลุกอยู่กับฉัน แล้วก็ทำท่าเหมือนคนอกหัก”
“ไม่ใช่หรอก”
“ชูสุเกะ ฉันเป็นเพื่อนนายมากี่ปีแล้ว” มาซายะพ่นลมหายใจแล้วส่ายหน้า “นายเปลี่ยนไปทำไมฉันจะไม่รู้ บอกตรงๆว่ามันทำให้ฉันอึดอัดมาก เวลาเห็นนายพยายามฝืนยิ้ม”
“ผมไม่ได้ฝืน”
มาซายะเอาสมุดที่กำลังถืออยู่ฟาดหัวผม ถ้าเป็นโลกเก่าเขาคงไม่กล้าทำแบบนี้
“ให้มันน้อยๆหน่อยเจ้าบ้า” เขาถลึงตาใส่ “สภาพแบบนี้เนี่ยนะไม่ได้ฝืน คนทั้งโรงเรียนเขารู้กันหมดแล้วว่านายสองคนทะเลาะกัน”
“สังเกตง่ายขนาดนั้นเลยสินะ” ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะแบบหมดแรง
“ก็เออน่ะสิ” มาซายะดูหงุดหงิดได้ที่ “ถ้ายัยคิโชวอินหักอกนายไปหาคนอื่นล่ะก็ ฉันจะไปจัดการยัยนั่นเดี๋ยวนี้ ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร ดีขนาดไหนถึงทำให้ยัยนั่นกล้าปฏิเสธเพื่อนของฉันคนนี้กัน หืม”
ก็นายไง
ผมคิดอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป
อันที่จริง ใช่ว่ามาซายะจะไม่รู้ว่าเรย์กะคิดอะไรกับตัวเอง แต่เพราะเธอตัวติดกับผมตลอด มาซายะคงจะคิดว่าเรย์กะตัดใจจากเขา ยอมเปิดใจให้ผมได้ในที่สุด
“ไม่มีอะไรหรอก” ผมลุกขึ้นมานั่ง จับหนังสือเรียนมาบังหน้า “เราก็แค่ตกลงกันว่าจะตั้งใจอ่านหนังสือสอบ แล้วก็ยุ่งๆด้วย เลยไม่ได้คุยกันก็เท่านั้นล่ะ”
มาซายะเลิกคิ้วขึ้น แล้วก็ถอนใจออกมาแบบเหนื่อยหน่าย เปิดหนังสืออ่านทบทวนบทเรียนวิชาต่อไปไม่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก
โชคดีที่ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว พอจะมีอะไรมาดึงความสนใจไปได้บ้าง ผมทุ่มอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตายทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อไม่ให้มีเวลาว่างฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องอื่น
.
.
ความพยายามของผมสำเร็จผล การสอบปลายภาคงวดนี้ผมได้ลำดับหนึ่ง ที่สองคือมาซายะ ผมว่าจะไม่สนใจแล้ว แต่ก็ยังกวาดตามองหาชื่อของเธอบนบอร์ด
ปกติที่ผมติวให้ เธอมักจะอยู่ราวๆลำดับที่ 10-20 เสมอ แต่ตอนนี้กลับหาชื่อเธอไม่พบ ไม่อยู่ตรงไหนบนบอร์ดเลย
พอเห็นกลุ่มของเรย์กะเดินมาดูคะแนนของตัวเอง ผมเลยชวนมาซายะไปจากที่นี่ ตอนเดินสวนกันเธอทำเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมทำแค่ยิ้มน้อยๆให้แล้วไม่สนใจ
“พวกนายสองคนยังไม่คืนดีกันอีก” มาซายะถามขึ้น
“พูดเรื่องอะไรเหรอ”
“ยัยนั่นหน้าเสียไปเลยนะ ตอนนายเมินใส่”
“อือ” ผมพยักหน้า “แล้วไง”
“ชูสุเกะ นายมีปัญหาอะไรก็บอกฉันมาเถอะ” มาซายะวางมือสองข้างลงบนไหล่ผม “ฉันไม่ชอบที่นายเป็นแบบนี้เลย”
“ไม่มีอะไรหรอก มาซายะ” ผมปัดมือที่วางอยู่บนไหล่ออกแล้วเดินจากไป
“ชูสุเกะ”
มาซายะตะโกนไล่หลังมา แต่ผมไม่สนใจจะฟัง
วันนี้เลิกเรียนเร็วผมควรจะกลับบ้านไปพักผ่อน จุดเทียนหอม แล้วก็แช่น้ำอุ่นจะได้ผ่อนคลายจากเรื่องวุ่นๆนี่ ผมลากขาเดินไปตามทางเดินที่นำไปสู่ลานจอดรถด้วยความรู้สึกหลายอย่างปนเปสับสน
นึกไม่ถึงว่าพอเลี้ยวตรงหัวมุมไป จะพบกับเรย์กะที่ยืนดักอยู่
“คุณชูสุเกะ”
ผมยังไม่ได้เตรียมใจเผชิญหน้ากับเธอในสถานการณ์เช่นนี้ ทำได้แค่ยิ้มฝืดๆให้ คิดหาทางตัดบทให้เร็วที่สุด
ขืนผมอยู่ต่อหน้าเธอนานๆ ผมคงทนไม่ไหว
“มีอะไรเหรอ”
“ยินดีด้วยที่ได้ที่หนึ่งนะ” เรย์กะยิ้ม แต่ดูเป็นรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อนชอบกล
“ขอบคุณมาก” ผมก้มหัวให้น้อยๆ
ผมกับเธอยืนนิ่งกันอยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีใครพูดอะไร ความเงียบครั้งนี้ทำให้อึดอัดยิ่งกว่าครั้งไหนๆที่ผ่านมา
“แล้วก็ สะ สอบครั้งนี้ ฉัน...ไม่ติดอันดับ” เธอพูดเสียงแผ่วๆ ช้อนตามองแบบกล้าๆกลัวๆ “คุณชูสุเกะโกรธรึเปล่า”
“ทำไมผมต้องโกรธด้วยล่ะ”
“ก็...ก็…” เธอก้มหน้าลงอย่างเดิม สองมือขยุ้มชายกระโปรงไว้แน่น
“มีธุระแค่นี้สินะ งั้นขอตัวก่อน กลับบ้านดีๆล่ะ” ผมยิ้มให้แล้วเดินผ่านเธอไป
เดินไปไม่กี่ก้าวก็รู้สึกว่าถูกดึงชายเสื้อจากทางด้านหลัง หันไปก็เห็นเรย์กะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“คุณชูสุเกะ” น้ำเสียงของเธอที่ร้องเรียกชื่อผมยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บปวด “จะด่า จะตบฉันก็ได้ แต่อย่าเมินกันแบบนี้เลย ขอร้องล่ะ”
“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอกนะ”
เรย์กะก้มหน้าลง เอาหัวซุกลงกับหลังของผม มือยังกำชายเสื้อไว้แน่น
ผมถอนหายใจ แกะมือนั้นออก คิดว่าอ้อนแบบนี้จะได้ผลทุกครั้งเลยงั้นเหรอ คิดผิดแล้วล่ะ
กำลังจะเอ่ยคำพูดลา อยู่ๆก็ถูกดึงคอปกเสื้อให้ก้มลงไปเบื้องล่าง ตามมาด้วยความอ่อนนุ่มตรงปาก
โลกหยุดเคลื่อนไหวไปอีกหน
เรย์กะกดริมฝีปากตัวเองเข้ากับปากผม แค่แตะๆไม่เกินเลยไปมากกว่านี้ ผมรู้สึกว่าริมฝีปากนั้นสั่นระริก มือทั้งสองข้างที่กำคอปกเสื้อผมก็สั่นด้วย
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน
ในหัวผมคิดอย่างสับสนอยู่นั้นเอง เธอก็ปล่อยมือออก ถอยหลังไปหลายก้าว สองข้างแก้มแดงก่ำเหมือนมีใครสาดสีแดงใส่หน้า
“จะ จูบวันนั้น ฉันไม่ได้รังเกียจหรอกนะ แต่...”
ไม่รอให้พูดจบประโยค ผมก็คว้าข้อมือเธอ เดินลิ่วๆไปที่ห้องเรียนว่างๆห้องหนึ่ง เรย์กะดูจะงุนงงไม่น้อยกับท่าทีนั้น พอจัดการล็อคกลอนไม่ให้ใครเข้ามายุ่มย่ามหรือขัดจังหวะได้ ก็ดันร่างนั้นไปชิดประตูแล้วแนบริมฝีปากลงไป มือสอดประสานเข้ากับมือเธอที่ตรึงไว้บนผนัง
สิ่งที่กักเก็บไว้มาเนิ่นนาน พังทลายได้ง่ายดายเพียงแค่จูบ
“อ้าปาก อ้าปากสิ” ผมกระซิบชิดริมฝีปาก พอเธอทำตาม ผมก็มอบความหวานล้ำให้ คล้ายกับผู้ใหญ่ที่เอาขนมหวานมาล่อเด็กน้อยให้เข้าหา
เรย์กะดูจะกล้าๆกลัวๆ แต่ก็ยอมโอนอ่อนตามโดยง่าย
เห็นเธอตอบสนอง ผมก็ยิ่งยินดี
ผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ไม่มีใครทราบ ริบบิ้นที่มัดอยู่ตรงปกเสื้อเธอก็เลื่อนหลุดไปพร้อมกระดุมเม็ดบนที่ถูกปลดออก ผมซุกหน้าลงกับต้นคอของเธอ จูบเบาๆแต่ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ จากที่ยืนๆอยู่เปลี่ยนมานั่งกับพื้นกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะผละออกจากร่างนั้น กลิ่นหอมหวานที่เย้ายวนเหมือนจะมอมเมาสติ ยิ่งได้ยินเสียงหอบหายใจน้อยๆที่ดังอยู่ข้างหูที่เหมือนจะแกล้งกัน ยิ่งทำให้รู้สึกทรมาน
ผมได้แต่บอกตัวเองว่าครั้งแรกต้องไม่ใช่ที่นี่ ไม่ใช่หน้าประตูห้องเรียนแบบนี้
“เรย์กะ” ผมเรียกชื่อเธอเบาๆ ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ร้องไห้แบบคราวนั้น อันที่จริงมันตรงกันข้ามด้วยซ้ำ มันดู เอ่อ...ยั่วยวน ถ้าใช้คำนี้คงจะเหมาะที่สุด
ตอนนี้ผมมองเธอแทบไม่ได้เพราะกลัวตัวเองจะกระโจนใส่แบบขาดสติเหมือนเมื่อครู่นี้ สองมือติดกระดุมกลับคืนที่ให้ มองหาริบบิ้นที่อาจจะตกอยู่แถวๆนั้น พอพบก็ส่งคืนให้เจ้าของ
“ขอโทษด้วยนะ”
“คุณชูสุเกะไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” เรย์กะหันไปมองทางอื่น สองข้างแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ “ไม่ต้องขอโทษหรอก มะ เมื่อกี้ก็รู้สึกดีด้วย”
“เอ๋ เมื่อกี้พูดอะไรนะ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “ไม่ได้ยินเลย”
“พะ พอเลย” เธอทุบลงบนไหล่ผม “บอกว่างั้นๆนั่นล่ะ”
“จริงเหรอ”
เมื่อได้จ้องตากันใกล้ๆแบบนี้ เรย์กะก็เป็นฝ่ายหลบตาก่อน พูดด้วยเสียงอ้อมแอ้ม
“ที่จริงแล้ว วันนั้นฉันดีใจมากเลยนะที่คุณชูสุเกะ เอ่อ...จูบฉัน ข้างในมันก็หวิวๆแปลกๆ ใจสั่นไปหมด”
“อือฮึ”
“แต่ แต่ว่าฉันน่ะ ยังลืมท่านคาบุรากิไม่ได้ ก็เลยรู้สึกสับสนเอามากๆ”
หัวใจผมหล่นวูบลงไปเล็กน้อยเมื่อชื่อของมาซายะเข้ามาข้องเกี่ยว
“ฉันรู้ว่าคุณชูสุเกะคิดยังไงกับฉัน แต่การที่ฉันยังไม่ลืมท่านคาบุรากิ มันก็เหมือนหลอกให้คุณชูสุเกะรักฉันไปเรื่อยๆแบบไม่มีจุดหมาย รู้สึกว่าตัวเองแย่มากๆ ก็เลยร้องไห้ออกมา ไม่ได้ร้องไห้เพราะรังเกียจหรืออะไรหรอกนะ”
เธอช้อนตามองผมด้วยสายตาแบบเดิมที่ทำมานับครั้งไม่ถ้วน
“คุณชูสุเกะจะเกลียดฉันก็ได้นะ”
“แค่นี้เองเหรอ” ผมฟุบหน้าลงบนไหล่เธอแล้วเริ่มต้นหัวเราะ “นึกว่าเป็นเรื่องอะไรใหญ่โตซะอีก”
“เอ๋”
“ผมรู้ว่าจะทำใจให้ลืมรักแรกน่ะมันยาก แต่เรย์กะก็อย่าปิดกั้นตัวเองขนาดนั้น” สองมือผมสอดประสานเข้ากับมือของเธอ “มีผู้ชายที่เลิศเลอขนาดนี้มาอยู่ตรงหน้า ไม่รีบคว้าเอาไว้ระวังจะมาร้องไห้เสียดายทีหลังไม่ได้นะ”
“แน้” เธอทำปากยื่นแบบเด็กที่ถูกขัดใจ “หลงตัวเอง”
“หรือไม่จริง”
