ชูสุเกะเองก็เอาแต่คอยเฝ้ามอง ทำท่าอยากจะไปช่วยตอนที่ถูกรังแก แต่กลายเป็นว่าพอเข้าไปช่วย กลับช่วยไม่สุด ดันไปตอกย้ำซ้ำเติมเขาอีก
แล้วดูสิ...ร้องไห้เลยเห็นไหมนั่นน่ะ
เท่านั้นยังไม่พอยังแอบไปเล่นงานพวกที่กลั่นแกล้งผู้หญิงคนนั้นอีกด้วย ยังประกาศตัวตนว่า
“คนที่แกล้งคุณคิโชวอินได้มีแค่ผมเท่านั้น” ด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบขาด ชนิดที่ว่าทำให้ผู้ฟังแข็งตาย ทั้งยัง…
“...อ๋อ แล้วก็ถ้าเรื่องนี้แพร่ไปล่ะก็ ผมจะไม่ชอบใจเอานะ” บรรยากาศรอบข้างแข็งยะเยือกราวกับมีพายุมาพัดผ่าน เหมือนเห็นเงายมทูตแห่งความตายยืนอยู่หลังหมอนั่นยังไงอย่างงั้นล่ะ
เฮ้ยๆ มันไปกันใหญ่แล้วนะ ชูสุเกะ นายจะหมดทางเยียวยาแล้ว เดี๋ยวคนเค้าก็เกลียดหรอก พอว่าไปแบบนั้น ชูสุเกะก็ยิ้ม ยิ้มแบบที่ไม่อยากให้ใครมายุ่งทั้งนั้น
“ยังไม่พอหรอกมาซายะ สำหรับเธอคนนั้นน่ะ”
แกล้งไม่พอ? หรือแค้นไม่พอ?
สรุปแล้วนายชอบเธอหรือแค้นฝังหุ่นกับเธอกันแน่ ชูสุเก้ะะะะ
บางทีชูสุเกะก็ทำเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ อย่างตอนที่ผู้หญิงคนนั้นไปร้องไห้อยู่ด้านหลังสโมสรเปอร์ติต์ เจ้านั่นก็ใช้ยูกิโนะ จอมมารในร่างเด็กไปใช้ความน่ารักหลอกล่อผู้หญิงคนนั้นอยู่หลายที
หรือจะเป็นตอนที่ชูสุเกะเฝ้ามองเธอในห้องที่โรงพยาบาล ตอนที่เธอคนนั้นหลับไปแล้ว เฝ้าทุกวัน ถ้าเกิดไม่ติดว่าต้องไปโรงเรียน ผมคิดว่าชูสุเกะคงไม่ออกมาจากในนั้นแน่
ในตอนนั้นเป็นวันที่ผมได้รู้เรื่องทั้งหมด และยอมตกลงช่วย ถ้าเกิดว่าย้อนเวลากลับไปได้ล่ะก็ผมจะทำเฉยเสีย ไม่พาทาคามิจิไปหาชูสุเกะเด็ดขาดเลย!
อ๋อ แน่นอนว่าคนที่ผลักผู้หญิงคนนั้น ไม่ตายดี…
ไม่สิ หายตัวไปแล้วล่ะ...
เอ๊ะ? มันความหมายเดียวกันเรอะ ช่างเถอะ…
พอหลายวันต่อมาแม่ของผู้หญิงคนนั้นก็มาที่โรงเรียนซุยรันเพื่อทำเรื่องลาออก แต่มีหรือที่เรื่องนี้จะชูสุเกะจะไม่รู้ และไม่รู้ว่าชูสุเกะทำอิท่าไหนถึงให้ท่านพ่อท่านแม่ของเขาออกค่าเล่าเรียนให้เธอ และก็พวกลูกน้องของเธอคนนั้นก็จงรักภักดีต่อผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน รวมไปถึงลูกพี่ลูกน้องของเธอด้วย ถึงขนาดที่รวมกลุ่มกันมาขอร้องผม และชูสุเกะ ทั้งที่เนื้อตัวสั่นเทาจนน่าสงสาร ผมไม่ได้ตอบอะไรไป แต่ชูสุเกะบอกเรียบๆ ว่าจะจัดการให้เท่านั้น
จนผมอดคิดไม่ได้ว่า ผู้หญิงคนนั้นไปวางยาอะไรชูสุเกะ ไม่สิ อาจจะกลับกันก็เป็นไปได้?
