นายปลอดภัย แต่ฉันไม่ปลอดภัยด้วยหรอกนะ ออร่าจอมมารในความทรงจำมันกำลังกัดกินหัวใจฉันให้มืดมนอยู่
ฉันนึกถึงเอ็นโจในโลกก่อน ถ้าเป็นเขาจะพูดอะไรแบบนี้กับฉันหรือเปล่านะ
“ว่าแต่ทำไมท่านเอ็นโจถึงคุยดีๆกับฉันหรอคะ”
ไหนๆก็ไหนหมอนี่ก็คงนั่งอยู่สักพัก ฉันเลยถือโอกาสถามตอนที่เอ็นโจท่าทางอารมณ์ดี ปกตินายไม่ได้จะยืนยันปฏิเสธฉันชัดเจนจากการที่ฉันรังแกทำร้ายผู้คนไปทั่วงั้นหรอ แถมฉันยังทำให้เขาทะเลาะกับเพื่อนสนิทเป็นพักๆด้วย ถ้าเป็นฉัน ฉันคงไม่ชอบเท่าไหร่หรอกค่ะ หรือว่าจอมมารวางแผนล้างแค้นด้วยรอยยิ้มอยู่นะคะ...
เอ็นโจทำสีหน้าแปลกๆใส่ฉัน
“คุณชอบเวลาที่ผมทะเลาะด้วยงั้นหรอ คุณเป็นสายนั้นนี่เอง...”
สายบ้าอะไรคะ! เริ่มดูดซับนิสัยคิดอะไรหลุดโลกไปเองของคาบุรากิมาหรอคะ...
“เปล่าค่ะ แค่นึกถึงตอนเจอกันครั้งแรกที่ฉันเสียความทรงจำน่ะค่ะ เลยอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมคุณถึงพูดกับฉันเปลี่ยนไป”
“อ้อ ตอนนั้นคุณยืนสั่นพูดไม่ออกอย่างกับกระต่ายน้อยเลยนี่นะ”
นายนี่มันจอมมารชัดๆ จะขุดเรื่องน่าอายพรรค์นั้นออกมาทำไมมมมม ฉันกำลังพยายามลบออกจากความทรงจำอยู่ นี่นายให้ลาเต้นั่นกับฉันเพราะต้องการบอกว่าฉันเป็นแค่กระต่ายน้อยที่สู้เขาไม่ได้งั้นหรอคะ
ฉันสาปแช่งหมอนั่นในใจไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเอ็นโจเริ่มพูดขึ้นมา
“ผมเกลียดคนแบบคุณมากๆ รังแกคนอื่นเพียงเพราะอิจฉา ทำตัวสูงส่งกว่าคนอื่นทั้งๆที่ไม่มีอะไรให้ภูมิใจเลยสักอย่าง เป็นคนที่หากตกต่ำ ก็ไม่มีทางจะมีคนยื่นมือมาช่วยเหลือ” เอ็นโจพูดเรื่องโหดร้ายออกมาหน้าตาเฉย “แต่ว่าพอคุณเสียความทรงจำ นิสัยก็เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ผมเลยไม่มีความจำเป็นต้องเป็นศัตรูกับคุณนี่ครับ”
ถึงจะเป็นจอมมารก็มีเหตุมีผลเกินคาดนะคะ ค่อยสมกับเป็นตัวรองแสนดีในนิยาย KimiDolce หน่อยนะคะ
“แต่ว่าถ้าคุณกลับมาเป็นเหมือนเดิมเมื่อไหร่ ผมก็ไม่ปล่อยไว้หรอกนะครับ”
เอ็นโจตอบยิ้มๆให้ฉัน ท่าทางดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ แต่ถ้าฉันไม่ทำให้เขามีปัญหากับคาบุรากิก็น่าจะดีแล้วนะคะ
เอ็นโจอยู่กับฉันจนกระทั่งถึงเวลาเปลี่ยนคนเฝ้าเทียน
ฉันเดินๆไปอย่างไร้จุดหมาย แวะไปที่ห้องชมรมเย็บปัก ฉันรู้จักทุกคนในนั้น แต่กลับไม่มีใครที่เป็นเพื่อนกับฉันอย่างในโลกก่อน...
ตอนนี้คาบุรากิกับวาคาบะจังคงอยู่ด้วยกันที่ไหนสักแห่ง ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข ในโลกนี้ทั้งคู่อาจจะได้รักกันจริงๆก็ได้ค่ะ ก็น่ายินดีด้วยล่ะนะคะ...