จ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง เรย์กะก็เป็นฝ่ายหลบตาก่อน “ฉัน...จะพยายามนะ ช่วยรอฉันหน่อย ขอให้ฉันจัดการความรู้สึกตัวเองอีกหน่อยนะคะ”
“ได้สิ” ผมพยักหน้า “จะให้รอเท่าไหร่ก็ได้”
เรย์กะยิ้มออกมาได้ในที่สุด รอยยิ้มน่ารักจนผมรู้สึกมันเขี้ยว อดไม่ได้ที่จะฉกฉวยความน่ารักจากริมฝีปากนั้นอีกหน กระซิบเสียงเบาให้ได้ยินแค่สองต่อสอง
“แต่อย่าให้รอนานก็แล้วกัน”
ผมกลับมาบ้านด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่ก็รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความหนักอึ้งหลายสัปดาห์ก่อนหายไป มีแต่ความอ่อนนุ่มและสัมผัสอันอ่อนหวานที่ยังติดอยู่จนเผลอแตะริมฝีปากตัวเองบ่อยๆแล้วก็อมยิ้ม
ปากบอกว่าลืมรักแรกน่ะยากและอย่าปิดกั้น เอาเข้าจริง ผมกลับยึดติดยิ่งกว่าใครๆทั้งหมด
ผมรักเธอ รักไปจนถึงหัวใจ ถึงจิตวิญญาณ จะโลกไหน ร่างไหน นิสัยอย่างไรก็รัก รู้ตั้งแต่ได้สบตาว่าผมเป็นของเธอ เป็นของเธอมาโดยตลอด
อายุของผมในตอนนี้ก็เข้าขั้นคุณลุงวัยกลางคนแล้ว แต่กลับมาเขินอาย นอนกลิ้งไปมาบนเตียงแบบหนุ่มน้อยเพิ่งได้รู้จักรัก จูบแค่นี้ก็เป็นเอามาก ไก่อ่อนชะมัด
ชูสุเกะในโลกกระจกจะว่ายังไงบ้างนะ เขาคงรู้อยู่แล้วว่าผมจูบกับเรย์กะ
ผมนึกอยากคุยกับเขา อยากแบ่งปันความยินดีนี้ แม้เขาจะไม่ชอบใจ แต่ผมไม่สน
พอได้เวลาเข้านอน ผมก็หลับไปอย่างง่ายดายด้วยความรู้สึกที่ปลอดโปร่ง
คืนนั้น ผมฝัน
ในฝันไม่มีชูสุเกะในโลกกระจกมารออยู่อย่างเคย
อันที่จริงผมมองอะไรไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ มีแต่ความมืดดำที่หนักอึ้งกำลังถาโถมเข้ามา หรือผมจะยังไม่ลืมตากันแน่นะ
ในขณะที่กำลังฝืนอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียง “ชูสุเกะ ชูสุเกะ” ดังก้องไปทั่วเหมือนตะโกนไปในป่าลึก
เป็นเสียงของมาซายะที่เรียกชื่อผม พอผมจะอ้าปากพูด กลับไม่มีเสียงใดๆเล็ดรอดออกไป
“ตื่นได้แล้ว จะนอนไปถึงไหน” เสียงของมาซายะยังคงดังอยู่ “ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ทุกคนเขาเป็นห่วงนะ”
“ท่านพี่” อีกเสียงตามมา ยูกิโนะสินะ “ฟื้นขึ้นมาสิฮะ หน้าที่ผู้สืบทอดของท่านพี่มันหนักเกินไป ผมทำไม่ไหวหรอกนะ”
ผมพยายามจะลุกแล้ว แต่กลับเหมือนมีอะไรหนักอึ้งทับตัวเองเอาไว้ แขนขาของผมดิ้นรนอยู่ในความมืด ตะเกียกตะกายที่จะลุกขึ้นมา
แต่อีกเสียงที่ดังขึ้นมาทำให้ผมตะลึงค้าง
“ท่านเอ็นโจ”
คุณคิโชวอิน
“กลับมาเถอะค่ะ กลับมาหาพวกเรา ลืมตาเถอะ ได้โปรด”
เสียงนั้นสั่นเครือราวกับกำลังร้องไห้ แผ่วค่อยเหมือนจะขาดใจ ต่างจากน้ำเสียงกราดเกรี้ยวของมาซายะหรือน้ำเสียงออดอ้อนของยูกิโนะลิบลับ
พอได้ยินก็เหมือนถูกฉุดกระชากออกจากพันธนาการ ผมเป็นอิสระในที่สุดและพยายามลืมตาขึ้น ไขว่คว้ามือเพื่อเอื้อมไปหาเจ้าของเสียงนั้น
แต่เมื่อลืมตา สิ่งที่เห็นก็คือความมืดที่พอจะเห็นได้รางๆว่าอะไรเป็นอะไร ที่นี่คือห้องนอนไม่ใช่ความฝัน ทั้งที่อากาศเย็นขนาดนี้ แต่เนื้อตัวกลับเต็มไปด้วยเหงื่อจนชุ่มชุดนอนที่สวมอยู่
ผมลุกขึ้นจากเตียง เดินโซเซเข้าไปยังห้องน้ำแล้วเริ่มต้นอาเจียน เอาความรู้สึกคลื่นไส้ผะอืดผะอมออกไปจากตัว
เมื่อล้างหน้าล้างตาให้พอสดชื่น ภาพในกระจกสะท้อนภาพของผู้ชายผมสีน้ำผึ้งที่ดูอิดโรยมองตอบมา ในหัวปวดตุบๆอย่างรุนแรง จนต้องควานหายาแก้ปวดในตู้มากรอกปาก นั่งนิ่งๆสักพักในห้องน้ำ พออาการดีขึ้นค่อยเดินกลับไปนอนที่เตียงเช่นเดิม
ความฝันเมื่อครู่นี้มันอะไรกัน
การที่ผมอยู่ในร่างนี้ โลกเดิมผมก็น่าจะตายไปแล้ว ทำไมถึงได้ยินเสียงของสามคนนั้นกันล่ะ
นั่นเป็นความฝัน หรือความจริงกันแน่นะ
แต่ที่แน่ๆ อาการปวดศีรษะนี่เป็นของจริง ขนาดทานยาแล้วก็ยังแทบไม่ช่วยอะไร
ผมหลับตาลงช้าๆ นึกอยากกลับไปอยู่ในความฝันนั้นอีกครั้ง แต่ไม่สมหวัง ตื่นมาผมก็ยังอยู่ที่เดิม ห้องเดิม ในร่างของชูสุเกะผมสีน้ำผึ้งเหมือนเดิม
เสียงอ่อนระโหยโรยแรงเหมือนจะขาดใจของคุณคิโชวอิน ยังติดตรึงอยู่ในหัว
หากอยู่ตรงนั้น ผมคงเอื้อมมือไปหา เช็ดน้ำตาให้แล้วปลอบเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะสามารถ
พระเจ้าคงโปรดปรานการทรมานผมเสียจริง เพราะให้ผมได้ยินเสียงเธอ ให้ทรมานทุรนทุราย นึกไปต่างๆนานา แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้
ความขมปร่าแล่นขึ้นมาในลำคอ ผมฟุบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง
และร้องไห้ออกมาด้วยความสิ้นหวังเป็นครั้งแรก
-----------------
มีต่อดีมั้ยน้ออ หรือจะตัดจบแค่นี้ดี 5555555
>>665 ฟิคตำนานรัก
--
เพราะเมื่อคืนไม่ได้นอน ขอบตาของฉันในร่างคาบุรากิก็เลยดำคล้ำราวกับหมีแพนด้า
ฉันส่องกระจก มันเห็นชัดมากเลยค่ะ ฉันแหกตาตัวเองดูในกระจก หมอนี่ไม่มีเครื่องสำอางช่วยปกปิดด้วยเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
พอลงมาข้างล่างก็เจอกับมาดามและท่านประธานคาบุรากิ มาดามแลดูตกอกตกใจพอสมควร แต่ฉันไม่มีข้อแก้ตัวใดๆนอกจากบอกไปว่านั่งท่องบทสวดไล่ปิศาจทั้งคืน
ทั้งมาดามและท่านประธานคาบุรากิสุดเท่จ้องมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าว่างเปล่า และไม่ได้เอ่ยถามอะไรนอกจากนี้อีกเลย
ฉันนั่งรถมาโรงเรียนด้วยเวลาที่ช้ากว่าปกติเล็กน้อย นักเรียนซุยรันที่เห็นฉันลงจากรถก็ดูจะอุทานออกมาด้วยความตกใจ แล้วยังชี้ชวนให้เพื่อนมองมาที่ฉันอีกด้วย หา นี่คาบุรากิเป็นสัตว์ในพิพิธภัณฑ์หรือไงคะ ถึงได้ชี้ชวนมองแบบนี้-!
แค่ขอบตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าเท่านั้นเองค่า---!
ฉันยังรู้สึกมึนๆหัวจากการไม่ได้นอน แต่ก็ต้องลากสังขารขึ้นห้องเรียนอย่างช่วยไม่ได้ โชคดีที่เหล่าสาวๆที่เป็นแฟนคลับเห็นว่าท่านจักรพรรดิดูจะอารมณ์ไม่ดี ก็เลยไม่ได้เข้ามาใกล้ จึงถือเป็นโชคของฉันไปค่ะ
ฉันเดินไปตามทางเดิน เห็นเอ็นโจในร่างฉันกำลังพูดคุยอยู่ในกลุ่มสาวๆอย่างกลมกลืน
นี่นายจะเนียนไปแล้วนะยะ---!!!
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
เหล่าสาวๆทักทายฉันตามมารยาท เอ็นโจเองก็มองมาทางนี้ด้วยแววตาเป็นห่วงเล็กๆ
“ท่านคาบุรากิ อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อา” ฉันรู้สึกคอแหบ แต่อาการปวดหัวก็รุมเร้าจนแทบอยากจะไปโดดหน้าต่างอีกรอบ แถมความเครียดก็เข้าเกาะกุม จึงอยากได้คนปรึกษาเรื่องนี้ซะหน่อย แต่นอกจากเอ็นโจกับคาบุรากิที่รู้เรื่อง ฉันก็ไม่รู้จะไปปรึกษาใครดี
...ไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คนอื่นฟังฉันคงได้ไปอยู่โรงพยาบาลบ้าแน่ๆค่ะ ฮือ
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ คิโชวอิน”
“คะ?”
เอ็นโจดูจะสงสัยเล็กๆที่ฉันเรียกคุย หมอนั่นหันไปบอกพวกเพื่อนๆให้ไปที่ห้องเรียนได้เลย ก่อนจะเดินออกจากกลุ่มมาหาฉัน
เสียงฮือฮาดังขึ้นมาอีกระลอก แต่ฉันก็มึนเกินกว่าจะรับรู้ว่าฮือฮาเรื่องอะไรกัน
“คุณคิโชวอิน สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ เป็นอะไรมากหรือเปล่า?”
เอ็นโจถามด้วยความเป็นห่วง ฉันกำลังจะตอบ แต่คาบุรากิในร่างเอ็นโจก็ปรากฏตัวออกมา หมอนั่นมองมาทางฉันเงียบๆ หวา หวา ฉันไปทำให้ร่างกายของหมอนี่มีรอยคล้ำใต้ตาซะแล้ว จะโดนบ่นอะไรอีกล่ะ---!
“เฮ้ ไหวรึเปล่า”
ฉันแปลกใจเล็กน้อยที่ถูกถามแบบนั้น เลยตอบเลี่ยงๆไปว่านอนไม่พอ แค่คาบุรากิเท่านั้นที่ไม่อยากให้รู้ว่าทำอะไร! เดี๋ยวหมอนั่นได้เข้าใจผิดๆอีก!
แต่ยังไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันมากกว่านี้ เสียงออดเข้าเรียนก็ดังขึ้น ฉันจึงได้แต่ขอตัวลาจากทั้งสองคน แล้วเดินเข้าห้องเรียนทันที ว่าจะไปแอบงีบหลับในห้องน่ะค่ะ ถ้าภาพลักษณ์ของนายในสายตาอาจารย์แย่ลงก็ขอโทษด้วยนะ คาบุรากิ~
ตลอดช่วงเช้าไม่ได้มีการเปลี่ยนห้องเรียน ทำให้ฉันได้นอนยาว รู้ตัวอีกทีก็พักกลางวันซะแล้วค่ะ อาการปวดหัวมึนๆก็หายไปแล้ว สงสัยเป็นเพราะได้นอนพักล่ะมั้งคะ ฉันสะบัดหัวไล่ความง่วงออกไป ก่อนจะตรงดิ่งไปยังโรงอาหารทันที แล้วได้ประสบกับปัญหาแบบเมื่อวานเปี๊ยบเลยค่ะ
ฉันได้แต่สูดหายใจเข้า-ออก ทำสมาธิกำจัดความโมโหโทโสนี่ออกจากร่างกาย
หนอย สักวันฉันจะเอาร่างนายไปโกนหัวบวชบำเพ็ญกุศลลลล!
หลังเลิกเรียนฉันมุ่งตรงไปยังสโมสร Pivoine เหมือนเดิม แต่ต่างกันตรงที่ทางเข้าสโมสรมีเทวดาน้อยผมสีอำพันยืนอยู่ค่ะ!
ยูกิโนะคุง! ยูกิโนะคุงล่ะ! ฉันรู้สึกเหมือนได้รับการเยียวยา กำลังเดินจะเข้าไปหา เป็นเวลาเดียวกับที่ยูกิโนะคุงหันมาพอดี
“...ท่านพี่มาซายะ?”
เอ๋ เหมือนจะตาฝาดเห็นเทวดาน้อยทำหน้าตาบูดบึ้ง แต่ไม่ว่าจะกระพริบตาหลายๆรอบ หรือแอบจิกเนื้อตัวเอง ยูกิโนะคุงก็ยังคงทำสีหน้าแบบเดิมอยู่ดี?!
