เรย์กะฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยอมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพาย หยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลขนาดใหญ่ออกมา ของข้างในเป็นคาดผมเหมือนกัน แต่เป็นทรงหูหมาป่า
“เห็นที่ร้านเมื่อกี้ก็ซื้อมาเลยล่ะ” ที่เธอรีรออยู่ในร้านค้าเมื่อกี้ก็เพราะซื้อคาดผมนี่เองหรอกเหรอ “ทีแรกว่าจะซื้อกระต่าย แต่รู้สึกไม่เหมาะกับคุณชูสุเกะเลย หมาป่าเท่กว่าเยอะ”
ผมจ้องคาดผมในมือตัวเอง เป็นครั้งแรกที่ได้รับอะไรตอบกลับมาเช่นนี้
แล้วผมก็ยื่นคาดผมหมาป่านั่นคืนกลับให้เธอไป
“ไม่ชอบเหรอ” เรย์กะช้อนตามอง ทำเสียงกล้าๆกลัวๆ เป็นท่าทางที่เธอมักจะทำเสมอเวลารู้ว่าตัวเองมีความผิด “ขอโทษนะ คุณชูสุเกะ”
“ใส่ให้หน่อยสิ” เธอเลิกคิ้วขึ้นเมื่อผมเอียงหัวไปให้ “ตอนอยู่ในร้านผมยังใส่ให้เรย์กะเลยนี่นา”
“แน้ คุณชูสุเกะนี่ล่ะก็…”
เรย์กะทำปากยื่นแบบเด็กที่ถูกขัดใจ แต่ก็ยันตัวขึ้นมาจากที่นั่ง ก้มตัวอยู่เหนือร่างผม เอาคาดผมหูหมาป่าครอบให้ ท่าทางตั้งอกตั้งใจมาก
ผมมองใบหน้าเธอที่อยู่ใกล้มาก มากจนแทบจะนับขนตาได้ ริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปกลอสสีชมพูอ่อนดูเชิญชวนให้ลองสัมผัส แทบไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่าคาดผมบนหัวถูกใส่เสร็จเรียบร้อยแล้ว
เธอเองก็จ้องตาผมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ
ผมนั่งนิ่งไปอย่างคาดไม่ถึงกับปฏิกริยาเช่นนี้
นิ่งค้างไปอยู่ครู่หนึ่ง เรย์กะก็ลืมตา แล้วถอยกลับไปนั่งที่ มองออกไปนอกหน้าต่าง ทำเหมือนเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมมองตามด้วยความรู้สึกสับสน
เมื่อกี้นี้หมายความว่ายังไงกันนะ
“นึกว่าคุณชูสุเกะอยากจูบซะอีก” เรย์กะพูดโดยไม่หันมามองหน้าผม ใบหูที่โผล่พ้นเส้นผมเป็นสีแดงระเรื่อ
“เรย์กะ” ผมใจเต้นแรงขึ้นมากับคำพูดนั้น
“ไม่มีอะไรหรอก ช่างมั…”
คำพูดเหล่านั้นหายไปในลำคอเมื่อผมประคองใบหน้าของเธอขึ้น แนบริมฝีปากตัวเองเข้ากับปากของเธอ
เหมือนโลกหยุดเคลื่อนไหวในเวลานี้
หูผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ประสาทสัมผัสทุกส่วนหยุดนิ่ง มีเพียงสัมผัสที่อ่อนหวานนุ่มนวลเหมือนขนนกลากไล้ริมฝีปาก ผีเสื้อนับร้อยนับพันกระพือปีกอยู่ในท้อง
มือที่กำแขนเสื้อผมอยู่สั่นน้อยๆ ผมสอดประสานนิ้วเธอเข้ากับมือตัวเอง บอกให้รู้ว่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน
รู้สึกถึงความเปียกชื้นบนแก้ม ถอยออกมาก็เห็นว่าดวงตาคู่นั้นมีน้ำตานอง
ร้องไห้งั้นเหรอ ทำไมล่ะ
ความรู้สึกที่เหมือนผีเสื้อบินอยู่ในท้องได้หายไป มีแต่ความกระอักกระอ่วนเข้ามาแทนที่ ตามมาด้วยความเสียใจจนรู้สึกเจ็บหนึบ ตัวชาไปหมด
เธอรังเกียจผม จนร้องไห้
ความจริงที่คิดขึ้นมาได้ต่อจากนั้นคือ เธอยังรักมาซายะอยู่
“ขะ ขอโทษค่ะ” เรย์กะใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ไหลออกมา
“ไม่ต้องขอโทษหรอก” ผมถอยกลับไปนั่งที่ตัวเอง “ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ”
เรย์กะร้องไห้อยู่อย่างนั้น ผมก็ได้แต่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ นั่งมองเธอร้องไห้ไปเงียบๆโดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ชิงช้าค่อยๆเลื่อนลงมาข้างล่าง ทิวทัศน์งดงามเมื่อมองจากที่สูงก็หายไปเหมือนคนที่ตื่นจากฝัน
ได้เวลาเผชิญหน้ากับความเป็นจริงสักที
------------------------
กูจะเจาะรูเรือตัวเองทำไมมมมมมมมมมมมมมม