ฉันไปแอบมองหนุ่มผู้กล้าที่ว่า ถึงความหล่อจะสู้เจ้าสองคนนั้นไม่ได้ แต่ก็เป็นคนเท่และสูง ดูคล้ายๆรุ่นพี่โทโมเอะ แข็งแรงร่าเริงสดใสตรงไปตรงมาตามสไตล์หนุ่มเลือดร้อนชมรมกีฬา ดูท่าจะได้รับความนิยมจากสาวๆพอสมควร
มีคนแบบนี้มาสารภาพรักมันก็น่ายินดีอยู่นะคะ แต่ว่าคนที่อยู่ในร่างของฉันน่ะมันคือเอ็นโจน่ะสิ
เกิดหมอนั่นเอาร่างฉันไปตอบรับมั่วซั่วขึ้นมาจะทำยังไงดีล่ะ นายยิ่งเป็นหญิงได้แนบเนียนอยู่ ไม่ใช่ว่าติดใจการเป็นผู้หญิงแล้วคิดจะใช้โอกาสนี้หาแฟนผู้ชายซักคนมาคบดูหรอกนะ
ม่ายยยย นายจะไปคบกับใครก็ไป แต่ต้องไม่ใช่ร่างของฉันเป็นอันขาด
คิดจะหาจังหวะไปพูดกับเอ็นโจเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีโอกาสสักที พวกนักเรียนหญิงเกาะติดฉันแน่นหนึบยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ปลีกตัวไปเดี่ยวๆยากมาก และฉันก็เห็นว่ามีสายตามองไปที่เอ็นโจในร่างฉันแบบไม่เป็นมิตรด้วย
ให้มันน้อยๆหน่อยพวกเธอ นั่นมันร่างของฉันนะ
ฉันหนีไปที่ห้องสโมสรอันเป็นสถานที่เดียวที่ฉันจะสามารถอยู่ได้อย่างสงบสุขในโรงเรียนแห่งนี้แล้ว ข้างนอกวุ่นวายชะมัด อยากกลับร่างเดิมจังเลย
เรื่องที่ฉันถูกสารภาพรักก็เป็นประเด็นร้อนในสโมสรด้วยเช่นกัน ฉันจิบชา เงี่ยหูฟังว่าใครจะนินทาฉันบ้าง แล้วก็ได้ข้อมูลเพิ่มมามากมายเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น ประวัติดีเลิศเลอเสียจนถ้าเข้าเรียนตั้งแต่ประถมล่ะก็ คงได้เป็นหนึ่งใน Piovine เป็นแน่แท้
อุ๊ยตาย ขนาดนั้นเลยเหรอคะ
พอได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็เลยค่อนข้างจะปล่อยผ่าน ทำเป็นมองไม่เห็นว่ามีนักเรียนธรรมดาที่อาจหาญปีนขึ้นมาเด็ดดอกฟ้า แต่ระหว่างพูดก็มองฉันและคาบุรากิที่ตกเป็นข่าวรักๆใคร่ๆกับเรย์กะไปด้วย ทำเหมือนเกรงใจกันมาก
แหม จะนินทาก็นินทามาเลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจกันหรอก
คิโชวอิน เรย์กะที่เป็นประเด็นอยู่ก็ไม่เข้ามาที่สโมสร ฉันเองก็ถูกลากไปดูการฝึกซ้อมม้าของคาบุรากิบ้าง ซ้อมปาบอลบ้าง มีเรียนพิเศษบ้าง ยุ่งทุกวันแทบไม่ได้พบหน้าเอ็นโจ เวลาล่วงเลยมาก็จะถึงงานกีฬาสีแล้ว
ตอนนี้ข่าวลือเริ่มลุกลามเมื่อเจ้าหนุ่มใจกล้านั่นสัญญาว่าจะคว้าชัยชนะในการแข่งขี่ม้าส่งเมืองมาให้จงได้ และจะรอฟังคำตอบในตอนนั้นเลย ฉันยิ่งเครียดหนักขึ้นไปอีก นานขนาดนี้แล้วยังไม่ปฏิเสธ อย่าคิดจะทำบ้าๆในร่างฉันเป็นอันขาดนะ
วันก่อนที่จะถึงวันงานกีฬา ฉันเดินสวนกับเอ็นโจที่ระเบียงทางเดินพอดี แม้จะมีนักเรียนหญิงมากมายรายล้อมอยู่ แต่ฉันไม่สนใจแล้ว
“คุณคิโชวอิน”
เอ็นโจเดินไปไม่หันมามองฉัน เสียงจอแจขนาดนี้ หรือจะไม่ได้ยินกันนะ ลองเรียกอีกทีก็ได้
“คุณคิโชวอิน”
ร่างนั้นก็ยังเดินดุ่มๆไม่เหลียวหลังกลับมา เอ๊ะ!! มันอะไรกันคะเนี่ย โมโหแล้วน้าา
ฉันเดินฝ่าวงล้อมสาวๆพวกนี้ออกไป คว้าแขนเอาไว้ ไม่ได้ทำอะไรรุนแรงมากเพราะยังไงก็ร่างของฉัน
เอ็นโจเหลียวกลับมา เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แล้วก็ยิ้มให้ แต่ดูเป็นรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อนชอบกล
“มีอะไรรึคะ”
“ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิครับ”
ฉันไม่รอให้ใครพูดอะไรขัดขึ้นมา ลากแขนร่างฉันเองเดินลิ่วๆไปยังมุมสงบๆในโรงเรียน ข้างหลังคงจะมีเสียงกรีดร้องหรือเสียงซุบซิบอะไรแต่ฉันไม่สนใจทั้งนั้น
“ท่านเอ็นโจคะ เรื่องสารภาพรักนั่น มันเป็นมายังไงกันแน่” หามุมสงบๆได้ฉันก็เปิดประเด็นทันทีไม่มีอ้อมค้อม “แล้วคุณทำบ้าอะไรของคุณคะเนี่ย หลบหน้าฉันทำไมกันน่ะ หา”
เอ็นโจยิ้มน้อยๆ “สนใจเรื่องนี้ด้วยเหรอครับ”
“ก็ต้องสนอยู่แล้วสิคะ นี่มันร่างของฉันนะ”
“เป็นห่วงว่าผมจะเอาร่างคุณไปใช้มั่วซั่วแบบนั้นสินะครับ”
“ก็ประมาณนั้นนั่นล่ะค่ะ”
“งั้นเหรอครับ” เอ็นโจแค่นยิ้มใส่ฉัน
อะไรกันคะ เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงดูเย็นชาขึ้นมาได้ล่ะ
“เอ ว่าไปผมก็ชักติดใจที่จะอยู่ในร่างนี้ซะแล้วสิ ถ้าได้คบกับผู้ชายซักคนก็คงถือเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดี ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เลวนะครับ”
“ท่านเอ็นโจ” ฉันถลึงตามอง เอ็นโจนี่ยังไงกันนะ เอาแต่ตีรวนฉันอยู่ได้ “ล้อเล่นแบบนี้ไม่ตลกนะคะ”
“แล้วใครว่าผมล้อเล่นล่ะครับ” เอ็นโจแค่นยิ้ม “ผู้ชายคนนั้นก็ดูคล้ายๆกับประธานนักเรียนโทโมเอะด้วยนี่นา ถ้าเป็นคุณคิโชวอินคงจะตอบตกลงไปแล้ว แค่เขาอายุน้อยกว่าก็คงจะไม่มีปัญหา อย่างคนชื่ออุเมะวากะอะไรนั่นก็ด้วย คุณคิโชวอินก็ยัง….”
ทนไม่ไหวแล้วน้า!!!
ความโกรธที่กักเก็บไว้มาเป็นสัปดาห์เหมือนจะระเบิดออก ฉันยันร่างของตัวเองไปติดผนัง ก้มตัวลงไปใกล้ๆ ใช้มือหนึ่งยันกำแพงไว้เป็นหลัก อีกมือก็บีบคางนั้นเพื่อให้หยุดพูดสักที
“หยุดพูดเหลวไหลได้แล้วค่ะ”