“อะไรกัน ไม่ได้อยากจะมาเจอท่านพี่มาซายะสักหน่อย”
เทวดาน้อยบ่นอุบ ก่อนจะฉีกยิ้มราวกับปิศาจน้อยมาให้ กรี๊ด นี่มันอะไรกัน ทำไมยูกิโนะคุงถึงได้มีรอยยิ้มปิศาจแบบนั้นล่ะคะ---! คาบุรากิ นี่นายไปทำอะไรให้ยูกิโนะคุงไม่พอใจกันยะ!
“ท่านพี่มาซายะ คุณพี่เรย์กะอยู่มั้ยฮะ?”
“อ..เอ้อ ไม่รู้สิ”
“เอ๋... ไม่ได้เรื่องเลย~”
กรี๊ด เทวดาน้อยแสนน่ารักหายไปไหนแล้ว!?
ฉันช็อก และอาจจะยังช็อกต่อไปไม่เลิก ถ้าไม่ได้คาบุรากิที่เดินเข้ามาทักซะก่อน
“คิโช---” คาบุรากิชะงักเพราะเพิ่งสังเกตเห็นยูกิโนะคุง
“ท่านพี่!” ยูกิโนะคุงกลับมายิ้มแย้มราวกับเทวดาน้อยอีกครั้ง ส..สงสัยเมื่อกี้คงจะติดเชื้อบ้ามาจากคาบุรากิก็เลยมองเทวดาน้อยผิดเพี้ยนไปแน่นอนเลยค่ะ!
คาบุรากิลูบหัวยูกิโนะคุง แต่ฉันเห็นนะคะว่าตานั่นทำหน้าสยองอยู่!
“เข้าไปข้างในกันมั้ย” ฉันเอ่ยชวน ยูกิโนะคุงสุขภาพไม่ค่อยจะแข็งแรงอยู่ อยู่ข้างนอกนานๆคงไม่ดี ยูกิโนะคุงหันมามองฉัน แต่สุดท้ายกลับเมินไปมองคาบุรากิซะอย่างนั้น?!
“ท่านพี่ เข้าไปข้างในกันเถอะครับ~”
คาบุรากี้~! ฉันขอถามอีกครั้ง นายไปทำอะไรให้ยูกิโนะคุงไม่พอใจกันแน่---!
“ท่านพี่~ เมื่อไหร่คุณพี่เรย์กะจะมาเหรอฮะ” ยูกิโนะคุงเอ่ยถามคาบุรากิ เทวดาน้อยนั่งเท้าคางมองคาบุรากิในร่างเอ็นโจด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ผมจะมาให้คุณพี่เรย์กะช่วยดูนีดเดิลเฟลต์ซะหน่อย~”
ยูกิโนะคุงหันไปหยิบนีดเดิลเฟลต์รูปกระรอกออกมา ว้าย น่ารักจังเลยค่ะ! ทำไมยูกิโนะคุงถึงได้ทำสวยกว่าฉันที่เป็นคนสอนอีกคะเนี่ย!
“ท่านพี่เป็นยังไงบ้างฮะ?”
คาบุรากิดูอึกอักกับยูกิโนะคุงแปลกๆ เหอะ เพราะนายไปทำให้ยูกิโนะไม่พอใจนั่นแหละ ถึงได้ไม่มีโอกาสพบกับยูกิโนะเวอร์ชั่นเทวดาแบบนี้! หมอนั่นส่งสายตาขอความช่วยเหลือมา โธ่ แค่นี้ก็ขอความช่วยเหลือแล้วเหรอคาบุรากิ
นายมันอ่อนหัด!
“น่ารักดีนี่ ยูกิโนะ” ฉันเอ่ยออกไปแทนคาบุรากิที่ไม่ยอมตอบสักที ยูกิโนะคุงลดนีดเดิลเฟลต์กระรอกในมือลง พลางหันมามองฉันด้วยแววตาเรียบนิ่ง
“ไม่ได้ขอความเห็นท่านพี่มาซายะสักหน่อย เงียบๆหน่อยสิฮะ”
ฉึก อึก อึก อึกกกก---!
กรี๊ด ฉันเองก็ไม่ชินกับเทวดาน้อยในเวอร์ชั่นนี้เหมือนกันค่า---!
ฉันเงียบ คาบุรากิเงียบ เทวดาน้อยยิ้มแย้ม พวกสมาชิกสาวๆที่มาทีหลัง พอพบกับยูกิโนะคุงก็เลยไปรุมล้อมกันยกใหญ่ เพราะนานๆทีจะได้เห็นเอ็นโจคนน้องนอกจากสโมสรชั้นเปอติต์
ไม่นานนัก เอ็นโจก็ปรากฏตัวขึ้น หมอนั่นดูแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นยูกิโนะคุงอยู่ในสโมสร พอเห็นร่างฉัน ยูกิโนะคุงก็ขอตัวจากวงล้อมสาวๆเข้ามาหาเอ็นโจ
“คุณพี่เรย์กะ ผมลองทำนีดเดิลเฟลต์ตามที่สอนมาให้ ช่วยดูหน่อยสิฮะ”
ยูกิโนะคุงยังคงมีรอยยิ้มเทวดาตลอดการพูดคุยกับเอ็นโจในร่างของฉัน...
คาบุรากิ! เป็นเพราะนายนั่นแหละ ยูกิโนะคุงถึงได้ไม่หันมามองทางนี้เลย!
ไปตายซร้า---!
“คุณพี่เรย์กะเองก็จะไปงานเลี้ยงของครอบครัวท่านพี่มาซายะด้วยเหรอฮะ”
ฉันที่กลายเป็นตัวประกอบฉากไปแล้วได้แต่กัดผ้าเช็ดหน้ามองเอ็นโจที่พยักหน้าให้ยูกิโนะคุงด้วยรอยยิ้ม ก็บอกแล้วไงคะว่าคิโชวอิน เรย์กะ ไม่ได้มีรอยยิ้มแบบนั้นนนน!
“ผมเองก็อยากไปบ้างจัง...” เทวดาน้อยทำหน้าหงอย น่าสงสารจังค่ะ! ฮือออ! “ผมอยากเต้นรำกับคุณพี่เรย์กะอีกนะฮะ~”
กรี๊ดดดด พี่เองก็อยากเต้นรำกับยูกิโนะคุงนะคะ---!
“เพราะแบบนั้นท่านพี่ช่วยเต้นรำกับคุณพี่เรย์กะแทนผมหน่อยสิฮะ~”
แวบหนึ่งที่ฉันแอบเห็นรอยยิ้มแสนมีเลศนัยของเทวดาน้อย ว้าก ทำไมฉันจะต้องไปเต้นรำกับเอ็นโจด้วยล่ะคะ! ยูกิโนะคูงงงงงงงงง!
เอ็นโจในร่างฉันไม่ตอบอะไร นอกจากส่งยิ้มนิดๆให้ ก่อนจะพาเปลี่ยนไปเรื่องอื่น พร้อมกับที่สมาชิกสาวๆเข้ามาพูดคุยด้วย
...แล้วความซวยก็บังเกิด
“อาร่า จะว่าไปแล้ว ไหนๆท่านยูกิโนะก็มาแล้ว ท่านคาบุรากิสนใจเล่นเปียโนสักหน่อยมั้ยคะ”
ยูกิโนะคุงไม่ได้อยากฟังเลยนะ คนที่อยากฟังน่ะมันพวกเธอมากกว่า---!
ไม่ ไม่ ไม่ ฉันเล่นไม่ได้หรอกค่า---! ถ้าเล่นแล้วพลาดขึ้นมาจะทำยังไง! ยูกิโนะคุง! ปฏิเสธไปสิ!
“ไม่---”
“จริงเหรอฮะ! ท่านพี่มาซายะจะเล่นให้ผมฟังเหรอฮะ?”
ยูกิโนะคุง! ยูกิโนะคุงเมินคาบุรากิมาตลอดไม่ใช่เหรอ! แล้วไหงอย่างงี้ถึงอยากฟังขึ้นมาล่ะค้า---!
สมาชิกคนหนึ่งเสนอ “เล่นเพลง Pathetique op 3 Rondo allegro ก็ดีนะคะ”
กรี๊ด ฉันเล่นไม่ได้หรอกค่ะ!
คาบุรากิเหมือนจะเห็นสีหน้าลำบากใจของฉัน ก็เลยเอ่ยปาก “ยูกิโนะ ถ้าอยากฟังเดี๋ยวไปเล่นให้ฟังที่บ้านก็ได้นี่”
คาบุรากี้---! นายคือผู้มีพระคุณ---!
“เอ๋...ก็อยากเห็นท่านพี่มาซายะเล่นนี่นา~”
ม่ายยยยยยยยยยยยย
เอ็นโจส่งสายหน้าเห็นอกเห็นใจมาให้ หนอย ไม่ต้องมาเห็นอกเห็นใจกันเลยนะยะ! อีตาจอมมาร!
“ไม่ได้เหรอฮะ ท่านพี่มาซายะ”
เทวดาน้อยก้มหน้าลงอย่างผิดหวัง สีหน้าหงอยๆนั่นทำให้เหล่าสมาชิกสาวๆหันมาเร่งเร้าฉันแทน อ้าวเฮ้ย พวกเธอเสนอเองก็ไปเล่นเองสิ! แต่ด้วยแรงกดดันจากหลายๆฝ่าย (?) ฉันก็เลยต้องลุกไปที่เปียโนจนได้ แต่ก็ได้ยินคาบุรากิกระซิบบอกเบาๆ
“อย่าทำให้ขายหน้าล่ะ”
กรี๊ด ยิ่งกดดันเข้าไปอีก! เดี๋ยวนี้ฉันเองก็ไม่ค่อยได้เล่น เลยไม่รู้ว่าจะเล่นได้มั้ยน่ะสิ เพลงที่พวกเธอเสนอจังหวะมันก็ใช่ว่าจะช้าๆนะยะ---!
ฉันสูดหายใจเข้าออกลึกๆเป็นเชิงให้กำลังใจตัวเอง ทุกคน ถ้าฉันตายก็อย่าลืมทำบุญส่งไปให้นะคะ ฮือ
ฉันวางนิ้วลงบนคีย์เปียโน ก่อนจะเริ่มบรรเลง โย้ช! จังหวะแรกผ่านไปได้ด้วยดี! ฉันแอบเหล่มองใบหน้าเคลิบเคลิ้มของเหล่าสาวๆ ใบหน้าประดับรอยยิ้มของเอ็นโจ ใบหน้าพออกพอใจของคาบุรากิ และใบหน้ายิ้มแย้มของเทวดาน้อย
นี่แหละ! กำลังไปได้สวยเลยนี่คะ!
บรรเลงต่อไปแบบนี้เรื่อยๆกำลังดีเลยค่ะ!
โอเย้!
ไปได้สวย---!
ตึง!!!
“...”
“...”
“...”
ฉันชะงัก สาวๆชะงัก ยูกิโนะคุงชะงัก เอ็นโจชะงัก คาบุรากิเองก็ชะงัก ก่อนจะเปลี่ยนมามองฉันอย่างกินเลือดกินเนื้อแทน! ฮือ ผิดไปแล้วค่า---! เพราะความหลงระเริงในความสำเร็จแรก ทำให้ฉันผ่อนจังหวะลง จนพลาดนั่นเองค่ะ!
แง
สำนึกผิดแล้วค่า!
ทุกคน อย่าลืมนะคะ ถ้าฉันตายก็ทำบุญส่งไปให้ด้วย
ปล. คนร้ายก็คือคาบุรากินั่นเองค่ะ!
ท่ามกลางความอับอายที่ไม่อาจทำอะไรได้ อยู่ๆเอ็นโจก็กระแอมไอขึ้นมา
“จะว่าไปวันนี้ท่านคาบุรากิก็ดูไม่ค่อยดีตั้งแต่เมื่อเช้า ยังไม่หายหรือคะ?”
เอ็นโจ---!!!
“อ..อ่า ปวดหัวมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วน่ะ”
ความช่วยเหลือที่เอ็นโจหยิบยื่นมาให้ฉันก็กระโจนรับมันมาอย่างรวดเร็ว พลางลุกขึ้นยืนจับหัวตัวเองเบาๆให้ทุกคนรู้ว่า นี่ไง นี่ไง ฉันปวดหัวนะยะ! ที่เล่นพลาดเมื่อกี้ก็เพราะปวดหัว! ที่เล่นพลาดเมื่อกี้ก็เพราะไม่สบาย!
ขอบคุณมากนะเอ็นโจ แต่หวังว่าจะไม่มาทวงหนี้ทีหลังนะคะ...
“จริงสิ ได้ข่าวว่าแบรนด์ยี่ห้อดังจะมาเปิดตัวเร็วๆนี้นะ”
คาบุรากิเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน สาวๆเองก็เหมือนจะปล่อยผ่านเรื่องเมื่อกี้ไป และหันไปพูดคุยเกี่ยวกับแบรนด์ดังที่คาบุรากิเปิดประเด็นเอาไว้ ฮือ ขอบใจนายมากคาบุรากิ ฉันมองคาบุรากิอย่างซาบซึ้ง พลางเข้าไปนั่งร่วมพูดคุยด้วยอีกแรง
เรื่องเมื่อกี้ทุกคนจงลืมไปซะ---!
คาบุรากิละจากวงสนทนาหันมามองฉันอย่างไม่พอใจ ฉันทำได้เพียงก้มหน้าอย่างยอมรับผิด ง่า เค้าไม่ได้ตั้งใจน้า~ ก็ไม่ได้อยากเล่นสักหน่อยนี่นา~
“เธอนี่มันใช้ไม่ได้จริงๆเลย!”
“ข..ขอโทษค่ะ”
“...วันหลังอย่าให้เป็นแบบนั้นอีกล่ะ”
เอ๋ ฉันเงยหน้ามองคาบุรากิที่ถอนหายใจออกมา นึกว่าจะโดนบ่นเยอะกว่านี้อีกค่ะ แต่ดูเหมือนคาบุรากิจะยอมรับสภาพไม่ได้เรื่องของฉันก็เลยดูปลงๆ...กรี๊ด ไม่รู้ทำไม แต่เจ็บใจที่สุดเลยค่ะ!