พอยิ่งได้ฟัง ผมก็ยิ่งไม่เข้าใจชูสุเกะมากขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ซับซ้อนแบบนั้นทำไม สารภาพรักโต้งๆ สิ ปกป้องเธอซึ่งๆ หน้าสิ ทำแบบผมกับทาคามิจิไปเลย!
ลูกผู้ชายมันต้องเถรตรงเท่านั้นนะ!
“มาซายะเองก็ได้คำแนะนำจากผมไม่ใช่เหรอ?”
สิ้นคำพูดประโยคนั้น ผมได้แต่นั่งนิ่งคิดในใจว่ามันก็จริง เรื่องที่ผมจีบทาคามิจิได้เป็นเพราะชูสุเกะล้วนๆ
แต่ไม่ดิ มันผิดประเด็นแล้วนะ! นี่นายกำลังพยายามเบี่ยงประเด็นอยู่นะเฟ้ย ชูสุเกะ!
ให้ตายเถอะ เจ้าชูสุเกะไม่ฟังผมเลย แถมยังนั่งยิ้มให้ผมค่อยๆ หมดคำพูดไปเอง…
โรงเรียนปิดเทอมพอดีกับตอนที่ผู้หญิงคนนั้นน่าจะออกจากโรงพยาบาล ผมได้ยินข่าวปะปลายจากชูสุเกะแค่ว่าเธอเปลี่ยนไป ผมได้แต่เออออตามเพื่อนที่มีความรักแสนน่ากลัวไปตามเรื่อง หลังจากนั้นผมไม่อยากรับรู้แล้วว่าเรื่องเป็นไงต่อ!
แค่ได้ฟังแผนการต่างๆ จากคนเจ้าแผนการอย่างชูสุเกะก็แย่เกินไปแล้ว ช่วงเวลานั้นมันกดดันสุดๆ หลังจากนั้นผมเลยไปช่วยงานที่บ้านทาคามิจิเสียส่วนใหญ่ ถึงแม้จะโดนทาคามิจิหาว่าวุ่นวาย จนต้องนั่งมองอยู่เฉยๆ ไม่ก็เป็นเพื่อนเล่นน้องๆ ของทาคามิจิ
อย่างน้อยขอที่สงบๆ ให้ผมบ้างเถอะ…
พอวันงานเลี้ยงฤดูร้อน ผมได้ไปงานเลี้ยงกับทาคามิจิ สายตาทุกคนมองมาที่ผมกับเธอราวกับเหลือเชื่อ แต่มันก็ผิดกฏนั่นแหละที่พาคนนอกเข้ามาในงานนี้ แต่ทำไงได้ล่ะ ทาคามิจิเป็นคู่หมั้นของผมคงไม่มีใครคัดค้านแน่
แต่ครู่ต่อมาผมก็ต้องตะลึงกับชูสุเกะที่เข้ามาในงานพร้อมกับผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงคนนั้นที่ชูสุเกะจับมือของเธอคล้องแขนเอาไว้หน้าทางเข้างานอย่างทนุถนอม แล้วรอยยิ้มของชูสุเกะนั่นมันอะไร สายตารักไคร่แบบนั้นอีก นายจีบเธอสำเร็จแล้วเรอะ!?
ทำตามที่ผมแนะนำไปใช่ไหม?
สารภาพรักกับเธอแล้วรึเปล่า?
พอผมถาม ชูสุเกะก็ยิ้มพราว บอกเพียงว่า “แผนเปลี่ยน แต่อีกไม่นานนักหรอก” ทำเอาบรรยากาศอันอบอุ่นหนาวยะเยือกในพริบตาอีกรอบ
ชักอยากจะรู้แล้วสิ ว่าคิโชวอิน เรย์กะไปทำอิท่าไหนให้ชูสุเกะเป็นแบบนี้ได้ อยากจะไปเรียกตัวมาถามนะ แต่ถ้าต้องเสี่ยงกับภาคอวตารจอมมารจอมวางแผนของชูสุเกะแล้ว ผมไม่ขอรับรู้อะไรทั้งสินแล้วกัน
เอาเป็นว่าผมจะขอเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ไม่ยุ่ง ไม่เห็น ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นก็แล้วกันนะ
ฉันกับทาคามิจิจะไปขอโทษที่หลัง
แล้วก็สุดท้ายนี้
…ขอให้ปลอดภัยจาก… เอ่อ คนคนนั้นก็แล้วกัน
คิโชวอิน เรย์กะ…
***********************************************
จบค่า
***************************************************