ว่าแต่แม้แต่ในโลกนี้ ฉันยังไร้คู่งั้นหรอคะ น่าหดหู่ชะมัดเลยค่ะ แต่เรย์กะก็เล่นประกาศตัวชัดเจนขนาดนั้นนี่นาว่าชอบคาบุรากิ ใครจะไปกล้ามาสารภาพรัก
ตอนนี้เรื่องรักต้องเป็นเรื่องรองค่ะ ฉันต้องช่วยตระกูลคิโชวอินให้ได้ก่อน และก็ตั้งใจเรียนด้วยค่ะ จบจากงานเทศกาลไปฉันคงต้องตั้งใจอย่างเต็มที่แล้ว ก็นะ ครั้งที่แล้วได้ตั้งที่ 5 นี่นา ไม่อยากให้อันดับตกลงไปเยอะหรอกนะคะ
ขณะที่ฉันกำลังเดินเหม่อลอยไปเรื่อยๆก็เจอกับคาบุรากิที่อยู่อีกฝั่งของทางเดิน พร้อมผู้หญิงเกาะแกะจำนวนหนึ่ง หมอนั่นหงุดหงิดไล่ผู้หญิงออกไป ก่อนจะเห็นฉันยืนงงๆอยู่ ก็เดินมาหา
“ทาคามิจิเจ็บจนเขียนหนังสือมือขวาไม่ค่อยได้แล้ว... ท่าทางจะเจ็บหนักน่าดูเลย”
คาบุรากิพูดเศร้าๆก่อนจะมีแววตามุ่งร้ายขึ้นมา งึมงำประมาณว่า “ฉันจะให้คนที่ทำร้ายทาคามิจิเสียใจกับการกระทำตัวเองไปตลอดชีวิต”
ฉันพยายามทำเป็นไม่ได้ยินประโยคอาฆาตแค้นด้านหลัง หัดพูดอะไรให้ระวังหน่อยสิคะ เดี๋ยวตำรวจสาวตัวมาถึง
แต่ว่านะ วาคาบะจังเป็นนักเรียนทุนนี่นา ถ้าใช้มือข้างที่ถนัดไม่ได้ต้องแย่แน่ๆ... ฐานะของวาคาบะจังตอนนี้ก็ค่อนข้างน่ากลัวนะคะ ผู้หญิงบางคนก็ไม่พอใจต่างแกล้งและรังแกสารพัด ผู้ชายบางคนก็อิจฉาที่คะแนนวาคาบะจังสูงกว่า
แล้วเรื่องทำขนมที่บ้านล่ะคะ ไหนจะงานพิเศษ เจ็บมือแบบนั้นจะเป็นอะไรไหมนะคะ...
ฉันรู้สึกกังวลแทนวาคาบะจังมากๆเลยค่ะ แต่นึกไม่ออกว่าควรทำยังไงดี
“ฉันจะเรียกหมอฝีมือดีที่สุดมาเชื่อมกระดูกและกล้ามเนื้ออะไรให้สมบูรณ์แบบซะหน่อย แต่ทาคามิจิก็ปฏิเสธ...”
ก็น่าปฏิเสธล่ะค่ะ! ! ! ถ้าฉันเป็นวาคาบะจังคงตื่นตกใจน่าดู ใครจะไปกล้าขอรับความช่วยเหลือระดับนั้นกันคะ
เราคุยกันอีกสักพัก คาบุรากิก็ถามขึ้นมาว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่ฉันส่งเมลล์ไปหา ฉันรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ต้องอธิบายว่าตอนนั้นสติแตกแค่ไหนกับข่าวลือบ้าๆ ตกใจกับลาเต้ที่ซ้ำรอยโลกก่อน
“กระต่ายงั้นหรอ” คาบุรากิพูดอย่างครุ่นคิด “น่ากลัวนะ... หรือว่าจริงๆแล้วชูสุเกะรู้แล้วว่าเราทะลุมิติกันมา”
“หะ?!”
คาบุรากิเชื่อมโยงซะขนาดนั้นได้ยังไง!?!
“ก็จากเรื่อง Alice in wonderland อลิซก็เดินตามกระต่ายจนทะลุมาอีกโลกหนึ่งใช่ไหมล่ะ บางทีอาจจะเป็นแบบนั้นแน่ๆ! ”
เป็นอีกครั้งที่ฉันพูดอะไรไม่ออกเลย...