ตัวเองยังเป็นแค่บากะรากิแท้ๆ!
“ไปซ้อมเพลงนั้นมาจนกว่าจะอ้วกเป็นโน้ตเพลงซะ คิโชวอิน”
หา...?! นี่นายจะบ้าเรอะ!
“ไม่ไหวหรอกค่ะ ท่านคาบุรากิ”
“พูดว่าไม่ไหวๆอยู่นั่นแหละ แล้วเมื่อไหร่เธอจะไหวกันล่ะหา”
คาบุรากิทำท่าจะบ่นอีกรอบ แต่ก็ถูกเอ็นโจเข้ามาขัดบทสนทนาซะก่อน ดูเหมือนสาวๆจะไปรุมล้อมยูกิโนะคุงเหมือนเดิมซะแล้ว เอ็นโจก็เลยปลีกตัวออกมาได้
“ทั้งสองคนคุยกันน่าสนุกจังเลยนะ”
นายมองส่วนไหนว่ามันน่าสนุกกันยะ---!
“ชูสุเกะ นายก็ดูคิโชวอินสิ! เอาร่างของคนอื่นไปทำเรื่องหน้าขายหน้าชะมัด!”
“...ทางนี้ก็เห็นนายเอาร่างของผมไปทักทายคุณทาคามิจิอย่างออกนอกหน้าด้วยนะ”
“เอ๊ะ...นั่นมันก็---”
“...มาซายะ”
“...ก็ขอโทษครับ”
หา ขอโทษกันง่ายๆอย่างนี้น่ะเหรอ!? ไหงเป็นฉันถึงได้ข่มเอาข่มเอาล่ะย่ะ! ไอ้เจ้าบากะรากิ! เอ็นโจยิ้มให้คาบุรากิ ก่อนจะหันมามองฉัน
“คุณคิโชวอินเองก็ลำบากหลายเรื่องเลยนะ”
ฉันแอบลังเล แต่ก็ตอบออกไปตามจริง หึ ถ้าคาบุรากิหาเรื่องล่ะก็ฉันจะเอาร่างนายไปบวชจริงๆด้วย! คอยดูสิ!
“นั่นมันก็...ใช่ค่ะ”
“หา นี่เธอจะบอกเป็นฉันมันลำบากงั้นเหรอ!”
“เป็นใครที่ไม่ใช่ตัวเองมันก็ลำบากกันทั้งนั้นแหละ มาซายะ”
เอ็นโจว่า ฉันแอบเห็นด้วย แต่ในพวกเราสามคน คาบุรากิก็สบายที่สุดแล้วนี่นา ไม่ได้เปลี่ยนเพศอย่างกะทันหันแบบฉันหรือเอ็นโจ แถมยังอยู่ในร่างเพื่อนสนิทตัวเองที่ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ คงจะชินกว่าฉันหรือเอ็นโจอยู่แล้ว
ตื่นมามีแท่งตรงกลางไม่ตลกเลยนะคะ ฮือ
หลังจากนั้นพวกเราก็คุยกันต่อในเรื่องเรื่อยเปื่อย ก็รู้สึกแปลกดีที่มานั่งคุยกับพวกนั้นนะคะ ก็ทั้งสองคนเป็นคนที่ฉันอยากหลีกเลี่ยงตลอด พอได้คุยก็รู้สึกว่าทั้งสองคนเองก็ไม่ได้มีอะไรเลวร้ายอย่างที่คิด ฉันคงต้องปรับอคติตัวเองให้ลดลงบ้างแล้วล่ะค่ะ
คุยกันไม่นานนักก็ได้เวลากลับบ้าน
“คุณพี่เรย์กะ ไว้เจอกันนะฮะ”
เอ็นโจโบกมือลาเทวดาน้อยที่เดินขึ้นรถไปกับคาบุรากิ ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ฉัน
“คุณคิโชวอินเองก็กลับบ้านดีๆนะครับ เจอกันที่งานเลี้ยงพรุ่งนี้ครับ”
ฉันกำลังว่างค่ะ
วันนี้เป็นวันเสาร์ งานเลี้ยงจะถูกจัดขึ้นที่โรงแรมในเครือคาบุรากิในช่วงเย็น ถ้าอยู่ร่างเดิม ตอนนี้คิโชวอิน เรย์กะคงต้องตื่นมาเตรียมตัวเพื่อไปงานเลี้ยงตอนเย็นแล้ว เกิดเป็นผู้หญิงช่างลำบากยากเย็นมากค่ะ
แต่พอมาอยู่ในร่างคาบุรากิ
ก็เลยว่างค่ะ
หันมองหน้าต่างที่อยู่สภาพกำลังซ่อมแซมก็นึกสะท้อนใจตัวเอง ตอนนั้นทำไมฉันถึงบ้าบิ่นกระโดดลงไปได้นะ?
หรือเพราะติดเชื้อความบ้ามา---!?
ฉันละสายตาจากหน้าต่างหันมองข้าวของในห้อง ถ้าไม่ใช่สีดำก็เป็นสีทึบๆหมดเลยค่ะ ช่างมืดมนแท้ คาบุรากิ
ฉันสำรวจข้าวของเครื่องใช้ของคาบุรากิไปทั่วด้วยความว่างจัด จนกระทั่งมีคนมาเคาะประตูห้องเรียก เปิดออกมาก็เป็นคาบุรากิในร่างเอ็นโจ? หมอนี่มาทำอะไรที่นี้น่ะ? Homesick?
คาบุรากิถือกระเป๋าใบหนึ่งเดินเข้ามาในห้องราวกับเป็นห้องของตัวเอง...เอ่อ ก็ห้องของหมอนี่จริงๆนี่นา ฉันเบลออะไรของฉันเนี่ย!
“ให้ตาย ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย”
คาบุรากิบ่นประมาณว่าห้องไหนก็ไม่ดีเท่าห้องตัวเอง แล้วอยู่ๆก็วกมาบ่นฉันเรื่องห้ามซ้อมโดดตึกในห้องของเขาอีก?! นี่นายยังไม่เลิกเข้าใจผิดอีกเร้อ!
“ห้องชูสุเกะน่ะไม่จัดตามโหงวเฮ้งเลย” คาบุรากิส่ายหน้าเบาๆ เดินไปรอบห้อง ก่อนจะกลับมาหยุดอยู่ที่เดิม...นี่นายเป็นหมาเรอะ---!
นี่อย่าบอกนะว่าห้องนี้จัดตามโหวงเฮ้งน่ะ?! เฮ้ นายเชื่อเรื่องโหวงเฮ้งแท้ๆ แต่ทำไมไม่เชื่อเรื่องเครื่องรางล่ะยะ!
“ว่าแต่คิโชวอิน...เธอเต้นรำเป็นมั้ยเนี่ย”
คาบุรากิถามฉันนิ่งๆ
หา ถามอะไรแปลกๆ ก็ต้องเป็นอยู่แล้วสิ!
“...เป็นฝ่ายผู้ชายน่ะ”
“...เต้นไม่เป็นค่ะ”
ฉันเป็นผู้หญิงมาโดยตลอดนะยะ! เพิ่งมาเป็นผู้ชายได้สองสามวันนี้เอง จะไปเต้นเป็นได้ยังไงกันน่ะ---!
“ฉันก็เลยจะมาสอนเธอเนี่ยแหละ ถ้าเธอทำฉันขายหน้าอีกล่ะก็ ฉันไม่เอาเธอไว้แน่!”
กรี๊ด---! หนูโดนข่มขู่---!
“เอาล่ะ เรามาเริ่มเรียนกันดีกว่า”
คาบุรากิพูดพลางขยับแว่นบนใบหน้าตัวเอง
เดี๋ยว! นายไปเอาแว่นมาจากไหนกันยะ! ไม่สิ นายใส่แว่นทำไม!
“ท่านคาบุรากิ...ใส่แว่นทำไมงั้นเหรอคะ”
“ใส่แว่นแล้วมันจะได้ดูมีความรู้ยังไงล่ะ” คาบุรากิใช้นิ้วดันแว่นเบาๆ “...ใส่แล้วดูดีรึเปล่าล่ะ”
ถ้าบอกว่าไม่ดูดีก็คงจะโกหกนั่นแหละค่ะ...
แต่ว่านะ
“...ท่านคาบุรากิอยู่ในร่างท่านเอ็นโจนะคะ...”
“หา มันก็เหมือนๆกันนั่นแหละ!” คาบุรากิบ่นอีกแล้ว! หมอนั่นเริ่มสอนฉันตั้งแต่ภาคทฤษฏี มันละเอียดตั้งแต่การวางองศาเท้าเลยล่ะคะ...เวลานายเต้นจริง นายจะมาวัดรึเปล่าล่ะตัวเองตั้งเท้ากี่องศาน่ะ---!
ฉันได้แต่กัดฟันกรอดฟังที่คาบุรากิพล่ามอย่างขอไปที จากที่ฟังๆดูแล้ว ผู้ชายกับผู้หญิงก็ไม่ค่อยจะต่างกันเท่าไหร่ คงจะพอไปได้อยู่ค่ะ
“เอาล่ะ มาซ้อมจริงกันเลยดีกว่า”
โอ้ย~ ฉันคอตกอย่างเซ็งๆ แต่ว่านะคาบุรากิ ใครจะมาเป็นคู่ซ้อมให้ฉันกันล่ะ! หรือว่า...นายเรอะ?! นี่นายเต้นผู้หญิงก็เป็นด้วย!?
“ท่านคาบุรากิเต้นผู้หญิงได้ด้วยเหรอคะ”
“มันก็ต้องแน่อยู่แล้วสิ เวลาเรียนเต้นรำ เขาก็เรียนกันทั้งชายทั้งหญิงนั่นแหละ มันจะได้สมดุลกัน”
ไอ้ ‘เขา’ ที่ว่าน่ะมันใครกันนนนนนนนน---?!
คาบุรากิเดินเข้ามาใกล้ พวกเราวางฟอร์มท่ากันเล็กน้อย ประสานมือที่มือขวา มือซ้ายของฉันวางไปที่เอว มือซ้ายของคาบุรากิเองก็วางไปที่ไหล่ของฉัน ก่อนจะเริ่มเต้นเปล่าๆโดยไม่มีเพลงนั่นแหละค่ะ
ภายนอกเป็นผู้ชายสองคนมาเต้นรำด้วยกันจะแปลกๆมั้ยนะ...
เอ้า 1 2 3 1 2 3 หมุนตัว 1 2 3 1 2 3
โอ๊ะ! ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดนี่นา!
เอ้า 1 2 3 1 2 3 หมุนตัว 1 2 3 1 2 3
ฉันมองหน้าคาบุรากิ...เอ่อ นี่มันหน้าเอ็นโจนี่นาระหว่างที่กำลังเต้นไปด้วย จู่ๆคาบุรากิก็เหลือบสายตาขึ้นมาสบตากับฉัน แสงแดดที่สะท้อนมาจากหน้าต่างที่อยู่สภาพกำลังซ่อมขับย้อมให้เรือนผมของหมอนี่เปล่งประกายราวกับสีทอง...
ตึกตัก
เอ๊ะ....?!
เสียงอะไร?! เสียงหัวใจใคร?! หัวใจฉันเรอะ!?
เฮ้ย เดี๋ยว!
ถ้าใจเต้นจริง...
ฉันใจเต้นให้ใครกัน?!
ระหว่างคาบุรากิ มาซายะ
หรือเอ็นโจ ชูสุเกะ?!
