ผมถลึงตามองคนที่นอนพิงผนัง นึกอยากเขย่าๆหัวเธอให้หลุดไปเลย แต่ที่ทำก็เพียงแค่ล้างเนื้อล้างตัวให้ ไม่ถึงขั้นอาบน้ำเพราะมันล้ำเส้นเกินไปหน่อย เปลี่ยนชุดเดรสเลอะๆนั่นออก โยนมันไปใส่ตะกร้าเตรียมส่งซักรวมกับเสื้อผ้าของผม
คนอย่างเอ็นโจ ชูสุเกะ เกิดมาเพิ่งจะเคยบริการใครได้ถึงขนาดนี้
ผมทิ้งเธอไว้ในห้องน้ำ เผื่อเธออยากอาเจียนอีกรอบ เอาผ้าห่มให้จะได้ไม่เป็นหวัดแล้วไปอาบน้ำพักผ่อนบ้าง นึกหงุดหงิดที่ตัวเองทำอะไรไม่เข้าท่าได้ขนาดนี้ เป็นคนอื่นผมคงปล่อยทิ้งไว้ตั้งแต่อยู่ที่สวนสาธารณะแล้ว
นั่นสิ ทำไมผมไม่ปล่อยเธอไว้ตรงนั้นนะ
คงเพราะผมจะถูกสอนให้เป็นสุภาพบุรุษมากเกินไป พอเห็นผู้หญิงที่กำลังลำบากก็อดยื่นมือเข้าช่วยไม่ได้
หรือเพราะสำนึกผิดที่มีส่วนทำให้เธอตกอยู่ในสภาพนี้ เลยอยากไถ่โทษกันแน่
ได้แต่บอกตัวเองให้เลิกคิดเรื่องนี้แล้วข่มตาให้นอนหลับ แต่เป็นไปได้ยากยิ่ง ผมพลิกตัวกระสับกระส่ายไปมาบนเตียง รู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว
ผมจัดการสะสางปัญหาต่อทั้งที่ง่วงแสนง่วง โทรเรียกร้านซักรีดให้มาเอาชุดไปซัก สั่งอาหารจากร้านแถวๆนี้ให้เอามาส่ง แล้วก็ไปเรียนทั้งๆที่ง่วงแบบนั้น
คุณคิโชวอินกลับหลับสบายไม่มีท่าทีรับรู้ความเหนื่อยยากของผมเลย ผู้หญิงคนนี้ใจดำอำมหิตจริงๆ
เลิกเรียน ผมโทรบอกที่บ้านว่าจะค้างที่แมนชั่นเหมือนเดิมก็ไม่มีใครเซ้าซี้อะไร ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา ทางบ้านก็ให้อิสระมากขึ้น อาจเป็นเพราะผมโตขึ้น และทุกคนก็เชื่อมั่นในตัวผมว่าไม่มีทางไปทำอะไรนอกลู่นอกรอยให้เสื่อมเสียมาถึงตระกูลเอ็นโจอย่างแน่นอน
แต่ถ้ามีใครรู้ว่าผมให้การช่วยเหลือศัตรูอย่างคิโชวอิน เรย์กะ จะคิดยังไงกันบ้างนะ
พอผมกลับมาถึง คุณคิโชวอินก็ดูหงุดหงิดได้ที่ ท่าทีหยิ่งทระนงก็กลับมาอีกครั้ง แต่หยิ่งทั้งที่ท้องหิวแบบนั้นมันตลกมากนะ แถมวางท่าใหญ่โตในชุดหลวมโพรก พับขากางเกงขึ้นหลายทบแบบนั้นไม่ได้ทำให้น่าเกรงขามอะไรเลย
ผมเลยชวนเธอมาทานมื้อเย็น เธอก็ยอมมานั่งแต่โดยดี
มื้ออาหารมีแต่ความเงียบเพราะไม่รู้จะคุยอะไรกันดี เราสองคนไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้น ถึงจะเห็นกันมาสิบกว่าปีก็เถอะ
พอคิดว่าจะเริ่มต้นพูดกันดีๆได้สักครั้ง ผมก็ทำมันพังอีกแล้ว
คุณคิโชวอินเอาแต่พูดถึงมาซายะ คิดฝันเฟื่องลมๆแล้งๆว่าจะแก้แค้น ผมก็นึกโกรธขึ้นมา ปล่อยให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผลอีกครั้ง
ผมเลยพูดถึงคุณวาคาบะที่รักกันหวานชื่นกับมาซายะ มองลงไปในแววตาเธอ ไอ้โง่ที่ไหนก็รู้ว่าเธอยังรักเขาอยู่
เธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าความรักของเธอ มาซายะไม่เคยเห็นค่าเลยสักนิด มันเป็นเรื่องไร้สาระ ยิ่งเรียกร้อง ยิ่งดึงดัน เขาก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายน่ารำคาญ โดนทำเข้าไปขนาดนั้นก็ยังไม่เลิกอีก
ผู้หญิงโง่
เธอกลับไปแล้ว ผมไม่แม้แต่จะเดินไปส่งตามมารยาท จากนี้จะไปไหนก็ไป จะเป็นยังไงก็ช่าง
ไม่นึกว่าจะได้มาพบกันที่นี่จนได้ ร้านเกอิชาชั้นสูงก็มีมากมายหลายร้านก็ยังอุตส่าห์ได้เจอกัน เขาว่าโลกกลมท่าทางจะจริง
หรือเพราะเธอมักจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุด หรูหราที่สุดให้ตัวเอง จึงต้องเป็นที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น
ตอนนี้คุณคิโชวอินก็กำลังพูดคุยภาษาอังกฤษกับลูกค้าชาวต่างชาติคนนั้น ถึงจะกระท่อนกระแท่นไปบ้าง แต่ก็ท่าทางติดลมทีเดียว
รู้สึกว่าเธอจะมีผลการเรียนที่ค่อนข้างย่ำแย่ แต่ทักษะการเข้าสังคมและศิลปะวัฒนธรรมยังไงเธอก็ได้รับการฝึกมา รวมไปถึงการพูดภาษาต่างชาติด้วย
ตอนนี้ เธอวางตัวเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาที่ฝันใฝ่ถึงบัลเล่ต์ทะเลสาบหงส์ขาวได้อย่างน่าทึ่ง หลอกผู้ชายคนนั้นจนเคลิ้มไปเลย
อย่าหลงเชื่อเชียวนะ ผู้หญิงคนนี้น่ะอสรพิษดีๆนี่เอง
เมื่อคุณคิโชวอินถูกขอให้ร้องเพลง เธอก็ร้อง คราวนี้เสียงเธอกังวานใสกว่าที่เคยได้ฟังเมื่อครั้งก่อน
ผมนั่งจิบชา มองดูเธอร้องเพลงรัก
ทั้งห้องดูจะเงียบไป ราวกับตกอยู่ในภวังค์ด้วยมนต์สะกดแห่งเสียง
.
.
.
งานเลี้ยงรับรองจบลงแล้ว ลูกค้าเองก็พึงพอใจมาก ทำให้อะไรๆลุล่วงไปได้หลายสิ่ง ท่านพ่อเรียกผมไปชมเชยว่าจัดการหน้าที่ได้ดี สมเป็นลูกชายที่ท่านภาคภูมิใจ ผมรับคำชมนั้นมาแบบถ่อมตัว ตั้งหน้าตั้งตาเรียนรู้งานต่อ แต่ระหว่างนั้นก็อดคิดถึงคุณคิโชวอินขึ้นมาไม่ได้
ผมได้ยินจากเลขาของท่านพ่อว่าเขาออกไปที่ร้านเกอิชานั่นแทบทุกคืน ดูจะติดใจเป็นอย่างมาก
แต่ผมคิดว่าเขาคงหลงเสน่ห์ไมโกะสาวที่ได้พูดคุยกันมากกว่า ถ้าเขาไม่ต้องกลับประเทศก็คงเสนอตัวเป็นผู้อุปถัมภ์ของเธอไปแล้ว
ขนาดเป็นเพียงไมโกะ ก็ยังทำให้ผู้ชายหลงใหลแบบโงหัวไม่ขึ้นขนาดนั้น สมเป็นนางมารร้ายจริงๆ
ผมปัดเรื่องเธอออกไปเพราะช่วงบ่ายต้องเข้าประชุมร่วมกับกรรมการท่านอื่น ผมที่กำลังเรียนรู้งานบริหาร ถ้าหากไม่มีเรียนที่มหาวิทยาลัยก็ต้องตามเข้าไปฟังด้วยทุกครั้ง ชีวิตนั้นยุ่งมากเกินกว่าจะไปใส่ใจผู้หญิงคนหนึ่งที่แทบไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน