ต่อจาก >>487-488 ฟิคคู่หูทะลุมิติ
..............…….....
ฉันเดินทางไปร้านภัตตาคารหรูที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง จากกำหนดการที่คาบุรากิให้มา ดูเหมือนว่าท่านพี่จะมากินข้าวกับลูกค้าที่นี่ล่ะนะคะ
ทั้งที่ทำงาน ที่อยู่ ล้วนห่างจากบริเวณบ้านของฉันทั้งนั้นเลยค่ะ อาจเป็นเพราะไม่อยากเจอคนในตระกูลคิโชวอินโดยบังเอิญก็ได้ ร้านอาหารครั้งนี้ถือว่าเป็นที่ที่ใกล้ที่สุดแล้วล่ะมั้งคะ
ท่านพี่ในโลกนี้ไม่พอใจการบริหารงานของท่านพ่ออย่างมาก และคัดค้านหลายหน แต่ท่านพ่อและท่านแม่ก็ไม่สนใจ ทั้งยังมองท่านพี่ว่าเป็นลูกนอกคอก ปฏิบัติตนอย่างเย็นชาด้วยเสมอ เรย์กะเองที่เชื่อใจและทำตามท่านแม่สุดชีวิต ก็มองท่านพี่เป็นคนทรยศต่อตระกูลที่เกินเยียวยาแล้ว และต่อว่าเสียๆหายๆอยู่หลายครั้ง
วันหนึ่ง ท่านพี่ก็หนีออกจากบ้าน ไปทำงานพิเศษจนเรียนจบ และพยายามหลีกเลี่ยงที่จะข้องเกี่ยวกับตระกูลคิโชวอิน
จะยังไงท่านพี่กับท่านอิมาริก็ดูเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิมนะคะ อย่างตอนหนีออกจากบ้านใหม่ๆ ท่านอิมาริเองก็ให้ความช่วยเหลือ
แต่นะคะ ที่ฉันสงสัยมากที่สุด ทำไมคาบุรากิถึงหาข้อมูลได้ละเอียดขนาดนี้คะเนี้ย... สงสัยว่าความสโตรกเกอร์ตั้งแต่โลกก่อนทำให้มีทักษะติดตัวล่ะมั้งคะ...
ฉันเข้าไปนั่งในร้าน ฉันเคยมาสำรวจก่อนหน้านี้พอสมควรแล้วค่ะ เลยจองที่นั่งที่สามารถมองเห็นท่านพี่ได้ และจองเวลาเร็วกว่าเวลาที่ท่านพี่นัดลูกค้าเล็กน้อย เพื่อที่จะได้ไม่บังเอิญเจอกันตั้งแต่ก่อนเข้าร้าน
ที่นั่งและเวลาที่ท่านพี่จองก็มาจากคาบุรากินั่นแหละค่ะ หมอนั่นหาข้อมูลทุกอย่างละเอียดเอามากๆ แต่กลับไร้ตรรกะในการคิดแบบคนทั่วไปซะได้... บางทีฉันก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่เลยค่ะ
ฉันเข้ามาในร้านและสั่งฟัวกราส์มากิน ครั้งที่แล้วฉันก็อยากลองกินของร้านนี้นะคะ แต่ว่าถ้าสั่งเพิ่มอีกจานคงไม่ไหว แต่ถึงไหว แค่คิดถึงตอนลดน้ำหนักก็เหนื่อยใจแล้ว เลยพยายามตัดใจมากินวันนี้แทนค่ะ
ไม่ช้านัก ท่านพี่ก็มาถึงแล้ว ดูเหมือนท่านพี่เองก็จองก่อนเวลานัดอีกทีนิดหน่อยนะคะ สมกับเป็นท่านพี่ผู้รอบคอบเลยค่ะ ใบหน้าที่อ่อนโยนยังมีให้เห็นชัดเจน ท่าก้าวเดินดูสง่างาม รอยยิ้มที่ประดับก็ดูมีเสน่ห์มากเลยค่ะ ดูดีเหมือนท่านพี่ในโลกก่อนของฉันเลยค่ะ
ฉันแอบสังเกตท่านพี่ด้วยความรู้สึกใจหายเล็กน้อย แม้โลกก่อนฉันจะสนิทกับท่านพี่เอามากๆ จนถูกเรียกไปทั่วว่าเป็นบราค่อน แต่ว่าในโลกนี้ ฉันกับท่านพี่มีความสัมพันธ์ไม่ต่างจากศัตรู
น้ำตาฉันไหลออกมานิดหน่อย อาหารร้านนี้อร่อยมากจริงๆค่ะ... นุ่มลิ้นมากๆ
ฉันมองท่านพี่พูดคุยยิ้มแย้มกับคนอื่น แบบที่โลกนี้ฉันอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มเช่นนั้นกับตัวเอง ไม่รู้ว่าเรย์กะทำร้ายจิตใจท่านพี่ผู้แสนดีไปมากแค่ไหน ความรู้สึกสับสนแทรกเข้ามา ฉันหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ ฉันจะเริ่มพูดอะไรกับท่านพี่ดี มันดูเหมือนเห็นแก่ตัวหรือเปล่าที่อยู่ๆก็ไปขอให้ท่านพี่ช่วย ทั้งๆที่ตลอดชีวิตของเรย์กะไม่เคยทำอะไรให้ท่านพี่ในโลกนี้เลยสักครั้ง...
หลังจากฉันกินของหวานคลายความเครียดเสร็จ ก็สังเกตว่าท่านพี่กินใกล้หมดแล้ว ฉันจึงรีบขอคิดเงิน และเป็นอย่างที่คิด โต๊ะท่านพี่เองก็คิดเงินในเวลาใกล้เคียงกัน ความสามารถของฉันในการประเมินเวลากินของคนอื่นก็ถือว่ามีประโยชน์เหมือนกันนะคะ
เมื่อท่านพี่ไปส่งลูกค้าที่หน้าร้านแล้ว ฉันก็แอบเดินตามไป ท่านพี่ดูเหมือนจะรอใครสักคนอยู่ยังไม่ได้กลับทันที ฉันจึงใช้โอกาสนี้เดินเข้าไปใกล้ๆท่านพี่มากขึ้นทีละนิด
ฉันรวบรวมความกล้าที่จะเอ่ยปากทัก แต่ท่านพี่กลับหันควับกะทันหันมาหาก่อนเลยชะงักจนพูดไม่ออก
“คุณต้องการอะไร ทำไมถึงแอบตามผมมา” ท่านพี่ถามด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ ใบหน้าอ่อนโยนถูกลบทิ้งทั้งหมดราวกับว่ามันไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน น้ำเสียงและคำพูดดูห่างเหิน จนหัวใจของฉันสั่น
“ท่านพี่...”
ฉันเอ่ยออกมาได้เพียงแค่นั้น ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีก ไม่กล้าขอความช่วยเหลือตระกูลคิโชวอิน ไม่กล้าขอคืนดี ไม่กล้าที่จะร้องขออะไรจากเขา
ทำไมมันถึงเจ็บขนาดนี้นะ...
น้ำตาฉันไหลออกมาอย่างหยุดไม่ได้ ทำไมฉันต้องทะลุมิติมาที่นี่ ทำไมต้องอยู่ในมิติที่เป็นศัตรูกับท่านพี่ เป็นศัตรูกับวาคาบะ เป็นคนที่ทำเรื่องชั่วร้ายมากมาย และได้แต่รอวันถูกลงโทษ
ถ้าจะทะลุมิติทั้งที ขอที่ที่ดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง...
“ขะ...ขอโทษค่ะ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง...” ฉันร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่รักษามาดลูกสาวตระกูลคิโชวอินอีกต่อไป ปล่อยโฮกกลางถนนอย่างไม่สนใจใครอีกแล้ว
“งั้นหรอ” ฉันได้ยินเสียงท่านพี่พูดอย่างปราศจากอารมณ์ความรู้สึก ฉันได้แต่เช็ดน้ำตาไม่กล้ามองหน้าท่านพี่ “มาเพื่อจะมาเสแสร้งร้องไห้ให้ดูงั้นหรอ”
ฉันไม่ตอบ หัวใจฉันเหมือนถูกกรีดด้วยมีดเป็นชิ้นๆ ไม่อาจปฏิเสธคำพูดนั้นได้เลย ก็เรย์กะน่ะเคยแกล้งร้องไห้เพื่อให้คนเอาใจหรือทำตามสิ่งที่ปรารถนา...