คิดอีกทีไม่มีทางที่ฉันใจเต้นหรอกค่ะ
ไม่มีทาง
ยาวหน่อย 555 ตอนนี้มีฉากที่กูอยากเขียน
ฉากใจเต้นไงล่ะ! แต่ท่านเรย์กะเป็นยอดรักนักหักธง ถ้ารู้ตัวเร็ว ฟิคเรื่องนี้ก็จบเร็วน่ะซิ---! //ทำสีหน้าชั่วร้าย
>>764 กูลืมแก้ เพลง pathetique op13 rondo allegro ต่างหาก ของบีโทเฟน จังหวะค่อนข้างสนุกดีสำหรับกูนะ 555
https://m.youtube.com/watch?v=Ifj8dwuAzAQ
แล้วเมดบ้านคาบุรากิก็จะเปิดประตูเข้ามาพบสองหนุ่มเต้นรำคู่กัน กลายเป็นเรื่องเม้าท์ในบ้านคบรก. ก่อนข่าวลือจะเริ่มแพร่สะพัดไปถึงเครือข่ายสาวใช้บ้านอื่นๆ
อ้อ ถ้าขจัดคู่แข่งในอนาคต ท่านเอ็นโจก็กินเยอะๆเลยค่ะ พอคืนร่างท่านเรย์กะจะได้ไปลดความอ้วนรัวๆ ไม่มีเวลาให้เรื่องอื่น
>>773 ประมาณนี้สินะ
"ดิฉันว่าท่านมาซายะของบ้านเราเป็นเซเมะค่ะ" สาวแว่นในชุดเมดขยับแว่นที่ส่องแวววาวขึ้นลง "ท่านมาซายะน่ะคุณสมบัติทุกประการในการเป็นเซเมะ ทั้งเย็นชา เคร่งขรึม อีกทั้งยังหล่อเหลากระชากใจดั่งกุหลาบสีน้ำเงิน ไม่มีทางที่จะเป็นอุเคะไปได้"
"โธ่เอ้ย หล่อนน่ะก็คิดตื้นๆแบบเนี้ย" สาวเมดผมสั้นท่าทางห้าวๆรายหนึ่งมองด้วยความดูถูก "พนันเลยว่าคู่ที่หล่อนชิพต้องเป็นคู่เมนสตรีมยอดนิยมในท้องตลาดใช่มั้ยล่ะ เจ้าพวกตามกระแส"
"เอ๊ะ ดิฉันจะชิพคู่ไหนมันก็เรื่องของดิฉันนี่คะ"
สายตาที่สบประสานคล้ายกับมีสายฟ้าฟาดลงมายังพื้นดิน เปรี้ยงปร้างสว่างไสวอันตรายไปทุกที่
"เอาน่าๆ อย่าทะเลาะกันเลย เราควรมาแชร์ข้อมูลข่าวสารกันดีกว่านะคะ" สาวเมดผมหยักศกที่นั่งอยู่หัวโต๊ะรีบห้ามก่อนจะเสียเรื่อง ทั้งคู่เลยสะบัดหน้าหนี ทำท่างอนกันสุดชีวิต
"ดิฉันว่าท่านชูสุเกะเมะค่ะ" สาวเมดผมเปียอีกรายหนึ่งยกมือพูดด้วยท่าทางเขินอาย "ถึงท่านชูสุเกะจะงดงามดั่งกุหลาบขาว อ่อนโยนราวกับขนนก แต่ดิฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่างภายใต้หน้ากากนั่น ตัวตนที่แท้จริงต้องดิบเถื่อนเร้าใจมากแน่นอนค่ะ"
"ใช่ๆ ท่านมาซายะออกจะใสซื่อปานนั้น ไม่มีทางทันเล่ห์เหลี่ยมของท่านชูสุเกะหรอก อย่างตอนที่ออกเดินทางไปทะเลด้วยกัน ไม่แน่อาจจะเป็นแผนการอยู่ด้วยกันสองต่อสองของท่านชูสุเกะก็ได้" สาวเมดผมสั้นหัวเราะคิกคัก "จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้"
"ว้ายยยยยยยยยยยยยย"
เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นรอบวงทันที บรรดาสาวน้อยในชุดเมดต่างจินตนาการไปถึงฉากล่อแหลมชนิดต้องปิดตาและแปะป้ายเตือนว่า nc-18
แต่ทั้งท่านชูสุเกะและท่านมาซายะก็ยังอายุไม่ถึง 18 เลยนี่คะ จะผิดรึเปล่านะ
"จะฝ่ายไหนเป็นเซเมะ ดิฉันก็ไม่ทราบหรอกนะคะ" สาวเมดผมหน้าม้ารายหนึ่งตอบเสียงขรึมๆ "แต่ว่าตอนเปิดประตูเข้าไปน่ะ ท่านมาซายะเต้นรำอยู่ในท่าผู้ชาย ส่วนท่านชูสุเกะอยู่ในท่าของผู้หญิงล่ะค่าาาาาาาา"
เสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกหน คราวนี้สาวเมดสวมแว่นหันไปฉีกยิ้มให้กับสาวเมดผมสั้นอย่างผู้ชนะ ส่งสายตาเยาะเย้ย
"ไงล่ะ ฉันบอกแล้วท่านมาซายะน่ะเป็นเซะเมะ"
"อาจจะสลับกันก็ได้นะคะ" สาวเมดอีกคนกล่าว
"ไม่ได้ รีบะไม่ได้นะ มันเรื่องต้องห้ามเลย!!!!" รอบวงรีบยกมือขึ้นห้าม
"เอ๋ ทำไมจะรีบะไม่ได้ล่ะคะ" สาวเมดคนที่เปิดประเด็นรีบะได้กล่าวขึ้น "ดิฉันว่ามันก็เป็นความสัมพันธ์ที่แฟร์และเท่าเทียมกันออกนะคะ เรารักเขา เราก็ย่อมไม่อยากให้เขาเจ็บอยู่ฝ่ายเดียวใช่มั้ยล่ะคะ ผลัดกันเสียบก็แฟร์ๆดีออกน้า"
คราวนี้ ทุกคนในวงน้ำชายกมือขึ้นปิดหูเหมือนไม่อยากฟัง แม้บางคนจะทำหน้าคล้อยตามไปแล้วก็เหอะ
การประชุมลับๆครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ จบไปเพราะลงมติไม่ได้ว่าใครจะเมะหรือใครจะเคะ แม้จะเปิดโหวตจากสาวใช้ในแต่ละบ้าน แต่คะแนนก็สูสี ขับเคี่ยวกันมาแบบหายใจรดต้นคอ ได้คะแนนไปเท่าๆกันเหมือนนัดกันมา
"เท่านี้ก็น่าจะรู้ผลกลายๆแล้วนะคะว่าไม่อาจตัดสินได้ว่าใครเมะหรือเคะ" สาวใช้ที่ชื่นชอบการรีบะคู่ชิพยิ้มแป้นให้กับบอร์ดคะแนน "เห็นมั้ยล่ะคะ รีบะน่ะ ดีที่สุดเลยนะ"
-----------------
จบเหอะ 5555555555555555555555555555
กูทีมเอ็นโจเมะ แต่ก็รับรีบะได้นะ 5555555555555555555555555
ทีมเอ็นโจเมะ แต่ท่านเรย์(ชาย) เมะซื่อบื้อใสๆก็ดีงาม//โดนตบไปหลังฉาก
ส่วนตัวแล้วกูท่านเรย์เป็นอุเคะที่ข้างนอกดูเมะแต่ภายในนี่เต้าหู้ ส่วนวาคาบะเป็นเมะซื่อๆ สู้ชีวิตว่ะ. แล้วท่านเอ็นโจเป็นเมะจอมมาร ส่วนคาบุรากิเป็นอุเคะแนวโชเน็นชักจูงง่ายว่ะ ในหัวแต่ละอย่างแม่ง.
>>790 เรื่องนี้ซากาโมโต้(อากิระหัวเขียวๆอะ)โดนผ.อ.คาบไปแดกในมังงะ ตะเตือนไตมาก...(กุไม่ชอบผ.อ.T^T)
ซากาโมโต้แต่งหญิงด้วยครั้งนึง... คนเขียนบอกในมังงะFamily Complexด้วยว่าอากิระจะโตขึ้นแล้วจะสูง 182 สูงกว่าท่านซากาโมโต้(คนพี่ที่หล่อๆ)
รูปซากาโมโต้แต่งหญิง(น่ารักโว้ยยยย ผ.อ.แม่ง...) http://imgur.com/gmdy4mf
กุเสียเวลาในการตอบเพราะไปขุดหารูปนี้แหละ 55555
งั้นมิซึซากิ อาริมะก็อยู่ในตำแหน่งซากาโมโต้ อากิระสินะ อากิระเป็นว่าที่ประธานนักเรียนนี่
แต่ว่าในเรื่องเจ้าหญิง เจ้าหญิง เนี่ยมันแต่งหญิงแค่ตอนปี1นี่(ประมาณม.4)
เรื่องเจ้าหญิง เจ้าหญิงมีโลกคู่ขนานด้วยนะเป็นเวอร์ชั่นสลับเพศ ให้ผู้หญิงเล่นเป็นเจ้าชายแทน
ถ้าเอาตามPrincess Princess จะมีฉายาคือ เจ้าหญิงตะวันตกกับเจ้าหญิงตะวันออก
งั้นจะให้แต่ละคนมีฉายาใหม่ว่ายังไงดีล่ะ?
ว่าแต่ครอบครัวแต่ละคนก็รวยหรูขนาดนั้น เรื่องอุปกรณ์แต่งหญิงน่าจะไม่มีปัญหา
แต่ปัญหาก็คือ ทั้งเรย์ ชูสุเกะ มาซายะก็รวยมีอำนาจกันทั้งนั้น คงไม่ต้องการสิทธิพิเศษ และไม่น่าจะมีใครบังคับได้(โดยเฉพาะเอ็นโจ)
เออ จะว่าไปก็นึกขึ้นมาได้ แล้วท่านพี่กับอิมาริล่ะ จะเคยเป็นเจ้าหญิงมาก่อนรึเปล่า.... เรย์คุงอาจจะมีเป้าหมายแบบแปลกๆ ผมจะเป็นเจ้าหญิงของโรงเรียนแบบท่านพี่ให้ได้ไรเงี้ย ส่วนมาซายะ ยูริเอะอาจจะขอร้องมาในฐานะเจ้าหญิงรุ่นก่อน ส่วนเอ็นโจตกกระไดพลอยโจน เหมือนตามมาควบคุมสองหน่อนี้(เรย์และมาซายะ) แต่ดันเป็นเจ้าหญิงได้สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าสองคนนั้นซะอีก ถถถถถถ
ก็เรย์คุงไว้ผมยาวในชายล้วนอาจเป็นจักรพรรดินีอยู่แล้ว เอ็นโจก็เลื่อนเป็นเจ้าหญิง แต่รากินี่แหละที่จะใช้อะไรดี เพราะจักรพรรดินีเรย์ก็ใช้อยู่5555
ยึดตามมังงะก็ได้นะ เรย์คุงแต่งหญิงคงไม่พ้นแนวฝรั่งเศส เป็นเจ้าหญิงตะวันออก คบรก เป็นเจ้าหญิงตะวันออก ส่วนเอ็นโจ....เจ้าหญิงอะไรดีอ่ะ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับจักรพรรดินีผู้สูงส่งสง่าบนคาน คานที่ 9
สูงส่งไหมละมึงบนคานอะ 55555555555
กูขอคั่นนิดนึง เพราะเกิดสงสัยขึ้นมา
ท่านเรย์กะเนี่ยมีอะไรที่ถนัดบ้างนอกจากเรื่องกิน
ทั้งงานเย็บปัก ทั้งการทำอาหาร ทั้งทำขนม ทั้งการจัดดอกไม้ หรือการเรียนก็ไม่ได้ถือว่าเก่ง
งั้นท่านเรย์กะถนัดอะไรอะ? (ปกติตัวเอกต้องโชว์เมพไม่ใช่หรอวะ หรือกุอ่านแฟนตาซีมากไป?)
จะแต่งวาคาบะ(ชาย)Xท่านเรย์ มีใครจะอ่านไหม//สาววายมีชีวิตอยู่บ่
วาคาบะคุงxท่านเรย์
ภาษาไม่สวยเพราะแอบพิมพ์ตอนจารย์สอน อาร๊ายยยยยย
---------------------------------
วันนี้ก็เหมือนเดิมสินะ....
ผมมองตู้ใส่รองเท้าของตนเองด้วยสายตาว่างเปล่า รองเท้าใส่บนอาคารสีขาวตอนนี้กลับเต็มไปด้วยคราบหมึกและขี้โคลนเต็มไปหมด
แต่เช้าก็โดนแกล้งซะแล้ว ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเลย แค่มียัยจักรพรรดินีสมองเซลล์เดียวมาเกี่ยวด้วยแค่นั้นเอง ทั้งๆที่ฉลาดขนาดนั้นยังทำตัวใสซื่อทำให้พวกแฟนคลับพากันเหม็นขี้หน้าผมอีก คนแบบนั้นขอให้ขึ้นคานต่อไปเถอะ ชาตินี้ต่อให้สวยเพียบพร้อมขนาดไหน ถ้ารู้ธาตุแท้ก็ไม่มีใครเอาหรอก....
คิดไปก็เสียเวลาเปล่า ทีงี้จะทำยังไงดีล่ะ จะไปซื้อรองเท้าคู่ใหม่ก็แพงซะด้วย ซักที่ก๊อกน้ำหลังอาคารจะออกไหมนะ พวกแปรงขัดกับผงซักฟอกที่ห้องน้ำก็น่าจะมีให้ยืมอยู่....
"คุณทาคามิจิกำลังทำอะไรอยู่หรอครับ?"
เสียงทุ้มนุ่มที่เต็มไปด้วยอำนาจดังขึ้นจากทางด้านหลัง ผมเลยหันกลับไปมองเจอกับคุณคิโชวอินเข้า
ผมหยักศกสีเข้มรับกับใบหน้าดูดีไม่มีที่ติราวกับรูปปั้นรับรุ่งอรุณแต่เช้า ทำให้ความขุ่นมัวหายไปหมดเลยครับ....
"อา ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่ปัญหาเล็กน้อยเท่านั้นเอง"
"แต่ปัญหาเล็กน้อยน่าจสร้างความลำบากใจให้คุณมากเลยนะ เฮ้อ.... ตามมานี้สิ"คุณคิโชวอินจับมือผมให้เดินตามไปยังตู้เก็บรองเท้าของเขา มือนุ่มนิ่มจังแหะ แถมยังขาวเนียนอีกด้วย กลิ่นหอมจากกลุ่มใกล้ๆแทบจะทำให้สติกระจัดกระจายไปหมดแล้ว
"เอานี่ไปใช้สิ" รองเท้าสีเหมือนใหม่ถูกยัดเข้ามาในมือ ขนาดก็พอๆกับของผมเลย
"แต่ของผมเอาไปซักก็ใช้ได้แล้วล่ะครับ อีกอย่างนี้เป็นรองเท้าของคุณคิโชวอินด้วย"
"ไม่ออกหรอก ต่อให้ออกก็คงไม่แห้งทันเข้าเรียนแน่ๆ อีกอย่างรองเท้าคู่นี้ผมก็ไม่ได้ใช้อยู่แล้วเพราะมันเปื้อน ผมใช้คู่นี้ต่างหาก" นิ้วเรียวชี้รองเท้าอีกคู่ในตู้ให้ดูและชี้จุดที่เปื้อน
ไอ้จุดที่เปื้อนมันก็แค่จุดเล็กๆเองนะครับ แต่พอได้รับการยืนยันว่าถ้าไม่ใส่จะไม่ยอมไปไหนเลยต้องยอมซักครั้งด้วยความอ่อนใจ
หืม ไซส์พอดีกันเลยแหะ
คุณคิโชวอินบอกว่าจะไปส่งไปที่ห้อง และปรายสายตาไปมองพวกที่แกล้งที่แอบมองอยู่จนหนีหายไป
ผมเลยต้องเดินตามต้อยๆถือกระเป๋าของอีกฝ่ายที่แย่งมาถือไว้อนบอก บอกไปว่าถ้าไม่ให้ช่วยถือจะไม่ตามไปด้วย
ถึงคุณคิโชวอินจะดูน่ากลัวสมกับคำว่าจักรพรรดิ จนไม่อยากมีคนเข้าใกล้ แต่ก็ใจดีเอามากๆกับพวกคนนอกแทบจะฃม่แบ่งแยกพวกกันเลย เลยมีแฟนคลับทั้งชายหญิงที่เฝ้ามองดูความสง่างามอยู่ห่างๆ
บางมุมที่ไม่มีใครรู้ก็น่ารักใช่เล่น ครั้งก่อนที่เจอคุณคิโชวอินเดินเที่ยวเทศกาลในเมืองโดยบังเอิญ เสื้อสีเข้มที่เลอะไอติมสีอ่อนมันช่างน่าดึงดูดใจซะจริงๆ พอมารู้ว่าเป็นพวกชอบขนมหวานและของกินก็ยิ่งทำให้ดูน่าเอ็นดูไปอีก...
ผมเงยหน้ามองแผ่นหลังที่เดินนำขึ้นบันไดอาคารด้วยความรู้สึกหลากหลาย ...
อา...ดูเหมือนคุณคิโชวอินกินขนมหวานเยอะขึ้นอีกแล้วสินะ ก้นกลมอวยอิ่มตรงหน้าน่าฟัดชะมัดเลย....
-------------------------☆
แต่งวาคาบะคุงซะ คิโม่ยเลยตู//เผ่นหนีโม่ง
กุเคยคิดนะว่า ที่วาคาบะคุงโดนแกล้งประจำแล้วมีท่านเรย์ออกมาปกป้องบ่อยๆมันช่างเยี่ยวยาหัวใจดีจริงๆ คล้ายๆกับตอนที่ยูกิโนะคุงปกป้องเรย์กะจากตาไก่โง่อ่ะ
ตัวเล็กๆแต่ใจใหญ่ มันโดคิๆ อารายยยย
แถมเรย์มันก็เหมือนจะซึนจะช่วยก็ไม่ช่วยออกนอกหน้า ถ้ามีลูบหัวชมนิดหน่อยหน่อยก็สติไปไกลเหมือนที่ท่านพี่ชม....ใครมาสานต่อกาวกุที
กูชอบอ่ะมึง!!!! วาคาบะหื่นอีกนะ 5555
วันนี้มู้เงียบจังเลย ตอนนี้ลุ้นกับหลายๆฟิคมากๆ รอโม้งฟิคมาต่อกาว 5555
ใครอ่านถึงดิบตอนล่าสุดแล้วมาสปอยกูทีว่าเรือวาคาเรย์กะนี่เป็นไปได้จริงๆไหมมึง กูจะได้ลงเรือถูกซักที ตอนนี้กูสับสนมากว่าจะลงเรือไหนดี 55555
อัพเดทคะแนน
>>434 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับเรือรักหักเหลี่ยมโหด ครั้งที่ 9
= >>803, >>809, >>814
>>436 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับนิทรรศการเรืออับปางใต้ท้องทะเลลึก ครั้งที่ 9
= >>801, >>807, >>808, >>810, >>813, >>824, >>825, >>826, >>827, >>829, >>854
>>806 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับจักรพรรดินีผู้สูงส่งสง่าบนคาน คานที่ 9
= >>811, >>812
ชื่อกระทู้หลังๆแต่ละอันนี้ โคตรบ่งบอกความรักที่มีต่อท่านเรย์กะกันเลย..... ไหนกระทู้ๆแรกบอกว่าอัปมงคลวะ 5555555555
เออ อยากจะเสนอ AU อนุบาลซุยรัน
- เด็กหญิงเรย์กะ(และคนอื่นๆรุ่นเดียวกัน)ในชั้นอนุบาล 2
- พี่ทาคาเทรุ พี่แท้ๆของเรย์กะ และเป็นครูพี่เลี้ยงประจำ อ.2 ห้องดอกอุราระ ที่โคตรจะซิสค่อนลำเอียงน้องสาวและกีดกันเด็กชายทุกๆคน...
- พี่อิมาริ เป็นครูพี่เลี้ยง อ.2 ห้องดอกโบตั๋น เอาใจใส่แต่กับเด็กผู้หญิง ส่วนเด็กชายปล่อยให้ป่วนซนก่อเรื่องตามสบายอย่างชิวๆ
- เด็กชายคาบุรากิ ห้องดอกโบตั๋น ได้รู้จักกับรักแรกพบกับครูพี่เลี้ยงยูริเอะ สมัย อ.1
- เด็กชายเอ็นโจ ... ก็เอ็นโจ... (นึกไม่ออก 55555555)
- เด็กหญิงวาคาบะ โดนรถสามล้อถีบของเด็กชายคาบุรากิชนขณะเด็กหญิงวาคาบะหัดปั่นจักรยานล้อเดียวอยู่ ครอบครัวคาบุรากิเลยออกทุนให้มาเรียนที่อนุบาลซุยรันเพื่อรับผิดชอบ
รอฟิคจากเพื่อนโม่งอยู่นะ
ทำไมคืนนี้โม่งเงียบจัง
เสาร์อาทิตย์นี่กาวขึ้นราคาสินะเพื่อนโม่ง กาวแห้งหมดแล้ว
เสาร์อาทิตย์เป็นวันพักผ่อน วันธรรมดาคือวันค้ากาว ตลาดกาวเสรี
ว้อยยยย หนังสือกดจุด!? เจ้าคนขาดความโรแมนติก!! (┛ಠДಠ)┛彡┻━┻
ของขวัญให้สาวคือที่แปะกอเอี๊ยะเนี่ยนะ บากะรากิ๊๊๊๊๊๊๊๊
หนังสือนวดกดจุด....จะว่ายังไงดี สมเป็นเรื่องนี้ก็แล้วกัน ของแต่ละอย่างแม่งหาความโรแมนซ์ไม่ได้เลย
ถ้าคาบุรากิมันเอาตำราสาปแช่งมาให้เรย์กะ เรย์กะอาจจะใจเต้นตึกตักจนตกหลุมรักก็ได้นะ 55555555555555
แล้วไอ้ "รู้กันแค่นี้นะ" ตรงนี้เขารู้กันเป็นชาติแล้วค่าคุณเรย์กะะั รู้ตั้งแต่ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ตอนประถมแล้วข่าาาาา
โอ้ยคาบุรากิ 55555 นี่มันความใส่ใจสไตล์คาบุ ความรู้สึกนี้อยากเหยียบมันทุกเรือ
เทียบกันแล้วเอ็นโจนี่แม่งอ้อมค้อมชิบหาย อุตส่าห์เห็นเขาดูเหนื่อยๆ เลยทักด้วยความห่วงใย เพื่อนดันตัดหน้าส่งหนังสือให้สาวเฉ้ย
จะว่าท่านเรย์กะชอบหักธงก็ไม่ได้นะ ธงน่ะปักได้เรื่อยๆ ดูคนรอบตัวท่านเรย์กะสิ.. //น้ำตาตกใน
หนังสือนวดกดจุด.... ยอมใจฮิโยโกะซามะเลย เป็นของให้ที่แปลกแหวกแนวมาก
กรี้ดดดดด อ่านแปลล่าสุดแล้วตื่นเต้นมาก ถึงคาบุรากิอาจจะแปลกๆบ้าๆบอๆ แต่ใส่ใจมากจริงๆนะ
อยากโยนหนังสือสอบทิ้ง แล้วปั่นฟิคคู่หูจังงงง //ต่อเรืออย่างอย่างบ้าคลั่ง
เห็นเม้นท์ในแมวว่าทุกคนในสโมโดนผมเกลียว เรย์กะสะกดจิตรึเปล่านี่.... หรือว่าจริงๆแล้วนี่มันเป็นเนื่องก้นหอยมรณะ ถถถถถ
กูว่าถ้านี่เป็นเกมจีบหนุ่ม item ที่ได้แต่ละจากแต่ละหนุ่มตอนเพิ่มค่าความใกล้ชิดนี่คงประหลาดสุดๆ... แต่ดูดีๆ นี่ก็เป็นฮาเร็มได้นะเว้ย ตอนที่แล้วได้เค้ก ตอนนี้ได้หนังสือกดจุด... แสดงว่าคาบุรากิมันต้องอ่านแล้วลองใช้มาก่อนเลยติดใจสินะ
มาส่งกาว ขอเป็นมุมมองบุคคลอื่นบ้างนะ
***- สมาชิกชมรมฟุตบอลไร้ชื่อ -***
ผมชื่นชมรุ่นพี่ในชมรมฟุตบอลของผมมาก
รุ่นพี่ทั้งเล่นฟุตบอลเก่ง ทางบ้านฐานะดี ทีเกียรติประวัติยาวนานแม้จะไม่ได้เป็น Pivoine แต่ก็เอ่ยชื่อตระกูลได้อย่างไม่อายใครแถมยังได้เป็นกัปตันทั้งที่อายุน้อยด้วย หัวจิตหัวใจกล้าหาญใหนจะเรื่องต่อยตีที่ไม่เป็นรองใคร ถึงจะไม่เคยไปตีกับใครเขาก็เถอะนะ
ตัวผมเองเข้าซุยรันมาตั้งแต่ ม.ต้นด้วยโควต้านักฟุตบอลถึงจะแอบใช้เส้นสายของทางครอบครัวให้ได้มาด้วยก็เถอะเพราะขี้เกียจทำข้อสอบ แหมก็ไม่อยากจะคุยหรอกนะว่าผมน่ะเล่นฟุตบอลเก่งใช้ได้เลยล่ะซุยรันเลยยอมโอนอ่อนให้โควต้าน่ะ มีไม่มากหรอกที่ลูกคุณหนูระดับผมจะมีฝีเท้าเยี่ยมยอดขนาดนี้ แต่หลังเข้าซุยรันมาก็ทำให้รู้ว่าผมน่ะคิดผิด ชมรมฟุตบอลของที่นี่น่ะของจริง มีการจ้างเทรนเนอร์ต่างประเทศกับโค้ชทีมชาติมาด้วยแหละ
และความอวดดีหยิ่งผยองในฝีเท้าของผมก็โดนรุ่นพี่สยบแบบราบคาบในวันแรกที่เข้าชมรม ตั้งแต่ตอนนั้นมาไม่นานผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะติดตามรุ่นพี่ไปจนถึงที่สุด นี่แหละยอดชายในอุดมคติ!!!
แต่มาพักหลังๆ ยอดชายในอุดมคติคนนั้นกำลังตัวสั่นอยู่ที่ม้านั่งตัวสำรอง
รุ่นพี่ที่เป็นแบบอย่างคนนั้นกำลังนั่งจ้องดอกไม้อะไรสักอย่างสีแดงพลางพึมพัมว่า 'จักรพรรดินีทรงกริ้วแล้ว ทำยังไงดี ทำยังไงดี ทำยังไงดี ทำยังไงดี ทำยังไงดี ต้องบวงสรวงอะไรเจ้าแม่จึงจะพอพระทัยนะ ไม่น่าเลย พลาดแล้ว พลาดแล้ว พลาดแล้ว พลาดแล้ว โธ่เว้ย ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย'
จริงๆ รุ่นพี่เองก็ซึมๆ มาตั้งแต่ตอนที่มีประชุมชมรมแล้วล่ะนะ แต่ตอนนั้นอาการยังไม่หนักเท่านี้ คงเพราะรู้สึกผิดที่แย่งพื้นที่ในร่มมาไม่ได้ล่ะมั้ง ความรับผิดชอบสูงสมเป็นรุ่นพี่จริงๆ
อ๊ะแต่ถ้าพูดถึงจักรพรรดินีก็ต้องหมายถึงยัยนั่นสินะ คิโชวอิน เรย์กะ
อา......ไม่ผิดแน่มีคำว่าเจ้าแม่หลุดมาด้วยนี่
ว่ากันว่าในซุยรันน่ะมีชายหญิงสามคนที่ห้ามเข้าไปเป็นศัตรูด้วย
หนึ่งคือจักรพรรดิ
หนึ่งคือองค์ชาย
หนึ่งคือจักรพรรดินี
ก็เคยเป็นมาทั้งสามคนแล้วน่ะแหละ บอกตามตรงว่าเชื่อไม่ได้ทั้งหมดหรอก
ยอมรับนะว่าคาบุรากิน่ะมีออร่าที่สามารถทำให้ผู้คนโอนอ่อนยอมสยบได้ เหมือนราชาปีศาจที่มีเนตรมารยังไงยังงั้น ทรงอำนาจ ดุดัน ยิ่งใหญ่สมชื่อจักรพรรดิแต่คนแบบนี้น่ะอยู่ไกลตัวเกินไป ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีทางได้ร่วมงานด้วย
ส่วนเอ็นโจ ว่าไงดีล่ะ เหมือนเป็นคู่ขั้วตรงข้ามกับจักรพรรดิล่ะมั้ง ใบหน้ายิ้มแย้มเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นดูอบอุ่นสมฉายาองค์ชายแต่ขอโทษทีเหอะ แกหลอกคนอื่นได้แต่หลอกสายตาของผมไม่ได้หรอก ไอ้หมอนี่น่ะมันมารร้ายชัดๆ ถ้าในเกมก็คงประมาณบอสลับหลังปราบบอสใหญ่ได้ล่ะมั้ง เหมือนพวกตัวประกอบจืดจางที่ยืนกุมไข่อยู่ข้างๆ จอมมารเวลาต่อสู้แต่เวลาจอมมารแพ้ก็จะโดดกระซวกจอมมารจากด้านหลังแล้วเผยตัวออกมาสู้กับผู้กล้าด้วยความโกงแบบไร้เหตุผล
ทำไมถึงมั่นใจน่ะเหรอ?
ก็ไม่ได้อยากจะอวดอะไรหรอกนะแต่ทางบ้านของผมน่ะร่ำรวยมาด้วยธุรกิจมืด หลังพยายามมาหลายปีดีดักถึงพึ่งจะปลด"ชื่อเสีย"ของตระกูลล้างมือออกมาจากวงการน้ำโคลนได้จนสามารถส่งลูกชายเข้ามาเรียนซุยรันเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปไงล่ะ ตอนยังเด็กน่ะเคยเจอคนที่มีออร่าคล้ายๆ เอ็นโจมาเยอะเพราะงั้นไม่มีทางมองผิดแน่
แต่แหม การที่ต้องมาคอยเรียกพวก Pivoine ว่าท่านนู่นท่านนี่เนี่ยให้ตายยังไงก็ไม่ชินแฮะ
เอาเถอะ สำหรับสองคนข้างบนผมได้เจอและได้พิสูจน์มาแล้วว่าเป็นของจริงเลยไม่คัดค้านอะไรและพยายามเลี่ยง
แต่กับยัยคิโชวอินอ่ะไม่ใช่
วงหน้ายิ้มละไมล้อมด้วยผมหลอดเข้ากับรูปหน้า เดินเฉิดฉายอย่างงามสง่าไปวันๆ พร้อมกับพวกผู้หญิงตามเป็นพรวนนั่นแหละที่ยัยนี่เป็น บอกตามตรงว่าความรู้สึกแรกที่ได้เจอจักรพรรดินีคือตกใจในความจืดชืด ที่ตกใจยิ่งกว่าคือยัยจืดชืดแบบยัยนี่ดันมีข่าวลือมากมายไม่ซ้ำเรื่อง ที่ฮาที่สุดคงเป็นเรื่องใช้พัดตบกลุ่มของยัยสาวแกลทั้งกลุ่มจนราบคาบอันเป็นที่มาของฉายาเจ้าแม่กาลีนี่แหละ
จะขำตาย ใช้พัดตบคนทั้งกลุ่มเนี่ยนะมันจะเป็นไปได้ยังไง
อ้อที่ว่าจืดไม่ได้หมายความว่ายัยนี่ไม่สวยหรอกนะ ทั้งสวยทั้งสง่าสมเป็นลูกคุณหนูขนานแท้เชี่ยๆ อ๊ะ เผลอติดนิสัยสบถตอนเด็กมาซะได้ แต่ช่างมัน ในความคิดส่วนตัวผมเองสรุปออกมาได้ว่ายัยนี่อ่ะแค่สวยเท่านั้นแหละ ตอนอยู่ไกล้ก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรแบบจักรพรรดิเลย ไม่รู้สึกว่ามีออร่าอะไรด้วย ดังนั้นการที่ได้เห็นรุ่นพี่ต้องมาสติแตกเพราะยัยนี่แล้วเลยยิ่งยอมรับไม่ได้
ยัยนี่ต้องเล่นกลโกงอะไรสักอย่างกับรุ่นพี่แหง บางทีอาจจะวานให้คุณโคะโทลูกพี่ลูกน้องที่ซ่องสุมกองกำลังระดับที่จะปฏิวัติแผนก ม.ต้น-ม.ปลาย เมื่อไหร่ก็ได้เป็นคนลงมือทำบางอย่างแน่ๆ
แต่พูดถึงคุณโคะโทแล้วก็รู้สึกแปลกใจที่เธอคนนี้ยอมลงให้กับยัยคิโชวอินทั้งที่นิสัยออกจะแรง
คุณโคะโท ริรินะน่ะเหมือนคลื่นลูกใหม่ ทั้งห้าวหาญเหี้ยมเกรียมจนไม่นึกว่าเป็นเด็กผู้หญิง ใจกล้าบ้าเลือดถึงลูกถึงคนท้าชนดะไม่เกี่ยงชั้นปีแบบไม่สมกับเป็นลูกคุณหนู แต่พออยู่ต่อหน้ายัยคิโชวอินแล้วคุณโคะโทคนนั้นกลับไม่ต่างจากลูกแมวซึนเดเระขี้อ้อนซะอย่างนั้น ไม่เข้าใจจริงๆ
ยังไงก็ตาม ปริศนาทั้งหลายแหล่น่ะจะจบแค่วันนี้เท่านั้นแหละ
หลายวันมานี้ผมได้ใช้อำนาจรวมถึงคนของผมสืบเสาะเรื่องราวเกี่ยวกับยัยคิโชวอินมา ก็มีเรื่องราวต่างๆ ที่กรองแล้วว่าเป็นจริงรายงานเข้าหูมาหลายเรื่องนะ
อย่างมีเบ๊เป็นเอสของชมรมยูโดสุดเถื่อนที่พร้อมน้อมรับบัญชาของยัยนี่อย่างไม่บิดพริ้วแม้จะเป็นการแต่งหญิงก็พร้อมสนอง ไอ้นี่ก็ตัดสินได้ง่ายๆ เลยว่าคงโดนเงินฟาดหัวแน่ๆ
ไม่ก็มีลูกน้องเป็นพวกกุ๊ยหัวทองที่เป็นหัวโจกแก๊งค์ดังย่านชินจูกุคอยเป็นมือเท้ารับบัญชา ข่าวนี้หลุดมาเพราะมีคนเห็นหัวโจกที่ว่ามาขอขึ้นเงินสนับสนุนตอนงานโรงเรียน เฮ้อ อ่อนหัดจริงๆ ยัยนี่ เรื่องการเลี้ยงดูสวะพวกนี้ต้องทุ่มบ้างสิ ไม่รู้จักสำนวนเลี้ยงทัพพันวันรึไง
ที่เหลือก็เป็นข่าวลือรักใคร่ๆ ไร้สาระ และคงเพราะหน้าตาน่ารักนั่นแหละมั้งเลยเป็นข่าวว่าทั้งจักรพรรดิกับประธานนักเรียนต่างก็สนใจยัยนี่ทั้งคู่ ช่างเป็นผู้หญิงที่มีดีแค่หน้าตาจนอยากจะขำเสียจริง
แต่ก็ด้วยสายข่าวจึงทำให้รู้ว่ายัยนี่เวลาไปชมรมงานฝีมือจะไม่มีบริวารตามไปด้วย เป็นโอกาสเหมาะที่จะเค้นถามสั่งสอนที่สุดแล้ว
บริวารที่ว่าคือเด็กผู้หญิงสองคนรู้สึกจะชื่อคาซามิ เซริกะกับอิมามุระ คิคุโนะล่ะมั้ง สองคนนี้เหมือนคู่หูไรจินกับฟูจินที่จะคอยเป็นหัวหอกคอยยกพวกไปจัดการเรื่องต่างๆ แทนยัยนั่น ได้ยินว่าทำงานได้เบ็ดเสร็จชนิดว่าเลขาชั้นหนึ่งยังอาย ว่ากันว่าที่ฉายาเจ้าแม่กาลียังไม่ไปเข้าหูยัยนั่นก็เพราะความสามารถในการควบคุมข่าวสารของสองคนนี้นี่แหละ ไม่รู้ว่ายัยคิโชวอินฟาดหัวสองคนนี้หนักขนาดใหนถึงได้ยอมทำงานเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนี้
แต่ก็อย่างว่า บริษัทของยัยนี่ถูกบริหารโดยจอมมารธุรกิจอย่างคิโชวอินทาคาเทรุนี่นะ ถ้าไม่นับตระกูลคาบุรากิหรือเอ็นโจที่มั่นคงล้นฟ้าแล้วเนี่ย ชื่อตระกูลคิโชวอินก็นับว่าหนึ่งในตองอูเลยล่ะ
น่าอิจฉาจังน้า ถ้าเล่นเกมกาชาคงมีเงินมาเปย์หาฮัสแบนโอะไม่อั้นแหง
ระหว่างที่คิดแบบนั้นก็เดินตามยัยคิโชวอินกับไรจินฟูจินไปเงียบๆ เพราะต้องการให้ไม่สะดุดตาก็เลยปฏิบัติการเดี่ยว และเพราะใว้ใจใครไม่ได้เลยต้องลงมือเอง แต่ใว้ใจเหอะลูกพี่ ไม่สิตอนนี้ยังเป็นรุ่นพี่อยู่นี่นะ ความวิตกของรุ่นพี่ผมจะสะสางให้เอง
โอ๊ะ ใกล้ละๆ พอเดินเลี้ยวโค้งที่หัวมุมโน้นไรจินฟูจินก็จะแยกตัวจากกาลีสินะ หมูตู้จริงๆ ว่าแล้วก็เร่งฝีเท้าอีกนิดดีกว่า
ในตอนที่คิดแบบนั้นแล้วเดินเลี้ยวตามไปที่หัวมุม
อิมามุระกับคาซามิก็ยืนนิ่งอยู่หลังยัยคิโชวอินแล้วทั้งคู่ก็ค่อยๆ หันมามองผมช้าๆ ถึงจะเป็นระยะห่างเกือบห้าเมตรผมก็มองเห็นได้ชัดเจน
อิมามุระหันมาจากด้านขวาโดยก้มหน้านิดหน่อย วงหน้านั้นไร้อารมณ์แม้แต่มุมปากก็ไม่กระตุกราวกับมองทะลุตัวผมไป
คาซามิหันมาจากด้านซ้ายองศาคอแหงนเล็กน้อยทำให้สายตามองต่ำ แววตาฉายแววสังเวช แสยะปากยิ้มเยาะราวกับมองหนอนแมลงขยะสด
ยัยคิโชวอินไม่ได้หันกลับมาด้วย แต่นั่นไม่สำคัญแล้วเพราะข้างหน้ายัยคิโชวอิน ไม่สิข้างหน้าคิโชวอินมีร่างของบุคคลที่ได้ฉายาองค์ชายอยู่
ใบหน้ายิ้มแย้มแต่ไม่ใช่รอยยิ้มอบอุ่น มันเป็นรอยยิ้มของพวกเสนาธิการจอมวางแผนชัดๆ แววตาส่องประกาย ถ้าตาไม่ฝาดมองดูแล้วมันส่องประกายแดงชาดราวกับจะแผดเผาตัวผมให้เป็นจุล
ไม่ดีแล้ว แผนแตกงั้นเหรอ ได้ยังไงกัน
ไม่ได้การ แบบนี้คงต้องตีเนียนถอนตัวไปก่อนแล้วค่อยคิดหาแผนอื่น ถ้าเป็นตอนนี้เรายังไม่ได้ทำอะไรลงไป พวกนั้นเองก็มีชื่อเสียงค้ำคอคงไม่ผลีผลามทำอะไรหรอก บ้าเอ๊ย นี่สินะความหมายของฉายาจักรพรรดินี
พยัคฆาหุ้มหนังแกะ ปกปิดตัวตนขับเคลื่อนเบื้องหลัง แม้แต่จอมมารก็เอามาใช้เป็นแขนขาได้ น่ากลัวเกินไปแล้ว
ใจเย็นๆ ตัวผม ถอยกลับอีกไม่กี่ก้าวก็จะพ้นสายตาน่าสยองของมารร้ายเอ็นโจแล้ว อย่าพึ่งสั่นสิขาของผม
-----------------------------------------------------------------------------------------------
"อา น่าสยองจริงๆ ให้ตายสิ"
ผมพูดออกมาด้วยความรู้สึกหลายๆ อย่างทันที่ที่ถอนตัวออกมาเอาหลังพิงกำแพงตรงทางเลี้ยวมุมห้องได้
หึหึหึ ให้ตายสิท่านคิโชวอิน เรย์กะ ย่อมได้หมากตานี้ผมขอยอมรับว่าพ่ายแพ้ จะยอมรามือเรื่องล้างแค้นให้รุ่นพี่ไปก่อนก็ได้ คงต้องขอยอมรับแล้วล่ะว่าท่านคือจักรพรรดินี คุณโคะโทเองคงไม่ถูกหลอกด้วยรูปลักษณ์ภายนอกสินะเลยยอมสยบ คนเราต้องเรียนรู้จากบาดแผล หึหึหึ วันนี้ผมได้เติบโตขึ้นแล้ว
"นี่...นายน่ะช่วงนี้รู้สึกจะตามวอแวคุณเรย์กะนี่"
ระหว่างที่หลับตาคิดอะไรแบบนั้นก็มีเสียงดุๆ ก้องกังวานดังขึ้นด้านหลัง
เมื่อลืมตาหันไปมองก็พบกับแววตาเหี้ยมหาญกดดันของคุณโคะโท ริรินะพร้อมเหล่าเพื่อนพ้อง
"มีจุดประสงค์อะไร"
คุณโคะโทริรินะเอามือกอดอกช้าๆ จ้องมองมาด้วยสายตาคมกริบราวกับจะพุ่งเข้ามากระซวกได้ทุกเมื่อ ทำยังไงดี
พอเหลียวซ้ายแลขวาหาตัวช่วยก็พบกับความเสียวสันหลังอีกครั้ง
รอยยิ้มสบายๆ ใบหน้าอ่อนโยน แต่จ้องมาที่ผมราวกับมดปลวก
อา นี่น่ะเหรอการเดินหมากของจักรพรรดินี
รุกฆาตแม้แต่ทางเสมอก็ไม่มี
เรื่องยอมแพ้ก็คง....
"ศัตรูของคุณเรย์กะ"
อา เรื่องยอมแพ้นี่หมดหวัง ผมรับรู้เรื่องนั้นจากเสียงใสๆ ของคุณโคะโทที่ดังขึ้นพร้อมๆ กับการก้าวเดินผ่านไปของเอ็นโจโดยไม่เหลียวมอง
คนเราต้องเรียนรู้จากบาดแผลสินะ
"ต้องกำจัด"
- แต่ดูท่าบาดแผลนี้คงถึงตาย -
***- ด้านคิโชวอิน เรย์กะ -***
ริรินะไปก่อเรื่องอีกแล้ว ให้ตายสิเด็กคนนี้ พักหลังห็นว่าทำตัวดีขึ้นมาหน่อยเลยวางใจที่ใหนได้กลับไปเล่นงานเด็กในชมรมฟุตบอลจนถึงกับขอย้ายโรงเรียน ที่รู้เรื่องนี้ก็เพราะจู่ๆ หัวหน้าชมรมฟุตบอลมาก้มกราบขอขมาหน้าห้องแหละนะ
พอไปถามเจ้าตัว เจ้าตัวกลับแอ่นอกยอมรับเสียอย่างนั้น เลยทำใจยักษ์เอาเอาอาวุธสงครามที่เอบเอามา(พัด)เคาะหัวไปที ปรากฏว่านอกจากจะไม่เป็นไรแล้วยังลูบหัวป้อยๆ ยิ้มแหะๆ หน้าแดงไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกซะงั้น
ฮึ้ยยยยยย อะไรกันนายตัวสำรอง ไม่เห็นจะเป็นอาวุธพิฆาตสักนิด
แต่ก็ช่างเถอะ วันนั้นถ้าไม่เพราะเอ็นโจชวนไปงานเลี้ยงจนไม่รีบเผ่นหนีคงเข้าไปห้ามทัพทันอยู่หรอก
โชคดีที่คิคุโนะกับเซริกะช่วยหาเรื่องแถเลยพอฉากตัวหลบมาได้แต่ก็อดไปชมรมเลย เฮ้อ แบบนี้จะถือว่าบกพร่องในหน้าที่ประธานมั้ยเนี่ย
เครียดจังเลย แบบนี้คงต้องไปหาอะไรกินแล้ว
การสันนิฐานบางอย่างของนายตัวประกอบก็ถูกนะ แต่บางอย่างก็มโนไป๊ 555
แปลล่าสุดคบรก.เอาหนังสือกดจุดให้ เลยรวบรวมดูว่าใครเคยให้อะไรบ้าง ไม่แน่ใจว่าครบมั้ยแฮะ?
------
<< ของที่คาบุรากิ ⇨ เรย์กะ >>
• หนังสือรวมบทกลอน
• หนังสือกดจุด
<< ของที่เอ็นโจ ⇨ เรย์กะ >>
• ของฝากในนามของค่าปิดปาก (คุกกี้โทจิมโบ, บิสกิตน้ำตกเคเก็น, ซาละเปาจุไก)
• กรงไม้สานใส่หิ่งห้อยหนึ่งตัว
• ลาเต้อาร์ตลายกระต่ายในงานโรงเรียน
<< ของที่ยูกิโนะ ⇨ เรย์กะ >>
• อโรม่าแคนเดิลกับผ้าขนหนู ยี่ห้อเดียวกับที่เอ็นโจใช้
• ลาเต้อาร์ตลายวัว
<< ของที่วาคาบะ ⇨ เรย์กะ >>
• ยากิโซบะ
• มองบลังค์ (จากแม่วาคาบะ)
• ข้าวแกงกะหรี่ 1 คำ(จาน)
• Bûche de Noël แทนคำขอบคุณ
<< ของที่เรย์กะเคยให้ >>
• (⇨ คาบุรากิ) กล่อง Guimauve รสพีช
• (⇨ ยูกิโนะ) หนังสือนิทานเด็กเรื่อง "โรงเตี๊ยมแห่งป่าชูเพซัลท์"
• (⇨ ยูกิโนะ) เซ็ตเค้กพิสตาชิโอจิ๋ว
• (⇨ อุเมวากะ) ช็อคโกแลตวาเลนไทน์(ให้เบียทัน)
• (⇨ อุเมวากะ) กระเป๋าใส่เบียทริซสีฟ้าลายดอกทานตะวัน มีชื่อ "Asuka&Beatrice"
• (⇨ อุเมวากะ) ตุ๊กตาเบียทริซที่เรย์กะทำ
• (⇨ วาคาบะ) ใบชา, กาแฟ และเครื่องเขียนตอบแทน(ที่ซักชุดให้)
• (⇨ วาคาบะ) รองเท้าเก่าที่เรย์กะเคยเหยียบขี้นก
• (⇨ ประธานชมรมฟุตบอล) ดอกโบตั๋น
------
วาคาบะน่าจะเก็บแต้มเรย์กะได้มากสุดละ... มีแต่ของกิน 5555
เรย์กะไม่เคยให้อะไรเอ็นโจเลย???
กูขอ ky หน่อยนะ คือกูเล่นเดอะซิมส์ค่ะ แล้วหมาบ้านกูมันมีลูกกันสามตัวพอดี กูก็เลยตั้งชื่อว่าเรย์ทัน ไซซายะ ชูสุมอยด์
คือซิมส์สัตว์เลี้ยงเนี่ย กูจะสั่งอะไรไม่ได้เลย กูก็เลยปล่อยมันเล่นกันเอง
ทีนี้กูลองมาดูค่าความสัมพันธ์ ปรากฏว่าเรย์ทันกับไซซายะสนิทกันมาก5555555 แบบค่าเต็ม 100 ในขณะที่ชูสุมอยด์ ไม่สนิทกับใครเลย5555555555
ชีวิตมีความปลีกวิเวก55555555 แต่ก็เห็นชอบไปวอแวเรย์ทัน แต่เรย์ทันชอบไปเล่นกับไซซายะ (...)
ท่านเอ็นโจของกูว ทำไมชีวิตน่าเศร้าแบบนี้คะ55555555555
>>921 ยิ่งเห็นยิ่งสงสารเอ็นโจจริงๆว่ะ จะน่าอนาถเกินไปแล้วนะ ถ้าเป็นผลโหวตตัวละครที่น่าสงสารที่สุดในเรื่อง เอ็นโจต้องได้ที่หนึ่งแน่ๆ
จะเข้าหาเรย์กะต้องใช้ของกินนะ เป็นของใช้หรืออุปกรณ์โรแมนซ์ๆทั้งหลาย นางไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอก แต่ทางที่ดีเอาหนังสือสาปแช่งให้น่าจะตรงใจกว่า แล้วก็ไปสวดมนต์สาปแช่งด้วยกันกับนาง รับรอง เรย์กะตกหลุมรักชัวร์ๆ 5555555555555555555555
เออใช่ >>931 ทักแล้วถึงนึกได้
อุเมวากะเคยให้ ปานีโน่ (แชนด์วิชอิตาลี) ไส้แฮมสดและผัก (ขอโทษที่ขโมยซูชิไข่ไป)
แล้วก็ในงานโรงเรียนตอนที่นายตัวสำรองมาคุยเพราะนึกว่าเรย์กะโดนข่มขู่ เรย์กะก็มีเล่าว่าอุเมวากะเลี้ยงขนมหวาน ตอนแทนกระเป๋าเบียทริชที่เรย์กะให้
(นี่ก็ให้แต่ของกินล้วนๆ พอกะวาคาบะ 5555)
แปลไทยตอนล่าสุด คาบุรากิทำคะแนนเว้ยยย น่ารักอ่ะมึง มันดูแบบใส่ใจในแบบของนางอ่ะ สาวเจ้าเขาดูเหนื่อยๆ ก็เอาหนังสือนวดกดจุดมาให้ น่ารักว่ะ 555555 กูเอ็นดู
ดีใจเอ๋ยดีใจจังของท่านเรย์กะนี่มันจิบิมารุโกะจังชัดๆ55555555555555555
มึง สรุปมู้ใหม่ชื่อไรเนี่ย จะครบพันแล้วนะเว้ยย ปิดโหวตยังว้า
อัพเดทคะแนนต่อจาก >>865
>>434 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับเรือรักหักเหลี่ยมโหด ครั้งที่ 9
= >>803, >>809, >>814, >>878
>>436 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับนิทรรศการเรืออับปางใต้ท้องทะเลลึก ครั้งที่ 9
= >>801, >>807, >>808, >>810, >>813, >>824, >>825, >>826, >>827, >>829, >>854, >>869, >>870, >>874
>>806 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับจักรพรรดินีผู้สูงส่งสง่าบนคาน คานที่ 9
= >>811, >>812
ปิดไปเลยละกัน ปกติก็ปิดที่ 900 อยู่ละ
กระทู้หน้า :
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับนิทรรศการเรืออับปางใต้ท้องทะเลลึก ครั้งที่ 9
======
เอาไว้พูดคุยเรื่อง "นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ!"
รักใคร อวยใคร ชอบใคร อยากให้ใครเข้าวิน เชิญได้ที่กระทู้นี้
.
謙虚、堅実をモットーに生きております!
นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ!
(RAW) http://ncode.syosetu.com/n4029bs/
(TH) http://www.nekopost.net/novel/3015
♕ คลังกระทู้ ♕
>>>/webnovel/3289/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ [เรือลำที่ 1 : องค์ชายเอ็นโจ]
>>>/webnovel/3364/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำชายามบ่ายของโม่งซุยรัน [ซาลอนที่ 2]
>>>/webnovel/3451/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันยามบ่ายกลางจักรวาลแห่งกาว (ยานแม่ลำที่3)
>>>/webnovel/3507/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับสตูดิโอกาวโปรดักชั่นหมายเลข 4
>>>/webnovel/3543/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับปฏิบัติการปลูกไร่กัญชาบนดาวเคราะห์ดวงที่ 5
>>>/webnovel/3572/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับหลุมดำดูดเวลา กาวแลคซี่ที่ 6
>>>/webnovel/3588/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับเรือกาวฟิคที่ไปไกลกว่าเรืออฟช. ลำที่ 7
>>>/webnovel/3600/ : ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการผนึกกำลังของเหล่าพันธมิตรเรือเพื่อล่มเกาะแห่งคาน ครั้งที่ 8
สารบัญแฟนฟิค-แฟนอาร์ต-รายชื่อตัวละคร
https://justpaste.it/reika
จะถึงมู้เก้าแล้วเรอะ เร็วชิบ
พวกมึงว่าภายในปีนี้จะถึง30มั้ย?
"โรงเตี๊ยมแห่งป่าชูเพซัลท์" ที่เรย์กะให้ยูกิโนะตอนป่วยเข้าโรงพยาบาล
Das Wirtshaus im Spessart (The Inn in the Spessart)
เป็นเทพนิยายที่มีชื่อเสียงของเยอรมัน แต่งโดย Wilhelm Hauff ในปี 1826
เกี่ยวกับนักเดินทางสองคนที่เป็นนักทำเข็มทิศและนักขุดทองกับสุนัขหนึ่งตัว เดินทางผ่านป่าชเปสซาร์ทที่ว่ากันว่ามีโจรคอยดักปล้นนักเดินทาง จนกระทั่งตกดึก ทั้งสองเดินทางไปเจอโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งกลางป่า
หาแบบแปลไทยไม่ได้ อ่านแบบอังกฤษได้ที่นี่ http://www.gutenberg.org/ebooks/32109 (PART II. Tales of the Inn.)
พรุ่งนี้เปิดเทอมซัมเมอร์แล้วท่าจะไม่ว่างมาดูมู้แล้ว ถถถ
วันหยุดไม่มีแรงผลักดันไง ไว้วันจันทร์ก่อนเถอะ...
ไม่ก็ท่านเรย์กะอาจจะแอบไปสอบทุนนอกเงียบๆบอกแค่ท่านพี่ก็ได้
แต่ถ้าได้ทางบ้านจะให้ไปรึเปล่านั้น
....
>>969 ถ้าเป็นนิยายรักทั่วไป ก็มีบ่อยนะที่เป็นคุณหนูติดดินแอบหนีพ่อแม่ไปเรียนเมืองนอก ทำงานพิเศษงกๆ แล้วไปเจอรักแท้ที่ต่างแดน ตนอื่นต่างมองว่านางเป็นซินเดอเรลล่าตกถังข้าวสาร แต่ในความเป็นจริงนั้นนางรวยเว่อรรรร์
แต่เมื่อเป็นท่านเรย์กะแล้ว..............ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ555
>>972 ทำไมชีวิตเหมือนโดนคำสาปวะ 555555555555555 หนีสี่คนนี้ไม่พ้นซักที
วาคาบะคงเอาโต๊ะโคทัตสึมาด้วย พอถึงหน้าหนาวเรย์กะก็ไปขลุกอยู่ห้องวาคาบะ นั่งแช่โต๊ะกินส้มกับเซมเบ้ พอสามคนนั้นตามมา ต้องมีคนหนึ่งที่ไม่ได้นั่งโต๊ะ สามหนุ่มก็เถียงกัน เป่ายิ้งฉุบกัน เรย์กะรำคาญความวุ่นวายเลยย้ายไปนอนซุกข้างๆวาคาบะแทน เหลืออีกที่พอดี ลงตัวห้าคนกับหนึ่งโต๊ะ
หรือไม่ไปๆมาๆนายตัวสำรองทำอาหารได้อร่อยสมบูรณ์แบบที่สุด ทุกคนเลยฝากท้องไว้กะอาริมะเสียเลย....
>>985 กูนึกถึงคลิปนี้เลยว่ะ “สาวน้อย เธอขี้เหร่เพราะไปเรียนต่อแคนาดา และเรื่องราวถัดมา หลังจากนั้น”
https://www.facebook.com/SubJingJang/videos/1835139460099827/
มีใครตั้งกระทู้ยัง กูตั้งนะ
ทางเข้ากระทู้ใหม่
>>>/webnovel/3628/
จากนี้เชิญวิ่งควายกันได้
สิบเม้นท์สุดท้าย กระทู้นี้จะปิดด้วยอะไรดี ถถถ
แล้วทำไมถึงวนอยู่กับการจมเรือล่ะเฮ้ย
>> เป้าหมายเดิมไง จมเรือคานสะ จะใครเป็นคนจมก็ได้
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.